ความต้องการของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อในต่างประเทศในระดับมัธยมศึกษามีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี นอกจากเหตุผลในเรื่องของการเตรียมพร้อมด้านภาษาอังกฤษแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆที่เข้ามาเป็นเหตุผลในการตัดสินใจของผู้ปกครอง อาทิ ความไม่เห็นด้วยกับระบบการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของประเทศไทย, ความไม่มั่นใจในระบบโรงเรียนของประเทศไทยที่จะสามารถสร้างบุคลิกภาพของบุตรหลานตนให้มีความพร้อมในทุกด้าน อาทิ ความรอบรู้เรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ทัศนวิสัย ความคิดเห็นเห็น ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นผู้นำ ตลอดจนการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
ก่อนการตัดสินใจเลือกประเทศที่จะส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อ ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจกับระบบการศึกษาในประเทศนั้นๆ วิธีการสอน วิธีการสอบคัดเลือกเข้าสถาบันอุดมศึกษาหลังจากเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งนั้น ค่าใช้จ่ายในการศึกษารวมทั้งค่ากินอยู่ ระยะเวลาในการไปศึกษาต่อ ความคาดหวังที่ผู้ปกครองต้องการได้รับหลังจากบุตรหลานจบการศึกษา
การศึกษาในต่างประเทศเป็นการลงทุนระยะยาวประเภทหนึ่ง ในสังคมไทยกระแสการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบการศึกษาไทยออกมาในด้านลบมากกว่าบวก แต่มิได้หมายความว่า การศึกษาไทยไม่ได้สาระไปเสียทั้งหมด ผู้มีส่วนในการกำหนดนโยบายการจัดการศึกษาในแต่ละประเทศ ต่างก็พยายามจัดระบบการศึกษาให้รองรับกับพื้นฐานด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและสังคมของประเทศนั้นๆในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์หนึ่งในสังคมที่มีผลกระทบต่อระบบการศึกษาในหลายๆประเทศเป็นอย่างมากคือ การแข่งขันและการเปรียบเทียบ อาทิ การแข่งขันในระบบการคัดเลือกเข้าสถาบันอุดมศึกษา การแข่งขันในหมู่ผู้ปกครองกันเอง การแข่งขันในเรื่องการคัดเลือกเข้าทำงานในสถาบันชั้นนำ การแข่งขันในเรื่องระบบเงินเดือน การแข่งขันเพื่อให้ได้รับการพิจารณาความดีความชอบในการทำงาน และอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่มีหลักการที่แน่นอนที่จะกำหนดได้ว่า ควรเริ่มส่งบุตรหลานไปศึกษาในต่างประเทศเมื่อไรถึงจะดีที่สุด ผู้ปกครองควรศึกษาเรื่องค่าใช้จ่ายและความสามารถในการบรรลุเป้าหมาย เพื่อประกอบการคิดคำนวณว่า ควรจะเริ่มส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อในต่างประเทศในระดับชั้นเรียนใดดี
แผนผังด้านล่างแสดง ตารางการเปรียบเทียบชั้นเรียนในประเทศต่างๆ ที่ผู้ปกครองนิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อในต่างประเทศพร้อมกับหลักสูตร International Baccalaureate หรือ IB ที่หลายโรงเรียนในหลายประเทศนำเข้าไปใช้ในเป็นตัวเลือกในการสอนในโรงเรียนตนนอกเหนือไปจากการสอนเพื่อสอบให้จบตามช่วงสุดท้ายของชั้นเรียนในระบบการศึกษาของประเทศนั้นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น การเตรียมสอบในขั้นตอนสุดท้ายก็เพื่อที่จะใช้คะแนนดังกล่าวในการสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาอีกทีหนึ่ง
อายุ(ปี)
|
USA |
UK |
Canada |
IB |
Australia |
New Zealand
|
5 |
Kindergarten |
Year1 |
Kindergarten |
|
Kindergarten |
Level1(Primary1) |
6 |
Grade1 |
Year1 |
Grade1 |
PYP |
Year1 |
Level1(primary2) |
7 |
Grade2 |
Year2 |
Grade2 |
PYP |
Year1 |
Level2(Standard1) |
8 |
Grade3 |
Year3 |
Grade3 |
PYP |
Year2 |
Level2(Standard2) |
9 |
Grade4 |
Year4 |
Grade4 |
PYP |
Year3 |
Level2-3(Standard3) |
10 |
Grade5 |
Year5 |
Grade5 |
PYP |
Year4 |
Level3(Standard4) |
11 |
Grade6 |
Year6 |
Grade6 |
MYP |
Year5 |
Level3-4(standard5/F.1) |
12 |
Grade7 |
Year7 |
Grade7 |
MYP |
Year6 |
Level4(Ftandard6/F.2) |
13 |
Grade8 |
Year8 |
Grade8 |
MYP |
Year7 |
Level4(Form3) |
14 |
Grade9 |
Year9(Pre-GCSE) |
Grade9 |
MYP |
Year8 |
Level5(Form4) |
15 |
Grade10 |
Year10(GCSE) |
Grade10 |
MYP |
Year9 |
Level5-6(Form5/NCEA1) |
16 |
Grade11 |
Year11(GCSE) |
Grade11 |
DP |
Year10 |
Level6-7(Form6/NCEA2) |
17 |
Grade12 |
Year12(Lower sixth form) |
Grade12 |
DP |
Year11 |
Level7-8(Form7/NCES3) |
18 |
PG |
Year13(Upper sixth Form) |
Grade12+(Ontario) |
|
Year12 |
|
หากเปรียบเทียบอายุเริ่มเข้าเรียนในระบบโรงเรียนของแต่ละประเทศจะไม่แตกต่างจากโรงเรียนในประเทศไทยมากนัก บางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร และประเทศนิวซีแลนด์อาจจะเริ่มชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อเด็กอายุ 5 ปีหรือ 6 ปีก็ได้ ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจากประเทศไทยที่มีความมั่นคงทางการเงินในระดับดีจะเริ่มให้เด็กไปเข้าเรียนในต่างประเทศหลังจากบุตรหลานจบชั้นประถมศึกษาในประเทศไทยแล้ว ค่าใช้จ่ายโรงเรียนมัธยมศึกษาที่เป็นโรงเรียนประจำในสหราชอาณาจักร และประเทศสหรัฐอเมริกาจะอยู่ในราวประมาณ 1,500,000 บาทต่อปี
อนึ่ง ข้อสังเกตในการเลือกไปเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา กฎหมายของประเทสสหรัฐอเมริกากำหนดให้นักเรียนต่างชาติมีสิทธิ์เข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐบาลได้เพียง 1 ปีเท่านั้น ซึ่งผู้ปกครองไทยมักจะส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษากับโครงการแลกเปลี่ยนต่างๆ อาทิ AFS, Rotary เป็นต้น หากพิจารณาจากเงื่อนไขที่รัฐบาลสหรัฐกำหนดไว้ คือ หลังจากจบโครงการแลกเปลี่ยน ถ้านักเรียนต้องการเข้าเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมศึกษาในสหรัฐอเมริกา นักเรียนจำเป็นต้องย้ายที่เรียนจากโรงเรียนรัฐบาล(Public School) ไปเรียนในโรงเรียนเอกชน (Private School) และเปลี่ยนสถานภาพจากวีซ่า J-1 เป็นวีซ่า F-1 โดยกลับมาขอวีซ่าใหม่ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพมหานคร ผู้ปกครองสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกา http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1269.html
หากผู้ปกครองสนใจจะค้นหาข้อมูลเพิ่อศึกษาเรื่องโรงเรียนมัธยมศึกษาในประเทศต่างๆในเชิงลึก หรือ ด้วยตนเอง นอกเหนือไปจากการใช้บริการจากเอเจนซี่ทางการศึกษาในประเทศไทย ขอแนะนำเว็บไซต์ที่มีประโยชน์ดังนี้คือ
1. USA : http://boardingschools.com/
2. UK: http://www.ukboardingschools.com/
3. Canada: http://www.studycanada.ca/english/school_find.php
4. Australia: http://acaca.bos.nsw.edu.au/go/changing-schools/new-south-wales/standards-and-benchmarking/เว็บไซต์แรกนี้จะทำให้ผู้ปกครองทีสนใจทราบข้อมูลเชิงลึกได้ทราบว่า ภายในรัฐต่างๆของประเทศออสเตรเลียเองนั้น ตัวโรงเรียนมัธยมศึกษายังจะมีความเหลื่อมล้ำในเรื่องการจัดลำดับชั้นเรียนและการจบการศึกษาด้วย ส่วนเว็บไซต์ถัดไปจะใช้ในการค้นหาข้อมูลโรงเรียนประจำในรัฐต่างๆ http://www.boardingschools.com.au/ เว็บไซต์ที่จะรวบรวมรายชื่อโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชนในประเทศออสเตรเลียที่มีรายละเอียดค่อนข้างมากคือเว็บไซต์ของวิกิลีกส์ http://en.wikipedia.org/wiki/Lists_of_schools_in_Australia
5. New Zealand: http://www.minedu.govt.nz/Parents/AllAges/SchoolSearch.aspx
6. โรงเรียนที่มีหลักสูตร IB เปิดสอน: http://www.ibo.org/school/search/ เช่นในหน้าที่ 90 จะพบรายชื่อโรงเรียนมัธยมศึกษาในประเทศไทยที่มีหลักสูตร IB เปิดสอน
Copyright © 2010-2012 GoVisa All rights reserved.