Monthly Archives: March 2010

ทุนเรียนต่อปริญญาโทหรือปริญญาเอกด้าน Computer Science ที่ U.of Alabama at Huntsville


นักเรียนเก่า UA/Huntsville สนใจมอบทุนการศึกษาปริญญาโทหรือปริญญาเอกด้าน Computer Science ให้นักศึกษาไทย  วันปิดรับสมัครทุนคือ วันที่  23 เมษายนนี้ ดูรายละเอียดใหาวิทยาลัยได้ที่ http://www.uah.edu UA/Huntsville เปิดสอนปริญญาโท เมื่อ 1963 และปรืญญาเอกเมื่อปี 1971  เว็บภาควิชา Computer Science คือ http://www.uah.edu/gradschool/admissions.php ทุนการศึกษานี้จะครอบคลุมถึงค่าเรียน เงินเดือน และค่าใข้จ่ายส่วนตีว ผู้มีสิทธิ์ได้ทุนคือ ผู้ที่ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อปริญญาโท หรือปริญญาเอกในภาคการศึกษาสิงหาคม  2010

สอบถามเพิ่มเติมที่ bohrmam@uah.edu sib

อายุเยอะแล้ว จะมีผลทำให้ถูกปฏิเสธวีซ่าไหม


ขอ อนุญาตใช้คำถามอย่างที่น้องๆชอบถามกัน จริงๆแล้วอายุมากไม่ได้เป็นปัญหาที่จะทำให้เราไม่ผ่านวีซ่ากัน ขอเพียงเตรียมเอกสารและเตรียมตัวตอบคำถามให้ดี เพื่อทำให้กงสุลทราบว่าเรามีแผนการจะไปทำอะไรในสหรัฐอเมริกา และใครจะเป็นคนส่งเงินค่าใช้จ่ายไปให้เราใช้  คนส่งเงินมีอาชีพ มีรายได้แน่นอน  เคยมีประสบการณ์ให้คำแนะนำอยู่หลายครั้ง เรื่องผู้ขอวีซ่าอายุใกล้ 30 หรือ บางรายอายุเกิน 30 แต่ยังมีไฟ อยากไปเรียนต่อที่อเมริกา สิ่งแรกเราคงต้องคุยกันเรื่องประวัติการเรียนที่ผ่านมา ถ้าเรียนสำเร็จไม่มีปัญหาแน่นอน ถ้าเรียนไม่สำเร็จ ถือเป็นกรณีศึกษาค่อนข้างเสี่ยงมาก หลังจากเรียนจบมีงานทำหรือไม่  ถ้ามีงานทำไม่มีปัญหา ถ้าตกงานนาน หรือบางคนไม่ได้คิดหางานทำเป็นเวลานาน 1 ปีขึ้นไป สองเหตุหลังต้องมารื้อฟื้นกันว่าจริงๆแล้วเราเคยทำอะไรมาบ้าง บางคนเคยเรียนพิเศษภาษาอังกฤษอยู่ระยะหนึ่ง บางคนทำงานแล้วไม่ชอบ ลาออก แต่ก็เคยทำงานที่เป็นฟรีแลนซ์มาบ้าง เหล่านี้เป็นข้อมูลที่เราจะต้องมานั่งคิดทบทวนและจดไว้ เพราะเราอาจลืมสิ่งที่เราเคยทำในอดีตไปแล้ว ด้วยคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย  ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์มากเวลากงสุลถามถึง ช่วงที่ผ่านมาว่าเราทำอะไรบ้าง เราจะได้เรียบเรียงข้อมูลไว้ตอบคำถาม

ขอเล่าเรื่อง 2 เรื่องที่เคยพบ จริงๆมีมากกว่า 2 เรื่องนะ ถ้าใครอยากรู้อะไรลองเขียนมาถามนะคะ เรื่องแรก น้องกรทำงานกับธนาคารชื่อดัง 1 ใน 3 ของเมืองไทย นาน 6 ปี เจ้าตัวอายุ 32 ปี อยากไปเรียนต่อ MBA ที่อเมริกา แต่ไม่อยากสอบ GMAT ที่เมืองไทย เคยลงเรียน TOEFL แต่ไม่กล้าสอบ แนะนำให้สอบทั้ง 2 อย่างให้เรียบร้อย พูดอยู่นานหลายครั้งเหมือนกัน ชี้ให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายที่แพง และถ้าไม่สำเร็จจะเหมือนไม่ได้วุฒิอะไรกลับมา ในที่สุดยอมไปสอบ น้องกรได้คะแนนดีทั้ง TOEFL และ GMAT น้องกรต้องการสมัครมหาวิทยาลัย ที่ตั้งอยู่ในเมือง Chicago เพราะมีเพื่อนอยู่ น้องกรโชคดีได้ I-20 เข้าเรียน MBA จาก Depaul University เจ้าตัวสุดแสนดีใจ แต่ก็ยังกลัวปัญหาวีซ่าอยู่ ต้องปลอบใจกันว่าอย่ากังวลเลย เพราะ I-20 ที่ได้บอกวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนแล้วว่าจะไปทำอะไร ที่กังวลเพราะอายุ 32 ปี และลาออกจากธนาคารมา 2 ปี เพื่อเตรียมตัวเรียนภาษาอังกฤษ น้องกรไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ รับทำงานฟรีแลนซ์ไปด้วย แนะนำให้ลองไปคุยกับเจ้านายเก่าที่เคยทำฟรีแลนซ์ เจ้านายเข้าใจ ช่วยทำจดหมายรับรองว่า คนๆนี้ทำบัญชีเป็นฟรีแลนซ์ให้ เตรียมเอกสารกันอย่างดี และเตรียมซ้อมตั้งคำถามตอบคำถามกัน ในที่สุดก็ได้วีซ่าไปเรียนจนจบ กลับมาทำงานที่เมืองไทยแล้ว

น้องตุ้ยเป็นอีกคนที่โชคดี เพิ่งไปเรียนต่อปริญญาโทได้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือน ก่อนไปเกิดความกังวลว่าตัวเองอายุเยอะแล้ว เคยไป ท่องเที่ยวที่อเมริกานาน 3 ถึง 4  เดือน แถมขอทำเรื่อง extend visa อยู่ต่ออีก 6 เดือนคิดแล้วก็เกือบ1 ปี ตอนนี้น้องตุ้ยคิดอยากไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน Computer Science จริงๆ  ลงทุนสอบทั้ง TOEFL แล GRE ให้เรียบร้อย เพราะจะได้ช่วยที่บ้านเประหยัดค่าใข้จ่าย น้องตุ้ยติดต่อเองจนมีมหาวิทยาลัยตอบรับ  เผอิญมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในเมืองใหญ่อย่าง Chicago อีกเหมือนกัน น้องตุ้ยกลัวกงสุลไม่เชื่อว่าจะไปเรียนจริงๆ ต้องคุยกันอยู่นานว่าที่ไปท่องเที่ยวอเมริกานานเกือบ 1 ปีไปทำอะไรหรือ ถามไปถามมาได้ความว่าเบื่องานที่เมืองไทย มีน้องชายเรียนปริญญาเอกที่อเมริกา เลยไปอยู่กับน้องนาน 1 เดือน ไม่ชอบเมืองที่น้องอยู่ เพราะมีปัญหาโรคภูมิแพ้ เมืองนั้นมี hay fever ต้องย้ายไปอยู่กับเพื่อนที่เรียนอยู่แถว Seattle ทำนองค้นหาว่าตัวเองต้องการอะไร ฝันเฟื่องไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดที่ University of Washington เห็นนักศึกษาเดินถือหน้งสือไปเข้าห้องเรียน เกิดอารมณ์อยากกลับไปเป็นนักศึกษากับเขาบ้าง แต่ก็ยังดีที่กลับมาตั้งหลักที่เมืองไทยก่อน โดยการทำงานเป็นนักวิจัยฟรีแลนซ์ๆอีกแล้วให้สถาบันหนึ่งของเมืองไทย คิดโปรแกรมคอมพ์ว่า จะจัดระบบการเว้นวรรคตอนภาษาไทยอย่างไร ตอนหลังเริ่มคิดว่าไม่ได้แล้ว ต้องไปเรียนต่อปริญญาโทแน่ๆ  เลยเริ่มติดต่อ จนได้รับจดหมายตอบรับ แต่ก็ไม่วายเป็นกังวลเรื่องจะผ่านวีซ่าไหม แล้วก็โดนถามโดนสัมภาษาณ์มากจริงๆดังที่กลัว แต่แล้วก็ค้นพบว่าเจ้า I-20 ที่ระบุป้าหมายที่ชัดเจน ว่ารับเข้าเรียนต่อปริญญาโท computer science มีส่วนช่วยอยู่มากผู้ค้ำประกันเองก็มีความผูกพันชัดเจนว่าเป็นมารดา มีบัญชีครอบคลุมค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 1 ปีตามที่ได้รับคำแนะนำ เอกสารต่างๆ รวมถึงบุคลิกภาพ และวิธีการตอบคำถามของน้องตุ้ย มีส่วนช่วยทำให้กงสุลเข้าใจ  และมีโอกาสได้วีซ่าไปเรียนต่อ

Copyright © 2010 GoVisa All rights reserved.

การไปเรียนต่อเมืองนอก


“จะไปเรียนต่อเมืองนอก ทำยังไงดี” ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่า พร้อมหรือยังที่จะไปเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่เคยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่เรียน หรือที่ทำงาน ไม่มีคนช่วยพูดภาษาต่างชาติแทนเราแน่ๆ เราอาจจะเมื่อยมือหรือมือหงิกเสียก่อนถ้าคิดจะใช้ภาษามือ เพราะฉะนั้นเราคงต้องฝึกฟุดฟิดฟอไฟให้พอช่วยตัวเองได้ก่อน ค่อยไปจะดีกว่าไหม ถ้าคิดจะไปเรียนภาษาก่อนเพื่อเตรียมตัวล่ะ คงต้องถามตัวเราก่อนว่า มีงบประมาณเท่าไร ไปเรียนภาษาเมืองอเมริกาสมัครเรียนง่ายแสนง่าย แต่ไม่รู้ว่าวีซ่าจะผ่านง่ายด้วยหรือเปล่า ถ้าวีซ่าผ่าน ได้ไปเรียนจะต้องใช้เวลาเรียนภาษานานกี่เดือน จึงจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ บางคนใช้เวลาเรียนภาษา 6 เดือน สอบ TOEFL ได้ แต่บางคนใช้เวลาเรียนภาษา 1 ปีก็มี 2 ปีก็มี ฟังแล้วไม่น่าเชื่อใช่ไหม แต่มีตัวอย่างเกิดขึ้นจริงๆนะ ค่าใช้จ่ายไปเรียนภาษาที่พ่อแม่ต้องส่งให้เรียนตกเดือนละกี่บาท คงต้องบอกกันว่า อย่างน้อยๆค่าเรียนบวกค่าใช้จ่ายส่วนตัวก็ประมาณเดือนละ 60,000 บาท อย่างดีมากๆก็ประมาณ 100,000บาท ต่อเดือน มากกว่าเดือนละแสนบาทก็มีนะ ถ้าเรียน 1 ปีก็ 1 ล้านแล้ว การที่ที่เรียนภาษามีราคาแตกต่างกันขนาดนี้วัดจากอะไร เราคงต้องดูที่เมืองที่เรียนภาษานั้นตั้งอยู่ ค่าครองชีพ คุณภาพของสถานศึกษา สถานภาพของที่เรียนภาษาว่าเป็นที่เรียนของมหาวิทยาลัย หรือเป็นโรงเรียนภาษาของเอกชน ถ้าเป็นของมหาวิทยาลัยมักแพงแต่คุณภาพเชื่อถือได้แน่นอน แต่ของเอกชนคงต้องพิจารณาเป็นรายๆไป โรงเรียนภาษาของเอกชนนี่ล่ะที่มักจะมีส่วนลดให้นักเรียน เช่น ลงทะเบียนเรียน 6 เดือน ขึ้นไป ค่าเรียนเดือนถัดไปจะลดลง หรือ ลงทะเบียนเรียน 2 เดือนแถมให้เรียนฟรีอีก 2 อาทิตย์ เป็นต้น ทำไมใช้เวลาเรียนภาษานานกว่าจะสอบได้ เพราะบางคนอ่อนตั้งแต่ไวยากรณ์ บางคนหลักการใช้ภาษาเยี่ยมแต่ขาดทักษะการนำไปใช้ในชีวิตจริง เวลาไปเรียนภาษาใช่ว่าเราจะต้องรอรับบทเรียนจากในห้องเรียนเท่านั้น เราคงต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ โดยฝึกใช้ภาษาพูดกับคนชาติอื่น หรือพูดกับเจ้าของภาษาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากพูดแล้วคงต้องอ่านให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ การ์ตูน หนังสืออ่านเล่น ป้ายโฆษณา เรียกว่ากระหายหิวการอ่านกันไปเลย เพราะการอ่านจะทำให้เราได้คำศัพท์ และสำนวนเพิ่มขึ้น เรายังได้ดูดซับวิธีคิด วิธีเขียนของเขาอีกซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเขียน สามทักษะแล้วใช่ไหม แน่นอนทักษะสุดท้ายคือการฟัง คนส่วนใหญ่เวลานี้เราใช้วิธีการได้ยินมากกว่าการตั้งใจฟัง เวลาไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองนอก เขาให้เราฝึกฟังข่าว บ่อยที่สุด ถ้ายังไม่ได้ไปเมืองนอกจะลองหัดฟังข่าว CNN หรือ BBC ไปก่อนก็ได้นะ เผลอๆเราอาจจะเก่งภาษาอังกฤษก่อนไปก็ได้นะ รู้ไหมนักเรียนที่ไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองนอก แล้วใช้เวลาเรียนนานนะ บางคนเกิดจากไม่ยอมทำการบ้านเอง ให้เพื่อนช่วยทำการบ้านให้ ไม่น่าเชื่อแต่ก็มีคนทำแล้ว  บางคนออกจากห้องเรียนกลับหอ chat กับเพื่อนที่เมืองไทย เพราะเวลากลางวันเมืองนอกตรงกับเวลากลางคืนที่เมืองไทย วัยรุ่นทั้งหลายนอนดึก เพราะออนเอ็มคุยกัน คุยกันทาง face book  hi5 แล้วแต่จะเลือก แล้วเมื่อไหร่ภาษาอังกฤษจะพัฒนา บางคนก็ต้องแอบไปทำงานเป็นเด็ก     เสริฟที่ร้านอาหารไทย เพราะที่บ้านส่งคนเดียวไม่ไหว ที่ต้องแอบทำงาน เพราะการทำงานนอกเขตมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย อย่าให้อิมมิเกรชั่นจับได้ล่ะ ถูกจับแน่ๆ คงเคยได้ยินข่าวที่เร็วๆนี้นักเรียนไทยกว่า 50คนถูกจับที่ Florida แล้วใช่ไหม น่าจะเป็นการจับครั้งใหญ่เลยเชียว เพราะฉะนั้นวางแผนให้ดีก่อนไปเรียนภาษาที่อเมริกา ถ้าไม่พร้อมด้วยการเงินเรียนที่เมืองไทยไปก่อนนิดหน่อย แล้วลองสอบ TOEFL สักครั้งว่าได้ถึง 61 คะแนนไหม ถ้าได้ค่อยคิดไปเรียนภาษาที่อเมริกา เพราะยังพอเห็นความหวังว่าจะสามารถพัฒนาได้ถึง 79 หรือ 80 ในเวลาไม่น่าจะเกิน 6 เดือน 79-80 เป็นคะแนนมาตราฐานที่มหาวิทยาลัยจะรับเราเข้าเรียนต่อปริญญาโท  เราไม่ได้สอบแค่ TOEFL อย่างเดียวนะ ถ้าคิดจะเรียนต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจ ต้องสอบ GMAT อีกอย่าง หรือถ้าจะเรียนต่อปริญญาโทด้านอื่นก็ต้องสอบ GRE เพราะฉะนั้นผ่อนคลายภาระไปสักหนึ่งอย่างคือสอบ TOEFL ให้ได้เสียจากเมืองไทยดีกว่าไหม

การทำ Notary Public


Notary Public คือการให้มีบุคคลที่ทำหน้าที่รับรองลายมือชื่อ หรือผู้ที่ต้องลงชื่อต่อหน้าในเอกสารนั้นๆ เพื่อรับรองเอกสารนั้นว่า เป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริงจากต้นฉบับหรือ ทำคำรับรองประเภทอื่นๆ รวมทั้งการลงชื่อในฐานะเป็นพยานในเอกสารนั้น โดยส่วนมากแล้วผู้ที่ต้องการให้ทำ Notary Public มีวัตถุประสงค์จะนำเอกสารเหล่านั้นไปใช้ในต่างประเทศ หรือไปแสดงที่สถานทูตต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย

ประเทศไทยมีบุคคลที่ทำหน้าที่ Notary Public คือ ทนายความที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาทนายความแห่งประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งเรียกกันว่า Notarial services Attorney จะพบได้ที่สำนักงานกฎหมายทั่วๆไป และทนายความผู้นั้นจะต้องได้รับอนุญาตให้ทำ คำรับรองลายมือชื่อและเอกสารจากสภาทนายความอีกหนึ่งใบอนุญาต จึงจะได้ชื่อว่าเป็น Notarial services Attorney ที่มีอำนาจเช่นเดียวกับ Notary Public อย่างแท้จริง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thailandnotary.com/notary_public.php

ในที่นี้ จะกล่าวถึงการทำ Notary Public เพื่อการสมัครเรียนต่อในต่างประเทศ การส่งสมัครเรียนของบางสถานศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา ทางสถานศึกษาได้กำหนดให้นักศึกษาต้องจัดส่งเอกสารที่เรียกว่า Affidavit of Support ไปให้สถานศึกษา โดยเอกสารดังกล่าวต้องทำ Notary Public หรือ Notarized ด้วย ซึ่งนักศึกษาจะบางท่านอาจเกิดความสงสัยว่า ควรจะเป็นหน่วยงานใดในประเทศไทยที่ทำ Notary Public ได้ ขอยกตัวอย่างแบบฟอร์ม Affidavit of Support ของ Biola University ในรัฐ California ที่ระบุว่าต้องมีการทำ Notary Public ตอนส่งสมัครเรียนได้จากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเอง

http://media1.biola.edu/undergrad/downloads/form/2010/Affidavit_Support.pdf

จากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว ได้พูดถึงการทำ Notarized ไว้ดังภาพประกอบข้างล่าง คือ

ถ้านักศึกษาอยู่ในประเทศสหรัฐฯ จะทำการย้ายสถานที่เรียน เช่น ย้ายจากที่เรียนภาษา ไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัย นักศึกษาต้องยื่นเอกสารสมัครมหาวิทยาลัยใหม่ เมื่อมหาวิทยาลัยต้องการให้มีการรับรองเรื่องการเงินจากธนาคาร นักศึกษาสามารถนำใบรับรองหรือ Affidavit of Support Form ไปให้ธนาคารในประเทศสหรัฐฯที่นักศึกษามีบัญชีเงินฝากอยู่รับรองได้ แต่สำหรับนักศึกษาที่ยังอยู่ในประเทศของนักศึกษา ยังไม่ได้เดินทางเข้าไปในประเทศสหรัฐฯ นักศึกษาสามารถนำแบบฟอร์มดังกล่าวไปให้หน่วยงาน เช่น สถานทูตสหรัฐอเมริกา , สำนักงานทนายความ หรือธนาคาร ทำ Notary Public ให้

  • ถ้าเป็นสำนักงานทนายความ นักศึกษาควรจะเข้าไปค้นหาข้อมูล อาทิ จากเว็บไซต์  http://www.thailandnotary.com/notary_public.php ข้างต้น
  • หากเป็นธนาคารอาจได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่า ธนาคารไม่เคยเซ็นต์ชื่อในแบบฟอร์มดังกล่าว ธนาคารจะออกให้ลูกค้าเฉพาะจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร
  • คำแนะนำที่คิดว่า น่าจะดีที่สุดและมีความเป็นไปได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก คือ ไปติดต่อทำ Notary Public ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพ โดยกรอกแบบฟอร์มดังกล่าวให้เรียบร้อย Sponsor ไม่ต้องเซ็นต์ชื่อไว้ก่อน ให้ Sponsor ไปเซ็นต์ชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่แผนก US Citizen Services นักศึกษาโปรดศึกษาวันและเวลาที่สถานทูตสหรัฐฯให้บริการการทำ Notary Public ได้ที่                                                                                                                                                          http://bangkok.usembassy.gov/service/notarial-services.html

ก่อนเข้าไปควรนัดวันเข้าไปยื่นเอกสารออนไลน์

ในวันยื่นเอกสาร สิ่งที่ต้องนำไปคือ Affidavit of Support Form ที่กรอกแล้ว และจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารที่ Sponsor มีบัญชีเงินฝากอยู่ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯในแผนก US Citizen Services จะลงนามพร้อมตราประทับของสถานทูต และ Sponsor ของนักศึกษาก็จะลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ นักศึกษาจะต้องจ่ายค่าบริการให้สถานทูตจำนวน 30US$ (ราคาปัจจุบันจากเว็บไซต์ กรกฎาคม 2555 ขึ้นราคาค่าทำ Notary Public เป็น 50 US$ ) ถ้าไม่ได้แลกเงินเหรียญสหรัฐไว้ ให้จ่ายด้วยเงินบาทได้ อัตราแลกเปลี่ยนใช้ตามที่สถานทูตกำหนด เท่านี้เราก็จะได้เอกสาร ตามที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาต้องการ

Copyright © 2010 GoVisa All rights reserved.

SEVIS – 901 คืออะไร


Sevis-901 คือ ค่าธรรมเนียมการจัดการฐานข้อมูลของนักเรียน เพื่อแสดงสถานะของนักเรียน และ ติดตามนักเรียน การจ่ายเงินค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับสถานะของนักเรียน

1.   ถ้าเป็นนักเรียนทุนส่วนตัว ถิอวีซ่าประเภท F-1  จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า 200 US$

2.   ถ้าเป็นนักเรียนสายอาชีพ เช่น ผู้ไปเรียนการเจียระไนเพชรพลอย การทำอาหาร นักเรียนเหล่านี้ถือวีซ่าประเภท M-1 จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า 200 US$

3.  ถ้าเป็นนักเรียนทุน เช่น ทุนฟุลไบร์ท นักเรียนเหล่านี้จะได้รับจดหมายตอบรับประเภท DS – 2019 และ จะถือวีซ่าประเภท J-1 จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า  180 US$

4.  ผู้ที่มีวัตถุประสงค์เข้าไปทำงานในสหรัฐช่วงปิดภาคเรียน เช่น โครงการ work and travel คนกลุ่มนี้จะได้วีซ่าประเภท J-1 ที่มีอายุ 4  เดิอน จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า 35 US$

การจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าทำได้ 3 วิธี คือ

1.  กรอกข้อความในเว็บไซต์  https://www.fmjfee.com/i901fee/index.jsp   และใช้บัตรเครคิตในการตัดเงิน พร้อมทั้งพิมพ์ใบเสร็จออกมา

2.  เข้าไปกรอกข้อความในเว็บไซต์ http://www.fmjfee.com แต่เลือกที่จะจ่ายเงินด้วยการซิ้อ money order แทนที่การตัดบัตรเครดิต หลังจากนั้น print ข้อความที่กรอกเสร็จแล้วออกมา พร้อมกับนำฟอร์มไปซิ้อดราฟท์ที่ธนาคาร ส่งดราฟท์และฟอร์มที่กรอกเลร็จไปตามที่อยู่ของ  Homeland Security Department ที่ปรากฏอยู่บนฟอร์ม

3.  print ฟอร์ม SEVIS I-901 จากเว็บไซต์ http://www.ice.gov/sevis/i901/wu_instr.htm กรอกให้เรียบร้อย และ นำฟอร์มที่กรอกแล้วไปจ่ายเงินที่ Western Union ที่อยู่ใกล้ๆบ้าน

การตรวจสอบว่า นักศึกษาจ่ายค่า Sevis I-901 แล้วหรือยัง หรือสถานภาพ Sevis I-901 ของนักศึกษาหมดอายุหรือยัง นักศึกษาสามารถทำได้โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.fmjfee.com/i901fee/index.jsp

นักศึกษาเลือกคลิกที่ Check status แล้วใส่ Sevis Identification Number หรือ N Number ที่อยู่เหนือบาร์โค้ดบนหน้าแรกของ I-20 ต่อไปกรอกนามสกุล และวันเดือนปีเกิด เท่านี้นักศึกษาก็จะทราบสถานะภาพ Sevis I-901 ของนักศึกษาได้

Copyright © 2010 GoVisa All rights reserved.