ฟอร์มใหม่วีซ่าเข้าอเมริกา DS160


วีซ่านักเรียน วีซ่านักท่องเที่ยวเข้าอเมริกาเปลี่ยนแบบฟอร์มใหม่แล้ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2553 ไม่ใช้แบบฟอร์ม DS156, DS157 และ DS 158 ให้ใช้ฟอร์ม DS 160 ฟอร์มเดียว ดูเพิ่มเติมที่

http://bangkok.usembassy.gov/non-immigrant_visas.html

หรือจะเข้าไปดู website หน้าที่มีรายละเอียดการกรอกฟอร์ม DS 160 และรูปถ่ายที่ http://bangkok.usembassy.govniv_visaforms_photoreq.html ก็ได้

รายละเอียดการกรอกข้อความ หรือคำถามที่ถามส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับแบบฟอร์มเก่า ในอดีตเราสามารถกรอกฟอร์มวีซ่าก่อน แล้วค่อยจ่ายค่า SEVIS I-901 FEE หรือจะเลือกทำการนัดหมายก่อน โดยยังไม่ได้กรอกฟอร์มวีซ่าก็ได้ แต่ฟอร์ม DS160 ในปัจจุบัน บังคับให้ต้องจ่ายค่า SEVIS I-901 FEE ก่อน เพราะต้องนำหมายเลขใน SEVIS I-901 ที่ได้ไปใช้ในการกรอกฟอร์มวีซ่า DS 160  เมื่อกรอกฟอร์มวีซ่า DS 160 เสร็จเรียบร้อย นักศึกษาจะได้รับ confirmation number ที่สามารถนำไปใช้ในการนัดหมายสอบสัมภาษณ์วัซ่าได้

สรุป จากประสบการณ์ในการเตรียมเอกสารวีซ่าให้นักศึกษา สิ่งที่ต้องทำตามลำดับมีดังนี้คือ
1. ชำระค่า SEVIS I-901 FEE ผ่านเว็บไซต์ http://www.fmjfee.com พิมพ์ใบเสร็จออกมา ในใบเสร็จจะมีหมายเลข Sevis ประจำตัวนักศึกษา (ข้อสังเกต หมายเลข Sevis ของนักศึกษาจะตรงกันกับหมายเลขตรง N number ที่อยู่เหนือ Barcode ในหน้าแรกของ I-20)

2. การกรอกฟอร์ม DS 160 ให้ไปที่เว็บไซต์  https://ceac.state.gov/GENNIV/General/complete/complete_gettingstarted.aspx?node=Getting%20Started คลิก start application เลือกเมืองที่จะสอบสัมภาษณ์ กรุงเทพ หรือเชียงใหม่   คลิก start a new application   คลิก test photo แล้ว upload รูปถ่ายขนาด 2 นิ้วคูณ 2นิ้วลงไปในกรอบที่จัดไว้ในแบบฟอร์ม สำหรับการ upload รูปถ่าย วิธีที่ง่ายที่สุดคือ scan รูปที่ร้านถ่ายรูปทำไว้ใส่ลงไปในกรอบภาพ ถ้าจะถ่ายรูปเองก็ทำได้แต่ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ข้อควรระวังเรื่องรูป ให้ดูในเว็บไซต์สถานทูตอเมริกา http://bangkok.usembassy.gov/niv_visaforms_photoreq.html เมื่อ upload รูปเสร็จคลิก start a new application นักศึกษาบางท่า upload รูปไม่ได้ เพราะหลังจาก Upload รูป มีข้อความขึ้นว่า ศีรษะใหญ่ไปบ้าง หรือแสงมากไปบ้าง ไม่ต้องเป็นกังวล สามารถกรอกแบบฟอร์มให้เสร็จ และถือรูปถ่ายเข้าไปสอบสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตในวันสอบสัมภาษณ์ได้ โดยทางสถานทูตจะช่วย upload รูปให้

3.  กรอกฟอร์ม DS160 ตอบคำถามประมาณ 10 หัวข้อ ภายในเวลา 20 นาทีตามกำหนด ไม่จำเป็นต้องคลิก save ทุกหน้า ดูนาใิกาที่มุมล่างขวามือของหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อตอบคำถามไปประมาณ 10-15 นาทีแล้ว ให้กด save ครั้งหนึ่ง ถ้าทำเสร็จไม่ทันภายใน 20 นาที ข้อมูลจะได้ไม่หายไปทั้งหมด ไม่ต้องเริ่มพิมพ์ใหม่ตั้งแต่ต้นอีก หาก save ไว้เราสามารถพิมพ์ใหม่ต่อไปได้หลายครั้งจนกว่าจะทำเสร็จ ในหน้าสุดท้ายมีคำถามเกี่ยวกับหมายเลข SEVIS NUMBER ของนักศึกษา ให้นำหมายเลขที่ได้จากข้อ 1 มาใส่ลงไปในช่องที่ต้องกรอก ถ้าเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวจะไม่มีคำถามนี้ใน DS 160

4. หลังจากกรอกฟอร์ม DS 160 เสร็จให้ตรวจความเรียบร้อยของการกรอกข้อมูล เซ็นต์ชิ่อ e-signature โดยเราต้องกรอกหมายเลขหนังสือเดินทางและ code ตัวอักษรที่เขาให้มา

5. กด submit จะได้ confirmation number ซึ่งประกอบด้วย ชื่อ, สัญชาติ, หมายเลขหนังสือเดินทาง, วันที่กรอกข้อความเสร็จ, confirmation number, barcode, รูปถ่าย (กรณี Upload รูปไม่ได้ ตรงช่องรูปถ่ายจะเป็นเครื่องหมายกากบาท) ให้ print เอกสารที่มี confirmation number form นี้ออกมา เพราะต้องนำไปแสดงที่สถานทูตในวันสอบสัมถาษณ์

6.สำหรับการนัดสอบสัมภาษณ์วีซ่าไปที่เว็บไซต์ http:// thailand.us-visaservices.com กรอกฟอร์มทำการนัดหมายสอบสัมภาษณ์ตามปกติ มีคำถามเพิ่มขึ้นมาคือให้กรอกหมายเลข confirmation number ด้วย เมื่อได้ทำการยืนยันการนัดหมายสอบสัมภาษณ์เสร็จ ให้พิมพ์ใบนัดสอบสัมภาษณ์ออกมาด้วย

ส่วนเอกสารที่นำไปในวันสอบสัมภาษณ์ (ในเว็บไซต์สถานทูตสหรัฐอเมริกาอาจไม่ได้บอกไว้มากตามที่แสดงไว้ แต่จากประสบการณ์ที่นักศึกษาถูกถาม ขอแนะนำให้นักศึกษาเตรียมพร้อมนำหลักฐานข้างล่างนี้ไปทั้งหมด) มีดังนี้ คือ

1.   transcript

2.  ใบผ่านงาน(ถ้าเคยทำงาน) ระบุ ตำแหน่งงาน เงินเดือน วันแรกที่เข้าทำงาน

3.  ใบ confirmation number

4.  ใบเสร็จค่า  SEVIS I-901 FEE

5.  ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าจ่ายที่ไปรษณีย์ จำนวน 4,620 บาท

6.  หนังสือรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครอง

7.  บัญชีตัวจริง เช่น สมุดเงินฝาก หรือ statement ย้อนหลัง 6 เดือน

8. จดหมายรับรองการทำงานของผู้ปกครอง หากผู้ปกครองเป็นเจ้าของธุรกิจ ให้แสดงใบทะเบียนการค้าด้วย

9. นำหลักฐานการจ่ายเงินค่าซื้อ Pin นัดสัมภาษณ์จากไปรษณีย์ไปด้วย หากซื้อ Pin โดยตัดจากบัตรเครดิตให้ Print Pin Payment ไปเป็นหลักฐานให้สถานทูตประกอบการยื่นขอวีซ่า เพราะทางสถานทูตจะนำหลักฐานการซื้อ Pin ไปเช็คว่า ตรงกันกับที่นัดหมายสัมภาษณ์เข้ามาหรือไม่ ได้ทราบจากผู้ที่ไปยื่นขอวีซ่าบางท่านว่า ไม่ได้นำ Pin Payment เข้าไปให้ทางกงสุลดู ปรากฏว่า ทางสถานทูตให้ออกไปนอกสถานทูต เพื่อไป Print ใบยืนยันนี้ออกมาจากอีเมล์ของผู้ยื่นขอวีซ่า แล้วรีบนำกลับเข้าไปยื่นอีกครั้งในวันเดียวกัน ซึ่งอาจทำให้เสียเวลาได้ (Update ข้อมูล 21-07-2011)

Copyright@2010 Govisa All rights reserved

Post a comment or leave a trackback: Trackback URL.

Comments

  • may  On July 15, 2010 at 10:08 am

    ขอรบกวนพี่หน่อยนะคะ พอดีเข้าไปคีย์DS 160เสร็จแล้วข้อมลูหายไปหมดค่ะแล้วหน้าจอบอกว่า session timed out ยังไงช่วยกวนตอบกลับให้หน่อยนะค๊ะ

    • govisa  On July 30, 2010 at 10:04 pm

      ให้น้องคลิกคำว่า save และทำตามขั้นตอนการ save ของเขา เมื่อเปิด website DS 160 ใหม่ ให้ตั้งต้นทำจาก upload previous file จะมีกรอบสี่เหลี่ยม และมีคำว่า browse อยู่ข้างท้าย ให้น้อง browse file ที่น้องเก็บไว้ น้องอาจเก็บไว้ที่ my document หรือ my computer อะไรก้ได้ พอ browse เสร็จจะถามชื่อให้ใส่ชื่อแรกของเรา 5 ตัวอักษร และถ้าจำไม่ผิด จะถามปีที่เกิด หลังจากนั้นก้เริ่มทำการกรอกต่อไปได้ เพราะฉะนั้นรัหว่างกรอก ถ้าน้องเห็นว่าจวนหมดเวลา ให้เริ่มต้น save ไว้เลย จะได้ไม่ต้องกรอกใหม่อยู่เรื่อยๆค่ะ ขอโทษถ้าพี่ตอบน้องช้าไปค่ะ

  • pet  On November 19, 2010 at 2:49 pm

    ใบสมัคร Ds 160 สามารถรีปริ้นได้ไหมคะในกรณีที่ไม่ได้ปริ้นใบมัครต้องทำอย่างไร
    ขอบคุณสำหรับทุคำตอบล่วงหน้า
    แพท

    • govisa  On November 23, 2010 at 12:08 am

      น้องหมายความว่าหลังจากกรอก DS 160 เสร็จสมบูรณ์จนได้ Confirmation Number ออกมาแล้วใช่ไหมคะ น้องจะ print
      1.หน้า Confirmation Number ซึ่งจะมีรูปหน้าน้อง บาร์โค้ด หมายเลข Confirmation Number ขึ้นต้นด้วย AAตามด้วยหมายเลข วันเดือนปีเกิด ฯลฯ
      2 น้องสามารถ Print Application ที่กรอกเสร็จแล้ว จะมีอยู่ประมาณ 3 หน้า สำหรับคนที่มีรายละเอียดน้อย เช่นไม่เคยเข้าอเมริกา เลยไม่ต้องให้รายละเอียดตอนกรอกฟอร์มค่ะ หรือไม่เคยขอวีซ่าเข้าอเมริกา หรือไม่เคยทำงานที่ใดเลย แต่ถ้าน้องคนใดมีรายละเอียดคำถามดังกล่าวมาก ตัว Application ที่น้องจะ print ออกมา จะมีประมาณ 4 หน้าค่ะ
      แต่ถ้าคำถามน้องหมายถึง Print ตัวฟอร์ม DS 160 ที่ยังไม่ได้กรอก ทำไม่ได้ค่ะ เพราะถ้าไม่ได้กรอกข้อความใด น้องจะไม่สามารถกรอกฟอร์มหน้าถัดไปได้ค่ะ

  • ขอรบกวนตอบหน่อยเหอะ  On December 7, 2010 at 10:35 pm

    น้องขอรบกวนหน่อยเหอะจะบ้าตายอยู่แล้ว รูปโหลดมาไม่ได้นั่งกรอกแล้วก้อหาย น้องช่วยบอกเรื่องรูปหน่อยเหอะน้องรับกรอกไหมเนี้ย ช่วยตอบหน่อยเถอะปวดหัวมากทำยากกว่าปีที่แล้วปีที่แล้วยังไม่ขนาดเนี้ยเล้ย

    • govisa  On December 8, 2010 at 5:43 am

      ถ้าโหลดรูปไม่ได้ไม่เป็นไรค่ะ เพราะให้ทำไปจนจบขั้นตอนของการกรอกคำถามวีซ่า แล้วนำรูปเข้าไปให้สถานทูตด้วยเป็นรูปขนาด 2 * 2 นิ้วค่ะ สถานทูตจะ scan รูปลงใน passport ให้ค่ะ ไม่ยากค่ะ ส่วนจะให้ทำให้ก็ยินดีช่วยนะคะ

  • chonnicha  On December 15, 2010 at 5:28 pm

    คือได้ใบคอนเฟิร์มออกมาแล้วนะคะ แต่ทีนี้มีข้อมูลบางอย่างกรอกผิด สามารถแก้ไขได้ยังไงคะ

    • govisa  On December 16, 2010 at 10:53 pm

      ถ้ายังไม่ได้เข้าไปกรอกฟอร์มจองคิวนัดสัมภาษณ์ แก้ไขได้ค่ะ ด้วยการพิมพ์ใหม่ จะได้ Confirmation Number ใหม่ค่ะ แต่ถ้าเข้าไปกรอกฟอร์มนัดสัมภาษณ์วีซ่าแล้ว ไม่ต้องแก้ไขค่ะ เหตุผลที่ไม่ต้องแก้ไข เพราะเราได้กรอกหมายเลข Confirmation Number ไปในฟอร์มนัดแล้วค่ะ ถ้าสิ่งที่กรอกผิดไม่ใชชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด และหมายเลขหนังสือเดินทาง ก็ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะเมื่อเข้าไปในสถานทูต ผู้ยื่นคำร้องสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าตรงนี้กรอกผิด จะทำอย่างไร ใช้หมึกขาวลบแก้ไขได้ไหม หรือแจ้งให้กงสุลทราบตอนถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ก็น่าจะได้ค่ะ

  • mas  On December 16, 2010 at 11:40 am

    รบกวนถามหน่อยค่ะแล้วถ้าจะขอวีซ่าท่องเที่ยว ไม่ใชวีซ่านักเรียน ขั้นตอนการขอวีซ่าเหมือนกันหรือเปล่าคะ คือต้องเข้าไปจ่ายเงิน SEVIS I-901 FEE ก่อน และทำตามขั้นตอนที่คุณแนะนำไว้ใช่มั๊ยคะ
    1.จ่ายเงิน SEVIS I-901 FEE
    2.กรอกแบบฟอร์ม DS 160 โหลดรูป และปริ้นออกมา
    3.นัดวันสัมภาษณ์
    4.เตรียมเอกสารไปสัมภาษณ์
    ช่วยตอบหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On December 16, 2010 at 10:44 pm

      1. วีซ่านักท่องเที่ยวไม่ต้องจ่ายค่า Sevis I-901 ค่ะ Sevis I-901 จ่ายเฉพาะวีซ่านักเรียน (F-1) และวีซ่าของนักเรียนทุนที่มีชื่อเรียกว่า J-1 ค่ะ ดูรายละเอียดเรื่องค่าธรรมเนียมวีซ่าได้ที่ http://bangkok.usembassy.gov/niv_visafees.html
      2. ลำดับขั้นตอน 2,3,4 ถูกแล้วค่ะ
      3. มีเพิ่มเติมคือ วีซ่านักท่องเที่ยวหรือวีซ่านักเรียน มีค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ต้องจ่ายที่ไปรษณีย์เหมือนกัน คือ 4,200 บาทด้วย (จากราคาเดิม 4,620 บาท) ไม่ต้องตกใจเรื่องราคาค่าวีซ่าที่ต้องจ่ายที่ไปรษณีย์ การเปลี่ยนแปลงราคาเกิดขึ้นโดยสถานทูตอเมริกาเป็นผู้กำหนด และจะแจ้งให้ไปรษณีย์ทราบ การเปลี่ยนแปลงคาดว่าสืบเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งขึ้นค่ะ
      สรุป ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียน มี 2 จำนวนใบเสร็จ คือ ใบเสร็จที่จ่าย 4,200 บาmที่ไปรษณีย์ กับใบเสร็จที่จ่ายค่า Sevis I-901 จำนวน 200 เหรียญค่ะ
      ค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวมีใบเสร็จจำนวน 1 ใบ คือ 4200 บาท จ่ายที่ไปรษณีย์ใบเดียวค่ะ

  • Benben  On December 18, 2010 at 4:17 pm

    ถ้าไม่ได้ Print out Comfirmation page และไม่ได้ให่ส่งทาง e-mail แต่จองวันสัมภาษณ์ไปแล้วจะทำอย่างไรดีคะ (print out ได้แต่หน้า Application หน้าแรกที่มี รูป และ Barcode ที่มี Comfirmation number ค่ะ)

    • govisa  On December 18, 2010 at 10:32 pm

      เอกสารที่ต้องใช้ยื่นขอวีซ่า คือ เอกสารที่มีรูปหน้าน้อง Barcode และ Confirmation Number เท่านั้นค่ะ ส่วนที่เป็นรายละเอียด ที่น้องตอบคำถามตอนกรอกฟอร์มวีซ่าไม่ได้ใช้ค่ะ น้องบางคนเก็บส่วนที่กล่าวมาใช้เป็นการทบทวนความจำว่า ตนเองกรอกอะไรไปบ้างเท่านั้นเองค่ะ แต่ถ้าหากน้องมีการกด Save บ้างระหว่างกรอกฟอร์มวีซ่า น้องสามารถกลับไปที่หน้ากรอกฟอร์ม DS160 คลิกเลือกสถานที่ และคลิกคำว่า Upload previous form แล้วคลิก browse หน้าที่น้องกด Save ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ น้องก็ยังคงสามารถหารายละเอียดที่น้องตอบไปได้ค่ะ แต่ถ้าหมายเลข visa identification number เปลี่ยนไปก็อย่าทำต่อ เพราะพี่เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อการนัดสัมภาษณ์ เนื่องจากตอนนัดใช้ confirmation number คนละหมายเลขกัน ที่ต้องแนะนำให้ตรวจตรงนี้ด้วย เพราะพี่สังเกตว่า website การกรอกฟอร์มวีซ่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เช่น ก่อนหน้านี้ตอนกรอกฟอร์ม DS 160 ใหม่ๆ จะไม่มีหมายเลข visa identification ขึ้นมาตอนช่วงที่เราเริ่มกรอกฟอร์ม ไม่นานมานี้เองเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลง มีหมายเลข visa identification ขึ้นมาตั้งแต่เริ่มกรอกฟอร์ม โดยมีคำชี้แจงว่าเพื่อง่ายต่อการ save และกลับไปเริ่มกรอกต่อจากที่เรา save ไว้ได้เลย หมายเลข visa identification กับ confirmation number ที่เราจะได้รับตอนจบการกรอกฟอร์ม จะเป็นหมายเลขเดียวกันค่ะ

  • น้องคะน้า  On December 21, 2010 at 10:01 am

    ถ้าลืม print out หน้า Application ออกมา จะกลับไป print ใหม่ต้องทำยังงัยคะ ตอนนี้ print ได้แต่หน้า comfirmation number หรือต้องไปกรอกสมัครใหม่เลยรึเปล่าคะ

    • govisa  On December 21, 2010 at 9:54 pm

      ถ้าน้องยังไม่ได้ทำการนัดสอบสัมภาษณ์วีซ่า กรอกใหม่ก็ได้ค่ะ แต่หมายความว่า น้องจะได้ Confirmation Number หมายเลขใหม่ด้วยค่ะ ถ้า Confirm คิวนัดสัมภาษณ์วีซ่าไปแล้ว ลองเข้าไปใน website ที่กรอก DS160 แล้วลองคลิกคำว่า Upload previous file ดูค่ะ จะสามารถ print application 3-4 หน้าออกมาได้ค่ะ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องทำการ Upload กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมที่เคยกรอกฟอร์มวีซ่านะคะ พี่คิดว่ามันน่าจะยังมี Save ไว้อยู่ ถ้าไม่มีใครไปลบทิ้งนะคะ อย่างไรก็ตาม พี่เคยเห็นน้องบางคนไปกรอกเครื่องที่ร้านอินเตอร์เน็ตให้เช่า ไม่แน่ใจว่าร้านพวกนี้เขามีการ delete file ตอนเย็นหลังปิดร้านหรือเปล่าค่ะ น้องไม่ต้องเป็นกังวลกับหน้า Application ค่ะ เพราะถ้าน้องกรอกเอง น้องน่าจะจำได้ว่าเคยตอบคำถามว่าอย่างไรบ้างค่ะ เพราะสถานทูตเขาไม่ได้ขอดูหน้า Application เลยค่ะ เขาสามารถ load ได้จาก Confirmation Number และ Barcode ค่ะ

  • Ple  On December 30, 2010 at 9:18 am

    ถ้าต้องการย้ายที่เรียนภาษา
    ต้องมีการกรอก I-20 และ I-901 ใหม่หรือไม่คะ
    พอดีว่าอยากย้ายที่เรียนคะ แต่ตอนนี้ กรอกทั้ง I-20 และ เสียค่าธรรมเนียม I-901 ไปแล้ว
    รวมถึงจองวันนัดสัมภาษณ์(ผ่านทาง Call center ไปแล้วด้วยคะ )
    ควรทำอย่างไรดีคะ

    • govisa  On December 30, 2010 at 8:48 pm

      ถ้าน้องดำเนินการไปทั้งหมดแล้วตามท้ายคำถาม ขอให้น้องเดินหน้าต่อไป คือ เข้าไปสอบสัมภาษณ์ในวันที่นัดหมายไว้ค่ะ อย่างไรก็ตามขออธิบายคำถามข้างต้นซึ่งแบ่งออกเป็น 2 คำถามย่อยคือ

      1. ต้องการย้ายที่เรียนภาษาต้องมีการกรอก I-20 ใหม่หรือไม่?

      ถ้าต้องการเปลี่ยนที่เรียน ก็ต้องสมัครสถานศึกษาใหม่ ให้ได้จดหมายตอบรับที่น้องเรียกว่า I-20 ค่ะ และน้องควรแจ้งสถานศึกษาใหม่ด้วยว่าน้องเคยเรียนที่ใดมาก่อน ขณะเดียวกันน้องต้องกรอก transfer form แจ้งทั้งสถานศึกษาเก่าและใหม่ เพื่อให้สถานศึกษาใหม่ใช้หมายเลข Sevis I-901 เดิมของน้องได้ โดยน้องไม่ต้องจ่ายเงินค่า Sevis I-901 ใหม่ค่ะ
      อนึ่ง คำถามของน้องดูเหมือนว่า น้องเคยมีวีซ่านักเรียนแล้ว และเคยไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาแล้วใช่ไหมคะ ถ้าน้องอยู่ในสหรัฐอเมริกาแล้ว การเปลี่ยนที่เรียนไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ ยกเว้นน้องกลับมาอยู่เมืองไทยเกินกำหนด 5 เดือนที่กฎหมายสหรัฐกำหนดไว้ น้องต้องขอวีซ่าใหม่ค่ะ แต่ถ้าพี่เข้าใจผิด น้องยังไม่ได้เดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริกา น้องเพิ่งขอวีซ่าครั้งแรก อันที่จริงการเปลียนใจสมัครที่เรียนภาษาใหม่ ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่า Sevis I-901ใหม่ ใช้อันเดิมได้ จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินอีก 200 เหรียญค่ะ

      2.ต้องมีการกรอก I-901 ใหม่หรือไม่?

      พี่ได้อธิบายไว้ที่ท้ายข้อ 1 แล้ว อย่างไรก็ตาม น้องสามารถเช็คว่าน้องต้องจ่ายค่า Sevis I-901 ใหม่หรือไม่ โดยการเข้าไปที่ http://www.fmjfee.com แล้วคลิกที่คำว่า check status แต่ดูจากคำถามที่น้องเขียนมาถามพี่ น้องดำเนินการทุกขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์แล้ว จนทราบวันนัดสอบสัมภาษณ์แล้ว พี่จึงตอบน้องตั้งแต่แรกไปว่า ให้เตรียมเอกสารและเตรียมตัวให้พร้อมไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ ถ้ามีอะไรสงสัยอีก หรือพี่เข้าใจคำถามน้องผิดไปจากที่น้องต้องการ น้องเขียนมาถามใหม่นะคะ

  • Ple  On December 31, 2010 at 12:50 pm

    ขอบคุณพี่ที่ช่วยตอบคำถามให้นะคะ
    เป็นครั้งแรกคะที่น้องจะสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา
    ยังไม่เคยไปเรียนที่อเมริกา และไม่เคยเดินทางเข้่าอเมริกาเลยคะ
    ตอนแรกเลือกที่เรียนภาษาที่นิวเจอร์ซี่ และได้ดำเนินการติดต่อโรงเรียน, กรอก DS160 และ I901 เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการโทรนัดวันสัมภาษณ์
    แต่พอมาหาข้อมูลทีหลังพบว่ามีอีก รร.นึงที่โคโลราโด น่าสนใจเพราะมีทั้งคอร์สภาษาและคอร์ส Certificate ที่คิดว่าจะเรียนต่อ เลยอยากจะเปลี่ยนใจย้่าย รร. เพราะจะได้เริ่มที่โคโรลาโด ไปเลย
    เพราะไม่อยากจะเสียเวลาย้า่ยรัฐ (เนื่องจากเพิ่งเคยไปครั้งแรกและยังไมไ่ด้ชำนาญมาก การย้่ายรัฐจะยุ่งยากมั๊ยคะ)
    ถ้า ณ ตั้งแต่วันนี้ เปิ้ลจะส่งเอกสาร ไปที่ที่เรียนใหม่ เพื่อขอ i20 และถ้าได้การตอบรับกลับมา เปิ้ลจะต้องมากรอก DS160 ใหม่ และ ต้องเข้าไปกรอก I901ใหม่หรือไม่คะ เพราะหมายเลขของ I901 ก็คือ SEVIS ID ของ I20 (มันเกี่ยวข้องกันใช่มั๊ยคะ)
    ดังนั้นถ้าที่รร.ใหม่ออก I-20 มาให้เปิ้ลใหม่ ก็ต้องมีเลขที่ของ SEVIS ID ใหม่ด้วยใใช่มั๊ยคะพี่ ดังนั้น เราก็ต้องกรอก I901 ใหม่เพราะในระหว่างที่กรอก i901 จะมีถามเกี่ยวกับเลข SEVIS ID ซึ่งถ้ากรอกใหม่ก็ต้องเสียเงินอีก $200
    ฝากพี่ช่วยตอบให้น้องเปิ้ลหน่อยนะคะ เพราะสับสนมากว่าควรจะทำไงดี ขอบคุณมากๆ คะ

    • govisa  On January 1, 2011 at 10:10 pm

      1. น้องบอกได้ไหมคะว่าโรงเรียนที่ New Jersey กับโรงเรียนืั้ Colorado ชื่ออะไรคะ
      2. น้องเพิ่งเรียนจบ หรือทำงานแล้ว ถ้าทำงานแล้ว ทำมานานกี่ปีคะ
      คำถามทั้ง 2 ข้อพี่ต้องการดูความน่าเชื่อถือของสถานศึกษาที่จะไปเรียน และความเป็นไปของตัวน้อง ซึ่งพี่พอจะบอกได้ว่าหลังจากเห็นเอกสาร กงสุลจะเชื่อว่า น้องไปแล้วจะกลับเมืองไทยด้วยหรือไม่ ถ้าชื่อของโรงเรียนภาษาใน Colorado ดูเป็นหลักเป็นฐานก็คุ้มค่าที่น้องจะเปลี่ยน I-20 ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ค่ะ การเปลี่ยนที่เรียน น้องได้ I-20 ใบใหม่มา ต้องกรอก DS 160 ใหม่ค่ะ ส่วน Sevis I-901 ให้เข้าไปดูที่ http://www.fmjfee.com แล้วคลิกที่คำว่า check status ค่ะ พี่คิดว่าน้องอาจไม่ต้องจ่ายใหม่ ใช้ของเก่าได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มั่นใจเขียนอีเมล์ไปถามทางโรงเรียนใน Colorado ด้วยโดยเล่าความจริงนะคะว่า เราคยสมัครที่เรียนภาษาใน New Jersey และทำการกรอก Ds160 กับจ่าย Sevis I-901 และทำคิวนัดไปแล้ว น้องต้องบอกหมายเลข Sevis ID (ที่น้องเขียนมาถามพี่) ให้โรงเรียนใหม่ใน Colorado ทราบด้วยหรือไม่ค่ะ ถ้าไม่ต้องบอกหมายเลขเก่า น้องอาจต้องเสีย Sevis I-901 ใหม่ค่ะ อย่างไรก็ตาม น้องไม่ต้องกังวล เพราะเมื่อน้องเข้าไปที่ http://www.fmjfee.com น้องกรอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เครื่องมันจะตัดสินใจให้เราเลยว่าจ่ายแล้วหรือยังไม่จ่ายค่ะ

      • Ple  On January 2, 2011 at 9:13 am

        ขอบคุณพี่นะคะที่ตอบคำถาม
        สำหรับคำถามที่พี่ถามมา น้องขอตอบดังนี้คะ
        1. รร. ที่ Colorado คิอ university of colorado at boulder
        รร. ที่ NJ คือ Rutgers University (Newark campus)
        2. ประสบการณ์ทำงาน 10 ปี

        น้องได้เขียนอีเมล์ไปบอกทาง โรงเรียนที่ Colorado และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทางโรงเรียนได้รับทราบ รวมถึงได้แจ้ง SEVIS ID ที่ได้รับมาจากทาง New Jersey ตามคำแนะนำของพี่แล้วนะคะ
        น้องควรไปเลื่อนวันนัดสัมภาษณ์มั๊ยคะ เพราะไม่แน่ใจว่า ข้อมูลของ I-901 และ DS 160 จะต้องกรอกล่วงหน้าก่อนวันไปสัมภาษณ์กี่วัน (ไม่แน่ใจว่ากฏเกณฑ์ในการกรอกเอกสารทางออนไลน์ต้องกรอล่วงหน้าก่อนวันไปสัมภาษณ์กี่วัน คะ)

      • govisa  On January 2, 2011 at 10:18 am

        ดีทั้ง 2 โรงเรียนเลยค่ะ น้องต้องเลื่อนวันสัมภาษณ์ และทำนัดสัมภาษณ์อีกครั้ง น้องต้องกะระยะเวลาดีๆว่า I-20 จะมาทันเวลาไหมค่ะ เพราะ Pin Number ที่ใช้นัดสัมภาษณ์จะเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงวันนัดได้ไม่เกิน 3 ครั้ง โดยต้องทำการยกเลิกวันนัดเก่าไปก่อนค่ะ เพราะฉะนั้น พี่ขอแนะนำให้น้องประสานกับทาง U.of Colorado at Boulder ไปเลยว่า น้องยินดีเสียค่าส่งด่วนกลับจาก USA มาไทย ค่าส่งด่วนเท่าไร จะให้น้องตัดเงินจากบัตรเครดิตก็ให้ U ส่ง Form มา แต่ถ้าจะให้ซื้อ Draft ส่งไป น้องจะส่งด่วนไปให้ค่ะ และให้เขาบอกน้องมาด้วยว่า เขาส่งออกมาเมื่อไร หมายเลข tracking number ของเอกสารคืออะไร ชื่อบริษัทที่เขาใช้ส่ง เช่น Fedex หรือ DHL น้องจะได้ติดตามสถานะเอกสารของน้องได้ และคำนวณได้ว่า ควรเลื่อนการนัดหมายไปเป็นเมื่อไรค่ะ ระหว่างนี้ก็เตรียมเอกสารขอวีซ่าไปพลางๆก่อนได้ค่ะ ส่วน DS 160 หรือ Sevis I-901 ไม่ได้มีกำหนดเวลาว่า ต้องกรอกล่วงหน้ากี่วัน เพียงแต่เราควรทำก่อน เพื่อไม่ให้ฉุกละหุกค่ะ บางคนที่บ้านไม่มี printer ต้องไปอาศัยบ้านเพื่อนค่ะ โชคดีนะคะ

  • Ple  On January 2, 2011 at 11:00 pm

    พี่คะ ขอบคุณมากๆ คะที่ช่วยตอบคำถามที่น้องสงสัยหลายอย่าง
    มีข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับ PIN สำหรับใช้ในการจองวันนัดสัมภาษณ์คะ
    น้องเคยซื้อ PIN ผ่านทาง Call center โดยในครั้งแรกที่จองไปนั้น น้องจองผ่าน Call center แต่ไม่แน่ใจว่า PIN ที่ได้มา สามารถนำไปใช้จอง / เลื่อนวันทางอินเตอร์เน็ตได้ด้วยตัวเองหรือไม่เพราะว่า น้องลองเข้าไปใน https://thailand.us-visaservices.com ลองทำการ Register ก็ได้ user name และ Password มาเพื่อเข้าไปดูสถานภาพของตัวเองในการนัดสัมภาษณ์ ได้ และสามารถดูวันที่ว่างได้ด้วย
    แต่ไม่กล้าคลิกเปลื่ยนวันหรือเลื่อนนัดผ่านทางเว็บคะ เพราะเกรงว่า PIN ที่ซื้อกับ Call center จะใช้ทำการเลื่อนนัดด้วยตัวเองผ่านทางเว็บไซต์ไม่ได้
    ขอบคุณมากๆคะพี่

    • govisa  On January 3, 2011 at 4:08 pm

      ไม่ได้ค่ะ เพราะราคาไม่เท่ากัน ให้น้องไปที่เว็บไซต์สถานทูตสหรัฐอเมริกา http://bangkok.usembassy.gov เข้าไปอ่านในหัวข้อวีซ่าชั่วคราว เกี่ยวกับการนัดสัมภาษณ์วีซ่า จะมีตัวหนังสือสีน้ำเงินที่เขียนว่า ” โปรดไปที่หน้าการซื้อและการใช้งานหมายเลขเฉพาะบุคคล (Pin)” น้องลองคลิกเข้าไปดูจะเป็น power point ข้างล่าง

      Click to access pinhowto_english.pdf

      ใน power point จะอธิบายว่าราคาค่านัดสัมภาษณ์ทางอินเทอร์เน็ต 12 เหรียญ ส่วนราคาค่านัดทางโทรศัพท์ 20 เหรียญ ใน PPT หน้า 5 จะเขียนว่า “PIN are not refundable,web and live agent service Pins are not interchangeable, and ownership transfer is not possible” ถ้าน้องจะนัดทางอินเทอร์เน็ตก็ต้องไป cancel ทางโทรศัพท์ก่อน แล้วซื้อ Pin ใหม่จะเป็นที่ไปรษณีย์ หรือ ตัดเงินค่า Pin ผ่านบัตรเครดิตก็ได้ค่ะ ประมาณเงินไทยคือ 360 บาท ราคาเงินบาทเปลี่ยนแปลงได้ โดยสถานทูตเป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม ณ เวลานั้นๆค่ะ ถ้าซื้อ Pin ที่ไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะบอกราคาให้ แต่ถ้าจะตัดจากบัตรเครดิต จะปรากฏราคาในหน้า website ที่ให้เราแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรเครดิตค่ะ

  • Fang  On January 4, 2011 at 6:17 pm

    สวัสดีค่ะ พอดีมีปัญหาเรื่องกรอกใบสมัครผิดค่ะ ขอรบกวนพี่ช่วยตอบคำถามด้วยนะคะตอนนี้เป็นกังวลมากๆ
    เป็นครั้งแรกที่หนูขอวีซ่าอเมริกาและขอวีซ่านักท่องเที่ยวค่ะ หนูยังเป็นนิสิตมหาลัยอยู่ปีสาม คือจะไปเที่ยวและไปเยี่ยมพ่อแม่แฟนที่โน่นซัมเมอร์นี้ค่ะ โดยแฟนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ตอนนี้กำลังเตรียมเอกสารอยู่แต่ทำกันเองกับแฟนก็หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตค่ะ พอดีกรอกข้อมูลวันที่ที่จะไปผิด หนูกรอกในใบสมัครเป็น ” Intended Date of arriveal: 10 may 2011″ แต่ความจริงควรจะเป็น ” 10 March 2011″ เพราะหนูปิดซัมเมอร์สามเดือน March,April,May ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่หนูจะไปเดือนพฤษภาคมเพราะมันใกล้จะเปิดเรียนเค้าอาจจะเข้าใจผิดว่าหนูจะเลิกเรียนแล้วไรงี้เปล่า แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ยังไงหนูก็จะกลับมาเรียนพันเปอร์เซ็น แต่ปัญหาคือหนูได้วันสัมภาษณ์และจ่ายค่าธรรมเนียมทุกอย่างแล้ว วันที่สิบมกราคมนี้ มันจะมีผลอะไรมั้ยคะ ถ้าหากหนูจะทำใบสมัครใหม่แล้วหนูต้องไปสัมภาษณ์ครั้งนี้มั้ย หรือว่าหนูควรทำอย่างไรดีคะ รบกวนพี่ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On January 4, 2011 at 10:06 pm

      ไปสัมภาษณ์วันที่ 10 มกราคมนี้หมือนเดิมค่ะ เอา Transcript ของมหาวิทยาลัยที่กำลังเรียนปริญญาตรี และจดหมายรับรองความเป็นนิสิตไปด้วยค่ะ ถ้ากงสุลถามว่าจะเดินทางไปอเมริกาเมื่อไหร่ ให้บอกวันที่ 10 มีนาคมตามความตั้งใจค่ะ แต่ในแบบฟอร์ม DS 160 ที่กรอกผิด ให้ชี้แจงกงสุลตามความเป็นจริงว่าเลือกเดือนผิด แล้วตรวจทานไม่ดีตอนที่มีให้ review ตอนสุดท้ายค่ะ เมื่อทำการนัดวันสัมภาษณ์เสร็จแล้วเพิ่งเห็นค่ะ พี่คิดว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง น้องบอกกงสุลได้อีกด้วยว่า มหาวิทยาลัยน้องปิดเทอมเมื่อไร และจะเปิดเทอมเมื่อไร หรือจะ print จากเว็บไซต์มหาวิทยบาลัยน้องว่า เปิดเทอมปี 2554 เมื่อไรไปให้เขาดูก็ได้ค่ะ ที่พี่คิดว่าน้องควรเป็นกังวล คือ ใครเป็น sponsor มากกว่า จากที่น้องเขียนมาว่า แฟนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้พีไม่แน่ใจว่า ถ้าพ่อแม่แฟนเป็น sponsor เขาก้ไม่ใช่ญาติแท้ๆของเรา ประเด็นนี้ต่างหากที่กงสุลอาจถามได้ว่า แล้วทำไมคุณพ่อคุณแม่น้องจึงไม่เป็น sponsor ให้ค่ะ และอาจถามเลยไปด้วยซ้ำว่า รายได้พ่อแม่น้องอยู่ในเกณฑ์อย่างไร เป็นต้นค่ะ

      ส่วนคำถามที่ถามว่า จะกรอกฟอร์ม DS160 ใหม่ พี่ไม่เห็นด้วย เพราะหมายเลข Confirmation Number จะเปลี่ยนไปไม่ตรงกับที่เราแจ้งไว้ในฟอร์ม DS 160เดิมค่ะ

      • Fang  On January 5, 2011 at 6:14 pm

        พี่คะขอบคุณมากนะคะที่ช่วยตอบคำถามและให้คำแนะนำ
        ตอนนี้บอกตรงๆว่ายิ่งกังวลมากกว่าเดิมอีก เหมือนรู้ตัวแล้วว่าเราต้องผิดหวังกลับมาแน่ๆเพราะตอนแรกคิดว่าจะใช้แค่statement ของแฟนและครอบครัวแฟนก็น่าจะได้ สำหรับครอบครัวหนูถึงจะไม่ยากจนแต่เราก็ไม่มีเงินหมุนเข้าออกเป็นล้านๆ พ่อแม่ก็เป็นเกษตรกรทำนาเกือบร้อยไร่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นเจ้าของนาทั้งหมด เพราะส่วนใหญ่เช่าเขา และก็มีเครื่องจักร เช่น รถแมคโคร รถเกี่ยวข้าว และรถแท๊คเตอร์ รถยนต์ แต่ทรัพย์สินพวกนี้บางส่วนยังผ่อนเขาอยู่เลยและถ้าจะเอาเอกสารเกี่ยวกับ ทะเบียนหรือใบยืนยันว่าเรามีทรัพย์สินจริง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะผ่อนอยู่ใครเขาจะให้เอกสารพวกนั้นมา มีแค่ใบซื้อขายไรพวกนี้ ถ้าหากต้องเอาไปใช้สัมภาษณ์มันยิ่งจะไม่ทำให้เราดูแย่เหรอคะ บอกตรงๆว่าหนูหมดหวังจริงๆ เล่าให้แฟนฟังเกี่ยวกับคำแนะนำของพี่และอะไรที่กงศุลจะถามเรา เค้าก็ถึงกลับเศร้าไปเลย เค้าเองก็ปรึกษาญาติๆเค้าว่าจะเอาไงดี ถ้าไม่ได้จริงคงต้องแต่งงาน แต่ถึงหนูจะไม่ได้วีซ่าครั้งนี้แฟนเองเค้าก็จะกลับมาเมืองไทยค่ะ แต่เค้าก็อยากให้เราไปเจอพ่อแม่เค้าไรงี้ เค้าถึงกับบอกว่า ผมไม่ไหวละจะจ้างใครก็ได้ให้ช่วยคุณทำเรื่องวีซ่านี้ “it makes me sick in my stomach this is unbelievable!” พี่คะรบกวนอีกนิดขอคำแนะนำด้วยนะคะ
        ขอบคุณล่วงหน้ามากๆเลยค่ะ

      • govisa  On January 6, 2011 at 10:17 pm

        ให้น้องลองดูกฎเกณฑ์การทำวีซ่าคู่หมั้น K1 พี่ไม่มีความถนัดในเรื่อง visa K-1 อย่างไรก็ตาม พี่ลอง search ดู มีบางเว็บไซต์เขียนเกี่ยวกับเรื่องวีซ่าคู่หมั้นได้น่าสนใจ คือ
        1. http://www.uscis.gov/portal/site/uscis/menuitem.eb1d4c2a3e5b9ac89243c6a7543f6d1a/?vgnextoid=640a3e4d77d73210VgnVCM100000082ca60aRCRD&vgnextchannel=640a3e4d77d73210VgnVCM100000082ca60aRCRD เว็บแรกเป็นเว็บที่เป็นทางการของรัฐบาลอเมริกันที่อธิบายเรื่องวีซ่าคู่หมั้นและแบบฟอร์ม
        2. http://www.siam-legal.com/US_Visa/k1-visa-thailand-thai.php
        3. http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mrsmurtaugh&month=20-07-2007&group=2&gblog=6
        ถ้าน้องค้นดูใน google จะมีอีกหลายเว็บไซต์ ลองดูหลายๆเว็บไซต์เปรียบเทียบกันค่ะ แต่ถ้าน้องจะขอวีซ่านักท่องเที่ยวตามความตั้งใจเดิม ลองถามคุณพ่อคุณแม่ว่า เรามีญาติคนไหนที่สนิท และมีฐานะการเงินดีพอที่จะเป็น sponsor ให้ได้บ้างหรือไม่ค่ะ

  • Pat  On January 4, 2011 at 9:30 pm

    ถ้า passport information ใน DS160 ไม่เหมือนกับตอนที่ไปสัมภาษณ์จะมีปัญหามั๊ยคะ คือpassportหมดอายุปลายAug2011อ่ะคะ เลยจะยังต่ออายุไม่ได้จนถึงปลายFeb แล้วกลัวว่าถ้ารอpassportใหม่แล้วค่อยนัดวันสัมภาษณ์ มันจะเต็มอะคะ ต้องเดินทางกลางMayอ่ะคะ ทำยังไงดีคะ
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On January 4, 2011 at 10:20 pm

      พี่คิดว่าน่าจะรอ passport เล่มใหม่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ดีกว่าค่ะ คิวนัดสัมภาษณ์คงไม่เต็มมากขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะถ้าน้องไปทำ passport ใหม่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ทันที จะใช้เวลา 3 วันในการไปรอรับ Passport เล่มใหม่ที่กรมกงสุลด้วยตัวเอง กลับมาถึงบ้านวันนั้น ให้รีบกรอกฟอร์ม DS 160 เลยค่ะ วันที่ว่างที่จะให้นัดได้โดยทาง Outsource ของสถานทูตจะปล่อยวันว่างออกมาให้ทำการจองนั้นจะไม่เกินประมาณ 2-3 อาทิตย์เท่านั้น เช่นถ้าน้องเข้าไปในเว็บไซต์ที่นัดในวันที่ 1 มีนาคม น้องจะเห็นวันว่างประาณ2-3 อาทิตย์แรกของเดือนมีนาคมเท่านั้นค่ะ ปลายเดือนมีนาคมจะยังไม่มีแถบสีเขียวระบายในช่องสี่หลี่ยม เพื่อแสดงว่าว่างค่ะ

  • mas  On January 7, 2011 at 7:41 pm

    *เข้าไปดูวันนัดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2011 แล้วน่ะค่ะ จนวันนี้ยังไม่เห็นมีวันว่างเลยค่ะ
    ไม่ทราบว่าควรจะเข้าไปเช็คตอนไหนดีคะ ถึงจะได้วันนัดซักกะที
    *กรอกแบบฟอร์มไว้ว่าจะเดินทางประมาณ 10 มกราคม 2011 ไม่คิดว่าจะไม่มีคิวว่างเลย
    อย่างนี้ต้องกรอกแบบฟอร์มใหมรึเปล่าคะ แล้วใช้ PIN เดิมได้มั๊ยคะ
    หรือว่าต้องซื้อ PIN ใหม่ด้วยคะ
    หรือว่าสามารถแจ้งเค้าตอนสัมภาษณ์ได้คะว่าเราต้องเลื่อนวันเดินทางเพราะยังไม่ได้วีซ่า
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On January 7, 2011 at 10:07 pm

      พี่คิดว่าน้องรีบเขียน ที่จริงคือเดือนธันวาคม 2010 ใช่ไหมคะ ขอตอบคำถามน้องเป็นข้อๆดังนี้ คือ
      1. ปกติ outsource ของสถานทูตจะปล่อยวันนัดที่ว่างๆออกมาให้ทุกคนจองแค่เดือนเดียวค่ะ เราจะไม่เห็นของเดือนอื่นๆ ยกเว้น ถ้าเป็นปลายเดือนนี้ อาจจะเห็นประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ของเดือนหน้าเท่านั้นเองค่ะ เมื่อวานนี้พี่แนะนำน้อง 2 ท่าน เลยทำให้พอทราบมีวันว่างเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2011 อยู่ประมาณ 5 หรือ6 วันค่ะ
      2. น้องกรอกฟอร์ม DS160 ไปแล้วไม่ต้องกรอกใหม่ เพราะถ้ากรอกใหม่ confirmation number น้องจะเปลี่ยนไปอีก เรื่องวันที่เดินทางที่กรอกไปแล้ว น้องไปแจ้งกะสถานทูตได้ ถ้าเขาสัมภาษณ์เรา โดยบอกเขาไปว่า ตอนกรอกวางแผนจะไปวันที่ 10 มกราคม แต่พอจะทำนัด ไม่มีวันนัดที่ว่างเหลืออยู่ให้จองเลยค่ะ
      3. Pin ใช้อันเดิมได้ไหม คำตอบคือ ถ้าน้องยังไม่ได้ confirm วันนัดก็ยังใช้ Pin อันเดิมได้ค่ะ เพราะ Pin มีอายุ 3 เดือน แต่ถ้าconfirm วันนัดแล้ว Pin จะเหลืออายุการใช้งาน 10 วันที่จะขอ cancel วันนัดเดิม เพื่อเปลี่ยนวันนัดใหม่ค่ะ น้องสามารถอ่านได้จาก link ที่พี่ให้ค่ะ
      https://thailand.us-visaservices.com/Forms/SelfServiceFAQ.aspx
      4.กรณียังไม่เห็นวันนัดสีเขียวซึ่งหมายถึงวันว่าง ที่เราจะทำการจองวันนัดได้ ทำได้ทางเดียว คือ หมั่น log in เข้าไปดูวันละหลายรอบ เปลี่ยนเวลาเป็นเช้า สาย บ่าย เย็น กลางคืน ว่า เขาปล่อยวันนัดออกมาแล้วหรือยังค่ะ มีน้องที่ขอคำแนะนำ 1 ท่าน รออยู่ 1 อาทิตย์จึงได้วันนัดค่ะ

  • Minaminn  On January 9, 2011 at 11:25 pm

    แล้วเรายังต้องไปยืนต่อแถวยาวๆยื่นเอกสารเหมือนเมื่อก่อนอยูหรือเปล่าคะ

    • govisa  On January 11, 2011 at 1:01 am

      ไม่ต้องคอยนานอย่างเมื่อก่อนค่ะ เพราะผู้ยื่นขอวีซ่ามีสิทธิ์ได้เข้าไปในสถานทูต ก่อนเวลานัดหมายเพียง 30 นาทีเท่านั้นค่ะ

  • aui  On January 11, 2011 at 7:12 pm

    ได้เข้าไปกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม DS-160 ทางเว็บไซต์แล้วค่ะ และได้เข้าไปกรอกเลขที่ยืนยันการสมัคร หรือ confirmation number และทำตามขั้นตอนทุกอย่างนะคะ แต่เห็นแถบบาร์โคด ถือว่าแบบฟอร์มนี้ใช้ไม่ได้ใช่ไหมคะ และไม่สามารถเข้าไปนัดวันสัมภาษณ์ได้ ซึ่งไม่ทราบว่าเกี่ยวกับที่เราไม่มีแถบบาร์โคดหรือเปล่า ช่วยตอบด้วยนะคะ ตอนนี้มืดแปดด้านมาก ๆ ค่ะ

    • govisa  On January 11, 2011 at 11:36 pm

      ถ้าน้องเห็นแถบบาร์โค้ด แปลว่าทำถูกต้องตามขั้นตอนแล้วค่ะ น้องสามารถนำ confirmation number ไปใช้นัดสัมภาษณ์วีซ่าได้เลยค่ะ แต่คำถามที่เขียนถัดไปว่า “ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับที่เราไม่มีบาร์โค้ดหรือเปล่า” ทำให้พี่งงว่า ตกลงน้องได้หรือไม่ได้บาร์โค้ดค่ะ ช่วยอธิบายมาอีกครั้งนะคะ พี่จะได้ช่วยคิดว่า จะแก้ไขอย่างไรค่ะ

    • govisa  On January 12, 2011 at 6:19 am

      พี่ขอตอบเพิ่มอีกนิดเกี่ยวกับวันที่นัดสัมภาษณ์ ถ้าไม่เห็นวันที่สีเขียว เห็นแต่สีเหลือง กับสีฟ้าอมเขียว แปลว่า ทาง outsource ยังไม่ได้กำหนดว่า สถานทูตจะมีวันว่างวันที่เท่าไรออกมาให้จองได้บ้างค่ะ ต้องหมั่น log in เข้าไปดูว่า ปฏิทินที่จะเปิดให้จองวันนัดสัมภาษณ์ เริ่มมีวันที่ที่ระบายสีเขียวในช่องสี่เหลี่ยม เพื่อให้จองวันนัดสัมภาษณ์ได้แล้วหรือยัง น้องต้องเข้าไปดูอยู่เรื่อบๆ วันละหลายครั้ง เพราะบางทีพอเห็นวันที่ระบายสีเขียวแป๊บเดียว ก็หายไป ไม่ว่างแล้ว เพราะคนจองเต็มไปอีกแล้วค่ะ

  • kedsarin  On January 13, 2011 at 4:48 pm

    อยากสอบถามการกรอก DS 160 ค่ะ
    พอดีนามสกุลในพาสพอร์ทมีเครื่องหมายขีดอยุ่ค่ะ FONG-NGERN เเต่กรอกใน DS 160 ไม่ได้ จึงกรอกไปดังนี้ค่ะ FONG NGERN ไม่ทราบว่าพอจะได้ไหมคะ
    รบกวนอีกข้อนะคะ พอดีตอนนี้ ยังไม่ได้ส่ง DS 2019 ไปยังยูที่ USA เลบค่ะ จะสามารถจองวันสัมภาษณ์ได้ไหมคะ …

    • govisa  On January 13, 2011 at 9:34 pm

      1. นามสกุลไม่มีขีด Hyphen ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา เงื่อนไขในการกรอกฟอร์มหยุมหยิมบ้างเล้กน้อยค่ะ ทำตามกฎที่เขาวางไว้นะคะ ถ้าน้องจะใช้วิธีเว้นช่องไฟ ย่อมทำได้ได้ไม่มีปัญหาค่ะถ้าโปรแกรมรับค่ะ แต่ถ้าไม่รับให้ติดกันไปเลยค่ะ เวลากรอกบ้านเลขที่มีเครื่องหมาย / ก็ใส่ไม่ได้ ต้องเว้น 1 ช่อง หรือจะใส่เครื่องหมาย hyphen แทน ก็ได้ค่ะ
      2. จะอยู่ที่ประเทศไหน น้องสามารถเข้าหน้าเว็บไซต์ https://ceac.state.gov/genniv/ เพื่อกรอกฟอร์มวีซ่าได้ค่ะ โดยที่ตัวน้องยังไม่กลับมาที่เมืองไทย เหตุผลที่ต้องกรอกฟอร์มวีซ่าให้เสร็จก่อน เพื่อน้องจะได้มีหมายเลข Confirmation number ค่ะ ถ้าน้องไม่มีหมายเลขนี้ ซึ่งมักจะขึ้นต้นด้วย AAแล้้วตามด้วยตัวเลข น้องจะทำการนัดหมายยังไม่ได้ค่ะ เพราะส่วนหนึ่งในการกรอกฟอร์มการนัดสัมภาษณ์ จะให้เรากรอก Confirmation number ค่ะ

  • แนน  On January 14, 2011 at 11:07 pm

    พี่คะ ขอถามหน่อยนะ คะ คือจาไปท่องเที่ยวอเมกา เดือน May นี้อ่ะ ค่ะ
    เครียดมากนอนไม่หลับมาหลายวัน คือจาไห้เเม่เลี้ยงเป็นสปอเซอร์ให้ได้มั๊ยคะ
    เพราะพ่อ อยู่เเละทำธุรกิจที่สมุยกับเเม่เลี้ยง เเละ นำเงินเข้าออกที่บัญชีเเม่เลี้ยงอ่ะค่ะ
    มีสำเนาทะเบียบบ้าน ยืนยันว่าเค้าอยู่บ้านเดียวกัน
    เเบบ นี้ จะใช้สเตทเม้นของเเม่เลี้ยง เป็น สปอเซอร์พอจะได้มั๊ยคะ
    รบกวนหน่อยนะคะ

    • govisa  On January 15, 2011 at 1:03 pm

      น้องเรียกแม่เลี้ยงว่าอะไรคะ ถ้าเรียกว่าน้าหรืออา ก็บอกความสัมพันธ์ไปกับกงสุลว่าเป็นน้าหรือเป็นอาค่ะ เพราะน้องเขียนมาบอกว่าท่านทั้งสองไม่ได้จดทะเบียนกัน คุณพ่อและคุณน้าหรือคุณอาท่านนี้ตกลงทำธุรกิจด้วยกัน และบัญชีที่ใช้จะเป็นบัญชีชื่อคุณน้าหรือคุณอาท่านนี้ ส่วนใบจดทะเบียนการค้า ก็น่าจะนำไปให้กงสุลดูด้วยว่า เป็นธุรกิจของพ่อ แต่พ่อยุ่งมากไม่มีเวลาไปธนาคาร น้าหรืออาท่านนี้ มีเวลามากกว่าที่จะไปธนาคาร เลยใส่ชื่อเจ้าของบัญชีว่าเป็นน้าหรืออาคนนี้ไปแทนค่ะ และถ้าหากทำได้ ก็ลองเลียบๆเคียงๆคุยกะพ่อดูว่า มีบัญชีที่อยู่ในชื่อของพ่อบ้างไหม ถึงแม้ว่า จะน้อยกว่าเล่มของน้าหรืออาท่านนี้ แต่เขาเป็นพ่อเรา ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพ่อเรา นำไปให้กงสุลดูด้วย ก็น่าจะดูดีค่ะ หรือกันไว้เพื่อเขาถามถึง จะได้หยิบขึ้นมาให้กงสุลท่านดูว่า พ่อก้มีบัญชีเหมือนกันค่ะ อย่าเครียดมาก เพราะจะทำให้ประหม่า ตอบคำถามไม่ได้ดั่งใจค่ะ โชคดีค่ะ

  • แนน  On January 14, 2011 at 11:08 pm

    พ่อเเละเเม่เลี้ยงไม่ได้จดทะเบียนกันอ่ะ คะ
    ควรใช้หลักฐานอะไรยืนยันว่าเเม่เลี้ยงเปนคนส่งเสียมาโดยตลอด

    • govisa  On January 15, 2011 at 1:13 pm

      ตอบไปแล้วส่วนหนึ่งค่ะ ส่วนที่ถามว่าใช้หลักฐานอะไรว่าแม่เลี้ยงส่งเสียตลอด นั่นซิคะ ที่พี่ก็อยากถามน้อง พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะสาเหตุใดคะ เช่น หย่าร้าง หรือ ถึงแก่กรรม ถ้าในสองกรณีดังกล่าว ฏ้น่าจะมีหลักฐาน เช่น ใบหย่า ใบมรณกรรม เป็นต้น แล้วมาอยู่กับคนใหม่ ไม่ได้จดทะเบียน ตรงนี้แหละที่ไม่มีใบสมรสเป็นหลักฐาน จึงพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่า แม่เลี้ยงที่มาใหม่ทำหน้าที่เป็นแม่ ท่านจ่ายค่าเล่าเรียน และอื่นๆให้เรา ตั้งแต่เมื่อเราอายุเท่าไร พี่ไม่อยากให้น้องอ่านแล้วยิ่งเครียด เอาเป็นว่าก็ไปตามความเป็นจริงแล้วกันค่ะ พี่เห็นส่วนใหญ่ถ้าคนที่อยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยงตอนเด็กๆโตมากแล้ว เด็กๆส่วนใหญ่จะไม่เรียกแม่ แต่จะเรียกว่า น้า หรือ อากัน น้องเรียกท่านว่าอะไรคะ ที่เหลืออ่านในคำถามแรกที่น้องเขียนมา และพี่ตอบไปแล้วค่ะ

  • แนน  On January 15, 2011 at 8:04 pm

    ขอบคุณมากค่ะ ก็เรียกว่า อา เเหละค่ะ พ่อดี พ่อหนูไม่สามารถมีบัญชีใดๆได้เพราะติดเเบลกลิสค่ะ
    พ่อกับเเม่จริงไม่ได้จดทะเบียนกัน จากนั้นเเยกทางกันอยู่มาได้ สิบปีเเล้วมั้งคะ
    เเล้วถ้าเป็นกิจการที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท หละคะ ควรทำยังไง ถ่ายรูปมาไห้เค้าดูหรอคะ
    T^T ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่สละเวลาตอบคำถามน้าค้า ตอนนี้อาก็กำลังส่งstatement มาค่ะ เเต่ตัวหนูเองเพิ่งจบเเต่ได้เซ็นcontract งานไปเเล้ว เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ไหย่อยู่ ยังไงก้อต้องกลับมาทำเเน่นอนเเละต้องกลับมารับปริญญาด้วยอ่ะค่ะ จามีโอกาสได้มั่งมั๊ยคะเนี่ย

    • govisa  On January 16, 2011 at 11:03 am

      น้องแนน พี่ให้กำลังใจน้องค่ะ ทำดีที่สุด พูดอธิบายกงสุลตามความเป็นจริง น้องจะมีจดหมายอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ด้วยก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ อย่าลืมว่า อเมริกาให้โอกาสน้องขอวีซ่าหลายครั้งค่ะ น้องอาจจะรอทำงานครบ 1 ปีก่อน มีเงินเก็บของตัวเองในระดับพอสมควรที่จะไปท่องเที่ยวได้ หรือ ถ้าคิดจะเรียนต่อแล้วขอวีซ่านักเรียน ก็ขอให้มีสถานที่เรียนตอบรับน้องเข้าเรียนเป็นเรื่องเป็นราวไปค่ะ พี่ขอแบ่งประเด็นคำถาม และตอบเป็นประเด็นๆไปค่ะ
      1. คำว่าพ่อติดแบล็คลิสต์ คือ พ่ออยู่ในฐานะล้มละลาย ไม่สามารถมีบัญชีในชื่อของตนเองได้ ถ้าพี่จะถามต่อไปว่า พ่อมีญาติที่เป็นพี่หรือน้องไหมคะ ที่มีสถานะทางการเงินดีที่พอจะช่วยค้ำประกันให้น้องได้ ถ้ามี จะพอช่วยน้องได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งที่จริงก็ไม่ได้มีความผูกพันกับตัวน้องและมีน้ำหนักเท่ากับคนเป็นพ่อแม่ค่ะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีคนใกล้ชิดเราทางสายเลือดค้ำประกันเราค่ะ
      2.พ่อกับแม่จริงแยกกันอยู่ น้องยังติดต่อแม่จริงไหม ถ้ายังคงติดต่ออยู่ พอทราบสถานะทางการเงินท่านไหม จะขอร้องให้ท่านช่วยค้ำประกันได้ไหมคะ
      3. ถ้าเป็นกิจการไม่ได้จดทะเบียน ก้เหมือนกับธุรกิจนั้นเลี่ยงภาษี คงทำได้ทางเดียวอย่างที่น้องถามมา คือ ถ่ายรูป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สุดแท้แล้วแต่กงสุลจะพิจารณา
      4. statement ที่อาส่งมาขอให้ส่งตัวจริง ถ้าเป็นถ่ายเอกสาร ควรมีคำว่า ‘รับรองสำเนาถูกต้องเหมือนของจริงด้วยค่ะ’
      5.การเพิ่งเซ็นต์สัญญาเข้าทำงาน แสดงว่าน้องมีงานทำ แต่ไม่ได้มีการการันตีจากที่ทำงานว่า ได้วีซ่าไปเที่ยวแล้ว จะกลับหรือไม่กลับไทย ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ระหว่างประเทศ หรือที่บอกว่า จะกลับมารับปริญญา ก็ไม่มีอะไรรับรองได้ว่าเราจะรักษาคำพูดได้มากน้อยแค่ไหน กงสุลท่านก็มีเวลาสัมภาษณ์ผู้ยื่นขอวีซ่าแต่ละคนแป๊บเดียว ไม่น่าจะเกิน 5 นาที กงสุลจะอ่านเอกสารน้องก่อนหน้านานแล้วตอนน้องกรอกออนไลน์ และตอนเช้าที่น้องเข้าไปยื่นเอกสารที่สถานทูต เพราะฉะนั้นตอนถามน้องเขาก็พอรู้อยู่ว่า ควรถามอะไรผู้้ยื่นขอวีซ่าคนนี้ดีค่ะ เอาหยั่งนี้แล้วกันค่ะ มีจดหมายรับรองการทำงานจากบริษัท 1 ฉบับ, รายการที่อาจจะอยู่บนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยน้องว่า รับปริญญาเมื่อไหร่, รายการท่องเที่ยวว่า วันไหนจะไปเที่ยวไหนบ้าง, บัญชีของตัวน้องเอง เพราะผู้ยื่นขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว (B-1) ต้องแสดงฐานะการเงินของตนเองด้วยว่า มีเงินเก็บมากพอสมควรจึงจะไปเที่ยว ที่เอาบัญชีอามาแสดงเพื่อประกอบเท่านั้นค่ะว่า ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน ที่บ้านมีเงินส่งไปช่วยเพื่อให้เรากลับมาเมืองไทย

      หมายเหตุ วีซ่านักท่องเที่ยวต้องใช้บัญชีตนเองเป็นหลัก โดยเฉพาะน้องที่ทำงานแล้ว ต้องใช้บัญชีตนเองค่ะ การที่วีซ่านักท่องเที่ยวแล้วใช้บัญชีผู้ปกครอง คือเราอยู่ในสภาพนักเรียน ไปเที่ยวอเมริกาตอนปิดเทอมที่เมืองไทยค่ะ

  • แนน  On January 15, 2011 at 8:45 pm

    เเล้วต้องเขียนจดหมายอธิบายความสัมพันระหว่างหนูพ่อเเละเเม่เลี้ยง
    ไห้สถานทูตมั๊ยพิจารณามั๊ยคะ

  • แนน  On January 16, 2011 at 2:03 pm

    ค่ะพี่เเล้วเเบบนี้ หนูใช้ของน้า ซึ่งเป็นน้องเเม่เเทนได้มั๊ยค่ะ
    เป็นข้าราชการ c6 เเต่เงินเหลือในธนาคารก็ไม่มาก
    เเต่มีเงินเดือนเข้าออกทุกเดือน
    จะดีกว่ามั๊ยคะ
    เเล้วถ้าเค้าถามว่าทำไมไม่ใช้ของพ่อเเม่ จะตอบว่ายังไงคะ
    พี่ทำไมเป็นคนน่ารักเเบบนี้เนี่ย ถ้าหนูได้วีซ่า อยากส่งของขวัญไปไห้จังเลย

    • govisa  On January 16, 2011 at 9:01 pm

      น้องแนนคะ เนื่องจากน้องเขียนมาถามอีกทาง ทำให้พี่มาอ่านคำถามนี้ทีหลัง ประกอบกับเห็นอีกคำถามที่ส่งเข้ามา ขอรวบยอดตอบเลยแล้วกันนะคะ จากที่เขียน ทำให้ประมวลได้ว่า น้องกำลังเรียนเทอมสองของปี 4 อยู่ ถ้าอย่างนั้น ก็ใช้ statement ของผู้ปกครองได้ค่ะ เพียงแต่ Statement ของน้ามีน้อยมากค่ะ กงสุลเขาประเมินดูด้วยว่าน้องจะไปนานกี่สัปดาห์ไปเที่ยวรัฐไหน ค่าครองชีพรัฐนั้นเป็นอย่างไร ตัวเลขในบัญชีผู้ค้ำประกันมีความสมเหตุสมผลไหมคะ เราลองมาหาสมมติฐานคร่าวๆ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดจากการไปเที่ยวครั้งนี้ค่ะ ดูค่าใช้จ่ายคร่าวๆกันนะคะ ถ้าไม่พูดถึงการที่เพื่อนอเมริกันจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้นะคะ ค่าอาหารมื้อละ 10-12 เหรียญ เอาเป็น 12 เหรียญคูณ 3 มื้อ ก็36 เหรียญ สมมติน้องไป 10 วัน เป็นเงิน 360 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,800 บาท ค่ารถไปเที่ยว เติมน้ำมันรถ ไปไหนบ้างพี่ก็ยังไม่รู้ ค่าผ่านประตูที่จะเข้าไปเที่ยว ค่าที่พักระหว่างเดินทางท่องเที่ยว 10วัน น่าจะอยู่ที่ 800 เหรียญ คิดเป็นเงินไทย 24,000 บาท ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-อเมริกา พี่ไม่ทราบว่าน้องไปรัฐไหน แล้วจะเลือกสายการบินอะไร เอาเป็นเลือกตั๋วราคาไม่แพง ก็ประมาณ 35,000 บาท ถ้าเอายอดตัวเลข 35,000+24,000+10,800 =69,800 บาท น้ามีเงินในบัญชี 100,00 บาท หลังจากน้องไปและกลับมา น้าจะเหลือเงิน 30,200 บาท กงสุลคงสงสัยว่า น้าแทบไม่เหลือเงินที่ใช้เวลาเก็บมานาน ดังนั้นเห็นทีจะต้องใช้บัญชีคุณอาที่เป็นแม่เลี้ยงเป็นบัญชีหลัก และของน้ายื่นเข้าไปสนับสนุนอีกคนค่ะ
      ส่วนที่บอกว่า ให้เป็นรางวัลที่หางานทำดีๆได้ คงไม่เหมาะ เพราะกงสุลก็คงเห็นแล้วว่า แม่ไม่มีเงินในบัญชี แต่กลับให้ของขวัญน้องซึ่่งมีราคาแพงมาก ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยมีเหตุผลค่ะ น้องก็บอกเขาไปตรงๆแล้วกันว่า เพื่อนที่อเมริกาเชิญไปเที่ยว โดยจะออกค่าอะไรบ้างให้น้อง และมีแผนการไปไหนบ้าง ไปกี่วันค่ะ แล้วรอฟังคำตัดสินใจจากกงสุลในวันที่ไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ เพราะถ้าพี่บอกให้น้องรอไปก่อน 1 ปี น้องอาจตอบว่า รอไม่ไหว
      ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ พีขออวยพรให้น้องได้วีซ่าไปเที่ยว ตั้งใจเตรียมเอกสารให้ดีที่สุด และตอบคำถามด้วยความมั่นใจว่า เราจะกลับมาทำงานที่เมืองไทยค่ะ ส่วนได้หรือไม่ได้ อย่าเพิ่งไปเครียดก่อนล่วงหน้าค่ะ

  • แนน  On January 16, 2011 at 4:19 pm

    ในเเบบฟอร์ม DS 160 หนูก้อกรอกไปว่ากำลังศึกษาอยู่ปีสี่
    เเบบนี้การที่ ใช้สเตทเม้นน้า ที่มีเงินเหลือในบัญชีประมานหนึ่งเเสนบาท
    เเต่มีเงินเดือนเข้าทุกเดือน จะใช้ได้หรอค่ะ
    เเล้วการที่ในบัญชีหนูมีเงิน ประมาน หก หมื่น เเล้วก้อกำลังเรียนอยู่ มันจะสมเหตสมผลมั๊ย
    คำถามคือ ไครเอาเงินส่วนนั้นไห้เรา ยังไม่ได้เริ่มทำงานด้วย

    คือบัญชีเเม่เลี้ยงจะมีเงินเข้าออกทุกเดือนเป็นเเสนอ่ะค่ะ
    เเล้วพ่อก็ส่งเสียโดยโอนจากบัญชีนั้นเข้าบัญชีหนู
    ตอนนี้หนูอยู่กับเเม่ เเต่เเม่ทำร้านอาหารเล็กๆไม่มีสเตทเม้นค่ะ
    พ่อทุธุรกิจอยู่คนละที่กัน

    ถ้าจะบอกว่า เเม่ให้ไปอเมกา เป็นของขวัญเพราะ สอบเข้าทำงานที่ดีดีได้
    เเล้วใช้สเตทเม้นน้า เเละบัญชีเราร่วมด้วย
    คนสัมพาดเค้าจะไม่ถามหรอคะ ว่าทำไมไม่ใช้ของเเม่

  • แนน  On January 17, 2011 at 8:25 pm

    พี่คะขอรบกวนคำถามสุดท้ายนะคะ
    ถ้าใช้สเตทเม้นของ ภรรยาของน้า ซึ่งน้าเป็นน้องชายเเม่

    ภรรยาของน้ามีนามสกุลเดียวกับเเม่หนู เเบบนี้ถ้าบอกสถาณทูตว่าเป็นบัญชีของ น้องเเม่
    ทางสถาณทูต จะ ตรวจเช็คเจอมั๊ยคะ ว่าจิงๆเเล้วไม่ใช่น้องเเต่เป็นน้าสะใภ้

    • govisa  On January 19, 2011 at 5:34 am

      ถ้ากงสุลมองเร็วๆไม่ทันสังเกต เขาคงไม่ถาม เพราะคิดว่าเป็นน้าจริงๆค่ะ ซึ่งก็มีหลายคนที่โชคดี เพราะเหตุนี้ มีส่วนน้อยมากเท่านั้น ที่อาจถูกซักถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ว่า มีหลักฐานอะไรที่แสดงว่า เป็นน้า ซึ่งถ้าถูกถามแบบนี้ก็คือ ใบทะเบียนสมรสระหว่างน้าชายกับน้าสะใภ้ค่ะ เพียงแต่ว่า กงสุลจะไม่ค่อยให้น้ำหนักกับคนที่เข้ามาเป็นญาติ by law เพราะความสัมพันธ์ไม่ใกล้ชิดเท่า by blood ค่ะ

  • ปุ้ย  On January 17, 2011 at 11:10 pm

    เพิ่งกรอก DS160 submitted เรียบร้อยแต่มาดูอีกที ผิดตรงวันเกิดที่เดียว ควรจะำทำยังไงดีคะ ควรทำกรอกมั้ยหรือยังไงดี แนะนำหน่อยคะ

    • govisa  On January 19, 2011 at 5:11 am

      ถ้าน้องยังไม่ได้ทำการ confirm วันนัดสัมภาษณ์ กรอกฟอร์ม DS 160 ใหม่ได้ค่ะ และสิ่งที่จะเปลี่ยนไป คือ หมายเลข confirmation number จะเปลี่ยนไปค่ะ แต่ถ้าทำการนัดสัมภาษณ์ไปแล้ว อย่าแก้ใน DS 160 เลยค่ะ คงต้องไปบอกเจ้าหน้าที่ในสถานทูต ที่เป็นคนตรวจเอกสารก่อนไปถึงช่องสัมภาษณ์ว่า ตรง Date of Birth กรอกผิดค่ะ

    • govisa  On February 16, 2012 at 8:36 pm

      ถ้าน้องปุ้ยยังไม่ได้นัดวันสัมภาษณ์วีซ่า ควรอย่างยิ่งที่จะต้องกรอกใหม่ เพราะเป็นความผิดที่จุดที่สำคัญมากเกี่ยวกับประวัติน้องเองค่ะ ถ้านัดวันสัมภาษณ์ไปแล้วก็ควรต้องกรอกใหม่และนำ DS-160 Confirmation Number ทั้งหมายเลขเก่าและหมายเลขใหม่ไปยื่นให้กงสุลดูด้วยค่ะ

  • aui  On January 18, 2011 at 12:16 pm

    คือน้องได้เข้าไปกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม DS-160 และได้รับ conferm number และแถบบาร์โคดมาเรียบร้อยแล้วค่ะ หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปล็อกอิน และกรอกข้อมูลส่วนตัวและ หมายเลข conferm number เรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฎว่าในปฏิทินยังไม่มีวันสัมภาษณ์ให้ยังคงเป็นสีเหลืองที่บอกว่ายังไม่เปิดให้สัมภาษณ์ และสีฟ้าคือเต็ม..น้องอยากทราบว่า
    1. เป็นเพราะเรายังไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าหรือเปล่าคะ แต่เท่าที่อ่านน้องเข้าใจว่าเราควรได้วันสัมภาษณ์ก่อนที่จะจ่ายค่าธรรมเนียม???
    2. น้องมีกำหนดการที่จะเดินทางในวันที่ 3 เมษายน 2554 แต่ในจดหมายอนุญาต ระบุวันที่ 4 เมษายน 2554 จะมีปัญหามั้ยคะ อีกอย่างถ้าตอนนี้ยังไม่ได้สัมภาษณ์จะทันหรือเปล่า
    3. ในกรณีที่มีสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางต้องมีจดหมายเชิญเป็นหลักฐานมั้ยคะ หรือว่าแค่เอกสารเท่าที่จำเป็น เช่น บัตรประจำตัวหรือ id card, บัญชีธนาคาร ก็พอแล้ว
    รบกวนตอบให้ด้วยนะคะ…ขอบคุณล่วงหน้ามาก ๆ ค่ะ

    • govisa  On January 19, 2011 at 5:26 am

      1. ค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ต้องไปจ่ายที่ไปรษณีย์ราคาประมาณ 4,200 บาทจ่ายวันไหนก็ได้ ไม่ต้องรอให้ได้วันสัมภาษณ์จึงจะจ่ายค่ะ เพียงแต่เก็บรักษาใบเสร็จให้ดี เพราะมีคนเคยทำหาย ไปรษณีย์จะไม่ออกใบแทนให้ค่ะ ต้องจ่ายใหม่ค่ะ ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับวันนัสัมภาษณ์ คำถามที่ถามมา เนื่องจากช่วงที่จะเดินทางมีนา-เมษา มีผู้ยืนขอวีซ่ามากค่ะ คิวการนัดหมายอาจแน่น ต้องหมั่น login เข้าไปดูวันละหลายๆรอบว่า มีการปล่อบวันที่ว่างออกมาให้ทำการจองหรือไม่ค่ะ
      2. ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะวันที่เดินทางไปอเมริกาไม่ได้ห่างไกลกันมากค่ะ
      3. จากคำถาม sponsor คงจะตั้งถิ่นฐานที่อเมริกา ใช้เอกสารคือ ID บัญชีธนาคาร ใบรายการว่าจ่ายภาษีอย่างไรเมื่อปีที่แล้ว และฟอร์ม I-134 ถ้า sponsor ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร ให้ปรึกษาทนายความที่อเมริกาเพื่อกรอก และให้สำนักงานทนายความลงนามรับรองค่ะว่า มีรายรับมากพอที่จะเป็น sponsor และมีความสัมพันธ์อย่างไรกับผู้ยื่นแบบฟอร์มขอวีซ่าค่ะ

  • แนน  On January 21, 2011 at 10:07 am

    จะเข้าไปจองวันสัมภาษณ์ เเต่ ทั้งเืดือนนี้เเละเดือนกุมภา เต็มหมดเลยอ่ะค่ะ
    เเล้วสเตทเม้นที่ขอมาเรียบร้อยเเล้ว ยังจะใช้ได้อยู่มั๊ยคะ หากวันสัมภาษณ์เป็น เดือน เมษา

    • govisa  On January 21, 2011 at 9:00 pm

      ลองนับดูอย่าให้เกิน 3 เดือนค่ะ เพราะตัวเลขในบัญชีจะไม่ update คงต้องขอใหม่ถ้าเกิน 3 เดือนค่ะ เอาใจช่วยให้ได้วันนัดค่ะ เผอิญช่วงที่น้องจะไป ไปตรงกับช่วงนักศึกษาที่ไปโครงการ work and travel ระหว่างปิดเทอมมีนาคม – พฤษภาคมมีจำนวนมาก ทำให้คิววีซ่าแน่นค่ะ อย่าเพิ่งท้อ เข้าไปดูวันนัดบ่อยๆ ถ้าเห็นวันสีเขียว รีบจองเลยนะคะ

  • poem  On January 21, 2011 at 10:41 pm

    รบกวนช่วยตอบทีนะคะ หนูเขียนวันที่จะไปหาญาติที่อเมริกาใน DS 160 เป็นช่วงกลางเดือนเมษา และจองวันนัดสัมภาษณ์ได้เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ว่าจะเปลี่ยนไปเป็นช่วงเดือนพฤษภาแทน หนูควรจะทำอย่างไรดีคะตอนสัมภาษณ์ ให้ที่ทำงานออกใบลาให้ช่วงไหนดีคะ เมษา หรือพฤษภา ดีค่ะ

    • govisa  On January 21, 2011 at 11:34 pm

      เดือนใกล้กันมาก ไม่ต้องแก้ใน DS 160 หรอกค่ะ ถ้าเขาถามตอนสัมภาษณ์ ก็บอกความจริงไปเลยว่าประมาณเดือนเมษายน พฤษภาคม รอคำตอบคนที่อเมริกว่า เขาว่างมารับวันไหนอยู่ค่ะ

    • govisa  On January 22, 2011 at 10:11 am

      ให้ที่ทำงานรับรองว่าไปเที่ยวเมษา ถ้าในฟอร์มกรอกว่าจะเดินทางเมษาค่ะ ส่วนเราจะเลื่อการเดินทางเป็นพฤษภา เพราะไม่สะดวก ไม่มีปัญหาค่ะ

  • แนน  On January 22, 2011 at 11:20 am

    จงดิ จองได้ยังไงอ่า เต็มหมดเลย รีเฟรชมาหลายวันเเล้วอยากร้องไห้
    จามีว่างมั่งมั๊ย ไครพอทราบเทคนิคมั่งมั๊ยคะ

    • govisa  On January 22, 2011 at 8:39 pm

      รู้มาจากน้องคนหนึ่งว่า เขาใช้เวลาเข้าไปดูกว่าจะได้วันนัดเกือบ 3 อาทิตย์ค่ะ ลองเข้าไปดูเช้ามากๆของวันอังคารดูค่ะ

  • แนน  On January 22, 2011 at 10:00 pm

    thank you so much kha 🙂
    After i have been refreshing and waiting in front of my laptop for 3 days
    now i got an interview reservation laew kha
    next step laew tae boon tae kum lol

    • govisa  On January 23, 2011 at 9:58 am

      ยินดีด้วยค่ะ ขอให้สอบผ่านค่ะ

  • kedsarin  On January 24, 2011 at 12:03 pm

    วันนัด เต็มหมดเลยเหรอคะเดือนนี้ เรายังรอเอกสาร DS 2019 ออยุ่เลยค่ะ จะทันไหมเเนัี่ย เพราะเขียนในเอกสารขอ DS 2019 ว่าจะไปวันที่ 10 กุมภา 2011 เศร้าจิงๆๆ TT_TT

  • dear  On January 24, 2011 at 2:45 pm

    รบกวนถามหลายข้อหน่อยนะคะ จะขอวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ
    1. เคยไปอเมริกามาแล้วเมื่อห้าปีก่อนด้วยวีซ่านักเรียน อยู่เรียนภาษา 4 เดือนกลับ คราวที่แล้วจรองๆไปพักอยู่กับญาติ แต่ตอนนั้นกลัวบอกว่ามีญาติอยู่แล้วจะไม่ผ่าน เลยบอกว่าพักอยู่หอพักที่ รร
    แต่ไปคราวนี้ไม่ได้จะเรียนแล้ว ถ้าบอกว่าว่าไปพักอยู่กับญาติ หรือไปพักโรงแรมจะดีกว่ากันคะ
    2. พอดีว่าลาออกจากที่ทำงานมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาปีที่แล้ว แล้วมาช่วยงานที่บ้าน ที่บิานเป็นร้านค้าค่ะ ควรกรอกรายละเอียดที่ทำงานเป็นที่ทำงานเก่าหรือว่ากรอกว่าทำงานที่บ้านดี
    3. Statement ตัวเองมีเงินอยู่ สองแสนกว่า ไปเที่ยว 2 อาทิตย์ถือว่าเพียงพอมั๊ยคะ
    4. DS-160 ที่กรอกไปแต่ไม่ใช้ ทางสถานฑูตจะมีข้อมูลนั้นอยู่รึป่าวคะ ต้องสารภาพว่ากรอกไปครั้งนึงแล้วว่าจะไปพักอยู่กับญาติ แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจบอกว่าไม่มีญาติอยู่ื ทางสถานฑูตจะรู้ได้รึเปล่าจาก DS-160 ที่กรอกไปครั้งแรก (แต่ที่กรอกไปยังไม่ได้ print confirmation no. ออกมานะคะ)
    5. ที่ไม่ค่อยอยากบอกว่ามีญาติอยู่ที่นู่น เพราะว่าญาติเปิดร้านอาหารอยู่น่ะค่ะ กลัวเค้าจะคิดว่าเราไปทำงานร้านอาหาร เพราะตอนสัมภาษณ์เค้าต้องถามแน่เลยว่าญาติทำไรอยู่ที่โน่น

    เครียดมากค่ะ ไม่น่าใจร้อนรีบกรอก DS160 เลย ยังพอแก้ไขอะไรทัันมั๊ยคะ

  • Dear  On January 24, 2011 at 3:01 pm

    บกวนถามหลายข้อหน่อยนะคะ จะขอวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ
    1. เคยไปอเมริกามาแล้วเมื่อห้าปีก่อนด้วยวีซ่านักเรียน อยู่เรียนภาษา 4 เดือนกลับ คราวที่แล้วจรองๆไปพักอยู่กับญาติ แต่ตอนนั้นกลัวบอกว่ามีญาติอยู่แล้วจะไม่ผ่าน เลยบอกว่าพักอยู่หอพักที่ รร
    แต่ไปคราวนี้ไม่ได้จะเรียนแล้ว ถ้าบอกว่าว่าไปพักอยู่กับญาติ หรือไปพักโรงแรมจะดีกว่ากันคะ
    2. พอดีว่าลาออกจากที่ทำงานมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาปีที่แล้ว แล้วมาช่วยงานที่บ้าน ที่บิานเป็นร้านค้าค่ะ ควรกรอกรายละเอียดที่ทำงานเป็นที่ทำงานเก่าหรือว่ากรอกว่าทำงานที่บ้านดี
    3. Statement ตัวเองมีเงินอยู่ สองแสนกว่า ไปเที่ยว 2 อาทิตย์ถือว่าเพียงพอมั๊ยคะ
    4. DS-160 ที่กรอกไปแต่ไม่ใช้ ทางสถานฑูตจะมีข้อมูลนั้นอยู่รึป่าวคะ ต้องสารภาพว่ากรอกไปครั้งนึงแล้วว่าจะไปพักอยู่กับญาติ แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจบอกว่าไม่มีญาติอยู่ื ทางสถานฑูตจะรู้ได้รึเปล่าจาก DS-160 ที่กรอกไปครั้งแรก (แต่ที่กรอกไปยังไม่ได้ print confirmation no. ออกมานะคะ ยังไม่ได้โหลดรูปด้วย แต่ save ข้อมูลเก็บไว้ค่ะ )
    5. ที่ไม่ค่อยอยากบอกว่ามีญาติอยู่ที่นู่น เพราะว่าญาติเปิดร้านอาหารอยู่น่ะค่ะ กลัวเค้าจะคิดว่าเราไปทำงานร้านอาหาร เพราะตอนสัมภาษณ์เค้าต้องถามแน่เลยว่าญาติทำไรอยู่ที่โน่น
    เครียดมากค่ะ ไม่น่าใจร้อนรีบกรอก DS160 เลย ยังพอแก้ไขอะไรทัันมั๊ยคะ

    • govisa  On January 25, 2011 at 5:28 am

      1. คิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหา คำว่า “ญาติ”ของบ้านเรา ตีความหมายได้หลายแบบ บางที พอคุยกันว่าเป็นญาติ แต่ถามลึกๆไม่ใช่ญาติก็มี เช่น บางคนเป็นแค่เพื่อน พ่อ หรือ เพื่อนแม่ แต่เรียกว่าลุง หรือป้า บางกรณีก็เป็นญาติห่างๆ บางครั้ง เป็นญาติสนิท คือ พี่หรือน้องของพ่อแม่จริงๆ พี่คิดว่า ตอบไปตามจริงว่า เพิ่งทราบจากคุณพ่อ หรือคุณแม่ว่า มีญาติอยู่ที่เมืองอะไรที่เราจะไปก็น่าจะได้ค่ะ ดังนั้น ในช่องที่เขาถามว่า มีคนรู้จักที่โน่นไหม ก็บอกชื่อญาติไปตามความเป็นจริง พร้อมที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ ส่วนในช่องที่ถามว่าจะไปพักที่ไหน ใส่ชื่อและที่อยูโรงแรมไปก้ได้ค่ะ ถ้าทำรายการที่เราจะไปเที่ยว 10 วันให้ชัดเจนก็ดีค่ะ เช่น เราอาจจะไปเที่ยวกับพวกบริษัททัวร์ก่อน 5 วัน มีใบรายการทัวร์ไปให้กงสุลดู เพราะ ใบรายการทัวร์มีรายละเอียดชัดเจนว่า ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง พักที่ไหน หลังจากนั้น จะไปอยู่กับญาติ 10 วัน เป็นต้น ถ้าญาติมีจดหมายมาอีก 1 ฉบับว่า offer ที่พักกับอาหารให้ระหว่างไปพักผ่อนที่นั่นก็ดีค่ะ
      2. ต้องแจ้งทั้งที่ทำงานเก่และใหม่อยู่แล้วค่ะ เพราะในส่วนคำถามที่เกี่ยวกับการทำงาน ตอบที่ทำงานปัจจุบันไป มี่ระยะเวลาที่ต้องกรอกว่าทำตั้งแต่เมื่อไรถึงเมื่อไร ขณะเดียวกัน จะมีข้อความที่เขียนว่าให้ add ที่ทำงานเพิ่ม ก็ใส่ที่ทำงานเก่าไปด้วย ต้องมีจดหมายรับรองการทำงานจากที่ทำงานทั้งเก่าและใหม่ไปแสดงด้วย
      3. สามแสนน่าจะดูดีกว่า แต่ถ้าสองแสนแล้วอยูกับญาติด้วยก็พอไปไหวค่ะ เพราะประหยัดค่าที่พักไปได้หน่อยค่ะ
      4. ถ้าทุกอย่าง Confirm เหลือแค่print ทางสถานทูตก็ทราบทุกอย่างอยุ่แล้วค่ะ ขึ้นอยูกับปฏิภาณในการสอบสัมภาษณ์ เช่น อาจบอกว่า เพิ่งทราบจากคุณพ่อหรือแม่ว่า มีญาติอยู่ก็เป็นได้ค่ะ
      5. ญาติที่อยูที่โน่นจำเป็นต้องมีอาชีพ จะได้แสดงว่ามีฐานะที่จะอุปการะเรื่องที่พักกับอาหารได้ การที่รู้อาชีพของญาตก็ดีแล้ว เพราะกงสุลจะได้ทราบว่า ผู้ยื่นขอวีซ่ารู้จักความเป็นไปของญาติคนนั้นดีพอสมควร อาชีพเป็นเจ้าของร้านอาหาร ไม่ได้หมายความว่า ต้องไปทำงานที่นั่น เพราะไปแค 10 วัน จริงอยู่ อาชีพนี้อาจจะเสี่ยงนิดหน่อยที่คนจะเข้่าใจผิดได้ แต่อย่าไปคิดให้บั่นทอนตัวเอง จดหมายรับรองจากที่ทำงานใหม่ที่จะนำไปให้กงสุลดูให้ระบุด้วยว่า จะลาพักร้อน 10 วัน ไปเที่ยว แล้วจะกลับมาทำงานต่อค่ะ
      6. ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำการนัดวันสัมภาษณ์ จะแก้ใน DS 160 ใหม่ก็ได้ หมายเลข Confirmation number จะเปลี่ยนไป ต้องใช้ Confirmation number ล่าสุดค่ะ อย่างไรก็ตาม สถานทูตมีข้อมูลเกี่ยวกับ การแก้ไขการกรอกของผู้้ยื่นขอวีซ่าทุกครั้งด้วย เพราะได้กด confirm ไปแล้ว ดังนั้นเตรียมพร้อมในการสอบสัมภาษณ์ จริงใจที่จะพูดบอกเขาไปว่า ไปอเมริกาครั้งนี้เพื่อไปเที่ยพักผ่อน แล้วจะกลับมาทำงานต่อกับบริษัทที่บ้าน

  • มือใหม่  On January 24, 2011 at 4:23 pm

    ถ้าหากว่ายังอยู่ในช่วงรอ DS-2019 แล้วจะเข้าไปจองคิวสัมภาษณ์เลยได้มั้ยค่ะ กลัวคิวจะเต็มอ่ะค่ะ ^_^

    • govisa  On January 24, 2011 at 9:27 pm

      ไม่ได้ค่ะ ในหน้าเว็บไซต์ที่จะกรอกฟอร์มนัดวันสัมภาษณ์มีช่องให้นักเรียนเติม Confirmation Number และ Sevis Number น้องคงต้องรอ จนกว่า DS 2019จะมา ค่ะ น้องขอวีซ่าประเภท J-1 เพื่อไปเรียน หรือ ไปทำงานช่วงปิดเทอมคะ เพราะถ้าไปเรียนปริญญาโท แสดงว่า มหาวิทยาลัยของน้องตอบรับน้องกลับมาเร็วมากค่ะ ถ้าน้องสมัครไปเรียนเดือนสิงหาคม ยังมีเวลาเหลือมากพอ ที่จะขอวีซ่าค่ะ แล้วสถานทูตจะให้นักเรียนขอก่อนล่วงหน้าไม่เกิน 4 เดือนค่ะ แต่ถ้าเป็น J-1 ของนักเรียนที่ไป work and travel ก็ลองเร่งไปทาง agency ที่น้องจ่ายเงินให้ช่วยเร่ง DS2019 โดยให้เหตุผลว่า คิวนัดสัมภาษณ์แน่นมากค่ะ

      • มือใหม่  On January 29, 2011 at 2:48 pm

        ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ พอดีว่าจะเดินทางไปอบรมงานค่ะ DS2019 คงจะมาถึงประมาณกลางๆ เดือนกุมภาพันธ์ค่ะ แต่เตรียมจะเดินทางเดือนเมษายนค่ะ เกรงว่าคงจองไม่ทันแล้วล่ะค่ะ

      • govisa  On January 29, 2011 at 7:42 pm

        พี่ว่าน้องอย่าเพิ่งหมดหวังค่ะ เตรียมเอกสารให้พร้อมนะคะ พอ DS 2019 มาก็เตรียมเฝ้าคอมจองคิวนัดเลยค่ะ อนึ่ง เป็นไปได้ไหมคะ ที่น้องจะติดต่อหน่วยงานที่ issue DS 2019 ให้ช่วย scan หน้าแรก และส่งมาให้น้องทางอีเมลื เพื่อน้องจะได้กรอกฟอร์ม DS 160 ลองพยายามติดต่อหน่วยงานที่จะไปอบรม อธิบายให้เขาฟัง และขอความเห็นใจเขาว่า คิวนัดสัมภาษณ์วีซ่าที่บ้านเราแน่นมากๆค่ะ

      • มือใหม่  On March 10, 2011 at 12:29 pm

        เข้ามาขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ขออภัยค่ะที่เข้ามาช้าไปหน่อย กะว่าจะรอให้ได้เอกสาร DS-2019 มาก่อนแล้วจะมาแจ้งผลพร้อมกันไปเลย อย่างไรก็ตามหนูก็เพิ่งได้รับ DS-2019 เมื่อต้นสัปดาห์นี้เองค่ะ ทำให้หนูจองวันสัมภาษณ์ไม่ทันแล้ว แล้วก็ต้องเลื่อนกำหนดการไปเป็นต้นพฤษภาคมอีกค่ะ เศร้ามากๆ T^T แถมยังต้องรอเปลี่ยนเอกสาร DS2019 ใหม่อีกครั้งด้วยค่ะ

  • แนน  On January 24, 2011 at 10:02 pm

    ขอสอบถามค่ะ ในใบจองสัมภาษณ์ขึ้นว่า
    Visitor (Pleasure, Business, Medical Treatment)

    เเบบนี้เป็นประเภท B2 หรือปล่าวค่ะ
    เพราะเห็นมีคนบอกว่า ทางสถาณทูตบอกว่าระบุผิด อันนี้เป็น B1
    เเต่หนูว่าหนูเลือก B2 เเล้วนะคะ ทำไมในใบนัดสัมภาษณ์ขึ้นเเบบนี้

  • dear  On January 26, 2011 at 11:45 pm

    ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับคำตอบที่เป็นประโยชน์

    อยากถามเพิ่มอีกนิดว่า ถ้าเรามีภาระกำลังผ่อนบ้านอยู่ ควรเอาเอกสารมายืนยันเพิ่มเติมมั๊ยคะว่าเรากลับมาแน่ๆ มันจะช่วยมั๊ยคะ

    • govisa  On January 27, 2011 at 9:26 pm

      ยินดีที่ได้มีโอกาสช่วยค่ะ เอกสารการผ่อนบ้านจะเอาติดไปเพื่อความสบายใจก็ได้ค่ะ เพราะคิดว่า กงสุลจะดูเงินในบัญชีเป็นหลักมากกว่าค่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าบอกไม่ให้เอาไป เกิดกงสุลถามอะไรที่สามารถจะเชื่อมกับเอกสารที่ว่ามาได้ ก็จะทำให้ขาดโอกาสไป ดังนั้น เอาไปเถอะค่ะ เมื่อมีเอกสารครบถ้วน ก็จะทำให้วันสัมภาษณ์ ผู้ยื่อนขอวีซ่าก็จะมีบุคลิกมั่นใจเพิ่มขึ้นค่ะ

  • หนูดี  On January 27, 2011 at 8:11 pm

    สวัสดีค่ะ ขอข้อมูลและความเป็นไปได้น่ะค่ะ
    1.จะเข้ารับการสัมภาษณ์ที่สถานฑูตอเมริกา 7.30 น.เดือนกุมภาพันธ์นี้ค่ะ
    2.สมรสมา 10 ปี มีทะเบียนสมรส สามีทำงานธนาคารเป็นผู้จัดการ
    3.เอกสารที่จะเตรยมไปมี statement 3 ชุด ประมาณ ห้าแสน และ สามแสน และ พันธบัตรรัฐบาลสามแสน และ statment หมุนเวียนหลักหมื่น
    4.พร้อม สำเนาทะเบียนบ้านโดยที่เป็นเจ้าบ้านจะต้องใช้สำเนาโฉนดที่ดินด้วยหรือไม่ค่ะ
    5.เครื่องหมายจดโลโก้สินค้าที่ทำ
    6.มีเพื่อนของแม่อยู่ที่เพนซิลเวอร์ชวนไปเที่ยว ประมาณเดือนเมษายน ไม่ทราบว่าพอจะความเป็นไปได้หรือไม่ค่ะที่จะได้รับการสัมภาษณ์ผ่านและได้รับวีซ่า ค่ะ
    7.ถ้าได้วีซ่าแล้วบอกว่าจะอยู่ 15 วัน แล้วอยู่ประมาณ 2 เดือนได้หรือไม่ค่ะจะผลกับการเดินทางครั้งต่อไปหรือไม่ จะไปดูที่เรียนภาษาสำหรับตัวเองเพิ่มที่โน้นด้วยค่ะ
    8.ในการไปครั้งนี้จะพักอยู่ที่บ้านเพื่อนแม่เวลาสัมภาษณ์ ใช้คำว่าญาติได้หรือไม่ค่ะ
    ขอบพระคุณมาก รู้สึกตื่นเต้นกว่าการสัมภาษณ์เข้าทำงานค่ะ

    • govisa  On January 27, 2011 at 9:57 pm

      1. ทำใจให้สบาย ถ้ามีเอกสารครบพร้อม มีเป้าหมายที่ขัดเจน น่าจะตอบคำถามกงสุลให้กระจ่างได้ค่ะ
      2. สามีไม่ได้ขอวีซ่าครั้งนี้ หรือ ขอด้วยพร้อมกันคะ
      3. Statement 3 ชุด แสดงว่าถ่ายเอกสารไปให้กงสุลดู หรือ เป็นบัญชีประเภทกระแสรายวัน 3 บัญชีคะ ถ้าเป็นถ่ายเอกสาร อย่าเอาไป เพราะกงสุลอเมริกันจะขอดูเอกสารที่เป็นตัวจริงมากกว่าค่ะ เพราะปัจจุบันการปลอมแปลงเอกสารทำได้ง่าย จึงควรนำตัวจริงไปให้กงสุลพิจารณาค่ะ 800,000 บาท ดูแล้วก็น่าจะพอนะคะ แต่พันธบัตรรัฐบาลต้องรอครบกำหนดถึงจะเบิกออมาใช้ได้ ส่วนคำว่า Statement หมายถึงบัญชีสะสมทรัพย์ หรือออมทรัพย์ ใช่ไหมคะ ถ้าใช่ก็ดีมากเลยค่ะ เพราะเป็นบัญชีที่สามารถเบิกถอนได้ทุกวัน แสดงว่า ถ้าต้องการใช้เงินเมื่อไรก็ถอนได้เมื่อนั้นค่ะ
      4. ทะเบียนบ้านกับโฉนดที่ดินไม่ใช้ค่ะ กงสุลอยากดุบัญชีที่เป็นตัวเงินเลยมากกว่าว่า มีพอที่จะไปท่องเที่ยวที่อเมริกาไหมคะ ถ้าเป็นที่ดิน กว่าจะขายออกมาเป็นตัวเงินให้เราได้ใช้ ต้องจังหวะและโอกาสค่ะ
      5. เอาไปด้วยก็ได้ค่ะ มีหลักฐาน เช่น ใบทะเบียนการค้าที่จดทะเบียนเป็นเจ้าของธุรกิจไหมคะ ถ้ามีเอาไปด้วยก้ดีค่ะ
      6.ให้เพื่อนแม่เขียนจดหมายอธิบายมาด้วยแล้วกันว่า จะไปพักประมาณวันที่อะไรถึงเมื่อไหร่ค่ะ ถ้าเรามีความตั้งใจจริงไม่คิดจะไปอยู่ที่โน่นเลย วีซ่าก็น่าจะผ่านค่ะ เพราะสามีไม่ได้ไปด้วย อยู่เมืองไทยใช่ไหมคะ กงสุลคงรู้ว่า ต้องกลับมาอยู่กับสามีค่ะ
      7. ถ้าจะเป็นอย่างที่ว่ามาก็เท่ากับว่า เราพุดไม่จริงค่ะ คนอเมริกันชอบคนพูดจริง ไม่ชอบคนหลอกค่ะ อีกประการหนึ่ง ไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้รับการประทับตราจาก immigration ที่อเมริกาว่า ให้สิทธิ์อยู่ในอเมริกาได้นานมากน้อยแค่ไหน ในอดีตเคยเห็น immigration stamp ให้ 3 เดือน หรือ 6 เดือนก็มี แต่ในปัจจุบัน การ stamp ให้ 1 เดือนเห็นบ่อยมากจนเป็นเรื่องปกติ ขออธิบายให้ชัดอีกครั้งว่า ถ้าวีซ่านักท่องเที่ยวผ่าน จะได้ stamp visa ยาวนาน 10 ปี แต่เมื่อบินเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว immigration ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จะอนุญาตให้อยู่ได้นานกี่เดือนนั้น ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่จะแสดงให้เขาฟังค่ะ
      8. บอกตามความเป็นจริงว่า เป็น my mother’s friend ค่ะ เพราะเขาไม่ใช่ญาติ ถ้าไปตอบญาติ อาจถูกซักต่อไปเกี่ยวกับญาติได้อีกหลายเรื่องค่ะ
      เข้าใจความรู้สึกค่ะ หายใจลึกๆยาว ตั้งใจฟังคำถามของเราให้ดี อย่าไปมองคนอื่นแล้วฟังที่เขาถามคนอื่น เราจะตอบไม่ได้เมื่อเป็นคำถามของเราค่ะ เพราะไม่ทราบว่า เขาถามอะไรเราค่ะ โชคดีค่ะ

  • พี  On January 28, 2011 at 1:08 am

    1.อยากจะถามเรื่องวีซ่าท่องเที่ยวไปอเมริกาคือว่าตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาลัยปี 2 อะครับ ถ้าอยากจะไปเที่ยวประมาณ 10วัน จะให้แม่เป็นสปอนเซอร์ได้เปล่าเเบบว่าเเม่ไม่มีจำหมายรับรองเงินเดือนอาชีพรับจ้างทั่วไป ตอนนี้มีเงินประมาณ2แสน วีซ่าจะผ่านเปล่า ทางสถาทูตจะถามมั๊ยอ่าว่าเเม่ทำงานอะไร เเล้วควรจะตอบยังไงหรอ เเบบว่าไม่มีจดหมายรับรองเงินเดือน
    2.เวลาปริ้นแบบฟอร์มไปยื่นวีซ่าเราต้องปริ้นเเบบฟอร์มที่เรากรอกทั้งหมดหรือว่าเเค่หน้าสุดท้ายที่มีรูปเรากะมีบาร์โค๊ดอะครับ
    3.เเล้วต้องซื้อ pin ก่อน หรือว่าเขียนแบบฟอร์มให้เสร็จก่อนอ่า
    4.แล้วเวลาเราไปยื่นวีซ่าให้พนักงานเชคเราต้องยื่นพวกเอกสารการเงิน ทะเบียนบ้าน พาสปอตเลยเปล่า หรือว่ารอให้เขาเรียกดูตอนสัมภาษณ์อะครับ

    • govisa  On January 28, 2011 at 10:57 pm

      น้องพีอยู่ที่อังกฤษ หรือ ที่เมืองไทยคะ ตอบคำถามเลยนะคะ
      1. ให้แม่เป็น sponsor ได้ค่ะ ยิ่งดีใหญ่เลย เพราะคุณแม่เป็นแม่ของน้อง ย่อมต้องมีความผูกพันมากกว่าคนอื่นๆค่ะ ไม่มีจดหมายรับรองเงินเดือน ก็ให้ลองถามแม่ดูว่านายจ้างเอาเงินใส่เข้าบัญชีทุกเดือนสม่ำเสมอไหม มีbook บัญชีที่มีเงินเดือนเข้า-ออกไหมนะคะ และก็ต้องเขียนจดหมายอธิบายสถานะการทำงานของแม่ว่า ได้รับเงินเป็นรายเดือนๆละเท่าไร มีเงินเก็บในธนาคารเท่าไร หรือลองคุยกะคุณแม่ดูซิว่า ท่านมีแหล่งรายได้จากทางอื่นอีกบ้างไหม ที่จะเขียนอธิบายให้กงสุลเข้าใจได้ว่า มีเงินมากพอที่จะช่วยน้องได้ หากน้องเกิดมีปัญหาที่สหรัฐโดยไม่คาดฝัน เช่น ไม่สบาย หรือ เกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น ถามว่าจะผ่านวีซ่าไหม ตอบยากเหมือนกันนะคะ เพราะไม่ทราบว่า น้องไปรัฐที่ค่าใช้จ่ายแพง ประมาณนิวยอร์ค หรือ บอสตัน หรือเปล่า ถ้าใช่ 2 แสนบาท 10 วัน ก็จะดูน้อยไปนิดค่ะ
      2. Print เฉพาะหน้า Confirmation ที่มีแค่ 1 หน้าก็ได้ค่ะ ที่น้องบางคน print หน้าอื่นด้วยเพราะเอาไว้เตือนตัวเองว่า กรอกอะไรไปบ้าง กงสุลมักจะตั้งคำถามที่สืบเนื่องจากสิ่งที่กรอกไป จะได้พูดได้ตรงกันค่ะ
      3. Pin จะซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ เก็บรักษาให้ดี เพราะถ้าซื้อไว้นานน้องบางคนจำไม่ได้ว่า เก็บไว้ที่ไหนค่ะ ต้องซื้อใหม่
      อนึ่ง ต้องกรอกฟอร์มDS 160 ให้เสร็จก่อนจึงจะใช้ Pin กรอกฟอร์มนัดนัดสัมภาษณ์วีซ่าได้ค่ะ
      4. ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูด้วยค่ะ แต่เจ้าหน้าที่มักจะยื่นเอกสารการเงินกลับให้เราเถือก็บไว้เองค่ะ อาจเป็นไปได้ที่เกรงว่าจะสับสนกับของคนอื่นๆ หรือ หายได้ค่ะ เลยให้ผู้ยื่นเก็บไว้เองค่ะ และถ้าผู้ยื่นต้องใช้เอกสารทางการเงินยืนยันให้สถานทูตดู ในระหว่างสอบสัมภาษณ์ ให้ผู้ยื่นขอวีซ่าหยิบขึ้นนมาให้กงสุลดูเองค่ะ

  • พี  On January 29, 2011 at 11:08 am

    1.ขอบคุณมากครับสำหรับรายละเอียดและคำแนะนำ
    2.เคยไปเรียนที่อังกฤษมาอะครับ แต่ตอนนี้กลับมาเรียนปริญญาตรีต่อที่เมืองไทย ก็คิดไว้ว่าจะไปเที่ยวนิวยอร์คอ่าครับ เงินเดือนเข้าออก มันแล้วเเต่เดือนอะครับ แล้ว พี ควรทำยังไงดีหรอครับ จะตอบอาชีพเเม่ไปว่า self employed หรือว่า employed ดี
    3.แล้ววีซ่าอเมริกาต้องทำประกันอุบัติเหตุการเดินทางหรือเปล่าหรือว่าขึ้นอยุ่กับเรา
    4.แล้วเวลาเซิฟแบบฟอร์มขอวีซ่า แบบว่าเรายังกรอกไม่เส็รจจะมากรอกต่ออีกวันนึง เราต้องกด save หรือว่า save apilication to file หรอครับ

  • หนูดี  On January 30, 2011 at 5:41 pm

    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูลที่แนะนำให้ค่ะ จะเข้ารับการสัมภาษณ์วันที่ 10/2/54 เวลา 7.30 น. ค่ะ ขอสอบถามเพิ่มน่ะค่ะ
    1. เป็น statement ออมทรัพย์ค่ะ มีแค่ 2 บัญชี หมุนเวียนหลักหมื่นค่ะ เพราะนอกนั้นจะเอาเข้าบัญชีฝากประจำค่ะ จะต้องเอาสมุดฝากประจำติดไปด้วยหรือไม่ค่ะ
    2.สามี ไม่ได้ไปค่ะ ไปเที่ยวคนเดียว
    3.ถ้าซื้อตั๋วไปกลับ 2 เดือน แล้ว ตม.ที่อเมริกา ให้ แค่ 1 เดือน สามารถไปเลื่อนตั๋วเครื่องบินที่โน้นได้หรือไม่ จะมีปัญหาอะไรหรือปล่า่วค่ะ
    4.ที่พักที่รัฐหนึ่ง แต่มีเพื่อนอยู่อีกที่หนึ่ง จะสามารถบินไปหาเพื่อนหรือไปเที่ยวกับเพื่อนข้ามรัฐได้หรือไม่ค่ะ
    5.เป็นการเดินทางไกลครั้งแรกก็รู้สึกกลัวค่ะ แต่ที่กลัวสุดๆๆคือวันที่จะเข้ารับการสัมภาษณ์
    ขออภัยน่ะค่ะที่เขียนมารบกวนอีกรอบ ถ้าผลการสัมภาษณ์ผ่าน จะเขียนมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ ขอขอบพระคุณมากค่ะ

    • govisa  On January 30, 2011 at 9:38 pm

      1. ควรเอาบัญชีประจำไปให้ดูด้วย เพราะบัญชีประจำน่าจะมีตัวเลขในบัญชีมากกว่าบัญชีออมทรัพย์ใช่ไหมคะ แต่อย่าลืมเอาบัญชีสะสมทรัพย์ 2 เล่มนั้นไปด้วยนะคะ เพื่อแสดงว่า เรามีบัญชีที่สามารถเบิก-ถอนได้ทุกวันค่ะ
      2. ยังดีมีเพื่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะเหงาได้ ถ้าไปเที่ยวคนเดียว ที่อเมริกา แต่ละสถานที่ห่างไกลกันมาก ต้องขับรถเก่ง จะได้ไปไหนมาไหนสะดวกค่ะ
      3. ขึ้นอยู่กับราคาตั๋ว ถ้าซื้อตั๋วถูกมากประเภทเปลี่ยนแปลงวันเดินทางไม่ได้ ก็จะเลื่อนวันเดินทางไม่ได้ค่ะ ตั๋วที่มีระยะเวลาสั้นมักจะมีราคาถูกและเลื่อนวันเดินทางไม่ได้ แต่ถ้าเป็นตั๋วราคาแพงขึ้นมานิดหน่อย หรือมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี น่าจะเลื่อนวันเดินทางได้ ลองถามทางเอเจนซี่ที่น้องซื้อตั๋วที่เมืองไทยดูว่า ถ้ามีปัญหาต้องเลื่อนวันเดินทางกลับจากอเมริกา จะทำได้หรือไม่ค่ะ ถ้ารู้ว่าเลื่อนไม่ได้ และเข้าไปในสหรัฐแล้ว และบังเอิญได้ประทับตราวีซ่าให้อยู่ในสหรัฐได้เพียง 1 เดือน ลองสอบถามเพื่อนที่โน่น เรื่องขอ extend visa ควรทำเสียแต่เนิ่นๆ เพราะใช้เวลารออนุมัติค่อนข้างนาน เคยมีคนรู้จักคนหนึ่งทำเรื่องขอ extend visa ใช้เวลาอยู่ประมาณ 2-3 เดือน (ตามที่เขาเล่าให้ฟัง) เพื่อนขี้เกียจรอ บินกลับมาเมืองไทย และทำจดหมายขอยกเลิกการ extend visa อย่างไรก็ตาม เขาก้มีประวัติว่าอยู่รอที่อเมริกาประมาณเดือนเศษ ผลร้ายที่เขาได้รับในเวลาต่อมา คือ อีกประมาณ 5-6 ปีให้หลัง เขาขอวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าอเมริกาใหม่ เพราะของเก่าหมดอายุ ปรากฏว่า เขาถูกปฏิเสธวีซ่า เพราะเคยมีประวัติอยู่ overstay ดังนั้นควรระมัดระวังการสร้าง record บางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยค่ะ
      4. บินได้ค่ะ แต่จะบินไปกลับทุกวันหรือค่ะ เพราะคำถามน้องทำให้พี่งงอยู่ว่า เพื่อนอยู่รัฐหนึ่ง น้องพักอีกรัฐหนึ่ง เปลืองเงินค่าตั๋วเครื่องบินค่ะ เก็บเงินไว้ไปเที่ยวดีกว่า ลองคิดดูนะคะ ถ้าต้องนั่งในเครื่องบิน 1 ชั่วโมง มันอาจดูว่า ไม่นาน แต่ให้เช็คราคาตั๋วไปกลับในประเทศด้วย และจะทำการบินไปเที่ยวแบบนี้อยู่กี่วัน ลองนับจำนวนเที่ยวบินคูณราคาตั๋ว ทำไมน้องไม่พักบ้านเพื่อนเลย เที่ยวกับเพื่อนก่อน ค่อยมาแวะรัฐที่ไม่มีเพื่อนแล้วไปเที่ยวคนเดียว เช่น ซื้อตั่วทัวร์ หรือจะ Shopping คนเดียวในรัฐที่ไม่มีเพื่อนอยู่ค่ะ
      5. อย่ากังวลมาก จะทำให้ตอบผิดตอบถูก ถ้าน้องเคยไปเที่ยวต่างประเทศมาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่วีซ่าไม่มีปัญหาค่ะ ขอให้โชคดี รอฟังผลวันที่ 10 กุมภาค่ะ

  • หนูดี  On January 31, 2011 at 7:47 pm

    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูลที่เแนะนำให้ค่ะ ( ก่อนหน้านี้ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยค่ะ)
    ขอถามเพิ่มน่ะค่ะ
    1.ถ้าแก้ปัญหาโดยการซื้อตั๋วไปขาเดียว แล้วไปซื้อตั๋วขากลับที่โน้นจะได้หรือไม่ค่ะ
    2.บ้านเพื่อนแม่อยู่ที่เพลซิลเวอร์เนีย แต่ เพื่อนๆ จะอยู่ที่นิวเจอร์ซี่ค่ะ แต่ว่าในใบคำขอวีซ่าระบุ ที่อยู่ที่พร้อมเบอร์โทรจะไปพักเป็นบ้านเพื่อนแม่ค่ะ ก็เลยกลัวว่าจะมีปัญหาค่ะ ( เพื่อนแม่จะแนะนำให้เดินทางโดยรถค่ะ แต่ว่าจะซื้อตั๋วทัวร์ แบบพี่แนะนำค่ะ เพราะโดยส่วนตัวชอบเดินๆๆไปทุกๆทีและอดทนต่อการเดินมากค่ะ)
    3.ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศไกลๆๆ ส่วนมากจะไปประเทศลาวค่ะ แต่ไปแบบแบกแพค ซึ่งเดินเหนื่อยเพราะแต่ล่ะที่ไกลๆๆค่ะ )
    ขอพระคุณอย่างสูงค่ะ

    • govisa  On February 1, 2011 at 12:12 am

      1. ซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวราคาแพงกว่าไปกลับ ลองถามเอเจนซี่ดูค่ะ และถ้าคืดจะไปซื้อขากลับที่โน่นเที่ยวเดียว ก็แพงเช่นเดียวกัน ซื้อตั๋วไปกลับน่าจะถูกกว่า ปรึกษาเอเจนซี่ขายตั๋วเครื่องบินดีกว่าค่ะ

      2. Pennsylvania กับ New Jersey ถ้าจะนั่งรถก็ต้องเช็คดูตารางรถว่า มีเวลาอะไรใ ช้เวลานานกี่มากน้อยในการเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง เช่น 1 หรือ 2 ชั่วโมง น้องคงเที่ยวได้แค่ใกล้ ก็หมด 1 วันแล้ว ถ้าจะไปไหนไกลๆ แล้วต้องรอรถประจำทาง ต้องศึกษาระยะทางของสถานที่ที่จะไปแต่ละจุดอยู่ห่างแค่ไหน และเวลาที่มีรถวิ่งผ่าน น้องน่าจะนั่งรถไปหาเพื่อนที่ NJ และให้เพื่อนที่ NJ ขับรถพาไปเที่ยว จะได้เห็นที่เที่ยวมากหน่อย ไม่ต้องเสียเวลารอรถ และต้องดูด้วยว่า ตารางรถตอนเช้าเริ่มกี่โมง เย็นรถหมดกี่โมงค่ะ ถ้ากลับไม่ทัน ก็คงต้องค้างอยู่กับเพื่อนบ้างค่ะ

      3. ใจสู้ ก็ไปเที่ยวได้ค่ะ ขอให้ผ่านวีซ่า และเที่ยวให้สนุกค่ะ

  • Kay  On February 1, 2011 at 9:13 am

    เมื่อวานลองนั่งกรอก DS160 จนเสร็จ พบว่ามีหลาย ๆ คำถามที่ไม่เจอตามที่อ่านใน guideline step-by-step เช่น ไม่ต้องกรอกประวัติการศึกษา ข้อมูลการเดินทางที่ผ่านมา ประวัติการทำงานย้อนหลัง(มีแต่ให้กรอกข้อมูลการทำงานปัจจุบัน)ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ เคยไปเรียนภาษาที่อเมริกาและได้วีซ่านักเรียนมา 5 ปีตอนนี้ยังไม่หมดอายุ แต่จะไปเที่ยวเลยต้องขอวีซ่าใหม่ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือป่าว ที่ทำให้กรอกข้อมูลน้อยลง ช่วยตอบให้กระจ่างด้วยนะคะ ว่าทำยังไงดี ขอบพระคุณค่ะ

    • govisa  On February 2, 2011 at 1:14 am

      สาเหตุที่ไม่ได้กรอกประวัติการศึกษา เพราะตรงช่องที่ถามว่าตอนนี้น้องทำอะไร น้องคงไปเลือกว่า เราทำงานแล้ว น้องจะเข้าไปสุ่ชุดคำถามเกี่ยวกับที่ทำงานเลยทันทีค่ะ ตอนเริ่มกรอกจะ กรอกที่ทำงานปัจจุบันก่อน เมื่อกรอกเสร็จ หลายคนที่คลิก next ไปเลยโดยไม่ทันสังเกตว่า มีคำว่า Add data อยู่สุดท้ายหลังกรอกเรือ่งที่ทำงานที่แรกเสร็จ โดยไปคลิก คำว่า next ถ้าน้องคลิกที่คำว่า add data จะมีช่องว่างเหมือนที่เรากรอกที่ทำงานปัจจุบัน ให้เราได้มีโอกาสกรอกที่ทำงานที่ผ่านๆมาค่ะ

      ส่วนข้อมูลการเดินทางที่ผ่านมา จะอยู่ตรงชุดคำถามเกี่ยวกับ Security ที่มีให้เลือกอยู่ 2 ตัวเลือก คือ yes or no อยู่หลายสิบข้อค่ะว่า ท่านเคยเดืนทางออกนอกประเทศไหม ถ้าเราตอบ Yes จะมีช่องให้กรอกว่าเข้าไปประเทศไหน ไปเมื่อไรค่ะ

      การได้เคยเข้าไปเรียนภาษา มีวีซ่านักเรียนที่ยังไม่หมดอายุ เมื่อจะกลับเข้าไปขอวีซ่านักท่องเที่ยใหม่ กงสุลจะยกเลิกวีซ่านักเรียนหน้านั้นให้เราด้วย หลังจากเราได้รับวีซ่านักท่องเที่ยวครั้งใหม่ค่ะ

  • nui  On February 1, 2011 at 11:50 pm

    มีคำถามจะปรึกษาค่ะคือซื้อ pin เพื่อนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าผ่านทางwebsite แล้วค่ะแต่ยังไม่สามารถนัดวันได้ ถ้าเปลี่ยนวิธีมาเป็น ซื้อ pin ใหม่แล้วทำการนัดสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์จะสามารถนัดวันสัมภาษณ์ได้ทันทีเลยมั้ย หรือว่าต้องรอจนกว่าเค้าจะเปิดวันถึงจะโทรได้ค่ะ

    • govisa  On February 2, 2011 at 12:47 am

      สามารถซื้อ Pin ทางโทรศัพท์ใหม่ได้ค่ะ เราจะพูดกับเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์ว่า เราอยากได้วันที่นัดวันนี้ เขามีคิวว่างไหมให้เราได้จองไหม ถ้าไม่มี เขาบอกว่ายังไม่มี เคยลองจองคิวนัดแบบนี้ไป เขาจะบอกว่า เดือนนี้ทั้งเดือนมีวันว่างวันไหนบ้าง เราอยากได้วันไหนค่ะ คล้ายๆกับจองทางอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าไม่มีวีันว่าง เขาจะบอกให้เราติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ เราก็ต้องรอจองไปใหม่อีกครั้งไปเรื่อยๆค่ะ ดังนั้น จองทางโทรศัพท์ ตัวเราจะไม่เห็นตารางวันที่ด้วยตัวเองค่ะ บางคนก็อยากลองเสี่ยงดูทั้ง 2 ทาง เพราะเชื่อว่าคิวนัดทางโทรศัพท์อาจจะมีคิวว่างให้ได้บ้างค่ะ

  • nui  On February 2, 2011 at 7:48 pm

    สอบถามเพิ่มเติมอีกนิดน่ะค่ะ คือตอนนี้เหลืออยู่แค่นัดวันสัมภาษณ์อ่ะค่ะ จะเดินทางวันที่30มีนาคมนี้แล้ว แต่วันสัมภาษณ์เต็มหมดเลย ไม่ทราบว่าถ้าจะจ้าง agent เพื่อนัดสัมภาษณ์จะสามารถทำได้ไหมค่ะ ถ้ามีราคาประมาณเท่าไรค่ะ

    • govisa  On February 2, 2011 at 9:38 pm

      หมายถึงจ้างagent กรอกข้อความ หรือทำคิวนัดคะ ถ้าหมายถึงทำคิวนัด แม้เป็น agent ก็ต้องรอ เหมือนกัน ถ้าคิวแน่นๆค่ะ น้องลองเข้าไปอ่านที่เว็บนี้นะคะ เขาทำสถิติไว้ของแต่ละประเทศว่า ต้องใช้เวลารอคิวนัดนานกี่วัน ของไทยประมาณ 15 วันค่ะ

      http://travel.state.gov/visa/temp/wait/wait_4788.html?post=Bangkok&x=87&y=10 ซึ่งเว็บไซต์นี้เป็นของรัฐบาลอเมริกัน update เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 นี้เองค่ะ ดังนั้นพี่คิดว่าถ้าทำเองได้ ประหยัดเงินไปได้มากค่ะ

  • Somchai Kamloon  On February 3, 2011 at 9:43 am

    ไปอเมริกา ปี 1983 อยู่ 5 ปี ขอใ บเขียวได้ 1987 อยู่ได้ 1 ปี ปี1988 กลัขมาอยู่เ มืองไ ทยถึงปัจจุบันไม่เคยไปอีกเลย อยากจะไปเที่ยวและขอวีซ่า จะต้องขอแบบใหนและจะต้องบอกรายละเอียดที่เคยไปอยู่ด้วยหรือเปล่า เวลาผ่านมา 20 ปีแล้วเขายังมีข้อมูลเก็บอยู่ไหม อยากไปเที่ยว ไม่ได้อยากไปอยู่แล้ว
    ขอบคุณครับ

    • govisa  On February 4, 2011 at 6:00 am

      ขอวีซ่านักท่องเที่ยวตามปกติค่ะ และตรงช่องที่ถามว่าเคยมี social security number หรือมี driver license ไหม ตอบตามความเป็นจริงค่ะ แฟนเพื่อนเคยเป็นอย่างคุณสมชาย เขาไม่อยากไปอยู่ที่อเมริกา เพราะเคยไปอยู่แล้วคิดว่า เชาชอบเมืองไทยมากกว่า เขาตอบอย่างสุภาพตามความเป็นจริง เขาได้วีซ่านักท่องเที่ยวค่ะ

  • พี  On February 4, 2011 at 8:39 pm

    ขอถามเพิ่มเติมนะครับ
    1.อยากจะถามว่ารูปที่จะอัพโหลดลงในเเบบฟอร์มวีซ่าเมกา ผู้ชายต้องเห็นใบหูมั๊ยเอ่ย? แล้วสแกนจากรูป4.5×3.5ซม.ได้มั๊ยครับ แล้วทำให้เป็นขนาดที่สถาทูตกำหนด
    2.แล้วเราสามารถยื่นวีซ่าก่อนเดินทางได้กี่เดือนหรอครับ แล้วถ้าวีซ่าผ่านเเล้ว ถ้าเราจะเปลี่ยนวันเดินทางสามารถทำได้หรือเปล่าครับ
    3.แล้วถ้ากำหนดว่าจะไปประมาณกันยา-ตุลา ควรเตรียมตัวยื่นวีซ่าเดินไหนหรอครับ คิวสัมภาษณ์คนจะเยอะหรือเปล่าช่วงนั้น

    • govisa  On February 5, 2011 at 8:37 pm

      1. เรื่องเห็นใบหูทั้ง 2 ข้าง เป็นข้อกำหนดของสถานทูต ไม่มีการแบ่งแยกเพศค่ะ ส่วนรูปลองทำดูนะคะ ว่าถ้าขยายแล้วภาพมันจะแตกไหม กลัวเดี่ยวรูปน้องจะไม่หล่อค่ะ
      2. ถ้าเป็นวีซ่านักเรียนไม่เกิน 120 วันก่อนหน้าเดินทาง แต่ถ้าเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวขอเมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าเป็นกรณีน้องยังเรียนอยู่ และจะไปช่วงปิดเทอม เช่นตุลาคม ขอประมาณกรกฎาคม หรือ สิงหาคมก็ได้ค่ะ ถ้าถามว่าคิวแน่นไหม ก็คงมีลักษณะคล้ายคลึงกับช่วงนี้ เพราะ พวกเด็กที่เรียนอินเตอร์ปิดเทอม เด็กต่างประเทศก็ตรงกับ summer เขาชอบเดินทางไปเที่ยวกัน ส่วนนักเรียนที่วางแผนจะไปเรียนเทอม Fall ก็ต้องขอวีซ่าช่วงนี้ ดังนั้นคิวค่อนข้างแน่นคล้ายช่วงนี้ของเราที่เด็กบ่นว่า ทำไปยังไม่มีการปล่อยวันที่ว่างออกมาเลยค่ะ ขอวีซ่าไว้เนิ่นๆก็ดีค่ะ จะได้ทันไปเที่ยวช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคมนะคะ ส่วนเรื่องวันที่เดินทางที่กรอกในฟอร์มวันที่หนึ่ง ของจริงเปลี่ยนได้ เพราะเราอาจติดธุระกระทันหันในวันนั้น ต้องเลื่อนการเดินทางไป แต่กรณีวีซ่านักเรียน ถ้าจะมีการเลื่อนวันเดินทางก็ต้องพยายามไปให้ทันเรียนค่ะ

  • พี  On February 5, 2011 at 10:10 pm

    ขอบคุณมากนะครับ ขอถามคำถามเพิ่มเติมนะครับ
    เรื่องสปอนเซอร์อะครับ คือว่าเเม่ทำงานรับจ้างไม่มีจดหมายรับรองเงินเดือน เงินเเต่ละเดือนเข้าไม่เท่ากันตอนนี้เงินในบัญชีเเม่มีประมาณสองเเสน เราสามารถเขียนจดหมายอธิบายเงินเเม่ได้มั๊ยอ่าครับว่าเอาเงินมาจากไหน คือคิดอยู่ว่าจะให้อาเป็นสปอนเซอร์ให้ดีเปล่าเพราะว่าอาค้าขายมีเงินเข้าออกมีทะเบียนการค้าเเล้วก็มีเงินเก็บประมาณห้าล้าน ยังงี้ให้ใครเป็นสปอนเซอร์ให้ดีกว่าหรอครับ

    • govisa  On February 6, 2011 at 3:24 pm

      จำได้ว่าน้องพีจะขอวีซ่าท่องเที่ยวใชไหมคะ ถ้า statement อามากกว่า ก็ใช้ทั้งอาและแม่ด้วยแล้วกันค่ะ แต่ต้องรู้รายละเอียดของอาด้วยว่าท่านทำอาชีพอะไร มีรายรับเป็นอย่างไร มีครอบครัวต้องรับผิดชอบไหมและทำไมอาจึงอยากช่วยค้ำประกันให้น้อง พี่จำไม่ได้ว่าน้องเคยพูดถึงคุณพ่อน้องให้พี่ฟังหรือเปล่าค่ะ เพราะกงสุลอาจถามน้องได้ว่า แล้วทำไมคุรพ่อถึงไม่เป็น sponsor เองค่ะ ส่วนคุณแม่น้องๆจะทำจดหมายชี้แจงรายรับก็ดีนะคะ เพราะเวลาน้องตื่นเต้นต่อหน้ากงสุล อาจจะตอบคำถามไม่ได้ดั่งที่คิดไว้ตอนแรก ด้วยความประหม่า ตื่นเต้น และฯลฯ ส่วนตัวน้องเอง อย่าลืมเอา transcript และใบรับรองความเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยติดไปด้วยค่ะ เพื่อกงสุลถามว่า หลังจากเที่ยวเสร็จจะทำอะไรต่อ น้องมีหลักฐานว่า มีภาระ ต้องกลับมาเรียนปริญญาตรีปีอะไรที่เมืองไทยให้จบ เป็นต้นค่ะ

  • poem  On February 5, 2011 at 11:32 pm

    กรอกข้อมูลใน DS160 ไปว่าจาไปพักอยู่บ้านเพื่อนซักสองอาทิตย์น่ะค่ะ แต่ความจิงเค้าเป็นลูกพี่ลูกน้องทางแม่น่ะค่ะ(คนละนามสกุล)จะเป็นอะไรมั้ยคะ แล้วควรต้องให้เค้าเขียนจดหมายหรือส่งอีเมลมามั้ยคะ ว่าจาให้เราพัก หรืออาไรทำนองนี้น่ะคะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ

    • govisa  On February 6, 2011 at 3:28 pm

      เขียนเพื่อนไปแล้วก็เพื่อนได้ค่ะ เพราะเปลี่ยนกลับไปกลับมาดูเป็นคนไม่น่าเชื่อถือค่ะ ยกเว้น ถ้า statement ที่นำไปแสดงด้วย มีเงินในบัญชีน้อย ก็คงต้องสารภาพว่า คลิกผิดไปตอนกรอกค่ะ ที่จริงจะไปอยู่กับญาติ ให้ยาติเขาทำจดหมายมาด้วยว่า เขาจะรับผิดชอบเรื่องที่พักและอาหารให้ค่ะ

  • govisa  On February 8, 2011 at 9:20 pm

    น้องที่เขียนถามมา มีน้องคนไหนผ่านวีซ่าแล้วบ้างคะ หรือ น้องคนไหนที่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์การเข้าไปสัมภาษณ์กับกงสุล เพื่อให้เป็นข้อมูลกับน้องคนต่อๆไป พี่ยินดีรับฟังและขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • พี  On February 9, 2011 at 10:35 am

    เดี๋ยวถ้าไปยื่นเเล้วเป็นยังไงจะมาเเชร์ระสบการณ์นะครับ แต่คงอีกนานเลยของผม เพื่อนๆคนไหนมีประสบการณ์ก็มาเเชร์กันนะครับ เว็บนี้มีประโยชน์มากๆเลย >_<

    • govisa  On February 10, 2011 at 5:09 am

      ขอบคุณน้องพีมากๆค่ะ

  • Somchai  On February 9, 2011 at 8:17 pm

    กรอกข้อมูล form D160 แล้วได้ confirmation no. ซื้อ PIN เ ข้าเว็บไซต์ นัดวันสัมภาษณ์ตั้งแต่วันที่ 4 เต็มตลอด เมื่อเช้าพยายาม log in แต่ปรากฎ error ไม่สามารถเข้าได้ ผ่านไปหลายชั่วโมง log in ได้และมีวันนัดเพิ่ม แต่ก็เต็มหมดแล้ว มีวิธีใดที่จะนัดสัมภาษณ์ได้เร็วขึ้น จะไปเที่ยวช่วงสงกรานต์ คงจะทำ visa ไม่ทัน
    ขอบคุณครับ

    • govisa  On February 10, 2011 at 4:51 am

      ถ้าจะไปเทียวช่วงสงกรานต์ มีวันนัดช่วงปลายเดือนมีนาคม รีบจองเลยค่ะ เพราะเขาเปิดให้จองแปีบเดียว ถ้าไม่จองเดี่ยวก็เต็มอีกค่ะ ไม่มีวันสัมภาษณ์อีก เพราะถ้าสัมภาษณ์ปลายมีนา รู้ผลเลยในวันนั้นว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านวีซ่าค่ะ เพราะถ้าผ่านวีซ่า เขาจะพูดว่า เขาจะส่งหนังสือเดินทางให้น้องทางไปรษณีย์ และให้น้องไปจ่ายเงินค่าซองจดหมายค่ะ ส่งหนังสือเดินทางกลับน้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพราะเขาส่งทาง EMS ค่ะ อย่างไรก็ตามถ้าน้องรีบใช้หนังสือเดินทางแจ้งเขาว่า จะไปรอรับที่ไปรษณีย์รองเมืองในวันรุ่งขึ้น เขาก็จะมีแผนที่ที่ตั้งไปรษณีย์ให้น้องค่ะ ถามเวลาเขาด้วยนะคะว่า จะให้ไปรอรับที่ไปรษณีย์ได้ตอนประมาณกี่โมงค่ะ

  • หนูดี  On February 10, 2011 at 2:21 pm

    วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ วันนี้ 10.2.2011 ไปสัมภาษณ์ที่สถานฑูตอเมริกา เวลา 7.30 น. มาค่ะ แต่ไม่ผ่าน ได้เข้าช่องที่7 คนสัมภาษณ์เป็นคนอเมริกันผู้ไทย ถามอยู่ ประมาณ 5 ประโยค และก็ไม่ให้ผ่าน ไม่ขอดูเอกสารที่เตรยมไปเลยค่ะไม่ว่าจะเป็น statement เอกสารทางการค้า หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ ทะเบียนสมรส หรืออื่นๆๆ ไม่ดูสักอย่างเลย คำถามที่ถามก็มี 1.เคยไปเที่ยวไปเทศประเทศอื่นบ้างหรือไม่ ตอบว่าเคยไปแต่ประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศลาว 2.สามีไม่ไปด้วยเหรอ 3. ทำไมถึงอยากไปอเมริกา 4.จะไปพักกับใคร ตอบว่าเพื่อนแม่ (ไม่มีจดหมายเชิญ แต่สังเกตุช่องอื่นๆๆมีจดหมายเชิญจะผ่านค่ะ ) 5.ใครจะฃ่วยค่าใช้จ่ายให้ (สามีและตัวเอง) สรุปไม่ให้ผ่าน
    ก็งง…นิดหน่อยเพราะไม่ขอเอกสารดูเลย จะดูเฉพาะเอกสาร D160 ที่ print ออกจากคอมเท่านั้นค่ะ ….และก็จะไม่ไปยื่นเอกสารอีกแล้วค่ะเพราะเสียดายตังค์ค่าธรรมเนียมวีซ่า ค่าธรรมเนียมเอกสารรับรองเงินจากธนาคาร ค่า pin รวมแล้วก็หลายตังค์ ขอเที่ยวประเทศใกล้เคียงเช่น สิงค์โปร์ จีน มาเลเซีย และยุโรปอีกประเทศ คือ เยอรมันค่ะ ( มีจดหมายเชิญมาค่ะ )
    สำหรับเพื่อนๆๆท่านไหนจะไปสัมภาษณ์ ขอให้โชคดีน่ะค่ะ เอาใจช่วย….

    • govisa  On February 11, 2011 at 4:41 am

      พี่เสียใจด้วยค่ะ กงสุลจะไม่ขอดูเอกสารกับทุกคนที่ไปสอบสัมภาษณ์ อย่างที่เคยตอบน้องคนอื่นๆ คือ กงสุลเขาพอรู้ของรายละเอียดของเราบ้างแล้วจาก DS 160 เพราะเขาอ่านทำการบ้านมาก่อนค่ะ เรามีสิทธิ์ยื่นเอกสารประกอบให้กงสุลดู ในระหว่างมีการโต้ตอบสัมภาษณ์กัน เช่น กงสุลถามว่า
      1. สามีไม่ได้ไปด้วยหรือ น้องสามารถแสดงหลักฐานว่า สามีทำงานตำแหน่งอะไร ลางานไปนานไม่ได้ และอาจอธิบายเพิ่มอีกนิดว่า สามีเห็นว่าเราไปอยู่บ้านเพื่อนแม่ คงไมม่มีอันตราย จึงอนุญาตให้ไป
      2. ส่วนคำถามที่เขาถามว่า ทำไมอยากไปอเมริกา พี่ไม่ทราบว่า น้องให้คำตอบว่าอะไรไป คำตอบของน้อง กงสุลจะตีความว่าอย่างไร เช่น มีแผนการเดินทางชัดเจนไหม ผู้หญิงไปตัวคนเดียว บอกว่าไปแบบแบ็คแพ็คเหมือนประเทศลาว เขาอาจไม่เชื่อ เพราะ อเมริกากว้างใหญ่ อย่างที่เคยบอกน้องไปว่า Penn กับ New Jersey ไม่ใกล้กันเท่าไรนักถ้าจะขับรถไปเที่ยวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เราอาจต้องค้างคืนที่ NJ กับเพื่อน เพื่อจะได้ไม่เร่งรีบในการเดินทาง จากจุดที่เที่ยวหนึ่งไปอีกจุดที่เที่ยวหนึ่งค่ะ กงสุลอาจมองภาพว่า ตรงนี้ น้องมีรายละเอียดการไปเที่ยวชัดเจนไหม
      3. คำถามว่าไปพักที่ไหน พี่ตอบน้องไปเมื่อ 27 มกราคมว่า ให้เพื่อนแม่เขียนจดหมายมานิดหนึ่งว่า น้องจะไปพักกับเขา พี่คิดว่า ถ้าน้องมีจดหมายฉบับนี้ไป น้องสามารถยื่นให้กงสุลดูประกอบคำตอบข้อนี้ได้ค่ะ
      4. ใครจะช่วยค่าใช้จ่าย เขาไม่ขอดู statement น้องอาจยื่นจดหมายรับรองเงินเดือนสามี กับจดหมายรับจากธนาคารที่สามีมีบัญชีเงินฝาก หรือ book บัญชีสามีให้เขาดูได้ค่ะ
      น้องมีสิทธิ์ยื่นขอวีซ่าใหม่อีกครั้งได้ อาจทอดเวลาไปหน่อย เช่น 3 เดือนก็จะเป็นช่วงหน้าร้อนของอเมริกา อากาสกำไม่หนาวมาก และไปขอพร้อมสามี โดยมีรายการไปเที่ยวที่ชัดเจนประกอบไปด้วย เพราะแต่ละจุดของอเมริกากว้างใหญ่มาก ต้องมีรถจึงจะเที่ยวได้สะดวก ไม่เหมือนประเทศในเอเซียหรือยุโรป ที่จะมีรถโดยสารสาธารณะถี่และบ่อยกว่าในอเมริกา รถโดยสารจะออกประมาณ 40นาที หรือ 1 ชั่วโมงคันหนึ่งค่ะ

  • iamnan@gmail.com  On February 11, 2011 at 11:17 am

    ตอนนี้เรียนอยู่ปี 1 แล้วสมัครไปเรียนภาษาในช่วงปิดเทอมเป็นเวลา 9 สัปดาห์ มีปัญหาในขั้นตอนการกรอกใบสมัคร ดังนี้

    1. ถ้ากรอกวีซ่า DS-160 และจองคิวนัดสัมภาษณ์ และได้ Comfirmation Number มาแล้ว เพิ่งมาพบว่า กรอกชื่อผิด และตรง Native Language กรอกภาษาอังกฤษแทนภาษาไทย เข้าไปแก้ไขในเวบก็ทำไม่ได้ เพราะมันจะเปิดได้แค่หน้าที่มีบาร์ดค้ดที่ให้ปริ๊นเอกสาร ตรงนี้จะแก้ไขอย่างไรบ้างคะ

    2. การกรอกแบบฟอร์ม Ds-160 ในส่วนของ Address in US ได้กรอกที่อยู่ของสถาบันที่เรียนไป เพราะว่าจะไปพักกับญาติแต่ยังไม่ได้ที่อยู่ ถ้ารอกลัวจะหาวันสัมภาษณ์ยาก ตรงนี้เราควรบอกไหมคะว่าจะไปพักกับญาติ และจำเป็นจะต้องแก้ไขที่อยู่ด้วยไหม

    3. ซื้อ PIN โดยผ่าน Call Center เมื่อได้ email ตอบรับพบว่า เจ้าหน้าที่กรอกชื่อผิด ตรงนี้จะแก้ไขได้อย่างไรคะ และต้องปริ๊นท์อีเมลตอบรับว่าเราได้สัมภาษณ์วันไหนไปด้วยหรือไม่

    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On February 12, 2011 at 7:51 am

      ถ้าน้องได้วันสัมภาษณ์แล้วให้ print วันนัดสัมภาษณ์ออกมาด้วยค่ะ

      ส่วนการแก้ไขก็ทำไม่ได้แล้วค่ะ เพราะถ้าจะแก้ต้องเข้าไปกรอกใหม่ ได้ confirmation number ใหม่ ซึ่งไม่ตรงกันกับที่แจ้งไปในหน้าคิวนัดสัมภาษณ์ค่ะ ให้น้องบอกกับเจ้าหน้าที่คนไทย ที่ตรวจเอกสารก่อนเข้าไปพบกงสุลค่ะว่า เรารีบกรอกข้อมูล เพราะมีเวลาเป็นตัวกำหนด และตรวจทานไม่ดี นัดไปแล้วเลยไม่กล้าแก้ เพราะเกรงว่า จะต้องเปลี่ยนวันนัดใหม่ซึ่งตอนนี้ไม่มีคิวนัดเดือนมีนาเหลือเลยค่ะ จุดที่ผิดมีอยู่ 2 จุด คือ ตอนกรอก DS 160 กับตอนนัดทำวีซ่า ซึ่งพี่ไม่ทราบว่า ผิดแบบเดียวกันหรือไม่ คือ น้องบอกชื่อคนอื่นไม่ใช่ชื่อน้อง หรือ สะกดผิดไปตัวสองอักษรคะ ถ้าเป็นอย่างหลังคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ ถ้าเป็นอย่างแรกต้องกรอกใหม่หมด จองวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ค่ะ

      ถ้ายังไม่มั่นใจในคำตอบนี้ ให้ลองเขียนอีเมล์ไปถาม visabkk@state.gov ดูค่ะ

  • หนูดี  On February 11, 2011 at 11:54 am

    ขอบคุณมากค่ะพี่ แต่คงไม่ไปแล้วค่ะ เพราะเค๊าไม่เปิดโอกาศให้ยื่นเอกสารประกอบเลยค่ะ และเค๊าไม่แสดงความอยากขอเอกสารจากเราเลย
    2.ตอบว่าคิดว่าสักครั้งหนึ่งถ้ามีมีโอกาสก็อยากไปเที่ยวอเมริกา และตอนนี้ก็มีความพร้อม ตัวเองและสามี ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่ในการท่องเที่ยว
    4.เค๊าไม่ขอดู statement เลยค่ะ เค๊าไม่พยายามขออะไรเลยค่ะ ก็เลยไม่รู้จะืำทำอย่างไรคิดไม่ออก ณ ขณะนั้นว่าควรจะหยิบเอกสารอะไรให้เค๊าดู ทั้งที่แน่ใจตัวเองมีความพร้อมในเอกสารมาก จดหมายรับรองจากทางบริษัทสามีการันตีเงินเดือน ตำแหน่ง มีทุกอย่างเลยค่ะพี่..ก็เลยคิดว่าเราไม่มีโชคเองค่ะ หรือเพราะเราไม่รีบหยิบเอกสารต่างๆๆมาให้เค๊าดูหรือปล่าวค่ะ และอาจจะเป็นเพราะตอนนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะเค๊าตอบ no..no.. อย่างเดียว และบอกแต่ว่าเราไม่มีความผูกพันธ์กับคนที่โน้นไปไม่ได้ ถ้าคุณพร้อมค่อยมายื่นใหม่ค่ะ….และโทรบอกเพื่อนแม่แล้วค่ะ ทางโน้นไม่เคยทำจดหมายมา…แต่ให้ทางเราเขียนไปบอกเค๊าแล้วเค๊าจะทำจดหมายมาเชิญเป็นทางการพร้อมเป็นสปอนเซอร์ และเพื่อนแม่จะบินมาที่นี้เดือน พฤศจิกายน จะกลับประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2555 …แต่หนูคิดว่าไม่ไปแล้วค่ะ..ขอบคุณพี่มากค่ะ..หนูก็พูดความจริงไปทุกอย่าง..แต่ผลออกมาเป็นอย่างนี้ก็ผิดหวังมากค่ะ…

    • govisa  On February 12, 2011 at 7:36 am

      พี่คิดว่า น้องคงตื่นเต้นตอนยืนอยู่หน้ากงสุล และตกใจจนไม่ทราบว่า ควรยื่นเอกสารประกอบให้เขาดูเองด้วยค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ให้เวลาช่วยทำให้น้องเข้มแข็งและต่อสู้ต่อไป ถ้าเพื่อนแม่มาเมืองไทยแล้วเปลี่ยนใจ จะยื่นอีกครั้ง พี่ก็ยินดีให้คำแนะนำค่ะ ถ้าในอนาคตเปลี่ยนใจจะเข้าไปใหม่ แนะนำให้ขอวีซ่าพร้อมสามี และทำจดหมายชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ไว้ชั้นหนึ่งก่อน เพราะกันการประหม่าและตื่นเต้นเวลายืนอยู่หน้ากงสุลค่ะ

  • Apple58  On February 13, 2011 at 11:19 pm

    ขอสอบถามเกี่ยวกับวีซ่าค่ะ ตอนนี้สับสนมาก

    1. ทำ passport เล่มแรก ที่หมดอายุแล้ว ซึ่งในนั้นมีวีซ่าสหรัฐฯ ที่ยัง valid อยู่หายไป
    2. ไปแจ้งความ และไปทำ passport ใหม่ ได้เล่มเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเล่มที่มีอยู่ (เล่มที่สอง) เหลือไม่ถึง 6 เดือน
    3. ทำการกรอกมบสมัคร DS-160 ไปเรียบร้อยแล้ว กำลังจะจองคิวนัดสัมภาษณ์ ก็พอดีเจอ passport เล่มนั้นที่หายไป
    4. กำลังจะไปถอนแจ้งความ และไปกงศุลฯ ขอทำ endorse ย้อนหลัง เพื่อเอาวีซ่าตัวนั้นมาใช้คู่กับ passport เล่มใหม่

    คำถามคือ จะต้องทำอย่างไรกับใบสมัครที่กด submit ไปแล้วคะ เหตุที่กังวล เนื่องจากว่าในใบสมัครมีคำถามข้อนึงถามว่า ท่านเคยทำวีซ่าหายหรือไม่ แล้วเราตอบไปว่า เคย พร้อมระบุเลขที่วีซ่า แล้วตอนนี้มาหาเจอ เลยอยากรู้ว่าข้อมูลนั้นจะมีผลอะไรหรือไม่

    ช่วยตอบด้วยนะคะ ช่วงนี้เป็นกังวลทุกวันเลยค่ะ จะเดินทางเดือนหน้าแล้ว ไปสัมภาษณ์ตอนนี้ก็คงไม่ทัน เพราะว่าคิวไม่มีเลย

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On February 14, 2011 at 4:59 am

      1. วีซ่าในเล่มที่ 1 เหลืออีกกี่ปีคะ ถ้าเหลือไม่มาก จะขอใหม่ไหมคะ
      2. เล่ม 2 ทิ้งไปเลย เพราะส่วนใหญ่คนที่จะเดินทางควรให้ passport มีอายุเกิน 6 เดือน
      3. กำลังจะจองคิวยังไม่ได้จองใช่ไหมคะ เพราะถ้าเล่ม 1 ยังเหลืออีก 5-6 ปี ก็อย่าจองคิวนัดเลยค่ะ แต่ที่สำคัญดูอายุ passport ด้วย ถ้ายังเหลืออีก 5 ปี น่าจะลองติดต่อกรมกงสุลที่ทำ passport ของบ้านเรา พูดกับเจ้าหนาที่ว่า หา passport เล่มที่คิดว่าหายไปพบแล้ว ขอยกเลิกเล่มใหม่ได้ไหมค่ะ
      4. ลองปรึกษากรมกงสุลดู แต่เวลาเดินทางคงเข้าอเมริกา คงต้องถือ passport 2 เล่มค่ะ และถ้าคิดเล่นๆว่า จะไปให้สถานทูตอเมริกา endorse ในเล่มใหม่ก็ไม่ได้ เพราะเขาจะให้ยื่นขอวีซ่าใหม่หมด ดังนั้นก็คงต้องเป็นอย่างแรก คือ endorse เล่มแรกและเวลาเดินทางถือ 2 เล่มค่ะ

  • zaa  On February 14, 2011 at 10:39 pm

    หนูขอสอบถามเกี่ยวกับการขอวีซ่าค่ะ
    1.หนูเพิ่งกลับจากการไปเที่ยวที่ LA มาค่ะ เขาให้อยู่ 5 เดือน หนูก็อยู่จนเต็มเลยแล้วก็กลับมาต้นปี หนูมีความประสงค์จะขอวีซ่านักเรียนเพื่อไปเรียนภาษาก่อนที่ NY พี่คิดว่ามีโอกาสจะได้วีซ่านักเรียนไหมค่ะ
    2. ถ้าหนูขอวีซ่านักเรียนไม่ได้ ทางสถานฑูตจะระงับวีซ่าท่องเที่ยวของหนูหรือไหม
    3. เอกสารประกอบขอวีซ่านักเรียน จำเป็นต้องมีจดหมายศึกษาต่อจากมหาลัยหรือไหมค่ะ หนูไปเรียนภาษาก่อนอะ แล้วค่อยเรียนปริญญาโท
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On February 15, 2011 at 5:16 am

      1. เป็นคำถามที่ตอบยากมากค่ะ เพราะถ้าถามว่าเสี่ยงต่อการขอวีซ่าครั้งต่อไปไหม ก็มีประเด็นอยูค่ะ เพราะถ้าน้องทำงาน น้อจะไม่สามารถลาหยุดพักร้อนไปเที่ยวได้นานถึง 5 เดือน แสดงว่า น้องอยู่ในฐานะไม่มีงานทำ กงสุลคงต้องถามว่า น้องไปอยู่กับใคร 5 เดือนใน Los Angeles มีวัตถุประสงค์อะไรที่อยู่นานถึง 5 เดือน น้องไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง น้องทำงานอะไรในระหว่าง 5 เดือนนั้นหรือเปล่า เพราะการอยู่ที่นั่น 5 เดือน ต้องมีค่าใข้จ่ายส่วนตัวเกิดขึ้น คนที่ไปอยู่ด้วยเป็นใคร มีความสัมพันธ์กับน้องอย่างไร ทำอาชีพอะไร เป็นต้นค่ะ ที่บอกว่าจะขอวีซ่านักเรียนไปเรียนที่ New York โรงเรียนชื่ออะไร มีมาตราฐานการสอนอยู่ในเกณฑ์เป็นที่ยอมรับ ได้มากน้อยแค่ไหนในความคิดของกงสุล คือ โรงเรียนภาษาในอเมริกามีเป็นพันๆแห่ง ทุกที่ออก I-20 ให้นักเรียนต่างชาติไปขอวีซ่านักเรียนได้หมด แต่ที่ไหนล่ะที่จะเข้มงวดกับการสอนนักศึกษาต่างชาติ ไม่ละเลยปล่อยให้นักศึกษาออกไปหางานทำนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย โรงเรียนภาษาบางแห่งที่เข้มงวดมากๆ เขาจะรายงานความผิดของนักศึกษาของเขาให้ Immigration ทราบทันทีที่รู้ค่ะ เพราะฉะนั้นกงสุลจึงสัมภาษณ์มากเป็นพิเศษ ในกรณีถ้าเป็นการสมัครไปเรียนภาษาอย่างเดียว เพราะสมัครภาษาสมัครง่ายกว่าสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย คนที่คิดไปแล้วจะไม่กลับเมืองไทยส่วนใหญ่ ก็จะอยู่ในกลุ่มสมัครไปเรียนภาษาเฉยๆค่ะ
      2. ไม่ระงับวีซ่านักท่องเที่ยวค่ะ
      3. ถ้าหากทำได้ก็ควรมีจดหมายจากทางมหาวิทยาลัยด้วยว่า จะรับเข้าเรียนต่อปริญญาโท ถ้าสอบได้คะแนนถึงเกณฑ์มาตราฐานการรับเข้าเรียนของเขาค่ะ

  • zaa  On February 15, 2011 at 9:00 am

    1.พี่ช่วยแนะนำได้ไหมค่ะ ว่าควรจะแสดงหลักฐานอะไรบ้าง หนูไปอยู่กับญาติมาจริงๆไมได้ทำงาน มีไปเที่ยวที่ต่างรัฐมาด้วย หนูได้วีซ่า 10 ปีมา 2 รอบแต่ครั้งนี้ที่จะไปขอคือวีซ่านักเรียนค่ะ อยู่ที่ไทยหนูมีกิจการที่บ้านค่ะ เคยทำงานแต่ลาออกไปแล้วเลยไปเที่ยวหาญาติที่ LA ค่ะ
    3.สถาบันที่สมัครไปเป็น LaGuadia college ไม่สามารถโดดเรียนได้ หนูลงคอสภาษาไป 6 เดือนค่ะ
    2.หนูไปเรียนภาษาเพื่อปรับพื้นฐานสอบเข้าเรียนต่อในมหาลัย มหาลัยมีไว้ในใจแล้ว จำเป็นไหมค่ะที่จะขอจดหมายจากมหาลัยที่ไทยเพื่อไปโชว์สถานฑูตว่าเราจะไปเรียนต่อจริงๆ

    • govisa  On February 16, 2011 at 5:55 am

      1. โดยปกติคนเคยวีซ่ามาแล้ว เวลาไปขอครั้งใหม่ก็จะผ่านวีซ่านะคะ ถ้าจะให้แนะนำเอกสารที่เอาไปด้วย ได้แก่ เอกสารทางการศึกษาที่มีคือ I-20 , Sevis I-901, passport, DS-160 confirmation number,ใบเสร็จจากไปรษณีย์, ใบรับรองการทำงานที่บ้านว่าทำเมื่อไหร่ ตำแหน่งงานอะไร, transcript, ใบรับรองการทำงานจากที่ทำงานเก่าก่อนมาทำที่บ้าน, หลักฐานการเงินของ Sponsor และเอกสารยืนยันอาชีพและที่มาของรายได้ของ Sponsor เช่น ใบอนุญาตประกอบการค้า เป็นต้น หลังจากนั้น ขึ้นอยู่กับวีธีการตอบคำถามที่จะให้แก่กงสุล เช่น เขาถามว่าไปทำไม ตั้ง 5 เดือน น้องจะตอบอย่างไร ที่ทำให้เขาเข้าใจน้องว่าน้องไม่ด้อยากอยู่ที่อเมริกา เพียงแค่อยากเที่ยว เพราะแอลเอใครๆก็รู้ว่าเป็นถิ่นของคนไทย บ้างอยู่อย่างถูกกฎหมาย บ้างก็เข้าเมืองผิดกฎหมาย ญาติเป็นอย่างนั้นไหม ญาติเราไม่เป็น แต่กงสุลไม่เคยรู้จักใครมาก่อน เขาก็ต้องสงสัยไปตามสถานะการณ์ของเขา น้องมีหน้าที่ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดให้ทำเป็นถูก จากการตอบคำถาม โดยยืนอยู่บนพื้นฐานเหตุผลที่มีความเป็นไปได้ บางคนตอบว่าก้อเขาเป็นญาติ เขามีธุรกิจของเขาเอง แต่ถ้าเราทำใจเป็นกลาง แล้วลองมองคำตอบที่เขาคนนั้นตอบไป โดยสมมติว่าเราเป็นกงสุล คำตอบนั้นกระจ่างพอที่จะทำให้เขาเข้าใจเพิ่มขึ้นไหม และนั้นก็จะทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมเขาจึงถูกปฏิเสธวีซ่า
      2. สถาบันที่ไปเรียนภาษา LaGuardia Community College ใน new York เป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนไทยไปเรียนภาษามากพอสมควร เพราะมีราคาไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเรียนในบางมหาวิทยาลัยใน New York กงสุลอาจถามว่าทำไมน้องเลือกที่เรียนภาษาใน New York แทน Los Angeles อยากให้ลองเตรียมค้นหาคำตอบด้วยว่า ตอบอย่างไรจึงจะดูมีสาระมีเหตุมีผลค่ะ หรือทำไมเลือกรัฐ New York เป็นต้น
      3. ถ้าจะขอจดหมายรับรองจาก U ในไทยว่าเราไปเรียนต่อจริง ก็คงต้องเป็นกรณีน้องจะกลับมาเรียนต่อที่ประเทศไทย และเขาคงถามอีกว่า แล้ว course ที่จะกลับมาเรียนต่อที่ไทยคือ course อะไร ทำไมต้องไปเรียนภาษาอังกฤษที่อเมริกา น้องก็ต้องอธิบายไปเป็น International Program เป็นต้น แต่ถ้าจะเรียนต่อปริญญาโทใน U ทีอเมริกา ก็ต้องเป็นจดหมายจาก U ในอเมริการับรองว่าจะรับเข้าเรียนต่อโทหลังจากเรียนภาษาจบค่ะ

  • Boom  On February 15, 2011 at 9:20 am

    ขอถามด้วยคนค่ะ เมื่อวันที่ 3 กพ.54 พาแม่ไปสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยว แต่ไม่ผ่าน เค้าบอกว่าเราไม่มีความผูกพันเน้นแฟ้นนอกสหรัฐ กรณีถ้าจะยื่นใหม่ ต้องทิ้งระยะนานป่าวค่ะ แล้วอันที่เค้าคอมเมนต์มาต้องหาเอกสารอะไรเพิ่มบ้างค่ะ

    • govisa  On February 15, 2011 at 10:45 pm

      น้องไม่ได้บอกว่า เขา comment อะไรมา พี่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ค่ะ ถ้าน้องหาเอกสารที่จะแสดงเพิ่มได้ว่า ผูกพันเมืองไทยจะกลับมาอยู่ที่ไทยก็น่าจะผ่านวีซ่า เช่น อาจเอาหลักฐานว่า พ่อทำอาชีพอะไรไปแสดงเพิ่มดีไหม นั่นคือ เหตุผลที่อยากให้อ่านสิ่งต่อไปนี้ ซึ่งทางรัฐบาลอเมริกันอธิบายไว้ชัดเจนว่า มีสิทธิ์ขอวีซ่าได้อีก และคำว่า strong tie หรือความผูกพัน แต่ละ case อาจไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างเดียวกันค่ะ ดูเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ http://travel.state.gov/visa/frvi/denials/denials_1361.html

      IS A DENIAL UNDER SECTION 214(B) PERMANENT?

      No. The consular officer will reconsider a case if an applicant can show further convincing evidence of ties outside the United States. Your friend, relative or student should contact the embassy or consulate to find out about reapplication procedures. Unfortunately, some applicants will not qualify for a nonimmigrant visa, regardless of how many times they reapply, until their personal, professional, and financial circumstances change considerably.

      WHAT CONSTITUTES “STRONG TIES”?

      Strong ties differ from country to country, city to city, individual to individual. Some examples of ties can be a job, a house, a family, a bank account. “Ties” are the various aspects of your life that bind you to your country of residence: your possessions, employment, social and family relationships.

  • Pha  On February 15, 2011 at 2:07 pm

    สวัสดีค่ะ เป็นน้องใหม่เลยค่ะ
    ขอคำแนะนำและปรึกษานิดนึง เพราะตอนนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างหนักอกหนักใจอย่างมาก ยังไม่เคยไปอเมริกาค่ะ และนี่เป็นครั้งแรกที่จะต้องไปและต้องพาลูกค้าไปดูงานด้วยลูกค้า 4 คน เจ้านายญี่ปุ่น 1 คน (ญี่ปุ่นไม่ต้องขอวีซ่า)เราสามารถยื่นให้ลูกค้าได้ไหมค่ะรึว่าทุกคนต้องยื่นเองรึป่าว ตอนนี้ของดิฉันเองได้ซื้อรหัส PIN มาแล้วทางโทรศัพท์ผ่านบัตรเครดิต แล้วใบเสร็จเค้าจะส่งให้เราตอนไหนค่ะ.. อ่ะ…สเต็บต่อไป จนท.บอกว่าให้กรอก DS-160 ก็ยังไม่ค่อยจะเป็นแล้วที่เค้าบอกว่าจะต้องเป็นฟอร์ม B1 มันคืออะไรค่ะ ต้องยอมรับเลยว่าภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง ท่าจะรอดลำบากและก็ค่อนข้างเป็นเรื่องหนักในอย่างแรง…. ช่วยแนะนำด้วยหน่อยนะค่ะ….ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On February 15, 2011 at 11:24 pm

      1. ยื่นเอกสารวีซ่าเข้าอเมริกาแทนกันไม่ได้ค่ะ เพราะผู้ยื่นขอวีซ่าต้องไปทำ finger-prints ด้วยตนเองทั้ง 10 นิ้วค่ะ

      Q: Am I going to be fingerprinted?

      A: Fingerprints will be collected during the interview process. The 10 fingerprints are done using an inkless, electronic process. This requirement will not increase significantly the length of your interview.

      2. ปกติเวลาซื้อ Pin ทางโทรศัพท์ เขาก็จะบอก code ให้น้องก็ต้องจดไว้เองค่ะ ดูคำถามคำตอบใน FAQ ค่ะ ซึ่งน้องจะเข้าไปทำการนัด เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกได้เพียง 3 ครั้งใน 90 วันเท่านั้นค่ะ https://thailand.us-visaservices.com/forms/SelfServiceFAQ.aspx

      “รหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) สำหรับบริการข้อมูลวีซ่า ทางโทรศัพท์ และ เว็บไซต์ มีอายุกี่วัน

      ท่านสามารถรหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) สำหรับบริการข้อมูลวีซ่า ทาง เว็บไซต์ ได้หลายครั้ง จนกระทั่ง 90 วันนับตั้งแต่ซื้อ หากไม่มีการนัดหมายใดๆ หากท่านได้ทำการนัดหมายแล้ว ท่านจะสามารถเข้าสู่บัญชีข้อมูลส่วนตัวของท่าน เพื่ออ่านข้อมูลวีซ่าเท่านั้น ได้อีก 10 วัน

      ท่านสามารถใช้รหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) นี้ สำหรับบริการข้อมูลวีซ่าทางโทรศัพท์ โทร.ไปยังศูนย์บริการข้อมูลวีซ่าทางทางโทรศัพท์ เพื่อทำการขอข้อมูล นัดหมาย หรือ เปลี่ยนแปลงการนัดหมายใดๆ สำหรับวีซ่าชั่วคราวได้ทั้งสิ้น 3 ครั้ง ภายใน 90 วันนับตั้งแต่ซื้อ หากท่านต้องการโทรศัพท์ไปยังศูนย์บริการข้อมูลวีซ่าทางทางโทรศัพท์เป็นครั้งที่ 4 ท่านต้องซื้อรหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) ใหม่

      3. ส่วนวิธีกรอกฟอร์ม DS160 ดูได้ที่ http://bangkok.usembassy.gov/niv_howtoapply.html จะมี video link อยู่ด้านขวามือ ชื่อ DS-160 video guide ค่ะ แต่ถ้ากรอกแล้วยังไม่ได้ เขียนเข้าถามได้ค่ะ ส่วน B-1 visa คือ วีซ่านักธุรกิจ B-2 คือวีซ่านักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านวีซ่านักท่องเที่ยวก็จะได้ B1/2 ประทับอยู่ในหน้าหนังสือเดินทาง ซึ่งแปลว่า น้องได้รับวีซ่านักท่องเที่ยวแล้วค่ะ

      Business Visitor Visas (B-1) – For example, if the purpose for your planned travel is to consult with business associates, travel for a scientific, educational, professional or business convention, or conference on specific dates, settle an estate, or negotiate a contract, then a business visitor visa (B-1) would be the appropriate type of visa for your travel. After reviewing this website information, should you need additional information about business related (B-1) visitor visas; select Business Travel to the United States

  • พี  On February 15, 2011 at 11:12 pm

    1.ขอตอบคุณ Pha นะคับ เราไม่สามารยื่นวีซ่าให้เเก่ลูกค้าได้ เเต่เราสามารถกรอกเเบบฟอร์มให้พวกเขาได้เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในเเบบฟอร์มที่เรากรอกไปลูกค้าคุณก็์ต้องรู้ด้วยว่าเรากรอกอะไรไปเพราะเขาจะสัมภาษณ์ตอนที่เราจองวันนัดสัมภาษณ์วันไหน (ต้องสัมภาษณ์และยื่นวีซ่าเองทุกคน)
    2.ใบเสร็จถ้าซื้อผ่านบัตรเครดิตมันจะมีหน้ายืน่ยันรู้สึกว่าบันทึกหน้านั้นเก็บไว้แล้วก็ปริ้นใบนั้นให้เขาดู แต่ถ้าไม่ได้ปริ้นหน้านั้นก็ปริ้นใบที่ส่งเข้าทางอีเมลคุณก็ได้
    3.ทางบริษัทคุณควรออกเอกสารว่าจะไปดูงานอะไรที่ไหนไปกี่วันให้ลูกค้าคุณ
    4.เเบบฟอร์ม B1 มันก็ คือ DS160 เลยครับคือตอนเรากรอกมันจะมีให้เราเลือกว่าเราจะเลือกชนิดของวีซ่าว่าเราจะสมัครเป็นชนิดใด B1/B2 คือวีซ๋าท่องเที่ยวเยี่ยมเยียนครับ
    5.ภาษาไม่เก่งไม่เป็นไรหรอกครับ สู้ๆ มันมีให้เลือกภาษาไทยในเว็บที่กรอกด้วยนะครับ โชคดีนะครับ

    ปล. รอผู้รู้มาตอบอีกทีนะครับ

  • pix  On February 16, 2011 at 12:02 am

    ตั๋วเครื่องบินจำเป็นมากมั้ยคะสำหรับสัมภาษณ์วีซ่า มีผลมากมั้ยกับการผ่านหรือไม่ผ่านคะ คือกลัวว่าจะสัมภาษณ์ไม่ผ่าน เลยยังไม่ได้จองน่ะค่ะ
    แล้วจดหมายเชิญจากเพื่อนที่เป็นคนไทยที่เรียนอยู่ที่นู่น ไม่ได้เป็นซิติเซนค่ะ ต้องใช้มั้ยคะ แค่ไปขอพักบ้านเช่าเค้า แล้วสามารถส่งมาทางอีเมลได้มั้ยคะ หรือต้องส่งเป็นจดหมายไปรษณีย์คะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On February 16, 2011 at 6:03 am

      ตั๋วเครื่องบินไม่สำคัญมาก เท่ากับวิธีการตอบคำถามของน้องต่อหน้ากงสุล ณ เวลานั้นค่ะ จดหมายเชิญจะใช้เมื่อน้องคิดว่า น้องจะไปอยู่กับเพื่อน โดยเพื่อนรับผิดชอบค่าที่พัก ค่าอาหารระหว่างที่น้องไปอยู่ค่ะ คนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็น US Citizen น้องลองเข้าไปอ่านใน http://travel.state.gov/visa/frvi/denials/denials_1361.html
      หรือพี่ copy มาให้คือ
      HOW CAN I HELP?

      You may provide a letter of invitation or support. However, this cannot guarantee visa issuance to a foreign national friend, relative or student. Visa applicants must qualify for the visa according to their own circumstances, not on the basis of an American sponsor’s assurance.
      น้องคงพอเข้าใจแล้วนะคะที่พี่อธิบายว่า ขึ้นอยู่กับคำตอบที่น้องจะให้กับกงสุลเวลานั้น คิดเรียบเรียงให้ดีตั้งแต่วันนี้ เพราะวันสัมภาษณ์อาจมีอาการตื่นเต้น ประหม่า ตกใจ การหลงลืมที่จะตอบในสิ่งที่ควรตอบ แต่ไปตอบอีกแบบหนึ่งก็เป็นได้ค่ะ

  • รุจิรา  On February 16, 2011 at 1:52 am

    สวัสดีค่ะ พอดีหนูกำลังเรียนอยู่ปี 1 ค่ะหนูต้องการไปเรียนภาษาในช่วงเดือนมีนาคมนี้ประมาณ7อาทิตย์ค่ะ ไปพักอยู่กับเพื่อนเเม่เป็นคนอเมริกาโดยตรง ตอนนี้ชำระทุกอย่างหมดเเล้ว เเละได้จดหมายรับเข้าเป็นนักเรียนจากสถาบันที่อเมริกาเเล้วค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายหนูบอกว่าเเม่เป็นสปอนเซอร์ให้ เเต่เงินในบัญชีมันมีเเต่ของหนูค่ะเพราะเวลาเเม่ฝากเเม่จะฝากให้ในบัญชีของหนู ประมาณ 200,000บาทค่ะ เเล้วก็มีเงินทุนการศึกษาของมหาลัยอีก 85,000 จะเป็นไรไหมคะ เเล้วเเม่หนูประกอบอาชีพค้าขาย ไม่ทราบว่าจะมีผลมั้ย ส่วนเรื่องใบรับรองจากทางมหาวิทยาลัยก็มีเอกสารครบค่ะ หนูเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนูอยากทราบว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มอีกหรือไม่คะ เเล้วถ้าหนูจะจองต้นเดือนมีนาคมจะทันไหมคะ เพราะว่าจะเปิดเรียนที่อเมริกาตอน วันที่ 28 มีนาคมค่ะ รบกวนพี่ช่วยเเนะนำเรื่องสัมภาษณ์ด้วยนะคะ

    หนูมีคำถามเกี่ยวกับ การกรอกข้อมูลDS-160ค่ะ
    1.ถ้าหนูเขียนว่าไปประมาณ 7 อาทิตย์จะนานไปไหมคะ
    2.คนที่รู้จักที่อเมริกา 2 คนหนูกรอกชื่อเพื่อนเเม่ เเละ ชื่อสถาบันการศึกษาที่อเมริกาได้ไหมคะ
    3.เอาเฉพาะ statement ย้อนหลัง 6เดือนเหรอคะ เเล้วถ้าหนูมีเเต่สมุดบัญชีของตัวเองจะเป็นไรมั้ย
    4.หนูไม่เข้าใจตรง passport book number ค่ะ ใช่ที่อยู่ตรงปกหลังสุดหรือเปล่าคะ
    5.อยากทราบว่าที่ให้กรอก state/province เเละเขียนว่าถ้าโชว์บนpassport เเต่หนูไม่เห็น ต้องเขียนมั้ยคะ
    6.หนูไม่เข้าใจตรงช่องสี่เหลี่ยมที่เขียนว่า Brifly describe your duties ค่ะ
    7.เเม่หนูขายอาหาร เเล้วหนูเขียนว่าเเม่เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้เป็นไรไหมคะ
    8.ถ้าหนูอยู่ที่นครปฐม city หนูต้องพิมพ์ว่า Phuttamonton หรือ Bangkok คะ
    9.หนูต้องให้คนที่จะไปอยู่ด้วยเขียนจดหมายเชิญมั้ยคะ
    10.ถ้าหนูเอาเงินไปฝากภายในอาทิตย์นี้เพิ่มอีกทางกงสุลจะว่าอะไรไหมคะ
    11. พี่ช่วยบอกเคล็ดลับเรื่องสัมภาษณ์ด้วยได้มั้ยคะ

    ขอบคุณมากๆๆนะคะ

    • govisa  On February 16, 2011 at 11:35 pm

      พี่ขอโทษที่ตอบน้องช้าค่ะ พี่ไม่ทราบว่า น้องไปเรียนภาษาที่ไหนคะ เพราะโดยปกติสถานที่เรียนภาษาจะไม่ให้ทุนนักศึกษาต่างชาติเรียน และตอนนี้คิวนัดสัมภาษณืหายากค่ะ ไม่ได้พูดให้เสียกำลังใจนะคะ น้องที่จะเปิดเทอมวันที่ 10 มีนาคม บางคนได้คิวนัด 30 มีนาคม ยังขอทำการเร่งรัดวีซ่าไม่ได้ก็มีค่ะ คิวนัดวีซ่าช่วงนี้แน่นมากๆค่ะ ถ้าจะให้พี่พูดตรงๆ case น้องค่อนข้างเสี่ยงนิดหน่อย ตรงที่เงินฝากในบัญชีธนาคารมีไม่มาก ไปอยู่อเมริกาเดือนหนึ่งน่าจะกำหนดรายจ่ายไว้ที่ประมาณ 80,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของสถานที่เรียน และค่าครองชีพในเมืองนั้นๆค่ะ ถ้าเมืองใหญ่ก็แพงหน่อยค่ะ ดังนั้นเงิน 200,000บาท บวกเงินทุนมหาลัยตามที่เขียนมาอีก 85,000 บาท (ซึ่งพี่สงสัยว่าที่ไหนที่เขาให้ทุนค่ะ) ดูมันพอดีมาก ไม่มีเงินสำรองไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน เช่น ป่วย หรือ อื่นๆค่ะ

      ขอตอบคำถามน้องเป็นข้อๆคือ

      1. หนูเขียนว่าประมาณ 7 อาทิตย์ จะนานไปไหม ต้องถามว่าโรงเรียนภาษาที่ว่านี้ชื่ออะไรคะ แล้วมีกำหนดไหมคะว่าเทอมหนึ่งมีกี่สัปดาห์ ถ้าเป็น college หรือ university จะมักำนดอาทิตย์มาให้เลย แต่ถ้าเป็นของเอกชนก็แล้วแต่โรงเรียน บางแห่งมีหลักสูตรเป็นรายเดือน บางแห่งแล้วแต่ผู้เรียนจะกำหนดว่าจะไปเรียนซักกี่อาทิตย์ค่ะ แล้วถ้าเรียนจบแล้ว จะต้องกลับมาเรียนต่อพยาบาลที่มหิดลใช่ไหมคะ ถ้าใช่ ให้นำจดหมายรับรองความเป็นนักศึกษาไปด้วยพร้อม transcript ของปี1 ค่ะ
      2. ในฟอร์มวีซ่าถามContact reference ให้ใส่ชื่อเพื่อนที่เมืองไทย 2 คนเป็นบุคคลอ้างอิงค่ะ เพื่อสถานทูตจะซุ่มตัวอย่าง จากผู้ยื่นขอวีซ่าทั้งหมด โทรไปถามเรื่องของเรากับเพื่อนคนนั้นค่ะ แต่ถ้่าเป็น contact information ที่ให้ใส่ชื่อเดียว คือ ใส่ชื่อเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยที่ส่ง I-20 กลับมาให้เราก็ได้ค่ะ
      3. สถานทูตดูว่าเปิดบัญชีมานานเกิน 6 เดือนแล้ว ไม่ใช่บัญชีเพิ่งเปิดใหม่ การที่ใช้บัญชีตนเอง ดูเหมือนไม่มีความผูกพันกับใครที่เมืองไทยเลยค่ะ คุณพ่อ หรือ คุณแม่ มีใครที่มีบัญชีเป็นเลขหลักแสนแก่ๆบ้างไหมคะ ให้เขาค้ำประกันน้องอีกคนได้ไหมคะ
      4. ให้ใส่ does not apply ค่ะ
      5. เขียนคำว่า Bangkok ตรงไหนที่มีดอกจันทน์สีแดงเล็กๆบังคับว่าต้องกรอกค่ะ หน่วยงานที่ออก passport บ้านเราคือ กรมกงสุลค่ะ ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพ จึงใส่คำว่า bangkok ทั้งตรง City และ State/province
      6. ถ้ากำลังเรียนก็เขียนไปว่า “น้องจะกลับมาเรียนต่อปี 2 คณะพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิลในเดือนมิถุนายน 2011 ”
      7. ได้ค่ะ และควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะผู้ที่เป็น sponsor พ่อแม่ดูจะมีน้ำหนักดีที่สุดค่ะ
      8. ใส่ Nakornpathom ค่ะ จะใส่ทั้ง city กับ province ก็ได้ค่ะ หรือใส่เฉพาะ City ไม่ใส่ช่อง Province ก็ได้ค่ะ แต่ไม่ใส่ช่อง City ไม่ได้ค่ะ พอเราคลิก Next จะมีลูกศรสีแดงตรงช่อง City ให้เราใส่ชื่อเมืองด้วยค่ะ
      9. น้องจะไปอยู่กับใครล่ะคะ ไม่ใช่ Homestay ที่โรงเรียนจัดหาให้ใช่ไหมคะ ถ้าเป็นเพื่อนแม่ จะให้เขาเขียนจดหมายเชิญเราไปพักก็ได้ค่ะ ให้ระบุว่า เขาหรือเธอคนนั้นจะรับผิดชอบค่าอาหารค่าที่พักให้น้องทั้งหมดค่ะ
      10 ก็ดูเหมือนตกแต่งบัญชีค่ะ ถ้าจะถอนเงินที่อยู่ในบัญชีพ่อหรือแม่ ก็แก้ป้ญหาให้ท่านคนใดคนหนึ่งมาเป็น Sponsor ร่วมกับเราดีกว่าค่ะ
      11.จุดอ่อนของน้องอยู่ที่เงินฝากในธนาคาร กับความน่าเชื่อถือ และเรื่องทำไมน้องจึงได้รับทุนให้ไปเรียนภาษา เพราะที่อเมริกาไม่ค่อยจะมีที่ว่า โรงเรียนภาษาให้ทุนนักศึกษาต่างชาติไปเรียนภาษาก่อนค่ะ

      เคล็ดลับ ให้ไปเขียนบทสรุป เกี่ยวกับตัวเรา และ sponsor ว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร กำลังทำอะไรกันอยู่ และลำดับเรื่องราวให้ได้ว่าเรากำลังเรียนปี 1 และช่วงปิดเทอมอยากมีโอาสไปเรียนและพัฒนาภาษา เพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาค่ะ

  • kedsarin  On February 16, 2011 at 2:13 pm

    ตอนนี้ได้รับ DS 2019 จากมหาลัยทางโน่นเเล้วค่ะ เค้ากำหนดวันให้วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2011 เเต่ตอนนี้ยังจองวันสัมภาษท์ ไม่ได้เลยค่ะ จะทำยังงัยดี T_T

    • govisa  On February 16, 2011 at 10:51 pm

      เข้าใจความรู้สึกค่ะ เพราะหลายคนบ่นเหมือนกัน ลองอีเมลืไปถามที่ visabkk@state.gov ดูไหมคะว่าน้องจะต้องไปให้ทันเรียนที่ U ชื่ออะไร วันเปิดเรียนเมื่อไหร่ แต่ไม่มีวันที่ให้จองเลย ไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะ U ส่ง DS 2019 มาช้า เขาจะแนะนำให้เราทำอย่างไร เพราะถ้าไม่มีคำตอบใดๆออกมา ทำได้ทางเดียว คืออธิบายให้ U เข้าใจแล้วขอไป late หรือขอเลื่อนเทอมไปเรียนค่ะ

  • รุจิรา  On February 17, 2011 at 1:11 am

    ขอบคุณนะคะ คือว่าหนูจะไปเรียนภาษาที่ Brandon College ค่ะที่ San Francisco ส่วนเรื่องเงินทุนหนูได้ทุนาจากคณะค่ะ เป็นทุนเด็กที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เเละอยากให้ช่วยเกี่ยวกับการศึกษาค่ะ ซึ่งจะให้ทุนจนเรียนจบหากเราได้เกรด 2.5 ขึ้นไปค่ะ เเล้วถ้าหนูบอกทางสถาฑูตได้มั้ยคะว่าได้ทุนทางการศึกษาที่คณะค่ะ ส่วนเรื่องจองคิวหนูได้ วันที่23เดือนมีนาค่ะ เเต่หนูเขียนใน ds -160วันที่ 10เดือนมีนาจะเป็นไรไหมคะ

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On February 17, 2011 at 6:07 am

      ขอให้น้องมีจดหมายจากมหาวิทยาลัยมหิดลระบุว่า ได้รับเงินทุนช่วยเหลือจำนวน 85,000 บาทเป็นค่าใช้จ่ายด้านใด เช่น เป็นค่าที่พัก กับอาหาร คงไม่ได้หมายถึงค่าเรียน เพราะลองดูจาก http://brandoncollege.com/images/newimages/BrandonCollegeFees2011.pdf

      ค่าเรียนที่นี่ตกประมาณ 234 เหรียญคูณ 7 สัปดาห์ 20 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ หรือ 1638 เหรียญ คูณ 30 บาท ประมาณ 49,140 บาท ถ้าเรียน 25 ชั่วโมง 244 คูณ 7 เท่ากับ 1708 หรือ 51,240 บาทค่ะ ค่าที่พักเป็นแบบไหนคะ ถ้าพัก Vantaggio Cosmo ห้องคู่ประมาณ 215 เหรียญคูณ 7 เท่ากับ1505 หรือ 45150 บาท ถ้ากินอาหารอีกเดือนละ 900 – 1000 เหรียญ หรือถ้าตกอาทิตย์ละ 210 เหรียญ ก็ประมาณ 1470 เหรียญ ต่อ 7 อาทิตย์ ก็อีก 44100 บาท รวมอย่างคร่าวๆประมาณ 144,480 บาท ยังไม่ได้นับค่าเดินทาง ถ้าเดินไปเรียนจากที่พักได้ เพราะระยะทางใกล้กันก็ดีประหยัดค่ะ แต่ถ้าต้องมีเดินทางไปไหนมาไหนด้วย ค่า BART รายเดือนอีกเท่าไร พี่ถึงได้บอกว่า 200,000 บาทน้อยไปหน่อย มีญาติคนอื่นช่วยค้ำประกันได้ไหมคะ ที่มหิดลให้น่าจะเป็น pocket money ไว้ไปซื้ออะไเพิ่มเติมมากกว่าค่ะ

  • Nicha  On February 17, 2011 at 5:12 am

    สวัสดีค่ะ

    คือว่าได้เข้าไปกรอก DS 160 เรียบร้อยแล้วนะคะ พอไปถึงหน้าที่ให้ submit มันไม่สามารถกดได้ค่ะ มันปรากฎเป็นภาพจาง ๆ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร แล้วทำยังงัยดีค่ะ พยายามเรียกไฟล์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก็กดไม่ได้อยู่ดี ช่วยแนะนำด้วยคะ

    แล้วถ้าเราพาพ่อ แม่ไปด้วย จะต้องกรอก DS 160 ให้เสร็จก่อนทุกคนใช่มั้ยค่ะ แล้วค่อยไปซื้อ pin เพื่อนัดสัมภาษณ์

    ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

    • govisa  On February 17, 2011 at 5:32 am

      น้อง upload รูปภาพตัวเองให้เสร็จสมบูรณ์หรือยังคะ ถ้าทำเสร็จ จะมีคลิก confirm รูปภาพ แล้วไป review ทีละ page ก่อนจึงจะ sign และ submit ถ้าตรง sign ใส่ข้อมูลถูกต้องว่า ไม่มีใครช่วยกรอกให้กรอกเอง แล้วใส่ตัวหนังสือกับตัวเลขที่เขากำหนดมาได้ถูกต้องจึงจะกด submit ยืนยันค่ะ หลังจากนั้นค่อยสั่งprint confirmation number ค่ะ

  • Nicha  On February 17, 2011 at 7:35 am

    ถึงขั้นตอน review ทีละหน้าแล้วค่ะ พอถึงหน้าสุดท้ายที่จะต้องกด next เพื่อที่จะไป sign and submit มันไม่ได้กดค่ะ ให้กดแต่ back และ save ค่ะ

    ขอบคุณนะคะที่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

    • govisa  On February 18, 2011 at 11:42 am

      เคยเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับน้องเหมือนกัน เลยลอง back กลับไปใหม่ และ save ใหม่ upload รูปใหม่ แล้วคลิกใหม่บังเอิญได้ก็มี บางครั้งทำไม่ได้อีกก็มีค่ะ เลยลองแก้เป็นวิธีที่ 2 คือ upload previous page แล้วเข้าไปดูทีละหน้าใหม่ ตรวจให้ละเอียดใหม่ว่า มีช่องไหนลืมเติมบ้าง upload รูปใหม่ แล้วแก้ได้ คือ คลิก sign และ Submit ใหม่ สำเร็จทำได้ค่ะ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นการ error ของโปรแกรมในการกรอกฟอร์มมากกว่าค่ะ

  • พี  On February 18, 2011 at 7:44 pm

    สวัสดีครับ พีขอถามอีกครั้งนะ ก่อนจะไปยื่นวีซ่าครับ กลัวผ่านจังเลย
    จะไปเที่ยวนิวยอร์ค 10วัน ตอนนี้เรียนอยู่ปริญญาตรีปี2ที่มหาลัยเอเเบค คุณเเม่ทำงานกับญาติมีรายได้ประมาณ 25000บาทต่อเดือน ไม่มีจดหมายรับรองเงินเดือน (อันนี้ที่พี่เเนะนำผมว่าให้เขียนจดหมายอธิบายรายรับอาชีพของเเม่) เเม่มีเงินในบัญชีฝากประจำกับออมทรัพย์ประมาณ 200000บาท บัญชีออมทรัพยมีเงินเข้าออกทุกเดือน ส่วนตอนนี้คุณพ่อผมไม่มีรายได้ไม่ได้ทำงาน คือผมเคยไปเที่ยวได้วีซ่า อังกฤษ(วีซ่านักเรียนสองครั้ง)ฝรั่งเศส อิตาลี จีน ฮ่องกง เกาหลี สิงค์โปร มาเเล้วครับ พี่คิดว่ามันจะมีปัญหามั๊ยครับถ้าให้คุณเเม่เป็นคนค้ำเพราะเเม่ไม่มีจดหมายรับรองเงินเดือนเเต่เเม่เขาเปิดโอกาสให้ผม หรือว่าจะให้คุณอาเป็นสปอนเซอร์อีกคนดีเปล่าครับคุณอาทำอาชีพธุรกิจส่วนตัวค้าขาย มีทะเบียนการค้า มีเงินเข้าออกสม่ำเสมอ มีเงินเก็บบัญชีออมทรัพยืประมาณล้านกว่าบาท เเล้วก็มีบัญชีกระเเสรายวันอีก ซึ่งคุณอาไม่มีภาระอะไรเเล้วลูกเขาทำงานหมดเเล้ว พี่คิดว่าให้ใครเป็นสปอนเซอร์ดีอะครับ หรือว่าใช้ทั้งคุณเเม่กับคุณอาเลย หรือว่าใช้เเค่คุณเเม่คนเดียว คือผมอ่านในเว็บบางคนก็บอกใช้เเค่เเม่ พี่ว่าอย่างไหนดีกว่าหรอครับ แล้วตอนสัมภาษณ์จะเป็นยังไง ตอนนี้ผมเครียดมากเลยครับกับวีซ่าอเมริกา เสียดายตังถ้าไม่ผ่าน พี่ช่วยเเนะนำ case ผมหน่อยนะครับ

  • พี  On February 18, 2011 at 8:01 pm

    สวัสดีครับ พีขอถามอีกครั้งนะ ก่อนจะไปยื่นวีซ่าครับ กลัวผ่านจังเลย
    จะไปเที่ยวนิวยอร์ค 10วัน ตอนนี้เรียนอยู่ปริญญาตรีปี2ที่มหาลัยเอเเบค คุณเเม่ทำงานกับญาติมีรายได้ประมาณ 25000บาทต่อเดือน ไม่มีจดหมายรับรองเงินเดือน (อันนี้ที่พี่เเนะนำผมว่าให้เขียนจดหมายอธิบายรายรับอาชีพของเเม่) เเม่มีเงินในบัญชีฝากประจำกับออมทรัพย์ประมาณ 200000บาท บัญชีออมทรัพยมีเงินเข้าออกทุกเดือน ส่วนตอนนี้คุณพ่อผมไม่มีรายได้ไม่ได้ทำงาน คือผมเคยไปเที่ยวได้วีซ่า อังกฤษ(วีซ่านักเรียน2ครั้ง)ฝรั่งเศส อิตาลี จีน ฮ่องกง เกาหลี สิงค์โปร มาเเล้วครับ พี่คิดว่ามันจะมีปัญหามั๊ยครับถ้าให้คุณเเม่เป็นคนค้ำเพราะเเม่ไม่มีจดหมายรับรองเงินเดือนเเต่เเม่เขาเปิดโอกาสทุกอย่างให้ผม หรือว่าจะให้คุณอาเป็นสปอนเซอร์อีกคนดีเปล่าครับคุณอาทำอาชีพธุรกิจส่วนตัวค้าขาย มีทะเบียนการค้า มีเงินเข้าออกสม่ำเสมอ มีเงินเก็บบัญชีออมทรัพยืประมาณล้านกว่าบาท เเล้วก็มีบัญชีกระเเสรายวันอีก ซึ่งคุณอาไม่มีภาระอะไรเเล้วลูกเขาทำงานหมดเเล้ว พี่คิดว่าให้ใครเป็นสปอนเซอร์ดีอะครับ หรือว่าใช้ทั้งคุณเเม่กับคุณอาเลย หรือว่าใช้เเค่คุณเเม่คนเดียว คือผมอ่านในเว็บบางคนก็บอกใช้เเค่เเม่ พี่ว่าอย่างไหนดีกว่าหรอครับจะมีปัญหาอะไรเปล่า แล้วตอนสัมภาษณ์จะเป็นยังไง ตอนนี้ผมเครียดมากเลยครับกับวีซ่าอเมริกา เสียดายตังถ้าไม่ผ่าน พี่ช่วยเเนะนำ case ผมหน่อยนะครับ

    • govisa  On February 18, 2011 at 9:38 pm

      พี่คิดว่าให้ทั้งคุณอาและคุณแม่เป็นผู้ค้ำประกันทั้ง 2 ท่านดีกว่าค่ะ ส่วนการที่คุณแม่ทำงานกับญาติ ก็น่าจะร่างจดหมายภาษาอังกฤษให้ญาติรับรองว่า คุณแม่ทำงานเกี่ยวกับอะไร และทำกับญาติตั้งแต่เมื่อไร ได้รับเงินเดือนๆละ 25,000 บาท แล้วให้เจ้าของธุรกิจคือญาติเซ็นต์ชื่อให้ก็ได้ค่ะ หาหัวกระดาษที่มี logo ของร้านได้ก้ดี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรนะคะ ถ้ากงสุลถามว่าทำไมต้องใช้คุณอาด้วยก็ตอบไปเลยว่า คุณอาไม่มีภาระเรื่องลูกๆท่านแล้ว เพราะทุกคนเรียนจบมีงานทำกันแล้ว ท่านก็รักเราเหมือนลูกท่านคนหนึ่ง หลานอยากไปเที่ยวเมืองนอกระหว่างปิดเทอมที่เมืองไทย จึงยินดีข่วยคุณแม่ออกเงินค่าใช้จ่ายให้ไปเที่ยว และอาถือว่า เป็นรางวัลให้หลาน ที่หลานเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ไม่ประพฤติตนไปในทางที่เสียหายค่ะ ส่วนคุณพ่อท่านเกษียณแล้ว ถ้าคุณพ่อมีบัญชีเงินฝากนิดหน่อยก็เอาติดตัวไปด้วยค่ะ เพราะผู้ใหญ่บางท่านนิยมเก็บเงินไว้ที่ธนาคารก็มี ท่านอาจเอาเงินไปลงทุนด้านอื่น เช่น ซื้อทองคำแท่ง หรือ เล่นซื้อขายที่ดินก็ได้ ไม่ลองเลียบๆเคียงๆถามคุณพ่อดูล่ะคะ

  • Nicha  On February 19, 2011 at 12:22 am

    ขอบคุณมากค่ะ Submit ได้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้เข้าไปซื้อ pin เพื่อจองวันสัมภาษณ์แล้ว แต่ไม่มีวันว่างเลย ตั้งใจว่าจะเดินทางวันที่ 1 เมษานี้ คงไม่ทันแน่ ๆ เลย ถ้าเราเลื่อนวันเดินทาง จะต้องแก้เอกสารใหม่หรือเปล่าค่ะ แล้วพอดีให้พี่สาวส่งจดหมายว่าเราจะไปพักอยู่ด้วย ระบุวันไปแล้ว อย่างนี้ต้องแก้จดหมายใหม่ด้วยหรือเปล่า

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On February 19, 2011 at 8:18 am

      ใจเย็นๆนะคะถ้าน้องเข้ามาอ่านที่น้องพีช Post ไว้ คงต้องเฝ้ารอหน้าจอ หมั่น log in บ่อยๆ พี่กำลังดูให้เพื่อนอยู่ก็ยังจองไม่ได้ แต่เนื่องจากพี่ไม่มีเวลาอยู่ที่หน้าจอคอมพืวเตอร์บ่อยนัก เลยสอนลูกชายเพื่อนให้เข้าไปดูเองด้วยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเพื่อน คอยติดตามให้เพื่อนอยู่ ก็ยังไม่เห็นวันว่างค่ะ

  • kedsarin  On February 19, 2011 at 8:12 pm

    ตอนนี้มีวันว่างอยุ่ค่ะ … เเต่เป็นของเดือนหน้านะคะ ประมานวันที่ 15 ค่ะ ลองดูค่ะ เพราะพึ่งจองได้เมื่ออาทิตย์ก่อนค่ะ วันที่ 7 มีค. เเ่ต่ตอนนี้กลัวค่ะ เพราะว่า DS 2019 เค้ากำหนดวัน 25 กพ เปนวันเข้ายู เเต่เราไปไม่ทัน ควรจะทำยังงัยดีตะ .. เเล้วถ้าจองวันสัม๓าษท์ วันที่ 7 เเล้วจะเสร็จประมานวันไหนคะ ~ ขอบคุนค่ะ ~

    • govisa  On February 20, 2011 at 8:55 am

      ขอบคุณนะคะ แต่คิวนัดสัมภาษณ์วีซ่าของน้องๆที่ได้รับ I-20 หรือ DS 2019 จะแตกต่างจากคิวนัดสัมภาษณ์วีซ่าขอไปเที่ยวค่ะ ถ้า DS 2019 ระบุว่า เข้าประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างช้าไม่เกิน 25 กุมภาพันธ์ ให้น้องลองเขียนอีเมล์ไปแจ้งสถานศึกษาของน้องว่า น้องไม่ได้วันนัดสัมภาษณ์ที่เร็วไปกว่านี้แล้ว ขออนุญาตไป late ได้ไหม ถ้าได้ให้เขา confirm มาด้วยค่ะ เพื่อจะ print email นั้นออกมา เวลาตม.ในประเทศสหรัฐอเมริกาสัมภาษณ์ตอนเข้าเมือง จะได้มีหลักฐานยืนยันว่าได้ติดต่อมหาวิทยาลัยๆรับทราบแล้ว ถ้าไม่มีจดหมายมา ถึงแม้น้องจะได้วีซ่า และเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา น้องจะเข้าไปในประเทศของเขาไม่ได้ค่ะ

      หลังจากสัมภาษณ์ 7 มีนาคม จะทราบผลทันทีว่าได้หรือไม่ได้วีซ่าค่ะ น้องบอกทางสถานทูตว่าจะขอรับหนังสือเดินทางเองที่ไปรษณีย์รองเมือง เขาจะให้ไปรับในวันถัดไป แต่จะเป็นช่วงเวลาไหน ให้ถามเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่ตั้งอยู่ในสถานทูต เพราะวันหนึ่งๆ เขามีส่งเอกสารกลับไปที่ไปรษณีย์รองเมืองวันละ 2-3 เที่ยวค่ะ

  • jongjitr  On February 19, 2011 at 9:30 pm

    สวัสดีค่ะ รู้สึกดีใจจังที่ได้เจอเวบนี้ กำลังมีเรื่องร้อนใจเกี่ยวกับวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา ร้อนใจไม่พอแต่ดัยเสียค่าโง่อีกสิคะ เรื่องมีอยู่ว่า เราจะไปเจอเพื่อนที่ลักเซมเบอร์กค่ะ ออกเดินทางจากไทยวันที่ 6 เมษา แล้งจากนั้นก็ไปอเมริกากับเพื่อนเลยค่ะ ออกเดินทางวันที่ 8 เมษา กลับมาลักเซมเบอร์กวันที่ 24 เมษา กลับไทยวันที่ 1 พค เรื่องเชงเก้นไม่มีปัญหา เราขอไปลักเซมเบอร์กบ่อยมาก แต่อเมริกาไคยเลยในชีวิต รู้ว่ายากและไม่ค่อยมีเวลามาศึกษาด้วย เลยตัดสินใจให้เอเจนท์ทำให้ ขอไม่บอกชื่อนะคะ เค้าขอค่าบริการห้าพันค่าธรรมเนียมต่างหากค่ะ เค้ายืนยันว่าเราได้วันสัมภาษณ์เดือนมกราเลย ( ติดต่อตั้งแต่เปิดปีใหม่มาเลย ) เราก็หลงเชื่อ จนป่านนี้เค้ายังหาคิวให้เราไม่ได้ โทรถามก็ไหลตลอด บางที่ก็ไม่รับ จนเราเริ่มเอะใจและสืบมาได้ว่าเค้าติดแบล็คลิสต์จากสถานทูต แง แง แย่แล้ว pin ที่เค้าจองให้จะโดนล็อคจากสถานทูติ เราติดต่อผู้รู้เรื่องวีซ่าอีกท่านหนึ่ง เค้าบอกว่าเอามาทำเองเหอะ เดี๋ยวเค้าช่วย ที่จ่ายไปแล้วก็ถือว่าจ่ายค่าโง่ เราโทรบอกเอเจ้นท์แล้ว พอละ ไม่เอาละ ขอเอกสารคืนทั้งหมด เค้าก็โอเคไม่มีปัญหาแต่เค้าทำ DS 160 ได้คอนเฟริ์มมาแล้ว จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว เค้าบอกก็เอาไปได้ อันดับต่อไปเราก็ซื้อพินมาจองเองแล้ว เรียบร้อย

    อยากถามดังนี้ค่ะ
    1. พินเดิมที่เเอเจ้นท์ค้าทำให้เรา เราต้องไปแคนเซิลอะไรมั้ยคะ หรือก็ปล่อยไปเลย

    2. เราเอา DS 160 Comfirmation form จากการที่เค้าทำให้เราแล้วเนี่ย ไปจองพินต่อเลยได้มั้ย ตรงนี้เราห่วงมากค่ะ เพราะเรากลัวว่า ประวัติเราที่ทำผ่านเครื่องคอมของเค้ามันจะแบล็คลิสต์ไปด้วย ทำให้วีซ่าไม่ผ่าน ถ้าไม่เป็นไรเราจะได้เอา code ไปจองวันได้เลย

    3. ถ้าไม่ควรเสี่ยง ควรจะกรอกใหม่เลยเนี่ย เราต้องแคนเซิลของเดิมด้วยมั้ยคะ หรือว่าเราก็กรอกใหม่ไปเลย ได้คอนเฟริ์มใหม่ไปเลย แล้วเอาไปจองวันคะ

    4. พอจะมีโอกาสเห็นเขียวๆให้จองได้มั้ยคะ เสียวมากกกก เพราะจ่ายค่าตั๋วไปหมดแล้ววววว แงงงงง อยากตาย

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคราวหน้าคราวหลังควรศึกษาการขอวีซ่าให้ดีค่ะ เศร้า รบกวนตอบคนโง่ด้วยนะคะ

    • govisa  On February 20, 2011 at 9:25 am

      1. ใช้ Pin เดิมก็ได้ค่ะ หรือถ้าไม่สบายใจจะตัดจากบัตรเครดิตใหม่อีก 360 บาทก็ได้ค่ะ เพราะถ้าตัดจากบัตรเครดิต จะทำการนัดสัมภาษณ์ได้เลย ถ้ามีวันนัดสีเขียวว่างให้จองค่ะ แต่ถ้าซื้อ Pin ที่ไปรษณีย์ ต้องรอหลังบ่ายโมงในวันถัดไปค่ะ
      2. จะใช้ Confirmation Number เดิมก็ได้ค่ะ ลองดูว่า agent print ทั้ง Confirmation Number และ Application form ให้น้องด้วยหรือไม่ค่ะ ที่ต้องยื่นให้กงสุลดูจริงๆคือ Confirmation Number ส่วน Application form นั้นมีไว้ให้น้องดูว่า น้องกรอกอะไรไปบ้าง เวลากงสุลสัมภาษณ์บางทีกงสุลก็ดูข้อมูลจากใน Application form มาถามน้องอีกทีค่ะ ถ้าน้องเช็คดูแล้ว Agent ไม่ได้ Print application form ออกมา น้องอาจไม่สบายใจ จะกรอก DS 160 ใหม่เลยก็ได้ค่ะอย่ากังวลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่น่าจะติด Blacklist เหมือนคนค่ะ น้องบางคนไม่มี printer ที่บ้าน ต้องไปเช่าคอมพิวเตอร์ที่ร้านให้เช่าอินเทอร์เน็ตทำ แล้วสั่ง Print ออกมาก็มีค่ะ พี่คิดว่า สิ่งที่ควรจะกังวล คือเขากรอกข้อมูลอะไรให้เราบ้าง ถูกต้องไหมเท่านั้นเองค่ะ
      3. ถ้าต้องการกรอกใหม่ก็เข้าไปที่ https://ceac.state.gov/genniv/ กรอกไม่ยากค่ะ สถานทูตมี video อธิบายการนัดสัมภาษณ์และการกรอกฟอร์ม DS-160 ลองเข้าไปดูที่ http://bangkok.usembassy.gov/niv_howtoapply.html ด้านขวามือจะมี video 2 เรื่อง คือ คำแนะนำในการกรอกฟอร์ม กับ วิธีการนัดสัมภาษณ์ค่ะ
      4. พี่ตอบไม่ได้นะคะว่า จะเห็นวันที่มีสีเขียวเมื่อไร พี่คิดว่า ตอนนี้กงสุลคงจะให้ first priority กับพวกวีซ่านักเรียนก่อน (F-1 and J-1) ส่วนวีซ่านักท่องเที่ยวคงต้องรอนิดหนึ่ง แต่ไม่มีใครทราบหรอกค่ะว่าต้องรอนานแค่ไหน พี่คิดว่าที่ agent ทำให้น้องไม่ได้ เพราะคิวนัดสัมภาษณ์ยังไม่ปล่อยวันที่ที่มีสีเขียวออกมาให้จองเลยค่ะ น้องต้องหมั่น log in เข้าไปดูเองวันละหลายๆครั้ง ซึ่งอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับน้อง และอีกหลายๆคนที่ต้องการขอวีซ่าไปสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปีค่ะ น้องต้องอดทนรออย่างเดียวเท่านั้นเองค่ะ มีคนเขียนมาถามพี่ทางอีเมล์ว่า ยินดีจ่ายเงินให้พี่ เพื่อให้พี่จองวันนัดสัมภาษณ์ให้ พี่ไม่ได้รับทำ เพราะพี่เองต้องทำงานอื่นด้วย ไม่มีเวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์บ่อยนักค่ะ เลยเกรงว่า จะทำให้ผู้ยื่นขอวีซ่า พลาดโอกาสที่จะได้วันนัดสัมภาษณ์ที่ควรจะได้ค่ะ

      น้องอย่าไปลงโทษตัวเอง เพราะน้องไม่ได้โง่ แต่น้องคิดว่าถ้ามีบริการแบบนี้ น้องจะได้วันนัดเร็วขึ้นเท่านั้นเองค่ะ

  • jongjitr  On February 20, 2011 at 9:58 am

    ขอบพระคุณมากค่ะที่ให้คำแนะนำ แต่คิดว่าเอเจ้นท์เค้าไม่ได้ปริ้นท์ form ออกมาให้เราแน่เลย วันพร่งนี้ได้รู้เพราะจะลุยบุกไปที่ออฟฟิศเค้าเลย ถ้าไม่ให้เราก็จะกรอกใหม่ละ ไม่เสี่ยงดีกว่าเนอะ
    เกิดข้อมูลไม่ถูกก็โดนเด้งเลย แต่กลัวตรงที่เค้าบอกว่า DS 160 เรามัน submitไปแล้ว เกิดกรอกใหม่อีกทีข้อมูลไม่ตรงกันมากสถานทูตจะ reject ไม่รู้จริงหรือขู่ เราเลยกะว่าจะอีเมล์เข้าไปหาสถานทูตว่า เราขอ cancle DS 160 number นี้ ด้วยเหตุผลว่าเกรงข้อมูลไม่ถูกต้อง
    ก็ว่าไป จะดีมั้ยคะ

    • govisa  On February 20, 2011 at 12:23 pm

      ให้น้องตรวจดูเอกสารที่ agent ยื่นกลับมาให้น้อง ส่วนที่เป็น Application form จะมีรูปหน้าน้อง บาร์โค้ด และมีรายละเอียดต่างๆอาทิ ชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด บ้านเลขที่ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน และอื่นๆ โดยทั่วไปจะมีประมาณ 2- 4 แผ่น ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของผู้ยื่นขอวีซ่า ถ้าเคยมีวีซ่าเข้าอเมริกา และเคยเดินทางเข้าอเมริกาแล้ว เวลาสั่ง Print จะมีเอกสารมากหน่อย ประมาณ 3-4 แผ่น แต่ถ้าไม่เคยมีวีซ่าเข้าอเมริกา จะมีเอกสารประมาณ 2-3 แผ่นค่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าน้องค้นดูแล้ว ไม่มีเอกสารในลักษณะที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ถ้าจะกลับไปหา agent ให้น้องขอให้ agent upload previous page หรือ retrieve page ของน้องขึ้นมาจากเครื่องที่ agent ใช้ จะได้ข้อความเหล่านั้นออกมา ถ้าเขายังไม่ได้ delete file ของน้องออกจาก computer ของเขานะคะ แต่หมายเลข confirmation number ของน้องอาจจะเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะน้องยังไม่ได้ยืนยันวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ

      น้องอาจอธิบายให้ agent ฟังว่า การขอให้ agent print Application form ออกมา เพียงแค่ขอดูว่า เขาใส่ข้อมูลถูกต้องตามที่เราต้องการไหม หรือจะขอเขาเอารายละเอียดที่กรอกไป กลับมาทบทวนที่บ้านเวลาสอบสัมภาษณ์ จะได้ตอบได้ตรงกันค่ะ ค่ะ ดังนั้น ถ้า agent ยังไม่ได้ delete file ของน้อง น้องลอง 1)ขอแก้ไขข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของ agent หรือ 2) จะลองขอ agent copy file ของน้องลงบนแผ่น disk หรือ USB Flashdrive แล้วนำมา upload file ที่บ้านดู โดยน้องต้องเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ DS-160 และลอง Upload previous application ถ้าทำไม่ได้ให้ลอง Retrieve ถ้าจะ retrieve น้องต้องถาม agent ด้วยว่า เขาใช้รหัสอะไรสำหรับ file ของน้อง เช่นแม่ของแม่ชื่ออะไร ที่ทำงานที่แรกอยู่ที่ไหน ฯลฯ เป็นต้น ค่ะ ถ้าน้องไม่เลือกวิธีที่พี่อธิบายมาทั้งหมด ให้น้องกรอกแบบฟอร์มใหม่เลยค่ะ

  • พี  On February 20, 2011 at 8:19 pm

    อยากจะถามว่า ถ้าให้คุณอาเป็นสปอนเซอร์แล้ว เวลาตอนสัมภาษณ์ต้องเอาสมุดบัญชีตัวจริงไปด้วย หรือว่าให้คุณอาไปของสเตจเม้นกับเเบงค์การันตีจากทางธนาคารได้ เพราะว่าคุณอาต้องใช้สมุดบัญชีทุกวันอ่าครับ

    • govisa  On February 20, 2011 at 9:17 pm

      ขอตอบตามที่ควรจะทำนะคะ คือ ต้องเอาสมุดตัวจริงไปให้กงสุลดุด้วย เพราะกงสุลเองก็กลัวเอกสารปลอมค่ะ ยกตัวอย่าง น้องที่ไปขอวีซ่าเพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ต้องแสดงทั้งสมุดเงินฝากตัวจริง และสำเนาสมุดเงินฝากที่ถ่ายเอกสารแล้วอีกชุดหนึ่ง พร้อมทั้งต้องทิ้ง book เงินฝากตัวจริงไว้ที่สถานทูตด้วย จนกว่าวีซ่าจะอนุมัติ ประมาณ 2 อาทิตย์ค่ะ เพราะทางแผนกวีซ่าของประเทศอังกฤษ เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ ผู้ยืนขอวีซ่าใช้สมุดบัญชีเงินฝากของปลอมค่ะ ที่อธิบายเปรียบเทียบกับของประเทศอื่น เพื่อให้น้องพีเข้าใจว่า ทำไมของจริงจึงดูน่าเชื่อถือกว่า Statement ที่มีลายเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้องค่ะ ทีนี้น้องบางคนที่พี่เคยอ่านพบกระทู้บางแห่ง จะพูดทำนองว่า บอกให้เตรียมเอกสารไปมากมาย แต่กงสุลไม่ขอดูอะไร ไม่รู้ว่าจะเตรียมไปทำไม น้องลองนึกดูนะคะ ถ้าบังเอิญไม่ได้เตรียมเอกสารเกี่ยวกับการเงินไป กงสุลกลับขอดูเอกสาร น้องตอบไม่ได้ เกิดอาการอึกอัก ประหม่า จะมิยื่งแย่ไปกันใหญ่หรือคะ พี่จึงอยากให้น้องพีเตรียมทุกอย่างไปให้พร้อม ถ้ากงสุลถามเกี่ยวกับฐานะหรืออาชีพของคุณอา แล้วน้องคิดว่าได้จังหวะพอดี ที่จะแสดงหลักฐานประกอบให้กงสุลดู ก็หยิบจดหมายรับรองฐานะการเงิน กับ สมุดบัญชีเงินฝากขึ้นมาให้กงสุลดูเลยว่า น้องมีการเตรียมความพร้อม มีความจริงใจว่า มี sponsor ที่มีฐานะจะช่วยเหลือทางการเงินให้น้องระหว่างน้องไปเที่ยวที่อเมริกา ไม่ดีกว่าหรือคะ ส่วนที่บอกว่า คุณอาใช้ book บัญชีทุกวัน ถ้าน้องเลือกเวลาเช้าสัมภาษณ์ๆเสร็จ รีบเอา book บัญชีกลับมาคืนคุณอาๆจะได้ใช้ติดต่อกับธนาคารได้ในตอนบ่ายค่ะ

  • ann jiraporn  On February 21, 2011 at 1:58 am

    แอนจะสัมภาษณ์วีซ่า 24 ก.พ. 54 นี้ แอนอยากทราบว่า
    *แอนจะจ่ายค่า sevis fee แบบ online ในวันที่21 ก.พ. 54 จะทันหรือมีผลต่อการสัมภาษณ์หรือไม่คะ

    • govisa  On February 21, 2011 at 5:27 am

      ที่จริงจ่ายวันไหนก็ได้ค่ะ น้องจะจ่ายเมื่ิอวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้ค่ะ เพราะน้องจะใช้ใบเสร็จที่ Print ออกมาจากเครื่อง Printer ไปเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งประกอบการขอวีซ่า น้องจะเดินทางเมื่อไหร่คะ ถ้าเดินทางต้นเดือนมีนาคม น้องน่าจะจ่ายเพิ่มค่าส่งใบเสร็จตัวจริงกลับมาให้น้องอีก 35 เหรียญ เพราะน้องควรจะมีใบเสร็จตัวจริง ยื่นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สหรัฐอเมริกาค่ะ ปกติ ใบเสร็จตัวจริงใช้เวลานำส่ง 3 อาทิตย์ขึ้นไปค่ะ เพราะ Homeland Security Office ส่งมาทาง Mail ธรรมดา แต่ถ้าน้องจ่ายเพิ่มอีก 35 เหรียญ เขาจะส่งให้โดยบริษัท Fedex ค่ะ อย่างไรก็ตาม เคยมีบางคนทำใบเสร็จตัวจริงหาย ก็ต้องใช้ใบเสร็จที่ไม่เป็นทางการที่น้อง Print ออกจากเครื่อง และน้องนำไปใช้ในวันสอบสัมภาษณ์ แทนไปค่ะ

  • aui  On February 21, 2011 at 8:35 pm

    คืออยากจะถามเพิ่มเติมอีกนิดว่า แบบฟอร์ม I-134 คืออะไรคะ คือว่าจะเข้าสัมภาษณ์วันที่24 กุมภาพันธ์ นี้แล้วค่ะ แต่ลองเข้ามาดูในเว็บไซต์นี้อีกทีเพื่ออยากดูประสบการณ์ของเพื่อน ๆ แต่เพิ่งมาเห็นว่ากล่าวถึงแบบฟอร์ม I-134 เอาไว้ ตอนนี้ยังไม่ได้ทำเลยจะทันมั้ยคะ และขอให้ช่วยทบทวนหลักฐานที่ต้องเตรียมของผู้ขอวีซ่า กับ sponsor อีกทีนึงค่ะ ….ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On February 21, 2011 at 11:07 pm

      โดยปกติเวลายื่นขอวีซ่านักท่องเที่ยวหรือนักเรียน ถ้าไม่ได้ใช้ sponsor ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ไม่ต้องกรอกฟอร์ม I-134 ค่ะ แบบฟอร์ม I-134 มีรายละเอียดอยู่ที่เว็บไซต์นี้นะคะ http://www.uscis.gov/files/form/i-134instr.pdf ส่วนตัวฟอร์มจะอยู่ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ http://www.uscis.gov/files/form/i-134.pdf

      ในกรณีที่คุณ AUI ใช้ผู้ค้ำประกันเป็นชาวอเมริกัน เพื่อนชาวอเมริกันต้องกรอกฟอร์ม I-134 บอกให้เขา downloadจากเว็บไซต์ที่ให้ไว้ และส่ง attach email มาแล้วกัน จริงๆคุณ AUI ต้องให้กงสุลดูตัวจริง แต่มีเวลาเหลือ 2 วันก็จะ 24 กุมภาแล้ว คิดว่า เอกสารตัวจริงคงส่งมาไม่ทันแล้วค่ะ คงต้อง print email และฟอร์ม I-134 ที่เขากรอกและเซ็นต์ชื่อแล้วแนบมากับอีเมล์ไปให้กงสุลดูค่ะ ดีกว่าไม่มีเอกสารอะไรให้กงสุลดูเลยค่ะ
      เอกสารคุณ AUI ควรมี คือ passport ใบเสร็จจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,200 บาท จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของตัวคุณ AUI เอง สมุดบัญชีเงินฝากตัวจริง จดหมายรับรองการทำงานว่าทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไรค่ะ แผนการท่องเที่ยวคร่าวๆว่าจะไปไหนบ้างเผื่อกงสุลถาม จะได้พอตอบได้บ้าง แม้ว่าเพื่อนจะเป็นคนพาไปเที่ยวก็ตามค่ะ ของ sponsor มี ฟอร์ม I-134, bank statement, id card, หลักฐานแสดงการเสียภาษี และจดหมายเชิญแสดงว่า เขาจะรับผิดชอบค่าที่พักและอาหารเป็นเวลานานกี่สัปดาห์ที่คุณ AUI จะไปพักค่ะ

  • aui  On February 21, 2011 at 9:42 pm

    อีกนิ๊ดนึงค่ะ …
    1. ดิฉันมีอาชีพรับราชการแต่เงินเดือนคงเหลือใน statement หกเดือนย้อนหลังก่อนวันสัมภาษณ์ อยู่ที่ 6,000 – 7,000 บาท เองค่ะ แถมยังมีเป็นบัญชีติดลบด้วยแต่ล่าสุดได้หาเงินมาปิดบัญชีติดลบแล้ว (จะสัมภาษณ์วันที่ 24 ก.พ. 54 นี้ค่ะ)ถ้าดิฉันจะถ่ายเอกสารหน้าสมุดล่าสุดที่ไม่ติดลบให้เค้าดูด้วยจะดีมั้ยคะ
    2. ในส่วนของ sponsor ถ้าเค้าไม่ได้เกี่ยวดองเป็นญาติ แต่เป็นเพื่อนชาวอเมริกันที่กำลังคบหากันอยู่ และได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับเรียบร้อยแล้ว เอกสารที่เค้าส่งมาให้เป็น id-card, statement, เอกสารหลักฐานการเสียภาษี,ภาพถ่ายบ้านพัก (ทุกอย่างเป็น pdf file ที่ส่งมาทางอีเมล)ดิฉันสามารถรับรองสำเนาได้เองมั้ยคะ
    3. อีกคำถามหนึ่งคือแล้วยังต้องมีจดหมายเชิญอีกหรือเปล่าคะ และสามารถส่งทางอีเมลล์ได้หรือไม่ แบบฟอร์มจดหมายมีกำหนดจากสถานฑูตหรือไม่ ถ้าไม่มีกำหนดจากทางสถานฑูต รบกวนบอกร่างจดหมายเชิญนี้เป็นตัวอย่างให้หน่อยนะคะจะขอบคุณมาก ๆ ค่ะ หลักฐานของ sponsor ที่กล่าวมาทั้งหมดเพียงพอหรือยังคะ…ส่วนของดิฉันตอนนี้กังวลเรื่องยอดเงินในบัญชีธนาคารมาก ๆ ค่ะ

    • govisa  On February 21, 2011 at 11:46 pm

      ตอบตามที่ถามนะคะ
      1. มีเงินในบัญชี 6-7,000 บาท แล้วเพิ่งเอาเงินมาใส่เข้าบัญชี ใส่จำนวนเท่าไร ให้เตรียมตอบคำถามที่มาของเงินที่เพิ่งเอาใส่เข้าบัญชีด้วยค่ะ และไม่ต้องถ่ายเอกสารแต่ให้เอาสมุดตัวจริงไปด้วยเลยค่ะ
      2. ให้ print ออกมาจากอีเมล์ ไม่ต้องเซ็นต์รับรองค่ะ เพราะที่ถูกต้องเขาต้องส่งตัวจริงมาค่ะ วิธีการของฝรั่งกับไทยไม่เหมือนกันค่ะ ของคนไทย เวลาไปติดต่องานอะไรให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนแล้วเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง แต่ฝรั่งเขาขามักขอดูหลักฐานตัวจริงเลยค่ะ เพราะน่าเชื่อถือมากกว่าค่ะ แต่วันนี้ 21 กุมภาแล้ว ทำอะไรไม่ทันแล้วค่ะ ก็คงต้อง print ไปให้เขาดูเฉยๆค่ะ
      3. จดหมายเชิญควรมี เพราะดูจากตัวเลขที่คุณ AUI ให้มา 6-7,000 บาท น้อยมาก แล้วเงินก็เพิ่งใส่เข้าไป เหมือนที่เคยตอบหลายคนไปแล้ว คือ ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง นานเท่าไร รัฐไหน ถ้าเป็นรัฐค่าครองชีพสูง เช่น New York ก็ควรจะมีเงินในบัญชีมากหน่อยค่ะ กงสุลเขาพอกะได้นะคะว่า มีเงินเท่านี้จะอยู่ในประเทศเขาได้นานกี่วันค่ะ ดังนั้นการมีจดหมายเชิญก็พอจะแบ่งเบาภาระได้ว่า ไม่ต้องเเอาเงินในบัญชีที่นำไปแสดงจ่ายเป็นค่าที่พัก ค่าอาหารมากนัก เพราะมีคนช่วยจ่ายให้ที่โน่นค่ะ ให้ฝรั่งที่เป็นเพื่อนเขียนมาว่าเชิญคุณ AUI ไปพักผ่อนหลังจากไม่ได้พบกันนานหลายปีแล้ว โดยคุณ AUI ไม่ต้องจ่ายค่าที่พักค่าอาหาร เพราะสมัยเขามาเมืองไทยคุณ AUI ก็ดูแลเขาทุกอย่าง เขาก็เลยอยากตอบแทนน้ำใจคุณ AUI ค่ะ

      สรุป สถานทูตไม่ได้มีกำหนดว่า จดหมายเชิญต้องเขียนอย่างไรนะคะ และไม่ได้บอกด้วยว่า มีจดหมายเชิญแล้วจะผ่านวีซ่าค่ะ จากเว็บต่อไปนี้ มีพูดถึงจดหมายเชิญ http://travel.state.gov/visa/frvi/denials/denials_1361.html “You may provide a letter of invitation or support. However, this cannot guarantee visa issuance to a foreign national friend, relative or student. Visa applicants must qualify for the visa according to their own circumstances, not on the basis of an American sponsor’s assurance.” หรือจากเว็บนี้ที่พูดถึงวีซ่านักท่องเที่ยวว่า ผู้ยื่นขอวีซ่า ควรแสดงให้กงสุลเห็นว่า วัตถุประสงค์ในการเดินทางคืออะไร และสถานะทางการเงินค่ะ http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1262.html#4

      The presumption in the law is that every visitor visa applicant is an intending immigrant. Therefore, applicants for visitor visas must overcome this presumption by demonstrating that:
      * The purpose of their trip is to enter the U.S. for business, pleasure, or medical treatment;
      * That they plan to remain for a specific, limited period;
      * Evidence of funds to cover expenses in the United States;
      * Evidence of compelling social and economic ties abroad; and
      * That they have a residence outside the U.S. as well as other binding ties that will insure their return abroad at the end of the visit.

      2 วันนั้ เตรียมซักซ้อมว่า ถ้าเขาถามอย่างนี้ จะตอบว่าอย่างไรนะคะ ขอเอาใจช่วยคุณ AUI ค่ะ

  • jongjitr  On February 21, 2011 at 10:26 pm

    สวัสดีค่ะ เราที่ให้เอเจ้นท์แบล็คลิส แล้ว่าตัวเองโง่คนเดิมค่ะ อิอิ แต่ไม่โง่ละ ฉลาดขึ้นมาละ
    ได้เอกสาร DS 160 ที่เค้ากรอกให้มาแล้วค่ะ มาเช็คดูรายละเอียดเค้าใส่ให้เรา do not apply กับคำถามเบสิคง่ายๆเช่น รหัสไปรษณีย์ เบอร์โรที่บ้าน ที่ทำงาน อีเมล์เรา do not apply ซะงั้น เราโหลอดคู่มือการกรอกเอกสารจากเวบไซท์สถาทูตมาดูเค้าบอกว่าถ้า do not apply เยอะอาจทำให้เป็นปัญหาวีซ่าไม่ผ่าน ( เห็นมะฉลาดละ อิอิ ) มันยังมีเรื่องการศึกษาโน่นนี่อีกซึ่งเค้าไม่เคยโทรมาถามเราเลย เราเลยคิดว่าพี่แกก็ do not apply แน่นอน
    และเรื่อง adrress where you will stay เค้าก็ใส่ให้เป็น โรงแรมในนิวยอร์ค crownw plaza เราไปนิวยอร์คจริงค่ะ แต่ยังไม่รู้โรงแรม จุดนี้จะเป็นอะไรมั้ยคะ ส่วน US contact information ตรง contact person name เค้าก็ใส่ชื่อโรงแรมนี้ ซึ่งจริงๆแล้วเรามีจดหมายที่บริษัทอเมริกาที่เพื่อนชาวลักเซมเบอร์ก เราไปทำงาน (แต่เราเที่ยว )เขียนเชิญเราไปเยี่ยมชม หรือเราก็ใส่ชื่อโรงแรมที่เราจะไปพักหากเรารู้แล้วไปเลยคะ ตัดปัญหาเดี๋ยวสถานทูตเค้าถามโน่นนี่เรื่องบริษัทนี้อีก
    และจุดสุดท้ายตรงที่ถามว่าเดินทางคนเดียวหรือมีคนอื่นไปด้วย เค้าตอบให้เราว่า no คือเดินทางคนเดียวมันดูน่าเกลียดไปไม้คะ ผ้หญิงคนเดียวไปอเมริกาน่ากลัวไม่ผ่าน เราจะใส่ชื่อเพื่อนเราที่เป็นชาวลักเซมเบอร์กไปด้วยดีกว่ามั้ย เราให้เพื่อนทำจดหมายแผนการเดินทางติดไปวันสัมภาษณ์ด้วยให้เค้าแนะนำตัวเราตัวเค้า แผนการเดินทางโดยใช้หัวจดหมายบริษัทของเพื่อนเราเลยเค้าเป็นเจ้าของเลยค่ะ จิงๆเค้าคือคุณแฟนเราเอง
    ถามมาเยอะมากเลยรำคาญมั้ยคะ ทั้งหมดทั้งมวล ควรกรอกใหม่เลยดีกว่ามั้ยคะ ตอนนี้ได้วันสัมภษณ์มาแล้วแต่ล่อไปวันที่ 30 มีนาโน่น กรอกใหม่ต้องนัดวันใหม่มั้ยคะ (เดินทาง 6เมษาไปลักเซมเบอร์กก่อน )
    ขอถามอีกนิดค่ะในกรณีที่เราเข้ายุโรปก่อนแล้วไปอเมริกา รวมวันพักร้อนเราก็ 5เมษา ยัน 5 พฤษภา จดหมายลางานจากบริษัทเราที่ให้สถานทูตดูเนี่ยควรเป็นวันที่เราลาทั้งหมดหรือระบุช่วงแค่วันที่เราไปอเมริกาคะ หรือให้ระบุไปเลยว่า during her trip she will visit Europe and America ชัดเจนไปเลย
    ขอโทษนะคะที่ถามเยอะ แต่เราเห็นคุณเป็นที่ปรึกษาที่ดี เป็นกลาง และจริงใจมากๆๆๆๆเลย ขอชมจากใจจริง เฮ้อ ประเทศนี้นี่ยากจัง ได้วีซ่าสิบปีมา จะเที่ยวทุกปี เอาให้คุ้มเหนื่อยไปเลย

    • govisa  On February 22, 2011 at 12:10 am

      1. การที่ agent ใส่ do not apply เพราะเขาไม่ทราบข้อมูลว่าจะตอบอะไรค่ะ ดังนั้น ถ้าน้องเป็นคนกรอกเอง น้องอาจจะตอบคำถามได้มากกว่านี้ค่ะ
      2. การที่เขาใส่ชื่อโรงแรมที่ New York ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ตรง contact person ถ้ามีจดหมายเชิญ ควรใส่ชื่อคนๆนั้นมากกว่าค่ะ แล้วอย่างที่น้องเข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงยังสาวก็ดูไม่งามนักค่ะ เพราะในอดีตอาจมีคนเคยทำเสียชื่อไว้ค่ะ ก็ควรระวังนิดหนึ่งค่ะ ที่จริงควรจะใส่ว่าไปกับเพื่อน 2 คนมากกว่า แต่ติดตรงที่น้องได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว ถ้าจะกรอกใหม่อีก หมายเลข confirmation number จะไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ เกรงว่าเขาจะไม่ให้เข้าไปสัมภาษณ์ค่ะ ถ้าจะปัดความผิด โดยบอกว่าให้คนอื่นกรอกให้ ก็ต้องดูคำถามสุดท้ายว่า agent เขากรอกว่าอะไรค่ะ เพราะคำถามสุดท้ายถามว่า มีใครกรอกฟอร์มนี้ให้ใช่ไหม ถ้า agent เขาตอบ No แล้วเวลาสัมภาษณ์ไปบอกว่า agent กรอกผิด ตัวน้องจะหมดความน่าเชื่อถือไปเลยค่ะว่า พูดไม่จริงตั้งแต่ต้นนะคะ น้องคงต้องแก้ตัวไปว่า น้องให้หลานกรอก หรือเพื่อนกรอก แล้วเพื่อนรีบคลิก น้องไม่ทันสังเกตว่าผิด เพราะรีบกลัวหมดเวลาการกรอก เลยคลิกผิดช่องค่ะ
      3. ให้แฟนทำรายละเอียดการเดินทางเข้าไปด้วยก็ดีแล้วค่ะ ส่วนวันลา ให้บริษัทระบุครอบคลุมช่วงไปยุโรปด้วยก็ดีค่ะ และตอบคำถามกงสุลด้วยว่า กฎของบริษัทน้อง บริษัทจะอนุญาตให้พนักงานลาพักร้อนได้กี่วันใน 1 ปีค่ะ

      ขอบคุณที่เขียนชมมาค่ะ ขอให้น้องโชคดีได้วีซ่าเช่นเดียวกันค่ะ

  • jongjitr  On February 22, 2011 at 7:57 am

    ขอบคุณมากค่ะ ยังไม่ได้วันสัมภาษณ์ค่ะ ซื้อพินใหม่แล้ว และจะกรอก ds 160 ใหม่เลย ทุกอย่างเริ่มใหม่หมดค่ะ เฮ้ออออออ เหนือยจัง ขอบานอีกหน่อยเอเจ้นท์คืนเอกสารมาให้แต่บอกใบเสร็จค่าธรรมเนียมจะตามมาวันนี้ แล้วทำไมไม่ให้ทีเดียว เริ่มคิดไม่ด้ เดี๋ยววันนี้จะมารายงานค่ะว่าเค้าเอามาให้จริงไม้ อยากจะขอกชื่อเอเจ้นท์ให้ทุกคนระวังจังแต่เราก็ไม่อยากไปทำร้ายใคร คนเรามีวิธีหากินต่างกัน แต่ถ้ามากไปกว่านี้อาจต้องขอร้ายกลับบ้าง ดีมั้ยอิอิ

    • govisa  On February 22, 2011 at 9:31 pm

      อาจเป็นไปได้ว่า เขาหาใบเสร็จไม่เจอ ต้องไปซื้อให้ใหม่ หรือไม่ก็ยังไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า เลยจะไปทำให้ทีหลัง แล้วจะจัดการส่งตามมาให้ค่ะ อย่าคิดอะไรมากนะคะ เตรียมตัวกรอกฟอร์มวีซ่า แล้ววางแผนดีกว่าค่ะว่า ถ้าไม่ได้คิวสัมภาษณ์วันเก่า จะเลื่อนวันเดินทางดีไหม ที่พี่บอกอย่างนี้ เพราะหนทางข้างหน้ามีงานที่อาจทำให้น้องรู้สึกหงุดหงิด เป็นกังวล และอื่นๆอีกมากมาย นั่นก็คือ จะมีคิวว่างวันไหนให้จอง ทำไมไม่มีวันที่สีเขียวให้จองเลย เป็นต้นค่ะ ทำไมต้องมานั่งเฝ้ารอหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน เบื่อไปไหนทำอะไรไม่ได้ ขอให้หาวันนัดได้ค่ะ พี่รอหาคิวนัดให้เพื่อนจะ 3 อาทิตย์แล้วยังหาไม่ได้ค่ะ เพราะพี่ไม่ค่อยมีเวลาเปิดคอมด้วย แต่ก็บอกหลาลูกเพื่อน ให้ทำให้แม่เขาแล้วด้วยค่ะ

  • กรชินันท์  On February 22, 2011 at 12:43 pm

    ขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ พอดีพี่กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้อัพโหลดรูป เพราะยังไม่ได้ถ่ายค่ะ ไม่ต้องอัพโหลดรูปได้ไหมค่ะ แล้วจะทำการปริ้นใบสมัครออกมาได้อย่างไรค่ะ ช่วยตอบให้ด้วยนะค่ะ กว่าจะทำได้ปวดหัวมากเลยค่ะ

    • govisa  On February 22, 2011 at 9:40 pm

      ให้คิดว่าการกรอกฟอร์มวีซ่า เหมือนการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ของเด็กๆนะคะ ถ้าไม่ผ่านหน้านี้ จะไปทำรายการอีกหน้าไม่ได้ค่ะ ดังนั้นหลังจากกรอกข้อมูลเกี่ยวกับ security check เสร็จ จะมีให้ upload รูปหน้าผู้ยื่นขอวีซ่าอีกครั้ง ถ้าไม่ upload รูป เราจะผ่านหน้านี้ไปหน้าถัดไปไม่ได้ค่ะ หน้าถัดไปจะให้เรา review ตรวจข้อมูลที่กรอกๆไปว่า มีตรงไหนต้องแก้ไขไหม ถ้าไม่มี ก็จะถึงหน้า sign and confirm ค่ะ หน้านี้จะถามว่า เราเป็นคนกรอกฟอร์มเองหรือให้คนอื่นกรอกให้ค่ะ ถ้าให้คนอื่นกรอก ต้องใส่ชื่อ ที่อยู่และความสัมพันธ์ะหว่างเรากับเขาด้วยค่ะ แล้วเซ็นต์ชื่อ ๆ เสร็จคลิก confirm และคลิกคำว่า print confirmation number ถัดจากนั้นคลิก print application form และคลิก email confirm ค่ะ เป็นอันเสร็จการกรอกฟอร์มวีซ่า DS -160 ค่ะ

  • aui  On February 24, 2011 at 5:00 pm

    ขอแชร์ประสบการณ์ที่ไปสัมภาษณ์วีซ่ามาค่ะ
    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณมากสำหรับgovisa นะคะที่ช่วยตอบคำถามข้อสงสัยสามารถช่วยได้มากทีเดียวค่ะ..แต่วันนี้ไปสัมภาษณ์วีซ่ามาเวลานัด 7.30 ก็ไปถึง7 โมงพอดี(เจอคุณนิหน่ากะสามี พี่แหม่มจินตหราด้วย)เราเตรียมเอกสารทุกอย่างอย่างรัดกุม แต่พอไปถึงเคาท์เตอร์เริ่มต้นเขาจะขอแค่ใบคอนเฟอร์มของ DS-160 หนังสือจากที่ทำงาน และจดหมายเชิญจากเพื่อนที่อเมริกาใสลงในแฟ้มใสให้เราถือติดตัวไป ส่วนเอกสารอื่นยังอยู่ในซองที่เรานำไปเอง ก็เลยไม่ได้ใส่งลงไปในซองพลาสติกใสที่เจ้าหน้าที่ให้มา ขั้นตอนต่อไปคือรอรับบัตรคิวสัมภาษณ์ และให้ข้อมูลเบื้องต้นและพิมพ์ลายนิ้วมือ 10 นิ้วกับเจ้าหน้าที่่ และให้เรากลับไปนั่งรออีกครั้งเพื่อเข้ารับสัมภาษณ์จริง ๆ ได้ช่องเบอร์ 8 ค่ะ คนสัมภาษณ์เป็นผู้หญิงน่าจะเป็นคนอเมริกันสัมภาษณ์ภาษาไทยผมบลอนยาวอายุน่าจะประมาณ 30 ปี เธอดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และเอกสารที่มีเพียงสองอย่างที่อยู่ในแฟ้มใสที่เจ้าหน้าทีใส่ลงไป (เอกสารอื่นที่ดิฉันไม่ใส่ตั้งแต่เริ่มต้นเพราะเขาบอกว่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์จะเรียกขอดูเอง)หลังจากนั้นเธอก็ถามคำถามแรกกับดิฉัน 1. ทำไมคุณถึงอยากไปประเทศอเมริกา (ไปเที่ยวในช่วงปิดภาคเรียน)2. เคยเดินทางไปต่างประเทศหรือเปล่า (ไม่เคย)3.เดินทางกี่คน (ไปคนเดียว) 4.ทำงานอาชีพอะไร (รับราชการ)5. มีญาติอยู่อเมริกาหรือเปล่า(ไม่มี) 6. มีเพื่อนอยู่อเมริกาหรือเปล่า (มีหนึ่งคน)7. ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ตัวเองและเพื่อนช่วย support ในเรื่องที่พักอาหารและการเดินทางท่องเที่ยว)8. จะพักอยู่อเมริกานานเท่าใด (28 วัน) ดิฉันตอบคำถามทุกอย่างตามความเป็นจริง และเท่าที่เค้าถาม จากนั้นเค้าก็เดินไปหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่นพร้อมกันบอกว่า “เสียใจค่ะที่เราอนุมัติวีซ่าให้คุณไม่ได้” ดิฉันบอกเขาไปว่ามีเอกสารเกี่ยวกับเพื่อนและตัวดิฉันเองเพิ่มเติม เขาบอกว่าเอกสารที่เห็นเพียงพอแล้ว และได้แต่พูดว่าเสียใจอย่างเดียว กระดาษที่ยื่นให้ดิฉัน กากบาทตรงที่มีข้อความว่า ” ท่านไม่สามารถแสดงหลักฐานอันแสดงถึงความผูกพันมั่นคงอย่างแน่นแฟ้นทางครอบครัว สังคม หรือเศรษฐกิจภายนอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้ท่านเดินทางออกนอกสหรัฐ หลังจากได้พำนักอาศัยเป็นการชัวคราว” ซึ่งจริง ๆ แล้วดิฉันได้เตรียมเอกสารทุกอย่างที่แสดงถึงข้อความเหล่านั้นไปเรียบร้อยแล้วแต่เขาไม่ดูเลยค่ะ ….พอมานั่งวิคราะห์ก็เลยคิดว่าเป็นเพราะการตอบคำถามเราไม่ชัดเจนหรือเปล่า หรือคิดว่าเราน่าจะใส่เอกสารเหล่านั้นไปเลยตั้งแต่เริ่มต้น …

    • govisa  On February 24, 2011 at 11:01 pm

      พี่ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ น้องอุ๊ยใช่ไหมคะ จากคำถามข้อที่1 กับ 4 น้องน่าจะรับราชการเป็นครูใช่ไหมคะ พี่เดาจากคำตอบว่าไปช่วงปิดเทอม และเป็นข้าราชการค่ะ พี่ไม่ทราบว่า ในหนังสือรับรองการทำงานระบุว่า น้องมีเงินเดือนประมาณเท่าไร เงินเดือนรับราชการอาจจะยังไม่สูงเท่าไรนัก ตอนน้องกรอกฟอร์ม DS160 น้องได้กรอกในฟอร์มว่ามีเงินเดือนเท่าไรคะ ตรงนั้นนั่นแหละค่ะ ที่กงสุลก็จะได้อ่านข้อมูลรายละเอียดของน้องแล้วจากคอมพิวเตอร์ และก็ประเมินสถานะของตัวน้อง เพราะกงสุลผ่านการฝึกให้ต่อว่า น้องอายุประมาณเท่าไร พี่เดาว่า น้องน่าจะอายุยังไม่มาก อาจจะ 26-30 ต้นๆ เป็นโสด หรือ สมรสแล้ว พี่ก็ไม่ทราบ แต่กงสุลคงทราบแล้วโดยดูจากข้อมูลที่น้องกรอกใน DS 160 ส่วนจดหมายเชิญจากเพื่อนที่อเมริกา น้องไม่ได้บอกมาว่า เพื่อนอยู่รัฐไหน เพื่อนเป็นเพศชายหรือหญิง แต่กงสุลท่านเห็น ท่านอ่านแล้ว ท่านก็วิเคราะห์ไปตามข้อมูลที่น้องใส่ไปใน DS 160 ค่ะ ถ้าเพื่อนน้องอยู่ในเมืองใหญ่เช่น แอลเอ หรือ นิวยอร์ค ค่าครองชีพจะสูงเอาการอยู่ค่ะ ดังนั้น ถ้าน้องตอบว่าน้องไปพักผ่อน 28 วัน นับว่าค่อนข้างนานทีเดียวค่ะ เพราะถ้ามีรายรับน้อยก้ไม่น่าจะอยู่นานถึง 28 วัน น่าจะอยู่ประมาณ 10-15 วัน ดูเหมาะสมกว่าค่ะ

      พี่เห็นใจน้องว่า น้องตอบตามสิ่งที่เป็นจริงแต่ไม่ได้วีซ่าค่ะ การที่กงสุลไม่ได้ดูเอกสาร หรือการที่เจ้าหน้าที่ด้านหน้าบอกว่า กงสุลจะขอดูเอง บางครั้งกงสุลก็ขอดูเอง บางครั้งเราก็ต้องเป็นฝ่ายยื่นเอกสาร ไปสนับสนุนเหตุผลของเราเองตอนตอบคำถามด้วยค่ะ โดยหาจังหวะที่เหมาะสม ทีนี้จากอาชีพน้อง จากคำถามที่ถามว่า ใครออกค่าใช้จ่าย น้องเคยบอกว่าเพิ่งเอาเงินใส่ในบัญชีที่มีอยู่ประมาณ 6000-7000 บาท แม้ว่า กงสุลจะไม่ได้ดูหลักฐานตัวเงินตรงนี้ แต่การใช้ sponsor ที่อยู่ในอเมริกาจัดว่าเป็น case ที่ค่อนข้างต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะกงสุลจะให้คำตอบเหมือนกับหลายท่านที่ถูกปฏิเสธวีซ่าว่า ไม่ได้แสดงหลักฐานว่ามีความผูกพันทางครอบครัว สังคม หรือ เศรษฐกิจภายนอกสหรัฐอเมริกาค่ะ บางเคส ชื่อคนที่อยู่ในอเมริกาและ support ผู้้ยื่นวีซ่า ถ้าเป็นคนไทย จากคอมพิวเตอร์ อาจเห็นข้อมูลลึกกว่านั้นได้ว่า เข้าไปอยู่ในประเทศเค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายไหมด้วยคะ อย่างไรก็ต่าม น้องมีสิทธิ์ขอยื่นใหม่ได้อีกตามเว็บไซต์ http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1262.html#14 ที่พูดถึงการถูกปฏิเสธวีซ่า
      Visa denials
      If the consular officer should find it necessary to deny the issuance of a visitor visa, the applicant may apply again if there is new evidence to overcome the basis for the refusal. For additional information, select Denials to learn more. In the absence of new evidence, consular officers are not obliged to re-examine such cases.

      พี่ขอขอบคุณที่น้องแชร์ข้อมูลให้คนอื่นได้ทราบค่ะ และหวังว่า ความดีของน้องคงจะช่วยให้น้องได้มีโอกาสไปเที่ยวสหรัฐอเมริกาในโอกาสต่อไปค่ะ

  • แนน  On February 24, 2011 at 7:55 pm

    พี่เจ้าของเว็บยังจำหนูได้มั๊ยค่ะ 🙂 หนูจาไปสัมภาษณ์อาทิดหน้าเเล้วเเหละ
    ส่งพลังไห้หนูด้วยนะคๆๆๆ
    สรุปว่าหนูใช้สเตทเม้นของน้าค่ะ น้องสาวเเม่ เเละก้อใช้ book bank ของตัวเอง
    เเบบนี้ ถ้าเค้าถามว่าทำไมไม่ใช้ของเเม่
    จาตอบว่า เพราะ เเม่ไม่มีสเตทเม้นค่ะ ทำธุรกิจ ฟาร์มเพาะถั่วงอก กับน้าสาวอยู่ที่เชียงราย
    เเล้วเพิ่งได้ เซ็น สัญญาทำงานไปตั้งเเต่ก่อนเรียนจบ ครอบครัวเลยอนุญาติไห้ไปเที่ยวพักผ่อนก่อนเริ่มทำงานในเดือน กรกฏาคม

    เเบบนี้พอฟังดูดีมั๊ยค่ะ
    ขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง

    • govisa  On February 24, 2011 at 11:29 pm

      พี่ไม่ได้เห็นคำถามน้องแนนนาน ต้องย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวเก่าๆอีกครั้ง น้องแนนจำไว้นะคะ ขอให้มีสมาธิมากๆค่ะ ตั้งใจฟังคำถามให้ดี แล้วตอบคำถามให้กงสุลเชื่อมั่นในตัวน้องให้ได้ว่า ไปแล้วจะกลับเมืองไทยแน่นอนนะคะ

      น้องจะตอบว่าแม่ไม่มี statement ก็ดูเหมือนว่า แม่ไม่มีฐานะที่มั่นคงเท่าไรนัก น่าจะเป็นตอบว่า แม่ทำธุรกิจเพาะถั่วงอกกับน้า เป็นธุรกิจกงสี น้าอาจจะรู้เรื่องเกี่ยวกับการติดต่อกับธนาคารมากกว่า จึงเปิดบัญชีในชื่อของน้า ส่วนแม่จะเป็นคนดูแลพวกคนงานที่ช่วยปลูกถั่วงอก ถ้าเขาถามว่ามีคนงานกี่คน ก็ลองถามแม่ดูว่า แม่มีคนงานช่วยไหม กี่คนค่ะ

      ส่วนตัวน้องได้งานทำที่ไหน มีใบยืนยันว่า เขาจะรับเราเข้าทำงานหลังเรียนจบไปด้วยก็ดี แล้วอย่าลืมเอา Transcript กับใบรับรองความเป็นนักศึกษาไปด้วยนะคะ

      ถ้าคิดว่าเพื่อเป็นวิทยทาน อย่าลืมเขียนมาเล่าผลด้วยนะคะ โชคดีค่ะ

      • แนน  On February 24, 2011 at 11:32 pm

        ขอขอบคุณพี่มากเลยนะคะ พี่ใจดีมากอ่าสละเวลาส่วนตัวมานั่งรับฟังปัญหา ดีจัยที่หาเว็บนี้เจอจิงๆ

      • govisa  On February 25, 2011 at 5:17 am

        ดีใจที่ได้มีส่วนช่วยน้องและอีกหลายๆคนในสังคมค่ะ

  • แนน  On February 24, 2011 at 11:25 pm

    ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนด้วยนะคะ ❤

  • aui  On February 25, 2011 at 2:23 pm

    ขอบคุณGoVisa มาก ๆ จริง ๆ ค่ะ สำหรับคำตอบที่ทำให้ดิฉันรู้สึกดีจริง ๆ (อยากเห็นตัวเป็น ๆ ด้วย อิอิ) ดิฉันก็กลับมาคิดเช่นกันค่ะสำหรับเหตุกาณ์และโอกาสที่ดิฉันได้เข้าสัมภาษณ์รู้สึกเสียดายที่เราน่าจะหาจังหวะอธิบายเหตุผลบางคำถามให้มากกว่านั้น ดิฉันรับราชการครูจริง ๆ ค่ะเงินเดือนก็แค่หมื่นต้น ๆ แถมก่อนหน้านี้มีบัญชีติดลบ และได้หาเงินมาโปะหนี้ไม่ให้ติดลบจากสินเชื่อของค่าราชการและก็มีเงินเหลืออยู่ 150,000 บาท และดิฉันก็ได้นำบัญชีเงินฝากติดตัวไปด้วยแล้ว แต่ดันลืมยื่นให้เค้าดู เอ๊ะไม่ใช่สิเค้าไม่ได้ขอดูด้วยค่ะ ดิฉันเข้าใจว่าเค้าน่าจะเช็คสถานะทางการเงินของดิฉั้นได้จากการ 0nline ข้อมูล(อันนี้คิดเอาเอง)ว่ามีเงินในบัญชีไหนบ้าง ดิฉันมีบัญชีธนาคารอยู่สามแห่ง บัญชีเงินเดือน(หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือประมาณ 7000) บัญชีเงินฝาก(เดือนละสามพัน) และบัญชีสินเชื่อที่มีเงินเหลืออยู่แสนกว่าบาท ดิฉันเตรียมเอกสารไปเรียบร้อยว่ามีภาระผูกพันทางการเงินที่เมืองไทยอยู่ไม่อาจไปอยู่อเมริกาได้เป็นการถาวรแน่นอน แต่เค้าไม่ขอดู แง แง

    • govisa  On February 25, 2011 at 10:53 pm

      ลักษณะบัญชีที่คุณ AUI (ไม่แน่ใจว่าสะกดชื่อด้วยไม้โทหรือตรีหรือจัตวาเกรงว่า จะสะกดผิดอยู่เหมือนกันค่ะ) เป็นบัญชีที่ค่อนข้างมีโอกาสน้อยที่จะผ่านวีซ่าค่ะ บัญชีที่บอกว่ามีอยู่ 3 บัญชี โดยมีบัญชีสินเชื่ออยู่เป็นเลขหลักแสน สิ่งสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้กงสุลว่า มีเงินพอไปเที่ยวแน่ คือ บัญชีเงินสดที่อยู่ในรูปสะสมทรัพย์ หรือ ออมทรัพย์ค่ะ ไม่ใช่บัญชีสินเชื่อค่ะ แม้ว่าเพื่อนจะช่วยออกให้ก็ตามค่ะ และการไปนาน 28 วัน เงิน 150,000บาท ไม่พอค่ากินค่าอยู่ และค่้าเที่ยวค่ะ

  • aui  On February 25, 2011 at 2:34 pm

    อุ๊ยอีกอย่างนึ่งการที่เราไม่เคยเดินทางไปประเทศไหนเลยอาจเป็นตัวชี้วัดอะไรหลายอย่างด้วยนะคะ

    • govisa  On February 25, 2011 at 10:58 pm

      เป็นตัวชี้วัดได้ค่ะ เช่น น้องเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวได้ และฐานะทางเศรษฐกิจน้องต้องดีพอ ถึงเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้ และเมื่อเที่ยวเสร็จแล้ว กลับมาอยู่ประเทศของตนเอง ไม่คิดอยากไปอยู่ประเทศอื่นค่ะ

  • aui  On February 25, 2011 at 2:54 pm

    โอ๊ยยังมะจบ… ดิชั้นมีแผนว่าจะยื่นสมัครอีกทีตอนเดือน ตุลา 2011 ถ้าเกิดเราถูกปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรก จะมีผลต่อการสมัครขอครั้งที่สองมั้ยคะถ้าได้คนสัมภาษณ์คนเดิมก็หนาวอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะเค้าเป็นฝรั่งน้องไม่แน่ใจว่าเอกสารที่เป็นภาษาไทยเค้าจะอ่านเข้าใจหรือเปล่าคะ ประเภทสัญญาการขอสินเชื่อ ดิฉันยังโสดไม่เคยแต่งงานค่ะ อันที่จริงเพื่อนที่อยู่อเมริกาก็เป็นเพื่อนที่คบหาดูใจกันอยู่ เค้าอยากให้ดิฉันไปเยี่ยมบ้านเค้าสักครั้ง แล้วก็ไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ครั้งต่อไปดิฉันเลยไม่กล้าบอกเลยค่ะว่ากำลังคบหาดูใจ เพราะกลัวว่าเค้าจะคิดว่าดิฉันวางแผนจะไปอยู่เลย ดิฉันต้องทำอย่างไรดีคะ

    • govisa  On February 25, 2011 at 11:05 pm

      การถูกปฏิเสธวีซ่าครั้งที่ 1 จะมีผลต่การนัดสัมภาษณ์ครั้งที่ 2 บ้างค่ะ เพราะเขาทราบว่าเราเคยถูกปฏิเสธแล้ว กงสุลอาจจะไม่ซ้ำกับคนเดิม แต่เขาจะต้องอ่าน comment ที่คนแรกเขียนไว้ด้วยค่ะ โดยทั่วไปกงสุลที่มาอยู่ประเทศไทย จะต้องเรียนภาษาไทยให้พออ่านออกเขียนได้ ความรู้ประมาณระดับชั้นประถมตอนปลายอยู่แล้วค่ะ และถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ กงสุลสามารถเดินเข้าไปให้เจ้าหน้าที่คนไทย ที่อยู่ด้านในอ่านเอกสารให้ได้ค่ะ ถ้ายังมีปัญหาติดขัดอยู่

      น้องน่าจะลองหาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าคู่หมั้น (k-1) ดูว่าจะตรงกับเงื่อนไขน้องบ้างไหมนะคะ พี่ไม่ค่อยถนัดวีซ่าประเภท K-1ค่ะ น้องsearch หาดูในอินเทอร์เน็ตเพิ่มค่ะ blog ที่ copy link มาให้ก็ดูใช้ได้นะคะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lawanwadee&month=09-2007&date=23&group=3&gblog=21

  • pan  On February 26, 2011 at 9:20 pm

    มีปัญหาอีกแล้วค่ะ คือว่าได้นัดวันสัมภาษณ์แล้วได้วันที่ 4 เมษาค่ะ แต่ปัญหาคือยังไม่ได้ปริ้นท์ DS-160ที่ได้กรอกข้อมูลและอัปโหลดรูปเรียบร้อยแล้วออกมาเลยค่ะ ทำไงดีคะ ได้แต่ปริ้นท์ใบยืนยันการนัดหมายอย่างเดียว

    • govisa  On February 26, 2011 at 11:29 pm

      ลองเข้าไปที่ https://ceac.state.gov/genniv/ แล้วเลือก Upload previous file ได้หมายเลขเดิมไหม ถ้าไม่ได้ให้คลิก retrieve incomplete application ว่าจะได้หมายเลขไหมนะคะ

  • pan  On February 27, 2011 at 5:21 am

    ขอบคุณค่ะที่แนะนำกำลังลองทำอยู่ค่ะ

  • pan  On February 27, 2011 at 6:01 am

    เอ๊ะถ้าไม่ได้หมายเลขเดิมล่ะคะ

    • govisa  On February 27, 2011 at 8:50 am

      นั่นคือ เหตุผลที่ให้ลองคลิกทั้ง 2 แบบ ปัญหาอยู่ที่คุณ PAN จำหมายเลขเดิมได้ไหมด้วยค่ะ อาจต้องลองดูในหน้านัดสัมภาษณ์ด้วยว่า มีหมายเลข DS 160 อยู่ไหมคะ ให้ลองตรวจสอบดู ที่จริงลอง search ในคอมพิวเตอร์เครื่องที่เราใช้กรอกข้อมูล ถ้าเราไม่ได้ลบ file ทิ้งไปก็น่าจะ Upload ขึ้นมาใหม่ได้ค่ะ ส่วนใหญ่จะอยู่ใน My document นะคะ ขึ้นต้น File ด้วยตักษร CCAE อะไรทำนองนี้พร้อมหมายเลข ลองคลิกหาดู แต่ที่สำคัญคุณต้องเข้าไปที่ website หน้ากรอกฟอร์มวีซ่า แล้ว browse ข้อมูลตัวนี้ขึ้นมา เพราะลำพังคลิกเข้าไปดูใน My document เฉยๆ จะเปิดอ่านข้อมูลไม่ได้ค่ะ

  • pan  On February 27, 2011 at 6:22 am

    แล้วถ้าญาติของเราที่จะเป็นสปอร์นเซอร์คือเป็นคนไทยและเป็นพลเมืองของสหรัฐแล้วประกอบธุกิจที่นั่นด้วย จะต้องใช้แบบฟอร์ม i-134 ในการแจ้งรายละเอียด หรือเปล่าคะ

    • govisa  On February 27, 2011 at 8:41 am

      ใช้ I-134 ด้วยค่ะ แต่จะให้ support ใครบ้างคะ คุณไปกัน 4 คน ลองคิดดูว่าถ้าไม่มีใครใน 4 คนใช้คนค้ำประกันที่มีบัญชีเงินฝากในเมืองไทยสนับสนุนการเงินเลย ประโยคที่กงสุลใช้ปฏิเสธเสมอ คือ ไม่มีความผูกพันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมนอกสหรัฐอเมริกาา ก็คงต้องเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับกันค่ะ

  • panpasutr  On February 27, 2011 at 10:21 am

    คือว่าสำหรับพ่อและแม่นะคะมีเงิอมทรัพย์ประมาณสี่แสนบาทแต่เป็นชื่อแม่คนเดียวค่ะซึ่งตอนนี้ท่านทั้งสองก็อายุเจ็ดสิบสามและเจ็ดสิบหกแล้วไม่มีอาชีพอะไร ส่วนน้องสาวก็มีเงินฝากออมทรัพย์ประมาณสี่หรือห้าแสนอาชีพเป็นมัคคุเทศก์ส่วนหลานก็คุณน้าที่ต่างประเทศ support และในจดหมายเราค้องแจกแจงรายละเอียดอย่างไรคะ

    • govisa  On February 27, 2011 at 2:06 pm

      ของหลานควรจะต้องมีบัญชีของคุณพ่อ หรือคุณแม่ของตัวหลานเอง หรือจะทั้งสองคนเป็นผู้ค้ำประกันด้วยค่ะ เพราะลักษณะที่คุณ PAN ว่ามาว่า จะใช้ผู้ค้ำเป็นคนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ก็จะไปตรงล็อคที่ว่าไม่ได้แสดงหลักฐานว่า มีความผูกพันทางสังคม วัฒนธรรมกับอะไร หรือ ใครที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกาเลยค่ะ ในจดหมายของน้าที่โน่น ก็บอกว่าจะต้อนรับบุคคลเหล่านี้ เป็นใครกันบ้างให้มาพักผ่อนเป็นเวลานานกี่สัปดาห์ และจะพาไปเที่ยวไหนกันบ้าง หลังจากครบกำหนด คนเหล่านี้ จะเดินทางกลับประเทศไทย ไปทำหน้าที่ของแต่ละคนอย่างไรกันบ้างค่ะ

      ขอย้ำอย่างซีเรียสนะคะว่า ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะใช้น้าในสหรัฐอเมริกาค้ำประกันคุณหลาน คนที่น้าในสหรัฐอเมริกาสมควร หรือ มีสิทธิ์ค้ำประกันได้เหมาะสมกับสถานะการณ์นี้ที่สุด คือ พ่อแม่ของน้าเอง ซึ่งก็เป็นตากับยายของหลานคุณ PAN ค่ะ ส่วนหลานนั้น ถือว่า เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ให้กำเนิดโดยตรง ที่อธิบายแบบนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะใจร้ายกับคุณ PAN แต่อยากให้คุณ PAN ทราบว่า ฝรั่งมีวิธีการคิดและมองต้นตอของปัญหาแตกต่างจากคนไทยค่ะ แต่ถ้าคุณ PAN จะเสี่ยงก็อยู่ในดุลยพินิจของคุณ PAN เองค่ะ

  • pan  On February 27, 2011 at 8:19 pm

    ก็คิดว่าคงจะทำตามคำแนะนำที่ว่าแหละค่ะแต่ไกเตรียมเอกสารใบรับรองเงินเดือนของพ่อและแม่ไว้แล้วค่ะ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะดูดีหรือไม่คือคุณพ่อทำงานเป็นวิศวกรเงินเดือนประมาณ25000บาทและคุณแม่มีอาชีพค้าขายคือมีร้านกาแฟเล็กๆ รายได้ประมาณเดือนละ3ถึง4 หมื่นบาทแต่เปิดบัญชีเป็นออมทัพย์มีเงินเข้าออกทุกวันแต่ไม่มีบัญชีเงินฝากประจำหรอกค่ะด้วยเหตุที่ว่ายังอยู่ระหว่างการผ่อนชำระเงินกู้ที่นำมาลงทุนตอนเปิดร้านค่ะจึงมีแต่เงินหมุนเวียนเท่านั้น นี่คือปัญหาใช่ไหมคะ ตอนนี้เอกสารที่เตรียมไว้มีดังนี้
    1.จดหมายเชิญของน้าพร้อมรายละเอียดว่าประกอบธุรกิจสปา ที่ตั้งร้านรูปถ่าย พร้อมทั้งเอกสารการจดทะเบียนการค้า และการเสียภาษี ช่วงเวลาที่จะพักที่นั่นประมาณ2-3สัปดาห์ และเอกสารยืนยันแสดงว่าเป็นพลเมืองสหรฐ(ไม่ทราบว่าควรจะใช้หรือเปล่า)รูปถ่ายบ้านซึ่งเขาเป็นเจ้าของ วันที่จะเดินทางกลับ
    2.เอกสารของทางมหาลัยเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนที่มศว.วันที่เปิดเทอม (ต้องแปลเป็นภาษอังกฤษหรือเปล่าคะ)
    3.บัญชีเงินฝากของพ่อและแม่
    4.ทะเบียนการค้าที่มีชื่อแม่
    ช่วยแนะนำด้วยนะคะว่าควรมีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่
    ขอบคุณนะคะที่ให้คำแนะนำปรึกษา

    • govisa  On February 27, 2011 at 10:44 pm

      ถ้าดูจากตัวเลขที่คุณ Pan ให้มา พ่อแม่น่าจะมีรายได้รวมกันประมาณ 600,000-700,000บาทต่อปี ถ้ามีรายจ่ายในบ้านตลอดทั้งปีอีก 300,000 บาท ( ค่าใช้ายส่วนตัวแต่ละฝ่าย ค่าใช้จ่าภายในบ้าน ค่าดูแลลูกกี่คนก็ไม่ทราบ) ก้พอลุ้นอยู่ ไม่ทราบว่ามีเงินฝากในธนาคารอีกเท่าไร ( 2คนรวมกัน ถ้าเป็นหลักล้านได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ถึงก็ต้องหลักแสนแก่หน่อยค่ะ) ที่ต้องให้พ่อแม่มีด้วยและเป็น sponsor เขาจะได้มั่นใจว่าเด็กมีความผูกพันกับครอบครัวในไทยค่ะ ส่วนเอกสารของเด็กต้องขอใบรับรองความเป๋นนักศึกษาจากมศว. และ transcript ที่เรียนในปีการศึกษาที่ผ่านมาค่ะ ส่วนเอกสารวันเปิดเรียน print ไปให้เขาดูไม่ต้องไปเสียค่าแปลค่ะ ไม่ทราบว่า website มศว. มีให้เลือก print เป็นภาษาอังกฤษไหมคะ นอกนั้นที่คุณ Pan ว่ามาก็ถูกต้องใช้ได้ ควรเอาไปหมดทุกอย่างค่ะ โชคดีค่ะ

  • แนน  On February 27, 2011 at 8:24 pm

    ขอถามเพิ่มเติมนะคะ การที่บอกว่า sponsor คือ น้า อ่ะค่ะ ถ้าบอกว่าเป็นน้าเเท้ๆเค้าจะสามารถเซ็คได้มั๊ยคะ เพราะจิงๆน้าคนนี้คือ ภรรยาของน้องชายเเม่คะ ไม่ใช่น้าเเท้ๆโดยสายเลือด

    • govisa  On February 27, 2011 at 10:33 pm

      ขึ้นอยู่กับว่า กงสุลจะถามน้องหรือเปล่าว่า มีหลักฐานอะไรที่บอกว่าเป็นน้า ถ้าโดนถามคำถามนี้ก็ยากนิดหน่อย เพราะถ้าเป็นน้าจริง ทะเบียนบ้านน้ากับทะเบียนบ้านแม่จะเป็นตัวช่วยได้ ในการบ่งบอกความเป็นมาของแม่และน้า แต่กรณีนี้ไม่ใช่น้าจริง ต้องภาวนาอย่าให้กงสุลถามคำถามนี้เลยค่ะ ถ้าถามว่าเป็นน้าทางไหน ก็คงต้องตั้งสมมติฐานว่า อาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องทางแม่ที่เราเรียกว่า “น้า”ค่ะ เอาเป็นว่า เวลาอยู่ต่อหน้ากงสุล ฟังคำถามให้ดี แล้วตอบโดยอาศัยคำแนะนำที่บอกว่าควรตอบแบบไหนดีไปค่ะ เพราะพี่ไม่ทราบว่า น้องจะเจอคำถามแบบไหนแบบไหน น้องต้องตั้งหลักให้ดี มีสติและสมาธิมากที่สุดค่ะที่จะตอบโดยคิดว่า คำตอบของเราจะต้องไม่ทำให้กงสุลเข้าใจเราผิดไปว่า เราไปแล้วจะไม่กลับมาอยู่ที่ประเทศไทยค่ะ

  • แนน  On February 27, 2011 at 8:33 pm

    ควรตอบว่ายังไงดีอ่ะคะ

  • pan  On February 28, 2011 at 7:49 am

    ขอถามเพิ่มอีกนิดนะคะ คือว่าลูกชายตอนนี้เพิ่งสอบเข้าเรียนที่มศว.และได้สอบสัมภาษณ์และลงทะเบียนเรียนเรียบร้อยแล้ว ยังไม่มี transcript ค่ะมีแต่ transcript ของนักเรียนที่จบม.6ค่ะ มีลูกสองคน่ะคนโตตอนนี้ก็เรียนอยู่ที่มิชิแกนก็ที่ดีทรอยด์ที่ครอบครัวกำลังจะไปนี่แหละค่ะ อ้อเรายังมีเพื่อนสนิทที่เป็นชาวอเมริกันอยู่คนหนิ่งก็คนนี้อีกแหละค่ะที่เขาชวนครอบครัวของเราไปเที่ยวคือตอนที่เขามาทำงานที่เมืองไทยเขาเคยได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวของเราก็เลยสนิทกันค่ะ อ้ออีกเรื่องรายได้ในครอบครัวมันมีอยู่ก็จริงแต่อย่างที่บอกแหละค่ะว่ารายจ่ายมันเยอะเงินที่เหลืออยู่มันเลยมีไม่มากเท่าไหร่แต่เราก็มีหลักฐานการจ่ายเงินนะคะไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน รถ เบี้ยประกันชีวิตและอื่นๆค่ะ

    • govisa  On March 1, 2011 at 12:01 am

      ให้ลูกคนเล็กขอจดหมายรับรองจากโรงเรียนม.6 และ transcript ม4-6 พร้อมจดหมายหรืออีเมล์อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นหลักฐานว่า น้องเขาสอบติด มศว.ค่ะ ส่วนลูกคนโต ใครเป็น sponsor ตอนขอวีซ่าไปเรียนที่ Michigan ค่ะ เป็นคุณพ่อคุณแม่หรือคนอื่น ที่จริงทั้ง 4 ท่านนี้นอกจากบอกเหตุผลว่าไปเยี่ยมน้าแล้ว ยังสามารถบอกกงสุลเพิ่มได้อีกว่า กะจะไปเยี่ยมหลานชาย ซึ่งเป็นพี่ของคนเล็กนี้ หลานชายคนนี้กำลังเรียนวิชาอะไร อยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่ออะไรในสหรัฐอเมริกาด้วยก็ดีนะคะ เขาจะได้เห็นว่า เราพอมีฐานะที่มั่นคงพอสมควร จึงสามารถส่งลูกไปเรียนต่อที่อเมริกาได้ค่ะ

      ส่วนหลักฐานที่ว่ามา ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เบี้ยประกันชีวิต กงสุลไม่สนใจดูค่ะ เขาต้องการดูเฉพาะตัวเงินสดในบัญชีธนาคารว่ามีเท่าไร เพื่อให้เขามั่นใจว่า บุคคลท่านนี้มีฐานะทางเมืองไทยที่มั่นคง ไม่คิดอยากจะเข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาค่ะ มีพี่น้องคนอื่นนอกเหนือจากน้าคนนี้ไหมล่ะคะ เช่นเป็นลุง ป้า หรืออา ญาติข้างพ่อบ้างก็ได้นะคะ มีบ้างไหมคะ ให้เขาช่วย support หลานชายด้วยอีก 1 ท่านนอกเหนือไปจากพ่อแม่ค่ะ

  • pan  On February 28, 2011 at 7:54 am

    อ้ออีกนิดนะคะแล้วถ้าให้น้าเป็น sponsor ร่วมด้วยดีไหมค่ะ เป็นน้องสาวแท้ๆค่ะก็คนที่จะไปด้วยกันแหละค่ะมีบัญชีเงินฝากประมาณสี่ห้แสนค่ะ

    • govisa  On February 28, 2011 at 11:47 pm

      ที่ไม่ได้แนะนำ เพราะเงินในบัญชีไม่มากค่ะ ให้น้า support น้าคนเดียวก็พอแล้วค่ะ

  • praew  On February 28, 2011 at 5:51 pm

    คือตอนนี้คิดจนหัวจะแตกแล้วค่ะ ดีใจมากที่เจอเว็บนี้ อยากจะถามหลายอย่างค่ะ
    คือตัวเองกรอกขอวีซ่าผิดประเภทคือขอ F-1 แทนที่จะเป็น J-1 (เนื่องจากได้ทุน จึงต้องเปลี่ยน) แล้วตอนนี้คือได้ I-20 มาแล้ว, กรอก DS-160, จ่าย SEVIS fee เรียบร้อยแล้ว, ได้วันสัมภาษณ์วันที่ 17 มีนา 54 จะต้องเข้าอเมริกาก่อน 9 พฤษภา 54

    ประเด็นคือถ้าขอเอกสารใหม่ กลัวจองสัมภาษณ์ไม่ทัน มีคำแนะนำมั้ยคะ
    – เราต้องส่ง I-20 กลับไปให้เค้ามั้ยคะ แล้วเลขบน DS-2019 ที่จะได้กลับมา จะเป็นเลขเดิมรึเปล่าคะ เพราะถ้าอันเดิมก็จะได้จองสัมภาษณ์ได้เลย
    – แล้วต้องกรอก DS-160 อีกครั้งใช่หรือไม่ และต้องชำระ SEVIS fee อีกรอบรึเปล่า
    – ต้องซื้อ PIN ใหม่มั้ยคะ
    – เราสามารถค้างจองสัมภาษณ์ไว้ก่อนแล้วค่อยยกเลิกในวันสุดท้ายของการที่สามารถยกเลิกได้ แล้วจองครั้งใหม่เพื่อให้ได้วันเดิมได้มั้ยคะ

    รบกวนแนะนำด้วยค่ะ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว

    • govisa  On February 28, 2011 at 11:44 pm

      ถ้าจะเปลี่ยนสถานะจาก F-1 visa เป็น J-1 visa ทำได้ทางเดียว คือ ส่ง I-20 ใบเก่ากลับไปทางไปรษณีย์ด่วน และขอให้เขาส่ง copy file ของ DS 2019 หน้าแรกแนบมากับ email ให้ตัวน้อง เพื่อน้องะได้รู้หมายเลข sevis ก่อนล่วงหน้าค่ะ อยากให้น้องเข้าไปอ่านที่คุณแพท (natpalin@gmail.com) เขียนมาถามเมื่อวันที่ 25 กุมภานี้ว่า คุณแม่ของคุณแพทจองเป็น B1 ไป พอเวลาเข้าไปข้างในสถานทูตเพื่อสอบสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่บอกว่า นัดเข้ามาผิดประเภท ให้นัดใหม่ ซึ่งพี่ชี้แจงคุณแพท ไปแล้วว้่ อาจจะไม่ได้คำตอบที่พึงพอใจได้ค่ะ คือ ไม่ยอมให้เปลี่ยน ต้องเข้าไปแก้ไขวันนัดด้วยตนเอง จากเว็บไซต์ที่กำหนดไว้ค่ะ คุณ Praew ก็มีลักษณะคล้ายกัน คือ เปลี่ยนจาก F-1 เป็น J-1 ขอตอบที่ละคำถามนะคะ

      – ถ้ากลัวนัดสัมภาษณ์ไม่ทัน ให้ลองอีเมล์ไปถามเเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยก่อนว่า เขาจะ scan หน้าแรกของ DS 2019 แนบอีเมล์มาให้เราดูก่อนได้ไหมนะคะ เพื่อจะได้ดูว่า หมายเลข Sevis เหมือนเดิมไหมนะคะ
      – ส่วน DS 2016 คงต้องกรอกใหม่ให้ถูกประเภทค่ะ sevis ของ J-1 ราคา 180 เหรียญค่ะ ดูได้ที่เว็บไซต์ http://www.ice.gov/sevis/factsheet/090104_fs.htm
      – ซื้อ Pin ใหม่ กรณี Pin หมดอายุแล้วค่ะ
      – ทำได้ค่ะ แต่ไม่มีใครการันตีได้ค่ะว่า น้องจะได้วันเดิมไหม เพราะน้องต้อง delete วันเก่าทิ้งไปก่อน แล้วจองวันใหม่ค่ะ เสี่ยอยู่เหมือนกันนะคะ

  • แนน  On March 3, 2011 at 2:33 pm

    ไปสัมภาษณ์มาเเล้วค่ะ ไม่รู้ว่าได้รึป่าว
    ฟังไม่ทัน เเต่เค้าพูดปามานว่าเที่ยวให้สนุก เเล้ว ก้อไม่ได้ให้ passport คืนมา
    เเบบนี้ถือว่าได้วีซ่าเเล้วป่าวคะ เเฮ่ๆ 😛

    • govisa  On March 4, 2011 at 4:41 am

      แปลว่าได้วีซ่าแล้ว ยินดีด้วยค่ะ น้องแนน ว่าแต่ว่าเขาถามอะไรบ้างคะ

  • แนน  On March 4, 2011 at 10:12 pm

    อ๋อค่ะ ตอนเเรกกลัวตั้งนาน คิดว่าสาเหตุที่ได้ เพราะ กรอกข้อมูลใน DS160
    ถูกต้องเรียบร้อย ตอนที่สเเกนนิ้วมือกับคนไทย เค้าไม่ติ๊กอะไรเลย ผ่านไปได้ด้วยดี เเถมชอบใหญ่ว่าเก่งจังยังเรียนไม่จบเเต่ได้งานเเล้วที่ที่ดีมาก
    พอตอนสัมภาษณ์ใจเต้นมากก ปรากฏว่าได้ฝรั่งผู้ชาย
    พอไปถึง ท่่านกงศุลพูดเร็วนะ ฝรั่งไม่ค่อยทัน ก้อยิ้มๆอย่างเดียว
    เค้าก้อชมอีก ว่า good job ได้งานเเล้วที่ดีมากซะด้วย
    ถามว่าเรียนที่ไหน เเซวๆ ว่า ยังอยากเป็นนักศึกษาหรอ ใส่ชุดนักศึกษามา ฮ่าๆ
    ไครเป็นสปอนเซอร์ ก้ออธิบายไปนิดหน่อยค่ะ ถามว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ไปเที่ยวก่อนเริ่มทำงานใช่มั๊ย เเล้วก้อหันไปคุยกับคนข้างๆสักพัก ก้อยื่นใบส่งไปรษณีย์มาให้ บอกว่าเที่ยวให้สนุกนะ
    เเล้วจะส่งพาสปอตไปที่บ้านภายในหนึ่งสัปดาห์

    ประมาณนี้อ่ะค่ะ รู้สึกโล่งมาก
    เเต่ยังสงสัยว่าเค้ายังเก็บเอกสารที่ใส่ในเเฟ้มรวมกับพาสปอตเราไปทำไม
    เเล้วเค้าจะส่งกลับมาให้ไหมคะ

    • govisa  On March 4, 2011 at 10:23 pm

      สถานทูตจะส่งเอกสารทุกอย่างกลับคืนให้น้องแนนหมดค่ะ ยกเว้น DS Confirmation Number ไม่ส่งคืนค่ะ ดีใจด้วยมากๆนะคะ และขอบคุณที่เขียนเล่ามาค่ะ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอให้กำลังใจหลายๆคนที่ยังไม่ได้สอบสัมภาษณ์ แล้วยังติดกลัวๆหรือประหม่าอยู่ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ได้ไปอเมริกากันทุกคนค่ะ แล้วพอทำภารกิจเสร็จแล้วกลับเมืองไทยนะคะ จะได้เป็น Record ที่ดีสำหรับคนไทยคนอื่นๆที่จะไปอเมริกาค่ะ

  • แนน  On March 5, 2011 at 12:51 am

    ขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้ก้อลุ้มอย่างเดียวว่าจาได้วีซ่าดี่ปี ❤

    • govisa  On March 5, 2011 at 1:04 pm

      น่าจะได้ 10 ปี หรือไม่อย่างน้อยก็ได้ 5 ปีก่อน แล้วพอหมดอายุ ขอหนที่สองน่าจะได้ 10 ปีค่ะ

  • KW  On March 5, 2011 at 12:14 pm

    ขอรบกวนถามผู้รู้หน่อยเถิด…
    1 submitแบบฟอร์ม DS-160 ไปแล้ว และอยู่ระหว่างการคอยเช็คปฏิทินในเว็บเพื่อนัดวันสัมภาษณ์(วีซ่าท่องเที่ยวB2)ค่ะ แต่ไม่มีวี่แวว(ปฏิทินช่องสีเขียว)ขึ้นมาเลย ถ้าเราจะใช้เครดิตการ์ดจ่าย แล้วโทรขอนัดวันสัมภาษณ์ จะเร็วกว่า/สะดวกกว่ามั้ยคะ หรือสามารถทำได้มั้ยคะ
    2 กังวลและงงๆอยู่นิดนึงเกี่ยวกับการหมดอายุของพาสปอร์ตตัวเองค่ะ คือ..พาสปอร์ตจะหมดอายุต้นเดือน ต.ค.2011 แต่ยื่นขอวีซ่าตอนที่พาสปอร์ตยังเหลืออายุ 7 เดือน แต่จะเดินทาง ต้นพ.ค.ซึ่งตอนนั้นพาสปอร์ตจะเหลืออายุ 5 เดือน อย่างนี้ต้องทำไงคะ..

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ

    • govisa  On March 5, 2011 at 1:03 pm

      1. ตอบเรื่องนัดสัมภาษณ์ก่อนนะคะ ถ้าจะโทรนัดสัมภาษณ์ก็ทำเลยค่ะ แต่น้องต้องรับทราบอย่างหนึ่งว่า การโทรจะต้องทำเฉพาะวันจันทร์ถึงวันศุกร์ และก่อน 5โมงเย็นเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถเข้าไปดูได้ 24 ชั่วโมงเหมือนอินเทอร์เน็ต และต้องซื้อ Pin ใหม่ เพราะคนละราคากันค่ะ ถ้าจะถามว่า คิวนัดสัมภาษณ์แน่นไหม ขอตอบว่า จากกระทู้ที่หลายๆคนเขียนมาคุยด้วย จะเห็นว่า บางคนหงุดหงิดที่ใช้โทรศัพท์ และคนที่รับสายบอกว่า ตอนนี้คิวเต็ม ให้โทรเข้ามาใหม่ ถ้าน้องหงุดหงิดกับนัดทางอินเทอร์เน็ต จะลองทางโทรศัพท์ดูบ้างก็ได้ค่ะ

      มีหลายคนที่เขียนมาให้อ่าน โดยบอกว่าเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ไปไหนเป็นอาทิตย์กว่าจะได้ พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องของ outsource ของสถานทูตที่จัดระเบียบคิวนัดสัมภาษณ์ค่ะ เมื่อสองวันก่อนพี่ถามคิวนัดสัมภาษณ์ให้ลูกคนรู้จักจะไปอิตาลี ก็ต้องจองคิวนัดเหมือนกันโดยต้องโทรไปจอง คำตอบของสถานทูตอิตาลี คือ คิวนัดสัมภาษณ์เต็มถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมแล้ว ถ้าลองมีประสบการณ์หลายแห่ง บางทีก็ได้ข้อคิดนะคะว่า คนไทยมีฐานะดีมีจำนวนมาก ทำให้เปอร์เซ็นต์ผูืยื่นขอวีซ่าไปท่องเที่ยวต่างประเทศมีจำนวนมาก จนถึงกับทำให้คิวเต็มไปหมดในหลายๆสถานทูตกันเลยค่ะ นี่ยังไม่ได้ถามคนอื่น เรื่องคิวนัดสัมภาษณ์วีซ่าของสถานทูตอังกฤษนะคะ เพราะจะมีงานยิ่งใหญ่ระดับโลก คือ งานแต่งงานของปรินซ์วิลเลียมตอนเดือนเมษายน จะมีใครต้องการไปเที่ยวอังกฤษ และสัมผัสบรรยากศประวัติศาสตร์กันแน่นอีกหรือเปล่าก้ไม่รู้ค่ะ

      2. ที่จริงน้องควรทำ Passport ใหม่ค่ะ เพราะวีซ่านักท่องเที่ยวของอเมริกา มีอายุ 10 ปี เมื่อ passport หมดอายุตอนตุลาคม 2011 จะไปบอกให้สถานทูตอเมริกาย้ายเล่มวีซ่ามาอยูเล่มใหม่ก็ทำไม่ได้ค่ะ อาจจะมีบางประเทศทำได้ แต่ต้องเสียค่าบริการค่ะ สำหรับอเมริกาทำไม่ได้ค่ะ ดังนั้น เวลาเดินทางก็ต้องถือหนังสือเดินทาง 2 เล่มค่ะ คำแนะนำพี่ คือ ไหนๆก็ต้องรอคิววีซ่าสุดแน่นนี้อยู่แล้ว เช้าวันจันทร์รีบไปทำPassport ใหม่ดีกว่าไหม ใช้เวลา 3วันรอนุมัติ กรอก DS 160 ใหม่ แล้วลองดูว่าจะแก้ในฟอร์มนัดสัมภาษณ์ใหม่ตรง Confirm Passport ได้ไหม ถ้าไม่ได้อาจต้องยอมจ่ายตังค์ใหม่จำนวน 372 บาททางอินเทอร์เน็ต เพราะดีกว่าถ้าได้วีซ่าแล้วจะมีการเดินทางหลังตุาคม 2011 ต้องถือหนังสือเดินทาง 2 เล่มค่ะ แล้วตามหลักการสากล การเดินทางระหว่างประเทศ บรรดากองตรวจคนเข้าเมืองประเทศต่างๆ ต้องการให้หนังสือเดินทางมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนค่ะ เผื่อฉุกเฉินมีธุระ หรืออยู่ยืดเยื้อ หนังสือเดินทางก็ไม่หมดอายุง่ายๆค่ะ

  • KW  On March 5, 2011 at 5:21 pm

    ขอบคุณมากสำหรับคำตอบที่ฉับไว
    จะลองพยายามดู ได้ผลอย่างไรจะมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

  • แนน  On March 7, 2011 at 7:59 pm

    สรุปได้ สิบปี้ค่ะ :)))
    กูดลัก นะคะ ทุกคนนน
    ขอบคุณค่าา

    • govisa  On March 7, 2011 at 8:58 pm

      ดีใจด้วยอย่างมากๆค่ะ แอบลุ้นอยู่กับน้องทุกคนที่เขียนมาถามว่า ขอให้ได้ๆวีซ่าค่ะ และนึกเสียใจกับน้องที่พลาด แต่ก็คิดว่า วันหนึ่ง น้องเขาคงลองขอวีซ่าใหม่เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมค่ะ

  • DekDuMm  On March 9, 2011 at 5:21 pm

    ไป Work & Travel ร USA อะค่ะ ตอนแรกได้งานที่ New York ซึ่งสัมภาษณ์วีซ่าผ่านแล้ว แต่โดน Cancel งานเมื่อสิ้นเดือน และใน DS ก็ได้เปลี่ยนงานเป็นอีกที่นึงคือ Virginia แต่ไม่อยากทำงานนี้อะค่ะ อยากทำอีกที่นึง ไม่ทราบว่าถ้าเปลี่ยนงานไปอีกที่นึง เราก็ต้องเปลี่ยน DS ใหม่ แล้วเราต้องเสียเงินค่าเปลี่ยน DS มั้ยคะ?

    • govisa  On March 9, 2011 at 10:00 pm

      สรุป คือ1. ตอนนี้เดินทางไปอเมริกาหรือยังคะ
      2. พี่ทราบแต่เพียงว่า น้องได้วีซ่าแล้ว แต่อยากเปลียนที่ทำงานถูกไหมคะ

    • govisa  On March 10, 2011 at 8:14 pm

      ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะเรื่อง Work and Travel ค่ะ น้องโดนยกเลิกงานแรกโดยเดินทางไปแล้ว หรือยังไม่ได้เดินทางคะ เพราะเท่าที่ถามผู้รู้มา คือ ถ้ายังไม่ได้เดินทาง เมื่อได้ DS 2019 ใหม่ต้องขอวีซ่าใหม่ค่ะ แต่ถ้าน้องอยู่ที่อเมริกาแล้ว ให้แจ้งบริษัทที่เมืองไทยกับเมืองนอกเรื่อง DS ใหม่ไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ค่ะ ส่วนงานที่ 3 ที่จะเปลี่ยน เพราะไม่ชอบงานที่ Virginia เท่าที่สอบถามมาจากหลายแหล่งข้อมูล เขาบอกว่า น้องต้องติดต่อ Agent ที่เมืองไทยที่น้องใช้บริการเขาไปโครงการ Work and Travel เพราะเขาจะต้องสัมภาษณ์ เพื่อค้นหาเหตุผลที่แท้จริงว่า ทำไมจึงต้องการเปลี่ยนงาน น้องจะตอบโดยใช้ความรู้สึกว่า ชอบหรือไม่ชอบไม่ได้ค่ะ เพราะagent ที่เมืองไทยเขาจะประสานงานกับ agent ของเขาที่อเมริกาอีกทีว่า จะให้น้องได้มี DS ของที่ทำงานใหม่อย่างที่น้องต้องการหรือไม่ค่ะ ตัว DS มีความสำคัญมากๆ เพราะฝรั่งเขาจะสามารถติดตามสถานะน้องได้ตลอดว่า เวลานี้น้องอยู่ที่ไหน ทำอะไรค่ะ

      การไปทำงาน Work and Travel ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ไม่ใช่งานนั่งโต๊ะใน Office เป็นงานที่อาจจะมีความลำบากบ้าง หรือเป็นงานหนัก ถ้าน้องอยู่เมืองไทยแล้วไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้ ก็ต้องพูดคำเดียวว่า ต้องอดทนค่ะ ให้คิดว่าอีก 3 เดือนก็จบภาระกิจนี้แล้ว น้องจะมีเวลา relax ไปเที่ยวค่ะ ส่วนเรื่องเสียเงินไหม ให้น้องประสานงานกับ agent ที่น้องติดต่อที่เมืองไทยค่ะ

  • dear  On March 10, 2011 at 6:52 pm

    ถ้าระบุวันเดินทางใน DS-160 เป็นวันที่ 10-20 เมษา
    แต่จองวันสัมภาษณ์ได้วันที่ 20 เมษา
    เลยเลื่อนวันเดินทางค่ะ
    คำถามคือทางสถานฑูตจะมีปัญหาอะไรมั๊ยคะ
    ถ้าเราไม่ได้แก้วันเดินทางใน DS-160 (มันแก้ไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ)
    แต่ค่อยไปบอกวันสัมภาษณ์ว่า เราเลื่อนการเดินทาง

    คือเรากลัวเค้ายกเลิกนัดสัมภาษณ์ของเราน่ะค่ะ
    กว่าจะได้คิวเลือดตาแทบกระเด็น
    แล้วนี่คือเร็วสุดที่จองได้แล้วอ่ะค่ะ

    • govisa  On March 10, 2011 at 7:53 pm

      ไม่มีปัญหาค่ะ บอกเขาไปตามความเป็นจริงว่า ตอนกรอกฟอร์ม Ds160 เราวางแผนจะไปวันที่เท่าไรของเดือนเมษายน แต่จองวันสัมภาษณ์วีซ่าไม่ได้ ทำให้ต้องเลื่อนการเดินทางค่ะ นับว่าคุณเดียร์โชคดีมากค่ะที่ได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว ยังมีอีกหลายคนที่อึดอัด เพราะยังต้องเฝ้ารอหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้วันนัดค่ะ ขอให้โชคดีได้วีซ่าค่ะ

  • DekDuMm  On March 10, 2011 at 9:58 pm

    คือยังไม่ได้เดินทางค่ะ เหมือนบริษัทที่ดำเนินเรื่องให้หนูเค้าไม่ยอมเปลี่ยนให้ซักที บอกว่า 2-3 วันก็เปลี่ยนได้แล้ว รอไปรอมาหนูก็เลยไม่ได้งานที่อยากได้ มันเต็มไปแล้ว ถ้าเค้าเปลี่ยนให้หนูแต่แรกก็ได้บินไปตั้งนานแล้วอะค่ะ ถ้าในกรณีนี้ต้องจ่ายค่าเปลี่ยน DS มั้ยคะ? หนูแค่อยากทราบว่าทางบริษัทเค้าไม่ยอมเปลี่ยนให้เพราะกลัวเสียเงิน หรือว่าเค้าไม่เดินงานให้หนูกันแน่อะค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่ให้ข้อมูล ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 11, 2011 at 5:25 am

      น้องพอบอกชื่อบริษัทที่ติดต่อได้ไหมคะ ที่ถามเช่นนี้ เพราะถ้าเกิดรู้จักบริษัทนั้นจะได้ลองถามให้เท่านั้นเองค่ะ แต่ถ้าไม่อยากบอกด้วยหลายๆเหตุผล ก็ไม่เป็นไรค่ะ ที่ไม่เปลี่ยนอาจเป็นไปได้ว่า จำนวนของตำแหน่งงานที่ตรงนั้นเต็มแล้วหรือเปล่าคะ ตัว Agentของน้องเป็นบริษัทเล็กๆ ต่อรองหรือทำอะไรให้ไม่ได้เลยไม่ได้ทำอะไรให้น้องหรือเปล่าคะ เพราะมีหลายบริษัทที่ติดต่อน้องๆไป Work and Travel อาจจะมีเด็กของบริษัทอื่นที่ไปทำงานที่ตรงนั้นเหมือนๆกันหรือเปล่า และเขาไม่ได้บอกน้องซึ่งเป็นลูกค้าบริษัทของเขา ให้ทราบรายละเอียดของปัญหาที่บริษัทเขาต้องพบค่ะ หรือ เขามีรายการจากน้องคนอื่นๆที่ต้องการเปลี่ยนแปลงมาก เป็นต้นว่า เปลี่ยนแปลงการเดินทาง เปลี่ยนตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ เลยลืมติดต่อเรื่องน้องไป พี่ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงของบริษัทนั้นๆค่ะ พี่ไม่คิดว่า ปัญหาอยู่ที่ค่า Sevis fee ที่ต้องจ่ายของ DS ค่ะ พี่ได้ยินมาว่า ปีหนึ่งๆมีเด้กๆไปโครงการ Work and Travel ประมาณ 7-8,000 คน แต่บางคนก็บอกว่าตัวเลขลดลงจากนี้เป็น 5-6000 คนบ้างแล้ว เพราะหลายๆสาเหตุ เช่น ตำแหน่งงานในสหรัฐอเมริกาลดลง พฤติกรรมน้องนักเรียนไทยเป็นที่กล่าวขวัญกันทั้งในทางบวกก็มี ในทางลบก็มี มีหลายๆเหตุผลค่ะ หรือบ้างก็เริ่มลดความนิยมใน Work and Travel เพราะรู้ว่าคือ ธุรกิจประเภทหนึ่งของคนไทย น้องเลยหันไปสมัครเรียนภาษาในช่วงปิดเทอมกันก็มีนะคะ เพราะได้ฝึกภาษาอย่างแท้จริงมากกว่าไป Work and Travel นานาเหตุผลจริงๆเลยค่ะ

  • dear  On March 10, 2011 at 11:15 pm

    ขอบคุณมากค่ะ ^^

  • DekDuMm  On March 12, 2011 at 1:11 pm

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะสำหรับข้อมูล ตอนนี้ทางนายจ้างที่ Missouri เค้าโอเคแล้วค่ะ เหลือแต่ก็ต้องเปลี่ยน DS ตัวใหม่ เพราะตัวเก่าเป็นที่ Virginia ไม่ทราบว่าการดำเนินเรื่องเปลี่ยน DS ตัวใหม่นี่ใช้เวลาประมาณกี่วันหรอคะ?

    • govisa  On March 12, 2011 at 9:23 pm

      ถ้าเขาเร่งทำให้ บวกกับระยะเวลาที่เขาต้องส่งกลับมาเร็วที่สุด น่าจะไม่เกิน 2 สัปดาห์ ถ้าช้าน่าจะเป็น 3 สัปดาห์ พี่ไม่อยากให้เป็นเดือน เพราะเกรงว่าน้องจะได้คิวนัดสัมภาษณ์ช้าค่ะ

  • dekdee  On March 12, 2011 at 9:46 pm

    อยากจะถามว่าวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา สามารถขอก่อนไปเที่ยวได้กี่เดือนอะครับ คือจะไปตอนเดือนตุลาคม สามารถขอได้ตั้งเเต่เดือนมิถุนาได้เปล่าครับ กลัวรอคิวสัมภาษณ์นาน

    • govisa  On March 13, 2011 at 6:20 am

      น้องสามารถขอได้ตั้งแต่ตอนนี้ วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกามีอายุ 10 ปี หมายความว่า ในช่วง 10 ปี น้องจะไปเที่ยวอเมริกาเมื่อไรก็ได้ค่ะ แต่การอยู่แต่ละครั้งไม่ได้หมายความว่า อยู่ได้นานเป็นปี ส่วนใหญ่ประมาณ 1-3 เดือน แล้วแต่เหตุผลที่น้องให้กับ Immigration เวลา immigration ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอเมริกาสัมภาษณ์ค่ะ อย่างมากที่สุดไม่เกิน 6 เดือนค่ะ

  • dekdee  On March 14, 2011 at 11:44 am

    แล้วพวกระดับการศึกษา ในการกรอก DS 160 เราต้องกรอกตั้งเเต่ประถม มัธยม เลยหรือเปล่าอะครับ คือตอนนี้เรียนอยุ่ในมหาลัยเเล้ว เเล้วพวกเอกสารตอนมัธยมก็ไม่รุ้หายไปไหนหมดเเล้ว

    • govisa  On March 14, 2011 at 10:56 pm

      น้องเริ่มต้นกรอกสถานศึกษาล่าสุด คือ มหาวิทยาลัยที่น้องกำลังเรียนอยู่ พอกรอกเสร็จถ้าข้างล่างมีคำว่า add data ให้น้องคลิกเข้าไปดู จะมีรายละเอียดที่ต้องกรอกสถานศึกษาเพิ่ม ให้น้องกรอกชั้นมัธยมศึกษาค่ะ ถ้าเปลี่ยนหลายโรงเรียน ไม่มีที่ให้กรอกก้ให้กรอกข้อมูลชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายพอค่ะ แต่ถ้ามัธยมต้นและปลายเป็นที่เดียวกัน ให้กรอกชื่อโรงเรียนระดับมัธยมที่เรียนจบมาค่ะ น้องไม่ต้องกรอกชั้นประถมนะคะ

  • dekdee  On March 15, 2011 at 7:09 am

    ขอบคุณมากๆครับสำหรับคำตอบ^^

    • govisa  On March 15, 2011 at 9:16 pm

      ด้วยความยินดีค่ะ สอบสัมภาษณ์ได้ผลเป็นอย่างไร เขาถามอะไรบ้าง เขียนเล่ามาให้อ่านกันบ้างนะคะ จะได้เป็นประโยชน์กับน้องคนต่อๆไปนะคะ ขอให้น้องโชคดีสอบสัมภาษณ์วีซ่าผ่านค่ะ

  • Rainy  On March 15, 2011 at 10:23 am

    สอบถามนิดนึงนะคะพอดีหนูกำลังทำเรื่องขอวีซ่าไปเรียนเอฟ1แล้วกรอก DS 160 ได้วันสัมพาษณ์แล้ว แบบว่าอีกนานเลย วันที่ 2 May แล้วกำลังจะเปลี่ยนโรงเรียนค่ะ เพราะสนใจโรงเรียนอื่นมากกว่าคือตอนนี้รอ I 20 จาก โรงเรียนใหม่ค่ะ คำถามนะคะ
    1.อยากทราบวิธียกเลิกDS 160 ของโรงเรียนเก่าเพื่อจะกรอกอันใหม่ต้งทำยังไงบ้างคะ
    2.และต้องทำใหม่หมดเลยมั๊ยคะไม่ว่าจะเป็นจองคิวเพื่อสัมพาษณ์และซื้อพินใหม่มั๊ยคะ ค่าsevis โรงเรียนให้จ่ายใหม่ค่ะเพราะตัวเลขมันเหมือนกัน…รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ

    • govisa  On March 15, 2011 at 9:14 pm

      1. เข้าไปกรอกฟอร์ม DS160 ใหม่ที่หน้าเว็บไซต์นี้ https://ceac.state.gov/genniv/
      2. เมื่อได้ Confirmation Number ใหม่ ให้เข้าไปที่หน้านัดสัมภาษณ์ อีกครั้ง ลองดูว่าถ้า จะกลับเข้าไปแก้ไข Confirmation Number มีทางทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ ต้อง delete วันนัดสัมภาษณ์เดิมก่อน แล้ว reschedule ใหม่ โดยสังเกตว่า จะมีทางย้อนกลับไปยังหน้าที่จะให้กรนอก DS 160 ใหม่ได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ หมายความว่า น้องต้องซื้อ Pin นัดสัมภาษณ์ใหม่ แล้วกรอก DS 160 Confirmation Number ใหม่ จองวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ ให้ดูคำตอบที่พี่อธิบายน้อง phusanap ซึ่งถามคำถามมาคล้ายๆของน้องค่ะ
      3. ค่า SevisI-901 ไม่ต้องจ่ายใหม่ค่ะ ถ้าน้องต้องการทราบ Status ของน้องว่าไม่ต้องจ่ายจริงหรือไม่จริง ให้น้องเข้าไปที่ http://www.fmjfee.com คลิกคำว่า Check status จะมีช่องให้น้องกรอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด หลังจากนั้นโปรแกรมจะบอกน้องว่า Sevis I-901 ของน้องยัง valid อยู่ไม่ต้องซื้อ อย่างไรก็ตาม พี่คิดว่า น้องควรอีเมล์ไปบอกที่เรียนทั้งที่ใหม่และที่เก่าด้วย โดยบอกที่เก่าว่าไม่ไปเรียนแล้ว เพราะเปลี่ยนแผนการเรียน จะต้องไปอีกที่หนึ่งแทน เพราะผู้ปกครองอยากให้ไปอยู่กับญาติ หรือเพื่อนผู้ปกครองก็แล้วแต่น้องจะให้เหตุผล แบบถนอมน้ำใจเขาหน่อยค่ะ สอบถามที่เรียนทั้งเก่าและใหม่ด้วยว่า ต้องกรอกฟอร์มอื่นใดของโรงเรียนเขาหรือไม่ เช่น transfer form ถ้าเขาบอกว่าไม่ต้องก็คือไม่ต้องค่ะ ส่วนที่ใหม่ก็บอกอย่างเดียวกันค่ะ เพราะสถานที่เรียนในอเมริกา เขามีหน้าที่ต้องรายงาน Immigration กับ Homeland Security Department ว่า นักเรียนต่างชาติที่เข้าไปในสหรัฐอเมริกาตอนนี้ เรียนอยู่ที่ไหนกันค่ะ

  • phusanap  On March 15, 2011 at 10:45 am

    คือตอนนี้กำลังรอสัมพาษณ์ค่ะช่วงเดือนMay แต่อยากจะเปลี่ยนโรงเรียนเพราะตอนนี้โรงเรียนใหม่กำลังส่ง I20มาให้..คำถามนะคะ
    1.ต้องกรอก DS 160ใหม่มั๊ยคะ แล้วต้องซื้อพินใหม่ด้วยรึเปล่าค่ะเพราะจริงๆๆได้วันสัมพาษณ์มาแล้วของโรงเรียนเดิม
    2.เราต้องทำใหม่ทุกขั้นตอนเลยเหรอคะ?

    • govisa  On March 15, 2011 at 8:49 pm

      น้องต้องกรอก DS-160 ใหม่ค่ะ เพราะเปลียนโรงเรียน และต้องทำนัดสัมภาษณ์ใหม่ เพราะ DS 160 Confirmation Number เปลี่ยนไปค่ะ ส่วน Pin นัดสัมภาษณ์ต้องซื้อใหม่ไหม ให้น้องลองเข้าไปในหน้านัดสัมภาษณ์ แล้วดูว่าจะแก้ Confirmation Number เก่าเป็นของใหม่ได้ไหม ถ้าไม่ได้ ก็ต้อง Delete วันนัดสัมภาษณ์เดิมเดิม แล้วคลิก reschedule ใหม่ แล้วลองเริ่มต้นกรอกใหม่ว่าจะมีหน้าที่ย้อนกลับไปแก้ไข DS160 Confirmation Number ไหม ถ้าไม่มี ก็ต้องยอมรับความจริงค่ะว่า ต้องซื้อ Pin ใหม่นะคะ ดูเหมือน case ของน้องจะคล้ายกับน้อง Rainy ที่เปลี่ยนโรงเรียนก็ต้องเปลี่ยน DS ใหม่ค่ะ เหมือนน้องๆที่ได้วีซ่าแล้ว แต่เกิดนึกอยากจะเปลี่ยนที่เรียน แล้วน้องคนนั้นยังไม่ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่า น้องคนนั้นต้องกลับเข้าไปขอวีซ่าใหม่ค่ะ ดังนั้น ขอเตือนน้องๆว่า เลือกให้แน่ใจว่า จะไปที่ไหน แล้วจะต้องมั่นใจว่า จะไม่เปลี่ยนอีก จึงค่อยกรอกฟอร์มวีซ่า กับทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ

  • JJ  On March 15, 2011 at 11:30 pm

    นอยเล็กน้อยเกี่ยวกับข้อมูลที่กรอกใน ds 160 ค่ะ คือว่าที่เค้าถามว่าเดินทางร่วมกับใครเราก็ตอบชื่อไป เป็นชาวยุโรปค่ะ แต่ก็ไม่มีถามว่า เป็นสัญชาติอะไร เราก็กลัวว่ากงสลจะมองเราเป็นแฟนคนอเมริกันแล้วจะทำให้เราไม่ผ่านหรือเปล่า และตรงที่ contact person ก็กรอกชื่อ ที่อยู่ของบริษัททางอเมริกาที่เพื่อนเราจะไปเยี่ยมด้วย กงสุลจะมองว่าเรารู้จักมีลู่ทางทางโน้มั้ย นอยมากค่ะ เพื่อนบอกว่าแกไปกรอกซะหมด เสี่ยงเกินไป แต่เราชอบทำอะไรตามความเป็นจริงอ่ะ ทำอะไรไปยังไงก็กรอกอย่างงั้น เราเข้ายุโรปก่อนแล้วไปอเมริกากับเพื่อนต่างชาติ ซึ่งได้เชงเก้นมาแป๊ะในหน้าพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว จดหมายรับรองบริษัทมีระบุวันที่เริมทำงาน วันลา เงินเดือน 6 หลักต้นๆ ทำงานโฆษณาในตำแหน่งบริหาร พอเป็นเครื่องค้ำประกันให้ผ่านมั้ยคะ ของ B2 ค่ะ

    • govisa  On March 16, 2011 at 8:43 pm

      – น้องไปเที่ยวอเมริกากี่วันคะ เขาดูจำนวนเงินในบัญชีว่า มีพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ตามจำนวนเวลาที่น้องกรอกไปด้วยค่ะ

      – น้องสามารถอธิบายให้กงสุลเข้าใจได้ว่า เพื่อนฝรั่งคนนั้น (ซึ่งพี่คาดคะเนว่า คงเป็นเพื่อนผู้ชาย เพราะน้องเขียนมาบอกว่า เกรงกงสุลจะมองน้องว่ามีแฟนเป็นคนอเมริกัน) เป็นใคร เพื่อนสมัยเรียนหนังสือ หรือ เป็นเพื่อนร่วมที่ทำงานเดียวกับน้องในประเทศไทย เพราะโดยทั่วไปคนไทยมักไปเที่ยวกับเพื่อนคนไทยด้วยกัน และไปเป็นกลุ่มมากกว่า ซึ่งประเด็นนี้ พี่คิดว่า กงสุลนอกจากต้องเรียนภาษาไทยให้พอเข้าใจได้ระดับหนึ่งแล้ว เขายังต้องเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมและสังคมไทยด้วยค่ะ ดังนั้นเขาอาจตั้งคำถามน้อง เกี่ยวกับเพื่อนที่จะไปเที่ยวกับน้องทั้งยุโรปและอเมริกาด้วยกันว่า รู้จักกันมานานแค่ไหน และเป็นแค่เพื่อนเท่านั้นหรือ น้องอาจจะลองเขียนเป็นจดหมาย ชี้แจงวัตุประสงค์ที่จะเข้าไปเที่ยวในอเมริกาหลังจากกลับจากยุโรป และวางแผนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง เป็นเวลากี่วัน หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานที่บริษัทเดิมที่ประเทศไทยค่ะ

      – สำหรับบริษัทในอเมริกาที่เพื่อนจะไปเยี่ยม ตัวน้องจะเดินเข้าไปไปในบริษัทนั้นในฐานะอะไร เพราะโดยทั่วไปถ้าเราไม่ได้ทำงานในบริษัทนั้นๆ ดูจะไม่ค่อยมีเหตุผลนัก ที่บริษัทจะอนุญาตให้บุคคลภายนอกเดินเข้าไปเยี่ยมชมงานในบริษัทนั้นๆได้ค่ะ ตรงจุดนี้ขอให้น้องเตรียมตอบคำถามให้เหมาะสม ถ้ากงสุลถามนะคะ

      – พี่ขออวยพรให้น้องโชคดี ตอบคำถามกงสุลได้ทุกคำถามค่ะ ใจเย็นๆค่อยคิดแล้วตอบค่ะ

  • Rainy  On March 15, 2011 at 11:34 pm

    ขอบคุณมากๆๆนะคะเดี๋ยวจะลองทำดูค่า…ถ้าไม่ได้หรือได้จะมารายงานอีกทีนะคะ

  • Belle  On March 20, 2011 at 7:59 am

    พี่คะรบกวนหน่อยค่ะ กำลังงงมากๆเลยว่าต้องเตรียมเอกสารยังไง คือทางโน้นส่งจดหมายมาเชิญสามีและเราไปดูงานที่อเมริกาค่ะ ทีนี้ว่าตัวสามีเองต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคะ
    เขาเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ส่วนเราทำงานกับสามีและแม่สามีต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคะ เพราะเอาจริงๆแทบไม่มีเลย คือทำงานกับสามีและแม่สามี การเงินก็ให้เงินสด T_T รบกวนด้วยค่ะ กำลังงงกับเรื่องเอกสารมากๆ ขอบคุณคะ

    • govisa  On March 21, 2011 at 5:25 am

      ประเภทวีซ่าที่ต้องขอคือ B-1 นะคะ
      เอกสารหลักๆที่สามีต้องนำไปมี
      1. จดหมายเชิญไปดุงานจากบริษัทในสหรัฐอเมริกา
      2. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารที่แสดงว่า สามีมีบัญชีเงินฝากในธนาคาร
      3. บัญชีตัวจริงที่จดหมาบรับรองในข้อ2 ระบุว่ามีบัญชีเงินฝาก เช่น บัญชีออมทรัพย์ เป็นต้น ถ้าถามว่านำบัญชีกระแสรายวันของบริษัทไปได้ไหม คำตอบคือ ได้ค่ะ แต่สามีต้องนำบัญชีส่วนตัวที่ไม่ใช่ชื่อบริษัทไปด้วยค่ะ เพราะหากเกิดฉุกเฉิน บัญชีบริษัทมีปัญหา ยังมีบัญชีส่วนตัวรับรองได้อยู่ค่ะ
      4. ใบทะเบียนการค้าที่แสดงว่า สามีเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือถ้าไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ จะเป็นเอกสารทางราชการไทยที่ระบุว่า สามีมีหุ้นส่วนในบริษัทที่สามีทำงานอยู่ก็ได้ค่ะ

      เอกสารอื่นๆที่ควรนำคิดตัวไปในวันสัมภาษณ์ด้วยคือ
      1. ทะเบียนสมรส เพราะคุณภรรยาจะไปด้วย
      2. ถ้ามีเอกสารระบุรายการเดินทางเที่ยวบินประกอบด้วยก็ดี เพราะหลังจากดูงานเสร็จอาจมีการอยู่เที่ยวต่อ กงสุลอาจมีคำถามถามเราว่า จะไปกี่วัน ถ้าเราระบุในฟอร์ม DS 160 เกินวันที่เขากำหนดเชิญไปดูงาน กงสุลก็คงคาดการณ์ได้ว่า เราคงอยู่เที่ยวต่ออีก 4-5 วันมั๊ง
      3. ทะเบียนบ้านว่า อยู่บ้านหลังเดียวกันกับภรรยา

      เอกสารที่ภรรยาควรนำไปมี
      1. จหมายรับรองจากบริษัทที่ทำงานอยู่กับสามีและแม่สามีว่า เราทำงานตำแหน่งอะไร เงินเดือนๆละเท่าไร และเริ่มทำตั้งแต่เมื่อไร
      2. สามีและแม่สามีให้ราเป็นเงินสด แต่ตัวน้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารส่วนตัวบ้างไหมคะ ถ้ามี ให้ขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของตนเองไปด้วยค่ะ กรณีไม่มี ให้ใช้จดหมายรับรองฐานะการเงินของสามี (ในข้อ 2 ของหัวข้อสามี) จดหมายของสามีต้องมีจำนวนเงินมากพอที่จะดูแลน้องได้ก็ได้ หรืออีกกรณีหนึ่ง เป็นระบบกงสี ที่ทางบ้านอาจให้เงินสดน้องมา เป็นค่าใช้จ่ายเพียงพอในบ้าน แต่ไม่มากพอเหลือไว้ให้เก็บ จะใช้พิเศษเมื่อไรขอได้ตลอด ถ้าเป็นอย่างหลังก็อธิบายกงสุลเขาไปตามความเป็นจริงค่ะ ถ้าเป็นอย่างแรกก็คงต้องยืนยันต่อหน้ากงสุลว่า เราไม่ได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคาร เพราะเราเป็นระบบครอบครัวแบบอนุรักษ์นิยม ฝากเงินเก็บไว้ในชื่อบัญชีสามีทั้งหมด เป็นประเภทช้างเท้าหลัง อันหลังนี้เปรียบเทียบให้ดูเพื่อให้น้องเห็นภาพ จะได้อธิบายกงสุลได้ค่ะ
      3. จดหมายเชิญจากบริษัทในต่างประเทศให้ไปดูงาน

      ส่วนเอกสารอื่นๆใช้ชุดเดียวกับสามี เพราะน้องจะทำการนัดสัมภาษณ์ด้วย Pin นัดเดียวกันแล้วเข้าไปสัมภาษณ์พร้อมกันค่ะ อนึ่งในการกรอกฟอร์ม Ds 160 ควรใส่ที่ที่เราจะไปพักเป็นชื่อโรงแรม ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทที่เราจะไปดูงานนักนะคะ โดยอาจขอให้บริษัทส่งชื่อโรงแรมใกล้ๆมาให้เราจองค่ะ บางบริษัทก็มีระบบจองให้เลยก็มีค่ะ ส่วนชื่อ contact person ในต่างประเทศ ควรใส่ชื่อคนที่เราจะไปติดต่อด้วยทางธุรกิจค่ะ ถ้าน้องทราบข้อมูลที่บอกมาแล้วก็ดีค่ะ แต่ถ้าน้องไม่ทราบ แล้วเผลอไปใส่พักอยู่บ้านเพื่อน จะดูไม่ค่อยเหมือนเราไปดูงานหรือไป Business visa (B-1)เท่าไรนักค่ะ

  • bee  On March 22, 2011 at 11:19 pm

    อยากจะถามเกี่ยวกับนัดวันสัมภาษณ์ค่ะ

    จะเดินทางไปอบรมของ SANS วันที่ 3 พค 54 โดยยื่นหนังสือเดินทางราชการเลยค่ะ
    แต่ทีนี้ เอกสารรับรองของทางราชการจะได้ต้นเดือนเมษา ซึ่งเข้าไปดูวันว่างแล้วไม่มีเลย
    จนถึงวันที่ 22 เมษายน ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะของวีซ่าทันรึป่าว ตอนแรกตั้งใจว่าจะจองคิวช่วงต้นเดือนเมษา ซึ่งเต็มหมดทุกวัน อย่างงี้วันที่เต็ม (สีฟ้า) จะมีโอกาสว่าง (สีเขียว) ให้เลือกมั๊ยค่ะ

    ตอนนี้จองคิวนัดไว้วันที่ 22 เมษา ซึ่งเร็วสุดของวันที่ยังว่างอยู่ ถ้าไม่สามารถเลื่อนวันสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้นได้ จะขอวีซ่าทันมั๊ยค่ะ เพราะต้องเผื่อเวลาเดินทางก่อน คิดว่าคงต้องบินวันที่ 1 พค

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 23, 2011 at 8:25 pm

      1. ถ้าน้องจองวันนัดสัมภาษณ์ได้ 22 เมษา สอบสัมภาษณ์เสร็จ จะทราบผลทันทีว่าได้หรือไม่ได้ค่ะ ถ้าได้ กงสุลจะเก็บหนังสือเดินทางของน้องไว้เพื่อประทับตราวีซ่า แล้วส่งกลับคืนให้น้องทางไปรษณีย์ด่วนประเภท EMS ซึ่ง Passport จะถึงบ้านน้องภายในเวลา3 วันไม่นับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ค่ะ แต่ถ้าเกรงว่าจะไม่ทันเวลา ให้บอกเจ้าหน้าที่ที่ไปรษณีย์ตอนจ่ายค่าซองจดหมายว่า ขอไปรับที่ไปรษณีย์รองเมืองแทน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะให้แผนที่ที่ตั้งไปรษณีย์รองเมืองค่ะ
      2. วันที่ที่มีสีฟ้ามีโอกาสเห็นเป็นสีเขียวได้ค่ะ แต่เราจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่า จะเห็นวันที่ที่มีสีเขียวอยู่ประมาณกี่นาที เพราะทันทีที่คนที่ต้องการนัดสัมภาษณ์คนอื่นเห็น ก็จะรีบคลิกจองวันนัดเช่นเดียวกันค่ะ
      3. กรณีจองวันัดสัมภาษณ์แล้วเป็นวันที่ 22 เมษาบย อยากจะเลื่อนวันนัดเร็วขึ้น เหมือนที่ชี้แจงให้น้อง bee bandit ค่ะ คือ delete วันนัดเดิมก่อน แล้วจึงจะทำการเลือกวันนัดหมายใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม เทคนิคก็จะอยู่กันตรงนี้แหละค่ะว่า ระหว่างที่เรากำลัง delete ของเดิม มีคนอื่นท่องเว็บรอจังหวะหาวันนัดสัมภาษณ์อยู่ เห็นวันที่สีเขียว รีบคลิกทันทีเขาก็จะได้วันนัดของเรา ( 22 เมษายน )ไป ส่วนตัวเราคิดว่า เราจะได้วันนัดหมายใหม่ เผอิญคลิกช้ากว่าอีกคนหนึ่ง ก็อาจจะไม่ได้วันนัดหมายใหม่ค่ะ จะหันกลับไปใช้วันนัดเดิม คือ 22 เมษายน ก็ถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว อาจพูดได้ว่า แล้วแต่ดวงจริงๆค่ะ

      อย่างไรก็ตาม พี่ขออวยพรให้น้องได้วันนัดสัมภาษณ์ทันเวลาค่ะ

  • bee  On March 22, 2011 at 11:28 pm

    ขอถามเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ
    ถ้าจะเปลี่ยนวันสัมภาษณ์ เราเข้าไปดูตาราง ถ้าเจอวันที่เป็นสีเขียว เราสามารถคลิกเลือกได้เลยใช่มั๊ยคะ แล้วระบบจะเปลี่ยนวันนัดให้จากเดิมเลยรึป่าว หรือว่าต้องทำขั้นตอนไหนเพิ่มอีกมั๊ย

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 23, 2011 at 6:04 pm

      น้องต้อง delete วันนัดสัมภาษณ์เดิมก่อน แล้ว reschedule วันนัดใหม่ค่ะ น้องเป็นคนเลือกวันนัดสัมภาษณ์เองค่ะ นัดเสร็จใหัprint ใบนัดออกมาด้วยค่ะ

  • hamew  On March 23, 2011 at 10:44 pm

    อยากถามว่าถ้ากรอก DS-160 แล้วปริ้นใบconfirm ออกมา ไม่สมบูรณ์สามราถปริ้นใหม่ได้ไหมคะ

    • hamew  On March 24, 2011 at 12:04 am

      ไม่สมบูรณ์แค่ตรงหัวกระดาษค่ะ พอดีปริ้นทับหัวดาษที่หวัมีเว็บเพจอันอื่นไว้ แล้วก็ท้ายกระดาษมีบ้อความภาษาอังกิดของเว็บอื่นติดมา ปริ้นทับการดาษที่ปริ้นเสียไว้น่ะค่ะ จะดหัวท้ายแล้วถ่ายเอกสารใหม่ได้ไหมคคะ

      • govisa  On March 24, 2011 at 5:09 am

        ลองเข้าไปที่เว็บไซต์กรอกฟอร์ม DS160 ที่ทำกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมแล้ว upload previous application form โดยการที่โปรแกรมจะให้น้อง browse ข้อมูลๆจะฝังตัวเก็บอยู่ที่ my document ชื่อ file จะมีคะว่า CEA อะไรทำนองนี้พร้อมหมายเลขต่อท้าย ให้ลอง browse ขึ้นมาดูค่ะว่า เป็นหมายเลข confirmation number เดิมไหม ถ้าใช่ ก็เข้าไปทำตาม step เช่นคลิก next ไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าให้ print confirmation number ใหม่ ให้ใช้กระดาษใหม่ A4 ที่ไม่ใช่ recycle print ออกมาค่ะ เพราะนี่เป็นเอกสารทางการที่น้องต้องไปยื่นสอบสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ แต่ถ้าทำไม่ได้ จะใช้วิธีการตัดต่อตามที่น้องว่ามาก็ลองดู พี่เกรงว่าจะไม่เนียนเหมือนของจริงค่ะ

    • govisa  On March 24, 2011 at 4:52 am

      print ใหม่ได้ค่ะ

  • hamew  On March 23, 2011 at 10:47 pm

    ขอถามอีกเรื่องค่ะ คือว่าได้วันนัดสัมภาษณ์ไม่ทันวันเปิดเรียน คือเปิดวันที่ 15 เมษายน 54 แต่ได้วันสัมภาษณ์วันที่ 6 พค 54 ต้องขอใบ I-20 จากโรงเรียนใหม่หรือขอแค่จดหมายเลื่อนวันเปิดเรียนคะ

    • govisa  On March 24, 2011 at 4:52 am

      แนะนำให้น้อง scan หน้าแรกของ I-20 ที่ระบุวันเปิดเรียนแนบไปกับอีเมล์ ที่จะเขียนขอเร่งรัดวันนัดสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้นค่ะส่งไปที่ visabkk@state.gov ทางสถานทูตจะพิจารณาตามเหตุผลว่า สมควรให้เลื่อนขึ้นไหม แต่อาจใช้เวลารอนานนิดหนึ่งคือ ไม่น่าจะเกิน 5 วันค่ะ ถ้าไม่เช้าใจ อ่านหัวข้อการเร่งรัดขอนัดสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้น จากเว็บไซต์สถานทูตอเมริกาประจำกรุงเทพก็ได้ค่ะ http://bangkok.usembassy.gov คลิกหัวข้อวีซ่าสำหรับ non-immigrant visa แล้วหาดูมีเรื่องเกี่ยวกับที่พี่บอกไหม ถ้าหาไมพบ ดูที่พี่เขียนไว้เกี่ยวกับหัวข้อนี้ค่ะ แต่ถ้าน้องจะเลื่อนเทอม นอกจากส่งอีเมล์ไปขอเลื่อนเทอมกับทีเรียนแล้ว ต้องขอให้ที่เรียนส่ง I-20 ใหม่มาให้ด้วย ส่วนตัวน้องคืน I-20ชุดเก่าให้ที่เรียนไปค่ะ

      • hamew  On March 24, 2011 at 10:34 am

        เขียน emilส่งไปสถาณฑูตแล้วค่ะนี่จะ 2 อาทิตย์แล้วยังเงียบเรยคิดว่าเลื่อไม่ได้ค่ะ
        แล้วการส่ง I20 กลับไปให้โรงเรียนโรงเรียนจะรอรับของเราก่อนถึงจะส่งมาใหม่หรือส่งมาเรยคะ แล้วได้เลข sevis เอิมใช่ไหมคะ เพราะจ่ายค่าsevisไปแล้วค่ะ แล้วต้องเสียเงินให้โรงเรียนค่าส่ง I20 ฉบับใหม่ใหมคะ
        ขอบคุณมากนะคะ ดีใจที่เจอเว็บนี้มากมากค่ะ

      • govisa  On March 24, 2011 at 8:35 pm

        ถ้าน้องเข้าไปอ่านคำถามเก่า จะเห็นได้ว่ามีน้องบางคนก็ต้องรอนานแบบนี้เหมือนกันค่ะ น้องลองเข้าไปอ่านของน้องที่ใช้ชื่อว่า merasoma ( rattanakorn11@hotmail.com) เขียนเมื่อ 2011/03/09 ดูนะคะ ลองเขียนไปอีกครั้ง แล้ว scan หน้าแรก I-20 เข้าไปให้เขาดูด้วยค่ะ เพื่อเขาจะได้เห็นหลักฐานว่า น้องมีความจำเป็นต้องขอเร่งรัดคิวนัดสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้นจริงๆค่ะ แต่ถ้าน้องจะเลื่อนเทอม และน้องต้องการให้โรงเรียนส่ง I-20 มาให้น้องก่อน น้องต้องเขียนอีเมล์ไปอธิบายสถานการณ์การนัดสัมภาษณ์ที่เมืองไทยว่า ต้องรอคิวนานมากๆค่ะ เลยอยากให้เขาส่ง I-20 ชุดใหม่ให้น้องก่อน ส่วนตัวน้องก็จะส่ง I- 20 ชุดเก่ากลับคืนให้เขาด่วน น้องอาจเลือกใช้บริการ EMS ก้ได้ค่ะ ส่วนหมายเลข Sevis ยังคงเป็นหมายเลขเดิม ไม่ต้องจ่ายค่า Sevis I-901 ใหม่ค่ะ

  • puiirilee  On March 23, 2011 at 11:01 pm

    ดีใจมากเลยค่ะมาเจอ blog นี้ มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ

    พอดีจะไปสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ วันที่ 8 เมษายนนี้แล้ว…เอกสารอื่นๆ พอจะเตรียมไปบ้างแล้วค่ะ แต่ไม่แน่ใจในเรื่อง transcript ค่ะว่า..คือ transcript ออกมาตั้งแต่ปี 2008 ยังสามารถใช้ได้หรือไม่คะ หรือว่าต้องไปขอใหม่ดีกว่าคะ
    เท่าที่หาอ่านดู บอกแค่ว่าหลักฐานการศึกษาล่าสุด แต่ว่าไม่มีบอกเลยว่าต้องออกภายใน 3 เดือนก่อนวันนัดสัมภาษณ์หรือเปล่า…

    คิดมากไปหรือเปล่าเรา 🙂

    ขอบคุณล่วงหน้านะคะ..

    • govisa  On March 24, 2011 at 4:59 am

      จริงๆแล้ว transcript เก่าก็ยังใช้ได้อยู่ค่ะ เพราะดดยทั่วไปเอกสารที่ขอมาไม่ควรมีอายุเกิน 6 เดือน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเอกสารประเภทใด ถ้าเป็น recommendaton หรือ bank statement กรณีสมัครเรียนไม่ควรเกิน 6 เดือน แต่ถ้าเป็น bank statement เพื่อขอวีซ่าไม่ควรเกิน 3 เดือน เป็นต้น ดังนั้น เพื่อความสบายใจ และเพื่อให้วันที่ที่ issue transcript update เป็นวันที่ใหม่ ก็ขอใหม่เถอะค่ะ เพราะเวลาเราไปยื่นที่กงสุล จะได้ตัดความกังวลใจเรื่องนี้ออกไป ไปกังวลเรื่องอื่นดีกว่า เช่น จะตอบคำถามให้เขาประทับใจให้น้องผ่านวีซ่าไหม หรือ เอกสารที่เตรียมมาครบสมบูรณ์หรือยังค่ะ

  • puiirilee  On March 24, 2011 at 10:39 am

    ขอบคุณมากๆ นะคะ 🙂

    • govisa  On March 24, 2011 at 8:25 pm

      สัมภาษณ์วีซ่าเสร็จ เขียนมาให้อ่านบ้างนะคะว่า กงสุลถามอะไรบ้างค่ะ

  • nid  On March 24, 2011 at 10:53 pm

    สอบถามค่ะ เห็นมีข้อความเกี่ยวกับ บัตรเอเปค ไม่ทราบว่าหมายความอย่างไรค่ะ เท่าที่อ่านเข้าใจว่าถ้าเราต้องการขอ visa ด่วน สามารถไปขอได้โดยไม่ต้องนัดสัมภาษณ์ นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องทำการจองนัดสัมภาษณ์เลยหรือเปล่าค่ะ หรือ จะต้องได้คิดจองนัดสัมภาษณ์ก่อน แล้วสามารถมาขอ visa แบบด่วนได้ค่ะ งง ค่ะ แล้วสามารถใช้ได้ในกรณีไปท่องเที่ยวได้ไหมค่ะ แล้วใครจะมีบัตรนี้บ้างค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On March 25, 2011 at 5:46 am

      คนที่มีสิทธิ์ได้ APEC Business Travel Card คือคนที่เดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริกาเพื่อการค้าและการลงทุน และมาจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใน APEC ตามความตกลงมีจำนวน 20 ประเทศที่ประชาชนสามารถมี APEC Business Card ได้ โดยประเทศไทยได้รับสิทธินี้เมื่อปีค.ศ.2001 ให้น้องอ่านข้อมูลที่ http://www.businessmobility.org/key/abtc.html และผู้ที่เดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริกาด้วย APEC Card จะถือวีซ่าประเภทต่างๆกัน เช่นถ้าเป็นผู้นำประเทศ หรือคณะรัฐมนตรี จะได้รีบวีซ่าประเภทA-1 ถ้าเป็นนักธุรกิจที่เข้าไปร่วมประชุม APEC จะได้รับวีซ่าประเภท B-1 เป็นต้น ให้อ่านเพิ่มเติมที่ http://travel.state.gov/visa/temp/info/info_5205.html ผู้มีบัตรนี้ไม่ต้องทำการนัดวันสัมภาษณ์ และจะมีแถวพิเศษเวลาเดินทางเข้าสหรัฐในตรงจุดตรวจเข้าเมือง ไม่ต้องรอคิวนานค่ะ

  • hamew  On March 24, 2011 at 11:23 pm

    สวัสดีค่ะ ทางสถาณฑูตตอบกลับมาให้ไปสัมภาษณ์วันที่ 28 นี้แล้วค่ะ ดีใจมากมาก
    ตอนนี้ก็เหลือแต่กังวลแค่ว่าจะผ่านไหมแค่นั้นค่ะ แล้วถ้าผลเป็นอย่างไรจะมาเล่าให้ฟังนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ

  • nid  On March 25, 2011 at 8:49 am

    เรียนพี่ govisa ถามต่อนะค่ะ (APEC) กรณีถ้าเราต้องการเข้า usa เพื่อจุดประสงค์ท่องเที่ยวไม่ใช่เพื่อธุรกิจ แต่หากเรามีบัตรนี้เราจะสามารถเข้าช่องพิเศษ Apec Lane ณ.สนามบินนั้นๆเพือความสะดวกรวดเร็วได้ไหมค่ะ หรือต้องไปเข้าช่องปกติ

    • govisa  On March 25, 2011 at 9:20 pm

      ถ้าน้องมีบัตร ABTC นี้แล้ว น่าจะมีกฎระเบียบในการใช้บัตรแนบไว้กับบัตรที่ออกให้ค่ะ ลองไปหาดูนะคะ หรือเข้าไปอ่านที่เว็บไซต์ http://www.wtothailand.or.th/card_new.php ให้ดูที่หัวข้อ “วิธีการใช้บัตรเดินทาง” ค่ะ เขาจะมีข้อความนี้เขียนไว้ค่ะ ใช้สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการเดินทางไปติดต่อธุรกิจในระยะสั้นเท่านั้น หากมีวัตถุประสงค์ในการเดินทางเป็นอย่างอื่น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเขตเศรษฐกิจนั้นๆ ก็อาจปฏิเสธไม่ให้ใช้บัตร ABTC ในการเดินทางครั้งนั้นๆได้

      และอีกจุดที่อาจมีปัญหาได้ คือ น้องบอกว่าน้องจะไปเที่ยว น้องอาจอยากอยู่นาน 1-1 1/2 เดือน พี่ไม่คิดว่าผู้ที่ถือบัตร ABTC จะอยู่ได้นานเป็นเดือน เพราะจากหัวข้อประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรจะได้ เน้นว่าเป็นการไปติดต่อธุรกิจระยะสั้นค่ะ สามารถเดินทางเข้าดินแดนของสมาชิกที่ร่วมในโครงการ ที่มีชื่อปรากฏอยู่บนด้านหลังของบัตรเพื่อติดต่อธุรกิจระยะสั้นได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการขอวีซ่าแต่ละครั้ง

      ประการสุดท้าย ตรง Port of Entry เวลาน้องต้องเข้าแถวรอตรวจเอกสารที่ Immigration จะใช้เวลาไม่นานนักค่ะ ยกตัวอย่างสนามบินที่ Los Angeles ขึ้นอยู่กับเวลาทีน้องเดินทางไปถึง ถ้าเป็นช่วงบ่าย 2 โมง-บ่าย 3 โมง จะใช้เวลารอนาน คือ 40 นาที ถ้าเป็นเวลาอื่น ใช้เวลารอประมาณ 12-25 นาที เช็คได้ที่ http://www.cbp.gov/xp/cgov/travel/wait_times/ อนึ่งพี่เกรงด้วยว่าถ้าไปเข้า line apec เจ้าหน้าที่อาจมีการซักถามหรือขอดูเอกสารว่า มาเที่ยวนี้มาติดต่ออะไร ถ้าน้องไม่มีเอกสารแสดง จะทำให้เกิดข้อซักถามอีกมากมายตามมาหรือเปล่าค่ะ

  • chai  On March 25, 2011 at 8:52 am

    เรียนปรึกษาครับ ผมกรอก ds160 เสร็จแล้ว และพิมพ์ confirm ออกมาแล้ว ได้ barcode แล้ว แต่ต้องการแก้ไขรายละเอียดที่ได้กรอกไป เราสามารถทำได้ไหมครับ แล้วเราต้องไปเสียเงินค่า pin ใหม่ใช่ไหมครับ

    • govisa  On March 25, 2011 at 8:49 pm

      ถ้าน้องยังไม่ได้นัดสัมภาษณ์ น้องสามารถแก้ไขข้อมูลได้ โดยให้น้องเข้าไป upload previous application form อันเก่า แต่มีข้อแม้ว่า ให้ทำที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดิม เพราะยังมีข้อมูลอยู่ที่ My document ขึ้นต้น file ด้วยคำว่า CEACAA ตามด้วยหมายเลขค่ะ ทีนีถ้าเป็นหมายเลขที่ confirm ไปแล้วดูเหมือนจะเข้าไป edit ไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าตอนกรอกฟอร์ม DS160 น้องมีการกรอกฟอร์มแล้ว SAVE แล้ว Upload หรือ retrieve บ่อย บางครั้งหมายเลข application id เปลี่ยนไปด้วย ให้เลือกมา 1 file ที่เขียน CEACAA…..ลองคลิกดูว่าเมื่อคลิก next ไปจนถึงหน้าสุดท้ายมีให้ review ได้ไหมนะคะ ถ้าให้ review ไม่ได้ เพราะน้อง confirm ไปแล้ว ให้เลือก file อื่นขึ้นมาดุ ถ้าต้องกรอกใหม่บางส่วนก้กรอกใหม่ไปค่ะ เพราะน้องจะ edit ได้ตรงที่มี review ค่ะ

      แต่ถ้าน้องทำคิวนัดสัมภาษณ์จนได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว แก้ไขฟอร์ม DS 160 ไม่ได้แล้ว เพราะหมายเลข Confirmation number จะเปลี่ยนไปค่ะ ไม่ตรงกับที่กรอกในฟอร์มนัดสัมภาษณ์ พี่เกรงว่าเขาจะไม่ให้น้องสัมภาษณ์ค่ะ ดังนั้นถ้าไม่ได้คีย์ข้อมูลผิดที่ชื่อนามสกุลน้อง วันเดือนปีเกิดน้องๆไม่ต้องกังวลมาก เข้าไปบอกเจ้าหน้าที่ในสถานทูตได้ว่า ตรวจทานไม่ดี ลืมแก้ตรงจุดนี้หรือจุดนั้นไปค่ะ pin ไม่ต้องซื้อใหม่ ถ้าน้องไม่ได้ delete วันนัดเดิมแล้วเปลี่ยนวันนัดใหม่เกิน 2 ครั้งตามเงื่อนไขการนัดสัมภาษณ์ จะซื้อ pin ใหม่ กรณีเปลี่ยนแปลงวันนัดเกิน 2 ครั้ง หรือวันนัดหมดอายุ เพราะเกิน 90 วันหลังจากซื้อ pin ค่ะ

  • May  On March 25, 2011 at 5:16 pm

    ทดสอบ

    • govisa  On March 25, 2011 at 9:34 pm

      น้องเขียนคำถามไม่จบใช่ไหมคะ

  • wawa  On March 25, 2011 at 5:26 pm

    ขอรบกวนถมคุณgovisaหน่อยนะคะ..
    คือว่า เพิ่งได้วันนัดสัมภาษณ์วันนี้เอง (เป็นวันที่ 24 พ.ค.ค่ะ) ซึ่งแต่เดิมวางแผนจะเดินทาง 5 พ.ค. แต่คงต้องเลือนไปเป็นเดือน มิ.ย. ซึ่งถึงตอนนั้นพาสปอร์ตก็จะเหลือไม่ถึง 6 เดือนแล้วค่ะ (apply visa ไปตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.ค่ะ
    ถามว่า…ถ้าไปทำพาสปอร์ตใหม่ แล้วนำไปวันนัดสัมภาษณ์เพื่อใช้แทนเล่มเก่า ทางสถานทูตจะยอมออกวีซ่าให้มั้ยคะ (ถ้าสมมติว่าอย่างอื่นผ่านหมด)
    หรือควรทำอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยนะคะ…ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On March 25, 2011 at 9:49 pm

      สถานทูตจะประทับตราวีซ่าใน passport เล่มเก่า เพื่อให้ตรงกับหมายเลข passport ที่น้องกรอกในฟอร์ม DS 160 และหน้านัดสัมภาษณ์ค่ะ เวลาเดินทางต้องถือ passport 2 เล่มค่ะ ยกเว้นตอนสอบสัมภาษณ์ให้น้องบอกกงสุลไปตามความเป็นจริงว่า เพิ่งเห็นว่าpassport ใกล้หมดอายุเลยทำ passport เล่มใหม่ค่ะ ลองขอความเห็นใจจากเขาดูว่าเขาจะstampวีซ่าในเล่มใหม่ให้ได้ไหมคะ

  • มือใหม่  On March 25, 2011 at 9:52 pm

    เข้ามารบกวนถามอีกแล้วคะ ตอนนี้ได้วันสัมภาษณ์แล้วค่ะ จะขอถามว่าเวลาไปสัมภาษณ์จะต้องไปเข้าคิวตั้งแต่เช้ามากๆ เลยรึป่าวคะ ถ้าคิวนัดไว้ 7.45 น.ควรจะไปถึงตั้งแต่กี่โมงคะ พอดีว่าที่พักอยู่ไกลอ่ะคะ ขอบคุณมากค่ะ

    • hamew  On March 25, 2011 at 10:51 pm

      มาช่วยตอบค่ะ เห็นเว็บสถาณฑูตแนะนำให้ไปก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงค่ะ

    • govisa  On March 26, 2011 at 5:31 am

      อย่างที่น้อง hamew ช่วยตอบให้ค่ะ คือในใบนัดสัมภาษณ์ที่ print ออกมาา จะบอกว่า เขาจะเรียกน้องเข้าไปในสถานทูต 30 นาทีก่อนเวลาสัมภาษณ์ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปยื่นรอนานๆเหมือนในอดีตแล้วค่ะ ถ้าสัมภาษณ์ 7.45 น. ก็ไปให้ถึงสถานทูตอยู่ในเวลา 6.45-7.15 น. จะไปถึงเวลาไหนก็ได้ เขายังให้สิทธิ์น้องเข้าไปสัมภาษณ์ได้อยู่ค่ะ แต่ถ้าไปถึง 7.30 น. อาจไม่ได้เข้าไปสัมภาษณ์ เพราะถือว่าน้องไปไม่ตรงเวลาค่ะ

      @ น้อง hamew ขอบคุณน้องมากๆค่ะที่ช่วยตอบแทนค่ะ น้องไปสัมภาษณ์เสร็จ อย่าลืมเขียนมาให้อ่านกันบ้างนะคะ

      • มือใหม่  On March 26, 2011 at 12:08 pm

        ขอบคุณมากๆ ค่ะ ทั้ง พี่ govisa และน้อง hamew ที่ให้คำแนะนำ ถ้าไปสัมภาษณ์เสร็จแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังนะคะ แต่คิวก็อีกนานเหมือนกันค่ะ กว่าจะจองได้เล่นเอาซะเหนื่อยเลย

      • govisa  On March 26, 2011 at 9:16 pm

        ยินดีค่ะ

  • hamew  On March 25, 2011 at 10:36 pm

    สอบถามหน่อยค่ะ คือว่าปริ้นใบconfirmation ใหม่อีกครั้ง (รอบนี้ปริ้นร้านน่ะค่ะ) แล้วขนาดตัวหนังสือและบาร์โค๊ดใหญ่ขึ้น คือร้านเค้าเลือกแบบเต็มหน้ากระดาษค่ะ จะมีปัญหาไหมคะ แล้วอีกอย่างคือ ใบยกเลิกนัดสัมภาษณ์ถ้าเป็นใบที่ปริ้นจากสแกนได้ไหมคะ (มีใบยกเลิกเพราะได้เลื่อนนัดสัมภาษณ์เร็วขึ้นจากที่ส่งเมลไปสถาณฑูตค่ะ) คุณอายกเลิกสัมภาษณ์อันเก่าให้แล้วสแกนใบยกเลิกส่งมาให้ค่ะ แล้วพอมาปริ้นมันเป็นเหมือนถ่ายเอกกสารอ่ะค่ะ มีเส้นๆด้วย จะเป็นไรไหมคะถ้าไม่ใช่ตัวจริง แล้วจะไปสัมภาษณ์วันที่ 28 มีนาคม นี้แล้ว ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On March 26, 2011 at 5:45 am

      ไม่เป็นไรนะคะ เรื่องตัวอักษรที่ Print ออกมาค่ะ

      เวลาสัมภาษณ์ ให้ตอบคำถามให้ชัดเจน และอยู่ในระดับเสียงที่เขาจะได้ยินได้ เพราะมันจะมีกระจกขั้นอยู่ระหว่างตัวน้องกับกงสุลค่ะ ระมัดระวังเรื่องการตอบคำถาม เกี่ยวกับบุคคลที่รู้จักที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาด้วยค่ะ เพราะบางครั้งอาจส่งผลลบต่อเราได้ค่ะ ถ้าน้องไปเรียน (พี่ไม่แน่ใจว่าน้องขอวีซ่า F-1 หรือ B-2 ค่ะ) ก็ต้องรู้ว่า plan of study ของน้องคืออะไร ไปเรียนต่อปริญญาโทมักไม่ค่อยถูกถามอะไร แต่ถ้าเป็น I-20 เรียนภาษาอย่างเดียวก่อน มักถูกถามมากค่ะ เช่น หลังเรียนภาษาจบจะไปทำอะไรค่ะ และน้องควรรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ sponsor พอสมควร เช่น sponsor มีอาชีพอะไร มีรายรับเท่าไร ถ้า sponsorไม่ใช่พ่อแม่ มักโดนสัมภาษณ์นานนิดหนึงว่า แล้วพ่อแม่ทำอาชีพอะไร มีรายได้เท่าไร ทำไมไม่ sponsor เอง หรือ sponsor ที่น้องใช้มีความผูกพันกับน้องอย่างไรค่ะ ถ้าเป็นวีซ่านักท่องเที่ยว อาจถามแผนการไปเที่ยวมีที่ไหนบ้าง ไปกับใคร จะอยู่นานแค่ไหน เรามีเงินในบัญชีธนาคารเท่านี้ พอไหมที่จะไปเทียวค่ะ

  • hamew  On March 26, 2011 at 10:14 am

    ไม่ต้องรอแล้วหรอคะ คนส่วนมากแนะนำว่าให้ไปก่อน แต่ก็ดีค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่ได้ไม่ต้องยืนนาน อิอิ

    1.หนูสมัควีซ่า F-1 ค่ะ ไปเรียนภาษา แล้วจะต่อด้วยเรียนออกแบบตกแต่งภายในค่ะ
    2.ส่วนสปอนเซอร์เป็นคุณน้า คุณน้าทำงานฝ่ายบุคคลระหว่างประเทศค่ะ บริษัทอยู่ที่แคนนาดา เดินทางไปต่างประเทศบ่อยค่ะ ส่วนมาก แคนนาดา จีน ญี่ปุ่น (คุณน้าถ่ายพาสปอตร์การเดินทางมาให้ด้วยควรเอาไปไหมคะ) แต่จดหมายรับรองมีจากที่บริษัทที่ประเทศแคคนาดาที่เดียวค่ะ
    3.ส่วนที่บ้านเปิดบริษัทตกแต่งบ้านค่ะ มีชื่อหุ้นส่วนคือคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาว และหนูช่วยงานที่บ้านตั้งแต่เรียนจบ หนูเรียนออกแบบตกแต่งภายในค่ะ แต่คุณน้าจะส่งไปเรียนภาษา คุณน้าเข้ามาช่วนดูแลบริษัทค่ะ เรยส่งหนูเรียน

    ข้อมูลประมาณนี้พี่ว่าน่าจะผ่านไหมคะ ติดอีกนิดนึงคือว่าไม่มีสเตจเม้นแต่มีบุคตัวจริง ที่เงอนเข้าห่างกันประมาณ 5เดือน แล้วพึ่งมาเข้าเดือน2 ของปีนี้ หนึ่งล้าน แล้วก็ตอนนี้เหลือประมาณ หกแสนค่ะ เพราะคุณน้ามีหลายบัญชี บัญขีนี้เป็นเงินเก็บอ่ะค่ะ ส่วนบัญชีที่เดินประจำ หนูมีเป็นถ่ายเอกสารจากบุค ค่ะ

    • govisa  On March 26, 2011 at 9:16 pm

      ตอนยืนรอข้างนอกเพื่อจะเข้าไปในสถานทูตไม่ต้องยืนรอนานค่ะ แต่เมื่อเข้าไปในสถานทูตแล้ว เวลาที่น้องจะได้สัมภาษณ์ตอบไม่ได้ค่ะว่า ต้องรอนานไหม แต่น้องได้คิวเช้า ก็ไม่น่าต้องรอนาน น้องบางคนที่เคยได้คิวนัดประมาณ 9.00 น. ภายใน 10.00 น.น่าจะสอบสัมภาษณ์เสร็จได้ออกมา แต่น้องบอกมาว่าเขาต้องรอ 2 ชั่วโมงกว่าจะได้สัมภาษณ์ เพราะคิวช่วงเช้าวันนั้นแน่นมาก และกงสุลถามกันคนละนานๆ คิวเลยเขยื้อนเวลาออกไป ทำให้น้องคนนั้นต้องรอนานกว่าจะได้สัมภาษณ์ ที่เขียนมาให้อ่าน อย่าเพิ่งไปวิตกวิจารณ์ค่ะ เพียงแต่เกรงว่า ถ้าผู้ปกครองไม่ได้ขอวีซ่าด้วย และถ้าน้องอายุเกิน 18 แล้ว เขาไม่ให้ผู้ปกครองเข้าไปด้วย ให้ผู้ปกครองกับน้องตกลงกันว่า ผู้ปกครองจะรอที่ไหน จะได้ไม่เมื่อยขาค่ะ เช่น อาคารสินธรฝั่งตรงข้าม มีร้านขนม ร้านกาแฟ จะไปนั่งรอที่ตรงนั้นดีกว่าไหมค่ะ

      ส่วนเรื่อง sponsor สถานทูตจะขอดูจดหมายรับรองการทำงานจากบริษัทคุณน้าที่ระบุเงินเดือน ตำแหน่งงาน และวันแรกที่เข้าทำงานกับบริษัทแห่งนี้ค่ะ (ซึ่งน้องบอกว่ามีแล้ว) ส่วนที่บอกว่า เงินเข้าห่างกันประมาณ 5 เดือน ต้องดูยอดว่าที่เข้าห่างกัน 5 เดือน ว่ามีจำนวนเท่าไร อ่านดูเหมือนบัญชีที่จะนำไปแสดงมียอดเงินฝากที่ดูมากจริงๆ มีอยู่ประมาณ 3 ยอดใช่ไหมคะ คือ ยอดแรกกับยอดที่ 2 ห่างกัน 5 เดือน และยอดที่ 3 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาประมาณ 1 ล้านบาท ยอดก่อนหน้า 3 ยอดนี้ลักษณะการหมุนเวียนเงินเป็นอย่างไรคะ เป็นเลขหลักหมื่น หรือ แสน แล้วตอนนี้ที่บอกว่ามีเหลือ 6 แสน น้องไปเรียนภาษาที่ไหนคะ ถูกหรือแพง เวลาค้ำประกันไปเรียนต่อที่อเมริกา ผู้ปกครองควรมีเงินในบัญชีล้านบาทขึ้นไปค่ะ ยิ่งไปเมืองค่าครองชีพสูง ยิ่งควรแสดงฐานะการเงินที่ดูดีมากๆค่ะ ส่วนที่บอกว่า ถ่ายเอกสารจาก Book Bank เป็นไปได้ไหมคะ ถ้าจะขออนุญาตจากคุณอาหรือคุณน้า นำบัญชีตัวจริงไปแสดงค่ะ เพราะ Book ธนาคารตัวจริงมีการปลอมแปลงเอกสารได้ ดังนั้น การถ่ายสำเนาเอกสารจะดูไม่น่าเชื่อถือ เท่ากับน้องเอาหลักฐานตัวจริงไปแสดงค่ะ และถ้าคุณน้ามี 2 บัญชี ให้เอาไปทั้ง 2 บัญชีค่ะ จะได้ดูตัวเลขมากหน่อย และควรตอบได้ด้วยว่า ตอนที่โอน 1 ล้านเข้ามา คุณน้าโอนเงินก้อนนั้นมาจากรายรับค่าอะไร เท่าที่เคยได้ยินน้องๆคนอื่นถูกสัมภาษณ์ คือ ถ้ามีเงินโอนก้อนใหญ่เข้ามา จะมีการถามว่าโอนมาจากแหล่งเงินตรงไหนค่ะ หรือเป็นค่าอะไร เป็นต้น

      ให้น้องเตรียมตอบคำถามเกี่ยวกับอาชีพและรายได้คุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ เพราะกงสุลของหลายๆประเทศทีเดียว รวมทั้งอเมริกาด้วย จะให้เครดิตคุณพ่อกับคุณแม่เป็น sponsor มาก่อนค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่จะมีความผูกพันกับลูกๆ และถือเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบน้องมากกว่าคนอื่น แม้ว่า จะบอกว่าคุณน้ายินดีจ่าย เท่าที่เคยมีประสบการณ์มา คือ กงสุลจะซักถามเกี่ยวกับ sponsor มากหน่อย ในกรณีถ้าน้องๆไม่ได้ให้คุณพ่อคุณแม่เป็น sponsor ค่ะ พี่แนะนำให้เอาใบทะเบียนการค้าที่มีชื่อหุ้นส่วนทั้งหมดไปด้วย และถ้าหากทำได้ ขอ book บัญชีเงินฝากุณพ่อ หรือคุณแม่ติดเข้าไปด้วย ถ้ากงสุลถามเกี่ยวกับเงินเก็บของทั้ง 2 ท่าน จะได้แสดงให้กงสุลดูว่า คุณพ่อคุณแม่ก็มี่รายได้ (ควรตอบได้ด้วยว่า ทั้ง 2 ท่านมีรายรับต่อเดือนประมาณเท่าไรถ้าถูกถามค่ะ) แต่เผอิญน้องอาจจะเป็นหลานรักของคุณน้าๆจึงอยากส่งไปเรียนภาษา เพื่อกลับมาช่วยงานบริษัทที่บ้านค่ะ

  • hamew  On March 26, 2011 at 10:21 am

    เขียนคุณอาบ้าง คุณน้าบ้าง (ปกติเรียกเรียกพี่น่ะค่ะเรียดจนชินปาก ) อ้อมีอีกเรื่องนึงค่ะ คือคุณอาจองคิวสัมภาษณ์ให้ แล้วจดหมายจากสถาณฑูตที่ให้เลื่อนการสัมภาษณ์เร็วขึ้น ส่งมาที่เมลคุณอา แล้วคุณอาส่งต่อมาให้ แล้วเวลาหนูปริ้น จนหมายจึงเป็นแบบฟอเวิดส่งมาจากคุณอาค่ะ แต่ด้านล่างจะมีชื่อหนูและข้อมูลหนูที่คุณอาส่งไปถึงสถาณฑูติน่ะค่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ

    • hamew  On March 26, 2011 at 8:18 pm

      อีเมลจากสถาณฑูติที่ให้เลื่อการสัมภาษณ์และหลักฐานยกเลิกการสัมภาษณ์อันเดิม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นคนดูใช่ไหมคะ คงไม่ซีเรียสรายละเอียดมากใช่ไหมคะ แค่มีไปครบก็พอ ไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างที่คิดหรือปล่าวรบกวนให้คำแนะนำด้วยนะคะ กังวลอยู่เล็กน้อย อีกอย่างวันจันทร์นี้จะสัมภาษณ์แล้ว ตื่นเตนมากค่ะ

      • govisa  On March 26, 2011 at 9:21 pm

        ถูกต้องค่ะ อย่ากังวลจุดนี้ ไปเตรียมตัวอธิบายเรื่องเกี่ยวกับ sponsor ว่าทำไมไม่ใช้พ่อแม่เป็น sponsor แต่กลับไปใช้คุณน้าแทนนะคะ

    • govisa  On March 26, 2011 at 9:19 pm

      ไม่เป็นไรค่ะ บอกเจ้าหน้าที่ไปตามความเป็นจริงว่า ให้คุณน้านัดให้ และคุณน้าไม่รู้อีเมล์น้อง คุณน้าจึงใช้อีเมล์คุณน้า ทำให้ทางสถานทูตส่งรายละเอียดการนัดไปที่อีเมล์คุณน้าค่ะ คุณน้าจึงเป็นคน forward mail ให้น้องค่ะ

  • korn  On March 26, 2011 at 8:50 pm

    เพื่อนๆโชคดีจังที่ได้จองคิวสัมภาษณ์แล้ว ผมยังไม่ได้เร้ย !!!

    • govisa  On March 26, 2011 at 9:27 pm

      น้องขอวีซ่าประเภทไหนคะ ถ้าเป็นวีซ่านักเรียน F-1 คิดว่า น้องไม่ต้องรอนานนักค่ะ ถ้าตอนนี้ยังไม่เปิดให้จองสัมภาษณ์ ให้น้องหมั่นคลิกเข้าไปดูหน้าปฏิทิน ถ้าเห็นวันที่สีเขียว ให้น้องรีบจองนัดเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นวีซ่าประเภท B-2 นักท่องเที่ยวอาจต้องรอนิดหนึ่ง เพราะสถานทูตเพิ่งเปิดให้จองเมื่อวันศุกร์เย็นที่ผ่านมาค่ะ

  • korn  On March 26, 2011 at 9:31 pm

    เรียนพี่ govisa ประเภทท่องเที่ยวค่ะ สมัครไปตั้งแต่ 8 มีค 54 ค่ะ ใช้เวลานั่งเฝ้าและ refesh ติดต่อกันนาน 1 ชม. ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยค่ะ

    • govisa  On March 26, 2011 at 10:38 pm

      พี่ให้กำลังใจน้อง korn ค่ะ พี่เองเคยทำให้เพื่อน ต้องอดทนรอเป็นเดือนกว่าจะได้คิวนัดเหมือนกันค่ะ เพราะพี่ไม่มีเวลาว่างจะเข้าไปดูได้บ่อยๆค่ะ แต่เท่าที่อ่านจากหลายๆคนที่ post เข้ามาทราบว่า แต่ละคนต้องใช้เวลานั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ไปไหนกันคนละหลายๆวันอยู่ กว่าจะได้เห็นวันนัดสัมภาษณ์ที่มีสีเขียวค่ะ ให้กำลังใจน้องนะคะ สู้ๆค่ะ อดทนรอค่ะ คิวนัด B-2 นักท่องเที่ยวจะมีที่น้อยกว่าคิวนัด F-1 และ B-1 ค่ะ แต่ก็ต้องอดทนอย่างเดียวค่ะ เข้าใจและเห็นใจ เพราะเคยตกอยู่สภาพเดียวกับน้องค่ะ ^_^

  • hamew  On March 27, 2011 at 12:34 am

    มาอีกรอบค่ะ อ่อได้ข้อมูลจากคุณอาครบแล้วค่ะที่หนูปรึกษาเรื่องบัญชีคุณอาไป ที่จริงเค้าไม่ค่อยได้อัพบุค เพระใช้อินเตอร์เน็ตแบ้งกิ้งค่ะ แต่ความจริงมีเงินเข้าออกตลอดค่ะ คุณอาเรยปริ้นจากอินเตอร์เนตให้ได้แค่ 3 เดือนย้อนหลังค่ะ เพราะขอสเตจเม้นไม่สะดวกค่ะ ไกลบ้านมาก แล้วเงินเดือนคุณอาคือ 130000 บาท ค่ะ ตำแหน้ง ผจก ทรัพยาการบุคคลค่ะ มีจดหมายรับรองการทำงานจากประเทศแคนนาดาค่ะ อย่างน้อยก็ความจริงทั้งหมด วีซ่าหนูมีโอกาศผ่านไหมคะพี

    • govisa  On March 27, 2011 at 8:14 pm

      โดยปกติถ้ากงสุลจะขอดูสมุดบัญชีเงินฝากกงสุลจะดูการหมุนเวียนของเงินตลอดระยะเวลาประมาณ6เดือนย้อนหลังค่ะ พี่ขออนุญาตแนะนำนิดหนึ่งว่า อย่าตอบกงสุลว่าขอstatement ไม่สะดวกเพราะอยู่ไกลค่ะ โดยหน้าที่และกฎระเบียบการขอวีซ่าผู้ยื่นขอวีซ่าควรเตรียมเอกสารตามที่ประเทศที่ต้องการเดินทางไปต้องการค่ะ ถึงจะอยู่ไกลเราอาจต้องวางแผนการขอล่วงหน้านานๆค่ะ พี่เอาใจช่วยให้น้องตอบคำถามวีซ่าวันจันทร์นี้ได้ทุกคำถามและได้มีโอกาสเดินทางเข้าไปเที่ยวในสหรัฐอเมริกาค่ะ อย่าลืมเตรียมเอกสารของคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยเท่าที่พอจะหาได้ เพราะน้องอาจจะถูกถามเกี่ยวกับท่าน ดังที่ได้เขียนตอบไปก่อนหน้านี้แล้วค่ะ ท่านคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบน้องก่อนคุณอาค่ะ การมีเงินเดือนประจำมากๆกับความผูกพันที่ใกล้ชิดในฐานะพ่อแม่ลูกถึงแม้จะมีรายรับไม่ถึงแสน พี่คิดว่ากงสุลให้น้ำหนักอย่างหลังมากกว่าค่ะว่า น้องมีความผูกพันทางสังคม เศรษฐกิจวัฒนธรรมและครอบครัวกับคนที่อยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกาจริงๆค่ะ โชคดีค่ะ

      • hamew  On March 29, 2011 at 12:38 am

        วีซ่าผ่านแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากมากค่ะ เตรียมตัวและเอกสารไปเยอะมาก แต่สุดท้ายไม่ได้ใช้อะไรเรยค่ะ ไม่ว่าจะเนเอกสารของสปอนเซอร์หรือทะเบียนการค้า สัมภาษณ์ประมาณ 1 นาทีค่ะ ถามไม่เยอะ ก็ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ

  • Woody  On March 28, 2011 at 11:13 pm

    ดีคับผมมีเรื่องรบกวนนิดหน่อยคับพอดีผมกรอกข้อมมูลในDS-160เสร็จเรียบร้อยเเล้วกำลังรอจองวันอยู่(ซึ่งรอเป็นอาทิตย์แล้ว)ผมว่าผมระมัดระวังในการกรอกข้อมูลแล้วคับเเต่มีจุดๆนึงคือเรื่องชื่อ-วันเกิดพ่อแม่คับ ของพ่อไม่มีปัญหาอะเพราะท่านเลี้ยงผมมาเเต่ของแม่รู้เเต่ชื่อคับวันเกิดท่านผมไม่รู้(เพราะท่านเเยกกับพ่อผมตั้งเเต่ผม3ขวบ)พ่อก็จำไม่ได้จำเป็นมากไหมที่ต้องแก้ไขเพราะกลัวว่าถ้าจองวันได้เเล้ว(สมมติ)กลัววันไปสัมภาษณ์จริงเค้าจะไม่ให้ผ่านอ่ะคับข้อมูลส่วนอื่นผมว่าโอเคนะคับเเต่เเค่ตรงนี้ที่เดียวที่กลัว รบกวนช่วยตอบด้วยครับ อืมผมลืมบอกไปผมขอไปเที่ยวเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องที่อเมริกา20วันคับ(ใช้ลาพักร้อนไป)ผมทำงานเเบงค์เงินเดือนประมาณ20000+ทำมา2-3ปีเเล้วมีบัญชีเสตจเม้น อยู่ประมาน300000 เเต่เเอบถอนไปบ้างเล้กน้อย(หมุนเวียนประมาน6เดือน)มีโอกาศผ่านไหมคับ เเล้วถ้าจะดูช่วงว่างต้องดูเฉพาะเวลาทำการหรือป่าวหรือสามารถดูได้ 24 ชม.เลยคับ ขอบคุนล่วงหน้าคับ

    • govisa  On March 29, 2011 at 1:13 am

      ขอตอบน้อง Woody นะคะ
      1. คำถามเกี่ยวกับวันเกิดพ่อแม่ ถ้าไม่ทราบเขามีช่องให้คลิกว่า do not know นี่คะ ถ้ากงสุลถามก็บอกว่าคุณพ่อคุณแม่หย่าตั้งแต่ปีค.ศ.อะไร หรือตั้งแต่น้องยังไม่รู้ความก็ได้ค่ะ
      2. ส่วนเงินในบัญชี 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าไปเที่ยวที่ไหนบ้าง และไปพักโรงแรม หรือไปพักบ้านลูกพี่ลูกน้อง เพราะน้องไปนาน 20 วันค่ะ ถ้ารบกวนให้ลูกพี่ลูกน้องเขียนจดหมาย confirm ว่า น้องจะไปพักที่บ้านเขาตลอด 20 วันด้วยจะได้ไหมคะ จะได้ save ค่าที่พัก+ค่าอาหาร เพราะมีลูกพี่ลูกน้องช่วยตรงประเด็นนี้อยู่ค่ะ ดังนั้นจึงน่าจะเตรียมตัวตอบคำถาม ประเภทแผนการเดินทางไปเที่ยวว่าเป็นอย่างไร เช่นลูกพี่ลูกน้องขับรถพาไปเที่ยว และไปไหนกันบ้าง เป็นต้นค่ะ ถ้าดูสถานะของตัวน้องทางสังคมว่ามีงานทำมั่นคง มีเงินเดือนประจำ และมีเงินเก็บพอสมควร น่าจะผ่านวีซ่าค่ะ
      3. ส่วนวันนัดสัมภาษณ์ ถ้านัดทางอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าไปเช็คออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าน้องว่างและสะดวกที่จะเช็คค่ะ ว่าแต่ว่า น้องจะมีเวลาเข้าไปเช็คได้ตลอดหรือเปล่า เพราะน้องต้องทำงานะนาคารด้วยค่ะ และอินเทอร์เน็ตในที่ทำงานเร็วหรือช้าคะ ถ้าไม่สะดวกลองเช็คกับกับโทรศัพท์ประเภท Smartphone ทั้งหลายดูก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นนัดสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จะมีเวลานัดเหมือนเราเข้าทำงาน คือ ตามเวลา office hour ค่ะ มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ด้วยค่ะ

  • Woody  On March 29, 2011 at 3:04 am

    ขอบคุณมากๆคับพี่ ตอบเร็วได้ใจจิงๆ ผมเข้าไปอ่านเว็บไหนก็ไม่กระจ่างเท่าเพจนี้เลยคับเป็นประโยชน์เพื่อทุกๆคนจิง ซึ่งในขณะนี้ผมยังกดอยู่เลย(ตั้งเเต่07.00-จนบัดนี้)เผลอพลาดไปตอน20.40ที่เค้าได้กัน เพราะผมพักทานเข้า+ปวดตา เปิดอีกทีก็ไม่มีเเล้ว พอดีทุกอย่างมันเร่งรีบมากคับอยากให้ได้ก่อนวันที่1-20 พค.คับ(เพราะไม่งั้นต้องเดินเอกสารของที่ทำงานใหม่งานงอกเลยที่นี้)พรุ่งนี้หยุดอีกวันคงเต็มที่คับ มีเทคนิคดีๆบอกหน่อยไหมคับจะได้ไม่ต้องมานั่งเฝ้าทั้งวันเเบบนี้ปวดตามากๆคับขอบคุณคับ ^_^

    • govisa  On March 29, 2011 at 6:12 am

      พี่เฝ้ารอหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เดือนกว่าตอนทำให้เพื่อน เพราะไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอคอมค่ะ บอกได้คำเดียวว่าคิวเดือนพฤษภาคมเต็มแล้วค่ะ เพราะตอนที่จองให้เพื่อนจองได้ปลายเดือนพฤษภาคมค่ะ คงต้องรอเขาเปิดอีกครั้งว่าจะมีใคร cancel และอาจจะมีเปิด slot ใหม่ในเดือนมิถุนายน หรืออาจจะเป็นเมษาหรือพฤษภาในช่องวันที่สีฟ้าก้ได้ค่ะ เพราะเพื่อนเคยเจอตอนช่วงมีนาคมที่ดูเหมือนเต็มหมด เมษาก็เต็มเหลือแค่ 2 วันปลายเดือน แต่อยู่ๆมีวันที่สีเขียวเปิดขึ้นมาให้จองในวันที่ 24 มีนาคม เขาคลิกเข้าไปดูตอน 9.45 นวันอาทิตย์ค่ะ ได้ไปสัมภาษณ์ผ่านเรียบร้อยไปแล้ว เท่าที่สังเกต คิววันที่สีเขียวชอบปล่อยออกมา ตอนเวลาที่เรายังเดินทางไปไม่ถึงที่ทำงาน เช่นเช้าๆ หรือใกล้เวลาที่เราเลิกงานกัน อาจจะเป็น4โมงเย็นกว่า บางทีก็เป็นแถววันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือหยุดนักขัตฤกษ์ เช่นมีคนจองได้ตอนวันหยุดวันมาฆบูชาตอนสายๆหน่อย แต่น้องบางคนเขาก็เขียนมาเล่าว่า เฝ้ากันเช้า-เย็นติดต่อกัน 3 – 5 วันจึงจะได้ค่ะ

  • นัน  On March 29, 2011 at 5:21 pm

    รบกวนถามหน่อยคะ อ่านคำแนะนำหลายที่แล้ว มีคำถามดังนี้คะ
    ต้องการขอ visa ท่องเที่ยว สำหรับ 3 คน
    1. พ่อ, 2. ลูก 1 คน (นามสกุลเดียวกับพ่อ) , 3. แฟนใหม่พ่อ (ไม่ได้จดทะเบียน)
    รวมมี 2 นามสกุล

    คำถาม 1. ซื้อ 1 pin สามารถใช้นัด สัมภาษณ์ 3 คน ได้หรือไม่
    คำถาม 2. ช่วยเรียงลำดับ การขอ วีซ่า หน่อยคะ (1. ซื้อ pin ที่ไปรษณีย์ 2. กรอก DS160 3.print form 4. ชำระค่า visa ที่ไปรษณีย์ 5.เข้า web นัดสัมภาษณ์)
    ขั้ตอนเหล่านี้ ถูกต้องหรือไม่คะ ช่วยแนะนำด้วยคะ ขอบคุณคะ

    • govisa  On March 29, 2011 at 9:33 pm

      คุณพ่อจดทะเบียนหย่ากับภรรยาคนแรกที่มีลูกด้วยกันหรือเปล่าคะ ถ้ามีใบหย่าให้คุณพ่อนำใบหย่าไปด้วยในวันสัมภาษณ์ และบอกกงสุลว่ากับแฟนคนใหม่อยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้จดทะเบียนค่ะ หากเป็นกรณีดังกล่าวจะใช้Pin เดียวกันได้ค่ะ แต่ถ้าคุณพ่อยังมีใบสมรสอยู่กับภรรยาคนเดิม พี่คิดว่าแฟนใหม่น่าจะทำนัดสัมภาษณ์แยกดีกว่าค่ะ ถ้าภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสต้องการให้คุณพ่อเป็นSponsor แฟนใหม่ก็จะมีปัญหาอีกได้ถ้าในตอนนัดสัมภาษณ์ไม่ได้ใช้ Pin นัดสัมภาษณ์เดียวกับคุณพ่อค่ะ รบกวนคุณนันถามคุณพ่อให้แน่ๆก่อนค่ะ เพราะนักธุรกิจสมัยใหม่บางคนจะไม่จดทะเบียนสมรส เพราะเกรงว่า ถ้าธุรกิจมีปัญหา สมบัติของภรรยาจะต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วยค่ะ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติถ้าจะไม่มีทะเบียนสมรสค่ะ อนึ่ง กรณีใช้Pin เดียวกันทั้ง 3คน ให้นำอัลบั้มรูปถ่าย เช่น อาจจะเป็นภาพงานเลี้ยงแต่งงานหรือ ภาพที่ถ่ายเป็นครอบครัวไปไหนมาไหนด้วยกัน ติดไปด้วยในวันสอบาัมภาษณ์ค่ะ
      ขั้นตอนการกรอกฟอร์มวีซ่าตามที่คุณนันเขียนมาก็ใช้ได้ค่ะ แต่Pinนัดสัมภาษณ์กับจ่ายค้าธรรมเนียมวีซ่าทำที่ไปรษณีย์วันเดียวกันไปเลยก็ได้ เพราะพี่ไม่ทราบว่า ไปรษณีย์อยู่ไกลบ้านน้องหรือเปล่าค่ะ ไหนๆไปธุระที่ไปรษณีย์ก็ซื้อทั้งPin นัดสัมภาษณ์ และค่าธรรมเนียมวีซ่าไปเลยก็ได้ค่ะ หลังจากนั้นกรอกDS 160 กรอกเสร็จ สั่ง Print ออกมา และเข้าเว็บไซด์นัดสัมภาษณ์ เพื่อจองวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ พี่อยากถามคุณนันด้วยว่าคุณนันมีบัตรดครดิตไหมคะ เพราะการซื้อ Pin นัดสัมภาษณ์อาจซื้อโดยการตัดเงินจากบัตรเครดิตก็ได้ค่ะ ข้อดีของการตัดเงินผ่านบัตรเครดิต คือ นัดได้เลย ต่างจากซื้อ Pin ที่ไปรษณีย์ ต้องรอหลังบ่ายโมงวันรุ่งขึ้นจึงจะทำการนัดสัมภาษณ์ได้ค่ะ

  • korn  On March 30, 2011 at 9:53 am

    สวัสดีครับ รบกวนเรื่องการนัดสัมภาษณ์ (ตอนนี้คิวยังไม่ได้)ไม่ทราบว่าถ้าเลยกำหนด pin 90วันแล้ว (กรณีเราไม่ได้คิวนัดซะที)เราจะต้องซื้อ pin ใหม่ใช่ไหมครับ แต่ค่า visa ที่เราเสียไปแล้วสามารถเก็บใบเสร็จไว้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าเราจะได้สัมภาษณ์ใช่ไหมครับ

    • govisa  On March 30, 2011 at 8:15 pm

      ถ้าน้องยังนัดสัมภาษณ์วีซ่าไม่ได้ภายใน 90 วัน น้องต้องซื้อ Pin ใหม่ค่ะ แต่จากประสบการณ์ยังไม่เห็นใครพบสถานการณ์นั้นนะค่ะ เพราะมันเป็นอะไรที่โหดร้ายมากที่ยังจองไม่ได้ภายใน 90 วันค่ะ ถ้าน้องกรณ์ไม่คิดมาก ส่ง username กับ password มาให้พี่ทางอีเมล์พี่ไหมคะ ถ้าพี่พอมีเวลา จะเข้าไปช่วยคลิกดูวันให้อีกคนหนึ่งค่ะ แต่ต้องบอกก่อนว่า อย่าหวังมากนะคะ เพราะน้องอาจจะคลิกได้ก่อนพี่ก็เป็นได้ค่ะ ใจเย็นๆนะคะ

      • korn  On March 30, 2011 at 8:37 pm

        เรียนพี่ govisa ผมขอบคุณพี่มากครับสำหรับคำแนะนำ อย่างไรก็ตามจากนี้ไปผมก็คงจะต้องพยายามต่อไปครับ (นี่ก็ครบ 1 เดือนแล้ว)ครับ

      • govisa  On March 31, 2011 at 5:34 am

        ด้วยความยินดีค่ะ น้อง Korn

  • puiirilee  On March 30, 2011 at 11:39 am

    สวัสดีค่ะ…

    พอดีว่ารอวันสัมภาษณ์อยู่ คือทำทุกอย่างหมดแล้วค่ะ ปริ๊นท์ใบ confirmation ออกมาแล้วด้วยค่ะ
    แต่ว่าเกิดอยากจะเปลี่ยนรูป ไม่ทราบว่าสามารถกดเข้าไปเปลี่ยนได้ไหมคะ พอดีเห็นว่ามี last date for editing อยู่ค่ะ หรือว่าไปให้เจ้าหน้าที่ที่สถานฑูตเปลี่ยนให้ดีกว่ากันคะ
    ..คือไม่กล้ากดเข้าไป กลัวมีผลกับวันสัมภาษณ์ที่จองไว้แล้วค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ 🙂

    • govisa  On March 30, 2011 at 9:00 pm

      วลีที่ว่า last date for editing น้องหมายถึงใบนัดสัมภาษณ์ที่น้อง confirm แล้วสั่ง print ออกมาใช่ไหมคะ ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาหมายถึงวันสุดท้ายในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ

      ส่วนรูปถ่าย ถ้าจะเข้าไปแก้ไข ต้องเข้าๆไปที่ website กรอกฟอร์ม DS 160 แต่พี่เกรงว่า 1. หมายเลข confirmation number อาจเปลี่ยนไปได้ 2. เมื่อคลิก upload previous application อาจจะได้หน้าที่บอกให้น้อง print confirmation number โดยน้องอาจจะไม่สามารถคลิกหน้า review Application form ได้ น้องอาจลองทำวิธีที่2ดูก็ได้ค่ะ แต่ต้องสังเกตด้วยหมายเลข application identification ว่าตรงกันกับ confirmation number ที่น้อง confirm ในใบนัดสัมภาษณ์ไหม ถ้าไม่ใช่อย่าแก้ไขเลยค่ะ เพราะหมายเลขจะไม่ตรงกัน ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปสัมภาษณ์ เพราะหมายเลขไม่ตรงกัน ก็อาจจะเสียเวลาต้องมานัดสัมภาษณ์ใหม่ค่ะ

      ลองเอารูปเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ด้วย และถามเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารว่า จะขอเปลี่ยนรูปใหม่ได้ไหมนะคะ

  • Aohh jaa  On March 30, 2011 at 12:39 pm

    สวัสดีค่ะ สอบถามพี่หน่อยค่ะ
    1.เอกสารที่ต้องใช้ยื่นในวันนัดสัมภาษณ์ต้องมีอะไรบ้างคะ นอกเหนือจากที่บอกข้างต้น 8 ข้อ (นักเรียน F-1) แต่ตอนนี้เรียนอยู่ ซึ่งจะไปเรียนที่อเมริกาแค่ช่วง ปิดเทอม และจะ ดรอปการเรียนของเทอมแรกนี้(เพราะกลับมาเรียนไม่ทัน ได้วันนัดเลื่อนไปไกล)
    ต้องมีใบที่จะ ดรอป และ ใบกำลังเรียนอยู่ หรือใบอะไรที่ตจ้องให้สถาบันออกป่าวคะ

    • govisa  On March 30, 2011 at 8:36 pm

      @Nong Aohh jaa ถ้าน้องจะไปเรียนภาษาช่วงปิดเทอม ให้น้องขอจดหมายรับรองความเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่น้องกำลังเรียนอยู่ และ Transcript ไปในวันสัมภาษณ์วีซ่าด้วยค่ะ นอกเหนือไปจากจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครอง book บัญชีตัวจริง I-20 ฟอร์ม DS 160 หนังสือเดินทางของตัวน้องเอง ใบเสร็จค่า Sevis I-901 ค่าธรรมเนียมวีซ่า 4200 บาทเศษโดยประมาณ หนังสือแสดงหลักฐานการทำงานของ Sponsor เช่นเป็นเจ้าของธุรกิจ นำใบทะเบียนการค้าไป แต่ถ้าไม่ใช่ เป็นลูกจ้าง ให้นำจดหมายรับรองการทำงานของ Sponsor ไปด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น พี่ขอแจ้งนิดหนึ่งว่า กงสุลอาจขอดูหรือไม่ขอดูเอกสารทั้งหมดที่กล่าวมาก็ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่เตรียมไป พี่เกรงว่า ถ้ากงสุลถาม หรือขอดูแล้วน้องไม่มี น้องจะยิ่งตกประหม่ามากขึ้นค่ะ เหมือนอย่างที่น้องหลายคน post. ไว้นะคะ พยายามพูดเสียงดังฟังชัด มีแผนการไปเรียนชัดเจน เรียนจบแล้วต้องกลับมาเรียนชั้นปีอะไรที่เมืองไทย ชี้แจงกงสุลท่านไปถ้าท่านถามค่ะ เรื่องรายรับ ที่มาของรายได้ของ Sponsor ต้องพอรู้บ้างจะได้ตอบคำถามได้ค่ะ และอย่าลืมมองสบตาท่านกงสุลบ้างอย่าเอาแต่ก้มหน้า เพราะการก้มหน้าไม่ได้แปลว่า เป็นคนเรียบร้อยเคารพผู้ใหญ่แบบไทยๆ แต่มันซ่อนนัยว่า มีอะไรปกปิดไว้หรือเปล่าค่ะ โชคดีนะคะ ได้หรือไม่ได้ หรือ ได้คำถามแบบไหน เขียนมาเล่ากันบ้างนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • คุณขวด  On March 31, 2011 at 5:13 pm

    สวัสดีคะ มีเรื่องจะสอบถามและขอคำแนะนำคะ คือว่าจะยื่นขอวีซ่าอเมริกา ประเภทท่องเที่ยว B2 แต่มีขอกังวลใจทำให้กลัวว่าหากยื่นไปแล้วไม่ผ่าน รายละเอียดมีอยู่ว่า ปัจจุบันไม่ได้ทำงานแล้ว มีอาชีพเป็นแม่บ้าน (เพิ่งจะแต่งงานเมื่อปี 2010 สามีรับราชการทหาร) จดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นลืมบอกไปว่า ก่อนหน้านี้ทำงานมาตลอด ทำงานมาทั้งหมด 2 ที่ ที่ล่าสุดงานที่ทำเป็นบริษัทของ USA ด้วย นาน 4 ปี เกือบ 5 ปี สาเหตุที่ลาออก เบื่องานที่ทำอยู่ และที่สำคัญ คือ จะแต่งงาน เลยตัดสินใจลาออก ลาออกมาได้จะครบ 1 ปีแล้วคะสิ้น เมย.นี้ พอดีว่าช่วงนี้ยังไม่ได้หางานใหม่ทำ คิดว่าจะพาพ่อกับแม่ไปเยี่ยมน้องสาว(แท้ๆ)และเยี่ยมหลานซึ่งอยู่ที่ LAคะ ก่อนที่จะกลับมาหางานทำใหม่ ซึ่งพ่อกับแม่ที่จะไปด้วยในครั้งนี้ท่านมีวีซ่าอยู่แล้ว ได้คนละ 10 ปี และเคยไปมาแล้ว 2 ครั้ง แต่สำหรับตัวเองยังไม่เคยไป USA เลย เคยไปตปท.มาแค่ครั้งเดียวคือ ออสเตรเลีย เมื่อ พค.2009 (ซึ่งตอนนั้นอยู่ระหว่างทำงาน ไปเที่ยวมา 1 อาทิตย์) ถ้าในการยื่นขอวีซ่าครั้งนี้ จะยื่นขอเฉพาะของตัวเองคนเดียว โดยใช้ Bank Stm. บัญชีออมทรัพย์ของตัวเอง มียอดประมาณ 250,000.- และจะระบุใน ds 160 ว่าเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางเอง แต่จะให้น้องสาวทำจดหมายเชิญมาว่าระหว่างที่พักอยู่ที่โน้น ได้พักกับน้องกินอยู่กับน้อง น้องสาวได้กรีนการ์ดแล้ว (เท่ากับว่าเราออกเองเฉพาะค่าตั๋วไปกลับและซื้อของ) และจะยื่นทะเบียนสมรส สำเนาบัตรข้าราชการของสามี และจะยื่นหนังสือการผ่านงานจากที่ทำงานล่าสุดไปด้วย ปัจจุบันยังไม่มีลูก และบ้านที่พักอยู่ตามทะเบียนบ้านมีตัวเองเป็นเจ้าบ้าน ไม่ทราบว่าควรจะเพิ่มเติมเอกสารอะไรอีกบ้าง ตอนนี้ได้ทดลองกรอก ds 160 แล้ว และยังสงสัยตรงข้อมูลการทำงาน/การศึกษา/การอบรม ซึ่งพอเราระบุว่า สถานะ : not employed ไม่สามารถใส่ข้อมูลการทำงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดว่าตรงนี้เจ้าหน้าที่ที่พิจารณาข้อมูลเราตัดสินใจไม่ให้วีซ่าได้ง่ายๆ โดยไม่ได้เห็นประวัติการทำงานที่ผ่านมาเลย และไม่มีให้กรอกประวัติการศึกษาด้วย จะต้องทำอย่างไร ช่วยแนะนำด้วยคะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

    • govisa  On March 31, 2011 at 9:10 pm

      @น้อง kjutha เอกสารที่น้องควรเตรียมเพิ่ม คือ
      1. จดหมายรับรองการทำงานของสามีที่ระบุตำแหน่งงาน เงินเดือน วันแรกที่เข้าทำงาน
      2. บัญชีเงินฝากสามี(ถ้ามี)
      3. จดหมายเชิญจากน้องสาวที่อยู่ที่อเมริกา
      4. ถ้าน้องมีหลักทรัพย์อื่น นอกเหนือไปจากบัญชีเงินฝากในธนาคาร เช่น ที่ดิน หุ้น ให้นำหลักฐานไปด้วยเผื่อเขาเห็นว่า น้องมีทรัพย์สินอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา
      5. รายละเอียดการจองตั๋วเครื่องบินที่มีชื่อพ่อแม่ว่าไปด้วยกันกับน้องๆไม่ได้ไปคนเดียว
      6. เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับน้องสาวที่อยูที่อเมริกาคือน้องต้องตอบคำถามได้ว่า น้องสาวมีอาชีพอะไร เข้าไปอยู่ในอเมริกานานมากน้อยแค่ไหน ได้กรีนการ์ดเพราะการสมรสใช่ไหม ที่ให้เตรียมหาข้อมูล เพราะบางคนจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่บ้านเลย พอได้คำถามมาอาจชะงักตอบไม่ได่ก็มีค่ะ
      7. พอรู้บ้างว่า ที่จะไป 3 อาทิตย์นั้น จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ถ้ามีรายละเอียดการเดินทางคล้ายที่พวกทัวร์ทำก็ดูดีค่ะ
      8. ถ้ากรณีมีเงินในบัญชีเป็นบุ๊คเล่มเดียว เตรียมคิดหาคำตอบไว้ด้วยว่า ถ้าใช้เงินไปเที่ยวหมด แล้วยังไม่มีงานทำ หลังจากนั้น จะหาเงินมาจากที่ใดด้วยค่ะ หรือจะกลับมาเมืองไทยมาหางานทำค่ะ
      9. กรณีกรอกว่า unemployed จะไม่มีที่ทำงานให้น้องกรอก ส่วนที่เรียนจะถามต่อเมื่อ คนๆนั้นขอวีซ่าไปเรียนค่ะ ดังนั้น หลักฐานการทำงานจากที่ทำงานเก่าของน้อง(ถ้ามี) ให้นำไปด้วย และถ้าถูกถามว่า แล้วทำไม่ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน น้องอย่าตอบว่า เบื่อ ดูไม่ดี น้องอาจจะบอกว่า งานที่ทำไม่ตรงกับความชำนาญที่มี หรือ น้องจะขอพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวก่อน แล้วจึงจะกลับมาหางานใหม่ทำค่ะ
      ถ้าไปขอวีซ่าแล้ว ส่งข่าวกันบ้างค่ะ

  • คุณขวด  On March 31, 2011 at 5:19 pm

    ลืมแจ้งไปว่าจะไปประมาณ 3 อาทิตย์ คะ

  • Woody  On April 1, 2011 at 12:44 am

    กลับมาเเล้วคับพี่ ในที่สุดผมก็จองวันได้แล้วหลังจากใช้ความพยายามเกือบ 2อาทิตย์ กลับมาจากทำงานประมาณบ่าย3กว่าๆเข้ามาออนตามปกติ แปปเดียวเองครับเห็นวันว่างตั้ง 4วันเลย ผมเลยกดไป วันที่ 12 เมษาคับ ดีใจสุดๆตอนนี้เหลือเรื่องเตรียมเอกสารคับ ช่วยลิสให้ผมหน่อยจะต้องเตรียมไรไปบ้างจะได้เอาไปครบ ของผมเเบบB1-B2นะคับ เเล้วผมจะสัมภาษณ์ภาษาอะไรดีคับเอาจากประสบการณืที่พี่ได้ยินมาอันไหนผ่านง่ายกว่ากันคับ ขอบคุนล่วงหน้าคับ ^_^

    • govisa  On April 1, 2011 at 5:11 am

      น้อง Woody ขอแบบ B1-B2 ตอนเลือกประเภทในเว็บไซต์วันนัดสัมภาษณ์ น้องเลือก B2 ประเภทนักท่องเที่ยวหรือ B-1 ประเภทนักธุรกิจคะ เพราะถ้าเป็นนักธุรกิจควรมีจดหมายเชิญปประชุมหรือดูงานด้วย แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวจะไม่ต้องมีจดหมายนี้ค่ะ ส่วนเอกสารอื่นๆใช้คล้ายกัน คือ1. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของตัวน้องเอง,2. บัญชีตัวจริง เช่น Book Bank ,3.จดหมายรับรองการทำงานจากที่ทำงานของน้อง,4.แผนการเดินทางไปเที่ยว คล้ายบริษัททัวร์ทำ น้องไม่ต้องทำละเอียดแบบทัวร์ แต่อย่างน้อยน้องน่าจะมีข้อมูลคร่าวๆที่พอรู้บ้างว่าจะไปไหน ไปเที่ยวคนเดียว หรือไปกับเพื่อน ถ้ามีเพื่อนที่โน่น เพื่อนทำอะไรอยู่ที่อเมริกา ไปเที่ยวกี่วัน , 5. บางคนเขาก็เตรียมรายละเอียดเรื่องเที่ยวบินขาไปและขากลับด้วย สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่ 3 อย่างแรกมากที่สุดค่ะ โดยเฉพาะการเงินในธนคารจะสัมพันธ์กับจำนวนวันที่จะไปเที่ยวว่า จำนวนเงินที่แสดงเพียงพอที่จะไปเที่ยวไหม บางคนมีเงินไม่มาก จึงพยายามหาจดหมายเชิญจากเพื่อนหรือญาติที่ระบุว่า จะให้ไปพักด้วยแนบไปกับเอกสารอื่นๆด้วย เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระเรื่องค่าที่พักกับอาหารไปได้ส่วนหนึ่งค่ะ

      เท่าที่กล่าวมาทั้งหมด มิได้หมายความว่ากงสุลจะดูหลักฐานทั้งหมด เพียงแต่เตรียมหลักฐานไปให้มากที่สุดและดูดีที่สุด เมื่อกงสุลถามถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องใด เช่น ถามว่าจะไปพักกับใคร น้องอาจตอบว่าไปพักกับเพื่อน ถามว่าเพื่อนทำอะไร ก็ตอบอาชีพเพื่อนไป บางคน เพื่อนทำงานแล้ว ก็ต้องรู้ชื่อที่ทำงานเพื่อนบ้าง หรือบางคนอาจจะมีเพื่อนเขียนจดหมายมาชวนไปเที่ยวและไปพักด้วย ก็จะถือโอกาสหยิบจดหมายเพื่อนให้กงสุลดูได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรไปมากนัก เมื่อถูกถาม จะรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจว่า วีซ่าจะผ่านไหมนะคะ

      ดีใจด้วยที่ได้วันนัดเดือนเมษายนค่ะ ได้ยินคนพูดอยู่เหมือนกันว่า อาจจะมีการเปิดคิวนัดให้จองรอบเมษายนเพิ่มค่ะ คงเป็นจังหวะที่น้องกลับจากที่ทำงานวันนั้นและเปิดเข้าไปดูค่ะ นับเป็นโชคดีของน้องอย่างมากค่ะ เอาใจช่วยให้วีซ่าผ่าน แล้วเขียนมาเล่าเรื่องสัมภาษณ์บ้างนะคะ

  • Aohh jaa  On April 1, 2011 at 3:56 pm

    ขอบคุณพี่มากเลยค่ะ…

  • Supachan  On April 2, 2011 at 11:30 am

    สวัสดีครับพี่

    ผมเพิ่งเข้ามาดูเวปนี้ครั้งแรก ผมมีปัญหาคือ ยังไม่ได้กรอกSEVIS FEEอะครับ

    สิ่งที่ผมทำได้แล้วคือ DS-160,Appointment Schedule,Fee Payment for VISA

    หรือพูดง่ายๆคือ ขาดการทำ I-901 SEVISครับ

    ผมควรต้องทำตอนนี้ไหมครับ อีก5วันจะสัมภาษณ์แล้ววววว

    • Supachan  On April 2, 2011 at 1:02 pm

      อัพเดทใหม่ครับ ผมได้กรอก I-901แล้วครับ(เพิ่งกรอกวันนี้เองครับ 2/เมย./2011 จากนั้นชำระเงินด้วยบัตรเครดิตการ์ด และขอส่งแบบเร่งด่วน เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย ผมก็ปริ้นกระดาษออกมาสำหรับ SEVIS

      ผมขอคำแนะนำจากพี่ๆหน่อยครับว่า ก่อนไปสัมภาษณ์ที่สถานฑูต ในวันที่7 เมย. 2011

      ผมต้องรอI-901จากอเมริกาหรือป่าวครับ(หรือรอ I-797)

      หรือ เอกสารที่ผมปริ้นมา สามารถนำไปสัมภาษณ์ได้ไหมครับ?

      รบกวนหน่อยครับ จะขอบคุณมากๆครับ

      • govisa  On April 3, 2011 at 9:09 am

        @ น้อง Supachan อย่างที่พี่ได้ตอบไปแล้ว คือในวันสัมภาษณ์ น้องใช้ใบเสร็จที่น้อง Print ออกมาได้ค่ะ แต่วันเดินทางไปถึงสหรัฐอเมริกา ควรจะใช้ใบจริง ยกเว้นหายหรือส่งมาให้ไม่ทัน ก็ไปแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการบอกเหตุผลเขาไป แล้วให้เขาดูฉบับที่ print ออกมาค่ะ โชคดีนะคะ

    • govisa  On April 3, 2011 at 9:05 am

      กรอกฟอร์มเพื่อจ่ายเงินค่า Sevis I-901 แล้ว Print ใบเสร็จออกมา เพราะเอกสารที่ Print ออกมาจะต้องนำไปแสดงวันสัมภาษณ์ด้วยค่ะ ทีนี้ถ้าสถานที่ที่จะไปเรียนจะเป็นกลางเดือนเมษายน เวลากรอกฟอร์มจ่ายค่า SEvis I-901 ให้ยอมจ่าค่าส่งด่วนกลับ 35 $ ด้วยเพราะควรมีใบจริงไปให้ Immigration ดูเวลาตรวจคนเข้าเมืองที่สหรัฐอเมริกาขอดูค่ะ

      • Supachan  On April 3, 2011 at 11:20 am

        ขอบคุณครับพี่ ผมได้ทำตามที่พี่บอกแล้วครับ
        ผมขอถามพี่นิดนึงหน่อยครับ จะมีการเรียงลำดับเอกสารอะไรไหมครับ? ครบไหมครับ?
        ผมได้นัดสัมภาษณ์วันที่7 เม.ย. 54ครับ ผมมีเอกสารเรียบร้อยแล้วดังนี้

        1. Confirmation Number of DS-160 (ปริ้นหน้าที่มีบาร์โค้ด)
        2. Appointment Schedule (ปริ้นวันนัดหมาย)
        3. VISA fee (ใบเสร็จจ่ายเงินวีซ่า)
        4. I-20 Form จากมหาวิทยาลัย ถามเรื่องการเซ็นชื่อข้างล่าง เรื่อง”วันที่”เซ็นครับ ให้”เซ็นทันทีที่ได้รับI-20”หรือป่าวครับ หรือว่า ต้องไปเซ็นชื่อในวันสัมภาษณ์
        5. Transcript (ได้รับเมื่อเดือน มีนาคมนี้)
        6. Passport + รูปถ่าย2×2
        7. Bank Statement <<< ผมเป็นนร.ทุนกพ.ครับ ทางกพ.ทำเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยแล้วครับ
        8. SEVIS FEE ปริ้นอย่างเดียว ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแล้วครับ เพิ่งจะทำไปวัน ส.นี้วันที่2 เมย. 2554 ส่วนใบเสร็จยังไม่มาครับ (แบบเร่งด่วนอะครับ 35$)

        ปล.ผมต้องเดินทางไปลงทะเบียนเรียนก่อนภายในวันที่ 9 พค. 54 ครับ
        ขอบคุณครับ

      • govisa  On April 3, 2011 at 1:48 pm

        @น้อง Supachan
        ทีน้องเรียงมาใช้ได้แล้วค่ะ ถ้าถามว่า ต้องเรียงเอกสารแบบเข้มงวดไหม ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ตรงทางเข้า( กรณีสายๆคนเยอะหน่อยนะคะ) เขาจะบอกให้ผู้ยื่นวีซ่าเตรียมถือใบ Confirmation Number ไว้ใบแรก ส่วนใบนัดเขาจะดูว่ามาตามวันเวลาที่นัดไว้ถูกต้องไหม และเขาจะมีกระดาษที่มี list ชื่อคนที่ต้องสัมภาษณ์วีซ่าในช่วงเวลานั้นๆไว้ ถ้าใครมาและเข้าไปแล้ว เขาก็จะติ๊กชื่อไว้ค่ะ พอเข้าประตูไป น้องก็ต้องฝากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ประมาณโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊คไว้ในกะบะในชื่อของน้อง และเขาจะให้บัตรที่มีหมายเลขกะบะน้อง เมื่อเสร็จสัมภาษณ์ ให้ยื่นกระดาษที่มีหมายเลขนั้นกับเจ้าหน้าที่ที่จุดเดิม เพื่อรับของๆน้องกลับคืนไปค่ะ

        ส่วนเอกสารที่น้องว่ามีนั้น ถูกต้องแล้วค่ะ เพียงแต่พี่มีข้อสงสัยข้อหนึ่ง ตรงที่น้องเขียนว่า น้องเป็นนักเรียนทุนกพ. น้องควรจะได้ DS 2019 มากกว่า I-20 และน้องควรขอวีซ่าประเภท J-1 แทนที่จะเป็น F-1 ไม่ใช่หรือคะ วันจันทร์ที่ 4 ลองเช็คกับกพ.ผู้ให้ทุนอีกทีดูดีไหมคะ

        น้องน่าจะได้ U ประเภทที่อยู่ใน ranking ตอบรับใช่ไหมคะ จึงต้องไปเรียนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมค่ะ และการที่น้องจะยื่นจดหมายจากกพ. เพื่อแสดงว่า กพ.เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ทางสถานทูตจะคิดอย่างเดียวกับที่พี่ถามน้องหรือเปล่า พี่คาดเดาไม่ได้ค่ะ พี่จึงอยากให้น้องเช็คกับเจ้าหน้าที่กพ.ดูด้วยค่ะ เพราะถ้ากงสุลมีคำถามคล้ายที่พี่ถามน้อง อย่างน้อยคำตอบจากกพ. น่าจะเป็นแนวทางให้น้องประเมินว่า น้องควรตอบกงสุลว่า อย่างไรค่ะ ได้ผลอย่างไร เขียนมาบอกกันบ้างนะคะ จะได้เป็นข้อมูลสำหรับน้องนักเรียนทุนคนต่อๆไปค่ะ

      • Supachan  On April 3, 2011 at 4:49 pm

        คือว่า ทางกพ.ที่อเมริกา เค้าติดต่อให้กับมหาลัยของผมอะครับ ชื่อมหาลัย University of Illinois at Chicago หรือ UIC

        ทางทีมงานกพ.ประจำที่อเมริกา ได้รับเอกสารจากมหาลัยUIC จึงส่งI-20มาให้ที่กพ. จากนั้นส่งมาอีกทีที่กพ.ประจำกทม. ผมก็มารับI-20ตามปกติ ดังนั้นผมจะไปลองเช็คให้อีกทีครับ เพราะUICส่งมาแค่I-20เฉยๆพร้อม หมายเลขSEVIS

        “น้องน่าจะได้ U ประเภทที่อยู่ใน ranking ตอบรับใช่ไหมคะ” ตรงนี้ผมสงสัยครับ ไม่รู้คำว่าRankingคืออะไรหรอครับ

        มหาลัยเปิดเทอมจริงวันที่20 พค. ครับ สิ่งที่ผมจะต้องไปลงทะเบียนหรือ รายงานตัวที่มหาลัยในวันที่9 พค.ครับ

        เรื่องค่าใช้จ่าย กพ.ได้ยื่นเอกสารให้ผมเรียบร้อยแล้วว่าเป็นนร.ทุนกพ. โดยกพ.ออกค่าใช้จ่ายให้ครับ ซึ้งเขียนอยู่ในกระดาษ1แผ่นพร้อมประทับตราของสนง.กพ.แล้วครับ

        ผมขอขอบคุณมากๆครับ วันจ.นี้จะไปหากพ.ให้ทราบครับ กลับมาจะแบ่งปันประสบการณ์ให้ครับ

      • govisa  On April 3, 2011 at 9:12 pm

        น้อง Supachan คะ จากประสบการณ์ที่พี่เคยรู้มา คือ ถ้าน้องสมัครไปเรียนเทอม Summer มหาวิทยาลัยจะเปิดประมารเดือนพฤาภาคม แต่ก็มีบางแห่งเปิดมิถุนายน ถ้าสมัครไปเรียนเทอม fall มหาวิทยาลัยจะเปิดเทอมประมาณเดือนสิงหาคม บ้างก็เปิดกันยายน อย่างไรก็ตาม มีมหาวิทยาลัยบางแห่งที่อยู่ในอันดับ (ที่คนทั่วไปเขาอาจจะใช้คำว่า top ranking ค่ะ) จำไม่ได้ว่าอันดับประมาณเท่าไรนะคะ (และอาจจะเป็นส่วนน้อยไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ทุกมหาวิทยาลัยก็ได้นะคะ) มีนโยบายให้นักศึกษาที่เขารับเข้าใหม่เพื่อเข้าเรียนเทอมสิงหาคม (Fall Term) ไปเรีิ่มชั้นเรียนตั้งแต่ช่วง summer คือ ประมาณเดือนพฤษภาคมค่ะ นั่นคือเหตุผลที่พี่เขียนไปตั้งข้อสังเกตน้อง เพราะเห็นว่า ตอนที่น้องเขียนมาเหมือนรีบ เหลือเวลา 5 วันจะสัมภาษณ์แล้ว เท่านั้นเองค่ะ

        พี่ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ ที่น้องจะเขียนมาอธิบายเรื่อง I-20 กับสถานภาพนักเรียนทุนกพ. ตามที่พี่แสดงความสงสัยไปค่ะ พี่เคยทราบจากคนรู้จักมาว่า นักเรียนบางคนของกพ.ที่ได้ F-1 ต้องไปเปลี่ยนเป็น J-1 ที่อเมริกา ลองถามเจ้าหน้าที่สำนักงานเขาดูอีกทีแล้วกันนะคะ กฎระเบียบต่างๆอาจเปลี่ยนไปตามเวลาที่เปลี่ยนไปก้ได้ค่ะ ในกรณีที่น้องเป็นนักเรียนทุนของกพ. สำนักงาน กพ.น่าจะเป็นผู้ให้คำตอบแก่น้องได้ถูกต้องค่ะ

      • Supachan  On April 4, 2011 at 10:35 pm

        สวัสดีครับพี่GOVISA

        F-1 นั้น ทางพี่ๆที่กพ.อเมริกากล่าวว่า ผมไปเรียนภาษาก่อน จากนั้น เมื่อได้เข้าป.โทตามRequirement เขาจะให้เปลี่ยนเป็น J-1ครับ

        เรื่องสัมภาษณ์ผมจะมาแบ่งปันนะครับ ช่วยเอาใจช่วยหน่อยคับ อิอิ

      • govisa  On April 5, 2011 at 5:19 am

        ขอบคุณนะคะที่เขียนมาค่ะ เดี๋ยวนี้กพ.ใจดีมากขึ้นที่อนุญาตให้นักเรียนทุนได้ไปเรียนภาษาก่อนได้ค่ะ ในอดีต นักเรียนทุนกพ.ที่อยากไปเรียนภาษาก่อนต้องจ่ายค่าเรียนภาษาเอง กพ.ไม่ออกเงินส่วนนี้ให้ค่ะ ขอโทษนะคะ น้องพอบอกได้ไหมคะว่า น้องไปเรียนต่อด้านอะไรคะ

        เมื่อไปถึงที่เรียนที่อเมริกา ถ้าน้อง Supachan พอมีเวลาและยังคิดถึงกันอยู่ เขียนมาบอกด้วยนะคะว่า การเปลี่ยนสถานภาพวีซ่าจาก F-1 เป็น J-1 นั้น มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง และต้องเสียค่า Sevis ใหม่ไหมค่ะ

      • Supachan  On April 7, 2011 at 1:11 pm

        สัมภาษณ์วีซ่าผ่านแล้วครับ ^_^
        1. รอคิว
        รอคิวยาวเหมือนกันนะ ผมได้นัดสัมภาษณ์ตามที่กำหนดคือ7:45 แต่มาถึง6:15 น. คนเยอะมาก ต่อคิวตั้งแต่หน้าEmbassy ถึง ใต้สะพานลอย
        2. จนท.สาวๆสวยๆมาคอยเช็คเอกสารต่างๆนานา
        ก็พวกเค้าจะตรวจก่อนเข้าEmbassyครับ ถ้าไม่ครบก็ต้องทำใจละครับ เพราะจนท.แนะนำยังไงก็ต้องทำตามไว้เลย จนท.จะเรียกคนที่สัมภาษณ์เป็นช่วงๆ ใครได้ตามรางสัมภาษณ์ก่อน จะได้เข้าคิวก่อนครับ เช่นต่อให่มาเช้าแค่ไหนแต่สัมภาษณ์9โมง ก็ต้องรอยาวเลยครับ เพราะจัดตามตารางมาก่อน
        3. เข้าไปตรวจร่างกาย
        ให้ปิดมือถือ เครื่องมือต่างๆเกี่ยวกับอิเล็คทรอนิกส์ เอาออกให้หมด ผมไม่รุ้ว่ามีFlash Driveอยู่ในกระเป๋า ก็เลยต้องเสียเวลารอคิวเข้าไปตรวจอีก ดังนั้น ต้องเอาออกให้หมด ไม่ว่าจะเปนสายหูฟัง เครื่องMP3ต่างๆก็ต้องฝากไว้กะจนท. Securityไว้ แถมอีกอย่าง เค้าจะให้แบบฟอร์มการส่งของทางไปรษณีย์ไทย ให้เรากรอกไว้ก่อนได้เลยครับ
        4. เข้าไปข้างในตามลูกศรกำหนดว่าจะไปทาง Non Immigration or immigration
        จะมีจนท.สาวๆอีกครั้งครับ เค้าจะจัดเอกสารใส่แฟ้มอีกครั้ง และรอเรียกหมายเลขครับ
        5. ถึงเวลาเรียก เข้าไปนั่งรอสัมภาษณ์
        ตรงนี้ต้องทำใจให้สงบๆก่อนนะคับ ผมยืนสมาธิเงียบๆ แต่ใจผมมันสูบฉีดไม่หยุดเลย ไปข้างในเจอ กงสุลหลายๆBlock จะมีกระจกกั้นไว้ ให้สนทนาซึ่งกันและกัน
        6. เข้าไปหากงสุลระดับ1
        ตรงนี้ทางกงสุลจะตรวจเอกสารต่างๆ และเค้าจะเรียงเองจะถามว่า
        – เอกสารคุณกรอกเองไหม?
        – เคยไปอเมริกาหรือป่าว
        – เรียนกี่ปี (สำหรับผม ตอบตามI-20ก่อนครับ)
        – มีญาติอยู่อเมริกาไหม?
        – คุณพูดอังกฤษได้ไหม? (ผมพูดอังกฤษได้ครับจะไปเร็วกว่า ถ้าเลือกภาษาไทย จะรอคิวยาวเลย)
        จากนั้น เค้าจะให้บัตรคิว+หนังสือการร้องเรียนอะไรสักอย่าง เค้าให้เรานั่งรอสัมภาษณ์กับกงสุลอีกครั้ง
        7. เมื่อถึงนัดหมายแล้ว
        ตรงนี้คือด่านสุดท้ายครับ เค้าจะพูดเปนอังกฤษส่วนมาก ไทยน้อย
        เข้าไป กล่าวสวัสดีครับแบบไทยๆ เค้าถามต่อว่า (ถามเยอะมาก เค้าจะพูดช้าๆ ชัดเจนดีครับ ^__^)
        – ไปทำอะไรที่อเมริกา
        – ไปเรียนกี่ปี
        – เปน นร.ทุนหรือป่าว
        – ชื่อมหาลัยอะไร?
        – มีครอบครัวที่อเมริกาไหม?
        – กลับมาทำอะไร?
        – เรียนด้านไหน?
        – คุณทำงานอะไรอยู่ (ผมตอบไปเลยว่า ผมว่างงานครับ เพราะลาออก จึงมีใบผ่านงานแนบด้วยครับ)

        เค้าก็ตอบว่า OK! I accept you for VISA. It will send you next week.

        ผมหน้าบานเลยครับ ยิ้มใหญ่ ตอบไปว่า Thank you very much for helping and supporting me.

        เค้าก็ส่งแบบฟอร์มสีฟ้า (แบบฟอร์มที่ส่งไปรษณีย์ที่ได้จากSecurityตอนแรก) เค้าให้เราเอาไปส่งที่ไปรษณีย์ไทยไกล้ๆริมสระน้ำของEmbassyนี้

        ก็รู้สึกดีใจสุดๆครับ แต่ลืมถามว่าได้นานกี่ปี????? แง่ววว เพลินไม่รู้เรื่องเลย ฮ่าๆ

        ผมจึงมาแบ่งปันให้ครับ เอกสารต้องครบจริงๆ เพราะเค้าจะขอดูเหมือน Internal and External Auditor ที่ตรวจระบบISOไรงี้

        มีอะไร ส่งไปให้เค้าเลยครับ และตอบตามความจริงที่เราทำมาครับ เจอกานที่ชิคาโก้ครับ เย้!!!

      • govisa  On April 7, 2011 at 9:56 pm

        ขอบคุณน้อง Supachan ที่เขียนมาอธิบายอย่างละเอียดค่ะ ที่ทางสถานทูตไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปในสถานทูต เพราะเกรงว่า จะถูกนำๆไปใช้ในทางที่ไม่ดีเป็นอันตรายเหมือนในบางที่ที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับสถานที่นั้นๆ อย่างทึ่เป็นข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศค่ะ
        หลังจากได้วีซ่า ให้เตรียมเรื่องการเดินทาง การซื้อเงินติดตัวไปใช้ระหว่างเดินทางบ้างนิดหน่อยค่ะ น้องเป็นนักเรียนทุนกพ.ก็จะได้รับเช็คจากสถานทูตไทยในดีซีทุกเดือนเป็นค่าใช้จ่ายอยู่แล้วค่ะ อย่างไรก็ตาม น้องจะเข้าไปอ่านข้อมูลในหัวข้อ Money Matters กับ Pre-departure ดูก็ได้ค่ะ

    • Supachan  On April 7, 2011 at 1:14 pm

      ถึงGOVISA ผมเรียนต่อด้านMaster Science and Art ครับ สาขา Communication for Disorder ครับ

      ขอบคุณพี่ๆมากครับ ที่ช่วยตอบคำถามต่างๆ ผมเชื่อว่า เวปนี้มีประโยชน์มากๆครับ

      ขอบคุณครับ

      • govisa  On April 7, 2011 at 9:42 pm

        ขอบคุณค่ะ น้อง Supachan แล้ว U of Illinois at Chicago จะรับน้องเข้าเรียนต่อปริญญาโทด้าน Communication Disorders ด้วยหรือเปล่าคะ น้องไปเรียนผลิตเครื่องมือเพื่อการสื่อสารให้คนผิดปกติทางการพูดและฟัง หรือสอนให้คนผิดปกติทางการพูดและฟังสื่อสารได้อย่างคนปกติคะ

  • Woody  On April 3, 2011 at 12:11 am

    พี่คับพอดีมีปัญหานิดหน่อยคับ คือติดอยู่2-3เรื่องก่อนไปสัมภาษณ์ เรื่องเเรกที่กรอกชนิดของวีซ่าอ่ะคับ พอดีผมไม่เข้าใจเท่าไหร่เพราะทำเองหมดเลย เลยเลือกเป็นB1-B2 ผมไม่ค่อยมั่นใจว่าตกลงผมเลือกอะไรกันเเน่สามารถดูจากที่ไหนได้บ้างคับ คือถ้าเลือกอย่างด้านบนเเล้วผมทำผิดไหมกลัวมาก เเล้วอีกเรื่องนึง คือฟอร์ม DS-160 ของผม ที่กรอกไว้มันจะต้องเอาไปด้วยหรือคับในวันจริงหรือเอาเเค่ใบที่ คอนเฟิมที่มีเเค่หน้าเรากับบาร์โคทเท่านั้น (คือตัวที่กรอกไว้ตอนกรอกเสร็จมันให้printพอดีผมไม่มีเครื่องprintเลยให้ส่งไปทางเมล เเล้วที่นี้ผมดูมันมีเเค่หน้าที่มีรูปเรากับบาร์โคทเท่านั้น)เรื่องสุดท้าย ตอนไปเลือกสัมภาษณ์เลือกEng.หรือไทยดีคับจากเท่าที่ๆพี่ฟังมาโอกาศผ่านอันไหนมากกว่ากันคับ ขอบคุนล่วงหน้าคับ

    • govisa  On April 3, 2011 at 9:01 am

      @น้อง Woody
      1. พี่เคยเขียน blog ไว้ในหัวข้อวีซ่า ว่า มีวีซ่าประเภทใดบ้าง อย่างไรก็ตาม น้องสามารถเข้าไปอ่านที่เว็บไซต์นี้ได้ค่ะ http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1286.html จะมีคำอธิบายวีซ่าประเภทต่างๆให้ ในที่นี้ ขออธิบายสั้นๆนะคะ วีซ่าประเภท B-1 เป็นวีซ่าของพวกนักธุรกิจ, นักกีฬา(พวกไปแข่งชิงรางวัล) ส่วนวีซ่าประเภท B-2 คือ วีซ่านักท่องเที่ยว หรือ พวกที่จะไปพบแพทย์เพื่อรักษาตัวทั้งหลายค่ะ ถ้าเลือกผิดประเภท คงไม่ได้เข้าไปสัมภาษณ์ในวันที่นัดไว้ เพราะต้องกลับออกมาเลือกประเภทวีซ่าใหม่ให้ถูกประเภทค่ะ เท่ากับต้องทำนัดสัมภาษณ์ใหม่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าประเภทนักธุรกิจ หรือ พวกไปหาหมอ เขาจะต้องมีเอกสารจากหน่วยงานที่กเมริกามาแสดงด้วยว่า ไปด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าวจริงค่ะ

      2. ส่วนที่ต้องนำไปแสดงเป็นหลักฐานในการสอบสัมภาษณ์ คือ Confirmation Number ที่มีรูปหน้าน้อง บาร์โค้ด ค่ะ ส่วน application form ที่กรอกแล้วและมีหลายคน Print ออกมาด้วย เพราะต้องการดูว่าตัวเองกรอกอะไรไว้บ้าง คำถามที่กงสุลสัมภาษณ์ส่วนใหญ่มาจากที่กรอกไปแล้ว ไม่ใช่ให้เอามาอ่านแล้วท่องจำนะคะ แต่หมายความว่า เขามีประเด็นสงสัยอันเกิดจากสิ่งที่ผู้ยื่นขอวีซ่ากรอกไป เขาจะดึงมันกลับมาถามผู้ยื่นขอวีซ่าอีกครั้งค่ะ

      3. การเลือกสัมภาษณ์ภาษาไทย หรือ อังกฤษ ไม่มีผลเป็นสถิติว่า ใครควจะได้วีซ่ามากกว่ากันค่ะ ที่เขาให้มีภาษาไทยด้วยน่าจะเป็นเพราะ บางคนเกิดอาการตกใจกลัว ประหม่าพูดไม่รู้เรื่อง หรือบางรายที่ค่อนข้างมีอายุ เช่น อายุใกล้ 60 ปี ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษ อาจเกิดอาการพูดไม่ออกต่อหน้ากงสุลค่ะ ส่วนใหญ่วัยรุ่นอย่างน้องๆทั้งหลาย โดยเฉพาะวีซ่าประเภทนักเรียน ถึงแม้น้องจะเลือกภาษาไทยไป ก็อจจะถูก Test จากกงสุล โดยกงสุลถามเป็นภาษาอังกฤษกลับมาค่ะ เพราะเขามองภาพว่า น้องจะช่วยตัวเองได้อย่างไรเมื่อไปถึงสหรัฐอเมริกา แล้วพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ ส่วนคนมีอายุมักไปกับบริษัททัวร์ หรือมีญาติมารับที่สนามบินค่ะ อย่ากังวลตรงจุดนี้ พี่คิดว่า น้องจะเลือกภาษาใดก็เลือกไปก่อน ถ้าเลือกไทย เขาถามเป็นอังกฤษกลับมาบ้าง ก็พยายามมีสมาธิฟังให้เข้าใจแล้วตอบสั้นๆก็ได้ค่ะ ส่วนถ้าเลือกอังกฤษไป เขาพูดเร็วก็บอกเขาไปว่า Please repeat it again หรือ Please speak loudly (ในกรณีไม่ค่อยได้ยิน หรือได้ยินไม่ชัด) หรือ Please speak slowly หรือถ้าศัพท์บางตัว น้องไม่ทราบว่าภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าอะไร ก็พูดเฉพาะศัพท์ตัวนั้นเป็นภาษาไทยไป แล้วบอกว่า I do not know this word in English เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เขาเข้าใจว่า เราพอพูดได้บ้างนิดหน่อยค่ะ และเราได้พยายามแล้วนะคะ เอาใจช่วยให้ผ่านวีซ่าค่ะ

  • Aohh jaa  On April 4, 2011 at 1:15 pm

    พี่คะ รบกวนอีกรอบค่ะ
    Visa F1
    1.เอกสารที่ใช้ต่างๆ เป็นสำเนาไม่ต้องตัวจริงใช่มั๊ยคะ
    2.Statement(ใช้ของคุณพ่อ)ต้องกี่เดือน และขอไว้ไม่เกินกี่เดือนคะ (ของเก่าขอไว้ตั้งแต่ 14 กพ.)ใช้ได้ป่าวคะ

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On April 4, 2011 at 8:34 pm

      1. เอกสารที่จะนำไปให้กงสุลที่สถานทูตอเมริกาพิจารณาเป็นเอกสารตัวจริงทั้งหมด ไม่ต้องถ่ายสำเนาเอกสารค่ะ
      2. หลักฐานการเงินของผู้ปกครองต้องแสดงให้เห็นว่า บัญชีนั้นเปิดมานานแล้ว 6 เดือนขึ้นไปไม่ใช่เป็นบัญชีใหม่ที่เพิ่งเปิดใหม่ๆ หากมีบุ๊คบัญชีเล่มเก่าให้นำไปแสดงด้วยเพื่อให้เห็นว่าบุ๊คที่เห็นในปัจจุบันเป็นบุ๊คที่ต่อจากเล่มเก่า เป็นต้นค่ะ ตัวเลขในบัญชีของผู้ค้ำประกันต้องครอบคลุมรายจ่ายหนึ่งปีการศึกษาของสถานศึกษาที่ออก I-20 ให้ค่ะ คำว่า” ค่าใช้จ่าย ” หมายรวมถึง ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายส่วนตัวค่ะ ในกรณีของน้อง แนะนำให้ถามผู้ปกครองว่า มีบัญชีเล่มเก่า หรือบัญชีเล่มอื่นๆเพิ่มเติมไหมค่ะ

    • govisa  On April 4, 2011 at 8:37 pm

      @ น้อง Aohh jaa สำหรับจดหมายรับรองฐานะการเงินที่ขอจากธนาคาร ไม่ควรมีอายุเกิน 3เดือน เพราะตัวเลขในบัญชีธนาคารอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

  • pan  On April 6, 2011 at 9:59 am

    สวัสดีค่ะวันนี้มาแชร์ประสบการณ์นะคะ ตอนนี้ลูกชายสัมภาษณ์ผ่านล้วค่ะ กงสุลถามประมาณ4-5คำถามคือ ไปทำไม ไปที่ไหน ไปกับใคร และเรียนอยู่ที่มศว.ไช่ไหม แล้วบอกให้ไปที่ช่องจ่ายเงินค่าไปรษณีย์ แล้วบอกว่าโชคดีครับ เอกสารที่เตรียมไปคือ
    1.เอกสารใบที่ปริ้นท์ออกมา2 ใบ ที่มีรูปและบาร์โค้ด และใบที่ได้วันนัดมสัมภาษณ์
    2.รูปถ่าย 1 ใบ และใบรับรองการเป็นนิสิตที่มศว.
    3.I 134
    4.จดหมายเชิญของน้าที่อเมริกา
    5.ใบรับรองการประกอบธุรกิจ ใบเสียภาษี
    6.สเตทเม้นของสปอนเซอร์
    7.สเตทเม้นท์ของพ่อแม่ซึ่งทั้งสองคนมีเงินในบัญชีคนลัห้าหมื่นเท่านั้น
    8.ใบรับรองเงินเดือนของพ่อ
    9.ใบทะเบียนการค้าของแม่
    ลูกชายบอกว่าเอกสารตั้งแต่ข้อ1-4 เท่านั้นที่กงสุลดู และเก็บไป อันอื่นๆเขาไม่ดูแลย แต่เราก็ควรเตรียมไปเพราะไม่แน่ว่าเราจะเจอกงสุลคนไหนแต่ละคนอาจมีวิธีสัมภาษณ์แตกต่างกันไป
    และลูกชายยังบอกอีกว่าตอนที่รอสแกนนิ้วมือ มีคนข้างหน้าซึ่งเป็นผู้หญิงเขาคงวางมืไม่เป็นหรืออาจจะไม่มั่นใจว่าควรทำอย่างไรเขาเลยถามเจ้าหน้าที่คำตอบที่ได้ตือคุณก็อ่านดูข้างหน้าซิคะ ประมาณว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ก็น่าเห็นใจอยู่หรอกวันๆเจอคนมากมายที่ถามคำถามที่ไม่น่าจะถามก็ต้องหงุดหงิดบ้างเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นเวลาเข้าไปก็ควรดูด้วยว่าคนข้างหน้าเขาทำอะไรอย่างไรเขามีปัญหาอะไร เพื่อเราจะได้คิดแก้ปัญหานั้นๆไว้บ้าง เพราะฉะนั้นควรมีสติตลอดเวลาไม่ต้องตื่นเต้น
    และการปริ้นเอกสารที่เราไม่ได้ปริ้นในตอนแรกนั้นเราสามารถปริ้นจากเครื่องคอมเครื่องอื่นไดไม่มีปัญหา ตัวเลขต่างๆไม่เปลี่ยนแปลงเลยไม่ต้องกังวล
    คนที่ต้องการเร่ารัดการสัมภาษณ์ถ้าเป็นนักเรียนที่ต้องไปเข้าเรียนให้ทันส่วนใหญ่จะได้รับการตอบรับแต่ต้องมีเหตุผลที่ดี ของดิฉัน ส่งอีเมล์ไปแต่เนื่องจากเป็นการไปแบบท่องเที่ยวขอเร่งรัดการสัมภาษณ์โดยต้องการให้พ่อแม่ลูกมาสัมภาษณ์ในวันเดียวกันซึ่งเห็นว่าพ่อแม่เป็นคนแก่อายุเจ็ดสิบ และมีวันนัดสัมภาษณ์ไม่ตรงกัน ซึ่งมันอาจไม่จำเป็นมากนักเพราะเป็นวีซ่าไปเที่ยวเยี่ยมญาติ กำหนดการต่างๆมันเลื่อนได้ ก็สมควรแก่เหตุผลที่ไม่อนุญาต
    สำหรับคนที่เพิ่งเข้าไปจองวันนัดสัมภาษณ์อย่าเพิ่งท้อนะคะเพราะว่าคนที่จองได้สำเร็จส่วนใหญ๋ต้องนั่งหน้าคอนตลอดเวลาและเข้าถี่ๆหน่อยทำอยูสองสามสัปดาห์อย่างตัวดิฉันเอง
    ขอบคุณ คุณ govisa สำหรับทุกคำแนะนะค่ะ โชคดีนะคะทุกๆคน

    • govisa  On April 7, 2011 at 6:53 am

      @คุณ Pan ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับข้อคิดที่เขียนมาแบ่งปันค่ะ ขอให้คุณพ่อคุณแม่ขอวีซ่าผ่านด้วยเช่นกันค่ะ และขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำอธิบายเรื่องการ Print Confirmation Number and Application ใน DS 160 หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่เข้ามาอ่าน blog นี้ค่ะ

  • EaRTh  On April 8, 2011 at 12:32 am

    ผมมีคำถามคับ ตอนนี้ผมอยุ่ต่างประเทศ(เม็กซิโก) จะไปทำวีซ่าที่สถานฑูตเมกาที่เม็กซิโกได้มั้ยคัย แล้วต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคับ??

    • govisa  On April 8, 2011 at 10:40 am

      @ น้อง Earth ไม่ได้บอกข้อมูลว่า น้องอยู่ในประเทศเม็กซิโกด้วยวีซ่าประเภทไหนนะคะ ถ้าเป็นวีซ่านักท่องเที่ยว น้องคงต้องกลับมาขอวีซ่าเข้าอเมริกาที่ประเทศที่น้องถือหนังสือเดินทางค่ะ ถ้าน้องถือหนังสือเดินทางของประเทศไทย (ที่ถามเพราะน้องบางคน ถือ หนังสือเดินทาง 2 ประเทศค่ะ) คือ กลับมาขอวีซ่านักท่องเที่ยวที่ที่สถานทูตอเมริกาที่กรุงเทพ แต่ถ้าน้องถือวีซ่านักเรียนไปเรียนอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก และยังมีระยะเวลาที่ต้องเรียนเหลืออยู่นานพอสมควร น้องอยากจะเข้าไปเที่ยวอเมริกา น้องสามารถขอวีซ่าที่สถานทูตอเมริกาในประเทศเม็กซิโกได้ค่ะ เอกสารขอวีซ่านักท่องเที่ยวน่าจะเตรียมคล้ายกับผู้ที่อยู่ในประเทศไทย เช่น หลักฐานว่าน้องเรียนอยู่ที่สถานศึกษาชื่ออะไร และน้องจะต้องกลับมาเรียนต่อเทอมไหนที่สถานศึกษาเดิมในประเทศเม็กซิโก , Transcript แสดงผลการเรียนที่มหาวิทยาลัยในเม็กซิโก, หลักฐานทางการเงิน เช่นจดหมายรับรองบัญชีเงินฝากของน้องที่มีกับธนาคารในเม็กซิโก และบัญชีตัวจริง ถ้าตัวเลขคงเหลือในบัญชีมีไม่มาก เพราะเป็นนักเรียนอยู่ ก็ควรจะมีจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครองที่เมืองไทยและ statement ที่ทำ true certified แล้วแนบไปด้วย, ชื่อที่พักในอเมริกา เป็นต้นว่า โรงแรม หรือ จะไปพักบ้านเพื่อน หรือ คนรู้จัก ก็น่าจะให้ เพื่อน หรือ คนรู้จักทำจดหมายรับรองนิดหนึ่งค่ะว่า น้องจะไปพักกับเขาค่ะ, ข้อมูลเกี่ยวกับรายการการเดินทางว่าจะเข้าไปอเมริกาวันไหนออกจากอเมริกาวันไหน วางแผนการว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างค่ะ

  • EaRTh  On April 8, 2011 at 10:58 am

    ผมนี่ไทยแท้ๆเลยคับ ผมก้อไม่รุ้ว่าวีซ่าเป็นประเภทไหนนะคับ 55 แต่ว่าผมเป็นเด็กแลกเปลี่ยนน่ะคั้บ ผมไปได้บัตรจากอิมมิเกรชั่นมา เปนประเภทนักเรียนคั้บ แล้ว ตอนนี้ผมอยากไปเที่ยวที่เมกากับโฮส ช่วงปลายเดือนพฤษภา คือเกือบจะกลับไทยพอดีน่ะคั้บ ผมกลับช่วงต้นกรกฎาคับ ก้อเลยอยากจะรุ้ว่าแบบนี้ทำวีซ่าที่เม็กได้มั้ย แล้วมันใช้เวลานานรึป่าวคั้บ

    • govisa  On April 8, 2011 at 9:23 pm

      น้อง Earth ค่ะ ระหว่างที่น้องอยู่ในประเทศเม็กซิโก พี่ไม่มั่นใจว่า น้องใช้ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาสแปนิชในการสื่อสารระหว่างน้องกับ host family และน้องพูดภาษาใดระหว่างอังกฤษกับสแปนิชได้คล่องกว่ากัน ให้น้องลองโทรศัพท์เข้าไปถามเจ้าหน้าที่สถานกงสุลอเมริกัน ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเม็กซิโก ในเมืองที่ใกล้กับเมืองที่น้องอยู่มากที่สุดว่า น้องสามารถยื่นวีซ่านักท่องเที่ยวที่นี่ได้ไหม เพราะน้องมาเรียนมัธยมศึกษาที่เม็กซิโกในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนค่ะ บอกเขาด้วยว่า น้องจะไปว่าเที่ยวอเมริกากี่วัน แล้วน้องต้องกลับมาเรียน high school ต่อที่ประเทศเม็กซิโกค่ะ แต่ถ้าน้องคิดว่า ตัวน้องยังพูดสแปนิชไม่ค่อยคล่องหรือพูดภาษาอังกฤษก็ยังไม่ดีพอ ลองให้ host family ถามแทนให้น่าจะได้ค่ะ

      เว็บไซต์ที่บอกที่ตั้งสถานกงสุลอเมริกันในประเทศเม็กซิโก คือ http://travel.state.gov/travel/cis_pa_tw/cis/cis_970.html จะมีรายชื่อเมืองและหมายเลขโทรศัพท์ของสถานกงสุลนั้นๆค่ะ ยกตัวอย่าง เช่น พี่ได้ลองอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ของสถานกงสุลอเมริกันที่เมือง Monterrey ในประเทศเม็กซิโก เขาพูดถึงชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศเม็กซิโก ถ้าจะเข่้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องขอวีซ่าก่อน วีซ่าของน้องควรอยู่ในประเภท B-1/B-2 ค่ะ เว็บไซต์ของสถานกงสุลอเมริกันที่เมือง Monterrey คือ http://monterrey.usconsulate.gov/what_is_a_visa.html ถ้าน้องคลิกไปที่คำว่า visa to usa จะได้ลิงก์ให้กรอกฟอร์ม DS 160 ค่ะ ส่ววันนัดสัมภาษณื พี่ไม่มั่นใจว่า ที่ประเทศเม็กซิโกคิวจะแน่น หาคิวยากเหมือนที่เมืองไทยหรือไม่ค่ะ ดังนั้น คำแนะนำของพี่ คือ กรอกฟอร์ม DS 160 เสร็จ รีบนัดเลยค่ะ เพื่อคิวนัดแน่นหาคิวยาก น้องจะได้มีเวลา log in เข้าไปหาคิวนัดสัมภาษณ์ได้บ่อยๆค่ะ

      อย่างไรก็ตามพี่อดเป็นห่วงน้องไม่ได้ อยู่ห่างไกลคุณพ่อคุณแม่ที่จะช่วยน้อง พี่ลองก็อบปี้ชื่อสถานกงสุลมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยเลยค่ะ
      Embassy Location: The U.S. Embassy is located in Mexico City at Paseo de la Reforma 305, Colonia Cuauhtemoc; telephone from the United States: 011-52-55-5080-2000; telephone within Mexico City: 5080-2000; telephone long distance within Mexico 01-55-5080-2000. You may contact the Embassy by e-mail or visit the Embassy website.

      In addition to the Embassy, there are several United States consulates and consular agencies located throughout Mexico (listed below). If calling from the United States, dial 011-52 before the area code and telephone number.

      CONSULATES:

      Ciudad Juarez : Paseo de la Victoria 3650, telephone (011) (52) (656) 227-3000.
      Guadalajara : Progreso 175, Col. Americana; telephone (011) (52) (333) 268-2100.
      Hermosillo :Calle Monterrey 141 Poniente, Col. Esqueda; telephone (011) (52) (662) 289-3500.
      Matamoros :Avenida Primera 2002 y Azaleas; telephone (011) (52) (868) 812-4402.
      Merida : Calle 60 No. 338 K x 29 y 31, Col. Alcala Martin; telephone (011) (52) (999) 942-5700.
      Monterrey : Avenida Constitucion 411 Poniente; telephone (011) (52) (818) 047-3100.
      Nogales :Calle San Jose, Fraccionamiento “Los Alamos”; telephone (011) (52) (631) 311-8150.
      Nuevo Laredo : Calle Allende 3330, Col. Jardin; telephone (011) (52) (867) 714-0512.
      Tijuana : Avenida Tapachula 96, Col. Hipodromo; telephone (011) (52) (664) 622-7400.

      CONSULAR AGENCIES:

      Acapulco:Hotel Emporio, Costera Miguel Aleman 121 – Suite 14; telephone (011)(52)(744) 481-0100 or (011)(52)(744) 484-0300.
      Cabo San Lucas: Blvd. Marina Local C-4, Plaza Nautica, Col. Centro; telephone (011) (52)(624) 143-3566.
      Cancun: Blvd. Kukulcan Km 13 ZH Torre La Europea, Despacho 301 Cancun, Quintana Roo, Mexico C.P. 77500; telephone (011)(52)(998) 883-0272.
      Cozumel:Plaza Villa Mar en El Centro, Plaza Principal, (Parque Juárez between Melgar and 5th Ave.) 2nd floor, Locales #8 and 9; telephone (011)(52)(987) 872-4574.
      Ixtapa/Zihuatanejo:Hotel Fontan, Blvd. Ixtapa; telephone (011)(52)(755) 553-2100.
      Mazatlan:Hotel Playa Mazatlán, Playa Gaviotas 202, Zona Dorada; telephone (011)(52)(669) 916-5889.
      Oaxaca:Macedonio Alcala No. 407, Interior 20; telephone (011)(52)(951)514-3054 or (011)(52)(951) 516-2853.
      Piedras Negras:Abasolo 211, Local 3, Col. Centro; telephone (011)(52)(878) 782-5586 or (011)(52)(878) 782-8664.
      Playa del Carmen:The Palapa, Calle 1 Sur, between Avenida 15 and Avenida 20; telephone (011)(52)(984) 873-0303.
      Puerto Vallarta:Paseo de Los Cocoteros 85 Sur, Paradise Plaza – Local L-7, Nuevo Vallarta, Nayarit C.P.; telephone (011)(52)(322) 222-0069.
      Reynosa:Calle Monterrey 390, Esq. Sinaloa, Col. Rodríguez; telephone: (011)(52)(899) 923-9331
      San Luis Potosi:Edificio “Las Terrazas”, Avenida Venustiano Carranza 2076-41, Col. Polanco; telephone (011)(52)(444) 811-7802 or (011)(52)(444) 811-7803.
      San Miguel de Allende:Dr. Hernandez Macias 72; telephone (011)(52)(415) 152-2357.

      ได้ผลอย่างไร เขียนมาให้อ่านกันนะคะ ถ้ามีอะไรพอช่วยได้ จะได้บอกไปอีกทีค่ะ

  • dekdee  On April 9, 2011 at 1:34 pm

    คือผมกำลังลงมือกรอกเเบบฟอร์ม ตรง Primary Occupation ถ้าเราเป็นนักศึกษากำลังเรียนอยู่ ก็คือเลือก Education ใช่เปล่าครับ? แล้วถ้าในพาสปอตนามสกุลผมมี – อยู่ก็พิมพ์ไปให้เหมือนกับในพาสปอตใช่เปล่าครับ สามารถพิมพ์ – ลงไปในแบบฟอร์มได้เปล่าครับ? แล้วคำว่า Save Application to File กับ save ต่างกันไงหรอครับ คือผมงงตรงที่ว่า จะหมดเวลา 20 นาที คือเราต้องกอดเชพทุก20นาทีใช่เปล่าครับ คือระหว่างการกรอกข้อมูลลงใน DS160 คือมันก็ต้องหมดเวลาหรอครับถึงแม้ว่าเรากำลังกรอกข้อมูล คืออ่านในเว็บใช้เวลาประมาณ45นาที

    • govisa  On April 9, 2011 at 10:02 pm

      น้อง Vikrom คะ ถ้าน้องดู video ของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพ http://www.youtube.com/watch?v=RXVYpMfg00U&feature=related ให้น้องสังเกต video ประมาณนาทีที่ 3.15 จะมี subtitle ว่า โปรแกรมจะปิดลงถ้าคุณไม่ได้กรอกข้อมูลนาน 20 นาทีขึ้นไป

      ในกรณีที่น้องเริ่มกรอกฟอร์ม DS 160 ในหน้าแรกที่ให้กรอกชื่อนามสกุล รวมทั้งชื่อภาษาไทย ให้น้องสังเกตมุมบนขวามือของฟอร์ม DS 160 หน้าแรก ข้างใต้คำว่า Application ID จะมี Expiration Date ประมาณ 3 เดือนถัดไป คือ ถ้าน้องกรอกฟอร์มยังไม่เสร็จ น้องจะเก็บไว้ได้ไม่เกินวันที่ที่เขากำหนดมา เช่น พี่ลองคลิกจะกรอกฟอร์ม DS 160 วันที่ 9 เมษายน 2554 Expiration date คือ 31 กรกฎาคม 2011 และเวลาที่สามารถกรอกได้ทั้งหมด คือ 75 นาที ดังนั้นคำถามของน้องที่ว่า ต้อง Save ทุก 20 นาที คือ ใช่ค่ะ เพราะถ้าน้องไม่ Save ไว้ เมื่อเลย 20 นาที จะขึ้นคำว่า Time out ค่ะ แล้วน้องต้อง start ใหม่ หลายครั้งเข้า น้องจะรู้สึกเบื่อเองค่ะ เพราะฉะนั้นเมื่อกรอกไปได้ประมาณ 15 นาที save ครั้งหนึ่งก็ได้ค่ะ เพื่อจะได้ไม่ต้องเริ่มกรอกใหม่อยู่เรื่อยๆค่ะ

      ส่วนคำว่า Save application to file กับ save ต่างกันตรงไหน คือ เมื่อน้องคลิก save แทนที่จะกรอกข้อมูลหน้าถัดไป จะมีวลีขึ้นมาว่า Save application to file นั่นคือ น้องเริ่มเก็บข้อมูลที่น้องได้กรอกไปเป็น file ชื่อของน้อง ซึ่งมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า CEAAC ตามด้วยหมายเลข น้องจะเห็นรหัสนี้ เมื่อน้อง upload previous application ขึ้นมาดูค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลมาก ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวน้องจะเริ่มทำได้เองค่ะ ใหม่ๆอาจได้หมายเลข application id เปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง เพราะ save ไม่ทันบ้าง หรือ save ไม่เป็นบ้างก็ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อเห็นคำว่า save application to file ให้คลิก save ไปค่ะ และถ้าวันหลังจะกรอกใหม่ ให้เข้าไปที่ https://ceac.state.gov/genniv/ แล้วคลิกเลือกเมือง Bangkok, Thailand หลังจากนั้น Upload previous application form ขึ้นมาด้วยการ browse (กรณีไม่ได้ save ลง disk หรือ thumb drive ) ตอนนี้เองที่น้องจะเห็นรหัส CEAAC1…..และให้น้องสะกดนามสกุล 5 ตัวอักษรแรก , ปีคศ.ที่เกิด , คำถามที่น้องเลือกที่จะใช้เป็นรหัสข้อมูล ตอนเข้าไปกรอกครั้งแรกสุดเลยค่ะ เช่น ถามว่า คุณแม่ของคุณแม่ชื่ออะไร หลังจากนั้นก็เริ่มกรอกต่อไปได้ค่ะ

      นามสกุลที่มี hyphen ดูเหมือนถ้าพี่จำไม่ผิด น้องจะต้องเว้นวรรคแทน เพราะช่องนามสกุลใส่เครื่องหมายไม่ได้ค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ตรงกับหนังสือเดินทาง อธิบายได้ว่าโปรแกรมการกรอกฟอร์ม DS 160 ไม่ยอมให้น้องใส่เครื่องหมาย hyphen ค่ะ

      ส่วน Primary education ถ้าน้องเลือก student จะมีช่องให้น้องกรอกเกี่ยวกับสถานศึกษาค่ะ น้องกรอกชื่อมหาวิทยาลัยที่น้องกำลังเรียนอยู่ หรือ ที่เพิ่งเรียนจบมา (กรณีเพิ่งจบได้ไม่กี่เดือนค่ะ)

  • dekdee  On April 9, 2011 at 11:22 pm

    ขอบคุณมากๆเลยนะครับ ละเอียดมากเลย ^^

    • govisa  On April 9, 2011 at 11:49 pm

      ขอให้กรอกเสร็จเร็วๆนะคะ จะได้มี Confirmation Number เข้าไปนัดสัมภาษณ์ ที่หน้าเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์วีซ่าได้ค่ะ

  • farmmaku  On April 11, 2011 at 1:02 am

    หวัดดีค่ะพี่คนสวย
    พอดีอยากทราบว่าถ้าไปงานแต่งและก็ไปเรียนรู้วัฒนธรรมต้องสมัครวีซ่าประเภทไหน ถือว่าเป็นวีซ่าแบบบีสองหรือว่าบีหนึ่งคะ แล้วคำว่า business หมายถึงธุรกิจ หรือว่ากิจธุระ
    ขอบคุณมากนะคะรอฟังคำตอบอยู่ค่ะ ใครรู้ตอบให้ด้วย

    • govisa  On April 11, 2011 at 5:31 am

      ควรเป็นวีซ่า B-2 มากกว่าค่ะ

  • farmmaku  On April 11, 2011 at 9:27 am

    พอดีเอกสารทางโน้นที่เขารับรองบอกว่าไปเรียนวัฒนธรรมกับร่วมงานแต่งก็ไม่เปลี่ยนเอกสารการรับรองให้เราใหม่ใช่ไหมคะ

  • farmmaku  On April 11, 2011 at 9:28 am

    งั้นเอกสารจะต้องเปลี่ยนใหม่ไหมคะ ว่าไปเที่ยวไม่ต้องไปเรียนวัฒธรรม หรือว่าสามารถใช้อันเดินได้ว่าไปเรียนวัฒนธรรมและร่วมงานแต่ง

  • farmmaku  On April 11, 2011 at 9:29 am

    งั้นหนังสือรับรองทางโน้นควรจะบอกว่าไปเที่ยวหรอคะ

    • govisa  On April 11, 2011 at 9:05 pm

      @น้อง Farm_maku

      พี่ไม่มีข้อมูลว่าตอนนี้น้องเป็นนักศึกษา หรือ ทำงานด้านใด การรับรองว่า “ไปเรียนวัฒนธรรม” เป็นจดหมายออกเป็นทางการโดยหน่วยงานใด ลักษณะโครงการแลกเปลียนวัฒนธรรมเป็นการไปศึกษาเรื่องใด ยกตัวอย่างเช่น ไปศึกษาเรื่องพิธีกรรมการแต่งงานของชาวตะวันตก ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา หรือ ไปศึกษาวัฒนธรรมเปรียบเทียบเรื่องการแต่งงาน ระหว่างชาวพื้นเมืองเดิมกับชาวอเมริกันยุคใหม่ หรือ เรื่องอื่นๆ หน่วยงานที่เชิญน้องไปเข้าร่วมโครงการศึกษาวัฒนธรรม เป็นหน่วยงานระดับท้องถิ่น หรือระดับรัฐ ให้หน่วยงานนั้นทำจดหมายเป็นทางการกำหนดเนื้อหาคร่าวๆ เช่นหัวข้อและขอบเขตการศึกษาเรื่องการสมรส ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา เช่น 3 เดือน หรือ 6 เดือน หน่วยงานนั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทั้งค่าที่พักและค่าอาหาร ถ้าเป็นโครงการแลกเปลี่ยนในลักษณะที่ว่ามานี้ น้องน่าจะอยู่ในวีซ่าประเภทโครงการแลกเปลียนวัฒนธรรม คือ J-1

      แต่ถ้าเป็นการได้รับการ์ดเชิญไปร่วมงานแต่งงานเพื่อน หรือ คนรู้จัก น่าจะเป็นวีซ่าประเภทท่องเที่ยว B-2 มากกว่า ดังนั้น คนทางโน้นอาจส่งเป็นการ์ดเชิญไปร่วมงานแต่งงานก็พอค่ะ ให้น้องลองดูตารางการจัดแบ่งประเภทวีซ่า ซึ่งเรียบเรียงโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1286.html

      ส่วนถ้าจะให้คนที่อเมริการับรองว่า เขาจะดูแลน้องระหว่างที่น้องไปเที่ยวอยู่ที่โน่น ก็ให้คนทางโน้นเขียนอธิบายนิดหนึ่งว่า รู้จักน้องได้อย่างไร อยากเชิญน้องไปเที่ยวอเมริกาตอนนี้ เพราะน้องอาจจะได้ลาหยุดพักผ่อนช่วงนี้ หรือ ถ้าน้องยังเป็นนักศึกษาอยู่ มหาวิทยาลัยของน้องตอนนี้อยู่ระหว่างปิดภาคการศึกษา เป็นต้นนะคะ จดหมายอาจเพิ่มเติมด้วยนิดหนึ่ง คนที่อเมริกาจะดูแลน้องระหว่างที่น้องไปอยู่ที่อเมริกานานกี่วันค่ะ

  • farmmaku  On April 11, 2011 at 9:51 am

    ขอบคุณมากนะคะพี่คนสวย

  • tanya  On April 11, 2011 at 1:00 pm

    รบกวนสอบถามเรื่องการเปลี่ยนชื่อ ถ้าเรามีวีซ่าอเมริกา 10 ปี อยู่แล้ว แต่ได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ และได้ทำพาสปอร์ตใหม่ โดยให้กระทรวงรับรองวีซ่าอเมริกาในพาสปอร์ตใหม่แล้ว จะต้องเอาพาสปอร์ตไปให้สถานฑูตอเมริการับรองอีกหรือไม่ จะมีปัญหาเวลาผ่านตมหรือไม่ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On April 11, 2011 at 9:46 pm

      @ น้อง tanya ให้น้องนำหนังสือเดินทางเล่มเก่า ไปให้เจ้าหน้าที่กรมกงสุลเย็บติดกับหนังสือเดินทางเล่มใหม่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารที่อเมริกาเห็นว่า น้องเป็นคนๆเดียวกัน เพราะในหนังสือเดินทางเล่มเก่ามีชื่อเก่า ส่วนเล่มใหม่มีชื่ิอใหม่
      อนึ่ง น้องควรมีใบเปลี่ยนชื่อสกุลภาษาไทย ใบแปลภาษาอังกฤษ และตราประทับรับรองเอกสารแปลถูกต้องเหมือนของจริง จากกรมกงสุลแนบไปกับหนังสือเดินทางเวลาที่น้องยื่นหนังสือเดินทางให้กองตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐดู เพราะเจ้าหน้าที่อาจมีคำถามถามน้องในเรื่องดังกล่าวได้ค่ะ

  • Woody  On April 12, 2011 at 1:07 pm

    ผมกลับมาแล้วคับ วันนี้ไปสัมภาษณ์มา ตอนเช้า 8.00 ผมไปตั้งเเต่ตี 5 ไปถึงอ้าวทำไมไม่เห็นใครเลยหรือเรามาเช้าไปหว่า หิวก็หิวเเถวนั้นไม่มี 7-11 เลย เดินไปเดินมานั่งป้ายรถเมล์แปปนึงก็เดินกลับมาตรงจุดรอก็เริ่มเห็นคนมาแล้วก็เลยไปยืนต่อคับสักพักนึงประมาณ 5.30คนเริ่มมาคับ(ดีเเล้วที่มาต่อก่อน อิอิ)ผมมาคนที่ 2 ข้างหน้าผมเป็นป้าเเก่กับคุณลุงมากับหลานน่าจะประมาณปี 1 มั้งยุงก็กัดเเล้วกัดอีกคนก็ทยอยมาเรื่อยๆพร้อมกับฟ้าเริ่มสว่าง หันไปอีกทีเเถวยาวเลยคับน่าจะเกือบถึงสะพานลอย ประมาณเกือบ7โมงมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงน่าตาดี 2คน มาเริ่มตรวจเอกสาร เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปถามคุนลุงกับคุนป้าที่อยู่หน้าผม ว่าเอกสารเตรียมาหรือป่าวคะ ทั้ง3 คนทำน่า งง?
    บอกไม่มี เจ้าหน้าทีเลยเเยกเลยไปคุย(ประมาณว่าเค้าไม่รู้เรื่องการทำวีซ่าเลย คิดว่ามาสถานทูตเเล้วเข้าไปสัมภาษณ์ได้เลย น่าจะราวๆนี้นะคับ)สักพัก พวกอเจนซี่ที่อยู่เเถวๆนั้นก็เลยพาทั้ง 3คนข้ามฝั่งเเล้วก็หายไป(น่าสงสารจิงๆ) ติดตามต่อนต่อไปคับ…

    • govisa  On April 13, 2011 at 12:53 am

      น้องWoody ขยันไปแต่เช้าเลยค่ะ สอบสัมภาษณ์เวลา 8.00 น. ไปถึงตอน 7.30 น. ก็ได้ค่ะ พี่รอติดตามอ่านตอนต่อไปว่า น้องสอบสัมภาษณ์วีซ่าผ่านหรือเปล่านะคะ แต่คาดว่าน้องน่าจะผ่านนะคะ เพราะน้องเขียนบรรยายมาอย่างคนอารมณ์ดีค่ะ

  • dekdee  On April 13, 2011 at 1:32 pm

    พี่คับ อยากจะถามว่าอีกคำถาม คือหลังจากที่ผมเรียนจบ ม.6 ผมก็ไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลียมา1ปี ในช่องเกี่ยวกับการศึกษาผมต้องกรอกเปล่าครับ ว่าเคยไปเรียนสถาบันที่ออสเตรเลีย ระยะเวลานี้ถึงนี้ เเต่ตอนนี้เรียนอยุ่มหาลัยเเล้วปี 1 หรือใส่เเค่เคยเรียนมหาลัย กับ เรียนตอนมัธยม ม.1-ม.6

    • govisa  On April 13, 2011 at 7:14 pm

      น้อง Vikrom คะ เริ่มกรอกสถานศึกษาล่าสุดก่อนค่ะ คือมหาวิทยาลัยที่เรียนปี 1 หลังจากนั้นให้น้องดูปีค.ศ.ว่า เรียนภาษาที่ออสเตรเลียปีไหน และเรียนมัธยมศึกษาระหว่างปีไหนถึงปีไหน จะได้เรียงตามลำดับได้ถูกค่ะ

  • Nicha  On April 14, 2011 at 12:40 am

    สวัสดีค่ะ ตอนนี้น้องสาวมีปัญหาไม่สามารถนัดสัมภาษณ์ได้เลย คิวเต็มมาก ก็เลยอยากจะช่วยน้องค่ะ ตัวเองตอนนี้อยู่ต่างประเทศเป็นไปได้มั้ยค่ะที่จะช่วยเข้าไปดูคิวให้น้องและก็นัดให้เลย แล้วก็น้องที่อยู่เมืองไทยสามารถเข้าไปดูอีกทีเพื่อปริ๊นใบนัดออกมาได้หรือป่าวค่ะ หรือว่าถ้าทำนัดแล้วต้องปริ๊นเอกสารทันที ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On April 14, 2011 at 2:32 pm

      น้อง Nicha คะ น้อง Nicha จะเป็นคนกรอกฟอร์มนัดสัมภาษณ์แทนน้องสาวก็ได้ค่ะ แต่มีเงื่อนไขว่า น้องต้องรู้หมายเลข confirmation number ของน้องสาว พี่ขอถามนิดหนึ่งว่า ใครเป็นกรอกฟอร์ม DS 160 คะ ถ้าน้อง Nicha เป็นคนกรอกให้น้องสาว น้องจะรู้ว่าหมายเลข confirmation number ของน้องสาวคือหมายเลขอะไร แต่ถ้าน้องสาวเป็นคนกรอกให้เขาส่งอีเมล์ หรือ จะ scan แนบกับอีเมล์ไปให้น้องดูเลยก็ได้ค่ะ ที่สำคัย ต้องรู้ด้วยว่า จะนัดสัมภาษณ์วีซ่าประเภทใด นักเรียน หรือ นักท่องเที่ยวค่ะ คิวนัดสัมภาษณ์ที่ปล่อยออกมาจะมีจำนวนไม่เท่ากัน คิวนัดสัมภาษณ์ของนักเรียน (F-1) จะมีจำนวนวันที่ที่มีสีเขียวมากกว่าค่ะ

      ส่วน ใครจะเป็นคนกรอกฟอร์มนัดสัมภาษณ์วีซ่าดี คำตอบคือ ทั้งน้อง Nicha หรือน้องสาวของน้องเอง ใครก็ได้ค่ะ เหตุผล คือ ถ้ายังไม่ได้วันนัดสัมภาษณ์ เพียงแค่น้อง Nicha หรือน้องสาวทราบว่า username กับ password คืออะไร น้องจะเข้าไปดูข้อมูลเพื่อทำการนัดสัมภาษณ์ได้ แม้จะอยู่ต่างสถานที่ ต่างเวลากันค่ะ

      เว็บไซต์นัดสัมภาษณ์ คือ http://thailand.us-visaservices.com เมื่อ log in เข้าไป ใครพบว่ามีวันนัดสีเขียวก่อนก็จองเข้าไปเลยได้ค่ะ เพราะช่วยกันดูหลายๆคนก็ดีค่ะ ไม่ปวดตา นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันปวดตานะคะ เมื่อนัดได้แล้ว น้องจะ scan แล้ว attach file มากับอีเมล์ส่งให้น้องสาว หรือ 2. น้องจะให้อีเมล์น้องสาวไปที่หน้าคิวนัดสัมภาษณ์ตอนกรอกฟอร์มนัด ทาง outsource ที่ดูแลการนัดก็จะส่งอีเมล์ confirm นัดไปที่น้องสาวค่ะ หรือ 3. น้องสาวไปที่เว็บไซต์นัดที่ให้ไว้ log in เข้าไป แล้วสั่ง print appointment confirmation ออกมา ก็จะได้ใบยืนยันการนัดสัมภาษณ์เช่นเดียวกัน แล้วแต่จะเลือกวิธีใดค่ะ ไม่ยากเลยนะคะ เพียงแต่ต้องเสียเวลาคอยดูว่า จะมีวันนัดสีเขียวปล่อยออกมาให้เราจองกันได้ตอนไหนเท่านั้นเองค่ะ

  • Nicha  On April 14, 2011 at 10:25 pm

    ขอบคุณมากค่ะ แล้วจะลองพยายามนัดให้ได้นะคะ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงยากเย็นเช่นนี้ เพราะเท่าที่ผ่านมาเมื่อปีก่อน ๆ ก็ไม่เห็นมีปัญหาแบบนี้เลยค่ะ

    • govisa  On April 15, 2011 at 1:01 pm

      เห็นใจน้อง Nicha ค่ะ เอาใจช่วยให้ได้วันนัดเร็วๆนี้นะคะ น้องอาจท้อหรือเบื่อ ให้คิดถึงวันที่เราจะได้คิวนัดนัดสัมภาษณ์แทน เพราะช่วงเวลานั้น เราจะรู้สึกดีใจมากๆ เหมือนโล่งอกเลยค่ะ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นนะคะ

  • dear  On April 16, 2011 at 3:37 pm

    อยากทราบว่าจดหมายเชิญจากญาติ จำเป็นต้องใช้มั๊ยคะ (ขอวีซ่าท่องเที่ยว ไปพักบ้านญาติค่ะ) พอดีญาติส่งมาให้แต่หน้า passport ไม่ทราบว่าเพียงพอมั๊ยคะ
    แล้วถ้าต้องใช้จดหมายเชิญด้วย ให้ส่งมาทางอีเมลได้มั๊ยคะ

    ขอถามอีกข้อค่ะ ถ้าเคยไปอเมริกามาแล้วครั้งนึง (วีซ่า น.ร.เมื่อ 5 ปีก่อน เรียนภาษา 3 เดือน กลับตรงเวลา) จะมีผลให้ขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้นมั๊ยคะ

    • govisa  On April 17, 2011 at 11:23 pm

      ถ้าน้อง Dear ทำงานแล้ว และมีจำนวนเงินฝากในบัญชีธนาคารมากพอที่จะครอบคลุมจำนวนวันที่จะเดินทางไปเที่ยวได้ เช่น ไปเที่ยว 10 วัน มีเงินฝากประมาณห้าแสน จดหมายเชิญจากญาติไม่จำเป็นค่ะ น้องอาจทำ list รายการที่จะไปเที่ยวเสริมด้วยก็ได้ว่า จะไปที่ไหนบ้าง หรือถ้าจะไปกับทัวร์ก็ขอใบรายการจากทัวร์ว่า แต่ละวันจะไปที่ไหนบ้างติดตัวไปในวันสัมภาษณ์ด้วยค่ะ
      อย่างไรก็ตาม ถ้าน้องจะไปพักบ้านญาติ และเงินในบัญชีของน้องขณะนี้ยังมีไม่มาก เพราะเพิ่งเริ่มทำงาน ก็ให้ญาติเขียนจดหมายมาทำนองว่า ชวนน้องไปเที่ยว และญาติจะรับรองน้องเรื่องที่พักและอาหาร จริงๆแล้วญาติน่าจะส่งเป็นจดหมายที่มีลายเซ็นต์สดมาด้วย แต่ถ้าน้องรีบจะไปขอวีซ่า แนะให้ญาติ attach จดหมายมากับอีเมล์ที่ส่งให้น้องค่ะ

  • ning  On April 17, 2011 at 3:14 am

    มีคำถามคะ ตอนนี้ อยู่อเมริกา ตั้งท้องอยู่ จะคลอดประมาณเดือนตุลา อยากให้แม่มาอยู่เป็นเพื่อน ช่วงคลอด เพราะเป็นคนแรก ทำไรก็ไม่เป็น อยู่กับสามีคนไทย แค่สองคน (green card)

    อยากจะทำวีซ๋าท่องเที่ยวให้แม่มา คงจะดำเนินการเอกสารอะไรต่างๆ ที่อเมริกา เพราะที่บ้าน ไม่ค่อยรู้ระบบเท่าไหร่ มีคำถามคะ

    1.เรื่องถ่ายรูปที่จะต้อง upload ลงในแบบฟอร์ม จะทำไงดีคะ ถ้าแม่ไปร้านถ่ายรูป เค้าจะมีไฟส์ให้หรือเปล่า และถ้ามี อาจจะให้เพื่อนส่งไฟส์ผ่านอีเมล์ แล้วเวลาที่หนิงกรอก ds160 ก็ upload ไป จะเวริ์ค ไหมคะ

    2.ถ้าจะทำจดหมายเชิญแม่มา รับรองเรื่องที่อยู่ แต่ไม่สามารถโชว์ statement ได้ เนื่องจากตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเรื่องตั้งครรภ์อยู่ ไม่สามารถมีเงินมากๆในธนาคาร (ถ้าจะทำ statement ก็ต้องเอาเงินไปเข้าbank แล้วพิมพ์ statement แล้วถอนเงิน แต่ไม่รู้ว่าจะเสี่ยงหรือเปล่า) หรือว่า ทำจดหมายเชิญแม่มา แต่เรื่อง sponsor แม่มีเงินในบัญชี ประมาณห้าแสน เป็นแม่บ้านอย่างเดียว อายุประมาณ65 คะ แม่สามารถเป็น sponsor ให้ตัวเองได้หรือเปล่า มันจะ make sense ไหมคะ

    รบกวนด้วยคะ

    • govisa  On April 17, 2011 at 11:45 pm

      @น้อง Ning

      1. เรื่องรูปถ่าย ให้คุณแม่บอกที่ร้านถ่ายรูปว่า ช่วย scan รูปใส่ thumb drive ให้ด้วย ถ้าร้านถ่ายรูปไม่มีบริการนี้ ให้แม่นำรูปถ่ายขนาด 2นิ้วคูณ2นิ้วไปทึ่ร้านๅเช่าอินเทอร์เน็ตถามเขาว่ามีบริการscan รูปลงThumb drive ให้ไหม หรือประการสุดท้ายให้แม่เอารูปไปให้เพื่อนหรือเพื่อนจะไปเอารูปแม่ scan ลงthumb drive แล้วส่ง file ไปให้น้องค่ะ
      2.เรื่องบัญชีเงินฝากที่คุณแม่ควรมี ถ้ามีอยู่ในบัญชีห้าแสนแล้วขอวีซ่านักท่องเทึ่ยวไปประมาณ 7-10 วันก็น่าจะพอ แต่อ่านที่น้องเขียนมา แม่น้องน่าจะไปอยู่เป็นเดือน เพื่อไปเลี้ยงหลานคนแรก พี่เกรงว่าเงินในบัญชีธนาคารจะมีน้อยไปนิดหนึ่ง แต่น้องก็ไม่สามารถใช้บัญชีน้องได้ ส่วนแม่อาจต้องใช้บัญชีญาติท่านอื่นเสริมเข้าไปด้วยค่ะ อีกประการหนึ่งนะคะ คุณแม่อายุ 65 ปี คุณแม่อาจถูกถามว่า เคยเดินทางไปต่างประเทศไหม หรือเดินทางคนเดียวได่ไหม ให้น้องเตรียมซ้อมคุณแม่ฝึกหัดตอบคำถามไว้บ้าง กันฉุกเฉิน กรณีคุณแม่ไม่รู้ว่า ควรตอบคำถามกงสุลอย่างไรดีค่ะ
      พี่ขออวยพรให้คุณแม่น้องผ่านวีซ่าค่ะ

  • Belle  On April 17, 2011 at 8:02 am

    กลับมาแล้วค่ะหลังจากรับคำแนะนำไปหายไปเลยกลับการยุ่งๆเรื่องเอกสาร เลยอยากจะขอสอบถามเพิ่มเติมค่ะ

    1. กำลังกรอกฟอร์ม DS160 ทีนี้ว่ามันมีว่าจะไปพักที่ไหน อันนี้เราต้องจองโรงแรมก่อนหรือเปล่าคะ ถึงจะเอาที่อยู่เขามาใส่ได้ คือกลัวว่าจองไปแล้วเกิดวีซ่าไม่ผ่านจะเสียค่าจองห้องไปน่ะค่ะ

    2.ที่พี่บอกว่า “ถ้ามีเอกสารระบุรายการเดินทางเที่ยวบินประกอบด้วยก็ดี” อันนี้เราจองก่อนไปยื่นวีซ่าเลยใช่มั้ยคะ แบบไป-กลับแล้วเอาเอกสารการจองไปยื่น แบบนี้คือจองก่อนแต่ยังไม่ต้องจ่ายเงินใช่มั้ยคะ

    3. จดหมายรับรองจากบริษัทที่ทำงานอยู่กับสามีและแม่สามีว่า เราทำงานตำแหน่งอะไร เงินเดือนๆละเท่าไร และเริ่มทำตั้งแต่เมื่อไร >> จดหมายอันนี้เอาตามฟอร์ม sponsor ได้เลยใช่มั้ยคะ เช่น ให้แม่สามีเขียนให้และปั๊มตราห้างหุ้นส่วนได้มั้ยคะ

    4. อย่างเราตามแฟนไปนี่เป็น principal applicant หรือเปล่าคะ หรือว่าต้องเป็นแฟนเรา

    รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On April 18, 2011 at 12:13 am

      @น้องBelle
      1. เรื่องที่พัก พี่ไม่ทราบว่า ทางแฟนน้องไปดูงาน บริษัทที่เชิญมาเขาแนะนำว่าให้ไปพักที่ไหน หรือเขาจองที่พักชื่ออะไรให้น้อง หรือเขาให้น้องจองเองคะ ถ้าเป็นอย่างหลังใส่ชื่อโรงแรมและที่อยู่โรงแรมไปก่อนได้ โดยที่ยังไม่ได้จองค่ะ
      2.ใบรายการทัวร์ พี่ไม่ได้ serious ว่า ทุกคนที่ขอวีซ่านักท่องเที่ยวต้องมีไป เพียงแต่พี่เคยคุยกับคนที่ขอวีซ่าไม่ได้ แล้วเขาเล่าว่า เขาตอบกงสุลว่าไม่ได้ว่า เขาจะไปไหนบ้าง อาจเป็นไปได้ว่า เขาประหม่าตื่นเต้น ดังนั้นถ้ามีกระดาษสรุปอะไรไว้บ้างในมือเรา จะทำให่เราอุ่นใจขึ้นได้ว่า ควรตอบอะไร หรือ ถ้าสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง อย่างน้อยยื่นใบรายการทัวร์ไปก็น่าจะดูดีว่า เราไปเที่ยวกับทัวร์ มีระยะเวลาไปและกลับแน่นอน ดังนั้นถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะไปกับทัวร์นี้หรือเปล่า และถ้าเกรงว่า ทัวร์จะขอเงินมัดจำ ลองขอใบรายการเขามาดู แล้วเอาใบรายการนั้นให้กงสุลดูค่ะ หรือ ถ้าหากตกลงกับทัวร์ได้ว่า ถ้าวีซ่าผ่านแล้ว ถึงจะมาชื้อบริการ ก็น่าจะได้ค่ะ
      3. คล้ายกัน แต่ไม่น่าจะใช่อย่างเดียวกันเพราะเนื้อหาที่ Sponsor จะรับรองเรื่องการเงินคงไม่ได้ระบุว่า น้องได้รับเงินเดือนเท่าไรค่ะ น้องคงต้องดัดแปลงเนื้อหาจดหมายนิดหน่อยค่ะ มีตราบริษัท และ จะประทับตราบริษัทตรงใกล้ลายเซ็นต์ผู้รับรองการออกจดหมายด้วยก็ได้ค่ะ
      4. เวลากรอกของแฟนๆเป็น principal applicant แต่ถ้าเวลากรอกของน้องๆกรอกว่า เราไม่ใช่ principal applicant จะมีคำถามประมาณว่า ไปกับใคร หรือ principal applicant ถือวีซ่าอะไร ถ้าไม่มีคำว่า B-1/B-2 ให้เลือกแนะนำว่า ไม่ต้องกังวล น้องลองกรอกให้น้องเป็น principal applicant ด้วยก็ได้ เพราะต่างก็ต้องเดินทางกันเองเพียงไปด้วยกันเพราะเป็นครอบครัวเดียวกันค่ะ

  • Banana  On April 19, 2011 at 10:01 pm

    สวัสดีค่ะ รบกวนช่วยตอบคำถามหน่อยค่ะ พอดีว่าดิฉันต้องการขอวีซ่าประเภท J-1 เพื่อไปทำวิจัยที่อเมริกาประมาณแปดเดือนค่ะ จะไปเดือนมิถุนายน แต่ถ้าพ่อและน้องสาวจะไปขอวีซ่าพร้อมกัน เพื่อไปเยี่ยมประมาณเดือนตุลาคม จะต้องขอวีซ่าประเภทไหน และการจองคิวสัมภาษณ์ ต้องจองแยกกัน หรือ ดิฉันจองคนเดียว หรือมีอะไรแนะนำช่วยชี้แนะด้วยค่ะ ตอนนี้งงมาก ยังไม่ได้จองคิวสัมภาษณ์เลยค่ะ

    • govisa  On April 19, 2011 at 11:33 pm

      @น้อง Pradinunt คุณพ่อและน้องสาวขอวีซ่าประเภท B-2 (ประเภทท่องเที่ยว)ค่ะ การจองคิวนัดสัมภาษณ์วีซ่าจองพร้อมกันได้ ถ้าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน นามสกุลเดียวกัน มีชื่ออยู่ในบ้านเดียวกันได้ไม่เกิน 4 คนค่ะ ถ้ายังไม่จองคิวนัด ก็รีบเข้าไปดูค่ะ เพราะน้อง Pradinunt อาจจะเห็นวันนัดสีเขียวเลยทันทีที่เปิดเข้าไปดู หรืออาจจะไม่เห็นต้องรอคอยเปิดดูอยู่เรื่อยๆ บอกไม่ได้ค่ะ เพราะเป็นเรื่องที่ outsource ของสถานทูตจะจัดคิวว่างและปล่อยวันที่ว่างออกมาให้เราได้จองกันค่ะ

  • Banana  On April 20, 2011 at 9:20 pm

    ขอบคุณค่ะ สำหรับคำตอบเรื่องชนิดวีซ่า แต่วันนี้กรอก DS160 ซึ่งหนูต้องกรอกให้พ่อและน้องด้วยค่ะ ของหนูกรอกเสร็จเรียบร้อยจนได้ confirmation page ชึ่งมีรูปและบาร์โคตค่ะ แต่ที่อ่านจากคำถามด้านบนเห็นพี่บอกว่า confirmation จะมี 3-4 หน้า สรุปแล้วของหนูถูกหรือไม่คะ คำถามต่อไปคือ หนูกรอกให้น้องสาวจนถึงหน้า review และรูปก็สามารถใช้ได้ แต่ทำไมคลิ๊ก หน้า sign ไม่ได้ค่ะ เลยทำให้ของน้องยังไปไม่ถึง confirmation page ค่ะไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร
    ส่วนของพ่อตอนนี้รอรูปถ่ายอยู่ค่ะ เลยยังไม่ทราบว่าจะมีปัญหาเหมือนกันหรือไม่
    รบกวนช่วยไขปัญหาให้หน่อยค่ะ นั่งลองทั้งวันแล้ว

    • govisa  On April 21, 2011 at 1:29 am

      @ น้อง Pradinunt คำถามเรื่อง sign ไม่ได้ ลอง back กลับไปตรวจดูหน้าเก่าๆตรง Review ใหม่ว่า มีอะไรบกพร่อง หรือลองคลิก edit บาง part ดูว่ามีอะไรผิดหรือเปล่า เพราะเคยลอง back กลับไปตรวจ แล้วลองคลิกกลับมา confirm upload รูปใหม่ ก็ sign ได้ค่ะ ลอง ดูนะคะ back กลับไปตรวจทีละหน้าใหม่ ได้ผลอย่างไร เขียนมาบอกกันบ้างนะคะ ของคุณพ่อไม่น่าเป็นค่ะ อย่ากังวลไปก่อนล่วงหน้าค่ะ

  • Banana  On April 20, 2011 at 9:21 pm

    อ่อ หนูลืมบอกไปว่า confirmation ของหนูมีแค่หน้าเดียวค่ะ

    • govisa  On April 21, 2011 at 1:19 am

      น้อง Pradinunt คะ หน้า Confirmation จะมีแผ่นเดียวถูกแล้วค่ะ

      อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Print หน้า Confirmation เสร็จ น้องสามารถ back กลับไป เพื่อสั่ง print application form ซึ่งจะมีประมาณ 3-4 หน้า ในหน้าเหล่านั้น คือ รายละเอียดที่น้องได้กรอกไปแล้วค่ะ น้องจะ Print หรือไม่ Print ก็ได้ ถ้า print ก็จะมีรายละเอียดเก็บไว้ว่า น้องได้กรอกอะไรไปบ้าง เพราะเวลากงสุลถามก็มักจะตั้งคำถามจากสิ่งที่น้องกรอกไปแล้วค่ะ น้องบางคนอาจขี้ลืมว่า ตัวเองกรอกอะไรไป พี่จึงแนะนำให้ print ออกมาดูเท่านั้นเองค่ะ พี่ไม่ได้ serious เรื่อง print application form ออกมาค่ะ ถ้าน้องคิดว่าน้องจำรายละเอียดที่กรอกได้หรือเป็นคนกรอกเอง ไม่ได้ให้ agent เป็นคนกรอกให้ ก็ไม่ต้อง print ออกมาก็ได้ค่ะ

  • dekdee  On April 21, 2011 at 7:44 pm

    กรอกเสร็จแล้วจองคิวสัมภาษณ์ได้เเล้วครับ วันที่ 27 May ขอบคุณพี่govisaมากนะครับ

  • pt  On April 22, 2011 at 3:39 am

    อยากถามพี่ว่าคือ กรอกดีเอส160 แล้วซื้อพิน เเล้วก้อทำการล้อคอินดูวันมาปะมานสองเดือนเเล้ว เเล้วดีเอส160ข้อมูลมันผิด อะค่ะ เลยทำการกรอกข้อมูลใหม่ เเล้วพอล้อคอินไป มานจะมีหน้านึงก่อนไปหน้าปฎิทินมานให้กรอdเลขดีเอสได้ก้อเลยลบแล้วก้อแก้เลขดีเอสเป็นอันข้อมูลอันใหม่ มานทำได้ไมค่ะ เเต่ทำไปแล้ว เลยกังวลว่าทำได้ไม เเต่ยังไม่ได้วันจองนะค่ะ เพราะยังจองไม่ได้เลย

    • govisa  On April 22, 2011 at 5:31 am

      @ น้อง Ploy ทำได้ค่ะ เพราะน้องยังไม่ได้ confirm หรือยืนยันวันที่จองนัดสัมภาษณ์ค่ะ

  • Banana  On April 22, 2011 at 9:46 am

    สวัสดีค่ะ น้องจะเข้ามาบอกว่าตอนนี้กรอก DS160 ได้ครบทั้งของหนู พ่อและของน้อง ค่ะ
    และก็จองคิววันสัมภาษณ์ได้เรียบร้อยแล้วค่ะ ทีนี้ก็เหลือลุ้นว่าจะผ่านมั๊ย
    ขอบคุณพี่ค่ะ ที่ให้คำแนะนำ

    • govisa  On April 23, 2011 at 3:19 pm

      เอาใจช่วยน้อง Pradinunt ให้ผ่านวีซ่าอีกคนนะคะ ได้คิวสัมภาษณ์วันไหนคะ จะได้รอลุ้นเมื่อถึงวันนั้นด้วยกันค่ะ ได้แล้วส่งข่าวบ้างนะคะ

      • Banana  On April 27, 2011 at 2:26 pm

        สวัสดีค่ะ จะเข้ามาบอกว่าได้คิวสัมภาษณ์แล้วค่ะ วันที่ 18 พ.ค. นี้ค่ะ แล้วยังไงจะเข้ามาเล่าเรื่องตอนไปสัมภาษณ์อีกครั้งนะคะ

      • govisa  On April 27, 2011 at 10:45 pm

        ขอบคุณค่ะ โชคดีค่ะ น้อง Pradinunt (-_-)

  • dekdee  On April 22, 2011 at 12:31 pm

    พี่ครับ รบกวนถามหน่อยว่า คือในเเบบฟอร์มตรงคำว่า

  • dekdee  On April 22, 2011 at 12:36 pm

    พี่ครับ รบกวนถามหน่อยว่า คือในเเบบฟอร์มตรงคำว่า state/province ผมเลือก does not apply ไปเป็นอะไรเปล่าครับ หรือว่าตรงใส่ bangkok แต่ผมกรอกไปเรียบร้อยเเล้วเครียดอยุ่เหมือนกัน แล้วที่ในจองคิวสัมภาษณ์วีซ่าผมก็เลือก B2 tourist/family visit ผมว่าผมเลือกถูกเเล้วนะครับแต่ผมกดคอนเฟิมเเล้วในช่องมันขึ้นว่า Visitor(Pleasure, Business, Medical Treatment)กังวลอยุ่เหมือนกันอะครับ เราย้อนกลับไปดูไม่ได้เเล้วใช่เปล่าครับเพราะว่ากดคอนเฟริมเเล้ว ^^

    • govisa  On April 23, 2011 at 3:17 pm

      น้อง vikrom อย่าคิดวิตกกังวลมากเกินไป เสียสุขภาพค่ะ ที่น้องกรอกไปทั้งหมดถูกต้องหมดแล้วนะคะ ไม่ต้องแก้ไขค่ะ ขอให้น้องสบายใจได้และสอบสัมภาษณ์วีซ่าผ่านค่ะ เอาใจช่วยค่ะ

  • มือใหม่  On April 24, 2011 at 4:45 pm

    ไปสัมภาษณ์วีซ่ามาแล้วค่ะ ไปถึงสถานทูตตั้งแต่หกโมงครึ่งค่ะ ตอนแรกเห็นแถวยาวจนเกือบถึงสะพานเลยก็ตกใจนิดหน่อยว่ามาช้าไปรึป่าว แต่เค้าก็เรียกตามเวลาที่นัดไว้ค่ะ ก็เลยโล่งอก เวลานัดสัมภาษณ์ 7.45 น. เค้าจะเรียกดูเอกสารประมาณ 7 โมงค่ะ เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดก็สิบโมงพอดีค่ะ ตอนนี้ก็นั่งรอวีซ่าอยู่ที่บ้านแล้วค่ะ ขอบคุณพี่ govisa มากๆ สำหรับคำแนะนำค่ะ

    • govisa  On April 25, 2011 at 6:28 am

      ขอบคุณน้อง Siriporn มากๆค่ะ ที่บอกผลมาว่า ได้รับวีซ่าแล้ว ว่าแต่ว่า เขาถามอะไรบ้างค่ะ เพื่อคนที่เข้ามาอ่าน จะได้มีข้อมูลเตรียมตัวไว้ตอบคำถามบ้างค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

      • มือใหม่  On April 27, 2011 at 9:42 pm

        คือจะไปทำงานวิจัยระยะสั้นค่ะ เป็นวีซ่าแบบ J-1 เขาก็เลยไม่ถามไถ่อะไรมาก เพราะเรามีทุนสนับสนุนจากเมืองไทยค่ะ แต่อาจจะต้องเตรียมหูมาให้ดีซักนิดค่ะ เพราะว่าเขาสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ แต่สำหรับคนที่ภาษาดีอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาค่ะ เท่าที่จับใจความได้นะคะ เขาก็จะถามประมาณว่า จะไปทำอะไรในอเมริกา งานวิจัยเกี่ยวกับอะไร อยู่นานเท่าไหร่ ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ระหว่างอยู่ที่อเมริกา เมื่อเรียนจบแล้วจะทำงานอะไรที่ไหน คงเพื่อเป็นการยืนยันว่าเราจะกลับมาทำงานที่เมืองไทยค่ะ ก็ใช้เวลาสัมภาษณ์ไม่นานค่ะ แต่มานานตรงที่การรอคิวค่ะ รอกันเมื่อยเลยค่ะ แนะนำให้พกหนังสือมาอ่านด้วยก็ดีค่ะ แนะนำว่าอยากให้เตรียมเอกสารทุกอย่างให้เรียบร้อยตามที่เขากำหนดค่ะ จะได้ไม่เสียเวลาค่ะ ตัวอย่างนะคะ บางคนถ่ายรูปมามีรอยใช้ photoshop แก้ไขภาพเล็กน้อย ก็ต้องออกมาถ่ายรูปใหม่ค่ะ บางคนให้ agency ช่วยกรอกข้อมูลให้ แต่กรอกให้ไม่ตรงกับที่สัมภาษณ์ ก็ทำให้ต้องซักถามกันนานค่ะ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังจะไปสัมภาษณ์นะคะ ขอให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกกันทุกๆ คนค่ะ

      • govisa  On April 27, 2011 at 10:57 pm

        ขอบคุณค่ะน้อง Siriporn ที่ให้รายละเอียดปลีกย่อยดีมากค่ะ พี่เคยแนะนำน้องบางคนให้ถือรูปถ่ายเข้าไปด้วยกรณีรูปถ่ายมีปัญหา เช่น scan และ upload ไปแล้ว แต่พอไปถึงสถานทูต ถูกเจ้าหน้าที่ comment ว่า ไม่ชัดก็ต้องขอ scan รูปกันใหม่ก็มีค่ะ ทีนี้บางคนเข้าไปแล้วไม่ถูกถามมาก หรือกงสุลไม่ขอดูเอกสาร ก็จะพูดว่า ให้เตรียมอะไรเยอะแยะ ไม่เห็นเขาขอดูอะไรเลย เลยไม่อยากเน้นบ่อยๆค่ะ แต่โดยความเห็นส่วนตัว อยากให้น้องๆเตรียมเอกสารให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะอยากให้ทุกคนเข้าไปสอบสัมภาษณ์วีซ่าแค่หนเดียวแล้วผ่านเลยค่ะ น้องไปทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยอะไรคะ ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยค่ะ

      • มือใหม่  On April 28, 2011 at 11:23 pm

        ขอบคุณค่ะสำหรับคำอวยพร ก็ยังหวั่นๆ กับการเดินทางอยู่ค่ะ จะไปทำวิจัยที่ University of Texas Health Science Center ที่เมืองซาน อันโตนิโอ้ค่ะ หวังว่าคงจะมีคนไทยเรียนที่นั่นบ้าง 😀

  • gypsy  On April 27, 2011 at 3:54 am

    สวัสดีคะพี่รบกวนถามยาวและเยอะหน่อยนะคะ

    ก่อนอื่นต้องเล่าเรื่องตัวเองก่อน หนูกำลังทำเรื่องขอวีซ่านักเรียนประเภท F-1 ได้สมัครเรียนและได้เอกสารครบแล้วจากทางโรงเรียน Las Vegas International Academy of English (West Campus) ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนกรอกแบบฟอร์ม DS-160 แล้วมีปัญหาติดตรง

    1). Address Where You Will Stay in the U.S., U.S Contact และ Do you have any immediate relatives, not including parents in the U.S.?

    – จะใส่ชื่อ-ที่อยู่ที่อเมริกาของน้า (น้องสาวโดยสายเลือดของแม่) เพราะว่าจะไปพักกับน้าจริง ซึ่งน้าตอนนี้ได้ Green Card มานานแล้วแต่เคยมีประวัติหนีวีซ่าอะคะ ไม่ทราบว่ายังจะใช้ได้มั้ยคะ แล้วจะมีผลต่อการขอวีซ่ามั้ยคะ ถ้าใช้ได้ต้องมีจดหมายรับรองรึป่าวคะ แล้วอีกอย่างเพื่อนของน้าเค้าก็เป็นเหมือนน้าหนูคือได้ Green Card มานานแล้วแต่เคยมีประวัติหนีวีซ่าและได้ทำเรื่องเป็น Sponsor กับให้ใช้ข้อมูลชื่อ-ที่อยู่ตัวเองให้กับแม่ตัวเองในการขอวีซ่าแบบท่องเที่ยวให้แม่เค้า กงสุลนำชื่อเพื่อนน้าไปตรวจสอบ ผลคือกงสุลบอกมาว่า ลูกคุณเคยมีประวัติหนีวีซ่า สุดท้ายแม่เค้าโดน Rejected Visa อะคะ แล้วหนูควรทำไงดีคะ มืด 8 ด้านมาก ๆ

    – หรือว่าใส่ชื่อ-ที่อยู่โรงเรียนไปให้หมดไม่อ้างอิงน้าแล้ว แล้วถ้ากงสุลถามว่าพักที่ไหนหนูก็ตอบว่าจะไปหาอพาร์ทเมนท์ อยู่เองได้มั้ยคะ แล้วก็ใช้เหตุผลว่าอยากเลือกห้องพักด้วยตัวเองและอยากเห็นห้องกับตาไม่ใช่ดูจากภาพ แต่ความจริงจะไปพักกับน้าเพราะว่าประหยัดกว่าอะคะ และหนูได้ให้ที่อยู่-เบอร์โทร.ติดต่อของน้าไปกับทางโรงเรียนแล้ว กงสุลจะตรวจสอบอะไรมั้ยคะ

    – หรือว่าใส่ชื่อ-ที่อยู่โรงเรียนและหอพักโรงเรียนไปให้หมดเพราะว่าหนูจะสมัครอยู่หอจริงแต่คงไม่อยู่เพราะว่าความจริงจะไปพักกับน้าเพราะว่าประหยัดกว่าอะคะ แล้วตำรวจจะมาตรวจบ้างมั้ยคะ แต่ข้อนี้ต้องเสียเงินทิ้งอะคะ

    2). Work / Education / Training

    Primary Occupation หนูลาออกจากงานมาแล้ววันที่ 3 มี.ค.2554 เลยตอบ Not Employed เหตุผลคือออกมาเตรียมตัวดำเนินเรื่องไปเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง แล้วก็ได้กรอกประวัติการจ้างงาน / ประวัติการทำงานก่อนหน้านี้ไป 2 ที่ แต่หนูไม่มีใบผ่านงานเลยทั้ง 2 ที่ แต่มีสัญญาจ้างงาน 1 ที่ ใช้แทนกันได้มั้ยคะ แต่อีก 1 ที่ มีบัตรพนักงานได้มั้ยคะ พอเสร็จมันไม่มีให้กรอกประวัติการศึกษากับการฝึกอบรมอะคะ มันไปความมั่นคงและข้อมูลส่วนตัวเลยอะคะ เป็นเพราะอะไรอะคะ แล้วต้องแก้ไขยังไงคะ แล้วจะมีผลในการขอวีซ่ามั้ยคะ

    3). Intended Length of Stay in U.S. หนูควรใส่ 1 ปี ตาม the normal length of study is 12 months. ตามที่ระบุใน I-20 รึป่าว แต่วันเริ่มเรียน 07/07/2011 วันสิ้นสุด 09/29/2011 (3 เดือน ตามที่ระบุใน I-20) และหนูก็สมัครเรียน 3 เดือน มันควรกรอกยังไงอะคะ แล้ว โรงเรียน Las Vegas International Academy of English (West Campus) กงสุลยอมรับมั้ยพี่

    4). Intended Date of Arrival คือ 01 June 2011 แต่วันเริ่มเรียน 07/07/2011 แต่ตอนนี้ยังกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ไม่เสร็จและยังไม่จองคิวสัมภาษณ์เลย จะมีปัญหาอะไรตามมามั้ยคะ แล้วหนูควรจองตั๋วเครื่องบินตอนไหนดีคะ

    ทั้งหมดนี้หนูขอวีซ่าไปอเมริกาครั้งแรกในชีวิตคะและไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศเลยด้วยคะ และยังไม่ได้ทำการ Confirm และยังไม่ได้ Confirmation No. และ Barcode ด้วยคะพี่ แต่ Save และเก็บ Application No. ไว้คะ

    พี่คะหนูรบกวนพี่ช่วยตอบคำถามหนูเร็วหน่อยนะคะเพราะว่าหนูกรอกมาหลายวันแล้วยังไม่สำเร็จซักทีกลัวคิวสัมภาษณ์เต็มอะคะ หรือว่าพี่มีความคิดเห็น / ข้อแนะนำอะไรเพิ่มเติมแจ้งหนูมาเลยนะคะ

    • govisa  On April 27, 2011 at 6:49 am

      ถ้า Sponsor น้อง Gypsy คือ พ่อแม่ ดีมากแล้ว ไม่ต้องใช้คนอื่น เพราะพ่อแม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบลูกค่ะ ส่วนคำตอบ
      1. ให้ใส่ว่า ไปอยู่หอพัก เพราะสถานทูตเก็บข้อมูลเรื่องประวัติที่ไม่ค่อยดีของแต่ละบุคคลไว้ยาวนานเป็น 10 ปีค่ะ ส่วนคำตอบว่าจะไปดุด้วยตาตนเอง ไม่ต้องอะิบายโจ่งแจ้ง เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวน้องเองค่ะ ดูได้จากท้ายๆว่า น้องเขียนวนไปวนมา ในที่สุดก็ลงจบว่าอยู่บ้านญาติ ดังนั้นอย่าไปตอบอะไรให้มากความ บอกว่าอยู่หอพักที่ที่เรียนเขาจัดให้ค่ะ ส่วนญาติไม่ใส่ชื่อก็พอเดาได้ว่ามีญาติ เพราะนักศึกษาทั่วไปไม่ค่อยเลือกไป Las Vegas ค่ะ แนะนำให้บอกกงสุลว่าเราเป็นเด็กผู้หญิง ทางบ้านเป็นห่วง เลยให้อยู่ใกล้ญาติ มีอะไรจะได้ปรึกษาญาติได้ค่ะ
      2. ถ้าน้องตอบว่า น้อง study จะมีประวัติที่เรียนให้กรอก แต่ถ้าตอบ not employed จะเข้าไปสู่หน้าประวัติการทำงานเลยค่ะ ถ้าน้องจบมาหลายปีแล้ว คิดตามที่น้องเขียนมา น่าจะประมาณ 2-3 ปี ก็ต้องตอบ not employed ค่ะ ส่วน บัตรพนักงานใช้ไม่ได้ น้องต้องไปขอใบรับรองการทำงานจากที่ทำงานเก่ามาให้ได้ เขามี record การว่าจ้างอยู่แล้วค่ะ
      3. บอกว่าไปเรียนภาษานาน 1 ปีค่ะ ถ้ามีช่องให้กรอก purpose of this trip ก็อธิบายไปยาวได้ว่า จะไปเรียนและปรับปรุงภาษาให้ดีขึ้น เพื่อนำกลับมาใช้ในการทำงาน สำคัญว่า ลักษณะงานที่จะกลับมาทำต้องอะิบายได้ว่าเป็นงานอะไร ทำไมมีความจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษค่ะ
      4. intended of arrival ใส่ว่าไปก่อนล่วงหน้าแค่ 1-2 อาทิตย์ก็พอค่ะ ถึงแม้เราจะได้สิทธิ์บินเข้าประเทศก่อนล่วงหน้าไม่เกิน 30 วัน แต่น้องก็รู้อยู่ว่า Las Vegas เป็นเมืองประเภทใด ไม่อยากให้แสดงออกมาก เดี๋ยวจะเกิดการเข้าใจผิดได้ว่าอยากจะไปหางานทำที่อเมริกา หรืออยากจะไปอยู่เลยค่ะ

  • gypsy  On April 27, 2011 at 4:06 am

    Sponsor หนูคือ พ่อแม่นะคะพี่

  • gypsy  On April 28, 2011 at 3:03 am

    สวัสดีคะพี่

    ขอบคุณมากนะคะที่ตอบคำถามหนู พี่น่ารักและใจดีที่สุดเลยคะ

    รบกวนถามหน่อยนะคะเรื่องใบรับรองการทำงานจากที่ทำงานอะคะพอดีที่ทำงานล่าสุดเป็นที่ทำงานที่ 2 หนูลาออกแบบกะทันหันเพราะว่าแรงกดดันแล้วรู้มาว่าบอสโกรธ หนูเลยไม่กล้าที่จะไปขอใบรับรองอะคะและบริษัทนี้หนูทำงานมาประมาณ 7 เดือน แต่เอกสารที่หนูมีเกี่ยวกับการเป็นพนักงานในบริษัท คือ สำเนาสัญญาจ้างงาน, จดหมายยืนยันการรับเป็นพนักงาน, แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา, Slip เงินเดือน และ บัญชีธนาคารที่แคยงินเดือนเข้าแต่ตอนนี้ไม่มีรายได้อะคะ เอกสารทั้งหมดที่กล่าวมาสามารถใช้แทนบ้างได้มั้ยคะ ส่วนที่ทำงานที่แรกทำงานมาประมาณ 5 เดือน หนูสามารถขอใบรับรองการทำงานได้แล้วนะคะ สรุปคือที่แรกขอได้ แต่ ที่ 2 อาจจะมีปัญหาอะคะ

    พี่คะหนูรบกวนพี่ช่วยตอบคำถามหนูหน่อยนะคะเพราะว่าหนูกรอกมาหลายวันแล้วยังไม่สำเร็จซักทีกลัวคิวสัมภาษณ์เต็มอะคะ หรือว่าพี่มีความคิดเห็น / ข้อแนะนำอะไรเพิ่มเติมแจ้งหนูมาเลยนะคะ และต้องขอโทษด้วยนะคะที่หนูเป็นคนที่เขียนวกไปวนมาเพราะว่าหนูกังวลกับเรื่องขอวีซ่ามากกลัวโดนปฏิเสธและเป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ อะคะ

    • govisa  On April 28, 2011 at 6:52 am

      น้อง Gypsy ลองเอาเข้าไปให้กงสุลดูแล้วกันค่ะ ถ้าไม่อยากเข้าไปติดต่อที่ทำงานเก่า แต่พี่อยากให้น้องคิดว่า อ่อนเข้าไปหาเค้า พูดให้เขาเห็นใจเรา น่าจะได้ค่ะ เพราะจริงๆ กงสุลคงอยากได้ใบสรุปการว่าจ้างมากกว่าค่ะ เอกสารที่น้องว่ามามันมีหลายแผ่น กงสุลอาจจะไม่อยากเสียเวลาดูทีละรายการ อยากได้จดหมายใบเดียวที่สรุปเลยว่า ทำงานตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไร วันที่เข้าทำงานวันแรกค่ะ

  • gypsy  On April 28, 2011 at 3:21 am

    ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ

    ที่ทำงานที่ 2 หนูลาออกแบบกะทันหันเพราะว่าแรงกดดันแต่หนูยื่นใบลาออกเป็นทางการอยู่นะคะแต่ไม่ได้บอกล่วงหน้า 1 เดือนแล้วรู้มาว่าบอสโกรธ

  • gypsy  On April 28, 2011 at 3:24 am

    เพิ่มอีก 1 อย่างเอกสารที่หนูมีเกี่ยวกับการเป็นพนักงานในบริษัท คือ ใบลาออก ด้วยนะคะ

    • govisa  On April 28, 2011 at 6:48 am

      น้อง Gypsy คะ คงต้องใช้หลักอ่อนเข้าไปหาผู้ใหญ่ พี่คิดว่า เขาคงไม่ใจร้ายกับน้องค่ะ เพราะกงสุลต้องการใบรับรองว่าเคยทำงานจากที่ทำงานเก่า ซึ่งใบลาออก ไม่ได้รับรองว่า เคยทำงานค่ะ

  • fon  On April 28, 2011 at 3:47 am

    คือว่า.. จะมาเรียนต่อ high school ที่อเมริกาอะค่ะพี่ แต่ว่าเป็นโรงเรียนรัฐบาล แล้วตอนนี้คือเค้ารับเข้าเรียนแล้ว แต่ว่าโดยปกติแล้วทางโรงเรียนรัฐบาลของที่นี่ไม่ออก i20 ให้แล้วอย่างนี้หนูจะเอาเลขที่ไหนไปกรอก sevil id ใน ds160 อะคะ? ขอบคุณมากค่ะ ;D

    • govisa  On April 28, 2011 at 6:45 am

      น้อง Fon คะ น้องไม่มีสิทธิ์ไปเข้าโรงเรียนรัฐบาลไม่ได้ เพราะผู้ปกครองไม่ได้เป็นคนอเมริกันและจ่ายภาษีให้รัฐบาลอเมริกัน ดรงเรียนรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ออก I-20 ให้นักเรียนต่างชาติ เพราะเขาสงวนที่เรียนไว้ให้คนอเมริกันค่ะ คนที่จะเข้าโรงเรียน คือ พวกที่เข้าร่วมในโครงการประเภทคล้ายๆ AFS ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีเอเจนซี่เอกชนไทยจัดทำกันอยู่หลายแห่ง ลองค้นหาดูจาก google ค่ะ ผู้ที่ไปโครงการแลกเปลี่ยนมีเงื่อนไขว่า จะอยู่ในดรงเรียนรัฐบาลได้เพียง 1 ปี หลังจากนั้นต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนเอกชนค่ะ ในกรณีน้องก็คือ ถ้าอยากไปเรียนจริงก็คงต้องเปลี่ยนไปติดต่อโรงเรียนเอกชนแทน ซึ่งค่าเรียนจะแพงกว่ามากอยู่ ปัญหา 2 อย่างที่จะมีคือ ยังมีที่ไหนพอเปิดรับได้อยู่ เพราะหลายแห่งปิดรับสมัครแล้ว และฐานะทางบ้านเป็นอย่างไร เพราะค่าใช้จ่ายประมาณเฉียด ล้านบาทขึ้นไปต่อปีค่ะ

  • fon  On April 28, 2011 at 7:40 am

    อ่ออ คือว่าลุงหนูอยู่ที่อเมริกาอะค่ะ แล้วก้เปน citizen แล้วคือแบบไปที่ศูนย์การศึกษากลางของเขตแล้วอะค่ะ ลุงก้ทำเรื่องว่าแบบถ้าหนูมาก้จะได้อยุ่กะลุง ลุงจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เสียภาษีให้รัฐนี้มา เค้าก้คือรับให้หนูเรียนโรงเรียนรัฐบาลของที่นี่แล้ว หนูไปเทสมาแล้วด้วย แต่ประเด็นคือ.. โรงเรียนรัฐบาลเค้าไม่ออก i20 ให้ แล้วหนูจะเอาเลขจากไหนไปกรอกใน savil id ล่ะคะ?

    • govisa  On April 28, 2011 at 10:31 pm

      อย่างที่พี่อธิบายให้น้อง Fon ไปแล้ว คือ โรงเรียนรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ออก I-20 ให้นักเรียนต่างชาติ เขาสงวนที่นั่งในโรงเรียนรัฐไว้ให้คนอเมริกัน หรือ คนที่ได้ กรีนการ์ดเรียนเท่านั้นค่ะ อาจมีข้อยกเว้น คือ พวกนักเรียนที่ไปกับโครงการแลกเปลี่ยนค่ะ คนไทยที่ิอยู่ที่อเมริกาบางท่านก็ไม่ทราบกฎข้อนี้หรอกค่ะว่า หนูไปเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐบาลไม่ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นไม่มี I-20 ก็ไม่สามารถขอวีซ่านักเรียนได้ค่ะ ส่วนโรงเรียนรัฐบาลบางแห่งก็ไม่รู้กฎหมายข้อนี้ดี เขาคิดว่า เขารับเด็กต่างชาติได้ก็เท่านั้นเองค่ะ ถ้าเขาไปอ่านกฎหมายของประเทศเขาเองเขาก็จะทราบว่า เขารับนักเรียนต่างชาติไม่ได้ค่ะ อย่างที่พี่อธิบายไปแล้วว่า นี่คือกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้น หนูต้องให้ลุงติดต่อโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนประเภท catholic ที่ค่าใช้จ่ายอาจถูกกว่าเอกชนหน่อย เพราะโรงเรียนประเภทนี้จะมีสิทธิ์ออก I-20 ให้นักเรียนต่างชาติได้ค่ะ

      น้อง Fon ลองเข้าไปอ่านที่เว็บนี้ดูค่ะ http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1269.html

  • nuknic  On April 28, 2011 at 11:56 am

    เมื่อ2ปีก่อนหนูไปwork&travelที่อเมริกา แร้วหนูได้ วีซ่า J-1 มา 5ปี(ทั้งๆที่คนอื่นได้ 4 เดือน เพราะอะไรหนูก็ไม่ทราบเหมือนกันคะ)
    แล้วตอนนี้กำลังเรียนจบ ฝึกงานอยู่ เสร็จสิ้นทั้งหมดประมาณเดือนกรกฎาคมคะ
    แล้วหนูมีญาติ(แต่ไม่ได้นามสกุลเดียวกัน หรือ เกี่ยวข้องกันแต่นับถือกันเปนญาติ) เขาจะให้หนูไปอาศัยอยู่ด้วย ที่เมืองซานฟรานซิสโกคะ
    หนูอยากทราบเรื่องวีซ่าJ-1ของหนู ว่าสามารถใช้เข้าประเทศอเมริกาได้อยู่รึป่าวคะ
    ญาติอยากให้เราไปแร้วได้อยู่นานๆ เลยว่าจะให้ลงเรียนคอร์สแถวๆดาว์นทาวเมืองซานฟรานให้ เรียนอาทิดละ1-2วันคะ
    ญาติที่นู้น เขาพร้อมที่จะทำเอกสารทางโรงเรียน และเอกสารต่างๆทั้งหมดให้
    หนูมีข้อสงสัยเรื่องวีซ่าเข้าประเทศเนี๊ยะแหล่ะคะ คือว่าหนูสามารถใช้อันเก่าได้ หรือว่าหนูต้องทำใหม่คะ??

    • govisa  On April 28, 2011 at 10:35 pm

      น้อง Jenny Nuknic ไม่สามารถใช้วีซ่า J-1 เดิมได้ค่ะ เพราะน้องจะไปเรียนต้องใช้วีซ่า F-1 ค่ะ โรงเรียนที่จะไปเรียนจะเลือกถูกแบบไหนก็ตาม ไม่ควรถูกจนเกินไปค่ะ เพราะตามกฎหมายนักเรียนที่จะไปเรียนภาษาต้องเรียนเต็มเวลา 5 วันต่อ 1 อาทิตย์ค่ะ

  • fon  On April 28, 2011 at 10:36 pm

    อ่อออ โอเค ขอบคุณมากค่ะ ;D

  • gypsy  On April 29, 2011 at 3:14 am

    สวัสดีคะพี่

    ขอบคุณมากนะคะที่ตอบคำถามหนู พี่น่ารักและใจดีที่สุดเลยคะ

    สรุปเรื่องใบรับรองการทำงานหนูก็ได้ทำตามคำแนะนำพี่คือโทรไปหาฝ่ายบุคคลกับหัวหน้างานแล้วแต่พี่เค้าก็จะลองพูดกับบอสให้แต่ก็ไม่รับรองผล พี่คะถ้าบอสไม่เซ็นต์หนูควรทำยังไงต่อไปดีคะ

    รบกวนถามหน่อยนะคะคำถาม

    1). Do you have any immediate relatives, not including parents in the U.S.? ถามถึงญาติลำดับต้น กับ Do you have any other relatives in the United States?
    ถามถึงญาติคนอื่น หนูควรตอบ Yes / No ดีคะ เพราะว่าน้าสาวหนูตอนนี้ได้ Green Card มานานแล้วแต่เคยมีประวัติหนีวีซ่าอะคะ
    – ถ้าตอบ Yes มันจะโดนตรวจสอบประวัติน้ารึป่าวคะ
    – ถ้าตอบ No มันจะขัดแย้งกับที่จะบอกกงสุลเรื่องเหตุผลที่ว่าเราเป็นเด็กผู้หญิง ทางบ้านเป็นห่วง เลยให้อยู่ใกล้ญาติ มีอะไรจะได้ปรึกษาญาติได้ค่ะ (ตามที่พี่เคยแนะนำ)

    2). Intended Length of Stay in U.S. พี่เคยบอกว่าให้ใส่ไปเรียนภาษานาน 1 ปี ซึ่งก็ตรงตามวันที่ระบุใน I-20 ของหนู แต่ถ้าหนูจะต่อป.โทด้วยนี่ควรใส่ยังไงคะ แล้วพี่พอทราบมหาวิทยาลัยที่ Las Vegas ที่ค่าใช้จ่ายไม่แพงมากและมีสาขาบริหารธุรกิจด้วยอะคะ

    3). ได้อ่านจากคำตอบที่พี่ตอบน้อง nuknic เรื่องโรงเรียน “เพราะตามกฎหมายนักเรียนที่จะไปเรียนภาษาต้องเรียนเต็มเวลา 5 วันต่อ 1 อาทิตย์ค่ะ” แต่โรงเรียนหนูเรียน 4 วัน ต่อ 1 อาทิตย์ จ. – พฤ. ตั้งแต่ 9.00 a.m. to 1.15 p.m. รวมแล้วเป็น 18 ชม. ต่อ 1 อาทิตย์ แล้วแบบนี้โรงเรียน Las Vegas International Academy of English (West Campus) กงสุลยอมรับมั้ยพี่ กลัวและเครียดเลยอะคะ และเอกสารจากทางโรงเรียนก็ได้ครบหมดแล้วก็จ่ายเงินครบหมดแล้วด้วย -_-*

    พี่คะหนูรบกวนพี่ช่วยตอบคำถามหนูหน่อยนะคะ ขอบคุณคะ

    • govisa  On April 29, 2011 at 10:31 pm

      ดีใจด้วยค่ะที่พยายามติดต่อแผนกบุคคล ขอให้เขาออกจดหมายผ่านงานให้น้องค่ะ
      1. ถ้าน้านามสกุลเดียวกับแม่น้องก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเขาเปลี่ยนนามสกุลไปตามสามีเขาก็บอกว่าเป็น relatives แล้วกันค่ะ ถามว่าเสี่ยงไหม ตอบยากค่ะ เพราะกลสุลใช้วิธีสุ่มตรวจค่ะ ประวัติการเข้าสหรัฐอเมริกา immigration เขาเก็บ record นานเป็น 10 ปีค่ะ
      2. กรอกว่าจะไปนาน 3 ปี ในช่องคำถามที่ให้บอก purpose of study อธิบายไปว่าจะไปเรียนภาษานานกี่เดือนหลังจากนั้นจะสอบ TOEFL GMAT or GRE เพื่อเรียนต่อปริญญาโทด้านใดค่ะ ที่Las Vegas มี 1 มหาวิทยาลัยเท่านั้นค่ะ ที่มีหลักสูตรปริญญาโท คือ U.of Nevada at Las Vegas เว็บไซต์ คือ http://go.unlv.edu/ ค่ะ
      3. การได้วีซ่านักเรียนต้องมีจำนวนชั่วโมงในการเรียนไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ น้อยกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ให้ขอเป็นวีซ่านักท่องเที่ยว ดูได้ที่เว็บไซต์ http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1268.html
      Student Applicants (for F-1 and M-1 visas) – Overview น้อง Nuknic เขาบอกว่า เขาให้ญาติสมัคร เรียนอาทิตย์ละ 2 วัน ไม่นานพอที่จะได้วีซ่านักเรียนค่ะ พี่copy บางส่วนจากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ในหน้าที่มีคำอธิบายจำนวนชั่วโมงที่ต้องเรียนในฐานะวีซ่านักเรียนค่ะ

      ” For student related information, visit the EducationUSA website created by the Department of State, Bureau of Educational and Cultural Affairs to learn about educational opportunities for undergraduate and graduate study, opportunities for scholars, financial aid, testing, admissions, and much more. For a brief overview, visit the America.gov article Basics on U.S. Visas.

      The first step for a prospective nonimmigrant student is being accepted for enrollment in an established school which is SEVP certified. In general, for academic students attending a university, college, high school, private elementary school, seminary, conservatory or other academic institutions, including a language training program, an F visa is the appropriate category. For students attending vocational or other recognized nonacademic institutions, other than a language training program, an M visa is generally the appropriate category.

      If you are going to the U.S. primarily for tourism, but want to take a short course of study that is recreational, and the course is less than 18 hours per week, you may be able to do so on a visitor (B) visa. If your course of study is 18 hours or more a week, you will need a student visa. When traveling to the U.S. to attend seminars, conferences or a program of study for academic credit then you will need a student visa.”

      ส่วนโรงเรียนภาษาต่างๆ กงสุลคงดูที่ราคาเรียนที่ระบุในหน้าแรก I-20 ประกอบการพิจารณาด้วยมั๊งคะว่า ไม่ถูกจนเกินไป เพราะถูกมากๆไม่แน่ใจว่า จะมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่าค่ะ นอกจากนี้ กงสุลดูวิธีการตอบคำถามเวลาสัมภาษณ์น้องค่ะ พี่ขอให้น้องมีสติ มีความหนักแน่น ตอบคำถามเสียงดังฟังชัดค่ะ โชคดีค่ะ

  • Gypsy  On April 29, 2011 at 4:01 pm

    รบกวนถามถึงขั้นตอนการกรอกข้อมูลเพื่อจ่าย Sevis Fee ต้องกรอกข้อมูลที่อยู่ที่ติดต่อได้ในอเมริการึป่าวคะ

    • govisa  On April 29, 2011 at 9:04 pm

      ที่อยู่ที่ต้องกรอกใน Sevis I-901 คือที่อยู่ในเมืองไทยที่น้อง Gypsy ต้องการให้ DHS ส่งใบเสร็จ Sevis I-901 ตัวจริงกลับมา สรุป ควรเป็นที่อยู่ที่บ้านน้องที่เมืองไทยค่ะ

  • Gypsy  On April 30, 2011 at 2:26 pm

    สวัสดีคะพี่

    ขอบคุณมากนะคะที่ตอบคำถามหนู พี่น่ารักและใจดีที่สุดเลยคะ

    พี่คะหนูเพิ่งได้รับข่าวไม่ดีว่าหอพักของโรงเรียนหนูเต็มหมดแล้วนักเรียนที่อยู่ก็ทำสัญญาเป็นปีทางโรงเรียนก็ไม่ให้เอาที่อยู่ไปกรอกตรงคำถาม Address Where You Will Stay in the U.S. ในขั้นตอนกรอกแบบฟอร์ม DS-160 หนูควรทำยังไงดีคะ พี่ช่วยแนะนำหนูหน่อยคะ

    หนูควรใส่ที่อยู่เป็นอพาร์เมนท์หรือโรงแรมแล้วควรจองระยะเวลานานเท่าไรคะ พี่พอที่จะทราบข้อมูลบ้างมั้ยคะ อันไหนจะดูน่าเชื่อถือกับกงสุลกว่ากันคะ คือหนูจะกรอกในแบบฟอร์ม DS-160 เพื่อให้ขอวีซ่าผ่านเท่านั้นแต่ความจริงก็ต้องไปพักกับน้าที่เคยมีประวัติหนีวีซ่าแล้วได้ Green Card มานานเพราะพ่อแม่เป็นห่วง แล้วหนูจะโดนตรวจสอบว่าได้พักตามที่อยู่ที่ให้ไว้จริงรึป่าวอะคะ

    พี่คะหนูรบกวนพี่ช่วยตอบคำถามหนูเร็วหน่อยนะคะเพราะว่าหนูกรอกมาหลายวันแล้วยังไม่สำเร็จซักทีมีปัญหาเยอะจริงกลัวคิวสัมภาษณ์เต็มอะคะ หรือว่าพี่มีความคิดเห็น / ข้อแนะนำอะไรเพิ่มเติมแจ้งหนูมาเลย ขอบคุณคะ

    • govisa  On April 30, 2011 at 10:12 pm

      น้อง Gypsy พี่เพิ่งเคนได้ยินว่า โรงเรียนไม่ให้เอาที่อยู่ไปกรอก แล้ว โรงเรียนรู้ได้อย่างไรคะ จึงบอกน้องไม่ให้เอาที่อยู่โรงเรียนไปกรอก เพราะโรงเรียนอื่นๆถ้านักเรียนจองหอยังไม่ได้ นักเรียนก็มีสิทธิ์ใส่ตรงช่องที่อยู่ว่า care of ชื่อโรงเรียนและที่อยู่โรงเรียนค่ะ เพราะเมื่อนักเรียนเดินทางไปถึงที่เรียน หาที่อยู่ได้แล้ว ต้องแจ้งให้ International Student officer ทราบ ดังนั้น ถ้าใครจะติดต่อน้องก็ติดต่อไปที่โรงเรียนได้ เพราะโรงเรียนจะติดต่อน้องให้ทราบอีกทีค่ะ

  • Gypsy  On May 3, 2011 at 8:29 pm

    ขอบคุณมากนะคะพี่สำหรับคำตอบที่ทำให้ตอนนี้หนูกรอกแบบฟอร์ม DS-160 เสร็จเรียบร้อยแล้วคะ แล้วถ้าซื้อ Pin ผ่านอินเทอร์เนตด้วยบัตรเครดิต / วีซ่า แล้วสามารถใช้ Pin ได้เลยนั้น ตอนนี้ยังสามารถใช้ได้อยู่รึป่าวคะหรือว่าระบบนี้ได้ยกเลิกไปแล้ว เพระว่าหนูเข้าไปในเวบไซต์ http://thailand.us-visaservices.com/ แล้วไม่สามารถทำรายการได้

    • govisa  On May 3, 2011 at 11:02 pm

      น้อง Gypsy ลองเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์อีกครั้ง เพราะบางครั้งเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์ล่มก็มีค่ะ คือใช้ไม่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงแล้วกลับมาใช้ได้อีกค่ะ เท่าที่ทราบยังไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลง เกี่ยวกับการนัดสัมภาษณ์วีซ่า ดังนั้น ยังคงใช้ระบบการซื้อ Pin ซึ่งน้องจะตัดจากบัตรเครดิตก็ได้ หรือ จะซื้อที่ไปรษณีย์ก็ได้ค่ะ ถ้าซื้อที่ไปรษณีย์ ก็ต้องรอเข้าไปดูตารางนัดสัมภาษณ์วันรุ่งขึ้นหลังเวลาบ่ายโมงไปแล้ว ถ้าใช้วิธีตัดจากบัตรเครดิต ก็เข้าไปดูวันที่นัดสัมภาษณ์ได้เลย ถ้ามีวันสีเขียวให้จองค่ะ

  • Gypsy  On May 4, 2011 at 8:19 pm

    ขอบคุณมากคะพี่ ตอนนี้หนูซื้อ Pin ได้แล้วคะ แต่จะถามว่าถ้าเราออนไลน์ในเวบทิ้งหน้าจอเพื่อดูวันว่างไว้ตลอดระบบจะตัดเราออกอัตโนมัติใช่ป่าวคะ หรือว่าต้องเข้า-ออกระบบทุกครั้งเพิ่อดูวันว่างคะ เพราะว่ามันต้องกรอกข้อมูลใหม่ทุกครั้งเลยมันค่อนข้างเสียเวลาเพราะว่าตอนกรอกข้อมูลอยู่มันมีคนจองตัดหน้าไปแล้วคะ เสียใจอะไม่มีวันว่างเลยทั้งเดือนนี้และเดือนหน้า

    • govisa  On May 5, 2011 at 6:21 am

      น้อง Gypsy หน้าเว็บไซต์นัดก็มีเวลาที่จะ time out ด้วยเหมือนกันค่ะ เพราะถ้าน้องเปิดแช่ไว้นานๆ ก็จะเข้าไปดูหน้าตารางนัดอีกไม่ได้ ต้อง log in เข้าไปใหม่ค่ะ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าหน้าที่มีปฏิทินนัดไม่ได้แสดงว่ามีวันว่างสีเขียว ให้คลิก back กลับไปยังหน้าที่กรอกชื่อ วันเดือนปีเกิด เพศประเภทการขอวีซ่า เบอร์โทรศัพท์ที่บ้าน สังเกตดูว่าข้างล่างจะมีให้เลือกคลิก 2อันคือ save and finish later กับ next ให้น้องคลิก save and finish later และเมื่อน้องlog in เข้าไปดูครั้งต่อไป ให้เลือก start over where you left ไม่เลือก start from the beginning ค่ะ

  • Gypsy  On May 6, 2011 at 6:29 am

    ขอบคุณคะสำหรับคำแนะนำช่วยประหยัดเวลาขึ้นหน่อย

  • Gypsy  On May 6, 2011 at 7:12 am

    พี่คะหนูกรอก DS-160 ไป 3 ครั้งอะคะ ลองผิดลองถูกไปเพราะว่า

    – ครั้งที่ 1 ลืมจดหมายเลย Confirmation ไว้เลยย้อนกลับไปทำไม่ได้แต่ยังกรอกไม่เสร็จและไม่ได้ Sign and Submit Application
    – ครั้งที่ 2 ได้จดหมายเลย Confirmation ไว้ได้บันทึกแล้วย้อนกลับไปทำจนเสร็จและ Sign and Submit Application จน Print ใบ Confirmation ที่มีรูปเรากับ Barcode เรียบร้อยแล้วแต่มันกลับไป Print Application ที่มีข้อมูลเราหลายหน้าไม่ได้อีก เลยลอง Upload a Previous Application ข้อมูลใหม่เป็นครั้งที่ 3 จนได้หมายเลย Confirmation หวังว่าจะได้ Print Application แต่ก็หวั่น ๆ เพราะว่ามันต้องเริ่มใหม่หมดสุดท้ายแล้วก็ทำไม่เสร็จและยังไม่ได้ Sign and Submit Application

    หนูอยากปรึกษาพี่ว่าแบบนี้หนูควรต้องใช้หมายเลย Confirmation ครั้งที่ 2 จากที่ Print ใบ Confirmation ที่มีรูปเรากับ Barcode ออกมา ในการนัดจองสัมภาษณ์วีซ่าใช่ป่าวคะ

    • govisa  On May 6, 2011 at 11:40 pm

      น้อง Gypsy คะ กงสุลต้องการดูแค่ใบยืนยัน Confirmation Number ใบเดียวค่ะ ส่วน Application form ที่น้องๆ Print ออกมาก็เพื่อทบทวนความจำว่า น้องกรอกอะไรกันไปบ้างค่ะ กรณีน้องกรอกเอง น้องย่อมจำได้ว่า น้องกรอกอะไรไปบ้างค่ะ แต่ถ้าให้คนอื่นกรอกให้ ก็จะไม่รู้ว่า เขากรอกอะไรให้เราค่ะ ดังนั้นถ้าน้องจะใช้ Confirmation ครั้งที่ 2 แล้วรีบจองวันนัดสัมภาษณ์เลยย่อมทำได้ค่ะ อย่าไปกังวลเรื่องทำอันที่ 3 ต่อเลยค่ะ พี่เพียงสงสัยว่า แล้วที่น้องเขียนมาถามพี่เรื่องประหยัดเวลาการกรอกนัดวันสัมภาษณ์ น้องก็ต้องใช้ Confirmation number ของอันที่2 จองวันนัดสัมภาษณ์ใช่ไหมคะ ถ้าน้องใช้อันที่ 2 แล้วบังเอิญได้วันนัดสัมภาษณ์ก็ไม่ควรเปลี่ยนเป็นอันที่ 3 อีก เพียงแค่หวังจะ Print application form ให้ได้นะคะ เพราะหมายเลข Confirmation number ที่ไม่ตรงกับตอนกรอกฟอร์มจองวันนัดสัมภาษณ์ อาจส่งผลให้น้องไม่ได้เข้าไปสัมภาษณ์ต้องออกมาจองวันนัดใหม่ ซึ่งน้องคงทราบดีอยู่แล้วว่า กว่าจะได้วันนัดสัมภาษณ์ต้องรอนานแค่ไหนค่ะ

  • Gypsy  On May 6, 2011 at 8:22 am

    ** พี่คะหนูใช้ชื่อเรียกผิดคะที่บอกมาทั้งหมดว่าลืมจดหมายเลข visa identification number นะคะ ไม่ใช่หมายเลข Confirmation

    • govisa  On May 6, 2011 at 11:41 pm

      น้อง Gypsy คะ ถ้าน้องสังเกตให้ดี หมายเลข Visa identification number หลังจากกรอกเสร็จสมบูรณ์ จะกลายเป็นหมายเลข Confirmation number ค่ะ

  • Gypsy  On May 6, 2011 at 10:41 am

    พี่คะวันนี้หนูได้รับข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องใบรับรองการทำงานของหนูว่าทางบริษัทบอสไม่ออกให้ หัวหน้างานบอกว่าบอสไม่อยากรวมว่าหนูเคยเป็นพนักงานด้วยอารมณ์โกรธยังมีอยู่และก็บอกว่าหนูก็ไม่แจ้งล่วงหน้า 1 เดือน แบบนี้หนูควรทำไงดีคะ ควรยื่นเอกสารอื่น ๆ ไปแทนหรือว่าพี่มีคำแนะนำอื่น ๆ บ้างมั้ยคะ แต่คงกรอก DS-160 ใหม่ไม่ได้แล้วเพราะได้กรอกหมายเลขยืนยัน DS-160 ข้อมูลในเวบนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าไปแล้วด้วย ขอบคุณคะ

    • govisa  On May 6, 2011 at 11:48 pm

      น้อง Gypsy คงต้องใช้เอกสารเก่าที่เคยบอกพี่มาครั้งแรกที่เขียนมาถามพี่ค่ะ พี่ไม่แน่ใจว่าน้องทำงาน 2 ที่ใช่ไหมคะ ถ้าใช่ก็ยื่นที่ล่าสุด (ถ้าบังเอิญไม่ใช่ที่ที่เจ้านายเก่าโกรธน้อง) และถ้ากงสุลถามถึงที่แรก ก็ยื่นให้เขาดูพวกบัตรพนักงาน บัญชีเงินเดือนที่น้องเคยเล่ามา แล้วบอกกงสุลว่า น้องคิดว่า ต้องแสดงหลักฐานเฉพาะที่ทำงานล่าสุดเท่านั้น แต่ถ้าบังเอิญที่ล่าสุดคือที่เจ้านายเก่าไม่ชอบน้อง น้องก็คงต้องใช้เอกสารอื่นชั่วคราวไปอย่างที่น้องเคยเขียนมาค่ะ หรือ ลองทบทวนดูว่าเคยทำ freelance ที่ไหนบ้างไหม สนิทกับเจ้าของงานพอที่จะให้เขารับรองว่า ทำงานกับเขายาวนานจนครอบคลุมเวลาที่ทำกับที่ๆเจ้านายเก่าไม่ชอบน้องได้ไหมนะคะ

  • หนูดี  On May 6, 2011 at 4:35 pm

    สวัสดีค่ะจำหนูดี ได้ปล่าวคร๊า หลังจากผ่านการสัมภาษณ์ที่ไม่ผ่านมาแล้วตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ ปีนี้ ตอนนี้ก็เริ่มต้นหาข้อมูลเพื่อจะไปใหม่ค่ะ แต่ตอนนี้สามีไปด้วยค่ะ โดยคุณอาซึ่งเป็นน้องพ่อของสามีจะทำจดหมายเชิญมาค่ะ ในสัปดาห์หน้า ( แต่การกรอกเอกสารครั้งแรก ไม่ได้กรอกเองค่ะ แต่เป็นเอเจนซี่ ซึ่งหลังจากกรอกเค๊าก็หายตัวไปเลยค่ะ 555 แต่ตอนนี้จะกรอกเองแล้วค่ะ )แต่จะขอถามพี่เป็นข้อๆๆน่ะค่ะ
    1.ถ้าสัมภาษณ์ครั้งแรกไม่ผ่าน แบบฟอร์มในการกรอกก็คือชุดเดิมใช่มั๊ยค่ะ
    2.U.S. Social Security Number จะเขียนว่าอะไรค่ะ เพราะเดิมทีเอเจนซี่เขียนว่า DOES NOT APPLY
    3.U.S.Taxpayer Number จะเขียนว่าอะไรค่ะ เพราะเดิมทีเอเจนซี่เขียนว่า DOES NOT APPLY
    4.Home Address จะใช้เป็นที่อยู่ปัจจุบันที่กรุงเทพ หรือจะใช้ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านที่ต่างจังหวัดเนื่องจากเป็นเจ้าบ้านอยู่ที่โน้นค่ะ
    5.Passport Book Number จะเขียนว่าอะไรค่ะ เพราะเดิมทีเอเจนซี่เขียนว่า DOES NOT APPLY
    6.Person/entry pay for your trip เดิมใช้ค่าว่า Self แต่ในจดหมายเชิยคุณอาจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย จะให้เขียนว่าอะไรดีค่ะ
    7.Have you every been refused a U.S. Visa,been refused admisson to the United States,or withdrawn your application for admission at the point of entry? เดิมเขียนว่า no ในครั้งนี้จะเขียนว่า yes ใช่หรือปล่าวค่ะ เพราะว่าครั้งก่อนไม่ผ่านค่ะ
    8.Relationship to you ในครั้งนี้จะเขียนว่า ญาติ ได้เลยใช่หรือปล่าวค่ะ
    9.Other persons traveling with you? ในครั้งนี้ตอบ yes ได้เลยหรือปล่าวค่ะเพราครั้งนี้ไปกับสามีค่ะ
    10.การกรอกเอกสารสามารถกรอกในระบบไปก่อนได้หรือไม่ค่ะระหว่างรอจดหมายส่งมาถึงค่ะ และ ในเอกสารจะมีช่องถามหรือไม่ค่ะว่าจดหมายเชิญหรือไม่
    ขอรบกวนพี่ด้วยน่ะค่ะ เพราะครั้งนี้อยากจะกรอกเองและทำอย่างรัดกุมค่ะ และคาดว่าจะต้องมีการขอข้อมูลเข้ามาอีกมากมายอย่าเพิ่งเบื่อน่ะค่ะ ขอพระคุณพี่ล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On May 7, 2011 at 12:03 am

      การขอวีซ่าไม่ผ่านครั้งแรก การขอครั้งที่ 2 จะถูกสัมภาษณ์มากหน่อย ต้องเตรียมตัวให้ดีค่ะ แบบฟอร์มที่ต้องกรอก คือ DS 160 ขอตอบเป็นข้อๆตามที่ถามมาค่ะ
      1. ใช่ค่ะ ชุดเดิม คือ DS 160
      2. US Security Number คล้ายๆหมายเลขบัตรประชาชนของคนอเมริกัน เราไม่มีอยู่แล้วค่ะ นอกจากพวกที่เคยไปทำงานในอเมริกาค่ะ ดังนั้นที่ agent กรอก does not apply ถูกต้องแล้วค่ะ
      3. does not apply ถูกแล้วค่ะ เพราะน้องไม่ได้จ่ายภาษ๊ให้รัฐบาลอเมริกัน
      4. ใช้ที่อยู่ที่น้องอยู่ทุกวันนี้ค่ะ เพราะถ้าวีซ่าผ่าน สถานทูตก็จะส่งหนังสือเดินทางกลับมาที่ๆอยู่นี้ค่ะ
      5. ใช้ does not apply ถูกแล้วค่ะ
      6. คิดว่า น้องน่าจะใช้ sponsor เป็นคนที่เมืองไทยมากกว่า เช่น เป็น สามี หรือเป็นบัญชีน้อง + บัญชีสามี หรือบัญชีพ่อแม่ เพราะถ้าเป็นบัญชีอา ต้องให้อากรอกฟอร์ม I-130 และอาต้องส่งจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารที่อามีบัญชีเงินฝากในสหรัฐอเมริกา , Statement บัญชีเงินฝาก, หลักฐานเรื่องการชำระภาษี อีกประการหนึ่ง การใช้ sponsor เป็นคนอเมริกัน ไม่มีน้ำหนักที่จะชี้ชัดได้ว่า น้องมีความผูกพันทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ครอบครัวที่อยู่ในเมืองไทยเท่าไรนักค่ะ
      7. ก็ต้องใส่ว่า เคยถูกปฏิเสธวีซ่า และจะมีคำถามต่อไปว่า วันที่เดือนที่ถูกปฏิเสธวีซ่าค่ะ
      8. ให้ลองทบทวนคำตอบที่ 6 ถ้ายังคงยืนยันจะใช้อาเป็น Sponsor ก็ใส่ไปว่า Uncle ถ้าเป็นอาผู้ชาย ใส่ aunt ถ้าเป็นอาผู้หญิงค่ะ
      9.ใส่ชื่อสามี ถูกแล้วค่ะ
      10 ไม่มีถามว่า มีจดหมายเชิญไหมคะ มีแต่ถามว่า จะไปพักกับใคร ที่อยู่ และ หมายเลขโทรศัพท์ของบ้านที่จะไปพักค่ะ

  • หนูดี  On May 6, 2011 at 5:15 pm

    พี่ค่ะแค่ลองเข้าไปดูก็ยากมากมายค่ะ หมดเวลาตลอดเลยค่ะ
    Surnames ให้ระบุเฉพาะ นามสกุลภาษาอังกฤษ
    Given Names หมายถึงชื่อ อย่างเดียวใช่มั๊ยค่ะ
    Full Name in Native Alphabet ตรงนี้หมายถึงอะไรค่ะ
    พี่ช่วยด้วยน่ะค่ะ ถ้าจะไปไม่รอดแน่ๆๆเลยค่ะ

    • Gypsy  On May 6, 2011 at 6:19 pm

      @คุณหนูดี ลองเข้าตามลิ๊งค์ต่อไปนี้ดูนะคะ เป็นคู่มือภาษาไทยกับคลิปวีดีโอแนะนำของสถานทูตคะ

      Click to access ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf

      http://www.youtube.com/user/USEmbassyBangkok#g/c/6CC5579FEF238B3B

      หนูขออนุญาตพี่ GoVisa นะคะที่แนะนำคุณหนูดีก่อนที่พี่จะมาตอบ ขอบคุณคะ

      • govisa  On May 7, 2011 at 12:08 am

        ขอบคุณน้อง Gyspy มากค่ะ ที่ช่วยตอบแทนนะคะ

    • govisa  On May 7, 2011 at 12:05 am

      surname แปลว่า นามสกุล given name แปลว่า ชื่อแรกของเราค่ะ Full name in Native alphabet ให้เขียนชื่อ-นามสกุล ด้วยภาษาไทยค่ะ เอาใจช่วยค่ะ

  • หนูดี  On May 7, 2011 at 4:58 pm

    ขอบคุณ คุณGyspy และ พี่ govisa น่ะคร๊า จะลองทำดูค่ะ จะพยายามค่ะ

  • Banana  On May 11, 2011 at 12:34 am

    สวัสดีค่ะ หลังจากได้คำตอบเรื่องการขอวีซ่า เลยหายไปนานเลยค่ะ
    แต่อยากเข้ามาถามพี่ หรือเพื่อนคนอื่นๆ ที่จะเดินทางไปอเมริกาค่ะ
    พอดีว่าจองตั๋วของสายการบิน Delta airline ค่ะ แล้วในรายละเอียดแจ้ง
    ว่าสามารถโหลดกระเป๋าได้ 2 ใบ น้ำหนักใบละประมาณ 23 kg. เลยงงๆ ค่ะ
    เพราะเพื่อนๆ ที่เคยเดินทางไปต่างประเทศบอกว่าน่าจะได้ใบเดียวค่ะ
    ถามทางบริษัทที่รับจองตั๋ว เค้าก็ confirm มาว่าได้ตามนั้น

    • govisa  On May 11, 2011 at 8:29 pm

      น้อง Pradinunt คะ ถ้าน้องไปประเทศในทวีปเอเวียและยุโรปได้กระเป๋า 1 ใบค่ะ แต่ถ้าไปอเมริกาได้กระเป๋า 2 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม ถ้าน้ำหนักเกิน และเป็นนักเรียน ประเภทไม่อยากทิ้งอะไรสักชิ้น ข้อมูลต่อไปที่กำลังจะบอกได้มาจากประสบการณ์นะคะ ผู้ปกครองฐานะดีบางท่านไม่เสียดายที่จะจ่ายค่ากระเป๋าเดินทางใบที่ 3 ให้ลูกค่ะ ดีกว่าที่ต้องมาเอาของออกที่สุวรรณภูมิ เพราะน้ำหนักเกินค่ะ ถ้าไม่ยอมเอาออกก็ต้องจ่ายค่าน้ำหนักที่เกิน ซึ่งดูไปแล้วอาจไม่คุ้มเมื่อเทียบกับซื้อพื้นที่กระเป๋าใบที่ 3 อีก 1 ใบไปลยค่ะ ส่วนราคาใบที่ 3 จะดูจากเว็บของ airline หรือจะลองสอบถาม airline นั้นๆดูก็ได้ค่ะ แต่ละ airline กฎไม่เหมือนกันนะคะ ถ้าจะดูจากเว็บไซต์ของ airline เช่น delta ก็ได้ค่ะ http://www.delta.com/traveling_checkin/baggage/checked/size_weight_restrictions/index.jsp ถ้าเป็นการเดินทางภายในประเทศสหรัฐได้ใบเดียวนะคะ อ่านเพิ่มเติมที่พี่เขียนในหัวข้อ Pre-Departure ด้วยก็ได้ค่ะ
      พี่ copy ข้อมูลจากเว็บไซต์ Delta มาให้ดูกันเลยค่ะ คลิกดู FAQ บรรทัดสุดท้ายจากเว็บไซต์เขาเองด้วยก็ดีค่ะ

      Size & Weight Restrictions

      Regardless of where you’re going, you’ll want to make sure what you’re bringing is allowed.

      For carry-on bags your bag must:

      * Not exceed 45 inches (length+width+height), or 115 cm.
      * Fit easily in our SizeCheck® unit (approximately 22″x14″x9″, or 56x36x23 cm).
      * Fit in an overhead bin or underneath the seat in front of you.

      If your carry-on bag doesn’t meet these size restrictions it must be checked, and all checked baggage rules will apply.

      To avoid extra charges for oversize or overweight baggage, your checked bag must:

      * Weigh 50 pounds (23 kg) or less.
      * Not exceed 62 inches (157 cm) when you total length+width+height.

      Special Items

      * Each special item you’re checking counts as one bag.
      * When checking in online, you don’t have to tell us what the special item is—only that you have one.
      * An agent will determine any possible charges for your special item when you bring it to the baggage drop.

      Included are:

      * Overweight bags – bags over 50 lbs.
      * Oversize bags – bags over 62 inches (when you total the length+width+height)
      * Infant and children items – stroller, child restraint seats
      * Assistive devices – wheelchair
      * Sports equipment – bicycle, bowling equipment, fishing equipment, golf equipment, ski equipment, parachute, surfboard, windsurf board, scuba tank
      * Musical instruments
      * Fragile/bulky items – saddle, antlers, Hawaiian pineapples, military duffle bags
      * Pets

      Still have questions? Check out our Baggage FAQs.

  • Banana  On May 12, 2011 at 11:39 am

    ขอบคุณมากๆๆ ค่ะ สำหรับข้อมูลเรื่องกระเป๋าเดินทางค่ะ
    แล้วยังไงจะเข้ามาเล่าเรื่องการไปสัมภาษณ์วีซ่าอีกทีนะคะ

    • govisa  On May 12, 2011 at 8:49 pm

      โชคดีค่ะน้อง Pradinunt

  • NUENGNUCH  On May 12, 2011 at 7:12 pm

    กรอกแบบฟอร์มจ่ายค่าธรรมเนียมsevis fee ไม่เข้าใจในหัวข้อทึ่อยู่ที่ส่งใบเสร็จรับเงินว่าให้กรอกเป็นที่อยู่ที่ประเทศไทย/อเมริกา เพระว่ามีให้เลือกตอบรัฐในUSAด้วย ก็เลยงงค่ะ รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On May 12, 2011 at 8:43 pm

      น้อง Nuch ใช้ที่อยู่ในเมืองไทยค่ะ เพราะเขาจะส่งใบเสร็จตัวจริงกลับมาให้น้องที่บ้านค่ะ ใบเสร็จตัวจริงนำติดตัวเดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริกาด้วย เผื่อเจ้าหน้าที่ Immigration ขอดูค่ะ

  • PU  On May 19, 2011 at 8:10 am

    สวัสดีค่ะขอรบกวนเข้ามาถามด้วยนะคะ น้องมีความกังวลเรื่องการขอวีซ่า น้องแต่งงานกับคนอเมริกาแต่เขาทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ไทย สัญญาปีต่อปี ตอนนี้ก็ทำมา3 ปีแล้วจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่และเราจะต้องเดินทางไปด้วย สามีมีใบ เวิคร์ เพอมิท ใบขับขี่ไทย 5 ปี และสัญญาการเช่าซื้อรถกับทางธนาคาร จ่ายทุกเดือน และจะให้สามีขอใบรับรองจากที่ทำงาน
    ดิฉันจะขอวีซ่าท่องเที่ยวนะค่ะ และจะมีจดหมายเชิญจาก พ่อ และ แม่ คือพ่อแต่งงานใหม่นะค่ะ และเขาจะออกค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวออกเอง
    ส่วนน้องเปิดร้านขายของชำเล็กๆ มีทะเบียนการค้า เงินหมุนบัญชีก็ไม่เยอะ และมีฝากบัญชี ประจำ ราว250000 บาท เรากะจะไปเที่ยว 2 อาทิตย์และเยี่ยมพ่อแม่ด้วย
    ดิฉันต้องให้พ่อแม่รับรองด้วยใหมคะ แม่เป็นแม่บ้าน รับเลี้ยงเด็กอ่อน 2 คน และส่วนพ่อเป็นยาม แต่แม่น้องเขามีโฉนดที่นา และ สัญญาซื้อขายคอนโดที่อยู่ปัจจุบัน ไม่ทราบว่าจะได้ผลใหม ตอนนี้น้องก็มีแค่นี้จะโชว์ทางกงศุลเพื่อยืนยันการกลับมาเมืองไทย เพื่อคุณมีคำแนะนำดีๆ ที่น้องพอจะมีโอกาศยอมรับว่าเครียดมาก และไม่สบาย เคยขอวีซ่าท่องเที่ยว2 ครั้งไม่ผ่าน เมื่อ6 ปีที่แล้ว จำได้ครั้งล่าสุดวันไม่ผ่านเพราะเขาแสตมให้ ตอนนั้นยังไม่แต่งงานค่ะ

    • govisa  On May 20, 2011 at 12:16 am

      น้อง Pu คะ น้องแต่งงานจดทะเบียนสมรสทั้งฝั่งไทยและฝั่งอเมริกันที่สถานทูตหรือเปล่าคะ เพราะถ้าน้องจดทะเบียนสมรส การขอวีซ่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรยุ่งยากนะคะ และน้องน่าจะขอวีซ่าคู่สมรสไปนะคะ จากการที่น้องบอกว่าเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาก่อนหน้านี้ ครั้งนี้น้องน่าจะลองปรึกษาสำนักงานทนายความดู หรือลองเข้าไปอ่านเว็บไซต์ที่พี่จะให้ไว้ 2 เว็บ เพราะพี่ลองเข้าไปอ่านดู เห็นเขาให้ข้อมูลค่อนข้างละเอียด และมีประโยชน์กับคนที่แต่งงานกับชาวอเมริกันค่ะ เว็บหนึ่งเป็นของสำนักงานทนายความ http://www.integrity-legal.com/us-visa-th/immigrant-spouse-visa.html ต้องเรียนชี้แจงน้องนิดหนึ่งนะคะว่า พี่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเว็บไซต์ที่ส่งมาให้นี้ พี่เพียงแต่เหนว่ามีประโยชน์ในกรณีของน้อง น้องโปรดอ่านแล้วใช้วิธีพิจารณาใตร่ตรองเองนะคะ อีกเว็บหนึ่ง คือ http://www.weddingsquare.com/forum_posts.asp?TID=77959

  • BOWIE  On May 20, 2011 at 9:05 pm

    สวัสดีค่ะ คุณพี่ผู้ใจดี ตอบคำถามในกระทู้นี้

    ขอบคุณพี่เจอเวบนี้ช่วยได้เยอะมากค่ะ จนไปขอวีซ่ามาแล้ว 1 ครั้ง
    พร้อมทุกอย่าง…. แต่

    กงสุลก็ไม่ให้ผ่าน เพราะโบเลือกไป 1 ปี
    การที่ตอบคำถามแบบมั่นใจ(ในระดับหนึ่ง)+พยามยามบอกถึงเราจะพัฒนางานในไทย เน้น ไทย กงสุลกลับบอกว่า 1 ปีนานไป ภาษาพอใช้ได้ เรียนในไทยก็ได้ !!

    อึ้งค่ะ !!! แล้วมีเอกสารบอกว่า ไม่สามารถแสดงพันธผูกพันกับไทย !!

    ตอนนี้เลยกรอกDS160 ว่าไปเรียน 6 เดือน
    ได้วันนัด ปลายเดือน June โน่นเลย

    ขอคำแนะนำสำหรับสัมภาษณ์ครั้งหน้าด้วยค่ะ
    ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On May 20, 2011 at 10:36 pm

      น้องโบว์คะ เราต้องมาวิเคราะห์กันยาวเลยว่า ไม่ได้วีซ่าเพราะอะไรค่ะ เช่น เราจบมาได้คะแนนเรียนน้อยไหม เราจบมานานหรือยัง อายุมากหรือเปล่า บางกรณีอายุก็ถูกนำมาโยงได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งค่ะ แต่กงสุลเขาจะไม่มาแจกแจงเหตุผลโดยละเอียดกับเราหรอกค่ะ เขาจะมีกระดาษบอกเราว่า เราไม่ได้แสดงว่า มีหลักฐานผูกพันทางเศรษกิจสังคมและวัฒนธรรมกับครอบครัว ที่อยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ ถ้าน้องจะบอกประวัติย่อๆน้องมา พี่ก็จะบอกได้มากว่านี้ว่า เพราะเหตุใดน้องจึงไม่ได้วีซ่า แต่พี่ก็เข้าใจนะคะว่า บางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่อยาก post ให้คนอื่นเห็น พี่จึงให้คำถามตุ๊กตาน้องไปพิจารณาไตร่อตรองดู แล้วจะเขียนมาถามพี่คราวหลังก็ได้ค่ะ

  • Chan  On May 21, 2011 at 12:21 am

    ขอรบกวนถามเรื่องsevis feeค่ะ
    ต้องการขอวีซ่าให้ลูกชายค่ะ ปีที่แล้วได้วีซ่า f-1 1ปีค่ะ แล้วปีนี้ย้ายร.ร.เรียนgrade10ค่ะ ก็เลยต้องขอวีซ่าใหม่ เพราะวีซ่าเดิมหมดอายุค่ะ เมื่อกรอกแบบฟอร์มจ่ายsevis fee ปรากฏว่าจ่ายไม่ได้ เช็คstatusแล้วยังมีอยู่ เพราะsevis number เป็นเลขเดิม รบกวนถามว่าจะต้องทำยังไงค่ะ เพราะต้องรีบดำเนินการยื่นขอวีซ่า ถ้ายังไม่ได้จ่ายsevis feeก็กรอกเอกสารและยื่นไม่ได้
    ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On May 21, 2011 at 10:48 am

      คุณ Chan ต้องแจ้งโรงเรียนใหม่ที่ออก I-20 ว่า เดิมลูกคุณ Chan เรียนอยู่โรงเรียนชื่ออะไร แล้วแจ้งโรงเรียนเก่าด้วยว่าลูกคุณ Chan จะย้ายไปที่ใดค่ะ เขาจะได้ transfer หมายเลข sevis ไปให้โรงเรียนใหม่ แล้วใช้ sevis ใบเก่าไปขอสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนค่ะ

  • Chan  On May 21, 2011 at 11:24 am

    ถ้าทางร.ร.ทั้ง2ที่ติดต่อกันเรียบร้อยแล้ว เราจะได้sevis number เป็นเลขเดิมใช่มั้ยค่ะ แล้วในการขอวีซ่าใหม่ครั้งนี้เราต้องจ่ายค่าsevis fee อีกมั้ยค่ะ
    ขอบคุณมากๆค่ะ

  • BOWIE  On May 21, 2011 at 9:17 pm

    ^ ^ ขอบคุณค่ะที่ช่วยตอบแก้ไขปัญหานะคะ
    โบบอกรายละเอียดได้ค่ะ
    1.จบมา6ปีที่แล้ว เกรด3.33เกียรตินิยมอันดับสอง
    2.อายุ28ปี
    3.ได้i-20ระบุเรียนได้18เดือน
    4.ขอไปเรียน1ปี (เนื่องจากระบุตามรุ่นพี่3คนที่ผ่านF1ไปแล้วพวกเค้าอายุ31-32ตอนขอค่ะ)
    5.สปอนเซอร์เป็นป้า นามสกุลเดียวกันกับโบ+พี่สาว(ลูกของป้าแต่งงานแล้วเปลี่ยนนามสกุล)
    รวมกันเป็น1ล้านบาท(แต่กงสุลยังไม่ได้ขอดูสเตสเม้น)
    6.มีจดหมายรับรองทำงาน1+ฝ่ายบุคคล1
    7.มีจดหมายจากโรงเรียน/จดหมายสปอนเซอร์(กงสุลไม่ได้ดู)
    **ประมาณนี้ค่ะ ส่วนการถามคำถามกงสุลเน้นที่บริษัทโบมาเลย ถามละเอียดแต่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง โบก็เลยพยายามตอบเลยดูเหมือนว่าพูดเยอะก็ผิดๆถูกๆพยายามอธิบายหน่ะค่ะ ประเด็นสำคัญคือคำถามว่าทำไมต้องไป1ปี โบตอบว่ามันเป็นเวลาที่พอเหมาะและต้องการประสบการณ์ที่ดีด้วย..(ณเวลานั้น นึกภาษาอังกฤษไม่ออก)อาจเป็นเพราะคำตอบนี้หรือเปล่าคะ กงสุลเลยไม่ได้เรียกดูอะไร บอกซอรี่และคิดว่า1ปีนานไป…
    **ช่วยแนะนำสำหรับการตอบคำถามครั้งหน้าด้วยคะ ตอบคำถามไปยื่นเอกสารอื่นๆไปด้วยเลยดีไม๊คะ…
    ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On May 22, 2011 at 7:59 pm

      น้องโบ ขอโทษค่ะ ที่ตอบช้า พี่ไม่ทราบโรงเรียนภาษาที่น้องโบได้ I-20 ชื่อโรงเรียนอะไรคะ บางทีชื่อโรงเรียนและเมืองที่โรงเรียนนั้นตั้งอยู่ก็มีส่วนนะคะ เช่น ถ้าไปเมืองใหญ่มากๆที่มีคนไทยเข้าไปอยู่แบบผิดกฎหมายเยอะ แล้วมาทำให้ถูกกฎหมายภายหลัง เมืองพวกนี้ก็ทำให้กงสุลเข้าใจเราผิดได้ว่า จะหาทางไปแอบทำงานด้วยหรือเปล่า อะไรทำนองนี้ค่ะ และที่น้องบอกว่า เขาถามเรื่องที่ทำงาน น้องไม่ได้ให้ตัวอย่างคำถามที่เขาถามน้อง พี่ก็เลยไม่สามารถวิจารณ์ได้ค่ะ ถ้าครั้งต่อไปเขาถามโบว่า จะไปเรียนภาษานานเท่าไร น้องโบก็คงต้องบอกว่าไปนาน 6 เดือน และน่าจะขอให้บริษัทที่น้องทำงานอยู่ ระบุเพิ่มเติมในจดหมายรับรองการทำงานด้วยได้ไหมว่า โบลาไปเรียนภาษา 6 เดือน และจะต้องกลับมาทำงานที่บริษัทที่โบทำงานอยู่หลังจากเรียนภาษาครบ 6 เดือนแล้วค่ะ หรือถ้าที่ทำงานช่วยไม่ได้ โบคงต้องบอกกงสุลไปว่า โบจะไปเรียนภาษา เพื่อเตรียมตัวสอบพวก TOEFL กับ GMAT เพราะโบจะเรียนต่อ MBA ค่ะ ส่วนถ้าเขาถามถึงผู้ค้ำประกันว่า ทำไมไม่ให้พ่อแม่ค้ำ โบจะตอบว่า อะไร เตรียมตัวตอบคำถามประเภทนี้ไว้ด้วย เพราะพี่ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า ทำไมโบใช้คุณป้าค้ำประกันค่ะ อย่างไรก็ตาม พี่คาดคะเนว่า ผู้ปกครองที่แท้จริงอาจมีเงินในบัญชีน้อย จึงไม่สามารถแสดงให้ดูหลักฐานทางการเงินได้ค่ะ
      ที่โบถามว่า ตอบคำถามไปแล้วยื่นเอกสารด้วย โบย่อมทำได้ค่ะ แต่คงต้องดูจังหวะด้วยว่า มันเกี่ยวข้องกับคำถามนั้นหรือเปล่าค่ะ เพราะมีคนเคยเล่าว่า พอยื่นเอกสารกงสุลบอกว่า ไม่ขอดูเอกสารชิ้นนั้นก็มีนะคะ

  • BOWIE  On May 21, 2011 at 9:27 pm

    ลืมบอกไปค่ะ โบตอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ นึกได้แต่ภาษาอังกฤษคำง่ายๆ

    • govisa  On May 22, 2011 at 8:03 pm

      น้องโบอย่ากังวล เรื่องพูดภาษาอังกฤษช้าค่ะ การที่เราพยายามโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษ กงสุลย่อมเห็นแล้วว่า น้องพยายามพูดภาษษอังกฤษกับเขาแล้วค่ะ ให้กำลังใจสู้ต่อไปนะคะ แม้ว่า การขอหนที่ 2 จะยากกว่าหนแรก เพราะกงสุลจะมี comment จากกงสุลคนแรกอ่านประกอบด้วยค่ะ น้องโบต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่า โบไม่ได้อยากเข้าไปอยู่ที่อเมริกาเลยจริงๆค่ะ

  • จูน  On May 22, 2011 at 10:26 pm

    คือตอนนี้เป็นออแพอยู่ที่เมกาปีเก้าเดือนจะขอวีซ่านักเรียนเรียนต่อปริญญาโทอ่ะคะ ตอนนี้ได้ใบตอบรับจากมหาลัยแล้ว พอดีให้น้าเขยเป็นสปอนเซอร์ให้ แต่เรากะน้าเขยและน้าอยู่ทะเบียนบ้านเดียวกัน กลัววีซ่าไม่ผ่านนะคะอยากทราบว่าเราควรเตรียม ทะเบียนบ้านและทะเบียนสมรสหรือเอกสารอะไรอีกมั้ยคะ แล้วจำเป็นต้องไปแปลงเป็นเป็นภาษาอังกฤษด้วยหรือป่าว อยากทราบขั้นตอนในการแปลงและระยะเวลานะคะ กังวลมากเลย
    ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On May 22, 2011 at 10:54 pm

      น้องจูนคะ ตอนนี้น้องอยู่ที่เมืองไทยใช่ไหมคะ การขอวีซ่านักเรียน น้องต้องกรอกฟอร์ม DS 160 ให้เสร็จก่อน แล้วจึงจะทำการนัดสัมภาษณ์ได้ค่ะ กรอกฟอร์ม DS 160 ให้เสร็จเร็วๆก็ดีนะคะ เพราะคิวนัดสัมภาษณ์อเมริกาค่อนข้างแน่นค่ะ อาจต้องมีการรอนิดหน่อยค่ะ

      เรื่อง Sponsor ปกติทางสถานทูตอยากให้ผู้ค้ำประกันหรือ Sponsor เป็นญาติสายตรงกับผู้ยื่นขอวีซ่า หรือที่ฝรั่งเขาใช้ศัพท์ว่า เป็นญาติกัน by blood ลักษณะการเกี่ยวข้องเป็นญาติระหว่างน้องกับน้าเขยกับที่บ้านน้อง ถือว่าเป็นญาติกันโดยนิตินัย หรือ โดยทางกฎหมาย น้องจึงอาจถูกถามถึงฐานะทางการเงินของคุณพ่อคุณแม่ เช่น ประกอบอาชีพอะไร มีบัญชีเงินฝากไหม เป็นต้นค่ะ

      ทะเบียนบ้านไม่ต้องแปล น้องสามารถนำตัวจริงไปให้กงสุลดูได้ค่ะ ส่วนทะเบียนสมรสหมายถึงทะเบียนสมรสของน้ากับน้าเขยใช่ไหมคะ ถ้าน้องแปลเสร็จแล้ว ให้น้องนำไปที่กองสัญชาติและนิติกรณ์ ดูรายละเอียดตามเว็บที่ให้ค่ะ http://www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=84 ตั้งอยู่ภายในบริเวณกรมกงสุล ที่เดียวกับที่ทำหนังสือเดินทาง น้องให้ทางเจ้าหน้าที่เขาตรวจเอกสารแปลและเซ็นต์ชื่อรับรองการแปล หรือน้องจะนำไปแปลในบริเวณชั้นล่างของกรมกงสุลก็ได้ค่ะ
      เอกสารที่ใช้ขอวีซ่ามี
      1. I-20
      2. ค่าธรรมเนียมวีซ่าจ่ายที่ไปรษณีย์ 4,340 บาท
      3.ค่า Sevis I-901 fee จำนวน 200 เหรียญ จ่ายผ่านเว็บไซต์ http://www.fmjfee.com
      4. ใบยืนยัน DS 160 Confirmation Number
      5.หนังสือเดินทาง
      5. Transcript
      6. หนังสือรับรองการทำงาน
      7.จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครอง พร้อมบัญชีตัวจริง
      8. ถ้าผู้เป็น sponsor ทำธุรกิจ ให้นำใบทะเบียนการค้าไปด้วย แต่ถ้าเป็นลูกจ้างให้ไปขอจดหมายรับรองการทำงาน 1 ใบ
      9.รูปถ่ายขนาด 2 นิ้วคูณ 2 นิ้ว ด้านหลังฉากสีขาว เห็นใบหูทั้ง 2 ข้าง จำนวน 1 ใบ ให้นำรูปถ่ายนี้ไปด้วยกรณี upload รูปไปกับฟอร์มแล้วแต่ไม่ได้ภาพที่ชัดเจน กงสุลจะขอรูปถ่ายไว้ scan ลง Passport ค่ะ

  • Chan  On May 23, 2011 at 11:14 am

    รบกวนคุณใจดีอีกครั้งค่ะ
    ถ้าทางร.ร.เก่าและใหม่ ติดต่อกันแล้ว เราจะได้sevis numberเป็นเลขเดียวกันคือเลขเดิมใช่มั้ยค่ะ แล้วในการขอวีซ่าครั้งนี้เราต้องจ่ายค่าsevis feeอีกมั้ยค่ะ
    ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On May 23, 2011 at 10:21 pm

      คุณ Chan คะ ได้เบอร์เดิมค่ะ และไม่ต้องจ่ายเงินค่า Sevis ค่ะ

  • จูน  On May 25, 2011 at 5:35 am

    ขอบคุณมากเลยนะคะ หนังสือรับรองการทำงานนี่ เคยทำงานก่อนเป็นออแพร์ ประมาณสองปีแล้วอ่ะคะ ยังจำเป็นต้องใช้ใช่มั้ยคะ
    ค่าธรรมเนียมวีซ่ากับจองพินเหมือนกันป่าวคะ จ่ายตอนไหน

    ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ถ้าได้ไปสัมภาษณ์ เสร็จเมื่อไหร่ จะมาเล่าประสปการณ์ให้ทุกคนฟังคะ

    • govisa  On May 25, 2011 at 5:43 am

      น้องจูน ควรมีจดหมายรับรองจาก aupair ไปด้วยก็ดีค่ะ ส่วนค่าธรรมเนียมวีซ่าคือ ค่าธรรมเนียมในการขอเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา หรือเป็นที่รู้กันว่า คือ ใบเสร็จที่จะนำไปประกอบเอกสารวีซ่าอื่นๆ เพื่อให้กงสุลพิจารณาในวันสอบสัมภาษณ์ เป็นเงิน 4,340 บาท (140 US$) ส่วนพินที่ใช้สำหรับจองนัดวันสัมภาษณ์ สามารถซื้อได้ที่ไปรษณีย์จำนวน 372 บาท (12 US$) หรือจะตัดจากบัตรเครดิตก็ได้ค่ะ

  • จูน  On May 25, 2011 at 5:55 am

    อีกคำถามนะคะ ถ้าเรายังไม่มีอพาร์ทเม้น เรกรอกที่อยู่โฮสที่เราทำงานด้วยดีหรือเปล่า แล้วบอกเค้าว่าโฮสให้พักอยู่จนกว่าจะหาอพาร์ทเม้นได้ หรือควรเอาที่อยู่อื่นจะดีกว่า

    • govisa  On May 26, 2011 at 12:29 am

      น้องจูนจะขอวีซ่านักเรียน I-20 ตอบรับเป็นของสถานศึกษาชื่ออะไรคะ ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยก็กรอกไปก่อนได้ว่าอยู่หอพักมหาวิทยาลัยค่ะ ถ้าสถานศึกษานั้นไม่มีหอพักของเขาเอง ให้ดูว่าเขามีระบบการจัดหาที่พักอะไรบริการนักศึกษาต่างชาติบ้างค่ะ ถ้ามี homestay ก็กรอกว่าจะไปอยู่กับ homestay ที่โรงเรียนภาษาจัดหาให้ค่ะ และใส่ที่อยู่ดรงเรียนภาษาไปค่ะ การที่น้องจะใส่ที่อยู่ Aupair แปลว่า น้องจะไปอยุ่ที่เมืองเดียวกับที่ Aupair น้องอยู่หรือคะ

  • แอน  On May 25, 2011 at 4:02 pm

    สวัสดีค่ะ คุณgovisa ผู้ใจดี..
    เคยมาถามปัญหาบางประการเมื่อสอง-สามเดือนก่อน และได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดี
    เมื่อวานเพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่ามา ก็เลยจะมาแชร์ประสบการณ์เผื่ออาจจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ..

    ดิฉันยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว (B2)ได้คิวสัมภาษณ์ 07.15 น ก็ไปถึงหน้าสถานทูตราว 06.30 นค่ะ พักใหญ่ๆก็มี จนท.มาจัดแถวแบ่งตามเวลานัด เช็ครายชื่อของเรากับใบเสร็จค่าวีซ่าและใบ confirmation

    ประมาณ 07.15 น ก็ได้เข้าไปในประตูรั้ว ต้องฝากมือถือ(ปิดเครื่องด้วย) กุญแจรถที่มีรีโมทคอนโทรล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ทุกชนิด เช่น mp3 หูฟัง USB และร่ม จนท.จะเอาของที่ฝากใส่ถุงผ้า เอาบัตรประชาชนของเราใส่เข้าไปด้วย ล็อคกุญแจ แล้วให้กุญแจเรามา พร้อมกับกระดาษสีฟ้า ซึ่งเป็นแบบฟอร์มให้กรอกว่าจะรับพาสปอร์ตคืนด้วยวิธีใด(ส่งทางEMS หรือไปรับเองที่ ปท.รองเมือง)

    จากนั้นก็เข้าไปด้านใน เข้าแถวรอเรียงเอกสารพร้อมกับกรอกใบสีฟ้าไปด้วย จนท.จะเรียกพาสปอร์ต(ดิฉันกอบพาสปอร์ตให้เขาไป 4 เล่มค่ะ เพราะสองเล่มแรกมีวีซ่าท่องเที่ยว B2 และวีซ่านักเรียน F1 ที่หมดอายุแล้ว ซึ่งเขาจะ remark ไว้เป็นประวัติ เล่มที่ 3 นั้นเป็นเล่มปัจจุบันตอนกรอก DS160 แต่กว่าจะได้คิวสัมภาษณ์ เล่มนี้ก็เหลืออายุไม่ถึง 6 เดือน ก็เลยต้องไปทำเล่มใหม่…จนท.บอกว่าให้แจ้งกับ จนท.ข้างในด้วย)
    เขาจะเอาพาสปอร์ต จดหมายรับรองการทำงาน จดหมายเชิญ(ดิฉันมีจดหมายเชิญจากเพื่อนคนไทยที่เป็น US citizen อยู่ที่อเมริกา) แยกใส่แฟ้มใสต่างหาก

    จากนั้นก็เข้าไปด้านในอาคาร ต่อคิวที่หน้าต่างเบอร์ 14 หรือ 15 มี จนท.คนไทยเรียกแฟ้มใสไปตรวจสอบข้อมูลกับ DS160 บนจอคอมพ์ และถามคำถามเช่น ไปทำอะไร ไปกับใคร ทำงานที่ไหน มีญาติพี่น้องอยู่ที่อเมริกาหรือไม่…ดิฉันแจ้งข้อมูลเรื่องพาสปอร์ตเล่มใหม่ เขาก็แก้ไขข้อมูลพาสปอร์ตในจอให้ up date แล้วก็พิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วเขาก็ออกบัตรคิวแนบมากับเอกสารคืนมา บอกว่าให้รอเรียกตามคิวเพื่อให้กงศุลสัมภาษณ์ต่อไป…จะบอกว่า ตรงนี้ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ เป็นขั้นตอนการสกรีน และเช็คข้อมูลยันกับ DS160 ที่เรากรอกไป ตรงไหนไม่เคลียร์เขาก็จะถามค่ะ เห็นบางคนกรอกวันเดือนปีเกิดตัวเองผิดก็มี(ด้วยความตื่นเต้น) กรอกชื่อตัวเองเป็นชื่อพี่สาวก็มี

    ช่วงที่รอนี้ ออกมานั่งด้านนอกอาคารก็ได้ มีร้านกาแฟดอยตุงให้บริการอยู่ เวลาประกาศเรียกก็จะได้ยินอย่างทั่วถึง…ไม่ต้องห่วง

    ราวๆ 8.30 น ก็เริ่มเรียกตามคิว ขอแนะนำนิดนึงว่า ถ้าใครตื่นเต้น อย่าไปเงี่ยหูฟังคิวข้างหน้าที่กำลังสัมภาษณ์อยู่ ให้โฟกัสเฉพาะตัวเอง เพราะบางคนที่เข้าไปก่อนอาจจะโดนซักไซร้ละเอียดมาก ก็อาจทำให้เราตื่นเต้นไปล่วงหน้าโดยไม่จำเป็น
    ของดิฉันจนท.กงศุล(หญิง)ดูเฉพาะพาสปอร์ต(เก่า+ใหม่) จดหมายรับรองการทำงาน และจดหมายเชิญเท่านั้น และถาม(ภาษาอังกฤษ)ว่า จะไปเที่ยวที่ไหนในอเมริกา(…ไปแคลิฟอร์เนียใต้และไปเยี่ยมเยือนที่ที่เคยไปอยู่เมื่อสมัยตอนไปเรียนที่โน่น) ไปกับใคร(…ไปคนเดียว) ทำงานมากี่ปีแล้ว(…หกปี) เพื่อนที่เชิญมาทำงานอะไร (…เป็นหัวหน้าพยาบาล) มีญาติยู่อเมริกาหรือไม่(…ไม่มี)

    แล้วเขาก็คืนเอกสารทั้งหมดมา ยกเว้นพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน พิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วบอกให้ออกไปจ่ายตังค์ค่าซองและจ่าหน้าซองไปรษณีย์ด้านข้างอาคาร สรุปว่า…ดิฉันคงได้วีซ่าท่องเที่ยวแน่แล้ว

    ออกมาจ่าย 75 บาทที่เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ จ่าหน้าซองด้วยชื่อ-นามสกุลภาษาอังกฤษ คืนซองให้เขาไป แล้วก็ออกมารับของที่ฝากไว้…จบ…ตอน 9.00 น พอดีค่ะ

    • govisa  On May 26, 2011 at 12:24 am

      ขอบคุณมากค่ะคุณแอน ที่กรุณาเล่าประสบการณ์มาให้น้องๆ และท่านอื่นที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าไปสัมภาษณ์ได้เห็นภาพภายในสถานทูตอเมริกา จะได้ไม่ต้องกังวลกันมากค่ะ ขอให้เดินทางปลอดภัยและไปเที่ยวให้สนุกนะคะ

  • น้ำ  On May 26, 2011 at 7:04 pm

    สวัสดีค่ะ.. คือว่าทางโรงเรียนที่จะไปเรียนเค้าต้องการเอกสารพวกฉีดยาแล้วก็ตรวจสุขภาพอะไรอย่างเนี้ยอะค่ะ แต่ไม่ได้ให้เอกสารอะไรมา แค่บอกว่าต้องการ แล้วติดต่อไปทางโรงพยาบาล โรงพยาบาลเค้าบอกว่าต้องให้สถานทูตสั่ง อย่างนี้คือหนูตอนที่หนูไปสัมภาษขอวีซ่าสามารถขอได้หรือเปล่าคะ?

    • govisa  On May 26, 2011 at 8:49 pm

      น้องน้ำคะ น้องเขียนมาสั้นมากๆค่ะ

      1. พี่เลยไม่ทราบว่า น้องจะไปเรียนประเทศไหน
      2. โรงเรียนที่น้องว่ามาเป็นโรงเรียนมัธยม หรือมหาวิทยาลัยคะ

      พี่สันนิษฐานว่า น้องไปเรียนในโครงการแลกเปลี่ยนระดับมัธยม หรือไม่ก็สมัครไปเรียนระดับมัธยม ด้วยทุนส่วนตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช่ไหมคะ ถ้าผิดบอกมาด้วยนะคะ เพราะพี่อยากบอกน้องๆทุกคนที่เขียนมาถาม คือ ถ้าพี่ไม่มีข้อมูลชัดเจน พี่ก็ต้องเดาตอบเอานะคะ กฎเกณฑ์แต่ละประเทศก็มีแตกต่างกันบ้าง เหมือนน้องเรียนโรงเรียนที่เมืองไทย กฎระเบียบแต่ละโรงเรียนก็มีต่างกันบ้างเล็กน้อยใช่ไหมคะ

      ที่โรงพยาบาลเขาบอกให้น้องไปติดต่อสถานทูต เขาคงจะคุ้นเคยกับแบบฟอร์มของบางสถานทูต เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น ที่สถานทูตจะมีแบบฟอร์มตรวจโรค ที่นักศึกษาต้องเอาไปให้หมอที่โรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนดให้ไปตรวจค่ะ สำหรับสถานทูตสหรัฐอเมริกา เขาไม่มีแบบฟอร์มทางการแพทย์ให้นักเรียน นักศึกษาค่ะ โดยทั่วไปถ้าโรงเรียนต้องการใบตรวจโรคว่าเราฉีดยาแล้ว สิ่งที่น้องควรทำคือ

      1. เขียนอีเมล์ไปอธิบายให้โรงเรียนทราบว่า โรงพยาบาลที่น้องไปติดต่อในเมืองไทยไม่มีแบบฟอร์ม ขอให้โรงเรียนทำจดหมายระบุมาว่า ต้องการให้ตรวจโรคอะไรบ้าง หรือ ฉีดยาป้องกันอะไรบ้าง หรือถ้าโรงเรียนมี link ไปยังหน้าที่จะมีแบบฟอร์มของดรงเรียนก็บอกเรามา เราจะได้ print ไปให้โรงพยาบาลตรวจ

      2. ถ้าโรงเรียนไม่รู้วิธีการจัดการปัญหานี้ อาจเป็นไปได้ว่า บางโรงเรียนมีนักเรียนต่างชาติน้อย ก็พลอยมีประสบการณ์กับนักเรียนต่างชาติน้อยด้วย ให้น้องติดต่อโรงพยาบาลเอกชน เช่น คลีนิคเวชศาสตร์การท่องเที่ยวนานาชาติ โรงพยาบาลบางกอกเนิรสซิ่งโฮม (บีเอ็นเอช) โทร 02-686-2700 ต่อ 1165 หรือ http://www.bnhhospital.com/index.php?name=service&file=medical_info&ser_catid=1&s_pid=39 เขาจะมีบริการฉีดวัคซีนสำหรับผู้จะเดินทางไปต่างประเทศและออกใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษให้ หรือน้องอาจจะลองโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ เช่น กรุงเทพคริสเตียน, เซนต์หลุยส์ โรงพยาบาลที่เอ่ยชื่อเป็นโรงพยาบาลที่บางสถานทูตเขาเคยใช้เป็นสถานที่ๆกำหนดว่า นักศึกษาที่จะขอวีซ่าไปเรียนประเทศเขา ต้องตรวจโรคที่โรงพยาลเหล่านี้ เช่น ออสเตรเลีย ดังนั้น โรงพยาบาลทำนองนี้จะคุ้นเคย และรู้วิธีการที่จะติดต่อกับชาวต่างประเทศดี พี่เคยมีคนรู้จักไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่เขาประสบปัญหาตรงที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นออกใบรับรองทางการแพทย์ไม่ได้ เขาอ้างว่าเขาไม่เคยทำ ส่วนโรงพยาบาลรัฐบาลใหญ่ๆในกรุงเทพมหานคร ก็เคยมีคนรู้จักไปขอใบรับรองแพทย์ เพราะคิดว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชน ปัญหาก็มีอยู่นิดหนึ่งคือ ชื่อคนไข้เป็นภาษไทย ดูแล้วไม่อินเตอร์ เพราะฝรั่งที่โรงเรียนจะทราบได้อย่างไรว่า ใบรับรองใบนี้ออกให้นักเรียนชื่อนี้เป็นต้นค่ะ

      การฉีดยาวัคซีนของอเมริกา เขาจะเน้นให้ฉีด MMR (Mumps, Measles,Rubella) ซึ่่งจะอยู่ในเข็มเดียวกัน บางแห่งให้ฉีดเข็มเดียว บางแห่งให้ฉีด 2 เข็ม เว้นระยะห่างจำได้ไม่แม่นว่า 1 อาทิตย์หรือ 1 เดือน ลองถามโรงพยาบาลดูค่ะ และที่เขาต้องการอีกอย่างคือ ทำ skin test เพื่อตรวจโรค Tuberculosis (วัณโรค) มีมหาวิทยาลัยบางแห่งให้นักศึกษาฉีดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบไปด้วย สำหรับโรคนี้น้องน้ำควรสอบถามโรงเรียนน้องว่า เขาต้องการให้ฉีดไปก่อนล่วงหน้าหรือไม่ค่ะ เพราะค่าฉีดแพงค่ะ สำหรับมหาวิทยาลัยบางแห่งในอเมริกา ค่าฉีดวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบอยู่ที่ประมาณ 100 เหรียญขึ้นไปค่ะ พี่ไม่ทราบราคาที่เมืองไทยนะคะ ลองสอบถามโรงพยาบาลที่แนะนำไว้ให้แล้วกันค่ะ

  • PopzaKokoro  On May 26, 2011 at 8:46 pm

    สวัสดีค่ะพี่
    หนูจะขอวีซ่านักเรียน ค่ะ รร ที่สหรัฐ ที่จะไปเรียนคือ Wake Technical Community College เป็น รร สอนภาษาค่ะ ตอนนี้ได้ I-20 มาเรียบร้อยค่ะ หนูจะเข้าเรียนตั้งแต่ Fall2011 ค่ะ
    ทาง รร เขาก็บอกมาว่าทั้งหลักสูตร ใช้เวลา 18 เดือน แต่ละเทอมจะใช้เวลาไม่เท่ากันค่ะ
    1. หนูควรจะขอวีซ่าอายุ 18 เดือน หรือ ขอแค่ไปเรียน เทอม fall ก่อนซึ่งใช้เวลาครึ่งปี ประมาณหกเดือนค่ะ
    2 กังวลเรื่องขอวีซ่ามากๆค่ะ เคยขอมาแล้วสองสามครั้ง เป็นวีซ่าท่องเที่ยว ไม่เคยผ่านเลยค่ะ เพราะไปขอทั้งครอบครัวแล้วเขาหาว่าจะอพยพค่ะ
    ขอครั้งที่แล้วก็นานแล้วค่ะ ราวๆ ห้าปีที่แล้ว ครั้งก่อนหน้านั้นก็ช่วงปี 2001 2003
    ทั้งๆที่บอกว่า เราอยู่เมืองไทยมีที่ทางมากมาย และการงานก็มีรายได้มากต่อปี แต่ก็ไม่ผ่านค่ะ แต่งานที่ทำจะเป็นอาชีพเกษตรน่ะคะ
    มันดูไม่มั่นคงเหรอคะ ที่เขามอง ว่าอาชีพนี้ไม่มั่นคงหรืออย่างไรคะ ไปที่ไรก็ยื่นกระดาษขาว จนหมดกำลังจะขอมากๆค่ะ
    3. พ่อหนูซึ่งเป็นสปอนเซอร์ ท่านก็ได้พักงานมาหลายปีแล้วค่ะ เพราะตอนนี้ท่านก็อายุหกสิบสองแล้วค่ะ
    แต่มีเงินเก็บมากพอให้หนูไปเรียนได้ค่ะ เพราะท่านจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
    ใบรับรองเงิน ท่านก็เอาบัญชีเงินประมาณ แสน usd ราวๆนั้นค่ะ หนูจะทำไงดีคะ
    เพราะว่าในอดีต น้องของหนูเคยขอวีซ่า นร แต่ก็ไม่ผ่านค่ะ โดยตอนนั้น
    พ่อก็เป็นสปอนเซอร์ให้ค่ะ เหมือนกับว่าจำนวนเงินเพียงพอ แต่ก็ไม่ผ่านค่ะ
    4 หนูไม่ได้ทำงานที่ไหนเลยค่ะ ตั้งแต่จบมาหนึ่งปี เกรดตอนจบก็ 2.8 ค่ะ ตอนแรกจะขอไปเรียน
    แต่ก็ติดรับปริญญาเลยรอรับปริญญาปลายปีให้เรียบร้อย
    จึงสมัครล่าช้าไปมาก ช่วงเวลาที่ว่างๆ ก็ช่วยงานที่บ้านค่ะ แต่พอเป็นงานทางเกษตรกรรมเลยไม่มีใบรับรองใดๆเลยค่ะ
    ทำแบบชาวบ้าน ในใบ DS-160 ก็มีให้ Briefly Describe your Duties: หนูควรตอบไปว่าอย่างไรค่ะ
    5 หนูมีเอกสารที่จะไปยื่นตอนนี้ก็มี I-20 ,ใบรับรองเงินจากพ่อ, ทรานสคริปของมหาวิทยาลัย, แล้วก็ใบรับรองจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย เหมือนรับรองความประพฤติน่ะค่ะ

    หนูคิดว่าหลักฐานไม่แน่นหนาพอเลย
    แต่หนูไปแล้วกลับแน่นอนค่ะ เพราะว่า แม่ไม่อยากให้ไปนาน ต้องกลับมาดูแลที่บ้าน เพราะท่านก็อายุมากๆกันแล้ว และมีน้องๆให้ดูแลด้วยค่ะ คือมารับช่วงต่องานจากที่บ้านด้วยค่ะ
    ตอนนี้ยังไม่แน่นอนเลยค่ะ ว่าจะต่อโทที่เมกาหรือป่าว แต่อยากไปเรียนภาษาให้ดีอ่ะค่ะ แล้วค่อยตัดสินใจว่าหนูจะเรียนที่เมกาไหวไหม หนูควรทำยังไงดีคะ ค่าสมัครแพง เลยยังไม่กล้า
    นัดสัมภาษค่ะ ตอนนี้หนูซื้อมาแค่พินนัดสัมภาษ เพราะใกล้เวลาเปิดเทอม ใน I-20 มากๆค่ะ ต้องไปก่อนวันที่หนึ่งสิงหา กลัวทั้งไม่ทัน กลัวทั้งขอไม่ผ่านค่ะ

    • govisa  On May 26, 2011 at 11:09 pm

      น้อง Aoy คะ พี่ขอถามน้องว่า ทำไมต้องไป Raleigh ที่ North Carolina คะ และจะพักที่ไหนในระหว่างที่เรียนที่เรียนที่ Community College แห่งนี้ค่ะ

      ส่วนที่บอกว่า หลักสูตรใช้เวลา 18 เดือนจบคือ น้องจะเรียนเพื่อไปสอบ TOEFL หรือจะเรียนเพื่อให้ได้รับ Associate Degree หรือ อนุปริญญาคะ เพราะโดยทั่วไป การสมัครไปเรียนภาษาก่อนของนักเรียนไทย ก็เพื่อที่ว่าจะได้มีความมั่นใจไปสอบ TOEFL ที่อเมริกาให้ได้คะแนนถึงเกณฑ์มาตราฐานค่ะ แต่ถ้าจะเรียนเพื่อเอาวุฒิอนุปริญญา ก็น่าที่จะทำให้กงสุลสงสัยได้ว่า ทำไมเรียนจบปริญญาตรีมาแล้ว ไม่เรียนต่อปริญญาโทเลย หรือ ถ้าจะไม่เรียนต่อปริญญาโท แต่ตอนนี้เรียนจบปริญญาตรีมาอาจจะจบด้านอื่นมา เช่น บริหารธุรกิจ แล้วเกิดเปลี่ยนใจอยากเรียนปริญญาตรีเอกวิชาภาษาอังกฤษอีกหนึ่งใบปริญญา ก็น่าจะสมัครไปเรียน second bachelor degree ที่ วิทยาลัย 4ปี หรือ มหาวิทยาลัยไปแทน ซึ่งต้องใช้เวลาเรียนไม่ต่ำกว่า 3 ปี เช่น อาจจะสมัครไปเรียนที่ North Carolina State U at Raleigh ไม่ใช่สมัครใน Community College ค่ะ ส่วนที่เขียนมาว่าแต่ละเทอมใช้เวลาเรียนไม่เท่ากัน พี่ไม่เข้าใจความหมายค่ะ เพราะถ้า Wake technical Community College ใช้ระบบ Semester เทอมหนึ่งก็น่าจะตกประมาณ 4 เดือนค่ะ ดังนันพี่ขอตอบน้องทีละคำถามตามที่ถามา ดังนี้ค่ะ

      1. น้องคงต้องตอบในแบบฟอร์มว่า หลักสูตรที่น้องเลือกเรียน เขาให้ degree เรียกว่าอะไร ระยะเวลาของ degree นั้นค่ะ ส่วนเทอม fall ที่ใช้เวลาหกเดือนพี่ยังไม่เคยเห็นค่ะ เทอม Fall ส่วนใหญ่จะเริ่มไม่เดือนสิงหาคมก็เดือนกันยายน มีน้อยมากที่จะเริ่มเรียนต้นเดือนตุลาคม แล้วจะจบเทอมประมาณเดือนธันวาคม เริ่มเปิดเรียนอีกที คือ เดือนมกราคม แล้วก็จะไปปิดเรียนประมาณมีนาคมหรือเมษายน บาง U. ก็ปิดเรียนพฤษภาคมค่ะ

      2. ที่ขอวีซ่านักท่องเที่ยวทั้งครอบครัวไม่ผ่่านวีซ่า คงต้องดูกันเป็นทีละประเด็นว่า ตอนกรอกฟอร์มวีซ่าว่า จะไปเที่ยวนั้นจะไปเที่ยวที่ไหน ไปพักกับใคร หรือจะไปเที่ยวที่ Raleigh ทำไมกงสุลถึงสงสัยว่าจะอพยพทั้งครอบครัว มันต้องมีจุดอ่อนตรงไหนที่ทำให้เขาสงสัยค่ะ คงต้องคุยกันยาวค่ะ

      3. การที่พ่อเป็น sponsor มีบัญชีเงินฝาก หนึ่งแสนเหรียญ ที่จริงก็มากพอที่จะขอวีซ่าได้ แต่ที่น่าจะเป็นปัญหา คือ โรงเรียนที่น้องของน้องได้รับจดหมายตอบรับให้ไปเรียนต่อเป็นโรงเรียนชื่ออะไร น่าเชื่อถือว่า ไปเรียนแล้ว จะกลับเมืองไทยหลังเรียนจบหรือเปล่า หรือ สมัครผิดประเภทโรงเรียนหรือเปล่า พี่ไม่มีรายละเอียด เลยตอบเรื่องน้องของน้องไม่ได้ค่ะ เหมือนโรงเรียนที่น้องได้รับการตอบรับนี้ อยู่ในลักษณะไปเรียนเอาวุฒิอนุปริญญา ซึ่งต่ำกว่าปริญญาตรี ก็อาจมีผลกระทบ ทำให้เขาสงสัยในเจตนาของน้องได้ว่า คิดจะไปอยู่เลยหรือเปล่าได้ค่ะ

      4. ถ้าน้องทำงานที่บ้าน น้องก็แต่งจดหมายภาษาอังกฤษให้คุณพ่อเซ็นต์ชื่อรับรองว่า น้องทำงานอะไรให้ที่บ้าน น้องได้รับค่าตอบแทนจากคุณพ่อเป็นรายเดือนประมาณเท่าไรค่ะ เหมือนน้องบางคนที่ที่บ้านเขาทำการค้ากับที่บ้าน เขาก็ต้องให้ที่บ้านออกจดหมายรับรองว่าเขาทำงานตำแหน่งอะไร เงินเดือนประมาณเท่าไร และเริ่มเข้ามาทำงานกับที่บ้านตั้งแต่เมื่อไหรค่ะ ในฟอร์ม DS0 น้องก็ตอบตามที่เป็นจริงว่าน้องทำงานอะไร เช่น คุณพ่อให้น้องเป็นคนติดต่อนำผลผลิตทางเกษตรกรรมไปขาย น้องก็ทำหน้าที่เหมือนเป็น Marketing Officer คือ ต้องติดต่อกับ บริษัท หรือ ตัวแทนขายผลผลิตทางเกษตรกรรม เป็นต้นค่ะ

      5. เอกสารที่ใช้ยื่นขอวีซ่ามี I-20, ค่า sevis fee 200 เหรียญที่ต้องจ่ายผ่านเว็บไซต์ http://www.fmjfee.com, ค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ต้องจ่ายที่ไปรษณีย์ 4340 บาท, transcript, จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณพ่อพร้อมบัญชีตัวจริง , อาจมีอัลบั้มรูปถ่ายพ่อกับกิจการทางการเกษตรไปให้กงสุลเขาดู, หนังสือเดินทาง, ใบยืนยัน DS 160 Confirmation Number , ใบยืนยันการนัดสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ

      ส่วนที่บอกว่าไม่แน่ใจว่าจะต่อปริญญาโทหรือเปล่านั้น ตรงนี้ ขอให้น้องคิดไว้เลยว่า วัฒนธรรมของฝรั่งกับของคนไทยต่างกัน คือ ฝรั่งจะวางแผนล่วงหน้ายาวเป็นปี เขามองภาพว่า การไปเรียนต่อปริญญาที่ต่างประเทศต้องใช้เงินลงทุนสูง จึงควรมีความชัดเจนและแน่นอนว่า จะไปทำอะไร เช่น จะไปเรียนคุณวุฒิระดับใดแน่ค่ะ ดังนั้นน้องคงต้องบอกกงสุลได้ว่าหลังจากจบภาษาแล้ว จะเรียนต่อปริญญาโท หรือจะกลับเมืองไทย ถ้าจะกลับไทยก็บอกเขาไปว่า กลับเลยไม่ต้องลังเลว่าไม่แน่ใจ หรือจะอยู่ไหวไหม น้องต้องตัดสินใจให้ได้ก่อนเข้าไปตอบเขาในวันนัดสอบสัมภาษณ์ ให้น้องลองนึกถึงภาพเวลาน้องไปสมัครงานบริษัทใหญ่ๆในเมืองไทย บริษัทก็ต้องการคนมีความเชื่อมั่นและเด็ดเดี่ยวเช่นเดียวกันค่ะ ขอให้เตรียมเอกสารและตอบคำถามให้ชัดเจน เพื่อให้กงสุลเข้าใจวัตถุประสงค์ของน้องค่ะ โชคดีนะคะ

  • น้ำ  On May 26, 2011 at 9:02 pm

    ขอโทษด้วยนะคะพี่ที่เขียนสั้นไป แต่พี่สันนิษฐานถูกเป๊ะเลยค่ะ 😉 ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะคะ แล้วหนูจะโทรไปตามเบอร์ที่ให้มาค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะพี่

  • PopzaKokoro  On May 27, 2011 at 12:22 am

    ขอบคุณมากเลยค่ะพี่ แนะนำได้มากเลยค่ะ สงสัยถ้าไปยื่นจะบอดแหงๆ ตอนนี้

    ต้องวางแผนอนาคตใหม่แล้วสินะคะ

    • govisa  On May 27, 2011 at 8:39 pm

      น้อง Aoy อย่าเพิ่งท้อถอยค่ะ ลองคิดวางแผนว่า เราจะไปเรียนอะไรกันแน่ จะลองสอบ TOEFL สักนิดไปก่อนไหมนะคะ เพื่ออย่างน้อย ถ้ากงสุลถามว่า ทำไมจะไปเรียนภาษาที่อเมริกา จะได้มีอะไรคุยกับกงสุลนิดหน่อยทำนองว่าเรียนแล้วลองสอบ TOEFL ที่เมืองไทย แต่ยังได้คะแนนไม่ดี เลยวางแผนจะไปเรียนที่อเมริกาค่ะ

  • เจี๊ยบ  On May 28, 2011 at 2:03 pm

    ขอสอบถามถึงการทำ DS2019 กับ ทำวีซ่า น่ะค่ะ ไม่ทราบว่า สามารถใช้ passport คนละเล่มได้มั้ยคะ เนื่องจากว่าตอนขอ DS2019 นั้น passport ราชการยังไม่ได้ และต้องการรักษาเวลาจึงใช้ passport ส่วนบุคคล ดำเนินการขอ DS2019 ไปก่อนค่ะ ตอนนั้ได้เอกสารครบแล้วทั้ง DS2019 และ passport ราชการ และยังมีหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้สถานฑูตออกวีซ่าให้ตามหมายเลย passport ราชการ ในกรณีนี้ควรใช้ passport ส่วนบุคคลเพื่อให้ข้อมุลตรงกับ DS2019 หรือว่า สามารถใช้ passportใหม่และหนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศเพื่อทำวีซ๋าดีคะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On May 28, 2011 at 9:29 pm

      @น้องเจี๊ยบ พี่ขอแนะนำให้น้องอีเมล์รีบแจ้งไปที่มหาวิทยาลัยที่ส่ง DS 2019 มา เรื่่องที่น้องมีความจำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทางราชการค่ะ เพราะถ้าน้องจะใช้หนังสือเดินทางราชการ กับหนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ เกรงว่า น้องอาจจะถูกซักถามเรื่องหมายเลขหนังสือเดินทางที่ไม่ตรงกันค่ะ ทั้งที่สถานทูตอเมริกาที่กรุงเทพ ที่ด่านตม.ที่สหรัฐอเมริกา และที่มหาวิทยาลัย เพราะหน่วยงานทั้ง 3 เขาจะเชื่อมข้อมูลถึงกันหมดค่ะ ดังนั้น เราน่าจะต้องแก้ไขเสียตั้งแต่ที่ต้นตอ ตือ มหาวิทยาลัย และถ้ามหาวิทยาลัยเปิดเรียนเดือนสิงหาคมก็ยังน่าจะทันที่จะแก้ไขค่ะ และถึงแม้วันนัดสัมภาษณ์ต้องเปลี่ยนไปก็ควรจะยอมค่ะ เพราะเราไม่อยากเกิดความยุ่งยากเมื่อเดินทางไปถึงที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาค่ะ

      ส่วนในฟอร์มนัดสัมภาษณ์ ถ้าจองไปแล้ว ยังแพอแก้ไขได้ค่ะ ถ้ายังไม่ถึง deadline ห้ามเปลี่ยนวันนัดสัมภาษณ์วีซ่านะคะ โดยน้องเข้าเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์ หลังจาก log in ลองดูที่หัวข้อ edit application พี่เคยแก้ไขเฉพาะหมายเลข DS 160 Confirmation number ได้ค่ะ ส่วนหมายเลข Passport บังไม่เคยแก้ไข ทำให้ไม่แน่ใจว่าแก้ไขได้ไหมค่ะ จำได้ว่า ในกระทู้ที่มีคนเขียนเล่าประสบการณ์มาให้อ่าน เล่าว่า มีข้อผิดพลาดเล้กน้อยในการกรอกฟอร์ม เมื่อเข้าไปในสถานทูต เจ้าหน้าที่เขาช่วยแก้ไขให้ค่ะ แต่ถ้าจะต้องแก้ไขหมายเลข passport ใหม่ในฟอร์ม และเป็นสาเหตุให้ต้องนัดสัมภาษณ์ใหม่ก็ควรจะต้องยอมค่ะ หรือ ไม่เช่นนั้น น้องยอมเสียเวลาไปถามเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาที่ตรงจุดยื่นขอวีซ่าด้วยตนเองเลยค่ะว่า ถ้าแก้ไขหมายเลขหนังสือเดินทางไม่ได้ แต่จะใช้วันนัดเดิมได้ไหมนะคะ โปรดระมัดระวัง agent ที่เดินอยู่แถวนั้นแล้วบอกจะช่วยแก้ไข ให้น้องจ่ายเงินค่าบริการ พี่เคยมีประสบการณ์จากคนที่มีปัญหาคล้ายน้องแล้วเล่ามาให้ฟัง สุดท้าย agent ก็ช่วยแก้ไขไม่ได้ ต้องกลับมาทำใหม่เองค่ะ

  • พิม  On May 28, 2011 at 4:40 pm

    ขอคำแนะนำเกี่ยวกับคำตอบที่ผุ้สัมภาษณ์วีซ่าไม่ผ่านได้รับที่ว่า ท่านไม่สามารถแสดงหลักฐานอันแสดงถึงความผูกพันมั่นคงอย่างแน่นแฟ้นทางครอบครัว สังคม หรือเศรษฐกิจภายนอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้ท่านเดินทางออกนอกสหรัฐ หลังจากได้พำนักอาศัยเป็นการชัวคราว” หมายความว่าอย่างไรค่ะ

    • govisa  On May 28, 2011 at 8:13 pm

      @น้องพิม หมายความว่าไม่มีความผูกพันว่า จะกลับมาอยู่ประเทศไทยค่ะ น้องถูกปฏิเสธวีซ่าแล้วหรือคะ น้องพอจะเล่าคำถามที่กงสุลสัมภาษณ์น้องได้ไหมคะ เพราะถ้าพี่มีคำถามพวกนั้น ก็พอจะตอบได้ว่า ทำไมน้องจึงถูกปฏิเสธวีซ่าค่ะ

  • พิม  On May 28, 2011 at 9:08 pm

    ไม่ค่ะพิมยังไม่ได้ขอวีซ่า แต่เป็นคุณพ่อค่ะ คือว่าคุณพ่อและคุณแม่จะเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวพร้อมด้วยพี่สาวอีกคนหนึ่งซึ่งได้วีซ่าเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนคุณแม่ยังไม่ได้สัมภาษณ์ คุณพ่ออายุเจ็ดสิบหกแล้วและตอบคำถามผิดๆถูกๆ เช่น กงสุลถามว่าจะไปนเท่าไหร่ก็ตอบว่าหกเดือนแต่จริงๆไปแค้เดือนเดียว ถามว่าไปกับใครก็ตอบว่าไปกับภรรยา ถามว่าลูกเขยชื่ออะไรก็ตอบไม่ได้เพราะจำไม่ได้ วันแรกกงสุลขอเอกสารเพิ่มคือเอกสารที่แสดงว่าลูกเป็นพลเมืองของสหรัฐ วันต่อมาพี่สาวก็ส่งอีเมลล์มาให้คำถามก็มีประมาณนี้แหละค่ะ

  • aoi  On May 28, 2011 at 10:27 pm

    อ้อยเคยได้ไปสัมภาษณ์ วีซ่า มาแล้ว 1 ครั้งคะ แต่ถูกปฎิเสธ เพราะเค้าบอกว่าเราไม่มีความมั่นคงกับประเทศไทย
    เป็นวีซ่านักเรียน มี i20 มี sevisfee และตอนนี้ได้ซื้อพินเว็บ และก้อกรอกเอกสาร ds160 แล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ submit เพราะไม่แน่ใจในการกรอกข้อมูลว่าจะถูกมั้ย เพราะภาษาอังกฤษ เยอะมากๆ อ่านไม่ค่อยออก เลยกะว่าจะรอถามเพื่อน ให้เพื่อนมาช่วยอ่าน และอีกอย่างที่ห้อง ไม่มีเครื่องปริ๊นด้วย ถ้าหนูจะเก็บข้อมูลไว้ ในเครื่อง หรือว่ารอให้เพื่อนมาช่วยแล้วกรอก ds160 ใหม่ง่ายกว่ามั้ยคะ ไม่มั่นใจเลยคะ
    และในเรื่องเอกสาร พอมีเบอร์ติดต่อมั้ยคะ อยากหาคนปรึกษาหรือนั่งพูดคุยคะ

    • govisa  On May 29, 2011 at 8:39 am

      น้องอ้อยลองเข้าไปดูที่ http://www.educationusa.info/Thailand เว็บไซตืนี้เป็นเว็บไซต์ของรัฐบาลอเมริกัน ที่จะระบุว่า มีชื่อหน่วยงานใดที่รัฐบาลอเมริกันให้การยอมรับในความน่าเชื่อถือของการให้คำแนะนำไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาค่ะ และเพราะหน่วยงานเหล่านั้นเป็นหน่วยงานประเภท Non-profit organization ในเรื่องค่าบริการแนะแนว พี่คิดว่า น้องไม่ต้องเสียเงินค่าบริการค่ะ หรือจะเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพ คือ http://thai.bangkok.usembassy.gov/services/irc/stu-c.html น้องลองดูนะคะว่า บ้านน้องอยู่แถวไหน สะดวกจะไปพบกับเจ้าหน้าที่ที่หน่วยงานใด ลองโทรศัพท์เข้าไปสอบถามกับหน่วยงานนั้นๆก่อนว่า แต่ละแห่งเขามีบริการด้านใดบ้างค่ะ

  • Chan  On May 29, 2011 at 9:29 am

    เรียนคุณgovisaผู้ใจดีค่ะ
    ขอบคุณค่ะที่ให้คำตอบ ตอนนี้กรอกเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ติดปัญหาที่จองวันนัดสัมภาษณ์ยังไม่ได้ค่ะ เฝ้ามาหลายวันแล้วค่ะ ร.ร.ลูกชายจะเปิดต้นเดือนสิงหาคมนี้ค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ ตอนนี้ร้อนใจมากเลยค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On May 29, 2011 at 8:47 pm

      คุณ Chan เข้าใจและเห็นใจคุณ Chan นะคะ รับรองว่า ลูกชายไปทันแน่ๆค่ะ ถ้าคุณ Chan ต้องรอถึงต้นเดือนกรกฎาคม ให้คุณChan ลองเขียนอีเมล์ไปถามที่ visabkk@state.gov แต่ถ้าเขียนอีเมล์ตอนนี้ เกรงว่าคุณ Chan จะได้รับคำตอบทำนองว่า สถานทูตเปิดคิวนัดสัมภาษณ์อยู่เรื่อยๆ ให้ลองจองเองก่อน เป็นต้นค่ะ คุณ Chan ได้ลองเข้าไปอ่านใน Pantip ตรงกระทู้ไกลบ้านบ้างหมคะ มีคนเขียนบ่นเกี่ยวกับคิววีซ่าของสถานทูตอเมริกากันพอสมควรค่ะ แต่สุดท้ายก็คือต้องรอค่ะ เอาใจช่วยนะคะ ให้ username ไปกับสามี และลูกชายด้วย เพื่อใครว่างก็เข้าไป log in หน้านัดจองเลยค่ะ ทราบมาว่า โทรศัพท์ประเภท Smartphone ทั้งหลายที่เข้าอินเทอร์เน็ตได้ ช่วยได้มากค่ะ เพราะถ้าเราว่างจะกดจองตอนเวลาเราไปทำธุระที่ไหนก็ได้ เปิดได้ตลอดเวลาค่ะ สู้ๆนะคะ

  • พิม  On May 29, 2011 at 11:09 am

    พี่คะพิมขอเพิ่มเติมรายละเอียดอีกนิดคือดเอกสารประกอบการสัมภาษณ์ที่เตรียมไปคือ I134 สเตทเม็ทของพี่สาว จดหมายเชิญ ใบเสียภาษีร้านค้า ค่ะพี่ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ คือกะว่าจะให้คุณพ่อยื่นขอวีซ่าอีกครั้งค่ะไม่ทราบว่าต้องอีกนานไหมค่ะ

    • govisa  On May 29, 2011 at 8:39 pm

      น้องพิมคะ คุณแม่อายุอ่อนกว่าคุณพ่อใช่ไหมคะ ถ้าท่านสอบสัมภาษณ์วันเดียวกันน่าจะช่วยพูดแทนคุณพ่อได้นะคะ พี่ไม่ทราบว่าคุณพ่อน้องมีปัญหาเรื่องการได้ยินหรือเปล่า เพราะบางทีคนสูงอายุต้องการให้ผู้อื่นพูดเสียงดังๆ เพราะเขาได้ยินไม่ชัดเจน หรือบางรายอาจไม่ได้ยินที่เราพูด ถ้าคุณพ่อมีเครื่องมือเล็กๆใส่ที่หูจะช่วยให้การได้ยินดีขึ้นไหมคะ แต่ก็ต้องบอกยามที่ปากประตูทางเข้าสถานทูตด้วยนะคะ เพราะพี่ไม่แน่ใจเครื่องตรวจจับวัตถุที่เป็นโลหะมันจะส่งเสียงร้องหรือเปล่าค่ะ

      เอกสารอย่างอื่นที่น่าจะนำไปด้วย คือ แหล่งที่มาทางการเงินของคุณพ่อ เช่น คุณพ่อมีเงินเก็บในบัญขีธนาคารไหม ถ้ามีมีเท่าไรค่ะ เอาจดหมายรับรองฐานะการเงินและสมุดบัญชีเงินฝากของพ่อไปด้วยค่ะ และคุณพ่อจะเดินทางคนเดียวหรือเปล่า เพราะท่านมีอายุมากทีเดียว และดูเหมือนว่า ท่านจะตอบผิดตอบถูกตามที่น้องเขียนมา จึงไม่ควรเดินทางคนเดียว ถ้ามีภรรยาไปด้วยก็น่าจะให้ภรรยาขอวีซ่าวันเดียวกัน จะได้ช่วยตอบคำถามที่กงสุลสัมภาษณ์ หรือจะให้พ่อบอกว่า ไปกับพวกบริษัททัวร์ เที่ยวกับทัวร์เสร็จ จะแวะเยี่ยมลูก คือพี่สาว น้องคงต้องตัดสินใจเองค่ะ ถ้าจะไปกับทัวร์ มีใบรายการทัวร์แนบไปด้วยนะคะ นอกจากนี้ อาจมี itinerary ของการเดินทาง เพราะถ้าพร้อมตอบไม่ได้ จะได้ยื่นให้กงสุลดูว่า จะออกจากเมืองไทยวันไหน และจะออกจากอเมริกากลับไทยวันไหนค่ะ และเอาเอกสารตามที่น้องบอกมาด้วยค่ะ หรือถ้าน้องยังคงเป็นกังวลอยู่อีก ให้ร่างจดหมายแทนพ่ออธิบายว่า จะไปอเมริกาครั้งนี้เมื่อไหร่ ไปทำอะไรที่ไหนบ้างและจะกลับประเทศไทยวันไหนแล้วให้พ่อเซ็นต์ชื่อ เพราะพ่อพูดไม่ค่อยถูก ซึ่งพี่ก็ไม่ทราบสาเหตว่า เป็นเพราะประหม่าตื่นเต้น หรือเพราะไม่ได้ยินค่ะ

  • น้ำ  On May 29, 2011 at 8:28 pm

    สวัสดีอีกครั้งนะคะพี่.. คึอว่าหนูจะไปเรียน high school ที่อเมริกาอะค่ะ หนูต้องไปเรียนอยู่เกรด 12ในโรงเรียน ถ้าเป็นแบบนี้หนูจะมีสิทธิ์เข้าไปเรียน college เหมือนคนอื่นๆไหมคะ? ที่กังวลเพราะว่าเหมือนกับว่าไปเรียนที่นู้นก้เรียนแค่ 1ปี เรียนอยู่เมืองไทยก็ยังไม่จบมัธยม เหมือนครึ่งๆกลางๆอะค่ะ ขอโทษนะคะถ้าคำถามของหนูมันดูงงๆหรือทำให้พี่เข้าใจยากอะค่ะ

  • Pat  On May 29, 2011 at 8:45 pm

    สวัสดีค่ะ มีเรื่องอยากให้ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ตอนนี้มาเรียนและทำงาน(เปิดร้านเสื้อผ้า)อยู่ที่ออสเตรเลียค่ะ มาอยู่ที่นี่ได้สองปีครึ่งแล้วค่ะ ตอนแรกมาเรียนภาษาหกเดือนและต่อ diploma สองปีค่ะ ตอนนี้ยังเรียนไม่จบคอร์ส(คิดว่าคงไม่จบค่ะเพราะลงเรียนเทอมละไม่กี่ตัวเอง) พอดีเพื่อนที่อยู่อเมริกาอยากให้ย้ายไปเรียนพยาบาลด้วยกันที่นั่น เพื่อนอยู่ Alanta ค่ะ คอร์สที่เพื่อนจะเรียนคือ Associate of nurse ที่ Georgia Perimeter College ค่ะ ไม่แน่ใจว่าถ้าจะสมัครไปเรียนที่โรงเรียนนี้จะมีโอกาสสัมภาษณ์ผ่านมั๊ยคะ หรือว่าควรจะสมัครไปเรียนภาษาก่อนดีคะ เพราะภาษาก็ยังแย่อยู่ถึงจะมาอยู่ที่ออสเตรเลียได้สองงปีแล้วก็ยังไม่พัฒนาเท่าไหร่ค่ะ และตอนสัมภาษณ์เอาแค่หลักฐานการจดทะเบียนร้านที่ออสเตรเลียไปได้มั๋ยคะ รึว่าต้องใช้หลักฐานอย่างอื่นด้วย จริงๆก่อนหน้ามาออสเตรเลีย จบปริญญาตรี รังสีเทคนิคแล้วค่ะ และทำงานได้ประมาณห้าปีแล้ว อย่างนี้ต้องเอาใบผ่านงานบริษัทและโรงพยาบาลที่เคยทำมาทุกแห่งประกอบการยื่นเรื่องด้วยรึเปล่าคะ อีกคำถามนะคะถ้าสมัครเรียนโทไปก่อน แล้วพอไปถึงจะเปลี่ยนคอร์สเรียนได้มั๋ยคะเพราะไม่แน่ใจว่าเอาเข้าจริงๆจะจ่ายค่าเทอมเรียนโทไหวรึเปล่าหน่ะค่ะ รบกวนแนะนำหน่อยนะคะ ไม่แน่ใจว่าให้ข้อมูลเครียรึเปล่า ถ้าสับสนตรงใหนถามได้นะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On May 29, 2011 at 10:00 pm

      คุณ Pat คะ ถ้าดูจากเว็บไซต์ของ College ที่ให้มานี้ http://www.gpc.edu/programs/AS-Nursing โปรแกรมที่คุณ Pat จะเรียนเป็น Career program ขออธิบายเพิ่มเติมนิดหนึ่งคือ Community College หรือ Two Year College ในสหรัฐอเมริกาจะมีหลักสูตรให้เลือกเรียนอยู่ 2 ประเภทหลักๆเลย คือ Transfer Program กับ Career Program คำว่า Transfer Program คือ เรียน 2 ปีแล้ว transfer ไปเรียนต่อใน University อีก 2 ปีได้วุฒิปริญญาตรี คล้ายกับ TAFE ในออสเตรเลียที่มีเรียน Advanced Diploma ใน TAFE ก่อนประมาณ 1 ถึง 2 ปี แล้วแต่นักศึกษาจะเลือกลงทะเบียนเรียน แล้วไปต่อใน University อีก 3 ปีได้วุฒิปริญญาตรี ในขณะเดียวกันในหลักสูตรประเภท Career คือ เรียนจบ 2 ปีแล้วไปทำงานเลย เรียกว่าเป็น terminate degree คือ ไม่สามารถนำวุฒินั้นเข้าไปสมัครเรียนต่อใน University เพื่อเรียนต่อจนได้รับปริญญาตรีได้ เปรียบเทียบได้กับใน TAFE ออสเตรเลียก็มีหลักสูตรระยะสั้นๆที่เรียนเพื่อไปทำงานแบบเดียวกัน

      ผู้ที่สมัครเรียนใน Community College มักเป็นเด็กที่จบ high school ที่คาดหวังว่า ค่าใช้จ่ายใน Community College ซึ่งมีราคาถูกกว่าใน U. จะช่วยประหยัดเงินผู้ปกครองได้บ้าง อีก 2 กลุ่มที่ชอบสมัครเรียน คือ พวกฝรั่งที่อยากรู้วิชานั้นวิชานี้ เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ เช่น ถ่ายภาพ คอมพิวเตอร์ ภาษาต่างประเทศ เป็นต้น อีกกลุ่ม เป็นคนมีอายุ เกษียณแล้วว่างๆมาเรียนหาความรู้ และมีเพื่อนด้วย ที่พี่ต้องอธิบายลักษณะของวิทยาลัย เพื่อให้คุณ Pat เข้าใจสิ่งที่พี่จะอธิบายต่อไป คือ พี่เป็นห่วงพอสมควรเรื่องการขอวีซ่าของคุณ Pat อย่างที่คุณ Pat ก็วิตกอยู่ว่า ไปอยู่ออสเตรเลีย 2 ปี แล้วยังต้องสมัครไปเรียนภาษาที่อเมริกาอยู่อีกหรือ ถ้าจะไม่ผ่านวีซ่า ก็เพราะตรงจุดนี้มีส่วนอย่างมากด้วยค่ะ เพราะกงสุลจะไม่เชื่อว่า เราจะตั้งใจไปเรียนที่อเมริกาจริงๆ เรียนจบแล้ว เราจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยค่ะ

      ส่วนคำถามถัดไปที่ถามว่า จะเอาหลักฐานจดทะเบียนร้านเสื้อผ้าที่ออสเตรเลียไปแสดง ก็ยิ่งทำให้เขาวิตกว่า ขอวีซ่าไปเรียนออสเตรเลีย แต่ไปทำธุรกิจร้านเสื้อผ้า แล้วจะขอวีซ่าไปเรียนที่อเมริกา จะเปิดธุรกิจอะไรไหมค่ะ ถ้าพี่คำนวณอายุน้องตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 30 ดังนั้นถ้าติดต่อที่เรียนในอเมริกาจนได้รับ I-20 เวลาไปยื่นวีซ่า เขาจะถามว่า หลังจากจบปริญญาตรี รังสีเทคนิค ไปทำอะไรมาบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า ต้องเอาใบผ่านงานที่บริษัทและโรงพยาบาลทุกแห่งมาให้กงสุลอเมริกันดูด้วย แต่ช่วงที่ไปเรียนที่ออสเตรเลีย คุณ Pat ต้องชี้แจงเหตุผลว่า ไปเรียน diploma วิชาอะไร 2 ปี แล้วทำไมจึงไม่เรียนต่อให้จบ ทำไมต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ได้วีซ่าประเภทไหน เป็น work and study หรือ study อย่างเดียว จุดนี้แหละค่ะที่น่าวิตกว่า จะทำให้คุณ Pat มีอุปสรรคในการยื่นขอวีซ่า เพราะเขาอาจมองว่าคุณ Pat ไม่มีคุณลักษณะที่จะเป็น bona fide student ค่ะ ยิ่งวิชาที่เพื่อนชวนไปเรียน คือ วิชาชีพพยาบาลด้วย เขาอาจคิดว่า เรียนจบพยาบาล สอบ RN ได้ คงไม่กลับเมืองไทยหรือเปล่า จุดนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งจุดที่อาจเป็นสาเหตุให้ทางสถานทูตเขาจะไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ Pat ได้ค่ะ

      คำถามที่ว่า ถ้าสมัครเรียนปริญญาโทไปก่อน แล้วไปเปลียนหลักสูตรที่จะเรียนได้ไหม คำตอบ คือ ได้ค่ะ แต่การสมัครเรียนต่อปริญญาโทในสหรัฐอเมริกา ก็ต้องทราบว่า จะเรียนวิชาอะไรนะคะ เพราะ U.ที่อเมริกาที่ค่อนข้างดี require ให้นักศึกษาส่งผลสอบ 2 ชนิด คือ TOEFL กับ อีกหนึ่งแบบทดสอบ กล่าวคือ ถ้าเรียนต่อ MBA ก็ต้องสอบ GMAT แต่ถ้าเป็นต่อโทด้านอื่นๆก็สอบ GRE ค่ะ ถ้าคุณ Pat มีอะไรจะถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสมัครเรียนต่อปริญญาโท สอบถามมาได้นะคะ

      คำแนะนำ : คุณ Pat ลงเรียนให้จบหลักสูตร diploma ในออสเตรเลียดีไหม แล้วค่อยสมัครเรียนต่อปริญญาโทที่ในอเมริกา อาจจะเป็นสมัครเรียนต่อ MBA มี U. ไม่ยากแถว Atlanta อยู่บ้างถ้าจะลองส่งสมัครค่ะ ที่อยากแนะนำให้เรียนในออสเตรเลียให้จบ เพื่อให้กงสุลอเมริกาเห็นว่า เรามีความตั้งใจเรียนให้จบ แล้วที่อยากไปเรียนต่อที่อเมริกา อาจเป็นเพราะอยากมีประสบการณ์การเรียนใน 2 ประเทศ เพื่อประโยชน์การทำงานของเราในอนาคตดีไหมคะ

  • พิม  On May 29, 2011 at 10:17 pm

    เรื่องการได้ยินพอแก้ปัญหาได้แต่เรื่องจะให้คุณแม่ช่วยตอบคำถามแทนคงยากเพราะคุณแม่ก็อายุน้อยกว่าไม่มาก และที่สำคัญจะด้วยเหตุผลของเรื่องแหล่งที่มาของเงินและบัญชีเงินฝากธนาคารหรือเปล่าคะที่ไม่ผ่าน คือคุณพ่อไม่มีบัญชีเงินฝากเป็นชื่อของตัวเองเลยคือมีอาชีพค้าขายซึ่งรายได้คุณแม่เป็นคนเก็บและใส่เป็นชื่อของตัวเองทั้งหมดเนื่องจากคุรพ่อไม่สะดวกที่จะไปธนาคารค่ะ แต่ถ้าระหว่างนี้เปิดบัญชีให้คุณพ่อสักสามแสนจะใช้ได้ไหมคะและให้พี่สาวที่อเมริกาเขียนจดหมายรับรองการเป็นสปอนเซอร์ให้ทั้งหมดจะได้หรือไม่คะ และต้องรออีกกี่เดือนถึงจะขอวีซ่าได้อีกคะ รบกวนช่วยตอบอีกที่นะคะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On May 29, 2011 at 11:20 pm

      น้องพิม น่าจะเป็นเรื่องหลักฐานการเงินมีส่วนอยู่ค่ะ ถ้าจะเพิ่งเปิดบัญชีธนาคารให้คุณพ่อคงไม่ได้ค่ะ เพราะบัญชีต้องเปิดมานาน 6 เดือนแล้วจึงจะใช้ยื่นขอวีซ่าไปอเมริกาได้ค่ะ ก็เป็นบัญชีคุณแม่ไปแล้วกันค่ะ โดยอธิบายไปว่า ตามธรรมเนียมครอบครัวแบบ conservative แบบไทยๆคือ สามีหาเงินมาได้ก็มอบให้ภรรยาเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและเป็นเงินออมของครอบครัวด้วยแล้วกันค่ะ ส่วนการเดินทางไปครั้งนี้ ครอบครัวลูกสาวในอเมริกาจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยคุณพ่อจะต้องบอกให้ชัดเจนว่าไปไม่กี่อาทิตย์ อย่าไปนานหลายเดือนนะคะ เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาค่ะ ครั้งนี้เปอร์เซ็นต์การผ่านวีซ่าก็ประมาณ 50-50 นะคะ เพราะเคยมีประวัติไม่ผ่านวีซ่ามาแล้วค่ะ ซึ่งจะทำให้การสัมภาษณ์ครั้งนี้ยากกว่าครั้งแรกนิดหน่อยค่ะ เอาใจช่วยลุ้นค่ะ

  • Pat  On May 29, 2011 at 11:57 pm

    สอบถามเพิ่มเติมนะคะ แล้วถ้าบอกทางกงสุลแค่ไปเรียนภาษาแค่หกเดือนหลังจากนั้นก็เปิดกิจการที่ออสเตรเลีย โดยไม่พูดถึงคอร์ส diploma ที่เรียนจะได้มั๋ยคะ เพราะจะให้กลับไปเรียนให้จบคงยากค่ะ เพราะขอตอบตามตรงว่าลงเรียนเพื่อให้ได้วีซ่านักเรียนเท่านั่นเอง เพราะวีซ่านักเรียนที่ออสเตรเลียใช้ทำงานและเปิดกิจการได้ค่ะ ทางกงสุลเค้าจะถามรึขอดูวีซ่าออสเตรเลียของเรามั๋ยคะ ตอนนี้เริ่มเอนเองไปทางเรียนต่อโทแล้วค่ะ กำลังศึกษารายละเอียดอยู่ ส่วน Toefl ก็สอบแล้วค่ะ รอผลอยู่เช่นกัน ส่วนอีกตัวที่ต้องสอบยังไม่ได้สอบค่ะเพราะคิดว่าใช้แค่ Toefl อย่างเดียว ไม่ทราบว่ามี U ใหนที่ดีและราคาไม่แพงที่ Atlanta แนะนำบ้างมั๋ยคะ ตอนนี้สับสนพอสมควร เพราะว่าตอนนี้ตัดสินใจกลับไทยแล้วค่ะ จองตั๋วไว้อาทิตย์หน้าแล้ว เพราะกะว่าจะไปเดินเรื่องเอกสาร ทำเรื่องไปเรียนต่อที่อเมริกานี่แหละค่ะ รบกวนช่วยหน่อยนะคะ

    • govisa  On May 31, 2011 at 5:30 am

      กงสุลจะเห็นใน passport น้องอยู่แล้วว่า น้องมีวีซ่านักเรียนเข้าไปเรียนที่ออสเตรเลียค่ะคุณ Pat คงต้องพูดถึงระยะเวลาในออสเตรเลียเวลาจะกรอกฟอร์มวีซ่าเข้าอเมริกาค่ะ
      ส่วนชื่อ U ที่อาจจะพอเหมาะกับน้องลองศึกษา Mercer U สักแห่งหนึ่งก่อน แล้วพี่จะส่งข้อมูลให้เพิ่ม ถ้ากลับถึงไทยแล้วตัดสินใจแน่นอนว่า จะเรียนอะไร เขียนมาถามใหม่ จะได้แนะนำต่อค่ะ

  • Chan  On May 30, 2011 at 11:51 am

    ขอบคุณมากๆค่ะคุณgovisa ผู้ใจดี จะพยายามต่อไปค่ะ

  • UrQuerida  On May 30, 2011 at 3:36 pm

    สวัสดีค่ะคุณ govisa เข้ามาในเวบนี้แล้วดีใจมากๆ ที่มีคนให้คำแนะนำเรื่อง visa อย่างเต็มที่ ขอชื่นชมจากใจจริงค่ะ
    มีเรื่องจะปรึกษานะคะ เกี่ยวกับ I-20 กับ financial statement นะค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่ submit application กับทางมหาวิทยาลัยที่ US เนี่ยะ ทางมหาวิทยาลัยเค้าให้ยื่น financial support เลย จึงยื่นของคุณพ่อไปค่ะ ดังนั้นใน I-20 จะระบุแหล่งทุนว่าเป็น family funds แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมาได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยที่ไทยนี่แหละค่ะเพื่อไปศึกษาต่อที่นั่น (เรื่องเพิ่งได้รับอนุมัติค่ะ จริงๆก็ตั้งใจว่าจะใช้เงินนี้ล่ะค่ะไปเรียน)ทีนี้เลยอยากถามว่าถ้าเอกสาร financial statement ที่จะใช้ยื่นขอ visa F-1 ไม่ใช่เงินจากแหล่งเดียวกับที่ระบุใน I-20 นี่จะมีปัญหาอะไรหรือไม่คะ แล้วถ้ามีควรแก้ไขยังไงดี เริ่มรู้สึกเครียดค่ะ
    ขอบคุณมากๆๆๆๆ นะคะสำหรับคำแนะนำ

    • govisa  On May 31, 2011 at 5:25 am

      น้อง Jannie ให้แจ้งมหาวิทยาลัยที่ส่ง I-20 ด้วยว่า น้องได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทยค่ะ ส่วนผู้ที่ได้รับทุนบางหน่วยงานในเมืองไทยอยากให้ผู้ได้รับทุนได้ DS 2019 มากกว่าได้รับ I-20 เพราะกฎหมายอเมริกันบังคับไว้ว่า ถ้าจะเอา DS 2019 ไปขอวีซ่า ได้วีซ๋า J-1 เรียนจบแล้วต้องกลับ ขอ OPT ไม่ได้ค่ะ ทุนที่เมืองไทยจะได้ตัวน้องกลับมาช่วยทำงานได้เร็วกว่าที่น้องได้ I-20 เพราะ I-20 เมื่อเรียนจบแล้ว ขอ OPT ได้ จะทำให้ทางเจ้าของทุนต้องเสียเวลารอน้องกลับมาอีก 1 ปี ลองฟังเสียงจากเจ้าของทุนด้วย คือ University ในไทยที่ให้ทุนน้องดูว่า เขา อยากให้น้องขอเป็น F-1(I-20) หรือ J-1 (DS 2019) ค่ะ หรือดูท่าทีของ University ในอเมริกาด้วย เพราะบาง u รู้ว่า เราได้ทุน เขาจะออก DS 2019 ให้ค่ะ
      ถ้าถามต่อว่าจะยื่นด้วย ใบรับรองเรื่องการจ่ายทุนจากทางมหาวิทยาลัยไม่ใช่ผู้ปกครองคงไม่เป็นไร แต่พี่อยากแนะนำให้เสริมไปด้วยว่า ทางผู้ปกครองจะช่วย support เพิ่มเติมให้น้องได้ด้วย จะได้อย่างน้อยมีชื่อเหมือนใน I-20 ระบุว่า family support ค่ะ

  • Pat  On May 30, 2011 at 3:57 pm

    คุณ govisa คะ ขอคำแนะนำหน่อยว่า Pat ควรไปเรียนอะไรดี เรียนตรี รังสีอีกที รึเรียนตรีพยาบาล รึว่าต้องเป็นโทด้านรังสีไปเลย ถ้าถามว่าอยากเรียนอะไรจริงๆอยากเรียนพยาบาลค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้วีซ่ารึเปล่า เลยยังกังวลอยู่เพราะจากที่คุณ govisa บอกถ้าเลือกคอร์สก่อนหน้านี้เปอร์เซ็นต์ผ่านคงยาก เลยกะจะลงเรียนตรีรึไม่ก็โทไปเลย แล้วเรียนตรีนี่ใช้แค่ผล Toefl ได้มั๋ยคะรึต้องใช้สองอันเหมือนกัน ไม่ค่อยทราบข้อมูลหน่ะค่ะ ตอนนี้คิดว่าคงไม่เอาเรื่องร้านที่ออสเตรเลียมาอ้างจะดีกว่า เพราะตอนแรกที่บอกก็เพื่อให้ทางสถานทูตเห็นว่าเรามีกิจการน่าจะกลับมาทำอะไรประมาณนี้หน่ะค่ะ แต่ถ้ามันจะเป็นผลลบก็คงต้องตัดทิ้งไป แต่ก็จะไม่มีข้อมูลผูกพันด้านอื่นอีกหน่ะค่ะ เพราะงานก็ออกมานานแล้ว มีแต่ภาระผ่อนรถอยู่เท่านั้นเอง

    • govisa  On May 31, 2011 at 5:13 am

      คุณ Pat คะ ถ้าจะสมัครเรียนตรีวิชาเดียวกันเวลาปขอวีซ่า เกรงว่าจะไม่ดีค่ะ ถ้าอยากจะสมัครเรียนตรีอีกใบที่เรียกว่า second bachelor degree ให้สมัครเรียนวิชาอื่นไปแทน เช่น คุณ pat อยากเรียนพยาบาลให้สมัครเรียน university ที่มีสอนพยาบาล ค่ะ และต้องดูด้วยว่า ได้รับการรับรองหรือไม่ เว็บไซต์ที่จะเข้าไปดูเรื่องการรับรองวิชาชีพ คือ http://www.chea.org ค่ะ ถ้าเกรงว่าจะยุ่งยากให้สมัครเรียนต่อปริญญาโทไปเลยค่ะ

      เรียนปริญญาตรีใช้ TOEFL อย่างเดียว แต่ก็มีบ้างบางมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาที่จะสมัครเรียนปริญญาตรีส่งผลสอบ SAT หรือ ACT ด้วยค่ะ

      ส่วนเรื่องกิจการ ควรเป็นกิจการที่เมืองไทยค่ะ เพราะกงสุลจะได้เห็นว่า เรามีความผูกพันทางเศรษฐกิจ ครอบครัว วัฒนธรรม ที่จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย หลังจากจบการศึกษาที่อเมริกาแล้ว เพราะเราถือสัญชาติไทย หรือ ถือหนังสือเดินทางไทยนั่นเองค่ะ

    • UrQuerida  On May 31, 2011 at 8:17 am

      ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับคำแนะนำ
      คือด้วยความที่ว่าตอนยื่น U เมื่อตอนเดือนมกราน่ะค่ะ ทาง U ที่โน่นเค้าต้องการ financial support เลย แต่ทางมหาวิทยาลัยในไทยเจ้าของทุนเนี่ยะกำลังอยู่ในขั้นตอนนะคะ ยังไม่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจึงไม่สามารถใช้หลักฐานของทางมหาวิทยาลัยยื่นได้ ทาง U ที่โน่นเค้าก็ยังยืนยันว่าถ้าเราไม่ส่งเอกสารให้เค้าภายใน duedate เค้าก็คงจะ reject ใบสมัครเราเลยน่ะค่ะ ก็เลยจำเป็นต้องยื่นของที่บ้านตัวเองไปก่อน กะว่าค่อยเปลี่ยนทีหลัง แต่พอมาถึงตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่ทันวันเปิดภาคเรียนเดือนสิงหาถ้าจะขอ DS 2019 ใหม่ (U เค้าบอกว่าใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน) ก็เลยตกลงกับมหาวิทยาลัยในไทยว่าจะขอเปลี่ยนเป็น J-1 ทีหลังเมื่อเข้าเรียนแล้วน่ะค่ะ
      แล้วจะมา share ประสบการณ์หลังจากยื่นขอ visa นะคะ
      ขอบคุณมากๆ อีกครั้งค่ะ

      • govisa  On May 31, 2011 at 9:47 pm

        ขอบคุณค่ะน้อง Jannie พี่จะรออ่านที่น้องเขียนมาเล่าค่ะ

      • UrQuerida  On July 16, 2011 at 1:09 pm

        สวัสดีค่ะ หลังจากหายไปนาน เพราะอยู่ระหว่างการเตรียมตัวหลายๆ อย่างค่ะ
        กลับมาตามสัญญาที่จะแชร์ประสบการณ์การขอ Student VISA นะคะ ที่เพิ่งไปสัมภาษณ์มาสดๆ ร้อนๆ ค่ะ

        ขอเล่า background ตัวเองสักเล็กน้อยนะคะ คือเราได้รับทุนจากทางมหาวิทยาลัย (ในไทย) ค่ะ แต่ว่าตอนที่ apply ไปที่มหาวิทยาลัยที่โน่น เอกสารนักเรียนทุนยังไม่เรียบร้อยดังนั้นจึงต้องยื่น financial support เป็น family funds ของคุณพ่อค่ะ
        ทีนี้มันจะมาสับสนตรงที่เมื่อเราได้รับ accept จากทางมหาวิทยาลัยที่โน่นแล้ว เค้าก็จะส่ง I-20 ซึ่งต้องใช้ในการขอ VISA F-1 ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัดเจ้าของทุนอนุมัติพอดี ดังนั้นสถานะของเราจริงๆ จะเป็นนักเรียนทุน ซึ่งควรจะขอ J-1 VISA มากกว่า แต่ขอเอกสารใหม่จากทาง U ใน US ไม่ทันแล้ว จึงตกลงใจกับทางเจ้าของทุนว่าจะไปเปลี่ยนเป็น J-1 ภายหลัง เมื่อเข้าสหรัฐแล้ว

        เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยเราจึงดำเนินการเรื่อง VISA ค่ะ ซึ่งตอนแรกเราก็กังวล เพราะอย่างที่บอกว่าสถานะจริงๆ ของเราควรเป็น J-1 แต่ที่เราขอคือ F-1 แต่ก็สู้ค่ะ และแล้วก็ผ่านมาไได้ด้วยดี ดังนั้นจึงขอเล่าประสบการณ์วันสัมภาษณ์พอเป็นไอเดียสำหรับคนที่กำลังขอ VISA นะคะ

        ก่อนอื่นก็ต้องเตรียมเอกสารและข้อมูลให้เรียบร้อยค่ะ ก็คือ จ่าย Sevis Fee>> กรอก DS-160 >> จ่ายค่า pin >> จองวันสัมภาษณ์ >> จ่ายค่า VISA fee ที่ pay at post เมื่อได้วันแล้วก็เตรียมเอกสารรอไว้เลยค่ะ ของเราก็จะมี Transcript, Proof of Employment, statement แล้วก็ Proof of Employment ของคุณพ่อที่เป็น sponsor, เอกสารนักเรียนทุน (จริงๆ ติดไปเฉยๆ เนื่องจากอย่างที่บอกว่าของเรา submit เป็น family funds ในตอนแรก), I-20 ที่เซ็นชื่อแล้ว + confirmation letter จากทางมหาวิทยาลัยที่โน่น แล้วก็ใบเสร็จต่างๆ + ใบ confirm ที่มี barcode, รูปถ่าย , passport ค่ะ พร้อมแล้วก็เตรียมตัวสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ

        เราไปถึงสถานทูตประมาณ 6.30 มีคนมารอต่อแถวยาวมากกกกกกกก สักพักเจ้าหน้าที่เสื้อชมพูก็มาจัดแถว โดยจัดตามเวลาที่แต่ละคนถูกนัดมาค่ะ ของเรา 7.45 ก็โดนตัดแถวไปอีกแถวหนึ่ง จากนั้นก็รอ รอ รอ เวลาที่จะได้เข้าไปข้างในค่ะ ด่านแรกที่เจอเมื่อผ่านประตูแรกเข้าไปก็คือ พี่ๆ รปภ. ค่ะ ที่จะอธิบายว่าสิ่่งใดนำเข้าได้-ไม่ได้ในสถานทูต แล้วก็ให้ฝากของไว้ค่ะ โดยแลกบัตรประชาชน หรือใบขับขี่ นะคะ เมื่อผ่านประตูแรกเข้าไป ก็ต้องผ่านประตูที่ 2 ซึ่งก็จะกลับไปเจอกับเจ้าหน้าที่เสื้อชมพูที่จะช่วยตรวจเอกสาร และจัดหมวดหมู่ใส่ซองให้เราค่ะ หลังจากนั้นก็เดินต่อไปหาเจ้าหน้าที่คนไทยเพื่อ screen ข้อมูลของเรา ตามที่เรากรอก DS 160 มาค่ะ + ดูรูปของเราด้วยว่าถูกต้องตามเกณฑ์หรือไม่ ถ้าใช้ไม่ได้ก็ต้องรูปที่เราพกมาด้วยให้เค้า scan อีกทีค่ะ ถามคำถามเราบ้างนิดหน่อย แล้วก็จะให้เรา scan นิ้วทุกนิ้ว เป็นอันเสร็จ ต่อไปก็รอคิว และเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ค่ะ เรารออยู่ประมาณ 45 นาทีก็ถึงคิวเรา ที่ช่องเบอร์ 10 เราเดินไปถึงก็กล่าวสวัสดีกับเจ้าหน้าที่กงสุล (หน้าตาใจดี ยิ้มสวยมากๆๆๆๆๆ) แล้วก็เริ่มสัมภาษณ์ค่ะ

        Me: Good morning, sir
        Embassy: Hi, How are you today ?
        Me: Very fine, a little bit excited
        Embassy: ดูเอกสารเรา + ขอนิ้วชี้ข้างขวาไป scan ค่ะ: Are you going to study …… (สาขาที่เราจะเรียนเป็นด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ค่ะ)
        Me: Definitely, It’s a professional degree.
        Embassy: I see. Is it related to …… (ถามตามความเข้าใจของเค้านะค่ะ)?
        Me: Well, It’s just one part sir, mine is integration of this area.
        Embassy: OK (ยิ้ม). How long you gonna study in the US?
        Me: At least 5 years
        Embassy: Wow, Are you working? ดูเอกสารเรา
        Me: Yes, I’m working at ….. (คณะกับมหาลัยที่เราทำงาน)
        Embassy: What are you going to do after your graduation?
        Me: I’m going to be a lecturer at ……..
        Embassy: Who will be sponsoring your education?
        Me: My father (ตอบให้ตรงกับ I20 กับ DS 160 ค่ะ เพราะเอกสารทุนเราไม่ได้ยื่นให้เค้า เตรียมมาเฉยๆ)
        Embassy: OK, please bring this to the post. Have a nice day.
        Me: Thank you very much. Have a nice day too.

        เสร็จแล้วโล่งเลยค่ะ เอกสารต่างๆ ที่เตรียมไปโดยเฉพราะเรื่อง sponsor ทั้งของพ่อ และของมหาวิทยาลัยเค้าไม่ขอดูเลยค่ะ ดูเฉพาะที่อยู่ใน package เท่านั้นเอง พอผ่านมาแล้วก็เลยรู้สึกว่า การขอ VISA ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร เพียงแต่เราต้องทำตามข้อกำหนดของเรา และตอบคำถามอย่างมันใจและตรงกับความเป็นจริงเท่านั้นเองค่ะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณ govisa มาก ๆ นะคะ เพราะเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการกำลังใจ ข้อมูล และคำแนะนำดีๆ ในการขอ VISA
        เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนนะคะ

      • govisa  On July 16, 2011 at 1:54 pm

        ขอบคุณมากๆค่ะน้อง Jannie น้องไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่ออะไรคะ พี่มั่นใจว่า น้องที่ได้ I-20 ตอบรับเข้าเรียนเพื่อเอาปริญญา ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก 99.99% ผ่านวีซ่าแน่นอนค่ะ ที่เหลือไว้นิดหนึ่ง คือ อาจจะเป็นกลุ่มที่อาจมีปัญหานิดหน่อย เช่น ในเรื่องของ sponsor และอื่นๆ ค่ะ ส่วนผู้ที่ได้ I-20 ไปเรียนภาษา อาจจะถูกซักมากหน่อยว่า หลังจากเรียนภาษาเสร็จแล้วจะไปทำอะไรต่อค่ะ อย่างไรก็ตาม พี่ขอชมที่น้อง Jannie เขียนมานะคะ โดยเฉพาะบทสัมภาษณ์ น้องมีความจำเยี่ยมมากจริงๆค่ะ ทำให้น้องคนอื่นๆได้เห็นตัวอย่างประโยคที่เป็นภาษาอังกฤษไปด้วย ซึ่งดูแล้วไม่น่ากลัวอย่างที่น้องหลายคนวิตกว่า กงสุลจะใช้คำศัพท์ยาก ฟังไม่ออก แป็นต้นค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

      • UrQuerida  On July 16, 2011 at 6:01 pm

        ^ ^ สวัสดี govisa อีกครั้งค่ะ
        ส่วนตัวจะไปศึกษาต่อปริญญาเอกสาขาเภสัชศาสตร์ Sub-specialty ด้าน oncology ที่ University of Illinois at Chicago (UIC) ค่ะ แต่ว่าไม่ได้ไปเรียนภาษาแล้วล่ะค่ะ บังเอิญโชคดีที่สอบ TOEFL ผ่านเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยได้ เลยไม่ต้องลงทะเบียนเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม ไปถึงก็คงต้องไปเรียนเลยค่ะ ท่าทางจะหืดขึ้นคอ เพราะต้องปรับตัวอีกมากมาย แต่ก็สู้ สู้ ค่ะ
        อยากย้ำให้ทุกคนไม่ต้องกลัวการขอ VISA ค่ะ เพียงแต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนภาษาอังกฤษก็ไม่ต้องกังกลนะคะ เพราะจากที่สังเกตการณ์ระหว่างรอสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่กงสุลที่เป็นฝรั่งพูดภาษาอังกฤษที่ชัดเจนค่ะ หรือถ้าเกิดระหว่างสัมภาษณ์ไม่เข้าใจประโยคนั้น ก็ขอให้เค้าพูดใหม่อีกครั้งได้ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ เค้าก็อาจเปลี่ยนเป็นภาษาไทย (สำเนียงฝรั่ง) พูดกับเราแทนได้ในบางครั้งค่ะ
        โชคดีทุกคนค่ะ 😀

      • govisa  On July 17, 2011 at 9:52 pm

        ขอบคุณอีกครั้งค่ะน้อง Jannie ขอให้เดินทางปลอดภัยและประสบความสำเร็จในการเรียนค่ะ ถ้าน้องพอมีเวลา เขียนเล่าสภาพแวดล้อมของ UIC, เรื่องที่พัก, เรื่องการใช้ชีวิตนักเรียนมาให้อ่านกันอีกนะคะ พี่ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • Hana  On May 30, 2011 at 5:17 pm

    ฮานะรบกวนถาม 2 เรื่องค่า
    1. เรื่อง Intended lenght of stay in U.S. อ่าจ่ะ
    – ฮานะสมัครเรียนภาษาซึ่งสามารถแอ๊ดเข้าเรียนโทได้ถ้าผ่าน GMAT (ตอนนี้ยังไม่ได้สอบ)และ I-20 ระบุระยะเวลาการเรียน 12 months พร้อมกับประมาณค่าเรียนเอาไว้
    คำถามคือ หนูควรใส่ Intended lenght of stay in U.S. หนึ่งปีหรือสามปีดีคะพี่
    แล้วถ้าหนูใส่สามปี statement ที่มีจะต้องมีเงินให้ cover การเรียน 3 ปีใช่ไหมคะ
    2. เรื่อง SSN
    – ฮานะเคยไปโครงการ work & travel ทำให้มี SSN (แล้วก้อเสียภาษีถูกต้องนะพี่)
    คำถามคือ หนูจำเป็นต้องใส่หรือควรใส่ SSN มั้ยคะ แล้วตัว tax id คืออะไรคะ
    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะพี่

    • govisa  On May 31, 2011 at 5:05 am

      น้องฮานะคะ
      1. ใส่ 3ปี เขียนระบุเรื่อง purpose of this trip คือ study intensive English program ที่ไหน เมื่อไร and then plan to apply for MBA admission เทอมไหนค่ะ
      ส่วน Statement cover ค่าใช้จ่าย 1 ปี หรือ 12 เดือนก่อนได้ค่ะ แต่ถ้ามี 3 ปีได้ จะเยี่ยมมาก เพราะกงสุลมั่นใจได้ว่า นักเรียนท่านนี้ มีเงินไปเรียนจนจบแน่นอนค่ะ
      2. เรื่อง SSN จะใส่ก็ได้ค่ะ ถ้ายังมีอายุอยู่ เวลาสัมภาษณ์ก็บอกกงสุลว่า เคยไปทำงาน work and travel ค่ะ
      ส่วน Tax ID คือ คนอเมริกัน , คนที่มี Green card เขาต้องจ่ายภาษี เปรียบเทียบกับการที่น้องทำงานที่เมืองไทย น้องต้องจ่ายภาษ๊เงินได้บุคคล ภงด 90 หรือ 91 ก็ต้องมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ถ้าน้องไม่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่อเมริกาก็ไม่ต้องใส่ค่ะ ให้น้องใส่ว่า does not apply ค่ะ

  • Na  On May 31, 2011 at 9:30 pm

    สวัสดีค่ะคุณ govisa รบกวนถามค่ะ บ.จะยื่นเรื่อง support ให้ไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ(support บางส่วนและใช้ทุนตัวเองด้วยค่ะ) แต่เป็นบ.ไม่ใหญ่มากนะคะ และยังไม่เคย support ใครเลยคือนาเป็นคนแรกค่ะ เพราะบ.กำลังจะขยายงาน ไม่ทราบว่าทางบ.ต้องทำยังไงบ้างหรอค่ะ เจ้านายให้หารายละเอียดมาหน่ะค่ะ ต้องเขียนจดหมายรับรองให้เราใช่ใหมคะเพื่อที่เราจะได้เอาไปยื่นเรืองเวลาขอวีซ่า แล้วต้องเตรียมพวกสเตจเม้นด้วยรึเปล่าคะ ต้องโชว์สัญญากับทางบ.กับทางกงสุลด้วยรึเปล่าเพราะว่าจะได้เป็นตัวยื่นยันว่าเราจะกลับมาทำงานกับทางบ.แน่นอนหน่ะค่ะ และเราต้องใช้สเตจเม้นของเราเองและของพ่อแม่ด้วยรึเปล่าคะ จริงๆแล้วนาพึ่งกลับมาทำงานกับทางบ.ได้เดือนเดียวหลังจากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศมาค่ะ อย่างนี้จะมีปัญหารึเปล่าคะ แต่บ.นี้เป็นบ.เก่าที่เคยทำงานก่อนที่จะไปเรียนต่อค่ะ มีคนแนะนำว่าให้โชว์สัญญาที่ทำกับบ.ตอนที่รับเป็นพนักงานใช่รึเปล่าคะ และอีกอันคืออย่างที่นาบอกว่านาพึ่งเรียนกลับมา พึ่งเปิดบัญชีค่ะ อย่างนี้คงใช้โชว์อะไรไม่ได้ใช่ใหมคะ จริงๆมีบัญชีของที่ต่างประเทศก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าจะได้ทำเรื่องไปเรียนต่ออีก เลยปิดไปแล้วค่ะ…ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On May 31, 2011 at 10:05 pm

      1. น้องนาคะ ที่บอกว่าเพิ่งกลับจากต่างประเทศ คือ ประเทศอเมริกาหรือเปล่า แล้วไปเรียนภาษาใช่ไหม วีซ่าที่จะขอครั้งใหม่นี้ไม่ควรเป็น I-20 จากที่เรียนภาษา เพราะน้องเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศค่ะ
      2. เรื่อง sponsor ถ้าจะให้บริษัทออกค่าใช้จ่ายให้ ส่วนใหญ่ที่ไม่มีปัญหา คือเป็น I-20 รับเข้าเรียนปริญญาค่ะ ไม่ใช่เรียนภาษาอย่างเดียว ที่พี่ต้องย้ำ เพราะน้องไม่ได้ให้รายละเอียดมาค่ะ และบริษัทนอกจากเขียนจดหมายรับรองการให้ทุนแล้ว ก็ควรจะมีจดหมายรับรองฐานะการเงินของบริษัทด้วยค่ะ น้องจะแสดงสัญญาการว่าจ้างด้วยก็ได้ค่ะ
      3. บัญชีที่จะใช้แสดงให้กงสุลดู ควรเป็นบัญชีที่เปิดมานานแล้ว 6 เดือน ไม่ใช่บัญชีเพิ่งเปิดใหม่ๆค่ะ
      4. ถ้าน้องจะใช้บัญชีของคุณพ่อคุณแม่ร่วมด้วยก็ดีค่ะ เพราะกงสุลจะได้ทราบว่า น้องมีความผูกพันกับครอบครัวที่เมืองไทยอยู่ค่ะ
      จะอย่างไรก็ตาม พี่ก็อดเป็นห่วงน้องนาไม่ได้ เพราะคำว่าเพิ่งกลับมาจากต่่างประเทศ และ การรับเข้าเรียนของที่ใหม่เป็นรับเข้าเรียนอะไรพี่ก็ไม่มีข้อมูล ถ้าเป็นเรียนภาษาเฉยๆก็ต้องเสี่ยงวัดดวงแล้วกันค่ะ

  • Na  On May 31, 2011 at 10:33 pm

    นาพึ่งกลับจากอังกฤษค่ะ บ.จะส่งไปเรียนพวกเกี่ยวกับ เครื่องมือแพทย์รึไม่ก็พยาบาลค่ะ เพราะที่นาจบมาไม่ได้เกี่ยวกับทางนี้เลยค่ะ เจ้านายให้เวลาเรียนสองปีค่ะที่อเมรึกามีหลักสูตรสองปีใช่ไหมคะ ตอนนี้อยู่ในช่วงหาข้อมูลค่ะ ที่เจ้านายอยากให้ไปอเมริกาเพราะในส่วนของนาที่จะทำคือติดต่อเรื่องยากับบ.ทางโน้นค่ะ นาลองอ่านจากข้อมูลที่พี่บอกกับคุณ Pat เรื่อง Community college อย่างนี้ในกรณีของนาก็คงสมัครไม่ได้เหมือนกันใช่ใหมคะ นามีเวลาสองปีอยากจบได้ความรู้แบบรวดรัดเลยค่ะ เพราะถ้าเรียนในไทยก็ใช้เวลาสี่ปี ที่ออสเตรเลียก็เหมือนกัน เห็นว่าที่อเมริกามีหลักสูตรสองปีเลยสนใจค่ะ (จากที่อ่านมานานนาเห็นข้อมูลของคุณ Pat เห็นว่าคล้ายๆกรณ๊ของนาเลยขอถามด้วยคนไม่ว่ากันนะคะ)

    • govisa  On June 1, 2011 at 5:36 am

      แปลว่าน้องนายังไม่ได้ติดต่อที่เรียน หลักสูตรปริญญาโทของอเมริกาเป็นหลักสูตร 2 ปี แต่ต้องสอบ TOEFL กับ GRE ถ้าจะเรียนต่อนะคะ ไม่ทราบว่าน้องจะเรียน Biomedical Engineering หรืออะไรคะ แต่ถ้าเรียนใน Community College คงไม่ใช่ เพราะวุฒิ AA หรือ AS ของ Community College มีลักษณะคล้ายวุฒิปวส.บ้านเราค่ะ Community college รับเด็กจบวุฒิ มัธยม 6 เข้าเรียน อีกทีให้ลองดูว่าใน University มีหลักสูตร Certificate หรือ diploma ไหม แต่ค่อนข้างหายากค่ะ อังกฤษน่าจะเหมาะกว่าในกรณีนี้ เพราะวุฒิปริญญาโทในอังกฤษ 1 ปีแต่กว่าจะทำ dissertation เสร็จบางคนอาจใช้เวลาเพิ่มอีก 3-4 เดือนเป็นปีครึ่งค่ะ

  • Da  On June 1, 2011 at 9:34 pm

    ขอรบกวนคุณGO VISA ด้วยค่ะ
    1.หลานดิฉันลืมพิมพ์ใบconfirmationของ sevis fee จะขอพิมพ์ได้ที่ไหนค่ะ
    2.ดิฉันเป็นป้าแต่คนละนามสกุลจะสามารถ add family ของหลานได้ไหมค่ะ
    3.ยังไม่สามรถนัดวันสัมภาษณ์ได้เลยจะทำอย่างไรดีค่ะ จะเดินทางประมาณ 20 ส.ค.2011ค่ะ
    หรือติดต่อบริษัทที่มีบริการด้านนี้ดีค่ะ

    • govisa  On June 1, 2011 at 10:28 pm

      คุณ DA คะ
      1. ทำได้ 2 วิธี คือ รอใบเสร็จตัวจริงของ Sevis I-901 ส่งกลับมาที่บ้านภายในเวลา 3 สัปดาห์หลังจ่ายเงิน หรือ เข้าไปดูที่ http://www.ice.gov/sevis/i901/faq8.htm#_Toc81222155 หรือที่คัดลอกมาจากหน้าเว็บไซต์ดังกล่าว คือต้องโทรทางไกลไปที่สายด่วน hotline ตามหมายเลขโทรศัพท์ข้างล่าง หรือจะส่งอีเมล์ไปที่ DHS เพื่อให้เขาส่งใบใหม่มาให้ค่ะ
      8.A. Where can I get help if I am having a problem with the SEVIS I-901 fee payment process?
      There are four major sources of help with fee payment issues.
      SOURCES OF HELP WITH FEE PAYMENT ISSUES
      SOURCE OF ASSISTANCE TYPE OF ASSISTANCE AVAILABLE
      SEVP Website: http://www.ice.gov/sevis/i901
      Available anytime Fact sheets and FAQ section for fee payment issues
      Downloadable PDF version of Form I-901
      Customer Service Hotline: 1 (212) 620-3418
      Available from 8 am to 6 pm Central time (GMT – 6) Monday – Friday General questions about fee payment issues
      Questions about a specific Form I-901 and the status of the payment
      Your school or exchange visitor program sponsor General fee payment questions
      Questions about your specific program
      Questions about whether or not a fee charged by a school or exchange visitor program sponsor is the official SEVIS I-901 fee
      Your school or sponsor may have other resources
      Email to fmjfee.SEVIS@DHS.gov
      OR
      Mail to:
      SEVP
      ATTN: SEVIS I-901 fee CRU
      800 K Street NW
      Suite 1000
      Washington, DC 20536
      United States
      Use this only when you have a question that cannot be answered by checking the website or calling the Customer Service Hotline
      All questions will be answered as quickly as possible
      You can expedite the processing of your answer by clearly indicating the subject of your question so your query can be routed to the appropriate person

      ถ้าคุณ Da ถามว่าจะ print ใหม่ได้ไหม ทางเว็บไซต์ DHS เขามีคำตอบว่าไม่ได้ค่ะ ดังประโยคคำถามคำตอบข้างล่างนี้

      5.E.2. Can I reprint my electronic receipt?
      No. You will not be able to return to the receipt page. Be sure your printer is ready before starting the online payment process. Do not exit the receipt page until you have successfully printed the receipt.

      2. การจะ add family member คงต้องเป็นคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ลักษณะนี้ คือ father, mother, son, daughter, brother และ sister เท่านั้นค่ะ และต้องอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน ดังนั้นป้าจึงไม่ได้อยู่ในขอบเขตตามที่ทางสถานทูตกำหนดไว้ค่ะ

      3. เหมือนคำตอบที่ให้กำลังใจทุกๆคน คือ ต้องเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ และหมั่น ดูว่าจะมีคิวนัดเปิดให้จองได้เมื่อไหร่ค่ะ มันอาจจะเป็นความทรมาน แต่ ทุกคนที่จะไปอเมริกา ต้องพบกับสถานการณ์อย่างเดียวกันหมดค่ะ บางคนไม่อยากนั่งปวดหลังทำ ไปจ้างเขาทำให้ ก็ต้องระวังเรื่องการได้วันนัดที่ไม่พึงประสงค์ เหมือนน้องคนหนึ่งในที่นี้ที่ได้วันนัดเป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งสถานทูตปิด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เกิด error ที่เครื่องคอมของ agent หรือของสถานทูตค่ะ ถ้าไม่คิดมาก ทำเองได้จะดีกว่าค่ะ

  • Na  On June 1, 2011 at 10:47 pm

    ตอนนี้ของนากำลังปรึกษากับบอสอยู่ค่ะ เพราะจริงๆแล้วบอสบอกว่าไม่จำเป็นต้องว่านาจะลงหลักสูตรอะไร ขอแค่จบมาได้ความรู้โดยรวมก็พอ บอสสนใจคอร์ส ของCommunity College ค่ะ แต่นาก็ได้บอกบอสไปแล้วอย่างที่คุณ govisa แนะนำ เพราะน่าจะยากตอนขอวีซ่าเพราะคงจะใช้เหตุผลว่าทางบ.เลือกให้เนื่องจากงบมีจำกัดไม่ได้ใช่ไหมคะ อย่างที่บอกคุณ govisa ไปว่าบ.นาเป็นบ.ไม่ใหญ่มาก บอสจึงมีงบให้จำกัดค่ะ จึงต้องพิจารณากันนานหน่อย จะเรียนที่ไทยก็ต้องใช้เวลานาน หลักสูตรของที่อื่นก็นานและแพงเช่นกัน คิดหนักค่ะ อีกเรื่องค่ะคุณ govisa พอจะมีตัวอย่างเรื่องสัญญาและหนังสือรับรองจากบ.ไหมคะ ทางธุรการเค้าไม่เคยทำมาก่อนค่ะเค้าเลยอยากขอคำแนะนำนิดนึง (เคสแรกของบ.ค่ะอะไรเลยไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ บ.กำลังจะขยายตัวค่ะ)…ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On June 1, 2011 at 11:38 pm

      ถ้าบอสของน้องนาสนใจ Community College ก็ลองส่งสมัครและไปขอวีซ่าดูค่ะ

      ส่วนตัวอย่างจดหมาย Sponsorship พี่ไม่มีค่ะ แต่พอ search จาก google จะเห็นตัวอย่างจดหมายมาก พี่มั่นใจว่า น้องเคยมีประสบการณ์ไปเรียนต่างประเทศมาแล้ว น้องคงจะหยิบบางประโยคมาร้อยเรียงให้เข้ากับเรื่องราวของน้องได้ค่ะ ตัวอย่างหนึ่งที่พี่คลิกเข้าไปดู http://www.buzzle.com/articles/sponsorship-letters-examples.html ก็เขียนใช้ได้ค่ะ คำแนะนำเพิ่มเติมนะคะ คือ พยายามดูว่า น้องจะสมัคร Community college ชื่ออะไร เปิดเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของ Community College แห่งนั้น เพื่อศึกษาเรื่องค่าใช้จ่าย จะได้นำตัวเลขนั้นมาใส่ใน Letter of Sponsorship ว่า Sponsor จะ support น้องนาทั้งค่าเล่าเรียน+ค่า living expense เป็นเงินจำนวนเท่าไรต่อปี และทุนที่บริษัทให้จะให้เป็นระยะเวลานาน 2 ปีค่ะ หรือถ้าน้องนาและบอสอยากศึกษาเรื่อง Community College เพิ่มเติมลองเข้าไปดู video ที่ https://www.educationusa.info/edusa_connects/

  • แจน  On June 2, 2011 at 4:52 pm

    รบกวนถามเรื่องหน้ายืนยันวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ ได้วันสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว (1Pin 4 คนครอบครัวเดียวกัน)และสถานทูตส่ง E-mail มาให้แล้ว แต่สงสัยตรง เวลานัดหมาย เพราะใน E-mailที่ส่งมา พิมพ์ว่า
    วันที่นัดหมาย:15 June 2011

    เวลานัดหมาย:[appointmentstartdate]
    สถานฑูต:สถานทูตสหรัฐฯ

    แบบนี้แปลว่าได้เวลานัดกี่โมงคะ คนที่ทำจองคิวให้บอกว่า เวลา 7.15 น.ค่ะ แต่ทำไมใน E-mail ถึงไม่ระบุเวลาให้แน่นอน ไม่เหมือนของเพื่อนที่จองไปพร้อมกัน ได้สัมภาษณ์วันเดียวกัน และ ระบุเวลามาเลย คือ 7.15

    • govisa  On June 2, 2011 at 9:11 pm

      น้องแจนคะ ลองสอบถาม agent หรือคนทำจองคิวให้ว่า เขาได้ print ใบนัดเก็บไว้ให้หรือเปล่า ถ้าไม่มี ขอ username กับ password จากเขา แล้วเข้าไปที่ http://thailand.us-visaservices.com คลิก log in ใส username กับ password แล้ว Print ใบยืนยันการนัดออกมาดูเองอีกทีว่าตรงกับเวลาอะไรนะคะ หลังจากที่พี่ลองอ่านกระทุ้อืน รู้สึกว่า พวกคนที่รับทำจองคิวนัดมีปัญหาเยอะเหือนกัน พี่ก็พยายามให้กำลังใจทุกคนในที่นี้ให้ทำการกรอกฟอร์มเองและนัดสัมภาษณ์เอง และขอให้อดทนรอวันสีเขียว การจ้างให้คนอื่นทำให้ บางทีก็อาจมีอะไรที่เราคาดไม่ถึงได้ เช่น พี่เคยลองคิดเล่นๆว่า ถ้ามีการเบี้ยวไม่จ่ายเงิน ตัวผู้รับว่าจ้างมี username กับ password อยู่ในกำมือเขาๆอาจ delete วันนัดเราทิ้งไป และปล่อยให้เราต้องรอ จนกว่าเขาจะได้รับเงิน จึงจะทำคิวนัดให้เราใหม่ไหมนะคะ แต่ถ้าเราจะมองโลกในแง่ดีว่า ความผิดพลาดที่ใบยืนยันการนัดไม่แสดงเวลาอาจเป็นที่ computer ของสถานทูตเกิด error ไม่พิมพ์วันัดออกมาให้หรือเปล่าค่ะ

  • Da  On June 2, 2011 at 11:25 pm

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ จะพยายามหาเวลวนัดสัมภาษณ์ต่อไปค่ะ

  • ฝ้าย  On June 3, 2011 at 12:12 am

    พี่ค่ะ จะเป็นอะไรไหมค่ะถ้าบังเอิญเข้าใจผิดกรอกข้อมูลผิดตรง section additional contact ตอนสุดท้ายอ่ะค่ะ หนูไปใส่ชื่อคนที่ิอยู่ USA ไม่ใช่คนที่อยู่ในไทยอ่ะค่ะ รบกวนช่วยตอบด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On June 3, 2011 at 4:08 am

      น้องฝ้ายควรแก้ไขให้ถูกต้องดีกว่าค่ะ ด้วยการกรอกฟอร์มใหม่ หากน้อง sign ชื่อ และ Print confirmation number ออกมาแล้วค่ะ และถึงแม้ได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว อย่าเป็นกังวล ให้กรอกฟอร์ม DS 160 ใหม่แล้วเข้าไปแก้ไขหมายเลข DS 160 ในหน้านัดสัมภาษณ์ได้ค่ะ แต่ถ้ายังไม่ได้ sign ชื่อ ก็แก้ไขได้ตรงจุดที่ให้มีการ review ครั้งสุดท้ายก่อนสั่ง Print confirmation number ค่ะ เพราะชื่อบุคคลอ้างอิงที่ให้ใส่ไว้ในไทย เพื่อคนในสถานทูตเขาสุ่มตรวจด้วยการโทรไปสัมภาษณ์คนเหล่านั้น เรื่องวัตถุประสงค์ที่น้องจะเดินทางค่ะ

  • Chan  On June 3, 2011 at 8:32 pm

    สวัสดีค่ะอีกครั้งค่ะคุณgovisa ผู้ใจดี
    รบกวนถามเรื่องการจองวันนัดสัมภาษณ์น่ะค่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้วันเลยค่ะ จะถามว่าถ้าเราซื้อpinอีกอันนึงเพื่อมาจองให้คนๆเดียวกันก็คือลูกชายน่ะค่ะจะได้มั้ยค่ะ คือว่าพอใช้pinเดิมแล้วเปิดอีกเครื่องพร้อมกัน แล้วlog in อีกเครื่องนึงที่เปิดอยู่ก่อนก็จะหลุด(คือlog out)อัตโนมัติเลยค่ะ ก็เลยอยากถามว่าถ้าเราซื้อpinอีกอันมาแล้วช่วยกันจองให้คนๆเดียวกันได้มั้ยค่ะ
    ขอบคุณมากๆค่ะ
    จัน

    • govisa  On June 3, 2011 at 8:45 pm

      ได้ค่ะคุณ Chan คุณ Chan จะตั้ง USERNAME กับ PASSWORD คนละชื่อก็ยังได้ค่ะ แต่เมือกรอกเข้าไปข้างในที่ถามรายละเอียดผู้ยื่นขอวีซ่า ให้ใส่ชื่อและรายละเอียดลูกชายค่ะ หรือ คุณ Chan จะลองเปลี่ยนเป็นซื้้อพินทางโทรศัพท์ดูบ้างก้ได้ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับแบบแรก ดูว่าแบบไหนจะได้วันนัดก่อนกันก็ได้ค่ะ ที่ไม่อยากแนะนำ เพราะซื้อสองพินเปลืองเงินค่ะ ได้ผล
      อย่างไร เขียนมาให้อ่านบ้างนะคะ

  • Chan  On June 4, 2011 at 10:28 am

    ขอบคุณค่ะ
    จัน

    • govisa  On June 4, 2011 at 5:12 pm

      ขอให้โชคดีค่ะ คุณจัน

  • j  On June 4, 2011 at 3:42 pm

    อยากถามข้อมูลการนัดสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เคยโทรสอบถามข้อมูล 1ครั้ง และ สอบถามเรื่องคิวนัดสัมภาษณ์แล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่มีคิวว่างเลยและบางช่วงก็ยังไม่เปิดสำหรับ J1 visa เจ้าหน้าที่บอกให้โทรมาถามอีกที อยากทราบว่า โทรถามวันว่างได้อีกกี่ครั้งค่ะ จะหมดอายุเมื่อไหร่ มีช่วงแนะนำสำหรับการโทรหรือไม่
    จะเริ่มเรียน 1 Sep แต่อยากเดินทางก่อน ประมาณวันที่10 Aug เมื่อไหร่ควรเริ่มขอ expedite คะ

    • govisa  On June 4, 2011 at 5:11 pm

      น้อง J คะ เข้าไปที่ http://bangkok.usembassy.gov/non-immigrant_visas.html ด้านขวามือของหน้าเว็บไซต์จะมีวีดีโออธิบายวิธีการนัดสัมภาษณ์วีซ่า กล่าวคือ น้องสามารถโทรนัดเพื่อหาวันนัดที่ว่างอีก จนกว่าจะได้วันนัดสัมภาษณ์ค่ะ แต่ถ้าได้วันนัดสัมภาษณ์แล้วจะโทรขอเปลี่ยนวันนัดสัมภาษณ์ได้ 3 ครั้ง และพินที่น้องซื้อมามีอายุการใช้งาน 3 เดือน หรือ 90 วัน หลังจากวันที่ซื้้อ และ 10 วันหลังจากวันสัมภาษณ์ ไม่ว่าจะได้วีซ่าหรือไม่ได้รับวีซ่าค่ะ

      ส่วนความเหมาะสมในการขอ expedite ควรจะประมาณ 3-4 อาทิตย์ก่อนวันที่ที่ปรากฏอยู่ใน I-20 ทั้งนี้เพราะกงสุลพิจารณาจากความจำเป็นของคนที่เขียน expedite เข้าไป ซึ่่งมีคนเขียน expedite เป็นจำนวนมากค่ะ ถ้าน้องจะเดินทาง 10 สิงหาคม แต่สถานศึกษาอนุญาตให้เข้าประเทศได้ถึงวันที่ 1 กันยายน น้องควรอธิบายว่า เพราะเหตุใดจึงต้องการเข้าไปก่อนวันที่ 10 สืงหาคมค่ะ

  • j  On June 4, 2011 at 4:05 pm

    อยากถามข้อมูลการนัดสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เคยโทรสอบถามข้อมูล 1ครั้ง และ สอบถามเรื่องคิวนัดสัมภาษณ์แล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่มีคิวว่างเลยและบางช่วงก็ยังไม่เปิดสำหรับ J1 visa เจ้าหน้าที่บอกให้โทรมาถามอีกที อยากทราบว่า โทรถามวันว่างได้อีกกี่ครั้งค่ะ จะหมดอายุเมื่อไหร่ มีช่วงแนะนำสำหรับการโทรหรือไม่
    จะเริ่มเรียน 1 Sep แต่อยากเดินทางก่อน วันที่10 Aug เมื่อไหร่ควรเริ่มขอ expedite คะ

  • ฝ้าย  On June 5, 2011 at 10:50 pm

    สวัสดีอีกทีค่ะพี่ ฝ้ายจะรบกวนถามว่าเวลาไปสัมภาษณ์ไม่จำเป็นต้อง print application ทั้งหมดของ DS 160 ใช่ไหมค่ะ เอาแค่ใบ confirmation ที่มี Barcode ใช่หรือเปล่าค่ะพี่

    • govisa  On June 6, 2011 at 11:21 pm

      ที่ฝ้ายเข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ ใช้เฉพาะใบยืนยัน Confirmation number มีหน้าเดียว(ที่มี Barcode )ค่ะ

    • govisa  On June 6, 2011 at 11:55 pm

      @ Nong OoFon พี่ขอนุญาตน้องตอบทางนี้ เพื่อมี case ใกล้เคียงกับของน้องคนใดที่เข้ามาอ่านค่ะ น้องเคยมีการถูกปฏิเสธการขอใบเขียวตอนน้องยังเด็กอยู่ ครั้งนี้จะขอวีซ่าไปเรียน น้องควรมี statement ของคุณพ่อที่อยู่ที่เมืองไทยไปแสดงด้วยค่ะ และหลักฐานว่าคุณพ่อมีอาชีพอะไรที่เมืองไทย เช่น ถ้าคุณพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจ ให้นำใบทะเบียนการค้าไปด้วย แต่ถ้าคุณพ่อเป็นลูกจ้าง ขอใบรับรองการทำงานจากที่ทำงานค่ะ นอกจากนี้มีใบหย่าของคุณพ่อและคุณแม่ไปด้วยค่ะ

      อนึ่ง พี่ไม่ทราบว่า คุณแม่น้องท่านเป็น US Citizen ก่อนน้องเกิด หรือเป็นทีหลังน้องเกิดแล้ว เพราะถ้าเป็นก่อนน้องเกิด และถ้าตอนนี้น้องอายุ 21 ปีขึ้นไปแล้ว น้องก็น่าจะมีสิทธิ์ถูกส่งไปที่แผนก US Citizen เพื่อรับทราบระเบียบการว่า น้องมีสิทธิ์ได้รับ Citizen ตามคุณแม่น้องได้ค่ะ ซึ่งเรื่องนี้กงสุลที่สัมภาษณ์น้องคงจะถามน้องเรื่องการได้เป็น Citizen ของคุณแม่น้องอีกทีหนึ่ง แต่ถ้าคุณแม่เป็น Citizen ทีหลังน้องเกิด พี่ไม่แน่ใจว่า น้องจะขอ Citizen เลยทันทีได้ไหม อาจต้องขอเป็น green card แทนค่ะ อย่างไรก็ตาม เวลาไปยื่นวีซ่าที่สถานทูต น้องควรแสดงให้กงสุลเห็นว่า น้องมีภาระผูกพันที่ต้องกลับมาดูแลคุณพ่อยามท่านเจ็บป่วยหรืออื่นๆค่ะ เพราะน้องกำลัง process เรื่องการขอวีซ่านักเรียนอยู่ ส่วนประเด็นเรื่องจะได้ green card หรือ citizen หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับท่านกงสุลจะพิจารณาตามหลักการทางกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ เพราะถ้าเขาพิจารณาอย่างที่พี่บอก พี่ก็เกรงว่า น้องอาจจะไม่ได้ไปเรียนวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ เพราะต้องเตรียมเอกสารด้านอื่นแทนค่ะ

  • รัชนี  On June 6, 2011 at 11:28 pm

    อยากทราบเกี่ยวกับการกรอก ds-160 ในหัวข้อ Work/Education/Training คือถ้าเรารับสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่บ้าน เราจะต้องกรอกในหัวข้อนี้หรือป่าวค่ะ หรือเราไม่จำเป็นต้องกรอกก้อได้ไหมค่ะ คือตอนนี้เรียนจบแล้วค่ะแต่กำลังรอรับใบประกอบวิชาชีพครูนะค่ะ ก้อเลยรับสอนเด็กๆที่บ้านไปพลางๆก่อน อยากทราบว่าจะต้องกรอกยังไงดีค่ะ ช่วยกรุณาด้วยค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On June 7, 2011 at 12:07 am

      @ น้องรัชนี ให้เขียนว่า เป็น private tutor และเขียนจดหมายอธิบายด้วยว่า น้องมีเด็กชื่ออะไร เรียนชั้นไหน โรงเรียนอะไร ที่เรียนอยู่กับน้อง สัปดาห์หนึ่งน้องสอนกี่คน เดือนหนึ่งน้องมีรายรับประมาณเท่าไรค่ะ ทั้งนี้เพราะน้องไม่ได้ทำงานรับจ้างกับหน่วยงานที่จะออกจดหมายมาเป็นทางการได้ค่ะ แต่ถ้าน้องเพิ่งเรียนจบไม่กี่เดือนนี้ ไม่ต้องใส่ก็ได้ เขียนว่า not employed ถ้าเขาให้อธิบายก็บอกว่า เพิ่งเรียนจบ กำลังเตรียมตัวติดต่อไปเรียนภาษาอังกฤษที่อเมริกา วางแผนว่าจะไปเรียนสักกี่เดือนก่อนสอบ TOEFL และ GMAT หรือ GRE เพื่อเรียนต่อปริญญาโทด้านใดก็บอกเขาไปค่ะ

  • Pairote  On June 8, 2011 at 12:13 pm

    เรียนถามคุณ GOVISA ผู้ใจดีนะครับว่า ในกรณีเป็นทหาร-ตำรวจต้องการทำวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อไปเที่ยวอเมริกาประมาณ1เดือน มีคำถามดังนี้ครับ
    1.ตอนทำ Passport ควรกรอกชั้นยศนำหน้าชื่อหรือเปล่า และควรถ่ายรูปโดยสรวมเครื่องแบบหรือไม่ครับ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
    2.ในกรณีทำวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาทั้งครอบครัว พ่อแม่ลูกรวม3คน ตอนกรอกDS-160 ต้องกรอกแยกเป็นรายบุคคลหรือเปล่าครับ กรุณาอธิบายนะครับ
    3.การทำนัดสัมภาษณ์ทั้งครอบครัว (พ่อ,แม่,ลูก3คน) จะกรอกนัดสัมภาษณ์อย่างไร
    ขอบคุณมากนะครับ ขออวยพรให้คุณ GOVISA มีแต่ความสุขความเจริญนะครับ

    • govisa  On June 8, 2011 at 10:25 pm

      เรียนคุณไพโรจน์คะ
      1. ทราบมาว่าถ้าเป็นข้าราชการจะมีหนังสือเดินทางของข้าราชการเล่มสีน้ำเงิน กับหนังสือเดินทางของบุคคลธรรมดาเล่มสีแดงเลือดหมูเหมือนคนทั่วไป ในความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ทราบว่าคุณไพโรจน์เกษียณแล้วหรือยัง ถ้าเกษียณแล้วก้เป็นเหตุผลที่ดีที่จะไม่ใส่ชุดฟอร์มตำรวจได้ แต่ถ้ายังไม่ได้เกษียณจะใส่ชุดฟอร์มตำรวจเวลาถ่ายรูปในหนังสือเดินทางก็ได้นะคะ เพราะถ้าจะใส่ยศนำหน้าชื่อก็ดูสมเหตุสมผลอยู่ที่จะใส่ชุดตำรวจค่ะ ลองคิดถึงภาพคนที่อยู่ในอาชีพอื่นๆ เช่น เป็นพระ ท่านก็ต้องสวมใส่จีวรเวลาถ่ายภาพทำหนังสือเดินทาง กรณีเป็นนักเรียนๆบางคนถ่ายภาพในหนังสือเดินทางเป็นชุดนักเรียนก็มี บางคนใส่ชุดไปเที่ยวธรรมดาไม่อยากแต่งตัวชุดนักเรียนก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นหนังสือเดินทางราชการคงเป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะต้องสวมชุดตำรวจค่ะ แต่ถ้าถามว่า ใส่ชุดตำรวจแล้วจะทำให้มีข้อได้เปรียบกว่าไหม ไม่น่าจะมีประเด็นนั้นในกรณีขอวีซ่าไปเที่ยวค่ะ เพราะกงสุลอเมริกันคงพิจารณาตามหลักฐานว่า จะไปเที่ยวมีหลักฐานเรื่องที่พัก เรื่องแผนการว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เรื่องฐานะการเงินว่าจะมีเพียงพอสนับสนุนพ่อ-แม่-ลูกในช่วงหนึ่งเดือนไหมนะคะ
      2. การกรอกฟอร์ม DS160 ต้องกรอกแยกเป็นของพ่อชุดหนึ่ง ของแม่ชุดหนึ่งและของลูกอีกหนึ่งขุดค่ะ
      3. การกรอกฟอร์มนัดสัมภาษณ์แล้วแต่คุณไพโรจน์ค่ะ จะกรอกชื่อคุณไพโรจน์เป็นคนแรกเลยก็ได้ค่ะ หรือถ้าขอประทานโทษนะคะ ถ้าคุณไพโรจน์ไม่ค่อยถนัดการใช้คอมพิวเตอร์ ลูกซึงใช้คอมพิวเตอร์คล่องกว่าอาจจะกรอกชื่อเขาเป็นคนแรกก็ได้ค่ะ เมื่อกรอกไปถึงหน้าที่มี choice ให้เลือกว่าจะ add family member หรือจะ skip family member โดยมีเงื่อนไขว่าความสัมพันธื์ของผู้ยื่นขอวีซ่าต้องเป็นพ่อ-แม่-ลูก หรือ สามี-ภรรยา หรือ พี่น้องกันจริงๆ และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังเดียวกัน ในตอนนั้นคุณไพโรจน์ก็กรอกชื่อภรรยาและลูก แต่ถ้ากรอกชื่อลูกเป็นคนแรก เมื่อถึงจุดนี้ ก็คลิก add family member แล้วกรอกชื่อและรายละเอียดของคุณไพโรจน์และภรรยา ซึ่งรายละเอียดที่กล่าวมาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ถามแค่ DS Confirmation Number ของแต่ละคน แล้วก็วันเดือนปีเกิด เพศ ประเภทวีซ่าที่จะขอ ถ้าเคยมีวีซ่าเข้าอเมริกามาก่อน ให้ระบุด้วยว่ามีวีซ่าประเภทใด เมื่อไร หมายเลขโทรศัพท์และอีเมล์ค่ะ
      ขอบคุณค่ะ และขอให้คุณไพโรจน์จองวันนัดสัมภาษณ์ได้เร็วๆค่ะ เล่าประสบการณ์วันที่ไปสัมภาษณ์มาให้อ่านบ้างนะคะ เพื่อเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เข้ามาอ่านค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • pairote  On June 9, 2011 at 2:36 pm

    ขอบพระคุณคุณ GOVISA เป็นอย่างสูงครับที่กรุณาให้ความกระจ่างนะครับ ขออนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมดังนี้ครับ
    1.ในขั้นตอนการกรอก DS-160 :หลังจาก Print Confirmation , Print Application และ E-mail Confirmationแล้ว ปรากฏหน้า Thank you และมีช่องให้เลือก2ช่อง คือ Create a Family Applicalion และ start another application ขออนุญาตถามว่าทั้ง 2ช่องใช้อย่างไรและแตกต่างกันอย่างไรครับ
    2.ในขั้นตอนการทำนัดสัมภาษณ์ : เราจะต้องกรอกอะไรในบล็อก Group Code และบล็อก Access Code หรือเปล่าครับเพราะอะไร และแตกต่างจากบล็อก Pin Code อย่างไรครับ
    ขอบคุณมากนะครับ ขออวยพรให้GOVISA มีแต่ความสุขความเจริญนะครับ

    • govisa  On June 9, 2011 at 10:00 pm

      1. ถ้าเลือกช่อง create a family application จะเป็นการกรอกชื่อคนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน เช่น คุณไพโรจน์กรอกรายละเอียดของภรรยา และลูก บางช่องไม่ต้องกรอกซ้ำอีก จะมีข้อความเหมือนที่คุณไพโรจน์กรอกของรายแรกเสร็จแล้วขึ้นมาค่ะ เช่น ช่องที่อยู่ จะมีทีอยู่ที่พิมพ์เอาไว้ของคนแรก pop-up ขึ้นมา เป็นต้น แต่ถ้าคลิก start another application เป็นการเริ่มต้นการกรอกใหม่หมด เหมือนกรอกของคนแรก เช่น คุณไพโรจน์กรอกของตัวเองเสร็จ พอเวลากรอกของภรรยา ก็จะเริ่มกรอกใหม่หมดเหมือนกรอกของคุณไพโรจน์ค่ะ
      2. ให้คุณไพโรจน์ลองเข้าไปดูวีดีโอเรื่อง “วิธีการนัดสัมภาษณ์” จาก http://bangkok.usembassy.gov/non-immigrant_visas.html จะเห็นว่า group code คือการนัดสัมภาษณ์แบบกลุ่ม โดยทั่วไปสองช่องแรก คือ group code และ access code ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ได้ค่ะ ส่วนช่องสุดท้าย ถ้ามีการซื้อพินจำนวน 372 บาทจากไปรษณีย์ เพื่อใช้นัดสัมภาษณ์ ให้ใส่หลายเลขจำนวน 15 ตัวเลขลงในช่องสุดท้าย แต่ถ้าจะตัดเงินจากบัตรเครดิตจำนวน 372 บาทก็ย่อมได้เหมือนกันค่ะ ไม่ต้องใส่หมายเลข 15 ตัวลงบนเว็บไซต์นัดที่อยู่ต่อจาก group code และ access code ค่ะ คลิก next ทันที่ี่กรอก username และ password เสร็จ จะเข้าสู่หน้าตัดเงิน 372 บาท จากบัตรเครดิต

  • kk  On June 10, 2011 at 5:25 pm

    เข้ามา update การจองคิวสัมภาษณ์ค่ะ หลังจากเริ่มจองวันที่ 21/5/54 จนผ่านมา 1 สัปดาห์ไม่ได้ ก็เลยใช้บริการบริษํทรับจองคิวสัมภาษณ์ค่ะ และได้คิวสัมภาษณ์วันที่ 16/6/54 ค่ะ ( ค่าใช้บริการไม่แพงค่ะบริษัทคิดค่าจอง 500 บาทต่อท่านค่ะ แต่ถ้าเป็น pin กลุ่มบริษัทคิด 1000 ต่อกลุ่มค่ะ )
    ถ้าผลสัมภาษณ์ออกมาจะเข้ามา update ข้อมูลเพิ่มน่ะค่ะ

    • govisa  On June 10, 2011 at 8:41 pm

      ขอบคุณค่ะ น้อง KK

  • SS  On June 11, 2011 at 8:26 am

    เรียนถามคุณ govisa นะค่ะ พอดีเมื่อวานได้ทำการจ่ายค่า sevis fee ไป แล้วปริ้น confirmation ออกมาเรียบร้อยแล้ว แต่มาเห็นในใบว่ากรอกที่อยู่ไม่ครบอ่ะค่ะ พอเข้าไปดูในเวปเค้าบอกว่าให้ส่ง email ไปบอก ก็ส่งไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ ต้องทำยังไงค่ะ ใบนี้จะมีผลตอนสัมภาษณ์วีซ่ามากไหมคะ เครียดมากเลยค่ะ ใบ confirmation นี้จะยังใช้ได้อยู่รึเปล่าค่ะ

    • govisa  On June 11, 2011 at 10:19 am

      น้อง Gaga คะ อย่ากังวลเลยค่ะ เรื่องทีอยู่ไม่ครบ แล้วอีเมล์บอกไปก็เพื่อประโยชน์ทั้งฝั่ง DHS และฝั่งน้อง คือ DHS ส่งใบเสร็จตัวจริงถึงที่หมาย และประโยชน์น้อง คือน้องได้รับอีก 3 อาทิตย์ข้างหน้าค่ะ เขาอาจเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องตอบจดหมายกลับค่ะ

  • ning  On June 16, 2011 at 10:06 am

    รบกวนสอบถามวีซ่า b2 จะให้คุณแม่ (retire ) มาเยี่ยมตอนคลอดน้องคะ ทำเอกสาร และจองสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว นัดวันจันทร์ที่ 20 นี้แล้วคะ รบกวนช่วยเช็คว่าเอกสารโอเคมั้ย มีรายการดังนี้คะ

    1.ใบจองสัมภาษณ์ พร้อมค่าธรรมเนียม
    2. application & รูปถ่าย ในนั้น ระบุว่ามาประมาณ 3 อาทิตย์
    3. จดหมายเชิญ ระบุเนือหาคร่าว ๆ เกี่ยวกับวันคลอด แล้วก็มาคลอดไกลบ้าน แล้วก็เป็นคนแรก อยากให้คุณแม่มาอยู่ด้วย จะได้รู้สึกอุ่นใจ พร้อมรับรองเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ
    4. จดหมายจากคุณหมอฝากครรภ์ ระบุวันคลอด แล้วก็ระบุ please allow her mother to come assist with birth and care for her newborn ( 3 weeks ) พร้อมนามบัตรคุณหมอ
    5. เอกสารโรงพยาบาลเคยให้ไว้ เรื่องกำหนดการคลอด
    6. จดหมายรับรองเงินเดือนจากที่ทำงาน
    7. สำเนาเสียภาษี เมื่อปีที่แล้ว รายได้รวมกับสามี ประมาณ 40,xxx คะ
    8. statement มีเงินในบัญชี ประมาณ 22,xxx เหรียญ (ไม่รู้ว่าพอหรือเปล่า แต่มีเท่านี้อ่ะคะ)
    9. สำเนากรีนการ์ด และ passport ของดิฉัน

    มีคำถามดังนี้คะ
    1. เอกสารเพียงพอหรือเปล่าคะ กะว่าให้คุณแม่เตรียมไปด้วย แต่คุณแม่มีเป็นฉลากออมสินประมาณ หนึ่งแสน นะคะ แล้วก็มีเงินในบัญชีประมาณ 30,xxx เอง
    2. ส่วนเรื่อง statement ก่อนหน้านี้ เก็บเงินเป็นเงินสดคะ เพิ่งจะเอาเงินเข้าไปเมื่อเดือนที่แล้วเอง ไม่รู้จะมองไม่ดีหรือเปล่า
    3. แอบเป็นห่วงแม่ เพราะต้องเข้าไปสัมภาษณ์คนเดียว แถมเอกสารเป็นภาษาอังกฤษหมด ตอนที่ต้องไปสัมภาษณ์กับท่านกงศุล ถ้าเค้าขอดูเอกสาร ก็ให้คุณแม่ยื่นไปทั้งหมดเลย หรือยังไงดีคะ เพราะคุณแม่คงแยกไม่ออกว่าเป็นอะไร
    4. ให้ตัวเองเป็น sponsor เอง โดยไม่ได้ให้สามี (คนไทย) เป็น จะดูโอเคมั้ยคะ พอดีสามีกำลังหางานทำ และตอนนี้ก็รับรายได้เป็นเงินสดอยู่

    • govisa  On June 16, 2011 at 7:50 pm

      @ น้อง Nong เอกสารของน้องเท่าที่เขียนมาก็ใช้ได้นะคะ แต่อยากถามว่า
      1. สามีไม่มีบัญชีเงินฝากในธนาคารหรือคะ เพราะเขียนมาตอนท้ายว่า รับเป็นเงินสด น่าจะเอาเก็บไว้ในธนาคารบ้าง ถ้าพอมีก้น่าจะลอง attach email มาให้ใครที่เมืองที่รู้จักกับคุณแม่น้อง print ออกมาและจัดให้คุณแม่น้องนำไปให้กงสุลดุด้วย พี่ไม่คิดว่าคุณแม่น้องจะใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนคนรุ่นใหม่ ดังนั้น อาจต้องอาศัยใครที่พอทำได้ช่วย เพราะถ้าจะส่งมาทางไปรษณีย์ เกรงว่าจะไม่ทันสัมภาษณ์วันจันทร์ค่ะ
      2. ให้สอนคุณแม่น้องตอบคำถามด้วย เช่น กงสุลอาจถามว่า น้องมีอาชีพอะไร หรือ สามีน้องทำอาชีพอะไร ตรงนี้สำคัญมากนะคะ เพราะทำให้คิดต่อไปได้ว่า อาชีพนั้นๆจะมีรายรับเพียงพอที่จะดูแลสมาชิกเพิ่มอีก 1 ท่านเป็นเวลา 3 อาทิตย์ได้ไหมค่ะ และกงสุลก็คงอยากทราบด้วยว่า คุณแม่รู้จักความเป็นไปของลูกเขยดีมากไหมค่ะ
      3. เวลาสัมภาษณ์ กงสุลเขาคงถามคุณแม่เป็นภาษาไทยค่ะ ทีนี้เวลาฟังฝรั่งพูดภาษาไทย อาจฟังลำบากนิดหนึ่ง เพราะสำเนียงอาจแปลกๆ ก็ต้องเรียนคุณแม่ว่า ให้ตั้งใจฟัง จะได้ตอบคำถามได้ถูกต้องค่ะ บางคนตกใจมาก เวลาอยู่ต่อหน้าฝรั่ง ทำอะไรไม่ค่อยถูกไปเลยก็มีค่ะ
      4. คุณแม่อยู่กับใครที่เมืองไทยคะ ถ้าอยู่กับสามีคุณแม่ หรือ อยู่กับลูกคนอื่นที่เป็นพี่ หรือเป็นน้องของน้อง ก็ยังพอเชื่อได้ว่า คุณแม่ต้องกลับมาอยู่เมืองไทยหลัง 3 อาทิตย์แน่นอนค่ะ
      5. พี่ไม่ทราบว่าตอนกรอก DS 160 ตรงช่อง” ทำงาน ‘ น้องกรอกว่าอะไร คุณแม่เคยทำงานไหม หรือเป็นแม่บ้านมาโดยตลอด เพราะถ้าไม่ได้ทำงานมี เงินหนึ่งแสนกับสามหมื่นบาท ดูน้อยไปนิดสำหรับวีซ่าท่องเที่ยว และแถมเป็นบัญชีเพิ่งเข้าด้วย เสี่ยงนิดหนึ่งค่ะ ถ้ามีลูกหลายคน ลูกที่เมืองไทยทำงานมีเงินเก็บที่จะค้ำประกันแม่เพิ่มอีกคนได้ไหมคะ
      ถ้าน้องเตรียมอะไรเพิ่มเติม ในจุดที่พี่คิดว่า กงสุลอาจจะสงสัยได้นั้น ก็จะเป็นการดียิ่งขึ้นค่ะ แต่ถ้าไม่มีเอกสารเพิ่ม หรือ จัดเตรียมเอกสารไม่ทัน คงต้องเทรนวิธีการตอบคำถามของคุณแม่ในเรื่องที่พี่ถามน้องไป เพราะการที่คุณแม่รู้ความเป็นไปของน้องและสามี จะแสดงให้เห็นว่า เป็นครอบครัวเดียวกันจริง รู้ข้อมูลบ้าง ไม่ใช่ถามอะไร ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดีบว คงไม่ดีแน่ค่ะ

  • kk  On June 16, 2011 at 4:54 pm

    พี่ค่ะเขียนมา update ข้อมูลค่ะ วันนี้ไปสัมภาษณ์วีซ่ามา รอบ 08.00 ค่ะ ฝนตกด้วยเมื่อเช้า แต่พอเจอด่านตรวจเอกสารด้านหน้าต้องไปซื้อ pin เพิ่ม เพราะที่อยู่คนละทะเบียน ทำใ้ห้ต้องเสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะเพราะต้องไปไปรษณีที่สินธรเปิด 08.30 น. และ กว่าจะข้ามกลับมา ก็ไกลนิดนึงค่ะ
    ขออนุญาติเล่าบรรยากาศภายในน่ะค่ะ
    1.ตอนเช้าคนเข้าแถวยาวมากเลยสะพานลอยค่ะ
    2.เจอน้องเสื้อสีชมพู ตรวจเอกสารเบื้องต้น( เอกสารไม่เรียบร้อยเพราะขาดไป1 pin ค่ะ )
    3.เข้าไปเจอด่านฝากของค่ะ
    4.เข้าแถวเพื่อจัดเรียงเอกสารค่ะ ก็จะมีดังนี้ค่ะ
    4.1ใบเสร็จค่าธรรมเนียม
    4.2เอกสารใบ confirmation จากทางสถารฑูต ที่มีบาร์โค๊ดค่ะ
    4.3จดหมายรับรองการทำงาน ถ้ามี
    4.4จดหมายเชิญ ถ้ามี
    4.5จดหมายถึงกงศุล ถ้ามี
    5.แล้วนั่งรอเรียกตามหมายเลขเพื่อไป พบด่านกงศุลตรวจเอกสารและพิมพ์หลายนิ้วมือ
    และตอบคำถามเล็กน้อย
    6.หลังจากนั้นเข้าไปในห้องเพื่อรอสัมภาษณ์ใช้เวลาพอสมควร คำถามมีดังนี้ค่ะ(ไป 2 คน กับสามีค่ะ )
    ถามตัวข้าพเจ้า 1.ไปกี่วัน 2.พักกับใคร 3.ไปเที่ยวที่ไหน 4. ญาติทำงานอะไร 5.มีบ้านของตัวเองที่นี้(ประเทศไทย)หรือปล่าว มีกี่ห้อง อยู่ที่ไหน 6.ทำอาชีพอะไร 7.คยไปเที่ยวที่ประเทศไหนบ้าง
    ส่วนสามี จะถามว่า 1.ทำงานอะไร 2. ตำแหน่งอะไร 3.เคยไปเที่ยวที่ประเทศไหนบ้าง
    7.แล้วท่านกงศุลก็บอกว่าให้ไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ แล้วจะส่งพาสปอร์ต์กลับคืนไปให้ ค่ะ
    ขอแนะนำน่ะค่ะ ถ้าเป็นการขอครั้งแรกไม่ผ่าน การขอครั้งที่สอง ที่นี้จะใช้เวลาตรวจเอกสารนานมาก และจะเอาไปสัมภาษณ์หลังสุดของเพื่อน ไม่ว่าคุณจะไปเร็วแค่ไหน ดังนั้นต้องเตรียมเอกสารให้ดีๆๆ เพราะบางคนขอครั้งที่สองไม่ผ่านก็มีค่ะ
    8.สรุปว่า เราได้วีซ่าอมริกามาเรียบร้อยแล้วค่ะ ขออภัยน่ะค่ะถ้าเขียนยาวไปนิดนึงค่ะ

    • govisa  On June 16, 2011 at 7:24 pm

      ขอบคุณมากๆค่ะน้อง Kk Kanwara ที่เขียนมาให้เพื่อนๆได้อ่านค่ะ ได้ประโยชน์มากค่ะ ขอเพิ่มเติม สำหรับคนที่ไม่ได้กรอกแบบฟอร์ม DS160 ด้วยตนเองค่ะ บางคนกรอกเองได้แต่บางคนให้ agency กรอกให้ เจ้าหน้าที่คนไทยในสถานทูตจะถามคำถามหนึ่งว่า น้องกรอกฟอร์ม DS 160 เองหรือเปล่าคะ ให้ดูที่หน้า Application ที่ print ออกมาหน้าสุดท้ายว่า ใครเป็นคนกรอกให้ เพราะถ้าน้องกรอกเองได้ก็คงตอบว่า “ใช่ค่ะ” แต่ถ้าไม่ได้กรอกเอง ถามคนที่กรอกให้สักนิดนะคะว่า เขาได้ใส่ชื่อใครลงไปว่าเป็นคนกรอกให้ค่ะ ทางสถานทูตจะมีคำพูดหนึ่งที่บอกกับทุกคนเสมอว่า “ขอให้พูดความจริง” ค่ะ

  • mandy  On June 17, 2011 at 4:35 pm

    สวัสดีค่า หลังจากที่ได้รับความรู้จากเว็บนี้ อ่านไปอ่านมาหลายครั้ง ได้ความรู้มากมาย แล้วเราก็ไปสัมภาษณ์มาเมื่อวานเหมือนคุณ kk เลยค่ะ ขอเล่าให้ฟังบ้างนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นค่ะ
    เราได้คิว 7.15น.ค่ะ ไปถึง 6.30น.แถวยาวจริงๆๆเหมือนที่คุณ kk บอก เราไปกับคุณแม่สองคน ให้คุณแม่เข้าแถวไว้ก่อนตอนนั้นเลยสะพานลอยไปมากกกแล้ว ส่วนเราก็เดินไปถามสาวๆเสื้อชมพูด้านหน้าที่เช็คเอกสารว่า เราได้คิว7.15 เข้าเลยได้ไหม น้องเค้าว่าวันนี้ตามคิวแถวใครมาก่อนเข้าก่อนค่ะ เพราะฝนตก แป่ว ยืนเข้าแถวไป ฝนตกไป เอาขนมปังกับน้ำมาด้วย เราหิวเราก็ยืนเข้าแถวไปทานไปเลย ฮ่าๆๆ คนก็เยอะ ได้เข้าตอน เกือบ 7โมง20 นาที
    ด่านแรกฝากโทรศัพท์ โน้ตบุค แฟรชไดร์ ร่ม กุญแจรถรีโมท อย่าลืมปิดเครื่องนะคะหรือเปลี่ยนเป็นระบบสั่น แล้วก็แสกนกระเป๋า ตรวจอาวุธ
    ด่านสองก็ตรวจเอกสาร แถวยาวเช่นกันมีน้องๆเสื้อชมพูคอยตรวจเอกสารใส่แฟ้มใสให้ (มีแฟ้มใสให้ค่ะ) เอกสารที่น้องเค้าเอาไปของเรามีแค่ ใบที่มีบาร์โค้ด ใบจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ ใบรับรองการทำงาน พาสปอร์ต แค่เนี้ย นอกนั้นให้เราถือไว้ต่างหาก เสร็จแล้วก็ให้รอค่ะ ช่วงนี้ที่จะเรียกตามเวลาที่เรานัดไว้ค่ะ เรา7.15ก็ได้ไปเข้าด่านต่อไปเลย คนคิวที่ยังไม่ถึงเวลาที่นั่งรอเรียกแถวๆนั้น มีเก้าอี้มากมายค่ะ มีร้านกาแฟดอยตุงด้วยค่ะ ใครคิวช้าหน่อยก็พอมีเวลาดื่มได้
    ด่านที่สามเจอช่องสามช่องที่จะแจกคิวสัมภาษณ์ค่า เป็นช่อง 1 2 3 เป็นคนไทยตรวจเอกสารและแสกนนิ้วมือค่ะ ตรงนี้จะนานพอสมควรเหมือนกันค่ะ เป็นคนไทยที่มีอายุขึ้นมาหน่อย และแต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ดุๆๆ หน่อยค่ะ สัมภาษณ์ก่อนค่อนข้างนาน
    เสร็จแล้วก็ให้เข้าไปในห้องสัมภาษณ์ เป็นห้องแอร์ค่ะ คนเยอะอีกเช่นกัน นั่งรอเต็มเกือบทุกที่นั่ง มีห้องน้ำด้านในนะคะ เราได้ที่ 60 น้องๆเสื้อชมพูก็จะเรียกทีละ 10 คน ค่ะ ไปต่อแถวที่มีช่องหลายๆช่องที่มีฝรั่งเป็นคนสัมภาษณ์ทุกช่องค่ะ ก็แล้วแต่เราได้เลื่อนไปเรื่อยๆแล้วจะไปเจอสัมภาษณ์ช่องไหน เหมือนไปต่อแถวที่ธนาคารอ่ะค่ะ กว่าเราจะได้เรียกก็ปาไป 9 โมงครึ่งแล้วค่ะ ก็ถือว่าไม่ค่อยนานนะ มีแถวอีก 2 แถวที่เราคิดว่าไม่ใช่แถววีซ่าท่องเที่ยวค่ะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นวีซ่าอะไรอาจเป็นวีซ่านักเรียนกับทำงานอ่ะค่ะ เราเป็นวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ วันนั้นมีสามช่องที่สัมภาษณ์แถวเราค่ะ มี ฝรั่งผู้ชาย 2 คน มีฝรั่งผู้หญิง 1 คน เราก็สงสัยว่าเอ ไม่เห็นมีถามเลยว่าจะคุยภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เราได้สัมภาษณ์โดยฝรั่งผู้หญิงค่ะ
    ฝรั่งผู้หญิงยิ้มให้ค่ะ เราก็ใจชื้นขึ้นเยอะ บอกตรงๆว่าตื่นเต้นค่ะ เค้าก็ถามว่าไปอมริกาทำไมคะ เป็นภาษาไทยค่ะ เราก็บอกว่าไปเที่ยวค่ะ ไปกับใครคะ (ไปกับแม่และคุณน้า)ไปรัฐอะไร(ca) ไปพักที่ไหน(โรงแรม) มีเพื่อนหรือญาติที่อเมริกาไหม(ไม่มีค่ะ) ทำงานที่ไหนคะ เค้าก็ดูพาสปอร์ตเราเล็กน้อย เราทำงานสองที่ค่ะ เราก็เลยมีใบรับรองการทำงานสองใบ เราก็บอกเค้าว่าเราทำที่นี้กับที่นี้ ไม่ต้องรอถามค่ะ เล่าว่าเป็นงานอะไรเลย เค้าก็ถามว่าไปกี่วัน เราก็บอกไป 10 วันค่ะ แล้วเค้ายิ้มให้แล้วก็เก็บพาสปอร์ตเราไป ใจเราก็ว๊าย ได้แล้ว ไม่ได้ขอดูเอกสารอื่น เค้าก็สัมภาษณ์คุณแม่เราว่าเคยไปไหนมาบ้าง ทำงาน อะไร
    แม่เราก็บอกค้าขาย เค้าขอดูหลักฐานค่ะ เราก็ส่งใบทะเบียนการค้าที่เป็นชื่อคุณพ่อกับทะเบียนสมรสให้ เค้าดูแป๊ปเดียวก็ส่งคืน แล้วก็บอกว่า เอาใบฟ้านี้ไปซื้อซองข้างหน้าค่ะ โอ้ย เราก็ไหว้เค้าขอบคุณค่า เค้าก็ยิ้มให้ แล้วเราก็ออกนอกห้องไป (ใบรับรองการทำงานของเราอธิบายว่าเราทำงานมาตั้งแต่ปีไหนตำเเหน่งอะไร มีเงินเดือนเท่าไร แล้วก็ลาวันไหนค่ะก็คืองานหลักเราทำงานมา6 ปีค่ะ เงินเดือน 4-5หมื่นค่ะส่วนงานรองก็เดือนละหนึ่งหมื่นค่ะพาสปอร์ตเรามีเล่มเก่า 3 เล่ม ไปเที่ยวยุโรปเมื่อ ปี 1992 ฮ่าๆๆคือนานมาแล้วค่ะ เรา 35 แล้วค่ะ โสด นอกนั้นก็เอเซียหมดค่ะ มีแต่ประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า ส่วนคุณแม่มีญี่ปุ่นค่ะ เราไม่มี ไม่ได้โอ้อวดนะคะแต่เล่าละเอียดสำหรับข้อมูลที่ควรทราบค่ะ)
    ซื้อซอง ems ที่แถวที่ตรวจเอกสารด่านที่สองค่ะ มีไปรษณีย์อยู่ ซองละ 75 บาท แล้วก็กลับบ้านได้ค่ะ
    ขอบคุณนะคะที่มีเว็บนี้ เพราะตอนแรกเรากังวลมากค่ะ เตรียมตัว เอกสารมากมายไม่ได้ใช้ แต่ก็อยากให้เตรียมไปให้ครบๆนะคะ เพราะเค้าก็ขอดูของคุณแม่ค่ะ และเราอยากแชร์ประสบการณ์ค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ

    • govisa  On June 17, 2011 at 9:11 pm

      ขอบคุณมากค่ะน้อง Mandy เขียนได้น่าอ่านมากค่ะ เห็นภาพชัดเจนเลยนะคะ หายเหนื่อยแล้วใช่ไหมคะ ขอให้น้องและคุณแม่มีความสุขมากๆระหว่างไปท่องเที่ยวที่ California นะคะ ช่วงนี้หน้าร้อน ไม่ต้องพะวงเรื่องอากาศมากเหมือนไปตอนหน้าหนาวค่ะ ยินดีด้วยอีกครั้งค่ะ

  • BEW  On June 17, 2011 at 8:27 pm

    เข้าไปกรอก ds 160 เรียบร้อยค่ะ แต่ไม่ได้ปริ้นหน้า Confirmation Number ออกมา แล้วก็ปิดไป ตอนนี้จะกลับมาปริ้นต้องทำยังไงค่ะ จะกลับไปที่หน้า Confirmation Number ยังไง รบกวนตอบด้วยค่ะ พอดียังไม่ได้ปริ้นเลย

    • govisa  On June 17, 2011 at 9:03 pm

      @น้อง BEW เข้าไปที่เว็บไซต์ https://ceac.state.gov/genniv/ ค่ะ คลิก start application เลือก location เป็น Bangkok, Thailand แล้วเลือก Retrieve Incomplete Application จะมีช่องว่างให้น้องใส่ Application ID พี่ไม่ทราบว่า ระหว่างน้องกรอก application น้องจด Application ID อย่างที่พี่เคยเขียนแนะนำไปหรือเปล่าคะ เพราะถ้าจด ก็ใส่หมายเลขนั้นไปค่ะ จะขึ้นต้นด้วย AA ตามด้วยหมายเลขผสมตัวอักษร เช่น 001GK87Y อะไรทำนองนี้ แล้วคลิก retrieve application จะมีช่องว่างให้เราเติมตัวอักษรนามสกุล 5 ตัวอักษรแรก ปีคศ.ที่เกิด และคำถามแรกที่เขาให้เราเลือกจากตัวอย่างคำถาม และให้เราใส่คำตอบเองตั้งแต่ตอนแรกที่เริ่มต้นกรอก application form เมื่อใส่ข้อมูลครบ หน้า Confirmation number จะปรากฏขึ้นมาค่ะ สั่ง Print ได้ ส่วน application form ไม่แน่ อาจจะไม่ปรากฏขึ้นมา ถ้าน้องเคยเปิดเข้าไปดูครั้งก่อนแล้ว แต่ไม่ได้สั่ง Print เก็บไว้ค่ะ เพราะ application form จะปรากฏให้เห็นแค่ครั้งเดียว ครั้งหลังๆจะไม่เห็นตัว Application form แต่ไม่เป็นไรนะคะ เพราะกงสุลขอดูแค่ ใบยืนยัน Confirmation DS160 เท่านั้นค่ะ แต่ถ้าอยากได้ application form ก็ต้องกรอกใหม่หมด และ DS160 ก็จะเปลี่ยนหมายเลขใหม่ด้วยค่ะ

  • BEW  On June 18, 2011 at 1:49 pm

    ขอบคุณมาก มาก ค่ะพี่ จะลองทำดูนะค่ะ

  • kk  On June 19, 2011 at 10:30 am

    พี่ค่ะ..ขอสอบถามเพิ่มเติมน่ะค่ะ ตอนแรกจะเดินทางไปอเมริกา เดือนกันยายน ปีนี้ แต่พอดีแฟนได้วันพักร้อนน้อยไป ก็เลยจะเลื่อนไปเป็นปีหน้า ค่ะ แต่พอดีเพื่อน ให้ข้อมูลมาว่าถ้าได้วีซ่าอเมริกาแล้วไม่เดินทางภายใน 3 เดือน วีซ่าจะถูกยกเลิก และต้องติดแบคลิลส์ และขอวีซ่าใหม่ มันจะยาก
    อยากจะขอข้อมูลว่าที่เพื่อนพูดเป็นความจริง หรือปล่าวค่ะ
    ขอบพระคุณค่ะ

    • govisa  On June 19, 2011 at 8:14 pm

      น้อง Kk คะ ขอยืนยันว่า น้องจะเดินทางเมื่อไหร่ก็ได้ภายในระยะเวลา 10 ปีที่วีซ่าอนุมัติค่ะ ดังนั้น จะเดินทางปีหน้าก็ไม่มีปัญหาค่ะ ตราบใดที่วีซ่ายังมีอายุอยู่ค่ะ เคยรู้จักคนๆหนึ่งที่ขอวีซ่านักท่องเที่ยว ได้วีซ่ามีอายุ 10 ปี แต่ไม่เคยเดินทางไปเที่ยวสหรัฐอเมริกาเลย พอจะเดินทางอีกที ต้องขอวีว่าใหม่ เพราะวีซ่าเก่าหมดอายุไปแล้ว เขาขอวีซ่าใหม่ และพอเขาผ่านวีซ่า เที่ยวนี้เขาได้ไปเที่ยวอเมริกาตามที่ตั้งใจไว้นะคะ

  • Na  On June 20, 2011 at 11:23 pm

    พี่คะรบกวนหน่อยค่ะ
    1.กรณีที่บ.ส่งไปเรียนควรมีจดหมายจากบ.แนบไปด้วยมั๊ยคะว่าทำไมถึงต้องส่งเราไปเรียน และถ้าควรมีควรจะเขียนถึงใครคะ รึใช้แค่ Sir/Madam ก็พอคะ
    2.บัญชีของบ.เป็นบัญชีกระแสรายวันมีเงินเข้าออกเป็นล้านค่ะ แต่ว่าถ้าสรุปยอดเงินออกมาแล้วคงมีแค่หลักแสน อย่างนี้จะมีปัญหาเรื่องสเตจเม้นมั๋ยคะ แต่หนูก็จะยื่นคู่กับของอาด้วยหน่ะค่ะกันเหนียว
    3.ควรนำเอกสารการให้ทุนและสัญญาจ้างไปแสดงด้วยมั๋ยคะ
    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On June 21, 2011 at 9:41 pm

      ขอโทษนะคะ น้อง Na พี่เพิ่งเห็นคำถามของน้องค่ะ
      1. ถ้าเป็นบริษัทส่งไปเรียน ควรดูด้วยนะคะว่า เป็นโปรแกรมอะไร ถ้าเป็นโปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษเฉยๆ หลักฐานดูจะไม่ค่อยหนักแน่น เท่ากับบริษัทส่งให้น้องไปเรียนต่อปริญญาโทค่ะ การไปเรียนภาษาเป็นคอร์สยาว ไม่มีกำหนดว่าจะจบได้เมื่อไหร่ค่ะ ส่วนจดหมายที่จะเขียนถ้าหมายถึงเขียนไปหากงสุล เขียน Dear Sir or Dear Madame ก้ได้ค่ะ ส่วนใหญ่นิยมใช้ Dear Sir ค่ะ
      2. ดูเหมือนอาน้องเป็นเจ้าของบริษัทใช่ไหมคะ ถ้าเป็นเช่นนั้น แทนที่จะบอกว่าได้ทุนบริษัท บอกว่า คุณอาเป็นคนส่งให้เรียนดีกว่าไหมนะคะ และถ้าเขาถามว่า พ่อแม่ประกอบอาชีพ อะไร ก็พอจะรู้ข้อมูลของท่านทั้ง 2 บ้างว่า ทำงานที่ไหน มีรายรับเท่าไรค่ะ
      3. นำหลักฐานทั้ง 2 อย่างไปได้ค่ะ

  • Nina  On June 20, 2011 at 11:27 pm

    ขอสอบถามค่ะ ดิฉันเพ่ิงผ่านสัมภาษณ์ f1 รอพลาสปอร์ตส่งกลับ มีปัญหาจะเปล่ียนครอสท่ีเรียน จาก intensive ESL เป็น ESL รร. เดิม จะต้องทำอย่างไรค่ะ ทำผ่านเอเจนชี แต่ยังไม่จ่ายเงินค่ะ

    • govisa  On June 21, 2011 at 4:42 am

      @น้อง Nina พี่สงสัยคำว่า Intensive ESL ที่น้องเขียนมา น่าจะเป็นชื่อโปรแกรมการเรียน ไม่ใช่ชื่อที่เรียนภาษา ถ้าอยู่ในโรงเรียนภาษาเดียวกัน เพียงแค่เปลี่ยนโปรแกรมการเรียนก็ไม่มีปัญหาอะไร เปลี่ยนได้ค่ะ แจ้งเอเจนซี่ไป แต่ถ้าจะเปลี่ยนที่เรียนภาษาใหม่ (โรงเรียนใหม่เลย) และน้องยังไม่ได้เดินทางเข้าไปในประเทสสหรัฐอเมริกา ต้องติดต่อเพื่อให้ได้ I-20 ของที่เรียนใหม่ และเริ่มต้นขั้นตอนยื่นขอวีซ่าใหม่ทั้งหมดค่ะ แต่ถ้าน้องเดินทางเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ตามกฎหมายเข้าเมืองประเทศสหรัฐอเมริกา น้องต้องจ่ายค่าลงทะเบียนเรียนให้กับสถานศึกษาที่น้องใช้ I-20 เข้าไปยื่นขอวีซ่าและเรียนจริงๆ 1 เทอม ก่อนย้ายที่เรียนใหม่ แต่ก็มีน้องบางคนที่ยอมเสียเงิน จ้างทนายเพื่อทำเรื่องเปลียนที่เรียนตั้งแต่เข้าประเทศครั้งแรกกันเลย หรือบางรายทำความตกลงกับที่เรียนทั้งเก่าและใหม่เพื่อขอเปลี่ยนที่เรียนด้วยการพูดจากัน สำหรับแบบหลังนี้ต้องเป็นความยินยอมของที่เรียนทั้งใหม่และเก่าด้วยว่าอนุญาต โดยน้องยังไม่ต้องลงทะเบียนเรียนค่ะ

  • chatchai ung  On June 21, 2011 at 2:28 am

    เดิมลูกชายจะไปต่อโทarchictec ที่pratt กำหนดสัมภาษณ์visa30มิถุนานี้ แต่18มิถุนาได้รับจดหมายตอบรับจากvirginia techจดหมายมาถึงช้ามาก ลูกชายอยากเรียนที่virginia คิดว่า i-20ของvirginiaคงมาไม่ทันวันนัดสัมภาษณ์30มิถุนา ควรทำวีซ่าที่จะไปเรียนpratt แล้วมาขอเปลี่ยนที่เรียนที่หลังได้หรือไม่ ต้องทำวีซ่าใหม่หรือไม่ จะเปิดเรียน 22สิงหา กรุณาแนะนำด้วย การtransferทำได้ไหมครับ

    • govisa  On June 21, 2011 at 4:58 am

      @คุณชาติชาย ถ้าจะนำ I-20 ของ Pratt Institute ไปยื่นขอวีซ่าก่อน ลูกชายต้องไปเรียนที่ Pratt Institute ก่อน 1 เทอม แล้วจึงจะย้ายไปเรียนที่ Virginia Tech ได้ค่ะ โดยลูกชายต้องเขียนอีเมล์ไปขอเลื่อนเทอมกับ Virginia Tech เพื่อให้ Virginia Tech รับเข้าเรียนเป็น Jan 2012( ถ้าเขามีโปรแกรมเปิดรับ Jan)

      คำแนะนำ: ถ้าต้องการไป Virginia Tech เทอม Fall นี้ คุณชาติชายคงต้องให้ลูกฃายเขียนอีเมล์ติดต่อไปที่ Virginia Tech อธิบายสถานการณ์การทำคิวนัดสัมภาษณ์วีซ่า F-1 ที่กรุงเทพให้ U ทราบเพื่อเร่งให้เขาส่ง I-20 มาเร็วๆค่ะ จะให้เขา scan หน้าแรกมากับอีเมล์ถึงเราก็ดี เพื่อเราจะได้แก้ไข DS 160 ใหม่ ขณะเดียวกันรีบทำการ delete วันนัดสัมภาษณ์30 มิถุนายน และรอ reschedule ใหม่ก่อนที่จะหมดเวลาการเปลี่ยนวันนัดสัมภาษณ์ เพราะถ้าถึงวันนัดสัมภาษณ์แล้วเราไม่ไปตามนัด อาจทำให้การนัดสัมภาษณ์ครั้งต่อไปมีอุปสรรค เช่น บางคนบอกนัดไม่ได้บ้าง เป็นต้น เพราะโดยมรรยาท ถือว่านัดได้แล้วผิดนัดโดยไม่แจ้งสาเหตุค่ะ การขอวีซ่าโดยใช้ Pratt Institute ไปก่อน แล้วมาเปลี่ยนทีหลังโดยการใช้ I-20 ใหม่ของ Virginia Tech อาจทำได้เมื่อ 5-6 ปีมาแล้ว แต่ปัจจุบันทำไม่ได้แล้วค่ะ

  • Nina  On June 21, 2011 at 8:46 am

    ขอบคุณมากค่ะขอโทษค่ะท่ีเขียนไม่ละเอียด ใช่ค่ะเป็นช่ือครอส ESL เรียน 20hr. /สัปดาห์. ส่วน intensive ESL เรียน 30hr/สัปดาห์ ตอนน้ีรอพลาสปอร์ทส่งกลับ ได้แจ้งใน ds 160 ว่าจะอยู่หกเดือน ไม่ทราบว่าเราจะเปล่ียนจากเรียน intensive ESL ระยะเวลาเรียน 6 เดือน เป็น ESL เรียน 3เดือน โรงเรียนเดิมได้ไหมค่ะ เพราะตอนน้ียังไม่จ่ายเงินและไม่แน่ใจว่ารร. น้ีจะสอนดีไหม ครอสเรียนภาษาจะเปิดลงทะเบียนทุกต้นเดือนค่ะ ถ้าไม่ดีก็กะไว้จะย้ายรร. เพราะไม่อยากเร่ิมขั้นตอนใหม่

    • govisa  On June 21, 2011 at 9:33 pm

      @น้อง Nina เปลี่ยนโปรแกรมการเรียนได้ค่ะ ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ ลองเรียนดูก่อน 3 เดือนก็ดีค่ะ ว่าน้องจะชอบที่เรียนไหมนะคะ ว่าแต่ว่า น้องไปเรียนที่สถาบันภาษาชื่ออะไร เมืองไหนล่ะคะ

  • kk  On June 21, 2011 at 2:15 pm

    ีพี่ค่ะ ขอบคุณมาก สำหรับข้อมูลทุกอย่างที่ได้รับค่ะ วันนี้ได้รับวีซ่าแล้วค่ะ ได้รับอนุมัติ 10 ปีค่ะ

    • govisa  On June 21, 2011 at 9:30 pm

      ยินดีด้วยค่ะน้อง KK ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ

  • Na  On June 21, 2011 at 9:59 pm

    ของนาบริษัทไม่ได้ส่งไปเรียนภาษาค่ะแต่เรียนพยาบาล และเจ้าของบริษัทก็ไม่ใช่คุณอาค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะพี่สำหรับข้อมูล

    • govisa  On June 22, 2011 at 5:05 am

      อย่างไรก็ตาม พี่ก็ยังต้องขอโทษน้อง NA อีกครั้ง เพราะพี่ย้อนกลับไปดูคำถามเก่าๆของน้อง จำได้แล้วว่า น้องเรียนจบจากอังกฤษมา 1 ใบแล้ว ที่พี่เขียนตอบไปว่า ให้คุณอาเป็นคนส่ง เพราะพี่อ่านโจทย์ไม่ดีเองค่ะ เห็นน้องเขียนมาว่า จะยื่นของอาด้วย เลยเข้าใจผิดว่า หรืออาจะมีหุ้นส่วนในบริษัทด้วยไหมค่ะ

      พี่ขอแนะนำเพิ่มให้บริษัทออกจดหมายระบุตัวเลขด้วยว่า จะ support น้องทั้งค่าเล่าเรียนและค่าที่พักปีละเท่าไร ( ครอบคลุมค่าเรียนค่าและที่พักที่ปรากฏตัวเลขอยู่ใน I-20) เป็นเวลานาน 2ปี และเมื่อกลับมาแล้ว จะต้องกลับมาทำงานตำแหน่งอะไรในบริษัท ตำแหน่งนั้นมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ไปฝึกงานพยาบาลให้กับหน่วยงานภาครัฐระยะสั้น หรือ ไปขายเครื่องมือพยาบาลให้กับหน่วยงานภาครัฐบาล เช่น โรงพยาบาล เป็นต้นค่ะ เพื่อให้กงสุลเข้าใจว่า ทำไมบริษัทต้องส่งไปเรียนวิชาชีพพยาบาล วิชานี้มีความสำคัญต่อบริษัทน้องอย่างไรค่ะ และถ้าน้องจะนำบัญชีคุณอาไปเพิ่มด้วยก็ดีค่ะ เพื่อให้เห็นว่า น้องนามีหลักฐานผูกพันเพิ่มขึ้นที่จะต้องกลับมาอยู่ประเทศไทย เพียงแต่อย่าลืมนำหลักฐานว่าคุณอาประกอบอาชีพอะไรติดมือไปด้วย เพื่อกงสุลถาม จะได้มีหลักฐานให้กงสุลดู เช่น ใบทะเบียนการค้า กรณีเป็นเจ้าของกิจการ หรือใบรับรองการทำงาน กรณีเป็นลูกจ้างค่ะ แต่ถ้ากงสุลไม่ถาม ก็โชคดีไปนะคะ และเตรียมคำตอบว่า คุณพ่อคุณแม่ประกอบอาชีพอะไร มีบัญชีเงินฝากไหมด้วยนะคะ

      สุดท้ายนี้พี่หวังว่าน้อง NA คงจะย้อนกลับมาอ่านคำตอบเพิ่มเติมนี้บ้าง เพื่อจะมีประโยชน์กับน้องเพิ่มขึ้นค่ะ โชคดีนะคะ

  • Na  On June 22, 2011 at 8:54 pm

    ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่ นาได้ข้อมูลเพิ่มเติมเยอะเลยค่ะ ตอนนี้กำลังเตรียมเอกสารต่างๆอยู่ค่ะและกำลังรอ I20 จากโรงเรียน ได้เรื่องคืบหน้ายังไงจะมาแจ้งให้ทราบค่ะ

    • govisa  On June 22, 2011 at 10:07 pm

      ด้วยความยินดีค่ะน้อง NA

  • คุณ หลิน  On June 28, 2011 at 3:30 pm

    สวัสดีคะคุณ govisa กำลังมองหา agency ที่จะช่วยเรื่องกรอกฟอร์ม DS-160 อยู่พอดีไม่ทราบว่าคุณ govisa มีบริการส่วนนี้ด้วยหรือเปล่าคะ

  • คุณ หลิน  On July 2, 2011 at 2:27 pm

    Thanks ka

  • คุณ หลิน  On July 2, 2011 at 2:29 pm

    Thanks ka.

  • Bear  On July 2, 2011 at 11:28 pm

    lวัสดีครับคุณ govisa ผมมีเรื่องรบกวนสอบถามครับ เรื่องมีอยู่ว่าผมต้องการไปเที่ยวอเมริกากับทัวร์ แต่ตอนกรอกแบบฟอร์ม DS160 ในหัวข้อที่ว่ามีบุคคลที่รู้จักอยู่ในอเมริกาหรือไม่ ผมได้ตอบว่ามีเพื่อนอยู่พร้อมกับให้ที่อยู่เพื่อนเป็นที่เรียบร้อย ก็ไม่ได้เอะใจอะไรก็ซื้อ PIN และกรอก Application ID เรียบร้อยเตรียมพร้อมนัดสัมภาษณ์ (แต่ยังไม่ได้นัดนะครับเพราะยังเต็มอยู่)

    แต่พอมานั่งคิดอีกทีก็กลัวว่าจะไม่ผ่านเพราะว่าทางกงศุลจะเอะใจหรือเปล่าว่าเราแอบไปหาเพื่อนไม่ได้ไปกับทัวร์ เลยอยากถามว่าควรจะทำอย่างไรกับปัญหานี้ครับ

    • govisa  On July 4, 2011 at 5:24 am

      คุณ bear คะ คุณสามารถกรอกชื่อเพื่อนในอเมริกาเป็น contact person ใน USA ได้ค่ะ แต่ตรงที่อยู่ที่คุณจะไปพักควรกรอกว่าเป็นโรงแรมตาม list ในรายการที่บริษัททัวร์จัดค่ะ ถ้ากรอกผิดกรอกใหม่ได้ค่ะ หมายเลข DS -160 Confirmation number อาจเปลี่ยนไปก็ไม่เป็นไรค่ะ

      • Bear  On July 4, 2011 at 9:24 pm

        ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับความช่วยเหลือ อุ่นใจขึ้นมาทันที

      • govisa  On July 4, 2011 at 10:56 pm

        ด้วยความยินดีค่ะน้อง Bear ขอให้ได้วีซ่าค่ะ และถ้ามีเวลาหลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จแล้ว ช่วยเขียนเล่าประสบการณ์การสัมภาษณ์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันบ้างนะคะ จะได้ทราบว่ากงสุลถามอะไรบ้าง น่ากลัวไหมนะคะ

  • mai  On July 3, 2011 at 6:46 pm

    พี่คะหนูเคยเรียน High School อยู่ที่อเมริกา แล้วเรียนจบแล้วกำลังจะไปเรียนมหาลัยต่อ ทีนี้วีซ่าหนูเก่าหนูยังไม่หมดอายุเลย แต่พอได้ I-20 ใหม่มาจะต้องไปขอวีซ่าใหม่มั้ยคะ แล้วถ้าไม่ต้องขอใหม่เนี่ย ในวีซ่าใบเก่าของหนูเคยมีชื่อโรงเรียนเก่าอยู่จะทำยังไงดีล่ะคะ หนูงง ไปหมดแล้ว

    • govisa  On July 4, 2011 at 5:20 am

      น้อง Mai คะ ถ้าน้องกลับเข้ามาอยู่ที่เมืองไทยนานเกินกว่า 5 เดือน ถือว่าวีซ่านักเรียนของน้องหมดอายุแล้ว น้องต้องขอวีซ่าใหม่ค่ะ ส่วนเรื่อง Sevis I-901 เมื่อน้องเข้าไปที่ http://www.fmjfee.com ให้น้อง check status ของน้องว่า Sevis I-901 ของน้องสถานะเป็นอะไร ถ้ายังมีอายุอยู่ ให้ติดต่อโรงเรียนเก่าขอกรอกแบบฟอร์ม transfer Sevis ณ-901 ไปยังมหาวิทยาลัยที่ตอบรับและแจ้ง International Student office เรื่องทีน้องเคยเข้าไปอยู่ที่ high school ใน USA ด้วยค่ะ อย่างไรก็ตามพี่คิดว่า พี่คิดว่า น้องคงต้องจ่ายค่า Sevis I-901 ใหม่ ถ้าน่้องเคยเข้าไปที่ USA ด้วย J-1 visa เพราะ Sevis I901 จะ โอนย้าย Sevis I-901 ควรอยู่ใน Status เดียวกัน คือ F-1 visa ค่ะ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ice.gov/sevis/i901/faq3.htm#_Toc81222006 กล่าวไว้ในข้อ 3B 5ว่า

      3.B.5. When is paying a SEVIS I-901 fee not required for continuing students?
      Return to the United States to Continue Studies
      Continuing students do not have to pay the SEVIS I-901 fee when returning to United States or applying for a visa to return to the United States after:
      An absence of less than five months to continue the same program of study
      Completing authorized overseas study as part of the current program (this absence may exceed five months)
      Apply for Employment Authorization
      You do not have to pay the SEVIS I-901 fee when applying for employment authorization of any type.
      Reinstatement
      You do not have to pay the SEVIS I-901 fee if you apply for reinstatement after being out of status for less than five months.
      Transfer
      You do not have to pay the SEVIS I-901 fee if you transfer between approved schools at the same educational level. If you are an F-1 or F-3, your I-20 will have Initial attendance at this school in block 3, but your SEVIS records will show that you have maintained your status and are continuing your education. It will be helpful if you ask your DSO to put Continuing student – transfer in the remarks (block 9). This will help prevent issues with visa issuance, reentry into the United States and fee payment.
      Change of Educational Level
      You do not have to pay the SEVIS I-901 fee if you are an F-1 or F-3 who is changing educational levels. Examples are:
      You graduated from high school and are going directly into college
      You received your Master’s degree and going directly into a doctoral program
      However, if you are transferring to another school your I-20 will have Initial attendance at this school in block 3, but your SEVIS records will show that you have transferred. It will be helpful if you ask your DSO to put in the remarks Continuing student – transfer in the remarks (block 9). This will help prevent issues with visa issuance, reentry into the United States and fee payment.
      Change of Status Between F-1 and F-3 or Between M-1 and M-3
      You do not have to pay the SEVIS I-901 fee for a change of status if the change is:
      Between an F-1 and an F-3
      Between an M-1 and an M-3
      Extension of Stay
      You do not have to the pay the SEVIS I-901 fee if you are applying for an extension of stay so you can have additional time to complete your current program.
      Visa Denial
      You do not have to pay the SEVIS I-901 fee if you have already paid a SEVIS I-901 fee and you are reapplying for the same type of visa within twelve months of the date of initial denial.
      Change of Status Denial
      You do not have to pay the SEVIS I-901 fee if you have already paid a SEVIS I-901 fee and you are applying for a motion to reopen or a motion to reconsider denied change of status application within 30 days of the date of denial.

      • mai  On July 4, 2011 at 10:17 am

        พี่คะ หนูจะอยู่ไทยไม่เกิน 5 เดือนค่ะ แล้วหนูก็ได้ทำเอกสาร transferอะไรหมดแล้วทุกอย่างเลย แค่สงสัยว่าถ้าชื่อโรงเรียนบนวีซ่ากับบน I-20 ไม่เหมือนกันนี่จะเป็นอะไรมั้ยคะ หรือต้องขอวีซ่าใหม่ เพราะหนูเป็น F-1 อยู่แล้วล่ะ แล้ววีซ่าเหลืออีก 3 ปีอะคะ

      • govisa  On July 4, 2011 at 8:30 pm

        น้อง Mai คะ ถ้ากลับมาเยี่ยมบ้านไม่เกิน 5 เดือน และเดิมเป็น F-1 อยู่แล้วก็ไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ และไม่ต้องจ่ายค่า Sevis I-901 นำใบเสร็จเดิมค่า Sevis I-901 ติดตัวไปด้วยเวลาเดินทาง ถ้ามี email หรือมีหลักฐานอื่นที่ทางโรงเรียน High school ส่งมาให้น้องเพื่อยืนยันว่าจัดการโอนหมายเลข Sevis I-901 ไปยังสถานศึกษาใหม่แล้ว ให้เอาติดตัวเดินทางไปด้วยเผื่อ Immigration officer ถามถึงหรือขอดูค่ะ แต่พี่คิดว่าเขาไม่น่าต้องขอดู เพราะ Immigration สามารถเช็ครายละเอียดตรงนี้ได้จากคอมพิวเตอร์ของเขาอยู่แล้วค่ะ

        ส่วนเรื่องชื่อโรงเรียนเก่าที่ปรากฏอยู่ในหน้าวีซ่าก็ปล่อยไปไม่เป็นไรค่ะ เพราะ Immigration จะดูจาก I-20 ใหม่ และใบยืนยันว่าขอ Transfer Sevis I-901 แล้วค่ะ แต่ก็มีน้องที่เคยรู้จักคนหนึ่ง Case ของเขาคล้าย case ของน้อง เพียงแต่ของเขาเป็นปริญญาโทจะไปเรียนต่อปริญญาเอก เขาขอวีซ่าใหม่ เหตุผลคือ ถ้าใช้วีซ่าอันเดิม เขาจะเข้าไปอยู่ได้อีก 2 ปี หนังสือเดินทางเขาก็จะหมดอายุ และวีซ่าชองเขาก็จะหมดอายุด้วย เขาเลยถือโอกาสทำวีซ่าใหม่ไปเลย โดยเขาไม่สนใจว่ายังมีเวลาเหลืออยู่อีก 2 ปี เพราะถึงเวลานั้น เขาอาจจะไม่มีเวลาบินกลับมาเมืองไทยค่ะ แล้วเขาก็กลัวด้วยว่า เวลาหนังสือเดินทางหมดอายุ และวีซ่าเข้าอเมริกาหมดอายุ ถ้าเพื่อนชวนไปเที่ยวแคนาดา หรือประเทศอื่นๆเขาก็ไปเที่ยวไม่ได้ เพราะเขาต้องบินกลับมาทำวีซ่าเข้าประเทศอเมริกาใหม่จากประเทศไทยค่ะ ดังนั้น case ของน้องอยู่ที่น้องตัดสินใจเองค่ะ เพราะเวลาน้องเรียนจบปีที่ 3 น้องก็ต้องบินกลับเมืองไทยมาขอวีซ่านักเรียนไปอเมริกาใหม่อยู่ดีค่ะ เพราะวีซ่าน้องหมดอายุค่ะ ถ้าน้องเลือกจะทำวีซ่านักเรียนใหม่ไปเลย โดยเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,340 บาท กับค่าทำคิวนัดสัมภาษณ์ 372 บาท แต่วีซ่าใหม่ของน้องจะอยู่ได้นาน 4 ปี จนกว่าน้องจะเรียนจบปริญญาตรีก็คุ้มดีนะคะ และชื่อมหาวิทยาลัยที่ปรากฏอยู่ในหน้าวีซ่าก็ตรงตามที่ได้ I-20 ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายกับ Immigration ค่ะ

  • Kun Kwan  On July 4, 2011 at 10:03 am

    ผมกรอกชื่อ ใน DS 160 ผิด(น้องชายเป็นคนกรอก) และได้กดคอนเฟิมวันสัมภาษณ์
    ไปแล้ว พอจะกับไปแก้ไขชื่อไม่สามารถทำได้ อย่างนี้ผมต้องไปซื้อบ pin มากรอกใหม่หรือ
    ไม่ครับ หรือสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารได้

    ขอบคุณครับ

    • govisa  On July 4, 2011 at 8:38 pm

      kun Kwan คะ กรอก DS160 ใหม่เลยค่ะ เพราะจุดที่น้องกรอกผิดเป็นจุดสำคัญที่สุด เมื่อกรอกเสร็จ ได้ DS-160 Confirmation Number อันใหม่ ให้น้องเข้าไปที่ http://thailand.us-visaservices.com คลิก log in หลังจากนั้นจะมีหลายข้อความให้เลือก ให้เลือก edit application แล้วเข้าไปแก้ไขหมายเลข DS-160 ค่ะ น้องลองเข้าไปอ่านหัวข้อที่พี่เขียนไว้ชื่อ ” แก้ไข DS-160 ได้ไหมหลังจากได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว”

  • Nan  On July 4, 2011 at 5:19 pm

    รบกวนสอบถามหน่อยนะคะ พอดีได้หน้าที่จองวันนัดสัมภาษณ์ได้แล้วแต่ทีนี้หนูไม่ทราบว่าตรง middle name ไม่ต้องกรอกก็ได้เลยใส่ NA ไป เพราะฉะนั้นตรง
    Applicatin’s name หรือชื่อผู้ยื่นคำร้องก็จะเป็น ชื่อ NA นามสกุล
    ไม่ทราบว่าจะมีปัญหารึเปล่าคะ

    • govisa  On July 4, 2011 at 8:39 pm

      ไม่เป็นไรค่ะ น้อง Nan

  • Bear  On July 4, 2011 at 9:49 pm

    ขอสอบถามอีกเรื่องครับ เราจำเป็นต้องแสดงเอกสารการจองทัวร์ตัวจริงหรือเปล่าครับ หรือว่าแค่ brochure ที่พิมพ์ออกมาหน้าเว็บก็เพียงพอในการสัมภาษณ์ เพราะจุดประสงค์หลัก ๆ ของผมคือผมจะ backpack ไปเที่ยวเองกับน้องที่เรียนอยู่ที่อเมริกาครับ แต่เห็นหลายคนแนะนำว่าให้ขอว่าไปกับทัวร์จะดีกว่า

    ไม่ทราบว่าคุณ govisa มีคำแนะนำยังไงบ้างครับ

    ขอบคุณมากครับ

    • govisa  On July 4, 2011 at 10:58 pm

      ไม่ต้องจองทัวร์จริงๆก้ได้ค่ะ น้อง Bear หรือน้องอาจจะเขียนเป็นแผนการท่องเที่ยวของเราเองขึ้นมาว่า เรากะจะขับรถไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างกับน้องก้ได้ค่ะ โดยน้องไม่ต้องใช้ brochure ของบริษัททัวร์ก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่น้องจะเลือกค่ะ

      • Bear  On July 4, 2011 at 11:13 pm

        ขอบคุณพี่ govisa มากครับ ขอกลับมาเรื่อง DS 160 Confirmation Number สุดท้ายครับ ผมยังสงสัยอยู่ว่าผมจะเข้าไปแก้มันยังไง เพราะเท่าที่อ่านข้อมูลบอกไว้ว่าหลังจาก confirm นัดวันสัมภาษณ์แล้ว สามารถแก้ไข DS 160 Confirmation Number ได้โดยไปที่ลิงค์ edit application info แล้วกด edit ข้อมูล จากนั้นจะมีช่อง DS 160 Confirmation Number ให้เราเปลี่ยนได้

        ซึ่งผมได้ทำตามขั้นตอนแต่ไม่สามารถแก้ไขได้ มันถูก Disabled ไว้ ไม่ทราบว่าผมควรทำยังไงครับ

        1. กรอกฟอร์ม DS 160 ใหม่เพื่อได้ DS 160 Confirmation Number ใหม่
        ที่ไม่ตรงกับ Appointment Confirmation Information แล้วนำใบใหม่นี้
        ไปยื่นในวันสัมภาษณ์ (ติด DS 160 Confirmation Number อันเก่าไปด้วย)

        2. ใช้ DS 160 Confirmation Number ที่กรอกผิดแล้วไปยื่นวันสัมภาษณ์
        และบอกว่าเราได้กรอกฟอร์ม DS 160 ใหม่แล้ว

        ยังไงรบกวนพี่ govisa ด้วยนะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ

      • govisa  On July 5, 2011 at 5:20 am

        น้อง Bear คะ ถ้าน้องยังไม่มั่นใจวิธีการแก้ไข ให้เข้าไป website นัดสัมภาษณ์ รับรองแล้วลองปฏิบัติตามที่พี่เขียนอธิบยไว้ ซึ่งจะไม่มีผลกระทบกระเทือนวันนัดสัมภาษณ์ กฎคือ ถ้ายังไม่ถึงวันสุดท้ายของการเปลี่ยนวันนัดสัมภาษณ์ (วันสุดท้ายของการมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงวันนัดสัมภาษณ์ ถ้าไม่ทราบดูจากใบนัดที่ print ออกมา ส่วนใหญ่จะประมาณ 3-4 วันก่อนหน้าวันสัมภาษณ์ค่ะ) น้องจะยังเห็น icon edit application เป็นสีน้ำเงินอยู่ ให้คลิกคำว่า edit application จะได้หน้าที่มี ชื่อ นามสกลุ เพศ วันเดือนปีเกิด ประเภทวีซ่าที่ขอ หมายเลข DS -160 เป็นเงาสีเทา ให้ลองเอา mouse ไปวางตรงช่อง DS-160 แล้วลองคลิกลบตัวเลขสักหนึ่งตัวตัวเลขว่า ทำได้ไหมนะคะ ถ้าทำได้ก็ใส่ตัวเลขเดิมเข้าไปให้เหมือนเดิม ที่อธิบายมาจะได้มั่นใจว่า ถ้ายังไม่ถึงวันเที่เราไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงวันนัดสัมถภาษณ์ เรายังแก้ไขข้อมูลได้อยู่ แต่ถ้าเลยวันเปลี่ยนแปลงแก้ไขแล้วไปแล้ว จะแก้ไขไม่ได้้ค่ะ เพราะจะคลิกคำว่า edit application ก้คลิกไม่ได้ เพราะตัวหนังสือจะเป็นสีเทาๆค่ะ ดังนั้น เมื่อพิสูจน์ว่า ยังทำได้อยู่ ให้รีบกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่แล้วเปลี่ยนแปลงแก้ไข DS 160 เลยค่ะ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ลองเข้าไปในประตูสถานทูตทั้งแบบที่ไม่ได้แก้ จะกรอก DS-160 ใหม่ไปก็ได้ แต่พี่ไม่คิดว่า เขาจะยอมรับถ้าหมายเลขไม่ตรงกันค่ะ พี่ขอแนะนำว่า ให้น้องลองไปที่หน้าสถานทูต แล้วถามเจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่เดินตรวจเอกสารดู จะได้ไม่ต้องเสียเวลาภายหลังค่ะ

  • Bear  On July 5, 2011 at 11:13 am

    พี่ govisa ผมแปลกใจมากว่าทำไมเข้าไป edit ไม่ได้ (มันเป็นตัวหนังสือสีเทาถูก disabled อยู่) ตามพี่แนะนำหรือคนอื่นบอกทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงวันสุดท้ายในการเปลี่ยนแปลงข้อมูล (8 ก.ค. 54) ก่อนวันนัด (13 ก.ค. 54) ครับ เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีครับ กังวลจริง ๆ ครับ

    • govisa  On July 5, 2011 at 8:51 pm

      น้อง Bear คะ พี่ไม่แน่ใจว่า เว็บไซต์นัดสัมภาษณ์มีการปรับปรุงอะไรใหม่ๆอีกหรือไม่ค่ะ เพราะเว็บไซต์เกี่ยวกับการขอวีซ่ามีการ update อยู่ตลอดเวลาค่ะ พี่มีวิธีการแก้ไขให้น้องเลือก 2 วิธี นะคะ

      1. น้องกรอก DS-160 ใหม่ ได้ DS-160 Confirmation Number ใหม่ ให้นำใบใหม่กับใบเก่าที่ใช้ทำการนัดวันสัมภาษณ์เข้าไปด้วยเพื่อให้เขาเห็นว่าเป็นคนๆเดียวกัน แล้วอธิบายให้เขาฟังว่า น้องกรอกผิด แล้วเข้าไปแก้ไข DS-160 ไม่ได้ค่ะ

      2. น้องลองเข้าไปที่ เว็บไซต์ http://www.educationusa.info/Thailand แล้วคลิกเลือก US Embassy Bangkok, Public Affairs ดูดีไหมคะ เมื่อคลิกแล้วจะได้ชื่อบุคคลและหมายเลขโทรศัพท์ในการติดต่อ ลองถามพี่เจ้าหน้าที่เขาดูนะคะ แม้ว่าเราจะไม่ได้ขอวีซ่าเพื่อไปเรียน เพราะเว็บไซต์ที่พี่ให้ไปจะเกี่ยวข้องกับการศึกษา แต่พี่คิดว่า เจ้าหน้าที่เขาคงพอช่วยน้องได้ค่ะ น้องคงต้องรอพรุ่งนี้เช้าตามเวลาทำงานที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์นะคะ ให้น้องถามพี่เขา เรื่องที่น้องจะกรอกฟอร์มใหม่แล้วจะถือฟอร์มใหม่เข้าไปได้ไหม หรือ จะใช้ฟอร์มเดิมที่กรอกข้อความผิด ถ้าน้องจะแก้ไขโดยการ กรอกใหม่ ก็เกรงว่าจะหาคิวนัดสัมภาษณ์ไม่ได้ เลยไม่กล้าเสี่ยงค่ะ

      เอาใจช่วย สู้ๆนะคะ

  • RR  On July 5, 2011 at 10:41 pm

    เป็นเหมือนคุณ Bear เลยค่ะ ยังไม่ถึงวันสุดท้ายในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเหมือนกัน แต่เลข DS 160 Confirmation Number เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว (ก่อนหน้านี้เคยเปลี่ยนได้นะคะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะระบบใหม่หรืออย่างไร) ตอนนี้เลยไม่แน่ใจว่าจะ cancle นัดเดิม แล้วนัดใหม่ดีมั้ย เพราะเลข DS 160 Confirmation Number ไม่ใช่อันเดิม

    • govisa  On July 6, 2011 at 4:58 am

      @น้อง RR พี่สันนิษฐานว่าคงเป็นที่การเปลี่ยนแปลงที่ตัวโปรแกรมของสถานทูตเองค่ะ อย่างไรก็ดีถ้าผ่านวันสัมภาษณ์ไปแล้ว และน้องพอมีเวลา ช่วยเขียนมาเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆคนที่จะไปขอวีซ่าทีหลังน้องได้ร่วมรับรู้ประสบการณ์ที่มีค่าและมีประโยชน์ด้วยนะคะ เพื่อคนหลังๆจะได้เตรียมตัวกันได้ดีขึ้นค่ะ

  • RR  On July 5, 2011 at 10:46 pm

    โอ้ ขอบคุณนะคะพี่ 🙂

  • Bear  On July 6, 2011 at 9:49 am

    พี่ govisa ครับ เท่าที่ผมหาข้อมูลมาล่าสุด เขาบอกว่าตอนวันสัมภาษณ์สามารถยื่นใบ DS 160 ที่สมบูรณ์ได้ครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะลองทำวิธีนี้ตามที่พี่แนะนำและตามที่หาข้อมูลมาได้ล่าสุดครับ แล้วจะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์หลังจากสัมภาษณ์แล้วนะครับ ขอบคุณพี่ govisa มากครับ

    • govisa  On July 6, 2011 at 9:00 pm

      น้อง Bear ดูคำตอบของน้อง RR ที่ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูตด้วยนะคะ ขอให้น้องเป็นอีกคนที่โชคดีสอบสัมภาษณ์วีซ่าผ่านค่ะ

  • RR  On July 6, 2011 at 10:57 am

    พี่ govisa คะ หนูได้โทรไปสอบถามตามเบอร์ US Embassy Bangkok, Public Affairs ตามเวบที่พี่แนะนำมาแล้ว ถึงแม้พี่เค้าจะไม่ได้ทำงานด้านการทำวีซ่าโดยตรง แต่พี่เค้าก็ใจดี ได้ดำเนินการสอบถามมาให้คะ สรุปว่า เราสามารถยื่นใบ DS-160 ตัวสมบูรณ์ได้ค่ะ พร้อมใบคอนเฟิร์มนัดใบเดิม ถึงแม้ว่าเลข DS 160 Confirmation Number ที่ในใบนัดจะไม่เหมือนกันก็ตามค่ะ ไม่ต้องนัดสัมภาษณ์ใหม่ ไว้หลังนัดสัมภาษณ์ จะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะคะ ขอบคุณค่าพี่

    • govisa  On July 6, 2011 at 8:59 pm

      ยินดีด้วยค่ะ น้อง RR ที่น้องได้คำตอบที่ถูกต้อง น้องจะได้มีความเชื่อมั่นเวลาไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ โชคดีนะคะ ขอให้สอบสัมภาษณ์วีซ่าผ่านค่ะ

  • king  On July 12, 2011 at 3:28 pm

    สวัสดีคะ ขอสอบถามเกี่ยวกับการกรอกข้อมูลหน่อยคะ ถ้าตอนที่เป็นนักเรียนอยู่ที่อเมริกาและ มี social security number ของที่โน้น เมือ่ประมาณสิบปีที่แล้วแต่ไม่ได้ทำงานนะคะ ไว้สำหรับเปิดบัญชีแบงค์ แต่ตอนนี้กลับมาอยู่เมืองไทยและต้องการขอวีซ่าไปเที่ยว ไม่ทราบว่าอย่างงี้เราต้องกรอกข้อมูล ssn ลงไปในds-160 หรือเปล่า
    ขอบคุณคะ

    • govisa  On July 12, 2011 at 10:16 pm

      น้อง king คะ มี 2 ทางเลือก คือ กรอกหมายเลข SSN ลงๆไปเลยก็ได้ค่ะ แต่พี่เห็นมีหลายๆคนที่เขาไม่ได้กรอกก็มีค่ะ

      อนึ่ง อาจเข้าไปอ่านเพิ่มเติมที่ www. ssa.gov ดุก่อนก้ได้ค่ะ มีบางเว็บไซต์ที่อธิบายวิธีการตรวจสอบว่า SSN ของเรายังมีอายุการใช้งานได้อีกหรือไม่ด้วย เช่น http://www.ehow.com/how_6523380_check-social-security-number-validity.html ถ้าน้อง king จะกลับเข้าไปเที่ยวอเมริกาในครั้งนี้ จะไม่กรอกหมายเลข SSN ก็ได้ค่ะ เพราะน้องจะเดินทางไปเที่ยวใช่ไหมคะ น้องคงไม่มีเวลาไปหางานทำค่ะ เพราะเรียนก็หนักเอาเรื่องอยู่ค่ะ

  • Kun Kwan  On July 12, 2011 at 6:28 pm

    ในหน้าการกรอกข้อมูล DS160 ผมจะกดปุ่ม SIGN เพื่อคอนเฟิมและปริ้นท แต่ไม่สามารถกดได้ ไม่ทราบว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไรครับ นัดสัมภาษณ์วันที่ 15 กค. นี้แล้วค่าธรรมเนียมก้จ่ายแล้ว ขอคำแนะนำหน่อยครับ

    • govisa  On July 12, 2011 at 9:50 pm

      Khun Kwan คะ ลองเริ่มต้นเข้าไปที่หน้ากรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่แล้วเลือก retrieve application form แล้วคลิก next ไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงหน้า sign and confirm ค่ะ เคยมีคนที่ post คำถามแบบเดียวกันนี้ พบปัญหาแบบเดียวกับคุณ Khun Kwan แล้วลองทำใหม่อย่างที่พี่แนะนำ พบว่า สามารถ sign and confirm ได้ในภายหลัง พี่ไม่แน่ใจว่า ตัวระบบการ กรอกแบบฟอร์มเกิดขัดข้องช่วงจังหวะที่Khun Kwan กำลังจะคลิก sign and confirm หรือไม่ค่ะ ได้ผลอย่างไรเขียนมาเเล่านิดหนึ่งนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • linn  On July 12, 2011 at 9:20 pm

    test

    • govisa  On July 12, 2011 at 10:17 pm

      น้อง Linn เขียนคำถามมาไม่จบข้อความหรือเปล่าคะ

  • linn  On July 12, 2011 at 9:47 pm

    อ่านไป อ่านมาก็งงๆ สับสนคะ ถ้าขอวีซ่า F1(วีซ่านักเรียน) ต้อรอ I-20 ที่ทางมหาวิทยาลัยที่เราจะไปเรียนภาษาส่งมาให้ก่อนที่จะทำขั้นตอนอื่น และต่อจากนั้นจึงค่อยจ่าย sevis fee แล้วจึงค่อยเข้าไปกรอกฟอร์ม DS-160 แล้วจึงจะนัดวันสัมภาษณ์ขั้นตอนดังกล่าวถูกต้องหรอเปล่าคะ เพราะตอนนี้กำลังรอ Application Form (spring semester) จากทางมหาวิทยาลัยอยู่คะ เริ่มเรียนช่วงต้นเดือน มกราคม 2012คะ ทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่า Application Form จะ show ใน website ของมหาวิทยาลัยประมาณเดือนสิงหาคม 2011 เป็นต้นไป ก็เลยต้องรอๆๆๆๆๆ กลัวไม่ทันมากๆๆคะ เพราะกว่าแบบฟอร์มจะออก กว่าจะส่งไป กว่าทางมหาวิทยาลัยจะส่ง I-20 กลับมาไหนจะขั้นตอนอื่นๆอีก คงฉุกละหุก น่าดู ช่วงระหว่างรอนี้สามารถทำขั้นตอนไหน หรือสิ่งใดได้บ้างคะมันว่างๆ กังวลๆ ยังงัยไม่รู้ โปรดชี้แนะด้วยคะ

    • govisa  On July 12, 2011 at 10:52 pm

      น้อง linn คะ อย่าวิตกกังวลมากค่ะ I-20 คือ จดหมายตอบรับจากสถานศึกษาที่เราเลือกจะไปเรียนภาษาด้วยค่ะ เมื่อได้ I-20 มาจะกรอก DS-160 ก่อนหรือจะจ่ายค่า Sevis fee ก่อนได้ทั้งนั้น เพราะหมายเลข Sevis ณ-901 คือหมายเลขที่ขึ้นต้นด้วย N00…..เขียนอยู่เหนือบาร์โค้ด

      ลองดูหน้าตาของ I-20 ที่ออกโดย U.of Pennsylvania เป็นตัวอย่างจะเห็นหมายเลข Sevis fee ที่ขึ้นต้นด้วย N ….อยู่มุมขวาบนเหนือบาร์โค้ด บางคนอาจจะจ่ายค่า Sevis fee ก่อนแล้วค่อยกรอก DS-160 ก็มี เมื่อกรอก DS-160 เสร็จจะได้หมายเลข DS-160 Confirmation number เพื่อที่จะนำหมายเลขดังกล่าวไปกรอกลงในแบบฟอร์มการนัดสัมภาษณ์ค่ะ บางสถานศึกษาก็อาจจะรอให้เทอม fall ผ่านไปก่อน จึงเริ่มดำเนินการ issue I-20 สำหรับคนที่จะไปเรียนเดือนมกราคม 2012 ส่วนใหญ่คนที่จะไปเรียนเดือนมกราคม อาจจะได้รับ I-20 กลับมากันในราวเดือนกันยายนบ้าง ตุลาคมบ้าง หรือแม้แต่พฤศจิกายนก็ยังมีนะคะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า นักเรียน นักศึกษาท่านนั้นเริ่มส่งใบสมัครไปที่อเมริกาเร็วหรือช้ากว่ากันค่ะ ถ้าได้มาตุลาคม ก็จะมีเวลาทำคิวนัดสัมภาษณ์วีซ่าในช่วงเดือนพฤศจิกายนกับธันวาคมแล้วแต่เราจะเลือกวันนัดสัมภาษณ์วันไหน

      พี่คิดว่าตอนนี้ทางสถานทูตสหรัฐอเมริกาเอง ก็มีการปรับปรุงการนัดคิวสัมภาษ์วีซ่าให้ดีขึ้น พี่เริ่มสังเกตเห็นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงแบบฟอร์ม DS-160 ด้วยการเพิ่มเติมบางคำถามในฟอร์ม DS-160 คิวนัดสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนเองก็เริ่มเห็นวันที่ที่มีสีเขียวเพิ่มมากขึ้น และนัดได้ไม่ยากเหมือนช่วงต้นปีค่ะ คำแนะนำตอนนี้คือใจเย็นๆค่ะ ถ้ามีเวลาว่าง จะลองไปสมัครเรียนติวภาษอังกฤษเพื่อสอบ TOEFL ดูก็ดีนะคะ เพราะจะได้รู้แนวทางการทำข้อสอบก่อนไปเรียนที่อเมริกา หรือถ้าน้องไม่ได้มีแผนการเรียนต่อเพื่อรับปริญญาโท ก็อาจจะลองเรียนภาษาอังกฤษเพื่อซ้อมไว้ กรณีถ้าต้องสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษจะได้พูดออกมาได้เป็นธรรมชาติค่ะ

  • RR  On July 13, 2011 at 1:09 pm

    ไปสัมภาษณ์มาแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา รอบ 07.45น. ขอแชร์ประสบการณ์นะค้า
    ไปถึงประมาณ 6.40 น. โดยนั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีเพลินจิต ลงด้านตึกมหาทุน+ต่อด้วยแท๊กซี่ ไม่ต้องมองหาสถานฑูตให้ลำบาก เพราะแถวยาวมาถึงริมฟุตบาทซ้ายมือ ยืนรอซักพัก ก็มีพี่เสื้อชมพูมาถามรอบเวลา ขอดูใบคอนเฟิร์มนัด พร้อมกับตรวจให้ตรงกับพาสปอร์ต (*เลข DS-160 confirmation ในใบนัดเค้าไม่ได้ดูค่า ดูแค่ชื่อให้ตรงกับตารางนัดของพี่เค้าที่ปริ้นมา) แบ่งเป็นสองแถว รอบ 7 โมง 07.30 ก็เข้าไปก่อน (เพิ่งรู้ว่ามีรอบถี่ขนาดนี้) พอได้เข้าไปในสถานฑูต คุณพี่ยามให้ฝากของ แลกบัตรประชาชนไว้ พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หูฟัง โทรศัพท์มือถือ และแจกใบสีฟ้า เอาไว้กรอกเวลาจะซื้อซองไปรษณีย์
    เข้าไปเป็นด่านๆ มีโต๊ะพี่ชมพูอีกครั้ง ทำหน้าที่จัดเอกสารเข้าแฟ้มให้ ที่เค้าจัดเข้าแฟ้ม ก็มี
    – passport
    – Confirm DS-160 ที่มีบาร์โค้ด
    – ใบ slip จ่ายค่าสัมภาษณ์วีซ่า 4 พันกว่าบาท
    – I-20
    – ใบเสร็จจ่ายค่า sevis
    – Transcript
    – จดหมายรับรองงาน
    รูปไม่ต้อง เพราะอับโหลดไว้แล้ว
    พอเสร็จก็ให้ไปตรงตู้กระจก เค้าก็ยิงบาร์โค้ด กับใบ DS-160 อ่านๆๆ ข้อมูลเรา และก็สอบถามข้อมูลเล็กน้อย มีญาติอยู่ที่โน่นหรอ ก็ค่ะ อยู่เมืองอะไร ซานฟรานซิสโก ค่า พอดีตอนนี้เค้ามีประกาศอะไรแทรกมาในลำโพงไม่รู้ คุณน้าเค้าเลย บอกให้อ่านที่แปะไว้ข้างผนังไว้ก่อน เกี่ยวกับระเบียบของการพิมพ์ลายนิ้วมือ 3 ครั้ง มือซ้าย 4 นิ้ว มือขวา 4 นิ้ว แล้วก็นิ้วโป้งสองข้าง ก็ ให้บัตรคิว พร้อมแฟ้ม เข้าไปในห้องสัมภาษณ์ 08.30
    ภายในห้องสัมภาษณ์มีที่นั่งรอ มีห้องน้ำด้วย ชาย หญิง อย่างละห้อง ก็เห็นคนต่อแถวมีช่องให้สัมภาษณ์ 3 ช่อง ฝรั่ง 3 ช่อง ชาย หญิง ชาย และ หญิง(ไทย) 1 ช่อง สำหรับ non-imigrant เค้าจะเรียกทีละ 10 หมายเลข มายืนรอในแถว นานเหมือนกันกว่าจะถึงคิว แต่ไม่มีใครมาถามว่าจะสัมภาษณ์ภาษาอะไร ส่วนใหญ่สัมภาษณ์อังกฤษกันเกือบหมด
    ตอนสัมภาษณ์ได้ฝรั่งผู้ชายช่องแรกเลย ให้สแกนนิ้วชี้ขวาหรือซ้ายไม่แน่ใจ แล้วก็คืน transcript กับจม.รับรองงานมาก่อนเลย คำถาม ก็มี (แปลได้ความว่า)
    – ไปทำอะไร – ไปเรียนภาษา
    – ไปนานเท่าไหร่ – 1 ปี
    – เรียนภาษาไปทำไม – สอบ toefl เรียนป.โท
    – เรียนสาขาอะไร – business
    – ที่ไหน
    – ทำไมต้องเรียนที่ U นี้ – เพราะบ้านญาติอยู่นี่
    – ญาติอยู่ที่นี่ได้ยังไง – ซื้อบ้านไว้ ไปๆมาๆ ใช้พาสปอร์ตนักท่องเที่ยว
    – ใครเป็นสปอนเซอร์ – พ่อ
    – พ่อทำงานอะไร
    โอเค ยินดีด้วย Good Luck ++++
    ไม่ได้ขอดู statement, book bank ดีจังๆ ไม่งั้นต้องค้นนานแน่
    กรอกใบฟ้า เอาไปยิ่นซื้อไปรษณีย์ ได้ซองมาเขียนที่อย่ส่งให้โต๊ะข้างหน้า เป็นอันเสร็จ
    สรุปออกมาประมาณ 09.50 น. รวมเวลาสัมภาษณ์ ประมาณ 2 นาที เวลารอนานกว่า ไม่เป็นไร เย้ ผ่านแล้ว ความรู้สึกเหมือนสอบปลายภาคเสร็จ หายเหนื่อย
    ขอบคุณพี่ govisa สำหรับคำแนะนำดีๆ ไว้อ่านเป็นประสบการณ์เตรียมความพร้อม ทำให้มีความมั่นใจ เลยอยากมาแชร์สำหรับคนทำครั้งแรกเหมือนเรานะค้า ^^

    • govisa  On July 13, 2011 at 9:39 pm

      ขอบคุณน้อง RR มากๆค่ะที่อธิบายมาอย่างละเอียด เป้นเรื่องที่มีประโยชน์และน่าอ่านมากๆค่ะ เพื่อนๆที่ยังไม่ได้ไปสอบสัมภาษณ์วีซ่าจะได้ไม่ต้องวิตกกังวลมากค่ะ ตกลงน้อง RR ไปเรียนโรงเรียนภาษาชื่ออะไรคะ

      ถ้ามีอะไรสงสัยเกี่ยวกับการเดินทาง การติดต่อมหาวิทยาลัย ลองหาอ่านดูที่พี่เขียนแนะนำไว้ในหัวข้อ Pre-Departure และ Money Matters นะคะ พี่ไม่ค่อยมีเวลาเขียนมาก ซึ่งที่จริงก็มีเรื่องที่อยากจะเขียนบอกเล่าอีก ถ้าอยากรู้อะไรหรืออยากให้เขียนเกี่ยวกับอะไรเพิ่มเติม แนะนำมาได้นะคะ

  • ธัช  On July 13, 2011 at 2:06 pm

    ขอสอบถามหน่อยนะครับ พอดีลืมปริ้นใบ ds160 ที่มีบาโค้ตออกมาครับ เเต่ปริ้น ds160 ที่เป็นรายละเอียดออกมา มาทั้งหมด2ใบครับ

    อยากถามว่าจะปริ้นใบds 160 ที่มีบาโค้ตใด้มั้ยครับเพราะหาที่เข้าไปปริ้นไม่เจอ เเล้วถ้าไม่มี สามารถใช้ใบds160 ที่เป็นรายละเอียด (ไม่มีบาโค้ต)ใด้มั้ยครับ

    ขอบคุนครับ

    • govisa  On July 13, 2011 at 9:28 pm

      น้องธัชคะ น้องเข้าไปที่ https://ceac.state.gov/genniv แล้วคลิกเลือก Thailand Bangkok หลังจากนั้นคลิก start application แล้ว จะขึ้นหน้าถัดไปให้คลิก Retrieve application จะมีเติมคำในช่องว่างว่า Your Application ID is ใส่ AA001……. ตามด้วยตัวอักษรผสมตัวเลข เป็นที่สังเกตว่า หมายเลข Application ID กับหมายเลข DS- 160 Confirmation Number คือหมายเลขเดียวกัน พอใส่เสร็จ จะเห็น Security questions ประกอบด้วย First 5 letters of surname (ใส่ตัวอักษร 5 ตัวแรกของนามสกุลน้อง), Year of Birth, คำถามที่น้องเลือกเป็นรหัสลับ เช่น In what city or town was your first job? หลังจากตอบคำถามคลิก retrieve application จะมีประโยคขึ้นมาว่า” The DS application you are attempting to retrieve has been submitted. Select an option below and click the “continue” button มีวงกลมหน้าคำว่า view confirmation page และหน้าคำว่า create a new application ” ถ้าน้องคลิก view confirmation page ตัวอักษร continue จะกลายเป็นสีน้ำเงิน พร้อมทั้งขึ้นหน้ารายละเอียดของ DS-160 Confirmation Number ให้น้องสั่ง print ออกมาได้เลยค่ะ

  • Kun Kwan  On July 14, 2011 at 9:40 am

    คำแนะนำของพี่ Govisa ถูกต้องเลยครับ สัมภาษณ์เสร็จได้ผลยังไงจะมาแชร์ให้ฟังนะครับ ขอบคุณพี่มากครับ

    • govisa  On July 14, 2011 at 8:42 pm

      ขอบคุณค่ะน้อง Kun kwan ที่จะเขียนเล่าประสบการณ์การสอบสัมภาษณ์มาให้อ่านกันนะคะ

  • ออย  On July 14, 2011 at 11:44 pm

    มีเรื่องรบกวนช่วยตอบคำถามด้วยนะค๊ะ คือว่าจะไปเที่ยวอเมริกา กับแฟน จะไปกับทัวร์(ไปเที่ยวจริงๆ)
    1.ไปครั้งแรกทั้งคู่ ยังไม่ได้แต่งงานกัน(ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส)
    2.แฟนออกค่าใช้จ่ายให้หมด(แฟนเป็นเจ้าของกิจการบริษัทไฟแนนฐานะดี)
    3.ส่วนหนูมีร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆ ไม่มีทะเบียบการค้า เงินในบัญชีหมุนเวียนเล็กน้อย(เรียนจบได้3ปี)
    4.พ่อแม่ค้าขาย ตอนนี้ติดแบล๊กลิส
    5.ไม่มีญาติพี่น้องอยู่สหรัฐฯ
    อยากถามว่าแฟนเป็นคนรับรองออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ หนูพอจะมีโอกาสที่จะไปเที่ยวได้หรือไม่

    • govisa  On July 15, 2011 at 9:31 pm

      น้อง ออยคะ
      1. ถ้าจะให้วีซ่าผ่านง่ายๆ คำตอบ คือ คงเป็นจดทะเบียนสมรส หรือถ้าจะไม่จดทะเบียนสมรส อย่างน้อยก็มีงานเลี้ยงแต่งงาน มีอัลบั้มรูปถ่ายเป็นหลักฐานว่า ได้แต่งงานกันแล้ว แต่อยู่ด้วยกันโดยไม่จดทะเบียน
      2. แต่ถ้าจะไม่ทำทั้ง 2 อย่างที่พี่เอ่ยมา ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามนะคะ น้องคงต้องเตรียมตัวอธิบายไปว่า น้องเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ด้วยกันเฉยๆก่อน และ เตรียมตอบคำถามให้ตรงกันกับแฟน ถ้ากงสุลถามว่าอยู่ด้วยกันมานานกี่ปีแล้ว และถ้าน้องมีพวกรูปถ่ายว่า เคยไปเที่ยวด้วยกัน หรือ มีรูปคู่ที่ถ่ายกับพวกเพื่อนๆ จะเป็นเพื่อนเราหรือแฟนก็ได้ เพื่อให้กงสุลดูว่า เพื่อนๆก็ทราบว่าเราอยู่ด้วยกันฉันท์สามี-ภรรยา
      3. น้องสามารถใช้ statement ของแฟนค้ำประกันได้ แต่ก็ควรเตรียม book บัญชีของน้องเผื่อไปในวันสัมภาษณ์ด้วย เพราะถ้ากงสุลถามว่า น้องออยมีเงินเก็บไหม จะได้มีหลักฐานยืนยันให้เขาดูค่ะ
      4. น้องไม่ได้บอกสาเหตที่พ่อแม่ถูก blacklist หวังว่าคงไม่ได้กระทำผิดกฎหมายร้ายแรงนะคะ เพราะจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปที่ตัวน้องได้ด้วยค่ะ
      5. การไม่มีญาติอยู่ในสหรัฐอเมริกา เป็นการดีแล้วค่ะ

      ขอให้โชคดีตอบคำถามวีซ่าได้ค่ะ อนึ่ง น้องคงจะใช้พินเดียวกับแฟนในการจองวันนัดสัมภาษณ์วีซ่าไม่ได้ค่ะ ยกเว้นน้องจะย้ายชื่อมาอยู่ที่บ้านแฟน หรือย้ายแฟนมาอยู่ที่บ่านเดียวกับน้อง
      ค่ะ

  • ออย  On July 14, 2011 at 11:47 pm

    ช่วยตอบด้วยนะค๊ะ ตอนนี้เครียดมากเลยกลัววีซ่าไม่ผ่าน
    ขอบคุณค่ะ

  • govisa  On July 15, 2011 at 9:57 pm

    สวัสดีค่ะ
    เป็นข้าราชการค่ะ จะเดินทางไปอเมริกาพร้อมสามี เพื่อไปรับคุณแม่สามีซึ่งแต่งงานใหม่กับคนอเมริกันและอยู่ที่อเมริกามานานกว่า 30 ปีแล้ว ตอนนี้แฟนของแม่เสียชีวิต และแม่ต้องการกลับมาอยู่เมืองไทยแบบถาวร จึงให้ลูกชายและลูกสะใภ้ไปรับ โดยจะเดินทางไปและกลับตั้งแต่ 15-20 กันยายน 2554 (5 วัน) ได้ทำเรื่องขอวีซ่แบบ B2 มีปัญหาคือ กรอกแบบฟอร์ม DS-160 ผิดและกรอกใหม่ได้ confirm no. ใหม่จากนั้นซื้อพินที่ไปรษณีย์เข้าไปจอง แต่ยังจองวันสัมภาษณ์ไม่ได้ ปรากฎว่าเมือ่เช็ครายละเอียดที่กรอกใน DS-160 มีหลายข้อที่ผิด ต้องการแก้ไขใหม่ด้วยการกรอก DS-160 ใหม่ แก้ไขได้ใช่มั๊ยค่ะ
    ข้อมูลที่กรอกไปครั้งแรก แม่เป็น sponsor ให้ทั้งค่าเครื่องบินไปกลับ ที่พัก แต่บางคนบอกว่าเราเป็นข้าราชการน่าจะออกค่าใช้จ่ายเอง ให้แม่ออกค่าที่พักให้ น่าจะผ่านง่ายกว่า จริงมั๊ยค่ะ (แม้ว่าจริงๆ แล้วแม่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ เพราะถ้าให้แม่เป็น sponsor เท่าที่อ่านรายละเอียดในกระทู้ พบว่าแม่ต้องแสดงรายละเอียดเยอะมาก ซึ่งตอนนี้แม่ไม่ได้ทำงาน อายุ 66 ปีแล้ว)
    ซื้อพินมา 1 หมายเลขเข้าใจผิดว่านามสกุลเดียวกัน add ด้วยกันได้ ปรากฏว่า อ่านอีกที ต้องมีทะเบียนบ้านที่เดียวกัน จบเลย(อยู่คนละทะเบียนบ้าน) ต้องเข้าไปลบสมาชิกครอบครัวออก แล้วจะไปซื้อ pin ใหม่มากรอกให้สามี จึงคิดว่าจะกรอก DS-160 ใหม่ทั้งสองคน แล้วจึงจะจองวันสัมภาษณ์ จะมีผลต่อการอนุมัติมั๊ยค่ะ (จริงๆ แค่ไปรับแม่กลับเมืองไทยเท่านั้นเอง แล้วจดหมายเชิญต้องเขียนอย่างไรค่ะ กรณีนี้)
    ขอบคุณค่ะ
    Oi

    • govisa  On July 16, 2011 at 11:02 am

      @คุณพรรณีคะ

      จริงๆแล้วคุณพรรณีและสามีไปประมาณ 5 วันเท่านั้นเองนะคะ ไม่มีความจำเป็นต้องชี้แจงทั้งหมดว่า จะไปรับคุณแม่สามีกลับเมืองไทยก็ได้ค่ะ เพราคุณพรรณีและสามีต่างก็อยู่ในสถานะต้องขอวีซ่านักท่องเที่ยว B-2 อยู่แล้วนะคะ วีซ่า B-2 หรือวีซ่านักท่องเที่ยวมีอายุ 10 ปี เมื่อขอได้แล้วจะไปเที่ยวเมื่อไรก็ได้ หรือ จะไปเยี่ยมเพื่อน เยี่ยมญาติก็ได้ หรือจะไปรับคุณแม่กลับมาเมืองไทยก็ได้ค่ะ บางคนขอได้มา 10 ปี ไม่เคยเดินทางเข้าอเมริกาเลยก็มีค่ะ พอจะเดินทางไปเที่ยวจริงๆต้องขอใหม่ ก็จะวิตกอีกว่า กงสุลจะว่าอะไรไหม เคยขอได้ 10 ปี แล้วไม่ไป เคยตอบคนที่เขียนมาถามว่า กงสุลไม่ว่าหรอกค่ะ เพราะเราอาจจะไม่มีช่วงจังหวะว่างที่จะเดินทางเลยในช่วง 10 ปีนั้นก็ได้ค่ะ

      ดังนั้น ในความคิดเห็นของพี่คิดว่า คุณทั้งสองคนน่าจะบอกว่าคุณลาพักร้อนไปเที่ยว ลางานได้ไม่เกิน 7 วัน เพราะจะไป 5 วันหรือ 7 วันก็ไม่ต่างกัน ถ้าคุณพรรรณีทำงานอยู่หน่วยงานที่มีงานเข้าเยอะๆ เจ้านายก็อาจจะไม่อยากให้คุณพรรณีลาหยุดงานนานๆ เพราะกลัวจะไม่มีคนทำแทน ถูกไหมคะ ดังนั้น ถ้าคุณ 2 คน บอกว่า ลางานไปพักผ่อน จะไปเที่ยวอเมริกาอาทิตย์หนึ่ง และเอาใบรายการทัวร์ที่มีจัดทัวร์ไปอเมริกาประมาณใกล้เคียงวันที่คุณพรรณีจะเดินทาง คุณพรรณีก็จะใช้เอกสารของตนเอง เหมือนคนอื่นๆที่เขาขอวีซ่าไปเที่ยว แล้วซื้อทัวร์ไป เช่น อาจจะเป็นทัวร์ของบริษัทอะไรก็ได้ในเมืองไทย ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ เพราะจะเป็นการไปโฆษณาบริษัททัวร์ไปค่ะ จดหมายหรือเอกสารจากคุณแม่สามีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ะ พี่เห็นใจ คุณแม่สามีที่อายุมากแล้ว ต้องมานั่งเตรียมเอกสารที่บางทีคนสูงอายุอยู่เมืองนอกมานาน ก็จะรู้สึกได้ว่า ทำไมคนไทยถึงขอวีซ่ายุ่งยากกันขนาดนี้ค่ะ เอกสารที่คุณควรมี คือ จดหมายรับรองตำแหน่งหน้าที่การงานของคุณพรรณี, หนังสือเดินทาง, จดหมายรับรองการบัญชีเงินฝากของคุณพรรณี, และบัญชีตัวจริงน่าจะมีเพียงพอที่จะไปอยู่สัก 7 วัน พี่ไม่ทราบว่า คุณแม่สามีอยู่เมืองอะไร รัฐอะไร ถ้าเป็น New York ค่าครองชีพอาจจะสูงหน่อย คุณพรรณีน่าจะมีเงินในบัญชีสักประมาณ 500,000บาท ขึ้นไป(ถ้ามี 1,000,000บาท ก้ไม่ต้องถอนให้เหลือ 500,000 บาทนะคะ) อย่างไรก็ตาม รายการทัวร์อเมริกาแถว California 1 สัปดาห์น่าจะอยู่ราว 50,000-60,000บาท พอไหว, ใบยืนยัน DS-160 Confirmation Number, ค่าธรรมเนียมวีซ่า 4340 บาท, ใบรายการทัวร์(ยังไม่ต้องซื้อรายการทัวร์กับเขาจริงๆ บอกเขาว่า ได้วีซ่าแล้วจึงจะมาซื้อทัวร์ก็ได้ค่ะ) ส่วนเรื่องใครออกตังค์ค่าตั๋วเครื่องบินให้ หรือคุณแม่สามีจะบอกว่า มาพักที่บ้านฟรี ไม่ต้องเสียตังค์ ก็เป็นเรื่องความตกลงในครอบครัวเรานะคะ

      การกรอก DS-160 ตราบใดที่คุณยังไม่ได้คิวนัด จะแก้ใหม่กี่ครั้งก็แก้ไปค่ะ เพียงแต่อยากให้คุณระมัดระวัง ก่อนกรอก อ่านตรวจทานดีๆ เพราะพี่ไม่แน่ใจว่า กงสุลจะเห็นการแก้ไขทุกครั้งของพวกคุณๆกันหรือเปล่าค่ะ แต่แน่นอนว่า คุณมีสิทธิ์เลือกใช้อันสุดท้ายที่ถูกต้องที่สุดค่ะ ที่พักถ้าคุณจะไปกับทัวร์ ก็ใส่ชื่อโรงแรมตามที่ทัวร์เขากำหนดไว้ว่าจะไปพักโรงแรมชื่ออะไร ถ้าไม่รู้ที่อยู่โรงแรม ถามบริษัททัวร์ ถ้าเขาไม่ได้บอกมา ที่จริง search จาก google เอาเองก็ได้ค่ะ ส่วน contact person ใส่ชื่อที่อยู่คุณแม่สามีไป อาจจะพูดได้ว่า เที่ยวเสร็จแวะไปหาแม่สามีแป๊บหนึ่งอะไรทำนองนี้นะคะ ส่วน pin แน่นอนว่าอยู่บ้านคนละหลัง ก็ต้องซื้อ 2 pin เพราะเคยมีคนเข้าไปที่สถานทูต แล้วใช้ pin เดียวกัน แต่อยู่บ้านคนละหลัง เจ้าหน้าที่สถานทูตให้กลับออกมาซื้อ pin แล้วกรอกใหม่ แล้วจึงกลับเข้าไปขอใหม่ เสียเวลาค่ะ ช่วงนี้ วันนัดสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวอาจจะไม่ค่อยมีมาก เพราะโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในอเมริกาจะเปิดเทอมเดือน สิงหาคม บ้าง กันยายน บ้าง คิววีซ่านักเรียนจะหาได้ง่ายกว่าคิววีซ่าแบบอื่นๆทั้งหมดค่ะ คุณต้องหมั่นเปิดเข้าไปดูคิวนัดบ่อยๆ ถ้าขี้เกียจก็ต้องจ้างพวกรับจ้างเขาคลิกหาวันให้ ช่วงนี้ราคารับจ้างถูกลงมาแล้ว ไม่น่าจะเกิน 500 บาทค่ะ พี่ไม่ได้สนับสนุนวิธีนี้นะคะ แต่ก็เข้าใจว่า บางคนไม่มีเวลาเข้าไปดูเว็บด้วยตัวเองบ่อยๆค่ะ โชคดีนะคะ

  • Noonnarak  On July 17, 2011 at 10:40 pm

    รบกวนถามเกี่ยวกับ รหัส Sevis ค่ะ คือในตอนแรกทางมหาวิทยาลัยได้ส่งอีเมลล์มาบอก Sevis I.D. ก็เลยนำไปกรอกแบบฟร์อม ds160 ก่อน และได้คอนเฟิี์ร์มเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้นำไปจองวันสัมภาษณ์แล้ว แต่พอทางมหาวิทยาลัยส่ง I-20 มาให้ ปรากฏว่า รหัส Sevis ไม่ตรงกับตอนแรกที่แจ้งมาทางอีเมลล์ ก็เลยลองจ่ายค่า Sevis fee ดู ในตอนแรกกรอกเหมือนในอีเมลล์ แต่รหัสไม่ผ่าน จึงกรอกแบบใน i-20 ปรากฏว่าผ่านได้
    ปัญหาคือ ใบเสร็จ Sevis fee ไม่ตรงกับใน ds160 ก็เลยอยากถามว่า ควรจะแก้ไขยังไงดีคะ

    • govisa  On July 18, 2011 at 10:06 pm

      @น้อง noon ค่ะ ให้น้องกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ เพราะน้องต้องยืนยันรหัส Sevis I-901 ให้ตรงตาม I-20 กับที่จ่ายเงินค่าธรรมเนียม Sevis I-901 ไป 200 เหรียญค่ะ อย่างไรก็ตามหลังจากกรอก DS-160 ใบใหม่เสร็จ น้องอย่าทิ้ง DS-160 อันเก่า ให้นำไปในวันสัมภาษณ์ด้วย พร้อมทั้งถ้าน้องมีอีเมล์ของมหาวิทยาลัยที่แจ้งหมายเลข Sevis อันผิดมาแนบไปให้กงสุลดุด้วยค่ะ (อันที่น้องบอกว่าเขาแจ้งมาผิดค่ะ) ให้น้อง Print email ฉบับนั้นออกมาแล้วนำไปในวันสัมภาษณ์ พร้อม ใบยืนยัน DS-160 ทั้งใบเก่าและใบใหม่ ถ้ากงสุลถาม ให้ชี้แจงตามความเป็นจริงว่า น้องอยากจะรีบจองนัดสัมภาษณ์ และตัวน้องก็กลัวไม่เห็นวันที่สีเขียวเปิดให้จองค่ะ Case น้องจะคล้ายกับ Case ของน้อง Bear และน้อง RR ค่ะ ซึ่งน้องทั้งสองก็เอา DS-160 Confirmation Number ทั้งอันเก่าและอันใหม่ไปชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ฟังค่ะ จะสอบวันไหนคะ ได้ผลอย่างไร เขียนมาให้อ่านกันบ้างนะ ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • Bear  On July 18, 2011 at 6:15 pm

    พี่ govisa ครับ ผมได้วีซ่ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ดีใจสุด ๆ ไปสัมภาษณ์วันพุธที่ 13 ก.ค. มาครับ ซึ่งปัญหาที่กรอกข้อมูลผิดในใบ DS-160 ก็สามารถขอเปลี่ยนใบใหม่ได้ทันทีกับน้องเสื้อชมพูตอนที่ยืนรอเข้าคิวครับ

    ส่วนคำถามที่ผมได้ตอนสัมภาษณ์นั้น มีดังนี้
    1. ไปเที่ยววันไหน
    2. ไปกับทัวร์ใช่หรือเปล่า
    3. เป็นคุณครูใช่มั้ย
    4. ทำอาชีพนี้กี่ปีแล้ว
    5. ไปนำ้ตกไนแองการ่าใช่มั้ย (เขาก็แนะนำว่าควรไปขอวีซ่า Canada ด้วย)
    6. ขอให้สนุกกับทริปนี้นะครับ

    ไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ อาจะเป็นเพราะวันที่สัมภาษณ์เป็น Lucky Number หรือเปล่าไม่รู้ เพราะว่าส่วนใหญ่จะผ่านหมดเลยครับ

    ยังไงผมขอขอบคุณพี่ govisa สำหรับการช่วยเหลือที่ดีที่ผ่านมาทั้งหมดและก็ขอบคุณ RR ที่มาช่วยยืนยันข้อมูล DS-160 ครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ

    • govisa  On July 18, 2011 at 9:51 pm

      ดีใจด้วยค่ะ น้อง Bear ถ้าน้องขอวีซ่าเข้า Canada ด้วยก็จะดีอย่างที่ท่านกงสุลแนะนำค่ะ เพราะจะได้เข้าไปเที่ยว Toronto และเมืองใกล้เคียงละแวกนั้นใน Canada ได้ด้วยค่ะ ไหนๆไปเที่ยวแล้วนะคะ ขอให้เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนให้สนุกค่ะ

  • viwow  On July 19, 2011 at 1:45 am

    รบกวนถามหน่อยค่ะ ครอบครัวเดียวกัน mailing address เดียวกัน นามสกุลเดียวกัน (พ่อ แม่ ลูก) แต่ชื่ออยู่คนละทะเบียนบ้าน ต้องใช้ PIN แยกใช่มั๊ยค่ะ เห็นใน video เค้าเขียนว่า “ควร” แต่พูดว่า “ต้อง” อยู่ทะเบียนบ้านเดียวกัน

    http://www.youtube.com/watch?v=0pp9Pb0-qbw นาทีที่ 5.44

    ถ้าต้องใช้แยก คงมีโอกาสไม่ได้ slot เดียวกันสูงอยู่ หรือมีเทคนิคอะไรแนะนำมั๊ยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On July 19, 2011 at 5:36 am

      คุณ Viwow คะ ในการขอวีซ่าไปสหรัฐอเมริกา คุณไม่ต้องยื่นทะเบียนบ้านเป็นหลักฐานประกอบ กรณีพ่อแม่ลูกก็น่าจะเป็นเรืองที่น่าเชื่อถือได้ว่า คุณอยู่บ้านหลังเดียวกันนะคะ ดังนั้น ถ้าถามถึงเทคนิค และคุณกล้าที่จะทำก็คือ คุณใช้พินเดียวกันไปได้เลย แต่ถ้าคุณไม่อยากเสี่ยงเพราะเมื่อคุณเข้าไปข้างนในสถานทูต บางคนที่เคยเข้าไปจะพบว่า มีบรรยากาศที่ทำให้เขาไม่กล้าพูดไม่จริง กลัวไม่ได้รับวีซ่าค่ะ เพราะคุณทั้งสามคนต้องพบกับเจ้าหน้าที่คนไทยที่มีหน้าที่ตรวจเอกสารก่อน เขาจะซักถามคุณว่า อยู่ทะเบียนบ้าานเดียวกันไหม แล้วใครในสามคนนี้หลุดคำพูดไปว่าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ก็ถือว่า คุณต้องกลับออกมาซื้อพินใหม่ แล้วทำนัดกลับเข้าไปใหม่ค่ะ จะลองเตรียมตัวทั้งสามคนให้ดีก่อนดีไหม หรือถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ซื้อพินแยกค่ะ

  • Noonnarak  On July 19, 2011 at 11:29 pm

    ขอบคุณพี่ GOVISA มากเลยค่ะ ได้ความยังไง จะมาบอกนะคะ อิอิ

    • govisa  On July 21, 2011 at 10:21 pm

      ด้วยความยินดีค่ะ น้อง Noonnarak

  • bell  On July 20, 2011 at 12:27 pm

    อยากสอบถามว่ามีป้าอยู่ที่อเมริกา เป็นพยาบาลแต่งงานกับคนที่โน้น ต้องเลือกสถานภาพของป้าเป็นอะไรค่ะ
    1. U.S. CITIZEN
    2. U.S. LEGAL PERMANENT RESIDENT (LPR)
    3. NONIMMIGRANT

    จุดประสงค์ที่จะไปคือไปเที่ยวไปอยู่กับป้าเป็นเวลา 3 เดือน ต้องเลือกอันไหนค่ะ เพราะแปลออกมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับการไปเที่ยวอย่างเดียวเลยค่ะ
    1. FOREIGN GOVERNMENT OFFICIAL (A)
    อย่างเป็นทางการของรัฐบาลต่างประเทศ
    2. TEMP. BUSINESS PLEASURE VISITOR (B)
    นักท่องเที่ยวชั่วคราวเยือนยินดีธุรกิจ
    3. ALIEN IN TRANSIT (C)
    คนต่างด้าวในการขนส่ง
    4. CNMI WORKER OR INVESTOR (CW/E2C)
    คนงานหรือผู้ลงทุน CNMI
    5. CREWMEMBER (D)
    สมาชิกลูกเรือ
    6. TREATY TRADER OR INVESTOR (E)
    ผู้ประกอบสนธิสัญญาหรือนักลงทุน
    7. ACADEMIC OR LANGUAGE STUDENT (F)
    วิชาการหรือนักเรียนภาษา
    8. INTERNATIONAL ORGANIZATION REP /EMP. (G)
    องค์การระหว่างประเทศ REP / EMP
    9. TEMPORARY WORKER (H)
    ลูกจ้างชั่วคราว
    10. FOREIGN MEDIA REPRESENTATIVE (I)
    ตัวแทนของสื่อต่างประเทศ
    11. EXCHANGE VISITOR (J)
    นักท่องเที่ยวเยือนแลกเปลี่ยน
    12. FIANCE (E) OR SPOUSE OF A U.S. CITIZEN (K)
    คู่หมั้น (E) หรือคู่สมรสของพลเมืองสหรัฐอเมริกา
    13. INTRACOMPANY TRANSFEREE (F)
    ผู้รับโอน INTRACOMPANY
    14. VOCATIONAL /NONACADEMIC STUDENT (M)
    นักเรียนอาชีวะคือหลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป
    15. OTHER (N)
    16. NATO STAFF (NATO)
    พนักงานขององค์การนาโต้ (NATO)
    17. ALIEN WITH EXTRAORDINARY ABILITY (O)
    คนต่างด้าวที่มีความสามารถพิเศษ
    18. INTERNATIONALLY RECOGNIZED ALIEN (P)
    คนต่างด้าวยอมรับในระดับสากล
    19. CULTURAL EXCHANGE VISITOR (Q)
    นักท่องเที่ยวเยือนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
    20. RELIGIOUS WORKER (R)
    คนงานศาสนา
    21. INFORMANT OR WITNESS (S)
    ผู้ให้ข้อมูลหรือพยาน
    22. VICTIM OF TRAFFICKING (T)
    เหยื่อการค้ามนุษย์
    23. NAFTA PROFESSIONAL (TD/TH)
    นาฟตาในระดับมืออาชีพ
    24. VICTIM OF CRIMINAL ACTIVITY (U)
    ตกเป็นเหยื่อของกิจกรรมทางอาญา
    SPECIFY
    1. PARENT OF CERTAIN SPECIAL IMMIGRANT (N8)
    ผู้ปกครองของผู้อพยพพิเศษบางอย่าง
    2. CHILD OF AN N8 (N9)
    บุตรของ N8 (N9)

    บุคคลที่ออกค่าใช้จ่ายให้ /PERSON/ENTITY PAYING FOR YOUR TRIP
    1. SELF ด้วยตนเอง
    2. U.S. PETITIONER ฎีกา, คำร้องเรียน
    3. OTHER PERSON บุคคลอื่น
    4. OTHER COMPANY/ORGANIZATION / บริษัท อื่นองค์กร

    แต่ถ้าตอบอื่นๆ กรณีนี้จะมีให้เราเลือกต่ออยากทราบว่าจะเลือกอะไรค่ะ

    แล้วเบลล์เพิ่งเรียนจบ ทำงานได้ไม่กี่เดือนยังไม่ผ่านโปรเลย อย่างนี้บอกว่าเพิ่งจบยังไม่ทำงานได้ไหมค่ะ แล้วจะตอบว่าตัวเองมีอาชีพอะไรดีเพราะทำงานก็ยังไม่ผ่านโปร เรียนก็เพิ่งจบ

    แล้วคนป้าเป็นคนที่โน้นเป็นญาติเราเคยใช้นามสกุลเดียวกัน จะต้องเลือกเป็นญาติหรือ

    ความสัมพันธ์กับท่าน RELATIONSHIP TO YOU

    1. PARENT ปกครอง
    2. OTHER RELATIVE ญาติอื่น ๆ
    3. OTHER
    หนังสือเดินทาง เป็นแบบทั่วไปเลือกแบบข้อ 1 ถูกๆไหมค่ะ
    ประเภทหนังสือเดินทาง PASSPORT/TRAVEL DOCUMENT TYPE
    1. REGULAR
    2. OFFICIAL
    3. DIPLOMATIC

    • govisa  On July 20, 2011 at 9:29 pm

      พี่ขอตอบน้อง Bell ตามที่ถามมาเป็นข้อๆ คือ

      1. น้องต้องถามคุณป้าน้องเองว่า คุณป้ามีสถานภาพเป็นอะไรค่ะ เพราะการแต่งงานกับคนทางโน้น ถ้าอีกฝ่ายเป็นชาวอเมริกัน ตอนนี้ คุณป้าก็น่าได้ความเป็นพลเมืองอเมริกัน หรือเป็น US Citizen แล้ว แต่ถ้าคุณป้าแต่งงานกับคนที่มีกรีนการ์ด ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณป้าจะต้องไปสอบเพื่อขอความเป็นพลเมือง คนที่มีกรีนการ์ดคือ เราต้องติกข้อ 2 คือ US Legal Permanent Resident ส่วนข้อ3 non immigrant คือ คนต่างชาติ อย่างพวกเราๆค่ะ
      2.จุดประสงค์ของการเดินทางให้ตอบข้อ 2 เพราะเมื่อเลือกข้อ 2 สักพักจะมีแถบให้เราคลิกเลือกว่าเป็น B-1 นักธุรกิจ หรือ B-2 นักท่องเที่ยวค่ะ ให้คลิกเลือก B-2 ค่ะ
      3.บุคคลที่ออกค่าใช้จ่ายให้ ถ้าเป็นคนที่ทำงานแล้วก็ควรจะแสดงบัญชีของตนเองด้วยค่ะ บางคนเขาก็มีเงินเก็บที่คุณพ่อคุณแม่เขามีไว้ในบัญชีเขาแต่เด็ก เขาก็จะนำไปแสดงค่ะ แต่ถ้าน้องไม่มี แล้วก็เพิ่งเริ่มทำงาน ให้แสดงบัญชีของผู้ปกครองด้วยค่ะ ที่นี้การที่น้องจะใช้บัญชีคุณป้าซึ่งเป็นคนที่อยู่ในอเมริกา น้องก็ต้องให้คุณป้าขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารในสหรัฐอเมริกาส่งมาให้น้อง พร้อมสำเนาบัญชีตัวจริง นอกจากนี้คุณป้ายังต้องส่งสำเนาหลักฐานว่า จ่ายภาษ๊ให้รัฐอเมริกันปีละเท่าไร พร้อมทั้งกรอกฟอร็ม I-130 เรียนคุณป้าว่า ให้ download ได้ที่ http://www.visapro.com/Download/Alien-Relative-Petiton-Form-I-130-Instructions.pdf และ http://www.visapro.com/Download/INS-Form-I-130.pdf ถ้าคุณป้าทำไม่ได้ ให้ไปติดต่อสำนักงานทนายความในเมืองที่คุณป้าอยู่ เสียเงินค่าบริการให้สำนักงานทนายความช่วยจัดทำให้ค่ะ นอกจากนี้ คุณป้ายังต้องทำจดหมายเชิญมาที่น้องว่า จะให้น้องไปพักอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อไหรถึงเมื่อไหร่ คุณป้าจะให้ทั้งที่พัก อาหร และพาไปเที่ยวค่ะ ถ้าส่วนตัวน้องเองไม่มีบัญชีเงินฝาก ยิ่งต้องการจดหมายฉบับนี้มากๆค่ะ เพราะมิเช่นนั้น กงสุลจะดูว่า น้องจะเอาเงินจากที่ไหนเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างไปอยู่ที่อเมริกาค่ะ ดังนั้น ถ้าเป็นคุณป้าออกเงิน ก็ต้องเลือก other relative ค่ะ พอเลือก other relative ก็จะมีแถบขึ้นมา ให้เรากรอกชื่อนามสกุลเขา และสถานะของเขาว่าเป็น พลเมืองอเมริกัน หรือ เป็นคนต่างชาติค่ะ
      4. หนังสือเดินทางให้คลิกเลือกแบบ regular ค่ะ

      อนึ่ง การที่น้องจะไม่บอกว่าตังเองทำงาน แล้วขอวีซ่าไปเที่ยวก็เสี่ยงอยู่ เพราะเขากลัวว่า น้องยังว่างงานอยู่ แล้วจะไปหาช่องทางทำงานที่อเมริกาหรือเปล่าค่ะ ส่วนถ้าบอกว่าทำงานจะดีไหม พี่คิดว่าดีนะ เพราะมีหลักฐานทางสังคมที่เมืองไทยและผูกพันว่าจะต้องกลับมาทำงานต่อที่ประเทศไทย การยังไม่ผ่านProbation ไม่ได้มีปัญหาในการขอวีซ่านักท่องเที่ยว เพียงแต่บริษัทนั้นๆจะออกจดหมายรับรองการทำงานจากแผนกบุคคลหรือ HR ให้น้องได้ไหมมากกว่าค่ะ ถ้าไม่ได้นะคะ ก็น่าจะขอความเห็นใจหัวหน้างาน ให้ออกจดหมายจากหัวหน้างาน ยืนยันว่าน้องทำงานตำแหน่งอะไรเข้ามาเมื่อไหร่ ถ้าเขาสามารถระบุเงินเดือนได้ด้วยก็ดีนะคะ แต่ถ้าระบุเงินเดือนลงไปในจดหมายให้ไม่ได้ โดยอ้างว่า เขาไม่ใช่ HR น้องมี slip เงินเดือนไหมคะ ให้เอาแนบไปกับจดหมายที่พี่บอกไป ถ้าหัวหน้างานเป็นกังวล ก็บอกว่าให้เขาขียนทำนองคล้ายจดหมาย Recommendation ที่จะสมัครไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาก็ได้ค่ะ ต่่อไป เท่าที่พี่อ่านในจดหมายน้อง จะมีข้อความขัดแย้งเกิดขึ้นในตอนแรกกับตอนท้าย คือ บรรทัดแรกๆเลยบอกว่า จะไปเที่ยว 3 เดือน ทีนี้ในความเป็นจริง ไม่มีบริษัทไหนที่เขาจะอนุญาตให้น้องลางานได้ 3 เดือนไปเที่ยว เพราะหมายความว่า คนที่อยู่ทางเมืองไทยต้อง load งานหนัก การทำงานจะต่างจากเรียนหนังสือ เพราะเรียนหนังสือมีปิดเทอมใหญ่ประมาณ 3 เดือน แต่การทำงานจะขอลางานนานขนาดนั้น เขาคงให้ลาออกค่ะ นอกจากว่า บางแห่ง น้องบางคนขอลาไปเรียนภาษา3 เดือน โดยไม่รับเงินเดือนจากที่ทำงาน ถ้าเป็นแบบนี้พี่เคยได้ยินว่ามีคนทำได้ค่ะ ดังนั้นน้องคงต้องตัดสินใจเลือกว่า ขอลางานไปเที่ยวสัก 15 วัน ได้วีซ่านักท่องเที่ยวแล้ว น้องค่อยคิดอีกทีว่า จะเลือกอะไรให้กับตัวเองค่ะ

      กรณีที่น้องให้คุณป้าเป็น sponsor น้องควรเตรียมตัวตอบคำถามประมาณว่า แล้วคุณพ่อคุณแม่น้องประกอบอาชีพอะไร มีรายรับปีละประมาณเท่าไร ทำไมถึงไม่เป็น sponsor ให้น้อง หรือน้องไม่มีญาติคนอื่นที่เมืองไทยเลยใช่ไหม เป็นต้นค่ะ เพราะการมีญาติอยู่ที่เมืองไทยเป็นข้อดี เพราะเป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้กงสุลเห็นว่า น้องมีความผูกพันกับครอบครัว เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมกับประเทศไทย ที่แสดงให้เห็นว่า น้องจะต้องกลับมาประเทศไทยค่ะ

  • bell  On July 20, 2011 at 12:32 pm

    คือเบลล์ซื้อพินมาจากไปษณีแล้ว ds-160 ไม่ใช้พินใช่ไหมค่ะ ใช้พินแต่ตอนนัดสัมพาษใช่ไหมค่ะ เบลล์ไม่รู้คิดว่าต้องซื้อเพื่อมากรอก ds-160 ตอนนี้เคลียดมากเลยค่ะ ช่วยด้วยนะค่ะ ขอด่วนเลยค่ะ ขอบคุณมากๆๆค่ะ

    • govisa  On July 20, 2011 at 8:36 pm

      น้อง Bell คะ พินที่ซื้อจากไปรษณีย์จำนวน 372 บาท มีไว้ใช้สำหรับกรอกแบบฟอร์มนัดสัมภาษณ์ เว็บไซต์ที่ใช้กรอกแบบฟอร์มนัดสัมภาษณ์ คือ http://thailand.us-visaservices.com ส่วนการกรอกแบบฟอร์ม Ds-160 ให้เข้าไปกรอกที่เว็บนี้ คือ https://ceac.state.gov/genniv/ หลังจากกรอก DS-160 เสร็จ น้องจะได้ DS-160 Confirmation Number หมายเลขดังกล่าว มีความสำคัญตรงที่ต้องนำไปใช้ในการกรอกแบบฟอร์มที่จะทำคิวนัดสัมภาษณ์ด้วย เพื่อจะได้ทราบว่า แล้วเราจะได้วันนัดสัมภาษณ์วันไหนค่ะ ช่วงนี้คิวนัดสัมภาษณ์นักท่องเที่ยว B-2 หายากหน่อยค่ะ เพราะพวกโรงเรียนและมหาวิทยาลัยใกล้เปิดเทอมกันค่ะ ขนาด F-1 หรือวีซ่านักเรียนก็ยังหายากเลยค่ะ ถ้าน้องสมัครขอ F-1 วันนี้เปิดเข้าไปดูคิวนัดจะเต็มหมดตลอดทั้งเดือนสิงหาคมค่ะ ต้องรอทาง outsource ของสถานทูตเขาเปิดวันนัดสีเขียวออกมาเพิ่ม ซึ่งหมายความว่า เราต้องหมั่น Login เข้าไปดูคิวนัดสัมภาษณ์บ่อยๆว่า จะมีวันที่สีเขียวเปิดให้จองหรือยังค่ะ เทคนิคหนึ่งวึ่งนับว่าเป็นช่องทางที่ดี คือ เปิดเว็บไซต์ Pantip.com แล้วดู หัวข้อไกลบ้าน จะมีคน post ว่า “เจอวันนัดสีเขียวแล้ว” นั่นนับเป็นสัญญาณว่า รีบเข้าไปดูก่อนที่คนอื่นจะจองกันเต็มไปหมดค่ะ

  • chawanwit  On July 20, 2011 at 9:51 pm

    ขอถามเพิ่มเติมค่ะ
    1. คือว่าเบลล์จะบอกว่าว่างงานได้ไหมค่ะเพราะ เบลล์จะลาออกก่อนไปอเมริกา แต่จะไปเที่ยวฝึกภาษาไปด้วย เบลควรบอกสถานทูตว่าอะไรค่ะ คือเราสามารถบอกได้ไหมค่ะ ว่าเราไปเที่ยวและเยี่ยมญาติเท่านั้น
    2. sponsor คือ เป็นเงินของพ่อแม่อยู่แล้วค่ะ แต่ของป้าคือแค่ช่วยเรื่องที่อยู่ อาหารการกิน พาเที่ยวเท่านั้นค่ะ คือเราต้องกรอกซื้อป้าตอนไหนค่ะ เพราะเอาบัญชีพ่อแม่ค้ำค่ะ ถ้าป้าช่วยออก แค่ค่ากินที่อยู่ จะต้องให้หรอกเอกสารอะไรอีกหรือป่าวค่ะ เพราะป้าไม่ได้เป็น sponsor คือเอาเงินพ่อแม่ค่ะ
    3. เบลไปกับน้องชาย ซึ่งเรียนอยู่ ปี 1 แต่จะทำการด็อป เรียนไว้ก่อนหรือรอไปปิดเทอมดีค่ะ
    4. ถ้ารอไปปีหน้าช่วงปิดเทอม เบลทำเรื่องตั้งแต่ตอนนี้เลยได้ไหมค่ะ ทางสถานทูตอนุญาติไหมเพราะเดินเรื่องขอวีซ่า ตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ
    5.สรุปว่า เบลล์ตั้งใจออกจากงานอยู่แล้วเพื่อไปหาป้าที่โน้น แล้วเพิ่งเรียนจบไม่นาน ควรทำไงดีค่ะ

    • govisa  On July 21, 2011 at 9:49 pm

      @ น้อง Chawanwit หรือ น้อง bell คนเดียวกันไหมคะ
      1. น้องคงต้องตัดสินใจเองว่าจะบอกว่า จะลาออก หรือ ทำงานแล้วขอลาพักร้อนไปอเมริกาค่ะ เพราะพี่คลับคล้ายคลับคลา ว่าได้เขียนตอบไปแล้ว กรณี คนเพิ่งเรียนจบ แล้วจะขอไปเที่ยว จะมีบ้างที่วีซ่า B-2 จะมีปัญหาขึ้นมาเลยว่า เขาจะไม่เชื่อใจเราว่า เรามีความผูกพันจะกลับเมืองไทย อีกประการหนึ่ง คนไทยไม่ได้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง ไม่อยากไปอยู่ประเทศอื่นเหมือนคนสิงคโปร์ ทำให้กงสุลอาจหวั่นใจนิดหน่อยว่า กลัวไปแล้วไม่กลับไทยค่ะ ถ้าน้องยังไม่มีงานทำเป็นเรื่องเป็นราวค่ะ ดังนั้น ที่บอกว่าจะไปเที่ยวด้วย ฝึกภาษาด้วย ความน่าสงสัย คงจะเกิดขึ้นแน่ เมื่อบอกว่าจะไปเที่ยวนานตั้ง 3 เดือน case น้องน่าจะสมัครที่เรียนภาษาแล้วขอวีซ่านักเรียน F-1 ไปดีกว่าค่ะ
      2. เรื่อง Sponsor น้องชี้แจงในข้อ 2 แล้วว่า ป้าไม่ใช่ Sponsor ก็น่าจะตัดป้าทิ้งไปไม่ต้องเอาเข้ามากรอกว่าเป็น Sponsor ก็ได้ค่ะ เพราะอาชีพพยาบาลในอดีตถูกมองว่า เสี่ยงพอสมควรในการยื่นขอวีซ่า เพราะพยาบาลไทยบางท่านไปแล้วไปขอกรีนการ์ดบ้าง ไปแต่งงานกับทางโน้น แล้วเปลี่ยนสถานภาพเป็น US Citizen บ้าง ส่วนตัวน้องเองก็เพิ่งเรียนจบ แล้วถ้าบอกว่าไม่มีงานทำ ยิ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจไปว่า อาจจะไปอยู่เลยก็ได้ค่ะ
      3. ไปขอวีซ่าพร้อมน้องได้ค่ะ ที่สำคัญStatement ต้องมีเยอะพอสมควร เพราะพ่อแม่ต้องส่ง2 คนพร้อมกันค่ะ
      4. ถ้าจะเดินทางไปเที่ยวต้นปีหน้า หรือจะรอน้องชายปิดเทอมมีนาคม ก็ให้ยื่นเรื่องขอวีซ่าประมาณเดือน พฤศจิกายน หรือ ไม่ก็เดือนธันวาคมได้ค่ะ(ถ้าเป็นวีซ่านักท่องเที่ยว) แต่ถ้าเป็นวีซ่านักเรียนขึ้นอยู่กับว่า น้องจะไปเรียนเดือนมกราคม หรือ เดือนมีนาคม หรือเดือนไหนคะ เพราะเมื่อได้ I-20 มาแล้ว มีสิทธิ์ยื่นเรื่องขอวีซ่าก่อนหน้าโรงเรียนเปิดได้ไม่เกิน 120 วัน หรือ 4 เดือนเท่านั้นค่ะ

      5. ควรสมัครเรียนภาษา แล้วขอ I-20 ดีกว่าค่ะ

  • Bell  On July 20, 2011 at 10:02 pm

    ขอถามเพิ่มเติมค่ะ
    1. คือว่าเบลล์จะบอกว่าว่างงานได้ไหมค่ะเพราะ เบลล์จะลาออกก่อนไปอเมริกา แต่จะไปเที่ยวฝึกภาษาไปด้วย เบลควรบอกสถานทูตว่าอะไรค่ะ คือเราสามารถบอกได้ไหมค่ะ ว่าเราไปเที่ยวและเยี่ยมญาติเท่านั้น
    2. sponsor คือ เป็นเงินของพ่อแม่อยู่แล้วค่ะ แต่ของป้าคือแค่ช่วยเรื่องที่อยู่ อาหารการกิน พาเที่ยวเท่านั้นค่ะ คือเราต้องกรอกซื้อป้าตอนไหนค่ะ เพราะเอาบัญชีพ่อแม่ค้ำค่ะ ถ้าป้าช่วยออก แค่ค่ากินที่อยู่ จะต้องให้หรอกเอกสารอะไรอีกหรือป่าวค่ะ เพราะป้าไม่ได้เป็น sponsor คือเอาเงินพ่อแม่ค่ะ
    3. เบลไปกับน้องชาย ซึ่งเรียนอยู่ ปี 1 แต่จะทำการด็อป เรียนไว้ก่อนหรือรอไปปิดเทอมดีค่ะ
    4. ถ้ารอไปปีหน้าช่วงปิดเทอม เบลทำเรื่องตั้งแต่ตอนนี้เลยได้ไหมค่ะ ทางสถานทูตอนุญาติไหมเพราะเดินเรื่องขอวีซ่า ตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ
    5.สรุปว่า เบลล์ตั้งใจออกจากงานอยู่แล้วเพื่อไปหาป้าที่โน้น แล้วเพิ่งเรียนจบไม่นาน ควรทำไงดีค่ะ

  • Bell  On July 20, 2011 at 10:04 pm

    ขอด่วนเลยนะค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ เบลเป็นกังวลมากเลยค่ะ ไม่รู้จะเอาไงดี

  • Kun Kwan  On July 20, 2011 at 11:32 pm

    ไปสัมภาษณ์มาแล้วครับพี่ govisa วันที่ 15 ก.ค. รอบ 7.45 น. ขอแบบ F1 ไปถึงประมาณ 6.30 น. แถวยาวเกือบถึงสะพานลอย มีน้องเสื้อชมพูมาเช็ครอบสัมภาษณ์ จากนั้นเดินเข้าไปฝากของ ผ่านเข้าไปได้รอบละ 10คน จากนั้นได้ใบสีฟ้า กรอกชื่อที่อยู่ตัวเองไว้
    สักพักมีป้าผมขาว(เจ้าหน้าที่) มาแจ้งให้เตรียมเรียงเอกสารอะไรก่อนและหลัง เดินแถวไปให้เจ้าหน้าที่เสื้อชมพูเช็คเอกสารเพื่อเรียงเข้าแฟ้มอีกครั้งนึง เดินแถวต่อไปจนถึงด้านหน้าตู้กระจกมีช่องสามช่อง เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือ เจ้าหน้าที่คนไทยผู้หญิง ถามว่ามีญาติอยู่ที่นั่นหรอ,เคยมาขอวีซ่าก่อนหน้านี้ไหม ,เรียนจบอะไรมา ถามเสร็จให้บัตรคิวเดินไปรอด้านไหนเตรียมรอสัมภาษณ์กับกงศุล ด้วยใจระทึก ตื่นเต้นน่าดู เวลาสำคัญมาถึง

    1. OK , ไปทำอะไร / เรียนภาษา
    2. จบแล้วจะทำอะไร / กับบ้าน อยากทำงานโรงแรม (คำถามนี้สำคัญมาก ห้ามใช้คำว่า “ไม่แน่ใจ ” หรือ ” ไม่รู้ ” เด็ดขาด ต้องตอบแบบชัดเจน)
    3. ไปอยู่กับใคร / คุณอา
    4. อาทำอะไร / เปิดร้านทำผม
    5. เรียนจบอะไรมา / บริหารธุรกิจ
    6. ใครออกค่าใช้จ่ายให้ / คุณอา
    7. พ่อไปไหน ,แม่ไปไหน / ตอบตามความจริง

    อยู่ดี ๆ สั่งเบรกกลางคัน บอกรอแปปนึง เดินออกไปดื้อ ๆ (ผมได้ยินเสียงคนด้านหลังที่ต่อคิวจากผมถอนหายใจ เหมือนเอาใจช่วยอยู่ 55555 ตัวผมเองใจเต้นแรงมากกลัวไม่ได้มาก) และเค้าก็เดินกลับมาใหม่ ถามต่อ

    8. ใช้เวลาเรียนเท่าไร / ปีนึงครับ
    9. จะทำอะไร / มันคือคำถามเดิมเค้าจะเช็คว่าเราตอบเหมือนเดิมไหม
    10. งั้นเดี๋ยวคุณเดินออกไปซือซองไปรษณีย์ด้านนอก เราจะส่งพาสปอร์ตไปให้อาทิตย์หน้า
    ไม่บอกว่าให้กี่ปี / ทำถ้าถอนหายใจ ยกมือสวัสดี โล่งมาก

    *เอกสารที่ขอดู DS160 ,I20 ,ใบเสร็จค่าธรรมเนียม ,ค่า sevis ,วุฒิการศึกษา ,ใบรับรองการทำงาน (เอกสารทางด้านการเงินไม่ขอดูเลย และไม่แม้แต่ชำเลือง)

    ข้อที่อยากฝากสำหรับผู้ที่กำลังจะไปสัมภาษณ์นะครับ :” ห้ามโกหก” ตอบตามความจริง เค้าดูอาการเราว่ามันตะกุกตะกักไหม และคำถามที่ต้องเช็ดเจนสุด ๆ คือจะกลับไหมเนี่ยแหละครับ เราต้องตอบว่ายังไงก็กลับ เพราะถ้าไปแล้วจะอยู่ต่อมันไม่ใช่ประเด็น เอาให้ได้ไปก่อน บางคนตอบว่า ไม่รู้ ไม่แน่ใจ ผลที่ได้คือ Sorry ครับ

    สุดท้ายขอบคุณข้อมูลของพี่ Govisa มากครับ ไม่ได้พี่ผมแย่เลย ขอบคุณจริง ๆ ครับ
    ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

    • govisa  On July 21, 2011 at 9:08 pm

      ดีใจด้วยค่ะ Kun Kwan ที่ได้วีซ่าแล้ว เหมือนอย่างที่พี่บอกน้องๆว่า ถ้าใช้ sponsor เป็นคนอื่น กงสุลก็ต้องถามถึงพ่อแม่ด้วย ให้เตรียมตัวไว้ว่าจะตอบอะไรค่ะ ขอให้ Kun Kwan เดินทางปลอดภัย แล้วได้ประสบการณ์ดีๆกลับมานะคะ ถ้าน้องพบเห็นอะไรที่น่าน่าสนใจก็เขียนมาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องใช้ชีวิตค่ะ พี่คิดว่า มีอีกหลายคนที่ฝันจะไปหาความสำเร็จในการเรียนต่อที่ต่างประเทศ ถ้าได้อ่านประสบการณ์จากคนที่ไปมาแล้วมากๆ เขาจะได้ปรับตัวกันได้เร็ว อีกหน่อยสังคมเราจะได้มีคนเก่งเพิ่มขึ้นอีกมากๆ เพื่อไปแข่งกับชาติอื่นๆได้ค่ะ ตกลงไปเมืองอะไรคะ พี่ลืมไปอีกแล้วค่ะ

      • Kun Kwan  On July 22, 2011 at 9:26 am

        ตอบพี่ Govisa ไปที่ Atlanta ครับ ได้Visa 5 ปี พอดีมีคุณอา ท่านอยู่ที่นั่นโชคดีหน่อย มีบ้าน ไม่ต้องเช่า กะว่าไปลองดูสักปีนึงก่อน อย่างที่พี่บอกว่าใช้ sponsor ไม่ใช่พ่อแม่
        ผมโดนถามเยอะจริง ๆ บางคนผมเห็นเค้าถามสองคำถามเอง แล้วก้บอกโชคดี ยังไงก็ขอบคุณพี่มากนะครับ 😉

  • Bell  On July 20, 2011 at 11:52 pm

    Kun Kwan ค่ะ เบลอยากทราบว่าเรียนภาษาที่ไหนดีค่ะ เพราะสนใจเรียนภาษามากแต่พื้นฐานอ่อนมาก พูดยังไม่ได้เลย ไม่ทราบว่าสามารถเรียนที่อเมริกาได้ไหมค่ะ แล้วเรียนภาษาของที่ไหนดีค่ะ

  • Kun Kwan  On July 21, 2011 at 1:50 pm

    ตอบคุณ Bell ครับ ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า คนที่ไปเรียนภาษาที่ Usa น่าจะเริ่มจากพื้นฐานเหมือนกันหมด ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติทั้งนั้น ไม่น่ากังวลว่าพื้นฐานเราจะแย่กว่าใคร ส่วนเรียนที่ไหนดี รอให้พี่ Govisa มาตอบให้ดีกว่าครับ น่าจะชัดเจนกว่า

  • bell  On July 21, 2011 at 3:44 pm

    เหมือนกันจริงเหรอค่ะ แล้วถ้าไปเรียนภาษาแล้วเรามีสิทธิเรียนในมหาวิทยาลัยที่โน้นได้ไหมค่ะ Govisa ค่ะ หนูเป็นกังวลมากๆๆ เปิดมาทุกชัวโมงเลย ไม่มีใครตอบหนูเลย

    พี่ค่ะถ้าน้องเรียนอยู่จะด็อปไว้ มันจะเสี่ยงกับที่สถานทูตไม่ให้วีซ่าไหมค่ะ หรือต้องยื่นวันไปช่วงปิดเทอมเท่านั้น

    • govisa  On July 21, 2011 at 10:15 pm

      น้อง Bell คะ ถ้าน้องอยากไปเรียนภาษา ที่เรียนภาษาในสหรัฐอเมริกามีมากกว่า 1,000 แห่ง ถ้าเป็นที่เรียนภาษาที่สอนตามมหาวิทยาลัย จะมีปัญหา เรื่องเวลาที่เปิดปิดเรียนบางทีไม่ตรงตามความต้องการของผู้เรียนที่อยากจะไปลงทะเบียนเรียน กล่าวคือ ไม่ได้เปิดถี่และบ่อยเท่ากับโรงเรียนภาษาเอกชนที่อาจจะมีเปิดทุกสัปดาห์ บางแห่งก็ทุกเดือนค่ะ นอกจากนี้ค่าเรียนภาษาในมหาวิทยาลัยค่อนข้างแพงกว่าค่าเรียนภาษาในโรงเรียนเอกชน แต่แน่นอนว่า ประสิทธิภาพการสอน ที่เรียนภาษาของมหาวิทยาลัยอาจได้ชื่อว่า มีคุณภาพที่ดีกว่าค่ะ

      ถ้าน้องเปิดทุกชั่วโมง เพื่อรอคำตอบ พี่ขอแนะนำให้น้องเข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.educationusa.info/Thailand แล้วเลือกศูนย์ที่ใกล้บ้าน ไปคุยกับเจ้าหน้าที่เขาเพื่อวางแผนให้เป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าไหมคะ เว็บไซต์นี้เป็นของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา น่่าจะดูน่าเชื่อถือได้ค่ะ

      ส่วนน้องชายของน้องถ้าจะ drop การเรียนก็ต้องดูว่า เขาเรียนแล้วผลการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีติดเอฟ (F) จะดีมาก เพราะไม่เสี่ยงต่อการขอวีซ่าค่ะ เนื่องจากต้องเอา Transcript ไปให้กงสุลดูด้วยค่ะ

  • bell  On July 21, 2011 at 3:56 pm

    Kun Kwan ค่ะ อยากทราบว่าไปเรียนภาษาที่โน้นจะเรียนเป็นเร็วกว่าที่ไทยแค่ไหน แล้วเราสามารถเรียนมหาวิทยาลัยที่โน้นเลยได้ไหมค่ะ เราพื้นฐานแย่ไปเรียนได้จริงๆเหรอค่ะ

    Govisa ค่ะ เบล ควรบอกสถานทูตว่ายังดีค่ะเพราะเบลเรียนจบหางานทำใกล้ๆบ้านเพื่อรอเวลาไปอเมริกาเฉยๆ คือถ้าจะไปก็ลาออกเลยค่ะ อีกอย่างบอกว่าช่วยงานที่บ้านได้ไหมเพราะที่บ้านทำสวนกล้วยไม้ เป็นธุรกิจส่วนตัว แล้วน้องยังเรียนอยู่ ถ้าน้องด๊อปเรียนไปทางสถานทูตจะยอมให้วีซ่าไหม ถ้าน้องไม่ได้เบลต้องไม่ได้ไปด้วยไหมค่ะ แล้วไป 2 คนพ่อแม่ต้องมีเงินเท่าไรค่ะในบัญชี แล้วป้าออกค่าที่พักที่โน้นให้ อาหารการกิน ต้องให้ป้าทำอะไรบ้างค่ะ เอาไงดี เข้ามาดูคำตอบทุกชั่วโมงเลย เคลียดมากเลยค่ะ

  • Bell  On July 21, 2011 at 8:42 pm

    Do you have a telecode that represents your name คำถามนี้คืออะไรค่ะ ไม่เข้าใจเลยไม่รู้จะตอบถูกไหม

    Are you traveling as part of a group or organization?
    ท่านจะเดินทางเป็นกลุ่มหรือองค์กรค์หรือไม่

    ถ้าไปกับน้องชาย 2 คน จะต้องตอบว่า yes หรือ no ค่ะ
    มีป้าอยู่ที่อเมริกา ต้องเลือกความสัมพันธ์เป็นอะไรค่ะ
    – SPOUSE
    – FIANCE/FIANCEE
    – SIBLING

    พี่ govisa เงียบไปเลยเบลใจร้อยสุดๆ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On July 21, 2011 at 9:32 pm

      1. ความหมายของ telecode อยู่ในหน้าเว็บไซต์ http://travel.state.gov/visa/forms/forms_4401.html ซึ่งเขียนความหมายของ Telecode แปลว่า Telecodes are four-digit code numbers that represent characters in some non-Roman alphabet names. ชื่อคนไทยไม่น่าจะมีนะคะ ให้ตอบ No ค่ะ
      2. ถ้าไปกับน้องชายก็ตอบ yes ค่ะ
      3. เลือก sibling ค่ะ

  • Bell  On July 21, 2011 at 8:44 pm

    เบลล์เพิ่งเรียนจบ ทำงานกะที่บ้าน ต้องเลือกอาชีพอะไรค่ะ ไม่มีการจ้างงาน หรือธุรกิจส่วนตัวค่ะ

    • govisa  On July 21, 2011 at 10:20 pm

      ถ้าจะตอบว่าทำงานที่บ้าน เลือก Business ไป หน้าถัดไปถามชื่อที่ทำงาน ให้ใส่ชื่อ สวนกล้วยไม้ และ ที่อยู่ของสวนกล้วยไม้ไปค่ะ ส่วนเงินเดือนก็ตามความเหมาะสม โดยทั่วไปถ้ารับราชการ ปริญญาตรีก็ประมาณ 8,000 บาท ของเอกชนก็อยู่ระหว่าง 10,000-15,000 บาทต่อเดือนค่ะ

  • Nantharut  On July 21, 2011 at 9:29 pm

    ดิฉันได้เขียน email ไปที่ สถานฑูต ตามเนื้อหาข้างล่างนี้ แต่ยังไม่ได้คำตอบ เลยอยากทราบว่า จะสามารถพาคุณแม่ไปสัมภาษณ์ พร้อมกันได้มั้ยคะ????

    เนื่องจาก คุณแม่ และ ดิฉัน ไม่ได้มีชื่ออยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านเดียวกัน จึงได้ ยื่นขอ วีซ่า ผ่านทาง internet คนละชุด (ได้ไปซื้อ pin มา 2 ชุด) แล้วได้ register DS160 เรียบร้อยแล้วทั้งคู่ เต่ปัญหา คือ แค่ดิฉันเท่านั้นที่เพิ่งสามารถนัดวันสัมภาษณืกับทางสถานฑูตผ่านทาง internetได้ วันสัมภาษณ์ คือวันจันทร์ หน้า ที่ 25 กรกฏาคม 2544 หมายเลขยืนยันการนัดหมายขอวีซ่าชั่วคราวเลขที่ xxxxxxxxxxxxxxnbk ดิฉันจึงเขียนมาเพื่อขอความกรุณา จากทางสถานฑูต โดยขอให้มารดาของดิฉันได้เข้าไปสัมภาษณ์ ในวันและเวลาเดียวกัน
    คุณแม่ ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงมีคำนำหน้ายังเป็น นางสาวอยู่ค่ะ

    ขอความกรุณาช่วยให้การสัมภาษณ์ได้พร้อมกันด้วยค่ะ คุณแม่ไม่สามารถพูด เขียนภาษาอังกฤษได้ จะดีมากถ้าดิฉันสามารถพาท่านไปได้ในวันเดียวกัน เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและจะรอคำตอบจากท่านค่ะ

    • govisa  On July 21, 2011 at 11:19 pm

      คุณ Nantharut คะ คงต้องเขียนไปที่ visabkk@state.gov อีกครั้งค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่จะตอบทาง visabkk@state.gov อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ คนอื่นไม่สามารถตอบแทนได้เลยค่ะ เห็นใจคุณ Nantharut นะคะ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณแม่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ กงสุลจะมีเจ้าหน้าที่คนไทยช่วยเป็นล่ามแปลให้ค่ะ ที่สำคัญตอนนี้ คือ คิวนัดสัมภาษณ์หายากด้วยค่ะ

      • Nantharut  On July 23, 2011 at 6:48 am

        Thank you ka .I’m still waiting their reply but I don’t think they can reply this weekend.Anyway If i bring my mother together with me and they say they are not allow. Can my mother stay inside for waiting me until I finish the process? or she need to wait outside embassy? Pls advise ka.

      • govisa  On July 23, 2011 at 8:56 am

        น้อง Nantharut คะ ทางสถานทูตจะไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีรายชื่อว่า มีคิวนัดสัมภาษณ์ในวันนั้นเข้าไปข้างในได้เลยค่ะ ให้ยืนรอตั้งแต่ปากประตูทางเข้า ทั้งนี้ด้วยนโยบายการรักษาความปลอดภัยค่ะ ทีนี้ ถ้าเป็นคนอายุมากแล้วต้องมายืนรอ โดยประมาณก็น่าจะ 1 ชั่วโมงเสร็จ ยกเว้นวันไหนคิวสัมภาษณ์แน่นมากอาจต้องรอนาน 1 1/2 ถึง 2 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จค่ะ พี่คาดคะเนว่า คุณแม่ของน้องคงประมาณ 50 กว่าถึง 60 กว่าปี ถ้าสุขภาพแข็งแรงดี ยืนรอไหวก็คงจะต้องรอตรงบริเวณที่คนเข้าแถวรอเข้าไปสัมภาษณ์ค่ะ ถ้ายืนนานๆไม่ไหวก็คงต้องไปหาร้านขายอาหารหรือร้านกาแฟเล็กๆแถวนั้นนั่งรอค่ะ ฝั่งตรงข้ามในอาคารสินธร มีร้าน S&P นั่งรอได้ค่ะ แต่ปัญหา คือต้องเดินข้ามสะพานลอยไปนะคะ

    • viwow  On July 26, 2011 at 2:22 am

      K.Nantharut ka,

      มีปัญหาเดียวกัน
      รบกวนถามผลหน่อยสิค่ะว่าเค้ายอมให้เข้าพร้อมกันหรือไม่
      พ่อดิฉัน 80 ไม่กล้าเข้าไปคนเดียวซะด้วยสิค่ะ เฮ้อ นัด 3 คน 3 วัน เศร้าจริงๆ

      • govisa  On July 26, 2011 at 5:19 am

        คุณ Viwow คะ ย้ายชื่อคุณพ่อที่อายุ 80 ไปอยู่ทะเบียนบ้านเดียวกันกับคุณ Viwow ค่ะ

  • มุก  On July 21, 2011 at 11:05 pm

    รบกวนสอบถามคะ ร้อนใจมาก คือว่าทำการนัดวันสัมภาษณ์ไปแล้ว ทำให้เลข confirm ในระบบใบนัด ไม่ตรงกับเลข confirm ในใบสมัครนะคะ

    พยายามแก้ไขเลข confirm ในใบนัดแต่ก็แก้ไขไม่ได้ทำยังงัยดีคะ กังวลมากเลยเลยคะ
    ใกล้วันสัมภาษณ์แล้วด้วยคะ

    • govisa  On July 21, 2011 at 11:13 pm

      นำ DS-160 ทั้งเก่าและใหม่ไปยื่นด้วยกันค่ะ น้องมุก

  • Bell  On July 22, 2011 at 12:18 am

    ขอบคุณ พี่ govisa มากนะค่ะช่วยหนูได้มากทีเดียว ขอถามต่อนะค่ะ
    1. ถ้าเบลกรอก ds-160 ให้น้องชาย ตอนสุดท้ายต้องตอบว่าให้ผู้อื่นกรอกให้ ซึ่งไม่ใช่ตัวของน้อง คือเบลกรอกให้ ตอบ yes ใช่ไหมค่ะ แล้วจะมีผลต่อการผ่านวีซ่าไหม
    2. ถ้าเบลจะกรอกข้อมูลลงใน ds-160 เลือกอาชีพว่า (ไม่มีการจ้างงาน) แล้วบอกสาเหตุอื่น ว่าเพิ่งเรียนจบ แล้วต้องการพักผ่อนไปเที่ยวเยี่ยมญาติ แล้วจะกลับมาทำงานของตัวเองที่บ้านได้ไหมค่ะ
    3. น้องเบลจบ ปวส.แล้ว เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ปี.1 เพิ่งเรียนเทอมแรกอย่างนี้ต้องเอาใบจบเรียน ปวส. ไปวันสัมพาษณ์หรือป่าวค่ะ
    4. เบลกับน้องเบล นานสกุลเดียวกัน อยู่บ้านเดียวกัน สามารถจองวันสัมพาษณ์พร้อมกันกันได้เลยไหมค่ะหรือว่าต้องแยกกันค่ะ
    5. ถ้าเบลเขียนวันไปเดือนตุลาคม แต่เดินเรื่องไม่ทัน สามารถเลื่อนวันเดินทางได้ไหมที่ต่างจาดที่กรอกข้อมูลไว้
    6. ถ้าเรา ลงวันไป เดือนตุลาคม แล้ววีซ่าผ่าน แต่เราจะเปลี่ยนวันเดือนทางเป็นเดือน ธันวาคม สามารถเปลี่ยนได้เลยหรือว่าต้องไปสัมพาษณ์ใหม่ค่ะ

    ขอบคุณมากนะค่ะ

    • govisa  On July 22, 2011 at 5:28 am

      1. ตอบเป็นชื่อน้อง Bell ได้ค่ะ ไม่มีผลต่อการขอวีซ่าคะ
      2.ได้ค่ะ แต่พี่ขออกตัวก่อนว่า ไม่เกี่ยวกับคำตอบที่ว่า น้องจะได้รับหรือไม่ได้รับวีซ่าค่ะ เพราะพี่ได้อธิบายทุกอย่างให้ฟังแล้วค่ะ
      3.ต้องเอา transcript ปวส และจดหมายรับรองจากมหาวิทยาลัยว่ากำลังเรียนปี 3 หลักสูตรปริญญาตรีไปด้วยค่ะ
      4.จองพินเดียวกันได้ค่ะ
      5.เลื่อนวันเดินทางได้ค่ะ
      6. ไม่ต้องไปสัมภาษณ์ใหม่ ถ้าได้วีซ่าท่องเที่ยว B-2 วีซ่า จะมีอายุการใช้งานนาน 10 ปี หมายความว่า ในระยะเวลา 10 ปี จะเดินทางเข้าไปเที่ยวอเมริกาเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ

  • Bell  On July 22, 2011 at 12:23 am

    sponsor คือ เป็นเงินของพ่อแม่ค่ะ แต่ของป้าคือแค่ช่วยเรื่องที่อยู่ อาหารการกิน พาเที่ยวเท่านั้นค่ะ เพราะเอาบัญชีพ่อแม่ค้ำค่ะ ถ้าป้าช่วยออก แค่ค่ากินที่อยู่ จะต้องให้หรอกเอกสารอะไรอีกหรือป่าวค่ะ เพราะป้าไม่ได้เป็น sponsor คือเอาเงินพ่อแม่ค่ะ

    ป้าต้องมีเอกสารอะไรมาให้เบลบ้างค่ะ

  • เบียร์  On July 22, 2011 at 2:14 am

    สวัสดีค่ะ ดีใจมากเลยค่ะที่เจอเว๊บนี้ค่ะ
    พอดีกำลังสับสน และไม่เข้าใจเกี่ยวกับการขอวีซ่าเพื่อทำงานอ่ะค่ะ ขออนุญาติเล่าเลยนะค่ะ คือมีญาติลูกพี่ลูกน้องอ่ะค่ะ เปิดร้านอาหารไทยที่อเมริกา เวอร์จิเนีย สาขา 2 และให้เราไปช่วยงานบอกให้ใช้ from E-2 ใช่ไหมค่ะ แสดงว่านู๋จะต้องกรอกทั้ง DS160 กับ DS156E หรอค่ะคืองงๆๆ ที่พี่เค้าบอกอ่ะค่ะ เลยจะรบกวนถามหน่อย (ไม่กล้าถามพี่เค้าอ่ะค่ะ)
    1.สามีของนู๋เป็นคนทำ visa ไปทำงานในฐานะลูกจ้างที่ร้านอ่ะค่ะ แต่นู๋เป็นผู้ติดตามไปกับสามีแบบนี้จะต้องกรอก DS160 อันเดียวหรือว่าแยกกรอกแต่ละบุคคลค่ะ
    2.แล้วต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแค่คนเดียวใช่ไหมค่ะ (ต้องไปเสียค่าธรรมเนียมก่อนแล้วจึงจะเข้ามากรอกข้อมูลได้ใช่ไหมค่ะ)
    3.ส่วน DS156E นี้นู๋ต้องเป็นคนกรอกหรือว่าทางพี่ที่เป็นเจ้าของร้านเป็นคนกรอกอ่ะค่ะ
    4.แล้วถ้ากรอกข้อมูลเสร็จแล้วจะต้องจองนัดสัมภาษณ์เองหรือป่าวค่ะ เห็นพี่เค้าบอกว่าจะดำเนินการที่นู้น แล้วเรื่องถึงจะส่งมาให้ไปสัมภาษณ์วันไหน ใช่หรือป่าวค่ะ คือวันที่จะเดินทางไปถึง พี่เค้าระบุให้เป็น 15 กันยายน 2554 นี้อ่ะค่ะ นู๋เลยไม่เข้าใจ เพราะเค้าบอกแค่ว่าให้กรอกข้อมูลใน DS160 ให้เสร็จอ่ะค่ะ
    5.คือสามีไม่เคยขอวีซ่า และไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลย แต่ว่าของนู๋เคยขอวีซ่าเข้าอเมริกาไปเมื่อ 3 ปีก่อน เป็นวีซ่าท่องเที่ยวแต่ถูกปฏิเสธว่าไม่สามารถแสดงความผูกพันธ์อะไรประมาณนี้ค่ะ ตรงส่วนนี้นู๋จะต้องกรอกในแบบฟอร์มไหมค่ะว่าเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาก่อน เพราะว่านู๋เป็นผู้ติดตามสามีเฉยๆๆ เพื่อไปดูแลอ่ะค่ะ
    **** คืออ่านข้อมูลด้านบนแล้วแต่ไม่มีข้อมูลการขอวีซ่าแบบนี้เลยอ่ะค่ะ ยังไงรบกวนช่วยตอบให้นู๋ด้วยนะค่ะ นู๋จะได้ไปชำระค่าธรรมเนียม และรีบมากรอกฟอร์มอ่ะค่ะ คือไม่เข้าใจจริงๆๆอ่ะค่ะ ขอขอบพระคุณมากนะค่ะ ****
    ((( ยังไงพรุ่งนี้เช้า นู๋จะรีบมาเปิดดูเว๊บของพี่เลยนะค่ะ ต้องขอโทดจิงๆๆ ที่มาโพสตอนกลางคืน ดึกแบบนี้ค่ะ เพราะนอนไม่หลับไม่เข้าใจไม่รู้จะเริ่มตรงไหนอ่ะค่ะ )))

    • govisa  On July 22, 2011 at 5:35 am

      ขอตอบแบบรีบๆตอบไปก่อน เพราะต้องไปทำงานเหมือนกัน คือ กรอก DS 160 ต้องกรอกเป็นทีละคน ไม่สามารถกรอกด้วยกันในใบเดียวกันได้ค่ะ แต่เมื่อกรอกเสร็จ จะมีให้เลือกว่า จะกรอกของคนในครอบครัวเดียวกันต่อไหม ก็คลิกเลือกไป ข้อดีคือ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์บางข้อความ เช่น พวกที่อยู่ใหม่เท่านั้นเอง เพราะมันจะขึ้นมาให้ว่า ที่อยู่เดียวกัน แต่ถ้าจะกรอกใหม่ไม่เกี่ยวกับกรอกแบบครอบครัวก้ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ ส่วนค่าธรรมเนียมวีซ่าคิดเป็นรายคน ดังนั้นต่างคนต่างเสียค่ะ ส่วนรายละเอียดอื่นๆขอกลับมาตอบทีหลังเพราะน้องเคยเบียร์เคยถุกปฏิเสธวีซ่า จึงค่อนข้างจะมีปัญหานิดหน่อย คือ ควรเตรียมเอกวารและเตรียมตัวตอบคำถามให้ดีเพื่อให้ผ่านวีซ่าค่ะ อย่ากังวลเรื่องกรอก Ds-160 กรอกผิดกรอกใหม่ได้ ตราบใดที่เรายังไม่ได้เอาหมายเลขนั้นไปนัดสัมภาษณ์ค่ะ

      • govisa  On July 24, 2011 at 9:07 pm

        @น้องเบียร์ เพิ่มเติมสำหรับวีซ่า E-2 นะคะ บอกสามีของน้องด้วยว่า ขอจดหมายผ่านงานที่ทำในตำแหน่งพ่อครัวจากที่อื่นๆในเมืองไทย (จะมีกี่ที่ทำงานก็ขอไปให้หมดทุกที่ค่ะ) ไปแสดงให้กงสุลดูด้วยค่ะ เมื่อกรอกฟอร์ม DS-160, ฟอร์ม DS156E เสร็จแล้วให้ซื้อ Pin นัด แต่ไม่ต้องทำนัด นำเอกสารคือ DS-160, DS-156E, จดหมายผ่านงานพ่อครัวที่เมืองไทย , จดหมายที่นายจ้างในสหรัฐจะว่าจ้างสามีน้องเบียร์เข้าทำงาน , Pinนัดสัมภาษณ์ , ค่าธรรมเนียมวีซ่าจ่ายที่ไปรษณีย์จำนวนหมื่นกว่าบาท หรือ 390 US$ ค่ะ นำเอกสาที่กล่วมาทั้งหมดเข้าไปยื่นให้เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพ แล้วทางสถานทูตจะมีอีเมล์เรียกเข้าสอบไปสัมภาษณ์อีกทีค่ะ

    • govisa  On July 22, 2011 at 11:00 pm

      น้องเบียร์คะ แน่ใจนะคะว่าญาติที่อเมริกาให้ขอวีซ่า E-2 น้องสามารถหารายละเอียดอ่านได้ที่ http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1273.html วีซ่าประเภท E-2 คือวีซ่าการลงทุน ถ้าไม่ได้จะไปลงทุน ก็ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ “The investor must be coming to the U.S. to develop and direct the enterprise. If the applicant is not the principal investor, he or she must be employed in a supervisory, executive, or highly specialized skill capacity. Ordinary skilled and unskilled workers do not qualify.” ค่าวีซ่า คือ 390 เหรียญ” E – Treaty Trader/Investor, Australian Professional Specialty category visa: $390.00 “เอกสารที่ต้องใช้คือ ” Each applicant for a treaty investor (E-2) visa must submit these forms and documentation, as explained below.

      Online Nonimmigrant Visa Electronic Application, Form DS-160. Visit our DS-160 webpage to learn more about the DS-160 online process.
      Nonimmigrant Treaty Trader/Treaty Investor Application, Form DS-156E, completed and signed, if you are an Executive/Manager/Essential Employee.
      A passport valid for travel to the U.S. and with a validity date at least six months beyond the applicant’s intended period of stay in the U.S. (unless country-specific agreements provide exemptions). If more than one person is included in the passport, each person must complete a Form DS-160 application.
      One (1) 2×2 photograph. See the required photo format explained in Photograph Requirements.”
      ทั้งหมดนี้ พี่ได้ copy มาจากเว็บไซต์ที่ให้ข้างต้นค่ะ ส่วนคู่สมรสก้จะได้ derivative E visa
      ” Family Members
      Spouses and unmarried children under 21 years of age, regardless of nationality, may receive derivative E visas in order to accompany the principal visa holder. The spouse of an E visa holder may apply to DHS for employment authorization. Dependent children of an E visa holder are not authorized to work in the U.S.”
      ถ้าน้องเข้าไปตามเว็บที่พี่บอกไว้ จะเข้าไปคลิกแบบฟอร์ม DS-156E ได้เลยค่ะ หรือจะ Print เองจากเว็บไซต์ต่อไปนี้ คือ http://www.state.gov/documents/organization/79963.pdf ก็ได้ค่ะ ส่วน DS-160 กรอกได้ที่ https://ceac.state.gov/genniv/ ค่ะ ถ้ามีข้อสงสัยในการกรอก เขียนมาถามได้ค่ะ ถ้าน้องเคยถูกปฏิเสธวีซ่า เวลากรอกฟอร์ม DS-160 ต้องพูดความจริง เพราะกงสุลเขามีบันทึกของคนที่เคยขอวีซ่าทุกคน ดังนั้นน้องกรอกวันที่ที่ไปยื่นแล้วถูกปฏิเสธด้วย หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จ ให้เข้าไปนัดสัมภาษณ์ได้เองที่ http://thailand.usembassy.gov ค่ะ

  • เบียร์  On July 22, 2011 at 10:41 am

    ขอบคุณมากเลยนะค่ะ แล้วยังไงนู่จะรอคำตอบนะค่ะที่เหลือ ขอบคุณค่ะ

  • bell  On July 22, 2011 at 11:37 am

    sponsor คือ เป็นเงินของพ่อแม่ค่ะ แต่ของป้าคือแค่ช่วยเรื่องที่อยู่ อาหารการกิน พาเที่ยวเท่านั้นค่ะ เพราะเอาบัญชีพ่อแม่ค้ำค่ะ ถ้าป้าช่วยออก แค่ค่ากินที่อยู่ จะต้องให้หรอกเอกสารอะไรอีกหรือป่าวค่ะ เพราะป้าไม่ได้เป็น sponsor คือเอาเงินพ่อแม่ค่ะ

    ป้าต้องมีเอกสารอะไรมาให้เบลบ้างค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

    • Kun Kwan  On July 22, 2011 at 4:29 pm

      – ตอบน้อง Bell ครับ น้องไปเที่ยวเฉย ๆ ใช่ไหมครับ งั้นก็ใช้สเตทเมนท์ ของผู้ปกครองพ่อหรือแม่ ก็พอครับ
      – ส่วนการที่มีป้าอยู่ที่นั่น ตอนกรอกเอกสาร Ds160 เค้าจะถามว่ามีญาติอยู่ที่Usa ไหมน้องก็ใส่รายละเอียดไปครับ ตามความจริง (เดี๋ยวตอนสัมภาษณ์กงศุลเค้าจะถามเอง ถ้าเค้าสงสัย เค้าพิมพ์ชื่อป้าน้องไปเค้าก็รู้แล้วครับว่าทำอะไรอยู่ที่ Usa)
      – ความจริงแล้วป้าน้องสามารถเขียนจดหมายรับรองว่าน้องไปพักอาศัยกับเค้าได้ ในทริปนี้ (ชื่อเอกสารตัวนี้ขื่ออะไร ต้องให้พี่ Govisa ตอบ พี่จำไม่ได้) แต่จากการที่พี่เข้าไปสัมภาษณ์จริง กงศุลเค้าไม่ดูจดหมายรับรองของพี่ และไม่ดูสเตทเมนท์ เลยครับ ตรงนี้ไม่รู้ว่าจะเหมือนกันทุกคนหรือป่าวนะครับ

      • govisa  On July 22, 2011 at 10:04 pm

        ถูกต้องค่ะ น้อง Kun Kwan แต่ละ case อาจจะมีความแตกต่างกันบ้างเล้กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสารหรือวิธีการตั้งคำถามสัมภาษณ์ตัวผู้ยื่น ผู้ยื่นก็ควรจะลองศึกษา case ต่างๆที่มีอยู่ใน blog นี้แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตนเองค่ะ ไปเรียนภาษาที่ Georgia Tech หรือที่ไหนคะ แถวนั้นมีร้านอาหารไทยเยอะพอสมควร คงไม่คิดถึงอาหารไทยมากค่ะ

  • Bell  On July 22, 2011 at 8:04 pm

    พี่ govisa ค่ะรบกวนหน่อยนะค่ะ เบลล์อาจจะถามเยอะ คือเป็นครั้งแรกจริงๆค่ะ ตื่นเต้นด้วย ยังไงช่วยตอบเบลด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
    ขอบคุณค่ะ คุณKun Kwan
    1. เบลล์ ให้ พ่อกับแม่เป็น sponsor ค่ะ ต้องโอนเงินของพ่อแม่มาอยู่ใน บัญชีเราหรือป่าวค่ะ เช่นแม่ให้ 3 แสนก็โอนจาก บัญชีแม่มาเข้าบัญชีเบล หรือว่าไม่ต้องโอนมาแต่เอา สเตทเมนท์ ของพ่อและแม่มาให้กงสุน ดูค่ะเพราะบัญชีเบยลมีเงินไม่ประมาณ หมื่นกว่าบาทเองค่ะ คือยังไงเบลไม่เข้าใจตรงนี้ค่ะ
    2. ใบรับรอง การเป็นนักศึกษา ใบผลการศึกษา จำเป็นต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นหรือป่าวค่ะ
    3. จดหมาย เชิญของ ป้า ที่อยู่อเมริกา ปรินจาก e-mail ได้ไหมค่ะ หรือต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้นค่ะ จะได้ให้เขียนส่งจดหมายมาค่ะ

    • govisa  On July 22, 2011 at 9:39 pm

      น้อง Bell คะ
      1. ไม่ต้องโอนเงินคุณพ่อกะคุณแม่มาเข้าบัญชีน้องค่ะ ใช้ statement ของพ่อแม่ไปค่ะ
      2. ใบรับรองจากสถานศึกษาออกเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมหาวิทยาลัยในเมืองไทยมีแบบฟอร์มออกให้ได้ค่ะ
      3. จดหมายเชิญควรเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ดูเป็นทางการไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ

      ส่วนคำว่า เอกสารที่น้อง Kun kwan ตอบน้อง พี่คิดว่า น่าจะหมายถึงชื่อเรียกจดหมายเชิญเป็นภาษาอังกฤษมั๊งคะ คือ Invitation letter ค่ะ ถ้าน้องเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาตามที่คัดลอกมาให้ดู http://travel.state.gov/visa/frvi/denials/denials_1361.html จะเขียนไว้ว่า
      ” HOW CAN I HELP?
      You may provide a letter of invitation or support. However, this cannot guarantee visa issuance to a foreign national friend, relative or student. Visa applicants must qualify for the visa according to their own circumstances, not on the basis of an American sponsor’s assurance.” เพื่อเป็นการยืนยันว่า จดหมายเชิญเป็นแค่ส่วนประกอบ ไม่ได้เป็นการการันตีว่า ถ้ามีจดหมายเชิญแล้ว จะได้วีซ่าทุกคนค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับหลักฐานอื่นๆด้วย เช่นจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณพ่อคุณแม่ และกรณีนี้คงจะเป็นวิธีการตอบคำสัมภาษณ์ของน้องด้วยค่ะ คือ ต้องมีความชัดเจนว่า จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง แล้วก็ไป 3 เดือนนานเกินไป น่าจะกรอกในแบบฟอร์มว่า ไปเดือนเดียวก็พอค่ะ เพราะ Sponsor น้องต้องเป็น Sponsor ให้ 2 คน คือ ตัวน้องเองและน้องชาย แล้วคุณป้าอยู่เมืองอะไรคะ ที่พี่ถาม เพราะมันเป็นสิ่งที่บอกได้ว่า sponsor ควรมีเงินมากหรือน้อย เพราะถ้าเป็นรัฐที่ค่าครองชีพแพง เช่น New York คุณพ่อคุณแม่ควรมีเงินในบัญชีเป็นเลขหลักล้านค่ะ

  • Bell  On July 22, 2011 at 8:06 pm

    พี่ govisa พี่ Kun Kwan

    เค้าหมายถึงเอกสารอะไรเหรอค่ะ

  • Bell  On July 23, 2011 at 6:47 am

    ขอบคุณ พี่ govisa มากนะค่ะ
    คือ 3 เดือนต้องไม่ได้แน่ๆเลยเหรอค่ะ คิดประมาณเดือนละ 1 แสนได้ไหมค่ะ 2 คนก็ 6 แสน เมืองที่ป้าอยู่ GREENFIELD ROAD ,CHAPEL HILL ค่ะ คือเบลขอ 3 เดือนถ้าได้ 1 เดือนทางสถานทูตจะถามบอกว่าให้ไปแค่ 1 เดือน หรือว่าขอ 3 เดือนไม่ได้ก็ไม่ให้เลยค่ะ

    เพราะถ้าเขาบอกว่าเราไปได้กี่เดือน จะได้ลองขอ 3 เดือนก่อนค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On July 23, 2011 at 9:29 am

      น้อง Bell คะ ที่พี่แนะนำว่า ให้เขียนขอ 1 เดือน เพราะเวลาที่น้องได้วีซ่านักท่องเที่ยวจากสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพ วีซ่า B-2 จะมีอายุการใช้งานนาน 10 ปีค่ะ (แต่สำหรับเด็กๆที่เพิ่งขอวีซ่านักท่องเที่ยวครั้งแรก และ ผู้ปกครองแสดงเงินในบัญชีไม่มาก อาจพบว่าได้วีซ่า 5 ปีก็มีนะคะ) คือ ไม่ต้องขอวีซ่านักท่องเที่ยวอีกในช่วงระยะเวลา 10 ปี จะไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ ดังนั้นถ้าน้องขอจำนวนน้อยวันไว้ก่อน น่าจะดูเหมาะสมกว่าว่า เราไปเที่ยวค่ะ เพราะ 3 เดือน รัฐ North Carolina ก็ไม่มีอะไรใหท่องเที่ยวมากนัก ทีนี้ถ้าจะไปเที่ยวเมืองอื่นๆใน 3 เดือนก็ต้องใช้เงิน กงสุลก็คงจะคาดคะเนดูว่า เรามีเงินเท่าไร จะเพียงพอต่อการเดินทางไปท่องเที่ยวรัฐอื่นๆในสหรัฐอเมริกาไหม ที่บอกว่าป้าจะรับผิดชอบเรื่องที่พักกับอาหาร คงหมายถึงเฉพาะในเมือง Chapel Hill การไปเที่ยวเมืองอื่นๆ จะต้องมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ บริการยานพาหนะที่จะใช้ในการเดินทาง เพราะแต่ละเมืองอยู่ไกลกันมาก ค่าโรงแรม ค่าอาหาร ค่าผ่านประตูเข้าไปชมแต่ละสถานที่ ฯลฯ ส่วนถ้าคิดว่า จะไปเรียนภาษา ก็คงต้องดูว่า มีที่เรียนภาษาใน Chapel Hill ที่จะรับนักเรียนที่มีวีซ่านักท่องเที่ยวไหม เพราะตามกฎหมายเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา โรงเรียนภาษาจะรับนักเรียนเข้าเรียนเฉพาะผู้ถือวีซ่านักเรียน หรือ F-1 เท่านั้นค่ะ จะไม่รับผู้ที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าเรียนค่ะ โรงเรียนภาษาที่ดีๆก็กลัวถูกปิดโรงเรียนเหมือนกัน ถ้ารับวีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาเรียน เพราะไม่ถูกต้องตามกฎหมายค่ะ อาจจะมีน้อยโรงเรียน (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนภาษาเอกชน) ที่อาจรับวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าไปเรียนโดยมีจำนวนชั่วโมงการเรียนต้องน้อยกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ค่ะ จึงขอให้น้องเช็คดูด้วยว่า ภายในเมือง Chapel Hill จะมีที่เรียนภาษาที่สามารถรับผู้ที่มีวีซ่านักท่องเที่ยวได้ไหมค่ะ

      อนึ่ง น้องจะถูกซักถามอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องระยะเวลาที่จะเข้าไปพำนักในสหรัฐอเมริกาด้วยว่าจะอยู่นานเท่าไร ก็ตอนที่ถูกสัมภาษณ์ที่สนามบินในสหรัฐอเมริกา เมื่อเวลาเดินทางไปถึงที่สหรัฐอเมริกาแล้ว เขาจะถามว่า น้องจะมาอยู่นานเท่าไร ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ค่อยตอบ 3 เดือน ซึ่งตอนนั้นน้องคงต้องหาเหตุผลเอาเอง ทำไมถึงมาอยู่นาน มีแผนการจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างใน 3 เดือนค่ะ เพราเขาก็คงกลัวว่า น้องจะแอบไปทำงานค่ะ

  • Kun Kwan  On July 23, 2011 at 2:30 pm

    น้อง Bell ครับเอกสารที่คุณอาพี่เขียนมาให้คือ I -134,Affidavit of support
    เป็นเอกสารที่พี่ยื่นประกอบไปด้วย แต่เค้าก็ไม่ได้สนใจเท่าไรครับ

  • govisa  On July 23, 2011 at 2:41 pm

    ขอบคุณพี่ GOVISA มากเลยค่ะ สำหรับคำแนะนำ ตอนนี้พยายามจองคิวนัดสัมภาษณ์ ไม่ได้เลยค่ะ จะเดินทางกันยายนนี้แล้ว
    พรรณี

  • orakarn  On July 23, 2011 at 4:50 pm

    คุณgovisa คะ กรุณาแนะนำหน่อยนะคะ คือสามีได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยไปดูงานประมาณ 10 วัน และจะเที่ยวต่ออีก2-3วัน ดิฉันตามไปเที่ยวด้วยและมีชื่อในเอกสารเชิญด้วย เช่นนี้ขอแบบB1 หรือ B2 ในอีก2-3ปีจะไปเที่ยว USA อีก เคยได้ visa 10 ปีแต่หมดอายุไป4ปีแล้วค่ะ ตอนที่ได้10ปีก็ไป 2 ครั้ง กรุณาแนะนำด้วยค่ะ

    • govisa  On July 24, 2011 at 12:50 pm

      คุณ Orakarn คะ ของสามีขอแบบ B-1 คุณ Orakarn ขอแบบ B-2 แล้วก็ใช้ Pin นัดสัมภาษณ์เดียวกันได้ คิวนัดสัมภาษณ์ B-1 มีมากกว่าคิวนัดสัมภาษณ์ B-2 ค่ะ คิดว่า คุณ Orakarn คงผ่านวีซ่าไม่น่ามีปัญหาใดๆค่ะ เพราะคุณ Orakarn เคยมีวีซ่าแล้วค่ะ

  • bell  On July 23, 2011 at 5:24 pm

    แล้วเบลล์จะให้เหตุผลว่า มาเยี่ยมป้ามาอยู่ช่วยทำงานบ้านป้าพร้อมกับท่องเที่ยวบ้างด้วย ได้ไหมค่ะในระยะเวลา 3 เดือนหรือต้องขอแค่ 1 เดือนค่ะ

  • bell  On July 23, 2011 at 5:27 pm

    พี่ GOVISA ค่ะในเมือง Chapel Hill มีอะไรให้เที่ยวบ้างค่ะ เอาไงดี

  • bell  On July 23, 2011 at 5:34 pm

    พี่ GOVISA
    – ที่เมือง Chapel Hill มีที่เที่ยวอะไรบ้างค่ะ
    – แล้วถ้าเบลล์บอกว่า ไปเยี่ยมป้า และช่วยงานบ้านป้าด้วย เที่ยวด้วย ได้ไหมค่ะ
    ถ้า กงสุน บอกว่านานไป เข้าจะไม่ให้ผ่านเลย หรือว่าจะกำหนดให้เราเองค่ะ

    • govisa  On July 24, 2011 at 12:46 pm

      ลองดูที่เว็บนี้ค่ะ Bell http://www.ci.chapel-hill.nc.us/ และ http://www.tripadvisor.com/Attractions-g49021-Activities-Chapel_Hill_North_Carolina.html

      ถ้าบอกว่า ไปเยี่ยมป้า ก็ได้ค่ะ แต่ไปช่วยงานบ้าป้าไม่ค่อย make sense นะคะ เพราะงานที่บ้านป้าไม่น่าจะมีอะไรมาก เนื่องจากป้าเป็นพยาบาล เพราะฉะนั้นคงเป็นงาน clean บ้านให้ป้ามากกว่าค่ะ ถ้ากงสุลไม่ให้ผ่านวีซ่า แปลว่าวีซ่าถูกปฏิเสธ แปลว่า Bell เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาไม่ได้ค่ะ

  • อารี  On July 23, 2011 at 6:00 pm

    อยากทราบว่าหลักฐานเอกสารทุกอย่างที่เตรียมไปวันสัมภาษณ์นั้นต้อง นำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดหรือไม่ค๊ะ เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนการค้า อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ ช่วยตอบด้วยนะค๊ะขอบพระคุณค่ะ

    • govisa  On July 24, 2011 at 12:39 pm

      ไม่ต้องแปลเอกสารที่คุณอารีถามมาค่ะ บัตรประชาชนไม่ได้ใช้ตอนยื่นขอวีซ่านะคะ เอกสารที่ควรนำไปแปลเช่น ใบเปลี่ยนชื่อ หรือ เปลี่ยนนามสกุลค่ะ ใบทะเบียนการค้าไม่ต้องแปล ใบทะเบียนสมรสก็ไม่ต้องแปลค่ะ ผู้ที่ต้องแปลใบทะเบียนสมรส คือ ผู้ที่จะขอวีซ่าประเภทอื่น เช่น ติดตามคู่สมรสไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกาเป็นต้น แต่ถ้าคุณอารีจะขอวีซ่านักท่องเที่ยว ไม่ต้องแปลใบทะเบียนสมรสค่ะ

  • Bell  On July 23, 2011 at 6:26 pm

    พี่ govisa กรณีเบลล์ต้องกรอก I -134,Affidavit of support ไหมค่ะ เริ่ม งง มันคืออะไรกรอกที่ไหน ไป 3 เดือนต้องมีเงินประมาณเท่าไรค่ะ 2 คนได้เตรียมกะถูกค่ะ

    ขอโทษด้วยนะค่ะที่ถามบ่อยและเยอะ คอมที่ทำงานเป็นอะไรไม่รู้เม้น 2ครั้งเลย ทำให้พี่ลำคาญ

    • govisa  On July 24, 2011 at 11:52 am

      น้อง Bell คะ ที่พี่แนะนำว่าให้กรอก I-134 หมายความถึงกรณีที่น้องจะใช้ Sponsor เป็นคนที่มีถิ่นฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกา คือ คุณป้าที่เป็นพยาบาล พี่จึงได้แนะนำในเวลาต่อมาว่า อย่าใช้คุณป้าเลย ถ้าเงินในบัญชีคุณพ่อคุณแม่มีมากพอสมควรที่จะเป็น Sponsor ให้ตัว Bell และน้องชาย เพราะการใช้ Sponsor เป็นคนที่อยู่ในอเมริกามีเงื่อนไขมากพอสมควรเลย คือ Sponsor ในอเมริกา ต้องมี 1.หลักฐาน I-134, ใบรับรองรายได้ ,ใบรายการชี้แจงการเสียภาษี, จดหมายรับรองการทำงานของ Sponsor ในอเมริกา(แค่อ่าน sponsor บางรายจะรู้สึกว่า ทำไมถึงต้องใช้เอกสารมากมายแบบนี้ค่ะ แต่ถ้าน้องยังคงยืนยันใช้ป้า ก็เตรียมเอกสารดังกล่าวด้วยค่ะ) 2. เงื่อนไขความผูกพันและความสัมพันธ์ระหว่าง Bell กับป้าดูที่ว่า น้ำหนักความน่าเชื่อถือเรื่องหลักฐานความผูกพันระหว่างตัวผู้ยื่นขอวีซ่าคือ Bell ว่ามีความผูกพันกับเมืองไทยจะไม่มากเท่ากับที่ Bell จะใช้ sponsor เป็นพ่อแม่ตัวเองซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในเมืองไทยค่ะ

      ถ้าจะไป 2 คน คุณพ่อคุณแม่ควรมีเงินในบัญชีเป็นเลขหลักล้านจะดูดีกว่าค่ะ ทางสถานทูตจะได้มั่นใจหน่อยว่า น้องคงไม่ไปหางานทำที่เมืองนอกค่ะ

      เวลาน้อง Bell ขอวีซ่า น้องขอที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพ ไม่ได้ขอที่สถานทูตไทยค่ะ

      การที่พี่แนะนำว่าให้ขอไป 1 เดือนก่อน เพราะ พี่มองจุดที่ว่า เมื่อได้รับหนังสือเดินทางที่มีตราประทับวีซ่ากลับคืนมา น้องจะได้วีซ่านักท่องเที่ยวโดยทั่วไปก็ 10 ปี ส่วนน้องจะไเที่ยวเมื่อไร ไปเที่ยวนานแค่ไหน สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพไม่ได้เข้าไปดูข้อมูลอะไรของน้อง ยกเว้น ถ้าวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาของน้องหมดอายุ แล้วจะต้องขอวีซ่าใหม่ เมื่อกรอกฟอร์มขอวีซ่าใหม่ จะมีคำถามว่า เคยไปสหรัฐอเมริกาเมื่อไร และอยู่นานกี่วัน ตอนนั้นค่อยรายงานสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพค่ะ และที่แนะนำว่าให้ขอ 1 เดือนไปก่อน เพราะพี่กลัวว่าน้องจะขอวีซ่าไม่ผ่าน ถ้าน้องขอไปเที่ยวโดยอยู่นานๆค่ะ เพราะในการสอบสัมภาษณ์ เขาคงจะถามว่า น้องจะไปเที่ยวที่ไหน มีแผนการอย่างไรตลอด 3 เดือนที่ขอค่ะ แต่ถ้าน้องรู้ น้องมีแผนการ น้องจะขออยู่นาน 3 เดือน ก็เป็นสิทธิของน้องค่ะ

      ส่วนที่ด่านกองตรวจเข้าเมืองที่สหรัฐอเมริกา เมื่อเดินทางทางเครื่องบินบินเข้าไปถึงสหรัฐอเมริกาแล้ว พี่ได้ทิ้งท้ายคำตอบไว้ว่า ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองอีกในการตอบคำถาม ถ้าเขาถามน้องว่า น้องจะมาอยู่นานแค่ไหน น้องจะตอบ 1 เดือน 2 เดือน หรือ 3 เดือน ก็ให้น้องใช้วิจารณญาณของน้องเองค่ะ เพราะโดยปกติถ้าเราตอบว่า 1 เดือน มันพอมีความเป็นเหตุเป็นผลอยู่นะว่า จะไปไหนบ้างในช่วง 1 เดือน เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่ตรงจุดไหนในสหรัฐอเมริกา มีแต่รายจ่าย เช่น ค่าเดินทางและค่าอื่นอีกจิปาถะตามที่เคยเขียนไปให้น้องอ่านค่ะ ช่วง 3 เดือนจึงดูนานค่ะ และต้องใช้เงินเยอะ ส่วนน้องชายที่บอกว่ายังเรียนอยู่ ก็ดูเหมือนว่า เขาควรจะต้องกลับมาลงทะเบียนเรียนต่อที่เมืองไทย ตามที่ควรจะเป็นค่ะ ดังนั้น ถ้าน้องตอบว่า จะอยู่นาน 3 เดือน มันก็อาจจะมีคำถามตามมา หรืออาจะจะไม่มี พี่ไม่สามารถคาดเดาใจเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาได้ค่ะ แต่ถ้ามี น้องก็ต้องสามารถตอบเองได้ว่า น้องมีแผนการจะไปเที่ยวที่ไหน หรือเที่ยวอย่างไรในสามเดือนค่ะ ส่วนเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่ออยู่ที่เขาว่า เขาจะประทับตราเข้าเมืองให้น้องอยู่ได้นานเท่าไร พี่เคยพบคนรู้จักที่ได้รับการประทับตราให้อยู่ในสหรัฐอเมริกาได้นานเพียง 1 เดือนก็มีทั้งๆที่เจ้าตัวอยากอยู่นานกว่านั้น 3 เดือนก็มี และ 6 เดือนก็มี แต่ไม่เคยเห็นคนได้เกิน 6 เดือน ค่ะ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินเวลาน้องซื้้อ หลังจากที่น้องได้วีซ่าแล้ว น้องจะบอก agency ว่า จองวันกลับไว้ 3 เดือนมันก็ได้อยู่นะ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง stamp ให้อยู่ได้เดือนเดียว น้องก็ต้องเปลี่ยนตั๋ว เลื่อนวันกลับให้ตรงตามที่ immigration stamp วันที่ไว้ก็เท่่านั้นเองค่ะ ส่วนคนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาจะมีคำแนะนำให้ไปทำเรื่อง extend การอยู่ออกไป พี่ขอแนะนำว่า ควรปรึกษาทนายความทางอเมริกาแล้วทำให้ถูกต้อง เพราะเคยมีคนทำผิดพลาด เมื่อกลับมาขอวีซ่านักท่องเที่ยเข้าไปสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง หลังจากวีซ่าหมดอายุ คนๆนั้นถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า เคยอยู่ overstay ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปีคศ. นั้น คศ.นี้ค่ะ

  • Bell  On July 23, 2011 at 8:27 pm

    พี่ govisa ค่ะ คือตอนกรอกขอ วีซ่า ให้ขอ 1 เดือนไปก่อน แล้วพอไปถึงสนามบินในสหรัฐอเมริกา เมื่อถูกสัมภาษณ์ ให้บอกว่าขออยู่ 3 เดือนได้เหรอค่ะ

    ถ้าตอนแรกแจ้งกับสถานทูตไทยว่าไปแค่ 1 เดือน แล้วไปถึงโน้น เลื่อนวันกลับได้เหรอค่ะ ยังไงค่ะ งง

  • Bell  On July 24, 2011 at 11:55 am

    พี่ govisa ค่ะ เงินประมาณ 1 ล้าน 6 แสน ไปกะน้อง 2 คนค่ะ มีออมทองอยู่ประมาณ 2 หมื่น เงินในบัญชีเบล 2 หมื่น พอจะขอ 3 เดือนผ่านไหมค่ะ เข้าใจนะค่ะไม่มีใครรู้แต่ขอประมาณให้หน่อยค่ะจากประสบการณ์ เพราะเบลอยากไป 3 เดือนค่ะ รอคำตอบอย่างใจจด ใจจ่อ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On July 24, 2011 at 8:07 pm

      เรื่องบัญชีเงินฝากที่ถามมา น้อง Bell คะ ก็น่าจะโอเคนะคะ

  • king  On July 24, 2011 at 8:14 pm

    สวัสดีคะ มีเรื่องสอบถามอีกคะ ทำไมเวลากรอกข้อมูลในds 160 ข้อมูลไม่เหมือนกัน ของเพื่อนมีให้กรอกว่าเคยไปที่ไหนมาบ้างนอกเหนือจากไปอเมริกา แต่ของตัวเองเวลากรอกไม่มีถามแบบนี้ ทั้งที่ใช้คอมเครื่องเดียวกันกรอก แล้วอย่างนี้ของใครถูกคะ

    • govisa  On July 24, 2011 at 9:12 pm

      @ น้อง King ถ้าทำงานแล้ว จะมีหัวข้อให้กรอเกี่ยวกับชื่อที่ทำงานด้วยค่ะ ประมาณว่า อยู่ต่อจากกรอกชื่อพ่อชื่อแม่ค่ะ แต่ถ้าไม่มีก็อาจเป็นไปได้ว่า น้อง King เคยมีวีซ่าไปสหรัฐอเมริกาแล้วหรือเปล่าคะ ก็อาจจะมีบันทึกตรงจุดประวัติการทำงานแล้วค่ะ

  • bell  On July 25, 2011 at 1:38 pm

    พี่ govisa คือขอ แค่ 1 เดือนแต่ไปเที่ยวจริง ขอเป็น 3 เดือนก็ได้ใช่ไหมค่ะเพราะตอนเราไปเราต้องไปบอกก่อนเขาเมืองว่าให้อยู่ได้ถึง 3 เดือนไหม ถ้าไม่ได้ก็เลื่อนตั๋วเอาไม่มีผลใช่ไหมค่ะ ว่าเราขอวีซ่าแค่ 1 เดือนแต่ทำไหมไปจริงซื้อตั๋ว 3 เดือน

    • govisa  On July 25, 2011 at 9:41 pm

      น้อง Bell ตอนยื่นขอวีซ่าจะบอกว่า เดินทางวันที่เท่าไร แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงวันที่เดินทางภายหลังก็ย่อมทำได้ หรือจะบอกว่าไปเที่ยว 15 วัน แต่ไปเที่ยวจริงอาจจะไป 20วันก็ได้ค่ะ ส่วนตั๋วเครื่องบินจะซื้้อไป 3 เดือนก็ได้อีกค่ะ เพราะตั๋ว 3 เดือนจะราคาถูกกว่า ตั๋ว 1 ปี ส่วนอิมมิเกรชั่นจะประทับตราในหน้าหนังสือเดินทางให้เราอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการตอบคำถามเวลาเขาสัมภาาษณ์เรา หรือ เขาอาจจะขอดูเอกสาร เช่น แผนการไปเที่ยว ฯลฯ ถ้าถามว่าจะให้อยู่ได้ 3 เดือนไหม พี่ไม่ทราบ โดยปกติวีซ่าท่องเที่ยวก็ควจจะได้ stamp ประมาณ 3 เดือน แต่ก็อย่างที่บอกไป บางคนโชคไม่ดี ได้แค่เดือนเดียวก็มี ก็ต้องไปเลื่อนวันกลับที่อยู่บนตั๋วเครื่องบินที่เอเจนซี่ขายตั๋วในอเมริกา หรือบางคนอาจจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขทางอินเทอร์เน็ต การเลื่อนตั๋วถ้าไม่ใช่ช่วงพี่คก็จะหาที่นั่งไม่ยากค่ะ

  • พรรณภา  On July 25, 2011 at 8:46 pm

    พอดีวางแผนจะไปเที่ยวอเมริกาเพราะมีเพื่อนอยู่ที่โน่นโดยเพื่อนจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในระหว่างที่เราเที่ยวอเมริกาในระยะเวลาหนึ่งเดือนไม่ทราบว่าจะต้องให้เพื่อนเรากรอกเอกสารการเป็นสปอนเซอร์ให้เราพร้อมกับส่งจดหมายเชิญด้วยมั๊ยค่ะ

    • govisa  On July 25, 2011 at 10:05 pm

      คุณพรรณภาคะ อยากจะแนะนำว่า ง่ายๆเลยสำหรับผู้ที่ยื่นขอวีซ่านักท่องเทียวทั้งหลายว่า ถ้าทำงานได้ระยะหนึ่งมีเงินเก็บพอสมควรประมาณ 4-5 แสนบาท ก็น่าจะใช้บัญชีตัวเองยื่นขอวีซ่าดีกว่า โดยอาจจะบอกว่าซื้อทัวร์จากเมืองไทย หรือเดินทางไปกับเอเจนซี่ทัวร์ที่เมืองไทยไปก็ได้ เพราะก็ได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปีเหมือนๆกัน จะได้ไม่ต้องใช้หลักฐานจากเพื่อนที่เมืองนอก แต่ถ้าต้องการจะบอกว่า เพื่อนทางโน้นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในอเมริกา เพราะบัญชีของตัวเราเองในธนาคารมีน้อย ก็คงต้องบอกให้เพื่อนเขียนจดหมายเชิญมา และระบุมาว่า จะให้คุณพรรณภาไปพักอยู่ด้วยระหว่างเมื่อไรถึงเมื่อไร แต่ไม่แนะนำที่จะให้เพื่อนเป็น sponsor โดยแสดงหลักฐานทางการเงินของเขา เพราะเพื่อนไม่ใช่ญาติค่ะ คุณอาจจะถูกมองว่า ไม่มีความผูกพันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่จะกลับมาอยู่ประเทศไทย คุณพรรณภาน่าจะแสดงหลักฐานบัญชีเงินฝากของตนเองด้วยค่ะ พี่ไม่ทราบว่าคุณอายุเท่าไร ถ้าเพิ่งเรียนจบมาไม่นานนักสักประมาณ 2-3 ปี อาจจะใช้บัญชีคุณพ่อคุณแม่เป็น sponsor ด้วยก็ได้ค่ะ

  • Bell  On July 26, 2011 at 1:09 am

    พี่ govisa ค่ะเบลทำการยืนยัน ds-160 ไปแล้วนะค่ะ แต่เบลอยากจะกรอกใหม่ได้ไหมเพราะยังไม่ได้ลงตารางนัดค่ะ สามารถกรอกไหม่รหัสใหม่ได้เลยไหมค่ะ หรือถ้ายืนยันไปแล้วไม่สามารถกรอกใหม่ได้ค่ะ

    • govisa  On July 26, 2011 at 5:16 am

      กรอกใหม่ได้ค่ะ Bell และจะ Print สีหรือขาวดำไม่ผิดกติกาค่ะ

  • Bell  On July 26, 2011 at 1:10 am

    พี่ govisa ค่ะ เวลาปรินต้องเป็น ปรินสี หรือขาวดำค่ะ

  • พรรณภา  On July 26, 2011 at 10:51 am

    วางแผนจะไปเที่ยวอเมริกาประมาณหนึ่งเดือนเพราะมีเพื่อนอยู่ที่โน่นและจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในระหว่างที่เราพักอยู่ที่โน่นให้โดยเรารับผิดชอบเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินอย่างเดืยวอย่างนี้เราต้องให้เพื่อนกรอกเอกสารการรับรองการเป็นสปอนเซอร์พร้อมกับจดหมายเชิญด้วยมั๊ยค่ะ

    • govisa  On July 26, 2011 at 7:25 pm

      น้องพรรณภาคะ พี่ตอบคำถามน้องไปแล้วเมื่อวันที่ 25-07-2011 เวลา 10.05 p.m. น้องลองดูอีกทีนะคะ เผอิญพี่เห็นเป็นคำถามเดียวกันค่ะ ถ้าน้องต้องการจะให้เพื่อนเป็น sponsor ด้วยให้ดูว่า เพื่อนมีการทำงานที่โน่นนะคะ ให้เขาขอจดหมายรับรองการทำงานและเงินเดือน, ใบแจ้งว่าจ่ายภาษ๊ปีละเท่าไร, กรอกฟอร์มI-134 พร้อมทั้งให้ทนายความทางโน้นทำ Notary มาให้ด้วยค่ะ นั่นคือเหตุผลที่พี่คิดว่า ถ้าน้องหา sponsor ในบ้านเราได้ เช่น พ่อแม่ พี่น้องบวกกับบัญชีตัวเอวน่าจะเป็นเอกสารที่จอได้สะดวกกว่า ไม่รบกวนคนทางโน้นมากค่ะ และอาจจะขอเพื่อนแค่จดหมายเชิญอย่างเดียวที่อาจจะระบุด้วยว่าให้เราไปพักบ้านเขา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเรื่องค่าที่พักและค่าอาหารค่ะ

  • bell  On July 26, 2011 at 10:58 am

    พี่ govisa
    – เบลขอไป 15 วัน แต่ไปจริง ค่อยซื้อตั๋วไปกลับ 3 เดือนได้ใช่ไหมค่ะ แล้วต้องไปโดนสัมพาษณ์อีกที ที่ด่านเข้าเมือง ใช่ไหมค่ะ
    – เบลยังไม่ได้รับปริญญา กรอกไปว่าเป็นนักเรียนแล้วมาอธิบาย ว่าเพิ่งเรียนจบแล้วช่วยงานที่บ้าน ได้ไหมค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On July 26, 2011 at 7:30 pm

      เข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ Bell ว่า จะมีการสัมภาษณ์ 2 จุดคือ ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาปนระจำกรุงเทพ และที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สหรัฐอเมริกา ยกตัวอย่างถ้าเข้าเมืองที่ Los Angeles เจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ Los Angeles สัมภาษณ์น้อง แต่ถ้าเข้าเมืองที่ New York เจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ New York สัมภาษณ์ค่ะ

      คงกรอกนักเรียนไม่ได้แล้วค่ะ คงต้องเลือ not employed ค่ะ เพราะไม่ได้ลงทะเบียนเรียนแล้วนะคะ นอกจากจะกรอกว่าทำงานที่บ้าน ใส่ชื่อบริษัทที่บ้าน แล้วให้ที่บ้านออกจดหมายรับรองว่าทำงานตำแหน่งอะไร เงินเดือนประมาณเท่าไร และวันแรกที่เริ่มทำงานค่ะ

  • bell  On July 26, 2011 at 4:28 pm

    พี่ govisa
    – พี่ที่ บริษัท ทัวส์ เค้าบอกว่า วีซ่าไปกี่ครั้งก็ต้องขอทุกครั้ง ไม่มี 5 ปี 10 ปี ขอ 7 วันก็ไปได้แค่ 7 วัน มันเปลี่ยนใหม่เหรอค่ะ ปัจุบัน เป็นแบบไหนเหรอค่ะ

    • govisa  On July 26, 2011 at 7:34 pm

      ต้องถามน้องว่า น้องไปตั้งคำถามเขาว่าอะไรคะ Bell เพราะว่า ถ้าเป็นวีซ่าเข้ายุโรปอาจจะใช่ แต่วีซ่าเข้าอเมริกาไม่ใช่ เขาตอบผิดค่ะ ดังนั้นพี่ก้ให้เกียรติผู้ตอบคำถามนะคะว่า เขาไม่รู้ว่าน้องจะไปประเทศไหนหรือเปล่าคะ หรือเขาไม่สันทัดการขอวีซ่าเข้าอเมริกาเลยค่ะ

  • Bell  On July 26, 2011 at 7:54 pm

    พี่ govisa ค่ะ พี่เค้ารู้ค่ะว่าเบลล์จะไปไหน แล้วเค้าก็บอกว่า ขอ เท่าไหนได้เท่านั้น 3 เดือนไม่ผ่านแน่ เบลอังกฤษก็พูดไม่ได้ งานก็ไม่มีทำ

    • govisa  On July 26, 2011 at 9:07 pm

      นั่นซิคะ พี่ถึงเป็นห่วง Bell ตั้งแต่เริ่มเขียนเข้ามาหาใหม่ๆ พี่รู้ว่า วัยรุ่นต้องการคำตอบเร็วๆ และยังไม่ค่อยมีแผนการชัดเจน จึงแนะนำให้ไปน้อยวันก่อน ถ้าจะพูดไปจริงๆแล้ว North Carolina ก้ไม่มีที่เที่ยวถูกใจนิสัยคนไทยมากนัก คนไทยชอบช้อปปิ้ง ชอบสวนสนุก ที่สำคัญการคมนาคมในอเมริกาก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนดั่งฝัน ถ้าไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ก้ต้องมีรถยนต์ขับไปไหนมาไหนเอง แต่ละสถานที่ตั้งอยู่ไกลกันมาก รถเมล์บางเมือง 30 นาทีมคันหนึ่ง บางเมืองก็ 40 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมงมาคันหนึ่ง ถึงได้บอกว่า ต้องใช้เงินเยอะอยู่ ลองถามคุณป้าดูก็ได้ค่ะ แล้วนิสัยคนไทยที่ชอบไปไหนแบบแบ็คแพ็คก็ยังมีไม่ค่อยมากเท่าฝรั่ง ใจจริงอยากให้ชะลอน้องชายไว้ก่อนอย่าเพิ่งไปด้วยซ้ำ ส่วน Bell ก็ติดต่อไปเรียนภาษาที่ North Carolina และถ้าพอมีลู่ทางสอบภาษาTOEFL ได้ และอย่างอื่นได้ ก็หาทางเรียนต่อปริญญาโทเสีย ส่วนน้องชายเมื่อเรียบนจบปริญญาตรีแล้วค่อยไปอเมริกาก็ยังไม่สายเกินไป หรือจะลองไปอ่านเว็บอื่นๆดูบ้างว่า คนเขาเขียนคุยกันในกระทู้ เรื่องเมืองนอกว่าอย่างไรบ้าง เพื่อ Bell จะเข้าใจชีวิตคนที่อยู่เมืองนอกมากขึ้น เพราะวิธีการถามของ Bell ทำให้พี่รู้ว่า หนูยังเด็กมากๆ เป็นห่วงจริงๆค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พี่แค่ช่วยตอบคำถามและแนะนำน้อง ส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของน้องเองค่ะ

  • Bell  On July 26, 2011 at 7:59 pm

    ขอบคุณ พี่ govisa มากนะค่ะ เบลล์กำลังแก้ข้อมูลถ้ามีปัญหาอะไรรบกวนอีกนะค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

  • Bell  On July 27, 2011 at 5:30 am

    ขอบคุณมากค่ะ พี่ govisa เบลกรอกไป 6 week ค่ะ หนูก็คิดกลัวหวั่นมากเลยค่ะ เคลียดเลย

    กรอกเสร็จแล้วค่ะเหลือจองวันนัด

    • govisa  On July 27, 2011 at 7:50 pm

      เก่งมากค่ะ Bell ที่กรอกเองได้สำเร็จแล้ว ส่วนถ้าจะทำคิวนัดสัมภาษณ์ให้ทำใจไว้ระดับหนึ่งว่า คิวนัดสัมภาษณ์วีซ่านักท่องเที่ยว B-2 มีน้อยกว่าคิวนัดวีซ่าประเภทอื่นๆ กรอกฟอร์มนัดสัมภาษณ์เสร็จถ้าหาคิวนัดยังไม่ได้ ให้คลิก save and finish later ไว้ก่อน แล้วหมั่นเปิดเข้าไปดูตารางนัดบ่อยๆเท่าที่จะทำได้ค่ะ โชคดีค่ะ ได้วันนัดสัมภาษณ์อย่าลืมส่งข่าวกันบ้าง พี่แอบลุ้นทุกคนที่เขียนเข้ามาถามว่า ขอให้ผ่านวีซ่าค่ะ รู้สึกดีใจมากๆนะคะที่มีคนเขียนมาบอกผลว่าผ่านหรือไม่ผ่านค่ะ ส่วนที่ไม่ได้เขียนมาบอก พี่ก็คาดเดาว่า น่าจะผ่าน หรือไม่ก็ไม่มีเวลาเขียนมาบอกค่ะ ถ้า Bell สอบผ่านแล้วก็เขียนมาให้อ่านอีกนะคะ

  • พรรณภา  On July 27, 2011 at 1:17 pm

    ต้องขออภัยคุณ govisa ด้วยค่ะเพราะไม่ทราบว่าโพสต์ถามซ้ำสองครั้ง ตอนนี้ดิฉันอายุ 38ปี แล้วค่ะ ลาออกจากงานมาช่วยที่บ้านทำร้านอาหารได้ 4 ปี แต่ชื่อเจ้าของกิจการเป็นของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ เงินในบัญชีก็มีประมาณ 4 แสน แล้วก็จะมีเป็นสลากออมสินอีกหนึ่งล้านแต่ไม่แนใจว่าจะใช้ร่วมกับบัญชีเงินฝากได้มั๋ย (ฉลากจะครบอายุเดือนธันวาคมปีนี้ค่ะ) เพราะเห็นหลายคนมีเงินฝากในบัญชีแต่ทางสถานทูตก็ไม่ได้ดูนะค่ะ แต่ถ้าต้องยุ่งยากเรื่องการแสดงหลักฐานของเพื่อนก็คงจะขอให้เพื่อนส่งแค่จดหมายเชิญอย่างเดียวตามคำแนะนำของคุณค่ะ รบกวนถามเพิ่มเติมอีกนิดเพราะเห็นหลายคนบอกว่าถ้าเป็นผู้หญิงโสดอายุประมาณดิฉันและไม่ได้ทำงานบริษัทที่สามารถรับรองการทำงานให้ค่อนข้างยากที่จะได้วีซ่าจริงมั๋ยค่ะ กังวลเรื่องนี้มากค่ะ

    • govisa  On July 27, 2011 at 8:03 pm

      น้องพรรณภาคะ ใช้สลากออมสินร่วมด้วยได้ค่ะ เพราะธนาคารออมสินให้ดอกเบี้ยด้วยไม่ใช่หรือคะ เอาใบทะเบียนการค้าไปด้วย และอาจจะมีบัญชีของพ่อหรือแม่ไปอีกหนึ่งบัญชี เพื่อจะได้ตอบตอนสัมภาษณ์ได้ว่า เราต้องกลับมาช่วยพ่อแม่ดูแลกิจการร้านอาหารต่อ และ ต้องดูแลท่านทั้งสองด้วยเพราะท่านก็อายุมากแล้วค่ะ

      ถ้าถามเรื่องอายุและสถานภาพ ที่อยู่ในสถานภาพเดียวกับน้องแล้วผ่านวีซ่าก็มี ไม่อยากให้น้องคิดมากและเป็นกังวลมากค่ะ อยากให้น้องทำใจให้สบาย เตรียมหลักฐานและเตรียมใจตอบคำถามให้ดีๆค่ะ เช่น น้องอาจจะพูดได้ว่า เราทำงานมาหลายปีแล้ว ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย เพราะงานที่ร้านอาหารยุ่งมาก ไม่มีใครช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงาน พี่น้องคนอื่นอาจจะมีงานประจำของเขา ไม่สะดวกมาช่วยได้เต็มเวลาค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็เห็นใจน้องที่ช่วยทำงานแข็งขัน เผอิญตอนนี้ได้คนมาช่วย 1 คน พอแบ่งเบาภาระได้บ้าง จึงอนุญาตให้น้องไปเปิดหูเปิดตาด้วยการไปเที่ยวเมืองนอก น้องมีเพื่อนเรียนหนังสือที่เมืองไทยไปทำงานอยู่ที่เมืองนอก และส่งจดหมายเชิญมาให้ไปเที่ยวบ้านเขาสัก 10 วัน 15 วันอะไรก็ว่าไปค่ะ เที่ยวเสร็จแล้วก็จะต้องกลับมาทำงานต่อค่ะ

      เตรียมคำตอบเกี่ยวกับเงินรายรับต่อปีที่ทางร้านอาหารทำได้ด้วยนะคะ เผื่อถูกถามค่ะ

  • orakarn  On July 27, 2011 at 4:39 pm

    ขอถามเพิ่มเติมนะคะ ในใบappointment confirmation information ตอนท้ายไม่เข้าใจค่ะ คือตรง expedited appointment บอกต้องส่ง emailไปที่ visabkk@state.gov ตรงนี้งงค่ะ ขอความกรุณาแนะนำด้วยค่ะว่าต้องส่งemai อะไรอย่างไร ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On July 27, 2011 at 8:09 pm

      น้อง Orakarn คะ ถ้าPrint Appointment Confirmation ออกมาแล้วก็เป็นอันเสร็จ เตรียมตัวไปสอบสัมภาษณ์ได้ค่ะ ส่วนคำว่า expedited appointment หมายความว่า ถ้าต้องการเปลี่ยนวันนัดสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้น ให้เขียนอีเมล์ไปที่ visabkk@state.gov แจ้งรายละเอียดการนัดหมายเก่าของเรา แล้วเราต้องการเลื่อนขึ้นเป็นวันที่เท่าไร เพราะสาเหตุอะไร ถ้าทางสถานทูตเห็นสมควร ก็จะอนุญาตให้เลื่อนได้ค่ะ แต่ถ้าอ่อนเกินไป ก็จะบอกมาว่า เลื่อนวันนัดสัมภาษณ์ไม่ได้ค่ะ

  • Bell  On July 27, 2011 at 8:57 pm

    พี่ govisa อยากจะบอกความโง่ ของตัวเอง เบลเข้าไปจองวันแรก ได้เลยวันที่ 2 ปรินมาเรียบร้อย แต่เห็นวันที่ 3 ว่างอยู่เลยคลิกเข้าไปดู ปรากฎมันยกเลิกให้เบลจองอีกวันเลย แล้วก็ไม่ทันชาวบ้าน ในที่สุดก็ แง แง ยืนยันปรินเรียบร้อย ด้วยความอยากรู้อยากลอง มีบุญแต่กำบัง มาเล่าความโง่ อย่าแอบขำกันนะค่ะ

    • govisa  On July 27, 2011 at 11:37 pm

      ก่อนจะเลือกวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ bell ต้อง delete วันนัดสัมภาษณ์เก่าก่อน แล้วจึงจะเลือกวันใหม่ได้ค่ะ ส่วนวันว่างสีเขียว ไม่สามารถบอกได้ว่า จะปล่อยออกมาเวลาใด ส่วนใหญ่ไม่เช้าๆ ก็เย็นๆประมาร 4-5 โมงเย็น หรือ กลางดึกค่ะ

  • Bell  On July 27, 2011 at 8:59 pm

    พี่ govisa อยากถามด้วยค่ะ ว่าวันว่าง สีเขียว มันปล่อยมาเป็นเวลา ทำการของสถานกงสุน หรือบ่อยตลอด 24 ชม.ค่ะ

  • jang  On July 28, 2011 at 5:48 am

    พี่ค่ะ รบกวนถามหน่อยสิค่ะ พอดีนู๋กรอกข้อมูลลงใน ds160 แล้วแต่ไม่ได้ submit ไปแบบนี้นู๋สามารถเข้าไปกรอกใหม่ได้ปกติใช่ไหมค่ะ แล้วถ้านู๋กรอกของนู๋เสร็จแล้วจะกรอกให้น้องสาว สามารถกรอกต่อเลยได้ใช่ไหมค่ะ คือ ขอถามอีกอย่างนะค่ะ นู๋จะสามารถ save ได้ยังไงอ่ะค่ะ พอนู๋ลองกด save to file ระบบไม่ได้ขึ้นให้เลือกว่า save ที่หน้าไหนเลยอ่ะค่ะ แบบนี้เป็นที่คอมนู๋ หรือว่าที่ระบบอ่ะค่ะ คือเครื่องนู๋จะสั่งให้ เลือก เปิด กับ บันทึกแฟ้ม อ่ะค่ะ พอเลือกก้อเข้าไปที่ gom player เฉยเลยอ่ะค่ะ แล้วก้อ save ไม่ได้ ต้องทำยังไงหรอค่ะ รบกวนถามหน่อยนะค่ะ

    ขอบคุณมากนะค่ะ
    have a nice day na ka ………jang

    • govisa  On July 28, 2011 at 9:42 pm

      – น้อง Jang ถ้ายังไม่ได้ submit ก็กรอกใหม่ได้เรื่อยๆค่ะ
      – กรอกของตัวเองเสร็จ จะกรอกให้น้องสาวก้กรอกต่อไปได้ด้วยการเลือก create new family member (สำนวนอะไรทำนองนี้ค่ะ) แต่ถ้าเผลอไปคลิกกรอกใหม่ก้ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเราต้องกรอกที่อยู่ทบ้านใหม่ แต่แบบพอถึงกรอกที่อยู่ ก้จะมีข้อมูลเก่า pop up ขึ้นมาก้เท่านั้นเองค่ะ
      – พอคลิก save to file แล้ว ขึ้นอยู่กับโปรแกรมในเครื่องคอมที่ทีบ้านน้องใช้ค่ะ บางโปรแกรมอาจจะมีแถบขึ้นใกล้ๆกับบาร์ที่อยู่แถวล่างสุดของหน้าจอคอมโดยมีคำขึ้นต้นว่า CEACAA001จะมีตัวเลขผสมตัวอักษรอีก 5 ตัว.dat ค่ะ หรืออาจจะลองคลิก continue application ดูก่อนก็ได้นะคะว่าจะทำต่อไปให้เสร็จภายในวันนั้นเลยได้ไหมค่ะ ถ้าไม่ว่างปิดเครื่องแล้วเข้าหน้ากรอฟอร์มวีซ่าใหม่ ก็เลือประเทศ เลือก start application จะมีให้น้องเขียน application id ซึ่งน้องก็ต้องจดไว้แต่แรก ที่มีคำถามลับให้เราเลือกตอบ เช่น แม่ของแม่ชื่ออะไรค่ะ หรือถ้ากลัวลืมจด น้องอาจสั่ง print ออกมาตั้งแต่แรกก้ได้ค่ะเมื่อใส่ AA001 กับตัวอักษร หรือตัวเลขผสมตัวอักษรอีก 5 เตัวเสร็จ จะให้เรากรอกตัวอักษรที่ขึ้นต้นนามสกุลเรา 5 ตัวอักษร ปี่ที่เกิด และคำถามลับ หลังจากนั้นกรอก retrieve application จะมีหน้าก่อนสั่ง save pop up ขึ้นมาให้น้องกรอกต่อค่ะ

  • พรรณภา  On July 28, 2011 at 9:24 am

    ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดี ๆ ที่จะได้นำไปใช้ในการเตรียมตัวขอวีซ่าและสัมภาษณ์ค่ะ จริง ๆ อยากจะไปเที่ยวอเมริกามานานแล้วค่ะแต่ไม่มีโอกาสซะทีเพราะเพื่อนไม่สะดวกพาเราเที่ยว ตอนนี้เพื่อน early retire ก็เลยสะดวกเป็นไกด์พาเที่ยวค่ะ แต่ถ้าไม่ได้วีซ่าก็ไม่เป็นไรคงจะเลือกไปประเทศอื่นแทนก็ได้เพราะดูเหมือนจะง่ายกว่าอเมริกา (เคยไปยุโรปมาแล้ววีซ่าไม่ยุ่งยากเท่านี้เลยค่ะ)ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะค่ะถ้าไปสัมภาษณ์แล้วยังไงจะมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ ได้ทราบอีกทีค่ะ

    • govisa  On July 28, 2011 at 8:20 pm

      ด้วยความยินดีค่ะน้องพรรณภา

  • ชมพู่  On July 28, 2011 at 11:19 am

    ช่วยตอบด้วยนะค๊ะ คือแฟนจะพาไปเที่ยวอเมริกา และแฟนจะเป็นsponsor ให้หมดเลย
    แล้วตอนที่ฉันไปสัมภาษณ์ ฉันจะต้องเตรียมเอกสารอะไรของแฟนเพื่อยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูบ้างค๊ะ แล้วแฟนจะต้องเซ็นเอกสารอะไรเพื่อรับรองในการออกค่าใช้จ่ายครั้งนี้ด้วยรึเปล่าค๊ะ
    รึว่าแฟนต้องขอสเตทเม้น2ชุดเพื่อให้ฉันชุดหนึ่ง และของเค้าเองอีกชุดหนึ่ง ตอนไปสัมภาษณ์ (ยังไม่ได้แต่งงานกัน) ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On July 28, 2011 at 9:14 pm

      คุณชมพู่คะ ผู้ที่จะเป็น sponsor ให้คนที่กำลังยื่นขอวีซ่า ต้องแสดงตนว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับผู้ที่กำลังยื่นขอวีซ่า ถ้าคุณตอบตรงนี้กับกงสุลว่า คนที่เป็น sponsor คุณเป็น boyfriend มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยหนักแน่นเท่ากับเป็นสามี คุณคงต้องตัดสินใจเองว่า จะตอบว่าอย่างไรดี พี่เคยเห็นบางคนที่เป็นคู่สมรสกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หรือทำพิธีแต่งงานกัน อยู่ด้วยกันเฉยๆก็มี กรณีอยู่ด้วยกันเฉยๆก็อาจจะบอกว่า ด้วยเหตุผลการทำนิติกรรมต่างๆยุ่งยาก จึงไม่อยากจดทะเบียนสมรสกันก็ได้ค่ะ คุณชมพุู่อาจจะนำคำตอบนี้ไปประยุกต์ใช้ก็ได้นะคะ ซึ่งจะทำให้การใช้จดหมายรับรองฐานะการเงินของแฟนดูมีน้ำหนักขึ้นค่ะว่า ทำไมเขาต้องรับผิดชอบตัวคุณชมพู่ เอกสารอย่างอื่นของแฟนที่ต้องใช้ คือ ใบรับรองตำแหน่งงานและเงินเดือนถ้าเขาทำงานเป็นลูกจ้าง แต่ถ้าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจ ใช้ใบจดทะเบียนการค้าค่ะ ส่วนตัวคุณชมพู่เอง ถ้าทำงานแล้ว ขอให้มีจดหมายรับรองตำแหน่งงานและเงินเดือนไปแสดงด้วยค่ะ

  • Bell  On July 29, 2011 at 12:26 am

    ตอนนี้กำลังหาวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ เบลต้องการวันสัมภาษณ์ประมาณปลายเดือรสิงหาคม แต่เพิงเห็นว่า 1-3 ส.ค. คือต้องรอใกล้สินเดือนค่อยดูหรือดูได้ตั้งแต่ตอนนี้ค่ะ กงสุนจะนัดข้ามได้ไหม เช่น 1-3 ส.ค. ปล่อยวันนี้ พรุ้งนี้ปล่อย 25 ส.ค. หรือว่าต้องรอใกล้ๆค่ะ

    ใครต้องการนัดสัมภาษณ์ช่วงนี้เยอะเหมือนกันค่ะ เบลเจอ 2 รอบแล้ว รีบเข้าไปดูนะค่ะ

    • govisa  On July 29, 2011 at 7:51 pm

      น้อง Bell ต้องรอทางสถานทูตเขาเปิดวันที่ออกมาให้จองค่ะ หมั่นเปิดเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์ดูบ่อยๆค่ะ พี่ตอบไม่ได้เลยว่า เห็นแค่วันที่ 1-3 สิงหาคม แล้วจะมีกระโดดไป 25 สิงหาคมไหมนะคะ เอาใจช่วยค่ะ

  • bell  On July 29, 2011 at 3:54 pm

    ใครพี่ออนอยู่ รอจองวันสุมภาษณ์วีซาอเมริกา ด่วนๆๆ ค่ะตอนนี้ สีเขียวขึ้นแล้ว วันที่ 3-5 สิงหาคม ด่วนนะค่ะ

  • bell  On July 29, 2011 at 3:57 pm

    ใครพี่ออนอยู่ รอจองวันสัมภาษณ์วีซาอเมริกา ด่วนๆๆ ค่ะตอนนี้ สีเขียวขึ้นแล้ว วันที่ 3-5 สิงหาคม ด่วนนะค่ะ

    • govisa  On July 29, 2011 at 7:52 pm

      ขอบคุณน้อง Bell ค่ะ ขอให้ความดีของน้องตอบสนองให้น้องได้รับแต่สิ่งดีๆค่ะ

  • mint  On July 29, 2011 at 7:53 pm

    พี่govisaคะ ถ้าจะขอวีซ่าf1 ไปเรียนภาษาที่สถาบันzoniในNYเป็นเวลา1ปี แต่หนูเรียนจบมาได้1ปีแล้วไม่ได้ทำงานอะไรค่ะ เพราะเราทำงานที่บ้านตัวเองเป็นร้านค้าธรรมดา ไม่ได้มีเงินเข้าบัญชีเป็นเงินเดือนตรงวันทุกเดือน แต่พอมีเงินฝากมาเรื่อยๆประมาณ150,000 แล้วซื้อสลากออมสินชื่อตัวเองไว้ 500,000ค่ะ และsponsorในเรื่องเงินเป็นคุณปู่มีเงินประมาณ 800,000 ค่ะ(ขอstatementย้อนหลัง6เดือนและหนังสือรับรองไปแล้ว) ที่ไม่ใช้ของพ่อแม่ก็เพราะพ่อแม่ไม่ได้มีเงินในบัญชีเยอะค่ะและไม่ค่อยเดินเงินในบัญชี ส่วนเรื่องที่พักจะไปอยู่กับน้องชายแท้ๆของพ่อ(อา)นามสกุลเดียวกัน เค้าได้กรีนการ์ดแล้ว มีบ้านอยู่ในนิวยอร์คและทำงานบริษัทที่นั่นค่ะ อาบอกว่าจะส่งจดหมายรับรองเรื่องที่อยู่ที่กินและหลักฐานการทำงาน การเสียภาษีมาให้ ในเรื่องพาสปอต ทรานสคิป ทะเบียนการค้าเตรียมไว้แล้ว ที่กังวลก็คือได้ยินว่าเรียนที่zoni วีซ่าจะผ่านยาก อีกทั้งไม่ได้ทำงานด้วย แล้วดันไม่ใช่พ่อแม่เป็นสปอนเซอร์อีก อีกทั้งเงินทั้งหมดก็ไม่รู้จะเพียงพอกับการเรียน1ปีหรือไม่ อยากไปประมาณต้นเดือนตุลาจะทันไหมคะ

    พี่govisa ช่วยแนะนำหลักฐานเพิ่มเติมได้ไหมคะ แล้วมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่วีซ่าจะผ่าน

    • govisa  On July 29, 2011 at 8:29 pm

      น้อง Mint คะ ถ้าดูจากเว็บนี้คร่าวๆ ค่าเรียน 48 สัปดาห์ตกประมาณ 11,472 เหรียญยังไม่บวกค่าที่พัก+ค่ากินอยู่โดยประมาณ ถึงแม้จะบอกว่า คุณอาเป็นคนออกค่าที่พัก+ค่ากินอยู่ แต่ก็ต้องประเมินคร่าวๆดุก่อนว่าค่าใช้จ่ายรวมๆตกประมาณเท่าไรค่ะ http://www.zoni.com/english/newyork/courses.html ถ้าให้ค่าที่พัก+ค่ากินอยู่ประมาณเดือน 1,500 เหรียญ 12 เดือนก็ 18,000 เหรียญ+ค่าเรียนก็อยู่ที่ประมาณ 30,000 เหรียญ คูณ 30 บาท คร่าวๆ 900,000 พี่คิดว่าน้องอย่ากะให้มีพอดีเลยเอาเกินไว้นิดหนึ่งก็น่าจะประมาณ 1,000,000 บาทค่ะ น้องมี 500,000+150,000= 650,000 + ของปู่อีก 800,000= 1,300,000 บาทก็น่าจะพอค่ะ แต่น้องคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกถามถึงพ่อแม่ว่ามีอาชีพอะไร หรือ มีเงินฝากในธนาคารประมาณเท่าไร เพราะฝรั่งเขาถือมากเรื่องที่ว่า พ่อแม่จะมีความผูกพันกับลูกมากกว่าเคริอญาติค่ะ เอกสารที่ใช้มี
      1. I-20
      2. Sevis I-901 receipt
      3. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,340 บาท
      5. หนังสือเดินทาง
      6. ใบยืนยัน DS-160 Confirmation Number
      7. ให้ที่บ้านเขียนจดหมายรับรองว่าทำงานที่บ้าน และที่บ้านให้เงินเดือนๆละเท่าไร
      8. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากะนาคารของ Sponsor +บัญชีตัวจริง
      9. ถ้าปู่ไม่ได้ทำงานแล้ว ก็ต้องพอทราบบ้างว่าปู่ทำอาชีพอะไรอยู่ขณะนี้ค่ะ
      10 ถ้าจะให้อาค้ำด้วย อาต้องส่งจดหมายชี้แจงว่า อาจะรับผิดชอบค่าที่พัก เพราะพี่ชายคือพ่อของน้องมีพระคุณต่ออามาก +จดหมายรับรองฐานะการเงินจาะธนาคาร+สำเนา Book ตัวจริง+ฟอร์ม I-134+ ใบชี้แจงการเสียภาษีของอาค่ะ
      11. แนะนำให้เอา Book บัญชีเงินฝากของพ่อหรือแม่ติดตัวไปด้วยค่ะ
      ให้น้องตอบคำถามอย่างชัดเจน และมีแผนการศึกษาที่อยู่ในใจว่า จะไปเรียนนานกี่เดือน แล้วจะทำอะไรต่อหลังจากนั้น อย่าให้คำตอบแบบยังไม่แน่นอน ประเภทว่า อาจจะกลับ หรือไปดูก่อนว่าอยู่ได้หรือไม่ได้ ตามประสาคนไทย อย่าลืมว่า การศึกษาต่อต่างประเทศเป็นการลงทุนที่มีราคาแพง ต้องมีการเตรียมการและมั่นใจในระดับหนึ่ง เพื่อให้เวลาตอบคำถามกงสุลมีคำตอบที่ฟังแล้ว ทำให้กงสุลเข้าใจว่าเราจะไปทำอะไร เมื่อเสร็จภาระกิจแล้ว เราจะกลับเมืองไทยค่ะ โชคดีนะคะ

  • mint  On July 29, 2011 at 10:09 pm

    พี่govisaค่ะ จดหมายรับรองการทำงานที่บ้านเป็นภาษาไทยธรรมดาได้ไหมคะ หรือต้องพิมพ์เป็นอังกฤษ
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ดีจริงๆค่ะ

    • govisa  On July 30, 2011 at 3:24 pm

      น้อง Mint ให้น้องร่างจดหมายเป็นภาาอังกฤา ประมาณนี้ค่ะ
      To Whom It May Concern

      This letter is to confirm that Miss Mint has been employed as a Marketing officer at X…..Company since February 20, 2001. Miss Mint’s monthly salary is Baht 15,000. She is a valuable staff whom I have ever had.

      I would like to appreciate your kindness in granting Miss Mint an appropriate visa to go to study in the United States. Should you require any additional information on Miss Mint, please feel free to contact me at this address:
      …………..
      ………….
      Tel: 02……..

      Yours faithfully,
      Mr.xyz
      Director
      X Company

  • bell  On July 30, 2011 at 1:40 pm

    ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณพี่ govisa มากนะค่ะ ไม่ได้พี่เบลคงแย่เลย เข้าใจเพื่อนๆ บางคนไม่ได้เข้าตลอด ขอบอกว่า เขียว ยากมากๆ

    พี่ govisa ถ้าไม่มีจดหมายเชิญจะเป็นอะไรไหม มีแต่ในเมล รอจดหมายจากป้าอยู่ยังไม่ได้เลย วันว่าง มีแต่จดหมายยังไม่มี ถ้าจองสัมพาษณ์แล้วไม่มีจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรมีผลต้อการผ่านวีซ่าไหมค่ะ

    – ไปเที่ยวจะต้องมีใบจบการศึกษาไหมค่ะ

    • govisa  On July 30, 2011 at 3:29 pm

      Bell Print email ป้าเตรียมไว้กรณีที่จดหมายเชิญมาไม่ทันวันนัด แล้วเอาอีเมล์นั้นติดตัวเข้าไปในสถานทูตวันสอบสัมภาษณ์ด้วยค่ะ อย่างน้อยก้เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า เรามีการติดต่อกับคนทางโน้น แล้วเขา confirm เรื่องที่พักมาค่ะ
      ไปเที่ยวไม่ใช้ transcript ค่ะ แต่ถ้าจะเอาติดตัวไปด้วยก็ไม่เสียหายอะไร เผื่อเขาขอดูค่ะ ส่วนของน้องชายอย่าลืมขอจดหมายรับรองจากสถานที่ที่กำลังเรียนอยู่ว่า เป็นนักศึกษาชั้นปีอะไรแล้วจะต้องกลับมาเรียนต่อเมื่อเปิดเทอม พร้อม transcript ของน้องชายค่ะ

  • Bell  On July 31, 2011 at 6:14 am

    ขอบคุณมากค่ะ

  • bell  On August 1, 2011 at 2:17 pm

    วันนี่ เขียว แล้ว วันที่ 4-10 ส.ค.54 จร้า ด่วน เวลานี้เลย 14.16 น

  • bell  On August 1, 2011 at 2:59 pm

    ด่วนๆๆๆ เขียวแล้ว 4-10 ส.ค.54 ถึง 1-15 ก.ย.54 เวลา 14.58 น.

  • ชมพู่  On August 1, 2011 at 7:03 pm

    รบกวนหน่ิยนะค๊ะตอนนี้กำลังกรอกDS160อยู่มาถึงหน้า U.S. Contact เค้าให้กรอกบุคคลที่ท่านรู้จักในสหรัฐ หรือ องค์กร แต่ฉันไม่รู้จักใครเลย ก็คลิกตรงคำว่า Do not know
    แต่ระบบก็ไม่ยอมให้ผ่านจะทำไงดีค๊ะ ช่วยตอบด้วย

    • govisa  On August 1, 2011 at 8:27 pm

      น้องชมพู่คะ ตรง US Contact ถ้าไปกับทัวร์ไม่รู้จักใครเลยในอเมริกา ก็ลองดูในใบรายการทัวร์ว่า เขาให้เราไปพักที่โรงแรมไหน ใส่ชื่อโรงแรมนั้น ถ้าไม่รู้เลขที่ตั้ง ที่อยู่ของโรงแรม ให้ search หาจากใน google ดูก็ได้ค่ะ หรือถ้าจะรอพรุ่งนี้เช้าถามทัวร์ดูว่า เขาให้ลูกทัวร์ไปพักที่ไหนขอจากบริษัททัวร์พร้อมที่อยู่ของโรงแรมนั้นค่ะ หรือถ้ามีเพื่อนหรือคนรู้จักอยู่ในสหรัฐอเมรืกา ใส่ชื่อคนๆนั้นไปก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปพักกับเขา เพียงแต่ให้สถานทูตเขารับรู้ว่า เรามีคนรู้จักอยู่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นเองค่ะ

  • ชมพู่  On August 1, 2011 at 7:05 pm

    ลืมบอกไป ไปเที่ยวกับทัวร์ค่ะ

  • bell  On August 3, 2011 at 12:44 pm

    พี่ govisa ค่ะ ตกลงวันนัดมันหาง่ายเหรอค่ะ เห็นว่างเยอะเหมือนกัน งง ทำไมคนอื่นบ่นไม่มีว่าง หายาก น้ำตกแทบเล็ด

    • govisa  On August 3, 2011 at 8:56 pm

      แสดงว่า Bell เป็นคนโขคดีค่ะ เพราะน้อง Gib เขียนมาเมื่อ 31 กค.ว่าหาคิววีซ่า B-2 ว่างไม่ได้เลยค่ะ ขอให้เวลาสอบสัมภาษณ์ น้องก็โชคดีแบบนี้อีกนะคะ

  • mint  On August 3, 2011 at 2:33 pm

    พี่govisaคะ ในds160 อย่างที่เคยบอกไปว่าเราจบมาปีนึงแล้ว และทำงานอยู่กับที่บ้านแต่บ้านไม่ได้เป็นบริษัทนะคะ ในกรณีนี้ควรตอบข้อมูลการทำงานว่า not employed แล้วอธิบายไป หรือว่าตอบ business แล้วบอกว่าทำกิจการที่บ้านดีคะ
    -ถ้าแม่ไม่มีบัญชี แล้วพ่อก็มีเงินในบัญชีประมาณ 50000 จะส่งผลให้ผ่านวีซ่ายากไหมคะ เพราะพี่govisaแนะนำให้เอาสมุดของพ่อแม่ไปด้วย ซึ่งมีเงินน้อยเหลือเกิน แต่มิ้นก็ใช้บัญชีปู่เป็น sponsor นะ แบบนี้เค้าจะคิดว่าพ่อแม่เราไม่มีงานทำด้วยหรือเปล่า ทั้งที่ทั้งหมดทำอยู่ในบ้านเดียวกัน

    • govisa  On August 3, 2011 at 9:05 pm

      ช่วงเวลาที่ Mint เรียนจบมานานตั้ง 1 ปี ถ้าบอกว่า not employed ก็จะดูว่า Mint ไม่ค่อยรับผิดชอบนะคะ พี่ร่างจดหมายภาษาอังกฤษแทนบริษัทที่บ้านให้แล้วนี่คะ ตอบไปเมื่อ 30-7-2011 ลองหาดูค่ะ เอาไปดัดแปลง แล้วให้ manager ของบริษัทที่บ้านเซ็นต์ชื่อนะคะ ส่วนบัญชีพ่อมีน้อยมาก เพราะพี่ไม่ทราบว่า คุณพ่อนน้องมีบัญชีเท่าไร ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงบัญชีคุณปู่คนเดียวไปแล้วกันค่ะ แต่ถ้ากงสุลถามอาชีพพ่อ เงินเดือนพ่อก็ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้นะคะ ถ้าเขาถามว่ามี Book มาไหม ก้อาจจะต้องหาเหตุผลอื่นไป เช่น บางบ้านเท่าที่เคยรู้จัก เขาเก็บเป็นทองคำแท่างก็มี บางบ้านซื้ออสังหาริมทรัพย์เก็บไว้เป็นสมบัติในอนาคต ก็ลองดูว่า ที่พี่ให้ๆไปนี้ อะไรจะดูคล้ายคลึงกับสิ่งที่คุณพ่อน้องทำบ้างค่ะ แล้วก็พูดไปเลยว่าที่บ้านเป็นครอบครัวจะจีนหรือไทยพี่ไม่ทราบ แต่คาดว่านะเป็นจีน อาจอะิบายว่า ครอบครัวมีลักษณธเก่าแบบ conservative ธุรกิจที่บ้านอยู่ในลักษณธกงสี เปิดบัญชีในชื่อคุณปู่คนเดียว เป็นต้นค่ะ

  • ชมพู่  On August 3, 2011 at 4:29 pm

    ขอถามอีกข้อนะค๊ะ ตอนนี้กำลังกรอกDS160 หน้าแรกเลยตรงที่ถามว่า
    Full Name in Native Alphabet: ให้พิมพ์ชื่อเป็นภาษาไทยเลยใช่มั้ยค๊ะ
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On August 3, 2011 at 9:05 pm

      เข้าใจถูกแล้วค่ะ น้องชมพู่

  • ชมพู่  On August 4, 2011 at 11:51 am

    รบกวนอีกหน่อยนะค๊ะ คือว่าไปกับทัวร์ ตอนที่กรอกใบDS160 จะมีให้กรอกที่พักของที่นู่น
    แต่ทัวร์พาไปพักหลายโรงแรมไป 9 วัน จะกรอกที่พักยังไงดีค๊ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On August 4, 2011 at 8:17 pm

      ให้กรอกชื่อโรงแรมแห่งแรกที่ไปพักค่ะชมพู่

  • ชมพู่  On August 4, 2011 at 7:35 pm

    DS160พอพิมพ์ไปถึงหน้าประวัติการศึกษา การทำงาน ของฉันมีแต่ประวัติการทำงาน อย่างเดียว แล้วก็ไม่เจอหน้าที่ถามว่าเคยไปเที่ยวประเทศไหนบ้าง เรียนจบอะไร ยังไม่มีเลย พอกรอกปะวัติการทำงานเสร็จ ก็next เป็นหัวข้ออื่นเลย หาไม่เจอเลยค่ะ ทำยังไงค๊ะ

    • govisa  On August 4, 2011 at 8:31 pm

      เมื่อกรอกที่ทำงานเสร็จแล้ว จะมีคำถามอยู่ข้อหนึ่งที่ถามเกี่ยวกับ secondary school ไม่มั่นใจคำถามเต็มๆประโยค ถ้าตอบ yes จะมีช่องให้กรอกเกี่ยวกับสถานศึกษา แต่ไม่เป็นไรนะคะ เพราะหลายๆคนเวลาทำงานแล้วก็จะละเลยคำถามข้อนั้นไปโดยการกรอก no ไป ทำให้ไม่ได้กรอกว่าเรียนจบจากที่ไหนมาก็มีค่ะ ส่วนหน้าที่ถามว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างจะอยู่แถวๆช่วงหน้าต้นๆ ประมาณใกล้ๆกับที่ถามว่า passport เราเป็นแบบ regular หรือ official อะไรทำนองนี้ แต่ก้เหมือนคำถามแรกที่ชมพู่สงสัยค่ะ คือ ถ้าเราผ่านการตอบคำถามช่วงหน้านี้ไปแล้วโดยไม่มีลูกศรสีแดงขึ้นว่า ต้องกรอกให้ครบ ก็แปลว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด มีหลายๆคนที่ไม่ได้กรอกว่า ตัวเองเคยไปเที่ยวที่ไหนก็มีค่ะ อนึ่ง ในวันสัมภาษณ์ชมพู่ควรนำหนังสือเดินทางทั้งหมดที่มีไปด้วย กงสุลก็จะได้เห็นว่า ชมพู่ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างอยู่ดีค่ะ

  • Rata  On August 7, 2011 at 4:29 pm

    คุณ govisa คะช่วยแนะนำการกรอก ds 160 เรื่อง work เป็นเจ้าของร้านมินิมาร์ทเอง ตรง ช่อง present Employer ต้องกรอกว่าอย่างไร อีกช่อง Monthly Salary in Local Currency ใช่บอกรายได้ของเราหรือเปล่า อีกอย่างจะไปกัน 5 คน ต้องกรอกข้อมูลให้ครบหมด ถึงจะจองวันสัมภาษณ์ได้ใช่ไหม ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On August 8, 2011 at 5:31 am

      คุณ DADa คะ กรอกชื่อร้านมินิมาร์ทไปค่ะ monthly salarey ใส่รายรับที่ได้รับแต่ละเดือน ช่องที่เขียนทำนอง briefly description ให้เขียนว่าทำงานเกี่ยวกับอะไร บอกเป็น owner ร้านมินิมาร์ทค่ะ

      ถ้าจะไปกัน 5 คนก็ต้องกรอกให้ครบก่อนถึงจะทำนัดได้ค่ะ เพราทุกคนต้องมีหมายเลข DS-160 Confirmation ประจำตัวของแต่ละคน อนึ่ง ถ้าเป็นพ่อแม่ลูก สามีภรรยา ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันนะคะ

  • Gypsy  On August 8, 2011 at 12:39 am

    สวัสดีคะพี่ ไม่ทราบว่าจะจำหนูได้ป่าว ตอนนี้หนูอยู่เวกัสได้ 1 เดือนครึ่่งแล้วนะคะ อยากจะขอบคุณทุกคำปรึกษาที่พี่แนะนำทำให้หนูมาถึงอเมริกาจนได้ ชอบเวบนี้มากมีประโยชน์มากโทษทีที่บอกช้าไปหน่อยนะคะพอดียุ่งๆอะคะ ขอบคุณมากจริงๆคะ ^_^

    • govisa  On August 8, 2011 at 5:31 am

      ขอบคุณมากๆค่ะ เวกัสร้อนไหมคะตอนนี้นะคะ

  • bell  On August 9, 2011 at 9:41 am

    พี่ govisa ค่ะ bell ได้วันนัดแล้วนะ วันที่ 9/09/54 ค่ะ ได้ไม่ได้เอาวันเลขสวยไปก่อนแล้วกัน เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค่ะ ตื่นเต้นมากเลยค่ะ

    – อยากทราบว่าจะไปสถานทูตอเมริกา ไปทางไหนเร็วสุดค่ะของแผนที่หน่อยได้ไหมค่ะ ต้องไปดูก่อนวันจริง 1 รอบเพื่อหลงค่ะ
    -เพื่อนๆๆ พี่ๆๆ ที่เข้าเว็บนี้ เป็นคนที่โชคดีมากนะค่ะ bell โชคดีมากเลยค่ะ ที่เจอเว็บนี้
    ขอบคุณ พี่ govisa มากนะค่ะ ที่ทำให้ bell มาถึงจุดนี้ได้

    – สุดท้ายนี้ ใครที่หาวันสัมพาษณ์อยู่ ตอนนี้ว่างเยอะเลยค่ะ เข้าไปจองได้เลยนะค่ะ ไม่ต้องไปจ้างให้เปลืองตังเลยค่ะ

    เว็บนี้จะไม่ลืมเลยค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆๆ

    • govisa  On August 9, 2011 at 9:45 pm

      น้อง Bell ดูแผนที่จากเว้บไซต์สถานทูตนะคะ http://bangkok.usembassy.gov/acslocationhours.html พี่ไม่ทราบว่า Bell จะเดินทางมาจากถนนชื่ออะไร และจะใช้รถประเภทใดมาที่สถานทูตนะคะ

      1. ถ้าจะใช้บริการรถเมล์ มีสายรถเมล์ที่วิ่งผ่านหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา คือ 76, 13, 17,62, 106
      2. ถ้าจะนั่ง BTS ลงจากรถไฟฟ้าที่สถานีเพลินจิตรแล้วต้องเดินเข้าในถนนวิทยุอีกไกลพอสมควร ถ้าเป็นฝรั่งเดินเร็วๆก็ 10 นาทีถึง แต่คนไทยอาจเดินช้าหน่อยก็ประมาณ 15 นาทีค่ะ

      อีกเว็บไซต์หนึ่งที่จะมีแผนที่บอกจุดที่ตั้งสถานที่ต่างๆใกล้สถานทูตสหรับอเมริกา เพื่อให้เป็นที่สังเกตเห็นสถานทูตได้ง่ายๆ คือ http://www.udonvisa.com/marriage_registration.html

      3. ถ้าจะขับรถมาเอง พี่ไม่แนะนำเพราะไม่มีที่จอดรถค่ะ ค่าบริการที่จอดรถที่อาคารสินธรฝั่งตรงข้ามสถานทูตก็ไม่ถูกเท่าไรนักนะคะ นั่ง taxi มาน่าจะดีกว่าขับรถมาเองค่ะ

      วันนี้พี่เข้าเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์ เห็นวันที่สีเขียวสำหรับวีซ่านักเรียนตั้งแต่ 16 สิงหาคมถึงสิ้นเดือนสิงหาคม และตลอดทั้งเดือนกันยายนยังมีวันว่างอยู่ทุกวันค่ะ ขอให้ Bell และน้องชายโชคดีผ่านวีซ่านะคะ พี่ขอบคุณมากสำหรับคำชมค่ะ ฝากบอกเพื่อนๆที่อยากกรอกฟอร์มวีซ่าเอง เข้ามาอ่านและถามได้ค่ะ พี่ยินดีช่วยนะคะ

  • Rata  On August 9, 2011 at 2:10 pm

    คุณ govisa คะ ยังมีปัญหาใหม่มาอีก
    1 ช่อง Have you ever been in the U.S. ถ้าเคยไปเที่ยวมา 2 ครั้ง ต้องตอบว่าYes ใช่ไหม
    2 รูปถ่ายของแฟน โหลดไม่ได้ อีก 4คนผ่าน แต่ก็ลองหลายครั้ง ไม่ทราบว่าต้องไปถ่ายใหม่ไหม แล้วค่อยเอาไปวันยื่นวีซ่าได้ไหม
    3 ตรวจสอบดูกรอกที่อยู่จะไปพัก ไม่ครบชื่อเมือง จะแก้ไขใหม่ ต้องเปลี่ยน No.confirmationใหม่ด้วยใช่ไหม
    ขอบคุณอย่างยิ่ง งงมากเลยค่ะ เมื่อก่อนไม่เห็นต้องยุ่งแบบนี้เลย

    • govisa  On August 9, 2011 at 9:56 pm

      น้อง DADA คะ
      1. ตอบ Yes ค่ะ แล้วจะมีช่องให้กรอกวันที่เข้าไปถึง US ล่าสุดก่อน ระยะเวลาที่เข้าไป เราสามารถคลิก add เพิ่่มจำนวนวันที่ของครั้งก่อนหน้าครั้งล่าสุดที่เข้าไปได้อีกด้วยค่ะ
      2. ถ้า upload รูปไม่ได้ จะถ่ายใหม่แล้วลอง upload อีกครั้งก็ได้ค่ะ แต่น้องบางคนเขาจะใช้โปรแกรม photoshop เก่ง อาจเปลียนแปลงขนาดนิดหน่อยก็จะสามารถ upload ได้โดยไม่ต้องไปถ่ายใหม่ค่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าถึงที่สุดแล้วคือพยายามไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ยังทำไม่ได้อยู่ดี ให้ถือรูปเข้าไปในสถานทูต แล้วให้เจ้าหน้าที่สถานทูตเขาทำให้แล้วกันค่ะ
      3. ใช่ค่ะ confirmation number จะเปลี่ยนไป ถ้าน้อง DADA คลิก sign and confirmation หลังจาก upload รูปถ่ายสำเร็จไปแล้วค่ะ พูดง่ายๆก็จะมีลักษณะเหมือนน้องกรอกใหม่ได้ Confirmation number ใหม่ค่ะ แต่ถ้าน้องยังไม่ได้คลิก sign and confirm กล่าวคือ แค่ upload รูปหน้าน้องกับคลิก confirm ว่าจะใช้รูปนี้แล้วกด save ไว้ก็จะยังแก้ไขได้อยู่ เพราะหลังจาก confirm this photo จะมีให้คลิก review คือตรวจทานทุกหน้าที่กรอกมาทั้งหมดว่า กรอกถูกไหม ช่วงนี้ค่ะที่น้องจะแก้ไขได้โดยยังใช้หมายเลข Confirmation Number เดิมอยู่ค่ะ

  • Bell  On August 10, 2011 at 6:59 am

    พี่ govisa ค่ะ เมื่อถึงวันไปสัมพาษณ์ ทางสถานทูตจะบอกผลการสัมพาษณ์เลยใช่ไหมค่ะ ว่า ผ่านหรือไม่ผ่าน

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On August 10, 2011 at 9:20 pm

      ใช่ค่ะ Bell ถ้ากงสุลเก็บ Passport ไว้และบอกว่าให้ไปจ่ายเงินค่าซองที่ไปรษณีย์จำนวน 75 บาท แปลว่าได้วีซ่าค่ะ สถานทูตจะส่ง Passport กลับมาให้ Bell ทางไปรษณีย์ด่วน EMS 3 วันทำการ ไม่นับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ค่ะ

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 10, 2011 at 6:15 pm

    1.การจ่าย SEVIS fee ทาง internet จะได้ใบเสร็จที่่เป็นทางการด้วยหลังจากจ่ายเงินแล้ว 2-3 สัปดาห์ใช่ไหมครับ (นอกจากใบเสร็จที่ print เอง)
    2. การ print DS-160 confirmation page ต้อง print แบบมีสีไหม หรือ print แบบขาว-ดำได้ครับ
    ขอบคุณครับ

    • govisa  On August 10, 2011 at 9:31 pm

      น้อง Thiti คะ
      1. ใช่ค่ะ ถ้าจ่ายทาง internet แล้วตัดค่าะรรมเนียม Sevis จากบัตรเครดิต สามารถ Print ใบเสร็จออกมาได้เลยทันทีค่ะ ส่วน ใบเสร็จค่าSevis ตัวจริงจะส่งกลับมาประมาณ 3 อาทิตย์ ปกติเวลาไปสัมภาษณ์จะใช้ใบเสร็จค่า Sevis I-901 ที่ Print ออกมาจาก printer ได้ค่ะ ใบเสร็จตัวจริงใช้ตอนตรวจตรงจุดผ่านด่านตรวจเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา และเก็บไว้ใช้ได้อีกในอนาคต เช่น วีซ่าหมดอายุ เพราะไปเรียนทั้งปริญญาตรีและโท ต้องทำวีซ่าใหม่ ก็ต้องใช้ใบเสร้จ Sevis อีกค่ะ ถ้าถามว่าทำใบเสร็จ Sevis หายไปจะทำอย่างไร จริงๆแล้วเข้าไปที่ http://www.fmjfee.com คลิก check status แล้วตรวจสอบว่าน้องจ่ายค่า Sevis หรือยังจะมีให้คลิกเลือก Print ใบเสร็จออกมาใหม่ได้ค่ะ
      2. ไม่จำเป็นต้อง Print DS-160 เป็นสี น้องสามารถ Print DS-160 ขาว-ดำได้ค่ะ

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 10, 2011 at 8:47 pm

    สวัสดีครับคุณ govisa ผมมีเรื่องสอบถามดังนี้ครับ
    1.การจ่าย SEVIS fee ทาง internet จะได้ใบเสร็จที่่่เป็นทางการ(I-797) ด้วยหลังจากจ่ายเงินแล้ว 3 สัปดาห์ใช่ไหมครับ (นอกจากใบเสร็จที่ print เอง)
    2. DS-160 confirmation page สามารถ print แบบขาว-ดำได้ไหม หรือต้อง print แบบมีสีครับ
    ขอบคุณครับ

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 10, 2011 at 8:47 pm

    สวัสดีครับคุณ govisa ผมมีเรื่องสอบถามดังนี้ครับ
    1.การจ่าย SEVIS fee ทาง internet จะได้ใบเสร็จที่่่เป็นทางการ(I-797) ด้วยหลังจากจ่ายเงินแล้ว 3 สัปดาห์ใช่ไหมครับ (นอกจากใบเสร็จที่ print เอง)
    2. การ print DS-160 confirmation page ต้อง print แบบมีสีไหม หรือ print แบบขาว-ดำได้ครับ
    ขอบคุณครับ

    • govisa  On August 10, 2011 at 9:31 pm

      ตอบแล้วนะคะน้อง Thiti ขอโทษนะคะที่ตอบช้าไปค่ะ

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 10, 2011 at 9:48 pm

    ขอบคุณมากครับคุณ govisa ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ post ไปหลายครั้ง เพราะครั้งแรก post แล้ว comment ไม่ขึ้นครับ, ผมรบกวนถามเรื่องการกรอก DS-160 อีกเล็กน้อยครับว่า ตรงที่กรอกชื่อเป็น native language ให้กรอกชื่อเป็นตัวอักษรภาษาไทยได้เลย ใช่ไหมครับ (เกรงว่าใช้ภาษาไทยแล้วจะมีปัญหาเวลายื่นเอกสารหรือสัมภาษณ์ครับ)

    ขอบคุณอีกครั้งครับ

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 12, 2011 at 2:52 am

    ขอบคุณครับคุณ govisa ผมขอสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการระบุวันที่จะไปและการ save application file เพิ่มครับ
    1.ถ้าวันที่ไปจริงไม่ตรงกับวันที่จะไปที่ระบุใน DS-160 เช่น ระบุว่าจะไปก่อนเริ่ม program เรียน 2-3 สัปดาห์ แต่ไปจริงประมาณ 10 วันก่อนเริ่ม program เรียนที่ระบุใน DS-2019 จะมีปัญหาอะไรไหมครับ (เนื่องจากยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบิน และถ้าระบุวันที่จะไปใน DS-160 ช้า เกรงว่าถ้าจำเป็นต้องเลื่อนวันเดินทางเร็วขึ้นจะไปไม่ได้ครับ) ทางสถานฑูตจะให้ visa ตรงตามวันที่ระบุว่าจะไปใน DS-160 หรือจะให้เผื่อก่อนวันเริ่ม program เรียนจริง 1 เดือน(ตามกฎที่ให้ไปได้ไม่เกิน 1 เดือนก่อนเริ่ม program)
    2.การที่ยังไม่ได้วางแผนวันที่จะไป, เที่ยวบินที่ชัดเจน หรือการใช้ passport ธรรมดา จะมีผลทำให้ขอ visa ได้ยากขึ้นหรือไม่ครับ
    3. การ save application to file ที่จะเก็บ file DS-160 ที่กรอกแล้วอย่างถาวรในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ thumb drive (ชื่อ file ลงท้ายด้วย .dat) ทำอย่างไรครับ เนื่องจากผม click ปุ่มดังกล่าวแล้ว save ไม่ได้ ต้องมี browser อะไรหรือรุ่นใดพิเศษไหม และในกรณีที่ submit application form และ print หน้า DS-160 confirmation page ไปแล้ว จะสามารถเรียกข้อมูลที่กรอกไปแล้วหรือ DS-160 confirmation page จาก https://ceac.state.gov/genniv/ ขึ้นมาอีกได้หรือไม่ครับ (แต่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้วใช่ไหมครับ)
    – ถ้า save application to file ได้สำเร็จ จะสามารถเรียกข้อมูลที่กรอกหรือ DS-160 confirmation page กลับมาดูและprint ภายหลังจากที่ submit DS-160 และปิดหน้า web ไปแล้วได้ไหมครับ
    ขอบคุณครับ

    • govisa  On August 12, 2011 at 10:46 am

      น้อง Thiti คะ

      1. น้องสามารถเปลี่ยนแปลงวันเดินทางได้โดยวันที่ต้องการเดินทางจริงอาจแตกต่างจากวันที่ที่ระบุไว้ใน DS-160

      เวลาสถานทูตให้วีซ่า จะเริ่มต้นนับอายุวีซ่าตั้งแต่วันที่น้องเข้าไปสอบสัมภาษณ์ เช่นสอบสัมภาษณ์วีซ่า 16 สิงหาคม 2011 วันเริ่มต้นวีซ่า คือ 16 สิงหาคม 2011วีซ่ามีอายุไปอีกนาน 5 ปี จะหมดอายุประมาณ 15 สิงหาคม 2016 ค่ะ

      2. น้องสามารถเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ก่อนหน้าวันที่ที่ระบุไว้ใน I-20 ( ให้เข้าประเทศได้อย่างช้าไม่เกินวันที่ เช่น 08-26-2011 เป็นต้น) ไม่เกิน 30 วัน ดังนั้น กรณีที่ยกตัวอย่างมา น้องสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2011 จะเดินทางวันไหนก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องที่พัก นักศึกษาจะเลือกไปกันคนละไม่เกิน 1 อาทิตย์ เพราะเดินทางไปก่อนหน้านานๆ หอพักก็จะยังไม่เปิดให้เข้าพัก ถ้าไม่มีคนรู้จักที่จะพอไปขอเขาพักอยู่ด้วย ก็จะเปลืองค่าโรงแรม ค่าอาหาร และอื่นๆค่ะ

      3. ยังไม่วางแผนวันที่เดินทางที่แน่นอนก็ไม่ป็นไร แต่พี่เป็นห่วงว่า อาจจะไม่สนุกเท่าไรนัก เพราะตั๋วเครื่องบินช่วงสิงหาคมค่อนข้างแน่นและหายาก เพราะเหมือนเมืองไทยที่เป็นช่วง Back to school ใครที่เดินทางไหนนอกประเทศก็ต้องรีบเตรียมตัวกลับไปเรียน เพราะโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกากำลังจะเปิดเทอมค่ะ บางครั้งนักศึกษาหาตั่วว่างได้แค่นาริตะ แต่จากนาริตะถึงอเมริกา ชื่่อกลับไปอยู่ใน waiting list กันเป็นอาทิตย์ สร้างความมเครียดและกดดันอีกว่า จะได้เดินทางเข้าไปทันเปิดเรียนในอเมริกาไหม

      ประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ได้มีการแบ่งแยกระหว่างหนังสือเดินทางธรรมดากับหนังสือเดินทางราชการค่ะ ไม่ต้องกังวลว่า หนังสือเดินทางราชการจะทำให้ขอวีซ่าได้ง่ายกว่า เพราะเขาดูประวัติว่า คนนั้นไม่เคยมีประวัติเสียหายทางกฎหมายมากกว่าค่ะ

      4. สามารถ save application to file ไว้ในเครื่องหรือ thumb drive ได้ค่ะ แต่เวลาจะใช้ หรือจะ print confirmation page ต้องเข้า internet http://ceac.state.gov/genniv/ แล้วคลิก retrieve application form จะมีให้กรอก Application ID หลังจากนั้นให้กรอกนามสกุล 5 ตัวอักษรแรก, ปีคศ.ที่เกิด, และคำถามที่ตั้งเป็นรหัสลับไว้ตั้งแต่แรกที่กรอกใบสมัครค่ะ ถ้ายังไม่ได้คลิก sign and confirmation ก็ยังแก้ไขฟอร์มได้อยู่ แต่ถ้า sign and confirmation ไปแล้วก็จะเข้าไปแก้ไขไม่ได้แล้วค่ะ ถ้ายังไม่ได้นัดวันสัมภาษณ์ แล้วอยากแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง เพราะไม่สบายใจ ก็กรอก DS-160 ใหม่ทั้งหมด จะได้ Confirmation Number มาใหม่ทั้งหมดค่ะ ค่อยเอา confirmation numberที่ได้ใหม่นี้ไปจองวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ

      อนึ่ง ถ้าต้องการจะ print application จะทำได้แค่เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นโปรแกรมจะไม่อนุญาตให้เรา print application ได้อีก เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้ข้อมูลตัวนี้ print เก็บไว้ก่อนเลย ถ้าลืม print print เฉพาะ confirmation page ออกมาแล้วปิดเครื่องไปแล้ว จะย้อนกลับมา print ใหม่ไม่ได้ค่ะ สำหรับ confirmation page จะ print กี่ครั้งก็ได้ และเวลายื่นขอวีซ่ากงสุลจะขอดูแต่ confirmation number page แต่คนที่กรอกเห็นมาหลายท่านแล้วก็คือ อยากได้หน้าที่เป็น application ด้วย และมักเขียนมาถามว่า ทำไม print application ออกมาไม่ได้ เพราะอย่างที่แจ้งให้น้องทราบ คือ print ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ

  • jang  On August 13, 2011 at 2:52 am

    สวัสดีค่ะพี่ รบกวนถามเกี่ยวกับการซื้อ pin จองนัดสัมภาษณ์หน่อยอ่ะค่ะ คือถ้าหนูเดินทางไปพร้อมกันกับน้อง นู๋สามารถซื้อ pin แค่รหัสเดียวคือ 20$ ใช่ไหมค่ะ คือสามารถจองได้ 2 คนพร้อมกันเลยใช่ไหมค่ะ และสัมภาษณ์วันเดียวกันพร้อมกันได้เลยใช่ไหมค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On August 13, 2011 at 3:37 pm

      ได้ค่ะน้อง Nujang ถ้าเป็นพี่น้องนามสกุลเดียวกันมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันค่ะ น้องจะนัดวันสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์วันเดียวกันพร้อมกันค่ะ

  • Nara  On August 13, 2011 at 8:00 pm

    ขอถามคุณ Kun Kwan และคุณ govisa ด้วยนะคะ ถ้าจะเรียนภาษาที่ Atlanta Georgia ควรเรียนที่โรงเรียนใหนดีคะและควรลงเรียนประมาณกี่เดือนดีคะ พอดีมีเพื่อนอยู่ที่นั่นค่ะ ที่พักฟรีเลยสนใจที่นั่นเหมือนกันค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

    • govisa  On August 14, 2011 at 10:03 pm

      น้อง Napat คะ โรงเรียนภาษาในอเมริกาจะมีทั้งที่เปิดสอนในวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยซึ่งจะมีการปิดเปิดเทอมเหมือนมหาวิทยาลัย ค่าเรียนอาจแพงกว่าโรงเรียนภาษาที่เป็นของเอกชนอยู่บ้างค่ะ แต่การเรียนการสอนจัดว่าใช้ได้ทีเดียวค่ะ

      ส่วนจะเรียนภาษากี่เดือนนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการไปเรียนภาษาของน้อง ถ้าน้องมีแผนการเรียนต่อปริญญาโท ก็ต้องดูว่า จะไปเรียนต่อป.โทด้านใด ยกตัวอย่างเช่น จะเรียนต่อด้าน MBA นักศึกษาต้องยื่นคะแนนสอบ TOEFL , GMAT ก็ควรจะทำให้ผ่านเกณฑ์ของ U ที่เราต้องการจะเรียน ถ้าคะแนนไม่ถึง U ก็ยังไม่รับเราเข้าเรียน ดังนั้น เราก็ต้องลงทะเบียนเรียนภาษาต่อไปอีก จนกว่าจะทำคะแนนสอบถึง มี U. ตอบรับเข้าเรียนต่อป.โทค่ะ ส่วนใหญ่ที่น้องไปๆเรียนภาษาเพื่อสมัครเรียนต่อป.โทกัน จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย จากสถิติ ประมาณ 1 ปีกันเป็นส่วนใหญ่ค่ะ บางท่านใช้เวลานานกว่านั้นก็มี เช่น 2 หรือ 3 ปี เพราะน้องๆยังสอบ TOEFL ยังไม่ถึงเกณฑ์ บางรายเปลี่ยนใจยอมสมัคร U ไม่ยากที่รับคะแนน TOEFL ไม่มากก็มีค่ะ มีน้องน้อยคนที่คิดจะไปเรียนภาษาอย่างเดียวแล้วกลับไทยค่ะ

      ลองดุรายชื่อที่เรียนภาษาและราคา แล้วลองสอบถามเพื่อนดูว่าไกลจากบ้านเพื่อนไหมนะคะ ถ้าไกลกันมาก ไม่ควรเลือกค่ะ

      โรงเรียนภาษาที่เป็นของมหาวิทยาลัยมี
      1. Georgia State University http://www2.gsu.edu/~wwwiep/Costs.html
      2. Georgia Institute of Technology http://www.esl.gatech.edu/iep/program-dates
      3. Mercer University http://international.mercer.edu/english-language-institute/eli-admissions.shtml

      โรงเรียนภาษาเอกชนทั่วไปในสหรัฐ การเปิดเทอมมักจะมีเปิดทุกเดือน บางแห่งมีเปิดทุกวันจันทร์ ค่าเรียนจะถูกกว่าค่าเรียนภาษาในมหาวิทยาลัยอยู่พอสมควร แต่ด้านการสอน ขึ้นอยู่กับสถานที่ บางแห่งมีคน post ไว้ลองค้นดูใน google ว่ามี review จากคนที่เคยไปเรียนที่ตรงนั้นๆมาแล้วไหมนะคะ มิเช่นนั้น ก็อาจจะเลือกโรงเรียนภาษาเอกชนที่แพงนิดหนึ่งแต่มีสาขาสอนอยู่หลายเมืองและได้รับการรับรองจากสถาบันที่ให้การรับรองภาษาในสหรัฐอเมริกา เช่น AAIEP, ACCET เป็นต้นค่ะ

      1. ELS Lanugage Center at Southern Polytechnic State University http://www.els.edu/th/ELSCenters/Detail?locid=ATL
      2. Atlanta English Institute http://www.atlei.com/about-location.asp
      3. English for Internationals http://www.eng4intl.com/programs/international-student-visa.php
      หรือจะลองเข้าไป search ดูใน website นี้ค่ะ http://www.intensiveenglishusa.org/SearchResult.asp?area=South จะมี list โรงเรียนภาษาให้เลือกหลายแห่งใน Georgia (GA) ค่ะ

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 14, 2011 at 3:05 am

    สวัสดีครับ ผมขอรบกวนถามเพิ่มเติมก่อนจะ submit ครับ
    1.ในหัวข้อ “Have you belonged to, contributed to, or worked for any professional, social, or charitable organization?” ถ้าทำงาน(เป็นแพทย์)ที่โรงพยาบาลรัฐบาล สังกัดมหาวิทยาลัย(ของรัฐ)แห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้ทำงานให้องค์กรทางสังคมหรือวิชาชีพหรือองค์กรการกุศลอื่น ควรตอบว่า Yes หรือ No ครับ (ไม่แน่ใจว่าโรงพยาบาลรัฐบาลถือว่าเป็น professional, social, or charitable organization ไหมครับ)
    2.ในกรณีที่เดินทางไป USA โดยออกค่าใช้จ่ายเองไปก่อน แล้วเบิกค่าใช้จ่ายทีหลัง ควรจะระบุใน Person/Entity Paying for Your Trip: ว่า SELF หรือ OTHER COMPANY/ORGANIZATION หรือระบุอย่างไหนก็ได้ครับ
    3.ในหัวข้อ U.S. Point of Contact Information ถ้าใช้ชื่อของ Alternate Responsible Officer ของ University ที่ออก DS-2019 ให้ เป็นบุคคลที่ให้ข้อมูลของเราได้ ตรง “Relationship to You” ควรใช้เป็น “SCHOOL OFFICIAL” หรือ “OTHER” ครับ
    ขอบคุณมากครับ

    • govisa  On August 14, 2011 at 8:53 pm

      น้อง Thiti คะ
      1. ตอบYes เพราะอาชีพแพทย์ ต้องมีใบประกอบโรคศิลป์ ซึ่่งนับว่าป็นส่วนหนึ่งของ Professional organization ได้ค่ะ
      2. ถ้าระบุว่าเป็น Organization or company ต้องมีจดหมายรับรองของทางทุนไปแสดงด้วยค่ะ มีจดหมายที่แสดงว่าได้รับทุนหรือยังคะ ถ้ายังไม่มีจดหมายดังกล่าว และจะต้องขอวีซ่าก่อน โดยต้องการจะระบุว่า Self เพราะอาชีพแพทย์มีรายรับพอสมควรในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่อยากจะเสนอน้อง Thiti คือ ถ้าจะใช้ self statement ในธนาคารต้องเป็นหลักล้านขึ้นไป เพราะจะได้ดูน่าเชื่อถือหน่อยว่า มีพอ support ตนเองและมีความผูกพันว่าจะกลับมาอยู่ประเทศไทย อันที่จริงอยากแนะนำให้ใช้ชื่อคุณพ่อหรือคุณแม่ร่วม support ด้วย จะได้ดูว่ามีความผูกพันที่จะต้องกลับมาดูแลพ่อแม่ที่ไทยหลังจากเรียนจบค่ะ

      แต่อันที่จริงเมื่อดูคำถามที่น้องเคยเขียนมาถาม รวมทั้งคำถามข้อ 3ในครั้งนี้ ซึ่งงระบุว่าน้องได้ DS -2019 ก็ควรจะขอวีซ่าแบบ J-1 ผู้เป็น sponsor ก็ไม่ควรใช้เป็น self ต้องเป็นทางผู้ที่ให้ทุน ออกจดหมายรับรองมานะคะ
      3. ต้องเป็น School official ค่ะ

  • หนิง  On August 14, 2011 at 5:13 pm

    สวัสดีค่ะ หนิงกรอกดีเอส160 แล้วพิมพ์หน้าที่มีบาร์โค้ดออกมาแล้ว ซื้อพินมาแล้วต้องเข้าเว็บไซด์ไหนคะเพื่อจองวันนัดสัมภาษณ์

  • หนิง  On August 14, 2011 at 9:34 pm

    ขอบคุณค่ะแต่คงต้องรอเข้าในวันจันทร์ค่ะ ขอบคุณนะคะ

    • govisa  On August 14, 2011 at 10:06 pm

      ส่งข่าวกันนะคะ น้อง Pim ว่า นัดได้วันไหนค่ะ

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 14, 2011 at 11:09 pm

    ขอบคุณคุณ govisa มากๆเลยครับ ตอบคำถามได้ชัดเจนและตรงประเด็น ช่วยให้ผมกรอกข้อมูลได้อย่างมั่นใจขึ้นมาก
    1.ผมมีข้อสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับการศึกษาระดับมัธยม ถ้าจบมัธยมปลายโดยเรียนในโรงเรียน 2 ปี(ไม่ได้เรียนชั้น ม.6)พร้อมกับสอบเทียบมัธยมปลาย แล้วใช้วุฒิฯจากการสอบเทียบไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย ให้กรอกชื่อโรงเรียนที่เรียน 2 ปีหรือกรอกว่าจบจากกรมการศึกษานอกโรงเรียน(สอบเทียบ)ครับ
    2.ไม่ทราบว่าสถานฑูตเขาจะสอบถามรายละเอียดการศึกษาระดับมัธยมมากไหมครับ แล้วต้องเตรียมเอกสารแสดงผลการเรียนหรือวุฒิการศึกษาระดับมัธยมตอนต้น และตอนปลายเวลาสัมภาษณ์ด้วยไหมครับ
    ขอบคุณครับ

    • govisa  On August 15, 2011 at 4:57 am

      น้อง Thiti คะ
      1. ถ้าจำรายละเอียดโรงเรียนที่ไปสอบเทียบไม่ได้ จะใส่ชื่ิอโรงเรียนมัธยมศึกษาที่เรียน 2 ปีก็ได้ แต่ปีค.ศ.ที่จบให้ใส่เหมือนเรียนมา 3 ปีค่ะ แต่ถ้าจำรายละเอียดชื่อโรงเรียนสอบเทียบได้ ก็ให้ใส่ชื่อโรงเรียนมัธมศึกษาที่ไปสอบเทียบมาค่ะ
      2. กงสุลดูเฉพาะ transcript สถานศึกษาสุดท้ายที่เรียนจบป.ตรีมา ถ้าจบแพทยศาสตร์มาก็จะดู transcript ที่เรียนจบแพทย์มาค่ะ ไม่ต้องนำหลักฐานที่จบมัธยมศึกษาไปให้กงสุลดูค่ะ ยกเว้นพวกที่เรียนจบปริญญาตรี 2 ปี ต้องแสดงหลักฐานที่เรียนจบ ปวส. ด้วย หรือ ในบางรายถูกถามย้อนไปถึงปวช.ด้วยซ้ำไปค่ะ

  • Bell  On August 15, 2011 at 7:35 am

    พี่ govisa ค่ะ คือว่าเบลอยากทราบว่า มีวีซ่า กรณีไปฝึกงานที่อเมริกาด้วยเหรอค่ะ ไปได้ช่วงจบก่อน 1 ปีง่าค่ะ เพื่อนเบลทำเรื่องกับบริษัทหนึ่ง ซึ่งทำวีซ่า ติดต่อบริษัทที่อเมริกา บริษัทมีการสัมภาษณ์ เพื่อนบอกว่าขอไปทำงานที่อเมริกาได้ 1 ปี ตอนนี้กำลังเดินเรื่องนัดสัมภาษณ์ ค่ะ แต่เพื่อนบอกว่า มีเงินแค่ 2 แสนกว่าบาทก็ไปได้แล้ว เบลล์อยากทราบว่ามีจริงเหรอค่ะ ที่ไปฝึกงานได้ด้วย แล้วมีเงินแค่นี้พอเหรอค่ะ เพื่อนจะโดนหรอกไหม ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On August 15, 2011 at 8:23 pm

      ให้ Bell ดูที่ http://j1visa.state.gov/programs/intern เพื่อน Bell จะได้ J-1 visa ซึ่งเขาอาจจะไปในลักษณะ Au Pair (เป็นพี่เลี้ยงเด็ก) หรือไปทำงาน Intern ตามเว็บไซต์ที่ให้ไว้ หรือจะดูจากที่ copy มาให้อ่าน แต่อย่าลืมว่า งานแต่ละอย่างก็จะมีเงื่อนไขจำกัดอยู่บ้าง
      Interns must be foreign nationals:
      Who are currently enrolled in and pursuing studies at a foreign degree- or certificate-granting post-secondary academic institution outside the United States; or
      Who have graduated from such an institution no more than 12 months prior to their exchange visitor program start date.
      Benefits
      Practical Experience: The program bridges the gap between formal education and practical work experience.
      More information
      Limitations/Exceptions for Intern work environment
      Interns cannot work in unskilled or casual labor positions, in positions that require or involve childcare or elder care or in any kind of position that involves medical patient care or contact. Nor can interns work in positions that require more than 20 percent clerical or office support work.

      Internships are offered in the following occupational categories:
      Agriculture, Forestry and Fishing;
      Arts and Culture;
      Construction and Building Trades;
      Education, Social Sciences, Library Science, Counseling and Social Services;
      Health Related Occupations;
      Hospitality and Tourism;
      Information Media and Communications;
      Management, Business, Commerce and Finance;
      Public Administration and Law; and
      The Sciences, Engineering, Architecture, Mathematics and Industrial Occupations.

      ส่วนใหญ่งานที่ agent หาก็มักจะเป็นงานโรงแรมค่ะ พี่ไม่ทราบว่า เขาจะสามารถหางานประเภทอื่นๆได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ วีซ่าพวกนี้มีอายุแค่ 1 ปีค่ะ และเขาจะจำกัดชั่วโมงการไปเรียนภาษาอังกฤษ (มีน้องบางคนที่อยากไปเพิ่มพูนความรู้ภาษาอังกฤษค่ะ) พี่จำไม่ได้ว่าจำกัดไม่เกินวันละ 2 หรื 3 ชั่วโมงค่ะ

  • หนิง  On August 15, 2011 at 10:22 am

    พี่ค่ะวันนี้พิมเข้าเว็บที่พี่บอกแล้วนะคะกรอกข้อมูลคือชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน คำถามส่วนตัว เลือกภาษา และอีเมล์แอดเดรส คลิกส่งปรากฎว่ากลับมาหน้าเดิมและมีอักษตัวแดงว่า รหัสเข้าเฉพาะนี้ใช้ไม่ได้ เข้าไปตอน9.20น ว่าจะลองเข้าอีกที่ตอนบ่าย มีใครเคยมีปัญหาแบบนี้ไหมคะ

    • govisa  On August 15, 2011 at 8:03 pm

      น้องหนิงต้องเข้าเว็บไซต์หลังบ่ายโมงไปแล้วค่ะ คิดว่าตอนนี้คงทำได้แล้วนะคะ ข้อความจากเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์เขาเขียนไว้ดังนี้ค่ะ

      ถาม: รหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) ของข้าพเจ้าใช้ไม่ได้ ต้องทำอย่างไร

      หากท่านซื้อรหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) จากที่ทำการไปรษณีย์ ท่านจะสามารถใช้รหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) นี้ได้ หลังเวลา 13.00 น. ของวันทำการถัดไปเท่านั้น เช่น หากท่านซื้อรหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) ในวันจันทร์ ท่านจะใช้ได้หลังบ่ายโมงของวันอังคาร แต่ทว่า หากท่านซื้อรหัสเข้าใช้เฉพาะ (PIN) ในวันศุกร์ ท่านจะใช้ได้หลังบ่ายโมง ของ วันจันทร์ ซึ่งเป็นวันทำการถัดไปเท่านั้น

      อนึ่ง พี่เคยพบปัญหานัดจากพินที่ซื้อที่ไปรษณีย์ 1 ครั้งประมาณ 1 ปีมาแล้ว คือ ทำการนัดสัมภาษณ์หลังบ่ายโมงแต่ยังทำนัดไม่ได้ค่ะ ลองทำอยู่ 2 วันติดๆกันให้เพื่อนๆเบื่อมากยอมทิ้งพินที่ซื้อจากไปรษณีย์ และยอมตัดใจใช้บัตรเครดิตซื้อพินใหม่ค่ะ พี่หวังว่า น้องจะไม่เจอเหตุการณ์ร้ายๆแบบนั้นนะคะ

  • ชมพู่  On August 15, 2011 at 2:06 pm

    อยากรบกวนถามว่า กรณีที่เราไปกับทัวร์ วันที่ไปสัมภาษณ์เราจะต้องมีใบเสร็จจองทัวร์ไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูหรือไม่ค๊ะ คือว่าฉันยังไม่ได้จองทัวร์เลย กะว่าไปสัมภาษณ์ก่อนถ้าวีซ่าผ่านถึงค่อยทำการจองทัวร์ค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On August 15, 2011 at 8:24 pm

      น้องชมพู่คะ ไม่ต้องมีใบเสร็จจองทัวร์ค่ะ เอาแค่ใบบอกรายการทัวร์ว่า ทัวร์พาไปเที่ยวที่ไหนบ้างติดตัวไปด้วยในวันสอบสัมภาษณ์ค่ะ

  • som_chun  On August 15, 2011 at 6:04 pm

    สวัสดีค่ะ ขอถามการขอวีซ่านะค่ะ คือเราต้องเตรียม
    1. DS 160 2. รูปถ่าย (ไม่เกิน 6 เดือน) 3.พาสปอร์ส 4. หนังสือรับรองการทำงาน 5. I-20 6. ค่า Sevis FEE และเอกสารอื่นๆ เช่น Stament ของคนที่ออกค่าใช้จ่ายให้ใช่มั๊ยค่ะ

    ถ้าในกรณีที่เราทำงานในร้านอาหาร และร้านอาหารต้องการขยายแฟรนชายส์ เป็นสปอนเชอร์ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับให้ สนับสนุนให้เราเรียนที่ USA เพื่อเป็นหุ้นส่วนในสาขาแฟรนชายส์ที่เค้าจะเปิดใหม่อีกเรื่อยๆ แต่กลับมาต้องมาทำงานในร้านอาหารของเค้าอีก หนังสือรับรองการทำงานจะระบุยังไงค่ะ ถ้าขอไป 2-3 ปี จะได้หรือป่าว ส่วนเรืองค่าใช้จ่ายคุณพ่อออกค่าเรียนให้ ขอ Stament เมื่อวันที่ 8 มิย. ยอดเงินประมาณ 1 ล้าน (เพราะทำเรื่องเรียน ที่ แคลิฟอเนีย จากสถาบัน http://www.languagesystems.com ได้ใบ I-20+Sevis FEE มาแล้ว วันที่ 15 ส.ค นี้เอง) และวันที่ 16 ส.ค. ให้คุณพ่อขอ Stament ย้อนหลัง 6 เดือน เงินในบัญชีเหลือประมาณ 5-6 แสน แต่วันที่ไปสัมภาษณ์คุณพ่อจะเอาเงินเข้าให้ถึง 1 ล้าน มันจะดูน่าเชื่อถือหรือป่าว คุณพ่อทำธุรกิจรถมือ 2 เป็นนายหน้าธรรมดา ไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง และไม่ได้จดทะเบียนการค้า เงินเก็บในบัญชีเรา มี 3 บัญชี รวมกันแล้ว ประมาณ 3 หมื่นเอง เรื่องที่พักให้ทางสถาบันหาให้ ตอนนี้ซื้อพินขอสัมภาษณ์แล้ว แผนที่วางไว้จะไปเดือนกันยายน เพราะโรงเรียนเปิด ตุลาคม จะขอสัมภาษณ์ภายในเดือนนี้ จะทันหรือป่าว (กังวลมากกกกก ปรึกษาให้ก้อได้มาหลายคำตอบจนงงไปหมดแล้ว)

    ขอบคุณนะค่ะ

    • govisa  On August 15, 2011 at 9:26 pm

      น้อง Somchun เมื่อน้องถามหลายที่ก็ต้องมีหลายความเห็น จึงตกเป็นหน้าที่น้องที่ต้องเลือกเอาคำตอบที่ดูดีที่สุดเหมาะที่สุดสำหรับเราเข้าไปสัมภาษณ์ค่ะ ขอให้คิดว่า เรากำลังจะเสนอหัวขอวิทยานิพนธ์์ให้อาจารยืฟัง ทำอย่างไร อาจารย์ถึงจะเห็นด้วยกับสิ่งที่เราเสนอไปนะคะ ก่อนอื่นมาทบทวนเอกสารขอวีซ่า F-1 กันก่อนคือ
      1. I-20
      2. Sevis I-901 receipt
      3. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าจ่ายที่ไปรษณีย์จำนวน 4,340 บาท
      4. หนังสือเดินทาง
      5. ใบยืนยัน DS-160 Confirmation Number
      6. Transcript
      7. จดหมายรับรองการทำงาน ระบุตำแหน่งงาน เงินเดือน และวันแรกที่เริ่มเข้าไปทำงาน
      8. รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว คูณ 2 นิ้วจำนวน 1 ใบ ที่จริงถ้าน้อง Upload รูปไปไว้ในฟอร์ม DS-160 ได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องถือรูปเข้าไปค่ะ
      9. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครอง ตรงนี้ถ้าอ่านจากที่น้องเขียนมา ต้องขอสารภาพว่าเป็นประเด็นอ่อนไหวใน case ของน้องเลยทีเดียว เพราะยอดเงินในบัญชีลดลงไปจนน่าเป็นห่วง การนำเงินเข้าบัญชีควรจะมีจังหวะค่อยๆทยอยเอาเข้าบัญชีไม่ใช่ใส่เข้าบัญชีวันนี้ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ไปขอวีซ่า ดูเหมือนตบแต่งบัญชี และอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ว่า ไม่มีเงินจริงๆนะคะ ต้องไปขอหยิบขอยืมใครเค้ามาใส่ในบัญชีค่ะ ดังนั้น ต้องมีเทคนิคในการนำเงินเข้าบัญชี และคงต้องยอมแช่ทิ้งไว้ในบัญชีด้วยค่ะ

      คำว่า เงินเก็นในบัญชี 3 บัญชีมีแค่ 3 หมื่นเอง(ที่น้องเขียนมา)หมายความว่า คุณพ่อมีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ 3 หมื่นเท่านั้นใช่ไหมคะ แล้ว 5-6 แสนเป็นบัญชีเงินฝากประเภทไหนคะ กระแสรายวัน หรือ เบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft) เป็นบัญชีเงินฝากในรูปเงินฝากของบริษัทใช่ไหมคะ ถ้าเป็นอย่างที่กล่าวมา ขอรบกวนสอบถามคุณพ่อคุณแม่ว่ามีญาติที่อยู่ในเมืองไทย และมีเงินเก็บในบัญชีธนาคารสักประมาณ 1 ล้านขึ้นไปมีบ้างไหม เป็นไปได้ไหมที่จะขอร้องให้เขา sponsor ร่วมกับคุณพ่อค่ะ เมื่อน้องได้วีซ่า และเดินทางไปแล้วคงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อน้อง ที่ต้องออกเงินให้น้องเรียนเอง อธิบายให้ญาติเข้าใจเดี๋ยวเขาจะไม่กล้าค้ำประกันน้องค่ะ

      การที่จะบอกให้เจ้าของร้านอาหารประเภท Franchise ค้ำประกันให้ ถ้าเราไม่ใช่ญาติ ความเสี่ยงมีสูงค่ะ และที่บอกว่าเขาจะ Support ให้เราไปเรียนภาษา2-3 ปี แล้วกลับมาทำงานร้านอาหารเขา ซึ่งเขากำลังจะขยายร้านอาหารประเภท Franchise ของเขาไปเรื่อยๆ ฟังดูเหมือนเรื่องเล่าสู่กันฟัง คนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนระหว่าน้องกับกงสุล เวลาน้องยืนสัมภาษณ์อยู่ต่อหน้ากงสุลๆจะประเมินแล้วว่า กงสุลควรเชื่อสิ่งที่น้องพูดมากน้อยแค่ไหนนะคะ อีกประการหนึ่ง กงสุลคงจะดูชื่่อรานอาหารด้วยค่ะว่า มีความเป็นไปได้ไหมที่จะเปิดใหม่ไปเรื่อยๆค่ะ กงสุลเขามีเจ้าหน้าที่คนไทยที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ซึ่งคนไทยด้วยกันคงพอจะอธิบายให้กงสุลเข้าใจได้ว่า น่าเชื่อถือไหม ตี๊ต่างง่ายๆนะคะ ถ้าน้องบอกว่า น้องเป็นญาติ S&P หรือข้าวมันไก่เจมส์ ก็พอเห็นภาพว่าเป็นไปได้ที่จะขยาย Franchise ไปได้เรื่อยๆ ทีนี้มาดูสิ่งที่น่าคิดและน่าวิตกอีกประเด็นถ้าเขาถามว่า มีความจำเป็นอะไรหรือที่ร้านอาหารต้อง support ให้น้องไปเรียนภาษาแถว Los Angeles ร้านอาหารมีหลายประเภทๆที่เข้าไปซื้อพื้นที่ในศูนย์อาหารก็อาจจะนับเป็น franchise ได้ เขามีความจำเป็นอะไรไหม ที่ต้องช่วยส่งให้น้องไปเรียนไกลถึงอเมริกา ร้านเขาจะทำธุรกิจกับชาวต่างชาติ หรือมีเหตุผลใดที่เขาต้องช่วย support ให้น้องฟังพุดอ่านเขียนภาษาอังกฤษให้ได้ดีมากๆจนน้องต้องไป 2-3 ปีค่ะ น้องต้องสั่งซื้ออาหารมาจากต่างประเทศหรือเปล่า หรือ มีชาวต่างประเทศเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านบ่อยๆ หรือ จะขยายธุรกิจสาขาไปอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน ฯลฯมีความต้องการอยากได้ลูกจ้างที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ ถ้าเราเอาเหตุผลเข้าไปพิจารณา เราจะเห็นจุดอ่อน เปรียบเทียบได้ว่า ถ้าเราจะเสนองานวิทยานิพนธ์ให้กรรมการตัดสิน เราอาจสอบไม่ผ่านค่ะ น้องควรดูที่ความสัมพันธ์ระหว่างน้องกับร้านอาหาร แท้จริงแล้วเขาเป็นใคร อยู่ในฐานะอะไรกับเรา จะมีความเป็นไปได้ไหมที่เขาจะเป็นญาติห่างๆกับเรา และเวลาที่เราจะใช้เขาค้ำประกันเราจะระบุว่า เขาเป็น other parent ไปดีกว่าไหม เป้นต้นค่ะ

      ส่วนโรงเรียนภาษาที่เลือกเป็นโรงเรียนภาษาเอกชนแถวแอลเอ มีอยู่ 5 สาขา ค่าเล่าเรียนไม่สูงมากนัก ย่อมมีคนไทยที่อยากอยู่ตามเมืองใหญ่ ค่าเรียนถูก และพูดกันตรงๆนะคะ คงมีใครบางคนหรืออาจจะหลายคนแอบทำบางสิ่งบางอย่างที่กฎหมายสหรัฐอเมริกาห้ามไว้สำหรับผู้ถือวีซ่านักเรียน F-1 เช่น ห้ามทำงานนอกแคมปัสตามร้านอาหารไทย และอื่นๆ เป็นต้น กงสุลจึงอาจจะอยากสัมภาษณ์น้องเพื่อทดสอบความตั้งใจจริงของน้องว่า น้องจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งทนอยู่ในเมืองที่มีสิ่งเย้ายวนหรือเป็นอุปสรรคต่อการเรียนได้มากน้อยแค่ไหน เช่น อาจมีคำถามถามน้องว่า ทำไมเลือกไปเรียนภาษาที่เมืองนี้เพราะเหตุใด น้องควรเตรียมตัวตอบคำถามให้ประทับใจ ลองหาจุดเด่นของโรงเรียน หรือของเมืองดูนะคะ บางทีอาจจะไม่ยากอย่างที่พี่เขียนมาก็ได้ ขอให้คิดว่า สิ่งที่พี่บอก คือ ชี้จุดอ่อนจากสิ่งที่น้องเขียนมาถาม น้องมีหน้าที่หาทางปิดจุดอ่อนนั้นด้วยหลักฐานที่น่าเชื่อถือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้ได้วีซ่าไปเรียนสมตามความตั้งใจนะคะ

      อนึ่ง อย่ากังวลเรื่องจะขอนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าว่าอาจจะทำให้เดินทางไปไม่ทัน ตอนนี้ส่วนใหญ่วีซ่านักเรียนกำลังทยอยเดินทางเข้าประเทสสหรัฐอเมริกากันแล้วค่ะ ดังนั้นเมื่อเข้าเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์จะเห็นวันว่างสีเขียวจำนวนมากค่ะ ช่วงตุลาคมเปรียบเทียบกับฤดูกาลท่องเที่ยว สามารถพูดได้ว่า เป็นช่วง low season ค่ะ น้อง Somchun ได้เดินทางทันแน่นอน ขอให้เตรียมหลักฐานที่หนักแน่นและน่าเชื่อถือเท่าที่จะทำได้ค่ะ

  • somchun  On August 15, 2011 at 8:49 pm

    สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามการขอวีซ่า สรุปว่าเราต้องเตรียม
    1. ฟอร์ม DS 160 2. รูปถ่าย (ไม่เกิน 6 เดือน) 3. พาสปอร์ต 4. i-20 5. หนังสือรับรองการทำงาน 6. sevis fee และเอกสารอื่นๆ เช่น stament ของสปอนเชอร์เราใช่มั๊ยค่ะ

    กรณีที่เราทำงานร้านอาหาร แล้วที่ร้านจะออกค่าเดินทางไปกลับให้ และเรียนจบต้องกลับมาทำงานที่เดิม ในหนังสือรับรองการทำงานจะระบุยังไงค่ะ เนื่องจากเราทำงานกับเค้ามานาน เค้าไว้ใจ และจะเปิดสาขาใหม่อีกประมาณ 2-3 ปี แต่ค่าเรียนคุณพ่อเป็นคนออกให้นะค่ะ ให้คุณพ่อขอ Stament เมื่อเดือนมิย. 54 จำนวนเงิน 1 ล้าน (เพื่อสมัครเรียนที่ http://www.languagesystems.com ที่ แคลิฟอร์เนีย) และภายในสัปดาห์นี้ให้คุณพ่อ ขอ Stament ย้อนหลัง 6 เดือน เงินล่าสุดประมาณ 5-6 แสนค่ะ แต่วันที่ไปสัมภาษณ์จะนำ BookBank คุณพ่อไปมียอดเงินเกือบล้านจะได้หรือป่าวค่ะ ส่วนเงินตัวเองมีรวมแล้ว ประมาณ 3 หมื่นบาทเอง (คุณพ่อขายรถมือ 2 ค่ะ เงินจะเข้าออกไม่แน่นอน ไม่ได้มีหน้าร้านและไม่ได้จดทะเบียนด้วยค่ะ) แผนที่ว่างไว้จะเรียนไปเรียน 3 ปี บินเดือนกันยา เพราะกำหนดเรียนต้นเดือนตุลา ตอนนี้ได้ I-20+sevis fee ที่ทางโรงเรียนสงมาให้แล้วค่ะ และได้ขอหนังสือรับรองที่เรียนภาษาอังกฤษ AUA ไว้ด้วย เพราะเกรงว่าไปสัมภาษณ์ทางสถานทูตจะให้เรียนภาษาก่อนไป ส่วนเรื่องที่พักให้ทางโรงเรียนจัดหาให้อ่ะ

    ขอบคุณมากนะค่ะ (กังวลมากเลยค่ะ)

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 16, 2011 at 12:19 am

    -ในDS-160 เราไม่ต้องกรอก confirmation number ของ ใบเสร็จที่จ่ายค่า SEVIS I-901 fee ใช่ไหมครับ เพราะไม่เห็นมีช่องให้กรอก (มีแต่ช่อง SEVIS ID กับ program number ใช่ไหมครับ) เพราะเคยได้ยินมาว่าต้องใช้ number จากใบเสร็จของ SEVIS I-901 มากรอกใน DS-160 แต่จริงๆแล้ว SEVIS ID กับ program number มีใน DS-2019 อยู่แล้ว, ดังนั้น สามารถจ่ายค่า SEVIS fee ทีหลังได้ใช่ไหม แล้วconfirmation number ของ ใบเสร็จที่จ่ายค่า SEVIS I-901 fee ใช้ตอนไหนครับ
    -ขอบคุณมากครับ

    • govisa  On August 16, 2011 at 5:05 am

      น้อง Thiti คำว่า Sevis Number ที่จะต้องกรอกใน DS-160 กับหมายเลข Sevis I-901 หลังจากที่เราจ่ายเงินแล้ว หมายเลขตรงกันเลย ดังนั้นจะจ่ายเงินก่อนหรือหลังกรอก DS-160 ก็ได้ค่ะ คือ น้องสามารถนำหมายเลข Sevis ที่ปรากฏอยู่บน DS-2019 มากรอกใน DS-160 ได้เลยค่ะ ส่วนค่า Sevis ที่น้องต้องจ่าย คือ 180 เหรียญ ค่ะ และ ผู้ที่ใช้ DS-2019 ในการขอวีซ่า จะต้องกรอก program number ซึ่งน้องจะสังเกตเห็นคำว่า Program number ชัดเจนอยู่ที่หน้าแรกของ DS-2019 ค่ะ

  • ผู้สมัคร J-1 visa  On August 16, 2011 at 12:39 am

    ผมมีปัญหาช่วงที่จะ sign and submit application (DS-160) ไม่สามารถทำได้ครับ เหมือนระบบไม่ตอบสนอง ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรครับ
    ขอบคุณครับ

    • govisa  On August 16, 2011 at 5:10 am

      พี่คิดว่า น้อง Thiti คงแก้ไขปัญหาได้แล้ว Print DS-160 Confirmation ออกมาได้แล้วนะคะ เพราะเป็นไปได้ที่ระบบมันค้างค่ะ มีหลายคนที่พบเหตุการณ์นี้คลิก back กลับไป หรือไม่ก็ปิดแล้วเปิดเข้าไปที่เว็บไซต์กรอก DS-160 ใหม่ พร้อมกับเลือกที่จะทำการ Retrieve ข้อมูลเพื่อจะได้ข้อมูลเดิมที่กรอกไว้แล้ว เมื่อเจอหน้าที่ให้เรา sign and submit application คลิกใหม่ ทำกลับไปกลับมาจนได้ค่ะ พี่จึงหวังว่า น้องคงจะประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาแล้วค่ะ

  • som_chun  On August 16, 2011 at 12:22 pm

    ขอบคุณค่ะพี่ govisa จำนวนเงิน 3 หมืน เงินส่วนตัวส้มเอง ส่วน5-6 แสน เป็นเงินในบัญชีออมทรัพย์ของคุณพ่อ คุณพ่อจะมีเงินเข้าออก ส่วนใหญ่จะเป็นก้อน ถ้าสัปดาห์นี้ขายรถได้เยอะเงินก้อจะเข้าเยอะ แต่ถ้าต้องซื้อรถเงินก้อจะออกเยอะเหมือนกัน ส่วนร้านอาหารเป็นร้านของเพื่อนที่เค้าเปิดมานาน 3-4 ปี แล้ว (แถวถนนจรัญฯ) เค้ากำลังขยายจึงหาหุ้นส่วนเพิ่ม (ขยายที่ทองหล่อ) ส้มเข้าไปคุยกับเค้าเรื่องอยากเป็นหุ้นส่วน+ตอนนี้อยากไปเรียนเมืองนอก เพราะอยากได้ภาษาเค้ากับมา (รู้สึกว่าเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทย แล้วไม่เก่งขึ้น) เพื่อนเลยโอเค เพราะเค้าเคยไปเมืองนอกมาเหมือนกัน อยู่เกือบปี เค้ามั่นใจเรื่องภาษาขึ้นมาก เค้าเลยจะออกตั๋วให้อ่ะค่ะ ส้มเข้าใจว่าสถานทูตคงไม่เชื่อเท่าไร และจะให้อธิบายให้คนอื่นๆ ที่ไม่สนิทคงเข้าใจยาก ถ้างั้นหนังสือรับรองคงออกเป็นตำแหน่ง+ระยะเวลาคงจะดีกว่า ขอบคุณพี่ govisa อีกครั้ง ถ้ามีคำถามขอรบกวนอีกนะค่ะ

    • govisa  On August 16, 2011 at 9:37 pm

      ด้วยความยินดีค่ะน้อง Somchun ถ้าคุณพ่อขายรถได้ให้ช่วงนี้ทยอยเอาเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งเอาเงินไปซื้อรถเพื่อมาขายต่อใหม่อีก เพราะน้องน่าจะเริ่มยื่นขอวีซ่า F-1 ประมาณปลายสิงหานี้เป็นอย่างเร็ว หรือถ้าจะให้ตัวเลขในบัญชีธนาคารดูดีดูเหมาะสมหน่อย น่าจะเป็นกลางเดือนกันยายนมากกว่าค่ะ เพราะโรงเรียนภาษาที่สมัครไว้เปิดเรียนเดือนตุลาคม หลังจากวีซ่าผ่านแล้ว คุณพ่อค่อยถอนเงินไปซื้อรถใหม่เหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติค่ะ

      ส่วนทองหล่อเป็นย่านที่มีชาวต่างชาติอยู่มากพอสมควร ก็น่าจะนำข้อมูลนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ว่า น้องจะต้องกลับมาดูแลร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีชาวต่างประเทศมากค่ะ การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อธุรกิจ ชี้แจงกงสุลว่า น้องได้เพียรพยายามไปเรียนภาษาที่ AUA แล้ว แต่ยังพูดไม่ได้ จึงคิดว่า จะลงทุนไปเรียนกับเจ้าของภาษานานประมาณ 6 เดือน แล้วจะต้องกลับมาประเทศไทยเพื่อทำงานที่ร้านนี้ต่อค่ะ ถ้าให้เพื่อนออกจดหมายรับรองว่า น้องจะกลับมาที่ร้านเพื่อนหลังจากเวลาผ่านไป 6 เดือนแล้ว เพื่อนจะช่วยได้ไหมคะ สรุปใน case ของ Somchun การขอวีว่าเพื่อไปเรียนภาษาอังกฤษนานประมาณ 6 เดือนแล้วกลับ น่าจะดูพอเหมาะกับจำนวนเงินในบัญชีมากกว่าค่ะ น้องไม่ต้องกลัวว่า จะได้ระยะเวลาอายุวีซ่าน้อย เมื่อกงสุลอนุมัติวีซ่า ส่วนใหญ่แล้ว F-1 visa กงสุลให้มีระยะเวลานาน 5 ปีค่ะ ลองเอาไปพิจารณาดูนะคะ ได้ผลวีซ่าเป็นอย่างไร เล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ เอาใจช่วยค่ะ

  • ชมพู่  On August 16, 2011 at 12:52 pm

    วันสัมภาษณ์ช่วงนี้เขียวเยอะมากเลย เราได้มาแล้วเตรียมตัวจะไปวันจันทร์นี้ ใครกำลังหาวันนัดสัมภาษณ์รีบเข้าไปดูนะเขียวทั้งปลายเดือนสิงหา แล้วก็กันยาช่วงกลางเดือนมีให้เลือกหลายวันมากเลย ตอนนี้ตื่นเต้นสุดๆในใจก็กลัวไม่ผ่าน แต่ก็แอบมีความหวังเล็กๆว่าจะได้ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังค่ะ

    • govisa  On August 16, 2011 at 9:38 pm

      ขอบคุณค่ะน้องชมพู่ ที่ช่วยบอกเพื่อนๆว่า ช่วงนี้มีมีวันว่างสีเขียวให้จองเหลืออยู่อีกหลายวัน ขอให้ความเอื้อเฟื้อของน้องส่งผลให้น้องขอวีซ่าได้นะคะ

  • หนิง  On August 16, 2011 at 12:54 pm

    สวัสดีค่ะ เมื่อวานหนิงจองวันนัดสัมภาษณ์ได้แล้วนะคะ เข้าพินตอนบ่ายโมงครึ่งค่ะไม่มีปัญหาอะไรและจองวันได้วันที่ 23สิงหานี้ค่ะ แล้วจะส่งข่าวอีกนะคะ

    • govisa  On August 16, 2011 at 9:39 pm

      ขอให้หนิงเป็นอีกหนึ่งคนที่สอบสัมภาษณ์ผ่านนะคะ

  • mint  On August 17, 2011 at 11:37 am

    พี่govisaคะ เรากรอกในdsไปว่าไปเรียนภาษา 1 ปี แต่ถ้าเวลาสัมภาษณ์เราจะบอกเค้าว่า ไปเรียนภาษา1ปีแล้วจะสอบ toefl เรียนโทต่อได้มั้ยคะ มันจะขัดแย้งกับที่เรากรอกไปว่า 1ปีหรือเปล่าเพราะถ้าจะต่อโทก็ต้องเกิน 1ปีอยู่แล้ว

    หรือว่าถ้าเรากรอกไปว่า1ปี ก็ต้องไปแค่1ปีแล้วกลับก่อน

    • govisa  On August 17, 2011 at 8:31 pm

      น้อง Mint คะ ตกลงน้องนัดวันสัมภาษณ์หรือยังคะ ถ้ายังไม่ได้นัดสัมภาษณ์ เข้าไปแก้ไขกรอกฟอร์มใหม่ดีไหมคะ แต่ถ้านัดวันสัมภาษณ์แล้ว ถูกกงสุลถามว่าไปเรียนอะไร ก็คงต้องบอกว่า ไปเรียนภาษา ถ้ากงสุลถามต่อไปว่าหลังจากเรียนภาษาจบแล้วจะทำอะไร ก็บอกไปว่า จะสอบ TOEFL และ GMAT เพื่อวางแผนเรียนต่อปริญญาโท MBA ที่ ….. เช่น Long Island U หรืออื่นๆ เป็นต้นค่ะ และที่ Mint เขียนว่า ขอไปเรียนภาษา 1 ปี เพราะ Mint ยังไม่มีจดหมายยืนยันมาจากมหาวิทยาลัยว่าจะรับเข้าเรียน MBA ตัว Mint เองยังไม่ได้สอบ TOEFL, GMAT เลยยังไม่ได้ส่งคะแนนให้ U ค่ะ ถ้าจะกรอกในฟอร์ม DS-160 ว่าขอไป 2 ปี เกรงว่า จะเป็นการพูดไม่จริง เพราะไม่มีหลักฐานมาแสดงให้กงสุลดูค่ะ

  • Bell  On August 18, 2011 at 4:58 pm

    พี่ govisa ค่ะ
    – Sevis Number ขอวีซ่าท่องเที่ยวต้องมีไหมค่ะ
    – อยากทราบว่า การที่จะไปฝึกงานที่อเมริกา 1 ปีนั้น ส่วนมากทางนายจ้างที่อเมริกา จะมีที่อยู่ให้ด้วยไหมค่ะ แล้วอัตราจ้าง จะเท่ากับจ้างคนอเมริกัน ไหม เพราะเพื่อนบอกว่า ได้ค่าจ้างเท่าเทียมกับคนสหรัฐอเมริกาเลย แล้วมีเงิน 2 แสนกว่า จะขอวีซ่า ไปฝึกงานผ่านไหมค่ะ
    – เบลล์ นัดสัมภาษณ์ วีซ่า วันที่ 9/09/54 นี้ค่ะ ต้องใช้ Sevis Number ไหมค่ะ

    • govisa  On August 18, 2011 at 11:01 pm

      น้อง Bell คะ
      1. Sevis I-901 มีเฉพาะวีซ่านักเรียนค่ะ
      2. การไปฝึกงานที่อเมริกา 1 ปี ส่วนใหญ่บริษัทที่รับทำให้ที่ประเทศไทยก็จะช่วยประสานเรื่องที่อยู่ให้ค่ะ ส่วนค่าจ้างก็ได้ไม่ต่างกันกับพวกอเมริกัน แต่ขอให้ดูเรื่องภาษีด้วย พี่ไม่มั่นใจว่าจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่าย เหมือนพวกที่ไปแบบ Work and travel ไหมนะคะ ไว้จะถามคนรู้จักเรื่องภาษีให้ค่ะ
      3. ตอบไปแล้วเหมือน 1 ค่ะ โชคดีนะคะ ขอให้สัมภาษณ์ได้ค่ะ

  • Bell  On August 19, 2011 at 10:25 am

    ขอบคุณมากนะค่ะ พี่ govisa
    – คือว่าการไปฝึกงานต้องสอบโทเฟสไหมค่ะ
    – เพื่อนเสียให้บริษัท ประมาณแสนกว่าบาทง่าค่ะ ไม่ทราบว่าจะถูกหลอกไหม อยากทราบว่า ถ้าจะไปฝึกงาน 1 ปีเนี่ย ต้องสมัครกับบริษัทจัดหางานที่ส่งไปฝึกที่อเมริกา
    – มีคนบอกว่า เค้าไม่ให้ไปทำงานนานขนาดนั้นหรอก ยิ่งเป็นเมืองที่กำลังพัฒนาอย่างไทย แล้วเพื่อนไปคนเดียวเป็นผู้หญิงด้วย คือบริษัทแบบนี้มีจริงเหรอค่ะ มีแค่ 2 แสนกว่าก็ไปได้เหรอ ไหนจะค่าประกันต่างๆอีก

    • govisa  On August 20, 2011 at 12:34 am

      น้อง Bell คะ พูดยากนะคะ กระแสหรือแฟชั่นของการไปทำงานประเภท Work and Travel หรือ การทำงานประเภท Intern กำลังอยู่ในความนิยมของตลาดนักศึกษาไทยในเวลานี้เป็นอย่างมาก จึงทำให้มีหลายคนคิดเปิดบริษัทเพื่อทำธุรกิจทำนองนี้เพิ่มมากขึ้น นักศึกษาบางคนก็ได้รับประสบการณ์ที่ดี บ้างก็เกิดความรู้สึกในแง่ลบต่อการไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา การที่ Bell ถามมาเรื่องจะถูกหลอก คงไม่ถึงขั้นถูกหลอก แต่อาจจะไปแล้วไม่เป็นไปดังที่ฝันไว้ค่ะ ถ้าบริษัทนั้นเป็นบริษัทใหญ่และมีชื่อเสียงน่าจะมีประสบการณ์ในการติดต่อนะคะ ที่จริงถ้า Bell ค้นหาจาก google ก็จะได้ชื่อหลายบริษัทอยู่ค่ะ พี่ไม่อยากเอ่ยชื่อบริษัทต่างๆ เพราะเท่ากับพี่โฆษณาให้เขา คำถามเรื่องสอบภาษาอังกฤษก็ต้องมีการทดสอบอยู่แล้ว เหมือนพวกที่ไปโครงการ Work and Travel ก็ต้องสอบภาษาอังกฤษ และคะแนนที่สอบก็จะเป็นตัววัดได้ว่า เราจะได้งานประเภทไหนทำ ถ้าคะแนนภาษาอังกฤษดี คือ สื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นที่เข้าใจก็จะหางานดีๆได้ง่ายค่ะ ลองดูตัวอย่างบริษัทหนึ่งที่เขาโฆษณางานลักษณะ Intern ไว้ http://www.overseasedu.com/v2/intern/intern_01.php พี่ขออกตัวว่า ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทนี้ และไม่ได้คิดจะโฆษณาบริษัทนี้ในบล็อกนี้นะคะ พี่อยากบอกว่า การลงทุนนี้มีความเสี่ยง ขอให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และใช้วิจารณญารในการตัดสินใจเองนะคะ พี่เพียงเห็นว่าเว็บไซต์ของบริษัทนี้เขียนอธิบายเป็นภาษาไทย และมีอะไรหลายอย่างที่พอตอบคำถามคล้ายกับที่ Bell เขียนถามมาค่ะ อันที่จริง พี่เคยแนะนำให้ Bell ดูเว็บไซต์สถานทูตอเมริกาซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องของฝ่ายรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับ J-1 visa ในเรื่องของการไปทำงาน Bell ลองเข้าไปอ่านดูอีกครั้งนะคะ http://j1visa.state.gov/participants/common-questions/ เว็บไซต์จะมีคำถามคำตอบตั้งแต่ขั้นเบสิค การออกจากโครงการ การส่งสมัคร การเสียภาษี รวมทั้งคำถามที่มักถูกถามบ่อยๆค่ะ ส่วนที่ถามว่ามี 200,000 บาทก็ไปได้หรือ โครงการพวกนี้เป็นวีซ่าไปทำงานแลกเปลี่ยน อาจไม่ต้องแสดงยอดตัวเลขสูงมาก เพราะไปประมาณ 1 ปีก็ต้องกลับค่ะ

  • money  On August 21, 2011 at 10:45 pm

    รบกวนด้วยค่ะ พอดีว่าเคยขอวีซ่าอเมริกา (วีซ่านักเรียน) เมื่อประมาณปี 07 เเต่ไม่ผ่าน แล้วตอนนี้ก้อได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลด้วย แต่จะไปเที่ยวอเมริกาช่วงเดือน พฤศจิกายนนี้อ่ะค่ะ ตรงช่อง Have you ever been refused a U.S visa? ต้องกรอกว่ายังงัยอ่ะค่ะ แล้วตรง other names used? ด้วยอ่ะค่ะ แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างค่ะ

    • govisa  On August 22, 2011 at 5:29 am

      น้อง Oly คะ ตอนขอวีซ่านักเรียน น้องใช้ I-20 ของโรงเรียนภาษาไปขอใช่ไหมคะ และใช้ใครเป็น sponsor มีญาติอยู่ในอเมริกาไหม สิ่งเหล่านี้ทีพี่ถามมันเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่จะทำให้เราต้องระมัดระวังในการเตรียมเอกสารและเตรียมตัวตอบสัมภาษณ์วีซ่านักท่องเที่ยวด้วยค่ะ แม้น้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลเปลี่ยนหนังสือเดินทาง แต่น้องเปลี่ยนเลขบัตรประชาชนไม่ได้ค่ะ เพราะในการกรอกฟอร์ม DS-160 มีให้กรอกว่าเลขบัตรประชาชนคืออะไร แล้วที่เขาให้มีการประทับลายนิ้วมือตอนเข้าไปขอวีซ่าก็เป็นการป้องกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงชื่อ-สกุลของผู้ก่อการร้าย พี่คิดว่า น้องคงตัดสินใจเสี่ยงเองนะคะ ถ้าจะไม่พูดความจริง แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวพี่ คือ น้องจะไม่พูดความจริง คงไม่ได้ค่ะ เพราะสถานทูตเก็บหลักฐานไว้นานเป็นสิบปีค่ะ ถ้าน้องเคยถูกปฏิเสธวีซ่าก็คงต้องตอบว่า Yes ไปค่ะ ส่วน other names used ก็คงต้องระบุชื่อ-สกุลเก่าด้วยค่ะ แนะนำให้แปลใบเปลี่ยนชื่อสกุลพร้อมทั้งนำตัวจริงที่เป็นภาษาไทยของใบเปลียนชื่อ-สกุลติดตัวไปด้วยในวันสอบสัมภาษณ์เผื่อกงสุลขอดูค่ะ อธิบายเหตุผลถ้ากงสุลถามว่าเปลี่ยนชื่อสกุลทำไม เช่น ตามความเชื่อของคนไทย เวลาไม่สบายบ่อยๆ Fortune-teller ทักว่า ควรเปลี่ยนชื่อ-สกุล เป็นต้นค่ะ

  • money  On August 22, 2011 at 9:19 am

    1.ใช้ i-20
    2. มีบริษัทเเม่ พ่อ เเม่รับรอง น้าที่อเมริการับรองค่ะ เเต่ครั้งนี้ไม่ได้ไปรัฐที่น้าอยูอ่ะค่ะ

    • govisa  On August 22, 2011 at 7:39 pm

      ถ้าให้ข้อมูลพี่มากกว่านี้ พี่อาจจะแนะนำได้มากกว่านี้ค่ะ เช่น ตอนนั้นสมัครไปเรียนภาษาของโรงเรียนภาษาชื่ออะไร น้าที่อเมริการับรองๆเรื่องอะไร หรือรับรองว่าจะเป็น Sponsor ร่วมหรืออะไร ถ้ารับรองเป็น sponsor น้าเตรียมเอกสารทุกอย่างไปครบไหมในเวลานั้น ไม่ใช่เฉพาะ statement แต่หมายถึงหลักฐานอื่นๆ เช่น การเสียภาษี และแบบฟอร์ม I-134 ฯลฯน้องควรจะเตรียมซ้อมตั้งคำถามยากๆ และฝึกตอบเกี่ยวกับเรื่องในอดีตด้วย สมมุติว่า น้องไม่แจ้งว่าเคยขอวีซ่านะคะ พี่คิดว่า เขาค้นหลักฐานเก่าๆของน้องพบได้ค่ะ ดังนั้น ควรเตรียมใจไว้ด้วยว่า ถ้าเขาถามมาแบบนี้ เราควรตอบแบบไหนไปดี เพื่อให้เขามั่นใจว่า เราจะไปเที่ยวแล้วจะกลับแน่ น้องควรมีใบรายการทัวร์ว่าจะไปเที่ยวเมืองไหนบ้างอย่างไรติดไปด้วยค่ะ พี่จำได้ว่า ในฟอร์ม DS-160 แม้ที่อยู่น้องอาจจะใส่ว่า ไปพักที่โรงแรม แต่ก็จะมีจะถามถึง contact person ใน USA ด้วย ถ้าน้าคนเดิมเป็นน้าจริงๆก็คงต้องบอกไป โดยเฉพาะถ้านามสกุลเดียวกัน แต่ถ้าคนละนามสกุล อาจหลีกเลี่ยงได้ว่า เป็นญาติห่างๆกันค่ะ

  • ชมพู่  On August 23, 2011 at 2:45 pm

    ขอบคุณ พี่govisa มากๆที่คอยให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ ตอนนี้วีซ่าชมพู่ผ่านแล้วค่ะ ได้มาเลย10ปี ดีใจมากๆ ไปสัมภาษณ์มาวันจันทร์คนเยอะมากแถวยาวถึงสะพานลอยเลยค่ะ ตอนถึงคิวสัมภาษณ์ก็ตื่นเต้นต้องพยายามตั้งสติดีๆ ตั้งใจฟังคำถามเพราะฝรั่งพูดไทยบางคำจะฟังไม่ค่อยชัด (ได้ฝร่งผู้ชายสัมภาษณ์หน้าตาเป็นมิตรแถมยังอารมณ์ดีอีก) ก็ถามว่า
    1.ไปทำอะไรที่อเมริกา – ไปเที่ยวค่ะ พร้อมกับยื่นใบรายการทัวร์ให้ดู
    2.เคยไปเที่ยวไหนมาบ้าง – ฮ่องกง เกาหลี จีน ค่ะ
    3.ไปกับใคร – ไปกับแฟนค่ะ (แฟนยืนอยู่ข้างหลัง เพราะสัมภาษณ์ที่ละคน)
    4.แล้วแต่งงานกันรึยัง – ยังไม่ได้แต่งค่ะ แต่มีโครงการว่าจะแต่งต้นปีหน้า
    5.ใครออกค่าใช้จ่ายให้คุณในทริปนี้ – แฟนค่ะ (พร้อมกับยื่นเอกสารรับรองสเตทเม้นของแฟนให้ดู แล้วก็ยื่นรูปถ่ายที่เคยไปเที่ยวสถานที่ต่างๆด้วยกันให้เค้าดู )
    6.คุณทำงานอะไร – ขายเสื้อผ้าค่ะ (แล้วก็ยื่นใบทะเบียนการค้าให้ดู )
    7.รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ – 2หมื่นถึง3หมื่นค่ะ
    8.เรียนจบปีไหน – ปี51ค่ะ
    9.แล้วขายเสื้อผ้ามากี่ปีแล้ว – 3ปีค่ะ
    10.แล้วเจอกับแฟนได้อย่างไร – ก็ตอบไปตามความเป็นจริง
    ระหว่างการถาม เจ้าหน้าที่ก็ดูเหมือนจะคิดหนักเหมือนกัน คอยปิดไมค์แล้วหันไปถามเจ้าหน้าที่ ที่เป็นคนไทยเป็นระยะๆ เพราะกรณีของฉันยังไม่ได้แต่งงานกันแล้วเป็นแค่แฟนกันเฉยๆ แล้วรายได้ต่อเดือนฉันก็ไม่ได้เยอะมาก ในใจก็กลัวไม่ผ่าน แต่หลักฐานที่ฉันคิดว่าเค้าให้ผ่านก็คือ รูปถ่ายที่เคยไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันแล้วก็ถ่ายกับครอบครัวช่วยได้เยอะเลยค่ะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น แล้วอีกอย่างเราพูดความจริงทั้งหมดไม่ได้โกหก
    ยังไม่หมดค่ะเจ้าหน้าที่ถามต่อ ถามฉันนานพอสมควร
    11.คบกันกี่ปีแล้ว – 5ปีค่ะ
    แล้ววนกลับมาถามอีก
    12.ไปทำอะไรที่อเมริกา – ไปเที่ยวกะทัวร์ ค่ะ
    13.ไปเมืองอะไรบ้าง – ลาสเวกัส ลอสแองเจอลิส (แล้วยื่นใบรายการทัวให้ดูอีกรอบ)
    14.ไปกี่วัน – ประมาณ10วันค่ะ
    สเตทเม้น สมุดบัญชีเงินฝากที่เตรียมไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูยังไงก็ไม่ยอมดู ไม่สนใจเรื่องเงินเลยค่ะ ไม่ถามแม้แต่น้อย ยื่นให้ ยังบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ดู แปลกดี อุตสาเตรียมไปตั้งเยอะ
    ต่อไปก็ถึงคิวแฟนฉัน แล้วก็เริ่มถาม (ฉันก็ยื่นอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นยังไม่รู้ผลว่าได้หรือไม่ได้)
    1.คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ที่ไหน – ที่บ้าน แล้วก็ที่โรงแรมคับ บอกชื่อโรแรมด้วย
    2.คุณทำอาชีพอะไร – ขายมอไซร์ คับ
    3.รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ – 5แสนครับ
    4.แฟนคุณชื่อเล่นว่าอะไร – ชมพู่ครับ (ตลกคำถามนี้แหละค่ะ ไม่รู้ถามทำไม)
    5.มอไซร์ ยีห้อไหนเป็นที่นิยมมากที่สุดในเมืองไทย – ฮอนด้า ยามาฮ่า ครับ
    แล้วก็ถามเหมือนเดิมว่าไปเมืองไหน ไปกี่วัน เจ้าหน้าที่ไม่บอกสักที่ว่าให้หรือไม่ให้ แฟนฉันก็เลยพูดขึ้นมาว่า เรา2คนเป็นคนชอบท่องเที่ยว ก็กะว่าอีกสัก 2 ปีจะไปแถบอเมริกาตะวันออกดูบ้าง(เพราะคราวนี้ตั้งใจไปแถบตะวันตก) ยังไงผมขอวีซ่านานๆหน่อยนะครับ เจ้าหน้าที่เลยหัวเราะ แล้วก็บอกว่า เที่ยวให้สนุกนะ โชคดี มีความสุข ผมออกวีซ่าให้คุณทั้ง2คนนาน10ปี โชคดีครับ โหอยากได้ยินคำนี้มากเลย ในที่สุดก็ได้สมความตั้งใจ
    นี่ก็เป็นประสบการณ์มาเล่าให้เพื่อนๆฟัง และก็ขอขอบคุณพี่โกวีซ่ามากคอยให้คำแนะนำดีๆมีประโยชน์มาโดยตลอด ขอให้พี่โกวีซ่าพบเจอแต่สิ่งดีๆ โชคดีตลอดไป ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On August 23, 2011 at 8:42 pm

      พี่ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ น้องชมพู่ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ ช่วงนี้แอลเอเป็นหน้าร้อนค่ะ น้องสามารถเข้าไปเช็คอุณหภูมิได้ที่ http://www.weather.com โดยใส่รหัสไปรษณีย์ (Zip code)ตัวเลข 5 ตัวหลังรหัสย่อของรัฐ CA ค่ะ ใช้ที่อยู่ของโรงแรมไปเช็คอุณหภูมิก็ได้ค่ะ น้องจะได้ทราบว่าต้องเตรียมเสื้อผ้าประเภทไหนไป จะได้ไม่ต้องเอาเสื้อผ้าหนาๆไปมากค่ะ เพื่อมีที่ว่างในกระเป๋าเยอะๆสำหรับช้อปปิ้งนะคะ ดีใจด้วยเป็นอย่างมากค่ะที่ได้วีซ่า 10 ปี และขอบคุณที่ช่วยเล่าประสบการณ์ให้คนที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ รวมทั้งคำอวยพรด้วยนะคะ พี่ก็พลอยหายเหนื่อยเพราะลุ้นน้องด้วยค่ะ

  • Bell  On August 25, 2011 at 11:27 am

    พี่ govisa ค่ะ เพื่อนฝากมาถามเรื่องไปฝึกงานที่อเมริกาเป็นเวลา 1 ปีค่ะ
    5,000 แรก เป็นค่าจองตำแหน่ง เค้าจะหางานให้เราให้ได้
    35,000 ค่าเอกสาร การขอวีซ่า ค่าจดหมายว่าจ้าง ค่าจ้างสปอนเซอร์
    105,000 ค่า Sevis ค่าประกันสุขภาพ
    ต้องเสียค่าจ้างให้สปอนเซอร์ เค้าจะเป็นคนดูแลเราตอนที่เรามีปัญหาที่นั่น ไม่ว่าเรื่องอะไรเค้าจะดูแลเรา
    140,000 บาทไม่รวมค่าเครื่องบิน ไม่รวมค่าที่พักนะค่ะ
    ติดต่อเช่าบ้าน 300 กว่าๆดอนล่า รวมค่าน้ำค่าไฟแล้ว
    ต้องกรอกเอกสาร 3 อย่าง
    1. DS-7002
    2. DS-160
    3. DS-2019
    ไม่ต้องหาสปอนเซอร์ที่เป็นญาติเรา ทางบริษัทจ้างสปอนเซอร์ให้ บริษัทบอกว่าทางบริษัท สัมภาษณ์วีซ่าครั้งแรกมี % ได้ 90-95%
    – ทางบริษัทสามารถ นัดสัมภาษณ์วีซ่ากับสถานทูตแทนได้ไหมค่ะ
    – สปอนเซอร์ไม่ใช่ญาติได้ด้วยเหรอค่ะ
    – กรณี ไปฝึกงานที่อเมริกา 1 ปี เราต้องเตรียมตอบคำถามอะไรเป็นสำคัญบ้างค่ะ
    – ค่าจ้าง น้อยหรืออัตราปกติอยู่แล้วค่ะ ค่าจ้างงาน เริ่มที่ 7.5 และจะปรับไปเรื่อยๆ จนถึง 9.5 ต่อชั่วโมง ถือว่ามากหรือน้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำของสหรัฐค่ะ

    ขอบคุณมากนะค่ะ พี่ govisa

    • govisa  On August 25, 2011 at 10:21 pm

      Bell คะ พี่ขอหารายละเอียดพรุ่งนี้จะมาตอบคำถามนี้ให้นะคะ

    • govisa  On August 27, 2011 at 12:58 am

      น้อง Bell พี่พยายามหาข้อมูลจากหลายๆแห่ง เช่น สถานทูตสหรัฐอเมริกา และเว็บไซต์หางานทำต่างๆมาให้ เลยตอบช้าหน่อยนะคะ พี่อยากให้ Bell พิจารณา ดังนี้คือ

      1. ความน่าเชื่อถือของบริษัทที่จะไปติดต่อ ซึ่งอาจจะดูยากนิดหนึ่ง แต่จากค่าขอวีซ่า ค่าจดหมายว่าจ้าง และค่าจ้าง Sponsor 35.000 บาท พี่คิดว่า มากพอสมควรอยู่ ลองให้เพื่อนสอบถามไปยังบริษัทอื่นๆดูด้วยว่า บริษัทอื่นๆเขาคิดค่าบริการตรงนี้ประมาณเท่าไรนะคะ ส่วนค่า Sevis และค่าประกันสุขภาพ 105,000บาท พี่ทราบแต่เพียงว่า ค่าธรรมเนียม Sevis Fee ผู้ที่ขอ J-1 ให้ดูค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ http://travel.state.gov/visa/temp/types/types_1263.html ค่าธรรมเนียมวีซ่า 140 เหรียญจ่ายที่ไปรษณีย์ จำนวน 4,340 บาทค่ะ ส่วนค่า Sevis จำนวน 35 เหรียญ พี่ไม่ทราบว่าค่าประกันสุขภาพของที่น้องบอกมา cover อะไรบ้าง ดังนั้น ทางที่ดีถ้าสนใจไปทำงานแบบนี้ ต้องหาข้อมูลจากหลายๆบริษัท แล้วเปรียบเทียบราคากัน พร้อมทั้งดูว่า มี comment จากคนที่เคยมีประสบการณ์ ไปกับบริษัทนั้นๆออกมาในภาพเชิงบวกหรือลบค่ะ ถ้า Bell อยากจะรู้ชื่อ Sponsor ที่ถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐอเมริกาก็ดูได้ที่เว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพ คือ http://j1visa.state.gov/participants/how-to-apply/sponsor-search/?program=Intern&state=any

      2. ค่าดูแลเรา 140,000 บาท อ่านแล้วไม่แปลกใจว่า ทำไมจึงมีบริษัทรับติดต่อให้ไปทำงานเกิดขึ้นมาก เพราะทุกอย่างเป็นธุรกิจ อยู่ในดุลพินิจของเพื่อน Bell เองค่ะว่า จะต้องการไปกับบริษัทดังกล่าวไหมนะคะ เพราะอย่างที่เป็นข่าวทุกวันนี้ คือ เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เขามีปัญหาการว่างมากพอสมควร โดยเฉพาะในรัฐ California มีปัญหาการว่างงานเป็นตัวเลข 2 หลัก คือ 10%ขึ้นไป งานที่บริษัทจะหาให้เพื่อน เป็นงานอะไร และค่าจ้าง 7 เหรียญ 50 จะต้องทำอยู่ไปนานมากน้อยแค่ไหน ทำงานวันละกี่ชั่วโมง กว่าจะได้ปรับเป็น 9 เหรียญ 50 เขาสามารถบอกเราได้ไหมว่า จะปรับประมาณเดือนที่เท่าไร หรือ เมื่อเขาประเมินผลงานดี การประเมินผลงานจะมีอคติ เพื่อชะลอการปรับขึ้นค่าจ้างบ้างไหมไม่มีใครทราบค่ะ ส่วนใหญ่คนไทยคิดว่า การไปทำงานเมืองนอก คงจะได้เงินมาก แต่เท่าที่เคยได้ยินมา คือ การไปทำงานเมืองนอกเป็นงานหนัก ไม่สบายทำไปเรื่อยๆสนุกๆเหมือนที่เมืองไทยค่ะ ลองอ่านทบทวนจากบางตัวอย่างของเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งอาจจะให้ภาพลบ แต่ขอให้เตรียมใจไว้ เพราะเราไมาสามารถทราบได้ว่า เราจะเป็นคนที่โชคดีหรือโชคร้ายค่ะเช่น

      1. http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1303375021&grpid=03&catid=06
      2. http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2011/05/H10533742/H10533742.html
      3. http://www.lawanwadee.com/freezone/workinus.html

      ส่วนเอกสารที่ต้องกรอก คือ DS-7002 และ DS-160 ส่วน DS-2019 คือเอกสารตอบรับให้ไปทำงานที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาค่ะ

      อนึ่ง ถ้าน้องๆที่เรียนจบมาทางการตลาด คงจะทราบกันดีว่า ทุกวันนี้ ภาษาที่ใช้ในการทำตลาดโฆษณาต่างๆจะดูเรียบง่าย ฟังแล้วรื่นหู ไม่มีใครมาบอกหรอกนะคะว่า จะมีอุปสรรคใดบ้างหรือไม่ ขอให้ เพื่อน Bell ดูว่า บริษัทต่างๆเขาใช้มาตราฐานในการบริการเราคล้ายๆกันไหม จะได้ทราบว่า เราไม่ถูกหลอกค่ะ ควรเลือกบริษัทใหญ่ๆที่มีคนเคยใช้บริการทำนองนี้กับเขาเยอะๆค่ะ พี่ได้ลองดูเว็บไซต์ของประเทศอื่นที่โฆษณาเรื่องการไปทำงานในสหรัฐอเมริกาก็พูดคล้ายๆกันเรื่องผลตอบแทนประมาณ 7-8 เหรียญต่อชั่วโมงแล้วจะปรับขึ้นเป็น 9 เหรียญต่อชั่วโมง เช่น http://virainternational.com/us-j1-program.htm ดังนั้น ค่าจ้างดังกล่าวจึงควรจะเป็นค่าจ้างอย่างต่ำของสหรัฐอเมริกาค่ะ พี่ขอออกตัวว่า พี่ไม่ค่อยอยากเข้าไปวิจารณ์การขอวีซ่าไปทำงานแบบนี้มากนัก เพราะทั้งนี้ทั้งนั้น พี่รู้สึกเป็นห่วงเด็กที่อาจจะไปได้นายจ้างเข้มงวด เคี่ยว กดดันต่างๆ เลยทำให้บางคนมีทัศนคติในเชิงลบกับอเมริกากลับมาเมืองไทยก็มี ซึ่งมันจะไม่เหมือนกับพวกที่ขอวีซ่าไปทำงานเป็นเรื่องเป็นราว เช่น H1-B ซึ่งคนเหล่านี้มักจะเป็นพวกที่ต้องใช้ความรู้ที่เรียนจบมาไปสมัครทำงานตามบริษัทต่างๆเป็นเรื่องเป็นราว บางรายต้องสอบทั้งข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ มีการแข่งขันสูง วีซ่าที่ได้จะประมาณ 5 ปีค่ะ พี่อยากเชียร์ให้ Bell ไปเรียนต่อปริญญาโท จบแล้ว Bell มีสิทธิขอ OPT หรือ Optional Practical training ทำงานในสหรัฐอเมริกา 12 เดือน ถ้านายจ้างพึงพอใจเขาจะช่วยเปลียนจากวีซ่านักเรียนเป็นวีซ่า H1-B ให้ แม้จะขอ H1-B ยากแต่ถ้าได้ก็ดูมั่นคงดีถ้าคิดอยากจะทำงานในสหรัฐอเมริกาค่ะ

      สำหรับการสอบสัมภาษณ์ พี่คิดว่า บริษัทที่เพื่อน Bell เลือกใช้บริการเขาจะต้อง train ให้เพื่อนตอบคำถามกงสุลอยู่แล้ว อย่างน้อยผู้ไปก็ควรต้องทราบกฎระเบียบการขอวีซ่าประเภทนี้บ้าง เช่น มีสิทธิ์อยู่ได้นาน 1 ปี ถ้าจะขอ extend visa ก็ขอ extend ได้อีกนาน 1 ปี รวมระยะเวลาทั้งหมดอยู่ได้นานไม่เกิน 2 ปี ไม่มีสิทธิ์อยู่นานเกินกว่านั้น เป็นต้น จะไปทำงานอะไรก็ต้องพอรู้บ้าง จะได้ตอบคำถามกงสุลได้ถูกค่ะ

  • Bell  On August 27, 2011 at 11:52 am

    ขอบคุณพี่ govisa มากนะค่ะ
    – เพื่อนบอกเบลว่าได้ไปทำงานร้านอาหาร ค่ะ
    – ถ้าเบล ไปเที่ยวบ้านป้าที่อเมริกา แล้วให้ป้าติดต่อ ที่ทำงานให้เหมือนไปฝึกงานค่ะ โดยไม่ผ่านบริษัท เหมือนเพื่อนได้ไหมค่ะ ให้ป้าหาให้ทำเรื่องเองทุกอย่างเองได้ไหมค่ะ หรือต้องผ่านบริษัทอย่างเดียว
    – พี่ govisa เรียนโท ยากมากไหมค่ะ ต้องสอบโทเฟว ด้วยใช่ไหมค่ะ ระหว่างต่อโท ที่ไทยกับอเมริกาที่ไหนเรียนยากกว่ากัน ป้าบอกว่าที่อเมริกา การเรียนการสอนต่างกันมาก

    • govisa  On August 27, 2011 at 6:42 pm

      Bell ต้องดูในเว็บไซต์ http://j1visa.state.gov/participants/how-to-apply/sponsor-search/?program=Intern&state=any ว่ามีชื่อบริษัทที่ได้รับการรับรองและอยู่ใน North Carolina ไหม หรือ ถ้าเป็นรัฐอื่น เขาจะช่วยหางานใน North Carolina ได้ไหม พี่คิดว่า มันน่าจะมีระบบนายหน้าอยู่นะคะ แต่ก็ได้แต่สันนิษฐาน เพราะไม่มีความรู้เรื่องบริษัทพวกนี้มากเท่าไรนักค่ะ ทราบแต่ว่า ต้องติดต่อผ่านตัวแทนบริษัทที่มีชื่อเหล่านั้น จึงจะได้ DS-2019 เพื่อขอ J-1 visa ไปทำงาน 1 ปีอย่างเพื่อนค่ะ

      Bell อย่ากลัวเรื่องเรียนต่อโทมากนัก U ที่เข้าง่ายในอเมริกาก็มีค่ะ เผอิญคุณป้า Bell อยู่ที่ Chapel Hill ซึ่งเป็นที่ตั้งของ U.of Carolina at Chapel Hill วึ่งเข้ายากและติดอันดับ Top ค่ะ U ในอเมริกามีประมาณ 4900 กว่ามหาวิทยาลัย จะต้องมีสัก U ที่รับ Bell เข้าเรียนค่ะ ขอให้ Bell ตั้งใจเรียนขยันทำสอบ TOEFL ให้ได้ประมาณ 79-80 คะแนน Bell ก็จะมีที่เรียนตอบรับค่ะ ถ้าจะเรียนต่อ MBA มี U บางส่วนที่ไม่เอา GMAT หรือรับคะแนน GMAT ไม่สูง เช่น

      1. Campbell U http://www.campbell.edu/business/graduate/mba/admission/ เอาคะแนน GMAT 450
      2. Meredith College อยู่ Raleigh http://www.meredith.edu/graduate/business/mba/faqs.php รับคะแนน GMAT 400 น่าจะพอทำไหวนะคะ

      ขอให้ขยัน ตั้งใจ และมีความเพียรให้มากๆ Bell จะสมหวังเองค่ะ

  • Bell  On August 29, 2011 at 4:34 pm

    ขอบคุณมากนะค่ะ พี่ govisa เห้อ..เป็นกำลังใจหนูได้เยอะเลยค่ะ

  • pat  On August 29, 2011 at 5:53 pm

    พี่คับ คือว่า ตอนที่สมัคร username ที่จะ จองวันสัมพาดอะคับ ผมได้กรอกผิดตรง middle name ซึ่งผมไม่มี แต่ดันไปใส่ พอเสร็จแล้วจะกลับไปแก้ มันไม่สามารถแก้ได้อะคับ ไม่ทราบว่าผมควรจะทำยังไงดีคับ

    แล้วก็อีกคำถามนะคับ ลืมบอกไปว่า จะขอวีซ่าพร้อมกันทั้งครอบครัว 4 คน คับ แต่เผอิญตอนกรอก DS-160 ตรง travel plan กับ tralvel companion ใน 4 คน ดันต่างกันนิดหน่อย ซึ่งของผม ดันไม่ได้กรอกว่าเดินทางกับใคร แต่ของ3คนในครอบครัว กรอกเดินทางด้วยกัน 4 คน แล้วก็ตรง travel plan ของพ่อ แม่ ดันไม่ได้กรอกspecific trip แล้วได้ summit ไปแล้ว ควรจะแก้ไข อย่างไรดี

    ขอบคุณครับ

    • govisa  On August 29, 2011 at 9:34 pm

      @น้อง Pat
      1. น้องขอวีซ่าประเภทนักเรียนหรือนักท่องเที่ยวคะ แล้วน้องใส่ตรง Middle name ว่าชื่ออะไรคะ เพราะถ้าไม่ใส่เลย โปรแกรมก็จะทำรายการต่อไปไม่ได้เหมือนกันค่ะ ทั่วๆไปพี่เห็นเขาเขียนว่า None กัน น้องเขียนว่าอะไรคะ ถ้าไปใส่ชื่อเล่น แล้วเผอิญน้องได้วันนัดสัมภาษณ์แล้วให้น้องลอง log in ในหน้าเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์เข้าไปใหม่ แล้วดูว่า น้องสามารถคลิก edit application ได้ไหม ถ้าได้ลองเข้าไปแก้ไขดูนะคะ ถ้าไม่ได้ก็คงต้องไปชี้แจงกงสุลเมื่อเข้าไปในสถานทูตว่าไม่ทราบเลยใส่ชื่อเล่นตัวเองเข้าไปค่ะ เพราะถ้าวิตกมาก ก้คงต้องเข้าไปนัดสัมภาษณ์ใหม่แล้วจ่ายค่าซื้อพินใหม่ น้องก็จะไปวิตกกังวลอีกว่า เขาจะคิดไหมว่า เราไม่ได้มาจากครอบครัวเดียวกันค่ะ แต่ถ้าน้องขอวีซ่านักเรียน จะลองดูไหมคะ เพื่อให้น้องสบายใจ คือ ลองโทรไปที่หน่วยงาน EducationUSA ที่เป็นสถานทูตอเมริกา ตามเว็บไซต์นี้ คือ http://www.educationusa.info/centers.php?id=1158
      2. ถ้าน้องไม่ได้กรอกว่าน้องเดินทางไปกับใคร น้องจะกรอก DS-160 ใหม่ก็ได้ แล้วนำ DS-160 ทั้งใบเก่าและใบใหม่ไปยื่นที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาในวันสอบสัมภาษณ์ ที่ต้องใช้ DS-160 ใบเก่าด้วย เพราะน้องใช้ DS-160 Confirmation Number จากใบเก่าในการนัดสัมภาษณ์ค่ะ ส่วน travel plan ของคุณพ่อคุณแม่ กรอกไปแล้วก็แล้วไปค่ะ ให้น้องไปอธิบายตอนสอบสัมภาษณ์แล้วกัน เพราะน้องต้องเข้าไปทั้งกรุีปอยู่แล้วค่ะ

  • somchun  On August 30, 2011 at 7:08 pm

    สวัสดีค่ะ พี่ govisa ไม่รู้ยังจำกันได้ป่าว ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่อีกครั้ง สำหรับความคิดเห็นและกำลังใจ 🙂 วันนี้ 30 สค. ขอสำภาษณ์วีซ่านักเรียน F-1 ระยะเวลาไป 5 ปี ผลการสัมภาษณ์ผ่านไปได้ด้วยดี แต่มีคำถามอีกค่ะว่า เมื่อไหร่เราจะได้พาสปอร์ตคืน และระยะเวลาที่ขอไป จะไม่เปลี่ยนแปลงใช่มั๊ยค่ะ

    • govisa  On August 30, 2011 at 8:18 pm

      ยังจำน้อง Somchun ที่จะไปเรียนที่ Language System ได้ค่ะ ตกลงตอนกรอกฟอร์มวีซ่า น้องกรอกไป 5 ปีไม่ได้กรอก 6 เดือนเหมือนที่เราเคยคุยกันใช่ไหมคะ พี่สังเกตเห้นว่าช่วงนี้กงสุลให้วีซ่าค่อนข้างง่ายค่ะ น้องจะได้หนังสือเดินทางคืนภายใน 3 วันทางไปรษณีย์ด่วนอีเอ็มเอสค่ะ ไม่นับวันหยุดนะคะ ส่วนวีซ่าถ้าใครสอบสัมภาษณ์ผ่านก็มักจะได้วีซ่านาน 5 ปีค่ะ ช่วยเขียนเล่าคำถามที่กงสุลถามเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับน้องคนต่อๆไปด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ และขอให้เดินทางถึงแอลเอโดยปลอดภัยนะคะ

  • Pond  On August 30, 2011 at 11:52 pm

    ผมได้ซื้อ PIN ผ่านทางอินเตอร์เนตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ได้ปรากฎหน้า Payment Confirmation ขึ้นมา แต่ในขณะนั้นเครื่องผมไม่ได้ต่อกับเครื่องปริ๊นท์ จึงได้แค่ทำการจด PIN No. และ Confirmation No. ไว้เท่านั้น แล้วจึงกดปุ่ม Next สู่ขั้นตอนต่อไป

    ตอนนี้ผมได้มาอ่านที่พี่บอกถึงเอกสารที่ต้องเตรียมตอนวันสัมภาษณ์ ซึ่งมีหลักฐานการจ่ายเงินค่าซื้อ PIN ด้วย ผมจึงกลับไปหน้าที่ซื้อ PIN อีกครั้ง ปรากฎว่าผมไม่สามารถเปิดหน้า Payment Confirmation ได้

    รบกวนถามพี่หน่อยครับ ว่ามีวิธีใดจึงจะเข้าไปปริ๊นท์ Payment Confirmation ได้ หรือจะมีเอกสารตัวไหนที่เราสามารถใช้เป็นหลักฐานการจ่ายเงินซื้อ PIN ได้อีกครับ

    ขอบคุณครับ

    • govisa  On August 31, 2011 at 9:51 pm

      @น้อง Pond พี่มีคนรู้จักเขาส่งข่าวมาบอกว่าให้นำ Pin Payment ไปด้วย เพราะเมื่อเขาเข้าไปตรวจเอกสารกับเจ้าหน้าที่ในสถานทูตก่อนจะถูกสัมภาษณ์ เขาถูกถามถึง Pin Payment ซึ่่งพอเขาบอกว่า ไม่ได้เอาไป เจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้เขาออกไปนอกสถานทูตไป Print จากอีเมล์ของเขาค่ะ เพราะเมื่อน้องซื้อ Pin ทางอินเทอร์เน็ตแล้ว จะมีอีเมล์ไปแจ้งที่อีเมล์น้องอีกที ลองเข้าไปดูแล้ว Print จากอีเมล์นะคะ อย่างไรก็ตามพี่ได้ทราบจากน้องบางคนที่เข้าไปขอวีซ่าเมื่อเร็วๆนี้ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ขอดู พี่จึงสันนิษฐานว่า คงจะไม่ได้มีการขอดูกันทุกคนหรอกค่ะ อย่าวิตกมากนะคะ ขอให้ตอบคำถามฉาดฉาน มั่นใจ มีแผนการที่ชัดเจน และรู้เรื่องราวของ Sponsor มากพอที่จะตอบคำถามกงสุลให้ได้ดีค่ะ

      • Pond  On September 1, 2011 at 3:34 pm

        ขอบคุณครับ พี่ govisa

        อีกนิดนะครับ ที่พี่บอกว่าต้องรู้เรื่องราวของ Sponsor มากพอ…ไม่ทราบว่าเค้าจะถามละเอียดขนาดไหนครับ มีคำถามอะไรบ้าง จะได้เตรียมข้อมูลถูก

      • govisa  On September 1, 2011 at 9:37 pm

        @ น้อง Pond น้องควรทราบบ้างว่า sponsor ทำอาชีพอะไร มีรายรับต่อเดือนประมาณเท่าไรค่ะ มีคนที่ต้องส่งเสียให้เรียนอีกกี่คน เป็นเงินโดยประมาณเท่าไรค่ะ

  • mint  On August 31, 2011 at 11:16 am

    สวัสดีค่ะพี่govisa สอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วค่ะพี่govisa ขอบคุณทุกคำแนะนำนะคะ การสัมภาษณ์ไม่ยากอย่างที่คิด ให้เราตั้งใจตอบตามความเป็นจริง คำถามที่ท่านกงสุลถามก็คล้ายๆกับที่เพื่อนๆเขียนเล่าไว้ทุกอย่างค่ะ ไปเรียนอะไร ไปนานแค่ไหน ใครออกค่าใช่จ่าย ไปอยู่กับใคร เรียนเสร็จแล้วจะทำอะไรต่อ ประมาณนี้ทุกอย่างเลยค่ะ แค่เราเตรียมคำตอบไว้ให้ดีๆก็ผ่านได้ง่ายๆค่ะ เพราะเค้าใจดีมากๆ
    -ตอนนี้เหลือรอพาสปอตอย่างเดียว พี่govisaมีคำแนะนำว่าก่อนจะไปอยู่เราต้องเตรียมตัวอย่างไรมั้ยคะ อย่างเช่น ทำบัตรต่างๆ เชคเดินทาง
    -แล้วก็อีกอย่างมิ้นยังไม่ได้จองตั๋วเลยค่ะ ยังงงๆ ดูไม่ค่อยเป็น

    • govisa  On August 31, 2011 at 10:41 pm

      @น้อง Mint น้อง Mint ไปเรียนนานกี่เดือนนะคะ ถ้าเรียน 6 เดือน ค่าเรียน 159 เหรียญต่อสัปดาห์ คูณด้วย 30 สัปดาห์ เท่ากับ 4770 เหรียญ ซื้อเป็นดราฟท์สั่งจ่าย Zoni Language Centers หรือถ้าเข้าไปอ่านที่เว็บไซต์ของ Zoni จะบอกว่ามีวิธีการจ่ายเงินได้ 5วิธี น้องสามารถเลือกวิธีไหนก็ได้ดังนี้คือ
      Payment may be sent in the following manner:

      Option 1 – Credit card authorization. (จ่ายด้วยบัตรเครดิต ต้องขอวงเงินกับธนาคารในไทยให้มีมากพอที่จะตัดจากบัตรเครดิตได้)
      We accept Visa, Master Card, Discover or American Express. Payments can be made online (click in the prices in the table above)

      Option 2- By Check (ซื้อเป็นดราฟท์ ติดต่อซื้อกับธนาคารในเมืองไทย ค่าธรรมเนียมการซื้อดราฟทืประมาณ 203 บาทค่ะ ดราฟท์สั้งจ่ายชื่อโรงเรียน)
      Check must be in U.S. dollars and made payable to: Zoni Language Centers To: International Student Services 22 West 34th Street New York , NY 10001

      Option 3 – International money order (ตั๋วแลกเงินน่าจะลองถามไปรษณีย์ดูว่ามีขายไหม ไม่แน่ใจว่าธนาคารจะมีขายค่ะ)
      To: Zoni Language Centers, Inc.
      22 West 34th Street
      New York, NY 10001

      Option 4 – Bank wire transfer (การโอน น้องควรต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนเต็ม คือ ทั้งจากฝั่งเมือฝไทยและฝั่งอเมริกา(เพราะถ้าดรงเรียนถูกหักค่าธรรมเนียมตอนรับเงินโอน บางโรงเรียนในสหรัฐ ถือว่า น้องจ่ายเงินไม่ครบ จะต้องจ่ายค่าลงทะเบียนเรียน Late เพิ่มด้วยค่ะ นอกเหนือจากจ่ายเพิ่มให้ครบนะคะ) ลองถามค่าธรรมเนียมแต่ละแบงค์ เพราะเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์มีการโฆษณาแข่งกันตรงจุดนี้ระหว่างธนาคารต่างๆค่ะตรงจุดนี้แรงพอสมควร เช่น บางแห่งคิด 990 บาท แบ่งแห่ง 1150 บาท บางแห่ง 1300 บาท)
      To: Zoni Language Centers, Inc.
      Account Number: 9870 26913865
      Routing Number: 021000021
      No charges to Zoni Language Centers
      The Chase Manhattan Bank
      349 Fifth Avenue
      New York, NY 10016 USA
      FOR BANK WIRE TRANSFERS NO CHARGES SHOULD BE MADE TO THE BENEFICIARY: Zoni Language Centers, Inc.

      Option 5 – Online Payment (จ่ายโดยการตัดจากบัตรเครดิต Online ไปเลยค่ะ)
      Pay by credit card directly in our online store at: http://www.store.zoni.com

      ส่วนบัตรที่ควรจะทำจากเมืองไทยไป เช่น
      1.บัตร ATM ของธนาคารบ้านเราที่สามารถไปกดเงินในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละแห่งพูดถึงค่ากด 100 บาท แต่ทั้งนี้ต้องลองไปดูสถานการณ์จริงก่อนว่า ตู้กดในเมืองที่เราอยู่ให้กดเงินสูงสุดเท่าไร ถ้า 1000 เหรียญก็คุ้มเสียแค่ 100 บาท แต่ถ้าไม่ใช่ ได้ทีละ 500 เหรียย กด 2 ครั้งก็ 200 บาทค่ะ บัตร ATM ที่ทำจากไทยน่าจะเก็บไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน เพราะถ้าน้องไปเป็นนักเรียนอยู่นานเป็นปี ใช้บัตร ATM ที่ทำกับธนาคารในสหรัฐอเมริกาจะคุ้มกว่า เพราะไม่ต้องเสียค่ากดเงิน ยกเว้นไปกดตู้ต่างธนาคารค่ะ (พยายามอย่าทำบัตร ATM ที่ทำไปจากเมืองไทยหาย เพราะถ้าบัตรเป็นชื่อน้อง น้องจะอายัดบัตรได้ แต่จะให้ออกบัตรใหม่ในชื่อน้องไม่ได้ ถึงแม้น้องจะมอบฉันทะให้คนที่บ้านไปทำ เพราะเท่าที่ทราบธนาคารไม่ยอมค่ะ ดังนั้น บางคนเขาอาจจะทำบัตร ATM ในชื่อผู้ปกครอง แล้วให้ผู้ปกครองโทรไปบอกรหัสค่ะ)
      2. บัตรเครดิต ถ้าจะทำจากไทยไป แล้วน้องยังไม่ได้ทำงานก็ทำได้ในรูปบัตรเสริมจากพ่อแม่ แต่ถ้าทำงานแล้วก็จะมีบัตรเครดิตได้ แต่ก็อีกนั่นแหละค่ะ สำหรับคนคิดมากเรื่องค่าธรรมเนียมการถอนเงินสด ก็จะมีค่าธรรมเนียม 3%ของจำนวนเงินที่เบิก บวก VAT 7% ดังนั้น ไม่ควรเบิกเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้โดยเด็ดขาดนะคะ ให้ใช้ชำระสินค้าอย่างเดียว เช่น เสื้อผ้า ชำระค่าเรียน และอื่นๆ เวลาน้องไปเปิดบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา เขาจะถามว่า น้องต้องการมีบัตรเครดิตไหม ให้บอกว่าต้องการ เขาจะออกบัตรให้ แต่วงเงินที่ได้จะไม่มาก ขึ้นอยู่กับธนาคารในแต่ละรัฐด้วย จะอยู่ระหว่าง 3000- 5000 เหรียญโดยประมาณ บางแห่งก็ดูจากค่าเรียนของสถานศึกษานั้นๆ บางแห่งก็ดูจากจำนวนเงินที่นำไปเปิดบัญชีครั้งแรก ไม่มีอะไรตายตัว ต้องค่อยๆศึกษาธนาคารในแต่ละเมืองแต่ละรัฐค่ะ
      3. ใบขับขี่สากล กรณีต้องการเช่ารถขับไปไหนมาไหนในช่วงแรกที่ยังสอบใบขับขี่ไม่ได้ แต่ New York มีความสะดวกสบายในระดับหนึ่งตรงที่มีรถใต้ดินเป็นเครือข่ายใหญ่ทีเดียวค่ะ บางคนใช้ใบขับขี่สากลแทน ID เพราะไม่อยากถือหนังสือเดินทางไปไหนมาไหน แต่ที่ถูก นักศึกษาควรหาทางไปทำ State ID จะเหมาะสมกว่าค่ะ
      4. บัตรประชาชน กรณีที่หนังสือเดินทางของน้องบางคนมีอายุเหลือแค่ 2-3 ปี คงต้องไปทำหนังสือเดินทางใหม่เมื่อหนังสือเดินทางหมดอายุ เอกสารชิ้นหนึ่งในการทำหนังสือเดินทาง คือ บัตรประชาชนค่ะ
      5. เช็คเดินทาง ซื้อได้ที่ธนาคาร ข้อดีคือ ขึ้นเป็นเงินสดได้เลยที่ธนาคาร หรือเมื่อนำไปใช้ซื้อสินค้า คนขายจะถอนเงินให้ แต่ข้อเสีย คือมีค่าธรรมเนียม 1 %ของยอดที่ซื้อ บวกค่าอากรแสตมป์ 3 บาท ต่อ1 ฉบับ ให้น้องคิดซะว่า นั่นคือค่าประกันการสูญหายค่ะ เพราะถ้าน้องทำเช็คหาย น้องจะสังเกตเห็นว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารทางเมืองไทยเวลาน้องไปซื้อ เขาจะบอกน้องว่า ถ้าเช็คหายให้ติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์นี้นะคะ ถ้าเช็คหายน้องโทรไปเขาจะถามสถานที่ๆน้องอยุ่ แล้วให้น้องไปติดต่อรับเช็คใบใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่น้องอยู่ค่ะ ส่วนใหญ่ เช็คเดินทางเจ้าใหญ่ๆที่ซื้อขายกันในเมืองไทยคือ Citibank, American Express แล้วแต่ธนาคารไหนในเมืองไทยจะขายของยี่ห้อไหนค่ะ
      6. เรื่องจองตั๋วเครื่องบิน ช่วงนี้เป็นช่วงมหาวิทยาลัยเปิดเทอมตั๋วเครื่องบินค่อนข้างแน่นมากๆ นักเรียนส่วนใหญ่ซื้อเที่ยวเดียวค่ะ พอเข้าไปอยุ่ได้สักปี อยากกลับมาเยี่ยมบ้านจะซื้อตั๋วไป-กลับจากอเมริกามา ตั่วจากอเมริกาจะมีราคาถูกกว่าตั๋วในเมืองไทยค่ะ อย่างไรก็ตาม พยายามเลือกเอเจนซี่ที่เชื่อถือได้ อาจให้เขาช่วยทำจองวันที่พอมีโอกาสจะได้ confirm มากที่สุดค่ะ นักเรียนมีสิทธิ์เดินทางเข้าประเทศได้ก่อนล่วงหน้าวันที่ที่ปรากฏบน I-20 ได้ไม่เกิน 30 วัน (ดูตรงข้อ 5 ที่เขียนว่า The student is expected to report to the school no later than 08-31-2011 แปลว่า มีสิทธิ์เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม -31 สิงหาคม หลัง 31 สิงหาคมไม่มีสิทธิ์เข้าประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ ) ถ้าไปล่วงหน้านาน และไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จัก ก็สิ้นเปลืองค่าโรงแรมเหมือนกันนะคะ

      อย่างไรก็ตามแนะนำเพิ่มเติมว่า เอกสารทุกอย่่าง น้องควรถ่ายเอกสารเก็บไว้ให้คนที่บ้านด้วย เพราะถ้าน้องทำอะไหาย จะต้องไปทำที่อเมริกาใหม่จะได้ให้ที่บ้าน scan ส่งอีเมล์ไปให้น้องนำไปติดต่อสถานกงสุลไทยค่ะ อ่านเพิ่มเติมที่พี่เขียนใน Money Matters, Pre-departure and student life ค่ะ โชคดีนะคะ ขอให้เดินทางดดยปลอดภัยและประสบความสำเร็จในการเรียนค่ะ

  • pat  On August 31, 2011 at 3:48 pm

    middle name ผม กรอก NONE ไปคับ ผมก็คิดว่าเห็นมันมีให้กรอก NONE ก็เลยกรอก แต่พอตอน add family member มันไม่ต้องกรอกได้ ผมก็เลยสงสัย

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากคับ

    • govisa  On August 31, 2011 at 8:48 pm

      ยินดีค่ะ น้อง Pat

  • f  On September 1, 2011 at 5:15 pm

    พี่ครับขอเบอร์โทรศัพท์พี่ได้หรือป่าวครับผมมีความกังวลหลายอย่างที่อย่างปรึกษาคือผมจะไปขอวีซ่านักเรียนอะครับ

    • govisa  On September 1, 2011 at 9:34 pm

      @น้อง Titawan พี่ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ยังไม่สามารถให้หมายเลขโทรศัพท์น้องได้ ทั้งนี้เพราะช่วงระหว่างวันพี่จะมีงานเยอะมากค่ะ เอาเป็นว่าน้องๆที่เขียนถามเข้ามา พี่ก็ตอบให้ทุกคนเลยนะคะ แม้ว่าจะเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ตาม พี่เข้าใจว่า น้องๆคงต้องการทราบคำตอบทันทีค่ะ แต่ถ้าน้องต้องการปรึกษาเจ้าหน้าที่แบบได้พบเห็นหน้ากัน หรือจะใช้วิธีการโทรศัพท์ ให้น้องลองปรึกษาหน่วยงาน EducationUSA ในเมืองไทยดูดีไหมคะ ตามเว็บไซต์นี้นะคะ http://www.educationusa.info/Thailand

  • som_chun  On September 1, 2011 at 6:00 pm

    somchun กรอก DS-160 ไป 5 ปี ค่ะ เอกสารการจองสัมภาษณ์ระบุเป็น M1 ด้วย ตอนพิมพ์ออกมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผิด แต่วันที่สัมภาษณ์เห็นจนท.เขียน M1 เลยถามเค้า แต่จนท.บอกไม่เป็นไรสามารถแก้ไขได้ ตอนที่ยื่นเอกสารให้บอกจนท.อีกที แต่ถ้าเป็น B หรืออื่นๆ ไม่สามารถสัมภาษณ์วันที่ 30 ส.ค ได้ (โชคดีจัง)
    ได้คิวสัมภาษณ์ 30 ส.ค ตอน 7.45 น. ไปถึงสถานทูต 7.00 แต่กินข้าวก่อนเพราะต้องนานแน่ๆ
    1. ได้เข้าประตูประมาณ 7.30 น. มีจนท. 1 คน ให้ยื่น DS-160 จนท.จะเขียนเวลาสัมภาษณ์ที่เราได้+ประเภทวีซ่าที่ขอ จากนั้นฝากโทรศัพท์อุปกรณ์อิเลคทรอนิคทุกชนิด สแกนตัว+กระเป๋า รปภ.ที่ตรวจและฝากของจะให้ใบสีฟ้าส่งเอกสารทางไปรษณีย์ (ยังไม่ต้องรีบเขียนก็ได้ เพราะจะมีเวลาเขียนอีกนาน)
    2. รอตรวจเอกสารจะมี จนท. 3 คน ยังรุ่นๆ อยู่ รอตรวจเอกสาร+ใส่แฟ้มใสให้+ให้บัตรคิว จนท.จะถามข้อมูลเบื้องต้น (ไปเรียนหรือทำอะไร, เคยถูกปฎิเสธหรือของวีซ่าเมกาหรือยัง)
    3. รอเรีอกตามคิว จนท.จะเรียกให้ยื่นรอที่ช่อง 1-3 ประมาณ 10 คน ช่องไหนว่างเข้าได้เลย ยื่นแฟ้มใสให้จนท. ส้มได้ช่อง 2 จนท.มีอายุหน่อย เสียงดุ ค่อนข้างโหด เค้าจะให้อ่านข้อมูลด้านขวามือก่อนเกี่ยวกับการกรอกข้อมูลต้องถูกต้องไม่โกหกเค้าจะถามข้อมูลเบื้องต้นเหมือนกัน เหมือนซ้อมตอบจนท.กงสุล (จนท.จะดูข้อมูลที่กรอก DS-160 ไปทำอะไร เคยได้วีซ่า หรือถูกปฎิเสธมั๊ย มีคนรู้จักหรือป่าว เราไปอยู่กับใคร) ตรงนี้ส้มโดนจนท.ดุเหมือนกัน ไม่รู้เค้าถามส้มตอนไหนว่าเคยถูกปฎิเสธวีซ่าหรือป่าว เพราะ DS-160 กรอกว่าถูกปฎิเสธ (ตรงนี้ต้องฟังให้ชัดเจนเพราะมีผลกับการกดบัตรคิวของจนท.ด้วย) จนท.เค้าบอกมานะ เรื่องเอกสารเค้าจะดูให้ก่อนด้วยว่าอันนั้นจะเอาเข้าไปดี ส้มเอาหนังสือรับรองการทำงานระบุเป็น manager ทำงานร้านอาหารตั้งแต่ปี 2008 ถึงปัจจุบัน และรับรองว่าถ้าเรียนจบเมกาจะกลับมาทำงานที่ร้านอีก (หนังสือรับรองการทำงาน จนท.ให้ส้มเอาออก เค้าบอกว่ามันแปลกไป ลองคิดดูมีที่ไหนไปเรียน 5 ปี และจะรอเรากลับมาทำงานอีก ส้มก็เลยเอาออกตามคำแนะนำ แต่ถ้าเราต้องการยื่นจนท.ก็ไม่ว่าอะไรนะ) แต่ช่องนี้ก้อผ่านไปได้ไม่ยาก และก็สแกนนิ้ว
    4. รอเรียกตามคิวอีกครั้ง จนท.จะเรียกให้ยื่นประมาณ 10 คิวเหมือนกัน ช่องที่เปิดสัมภาษณ์ 8,11 และ 13 ส้มได้ช่อง 8 กงสุลเป็นผู้ชาย ตัวขาว น่ารักด้วย ให้สแกนนิ้วก่อน (อันนี้เริ่มเป็นอังกฤษแล้ว) เค้าถามชื่อ ไปทำอะไร ทำไมอยากเรียนเมกา ใครออกค่าใช้จ่ายให้ และจะตอบแทนคนที่ออกค่าใช้จ่ายยังไง กงสุลยิ้มและพูดเป็นไทยว่า ผมอยู่เมืองไทยใช่แต่ภาษาไทย ไม่ได้ใช่ภาษาอังกฤษเลย และเค้าก็ขำ และพูดว่าการตอบแทนคุณพ่อโดยการกลับมาและดูแลท่านเค้าประทับใจมาก ผมจะให้โอกาสคุณได้พัฒนาภาษาอังกฤษและกลับมาตอบแทนท่าน 🙂
    ทั้งหมดเป็นเรื่องของวันอังคารที่ 30 สค. 54

    • govisa  On September 1, 2011 at 9:27 pm

      ขอบคุณมากค่ะ น้องส้ม ประทับใจประโยคสุดท้ายของท่านกงสุลนะคะ เพราะบ่งบอกถึงวัฒนธรรมอันดีงามของบ้านเมืองเรา ที่เราไม่ทอดทิ้งผู้มีพระคุณเช่นคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงดูเรามาค่ะ ตรงนี้ฝรั่งไม่มี เขาคงประทับใจมากๆค่ะ ดีใจด้วยค่ะ ขอให้เรียนให้าสำเร็จแล้วกลับมาอยูที่เมืองไทย จะได้เป็นสถิติที่ดีของนักเรียนชาติไทยในสายตาของกงสุลฝรั่งด้วยว่า ยังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้คิดอยากไปอยู่อย่างผิดกฎหมายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ

  • som_chun  On September 1, 2011 at 6:02 pm

    อ๋อลืมไปยังไม่หมด กงสุลจะให้ใบสีฟ้าที่กรอกชื่อและที่อยู่คืนกลับมา(ใบที่รปภ.ให้มานะ) และเราไปยื่นซื้อซองจม. เพราะให้กงสุลส่งเอกสาร+พาสปอร์ตกลับมา

  • nuntakarn  On September 4, 2011 at 8:41 pm

    อยากรบกวนถามว่า ถ้าจะขอวีซ่าไปเรียนภาษาที่อเมริกาประัมาณ1ปี แล้วจะใช้statementของแม่เลี้ยง แต่ไม่ได้จดทะเบียนหรือใช้นามสกุลเดียวกับพ่อ และไม่มีสำเนาทะเบียนบ้่านเป็นที่อยู่เดียวกันจะใช้ได้มั้ยคะ คือ พ่อเป็นข้าราชการบำนาญ ส่วนแม่เลี้ยง ยังคงทำงานเป็นข้าราชการอยู่ค่ะ ส่วนตอนนี้ตัวเองเรียนจบมาสามปีแล้ว และก็กำลังทำงานอยู่ แต่อยากไปเรียนภาษา เพื่อพัฒนาตัวเอง ถ้ามีโอกาสและเงินทุนพอในอนาคต ก็คิดที่จะเรียนโทต่อที่อเมริกาอ้ะค่ะ รบกวนช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุูณมากค่ะ

  • som_chun  On September 5, 2011 at 5:46 pm

    พี่ govisa ส้มถามอีกเรื่องค่ะ เราต้องนำบัตรประชาชน เราไป USA ด้วยหรือป่าว

    • govisa  On September 5, 2011 at 8:45 pm

      น้อง Somchun คะ ถ้าหนังสือเดินทางของน้องยังมีอายุการใช้งานอยู่อีกนาน เช่น 3 หรือ 4 ปี น้องไปเรียนภาษาต่อด้วยปริญญาโท ไม่น่าจะใช้เวลาเกิน 4 ปี ไม่เอาบัตรไปก็ได้ค่ะ แต่ถ้าหนังสือเดินทางเหลือ 2 ปีก็น่าจะเอาไปด้วย เพราะน้องต้องไปทำหนังสือเดินทางใหม่ที่อเมริกาค่ะ อนึ่ง พี่ได้ทราบมาจากน้องบางคนที่ไปขอทุน Research Assistant กับมหาวิทยาลัยว่า มหาวิทยาลัยขอดูบัตรประชาชนด้วย พี่กำลังหาข้อมูลอยู่ในเรื่องนี้อยู่ เพราะอันที่จริง ID Card ของน้องเวลาอยู่ต่างประเทศน่าจะหมายถึงหนังสือเดินทางมากกว่าค่ะ ขอเวลาพี่สักวันสองวันพี่จะยืนยันน้องไปอีกครั้งค่ะ

    • govisa  On September 7, 2011 at 7:59 pm

      น้อง Somchun คะ หลังจากสอบถามเพิ่มเติมหลายแหล่ง ขอยืนยันว่า บัตรประชานใช้ทำหนังสือเดินทางใหม่ ถ้าน้องคนไหนรู้ว่าหนังสือเดินทางจะหมดอายุใน 2-3 ปีข้างหน้า ก็น่าจะนำบัตรประชาชไปด้วยเพราะเอกสารที่ใช้ขอมีหนังสือเดินทางใหม่ คือ บัตรประชาน หรือ ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา 1 นอกเหนือไปจากหนังสือเดินทางตัวจริงค่ะ http://www.thaiconsulatela.org/service_passport_detail.aspx?link_id=1 สรุป คือ ถ้าไม่จำเป็นดังที่กล่าวไว้ก็ไม่ต้องเอาไปค่ะ ใช้หนังสือเดินทางอย่างเดียวได้ค่ะ เพราะน้องบางคนขาดความระมัดระวัง อาจทำบัตรประชาชนหายได้ค่ะ แต่ถ้าคิดว่าเพื่อใช้ติดต่อสถานกงสุลกรณีหนังสือเดินทางหายหรือทำหนังสือเดินทางใหม่ก็ให้เอาไปด้วยค่ะ

  • Rata  On September 6, 2011 at 11:15 am

    คุณ govisa คะมีปัญหารบกวนอีกแล้ว เป็นความสะเพร่าของเราเอง ได้ไปเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า ไปกัน 4 คน แต่นามสกุลของคุณแม่สะกดผิดไป ตาม passport คือ roongruang แต่ที่ใบเสร็จเราเขียนเป็น rungruang เจ้าหน้าที่ก็ยินดีจะแก้ให้ แต่ข้อมูลส่งไปแล้ว เราควรทำอย่างไรดี ต้องตัดใจซื้อใหม่เลยหรือ มีวิธีแก้ไขไหม

    • govisa  On September 7, 2011 at 12:38 am

      คุณ Rata คะ ให้เจ้าหน้าที่ที่ไปรษณีย์แก้ให้ แล้วเข้าไปบอกกับเจ้าหน้าที่ในสถานทูตทราบว่า ตอนแจ้งเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ครั้งแรกแจ้งผิดไปค่ะ หรือจะลองสอบถามเข้าไปที่เจ้าหน้าที่ Public Affairs ของสถานทูตสหรัฐอเมริกา คือ 02-205-4596 ดูก็ได้ เพื่อเจ้าหน้าที่เขาอาจจะให้คำตอบได้ค่ะ แต่ต้องเรียนให้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ Public Affairs ไม่ใช่เจ้าหน้าที่กงสุลนะคะ เพียงแต่เจ้าหน้าที่แผนกนี้อาจจะให้ข้อมมูลพื้นฐานทั่วไปแก่ประชาชนไทยได้ค่ะ

  • แนน  On September 6, 2011 at 12:58 pm

    สวัสดีค่ะ หนูชื่อแนนค่ะ เพิ่งเรียนจบป.ตรี ทำงานกับแม่ ให้แม่เปนสปอนเซอร์ เคยได้วีซ่า J1 มา 2ครั้ง ปี 52 กับปี54 เพิ่งกลับมาต้นเดือน กค.อยากกลับไปอีกช่วงเดือน พย.เนื่องจากเพื่อนเขียนจดหมายมาเชิญให้ไปเที่ยว ช่วง thanks giving และหนูสามารถพักบ้านเขาได้
    เอกสารที่หนูเตรียมไว้ คือ
    1.ใบรับรองการทำงานโดยให้แม่เป็นคนเซ็นต์
    2.ใบรับรองการทำงาน และการเงินของพ่อ (ทำงานการไฟฟ้า กฟภ)
    3ใบรับรองฐานะทางการเงินของแม่
    4.ใบขึ้นทะเบียนบัณฑิต พร้อมแนบตารางการซ้อมรับปริญญา ช่วงเดือน เม.ย.
    5.รูปถ่าย
    6.จดหมายเชิญจากเพื่อน พร้อม ID เพื่อนผู้ชาย
    7.ใบทะเบียนบ้าน ซึ่งหนูเป็นเจ้าบ้าน
    8.ใบการตั้งร้านค้า ออกโดยเทศบาล ซึ่งเป็นชื่อหนู 1 ร้าน ชื่อแม่ 1 ร้าน (ใบนี้เป็นใบที่ติดไว้หน้าร้านเขียน ว่า ร้านค้าแผงหมายเลขที่ 65 เทศบาลพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ไม่มีใบจดทะเบียนร้านค้า)
    9.พาสปอร์ต
    พี่คิดว่าหนูมีโอกาสจะได้วีซ่าท่องเที่ยวไหมคะ

    • govisa  On September 7, 2011 at 12:47 am

      น้องแนนนำบัญชีเงินฝากของน้องไปให้กงสุลดูด้วยเพื่อกงสุลถามค่ะ เพราะน้องทำงานมีรายได้แล้ว กงสุลอาจจะถามว่า ตัวน้องเองมีบัญชีเงินฝากในธนาคารไหมนะคะ และน้องจะรับปริญญาปี 2012 ใช่ไหมคะ (อ่านข้อ 4ของน้องแล้วงงค่ะ) ส่วนข้อ 6 อาจสร้างความสับสนให้กงสุลได้ว่า เขาคือ your boyfriend ใช่ไหม เขาอาจจะคิดว่าไปแล้ว น้องจะกลับไหมนะคะ ให้ทางพ่อแม่เพื่อนชายเขียนจดหมายเชิญได้ไหมคะ ถ้าขอจากพ่อแม่เขาเขียนให้ไม่ได้ก็คงต้องลองเสี่ยงดูนะคะ เพราะน้องเองก็เคยแสดงความจริงใจว่าไป work and travel (ใช่ไหมคะ) แล้วกลับเมืองไทยทั้ง 2 ครั้งค่ะ โชคดีค่ะ

      • แนน  On September 13, 2011 at 8:41 pm

        1.ใช่ค่ะ หนู จะกลับมารับปริญญาตอนปี2012 ค่ะ
        2.แต่บัญชีเงินของหนูมีไม่เยอะคะ มีแค่ 20000เอง
        3.ส่วนจดหมายเชิญหนูว่าถ้าไปให้คนอื่นเขียนคงไม่ทันแล้วอ่ะค่ะ เพราะหนูจะสัมภาษณ์วันที่ 21 กันยา 2011 นี้แล้ว
        4.หนูควรจะเตรียมอะไรเพิ่มเติมอีกดีคะ
        5.ใช่ค่ะหนูไป work and travel แล้วก้อกลับตรงเวลาทั้ง 2 รอบ
        6.พวกตั๋วจำนำทองนี่มันใช้ประโยชน์ได้ไหมคะ
        ขอบคุณมากค่ะ

      • govisa  On September 13, 2011 at 11:21 pm

        น้องแนนคงต้องรบกวนพ่อแม่ของน้องแนนเองให้เป็น sponsor ร่วม เพราะเงินในบัญชีธนาคาร 20,000 บาทน้อยเกินไปค่ะ วีซ่าคงไม่ผ่านถ้าใช้ยอดเงินเท่านั้นค่ะ บัญชีที่จะนำไปแสดงให้กงสุลดูควรเป็นบัญชีที่มีเงินปันผล หรือมีดอกเบี้ยค่ะ ตั๋วจำนำทองมีดอกเบี้ยเหมือนฝากเงินในธนาคารไหมคะ ถ้าไม่มีก็ไม่น่าจะนำมาใช้ค่ะ แต่ถ้าสถานการณ์จวนตัว คือจะสัมภาษณ์อาทิตย์หน้า หาใครไม่ได้แล้วที่จะมาเป็น sponsor ให้ก็ลองนำไปให้กงสุล ส่วนจดหมายเชิญจากเพื่อน ถ้าให้เพื่อนทำเป็นจดหมาย attach มากับอีเมล์พอเป็นหลักฐานสำรองน่าจะดูดีกว่าไหม ลองหาทางทำดูค่ะ แล้วเขียนมาเล่าประสบการณ์การสัมภาษณ์ให้ฟังบ้างนะคะ เอาใจช่วยค่ะ

    • แนน  On September 15, 2011 at 3:12 pm

      1.หนูให้แม่เป็นสปอนเซอร์อยู่แล้วค่ะแม่มีเงินในบัญชี 3 แสนกว่าค่ะ
      2.ส่วนพ่อมีใบรับรองเงินเดือนพ่อ ค่ะ และก็เงินสะสมของพ่อ 5 แสนกว่าค่ะ
      3.ใน Ds 160 หนูใส่ชื่อแม่เป็นสปอนเซอร์ค่ะ
      ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ

      • แนน  On September 15, 2011 at 8:02 pm

        พี่หนูตื่นเต้นมากเลย ไม่รู้ว่าจะได้ไหม

      • govisa  On September 16, 2011 at 5:07 am

        @น้องNan ให้น้องนำบัญชีของคุณพ่อไปด้วยค่ะ จะได้ดูว่ามีเงินที่บ้านมากพอที่จะช่วย support น้อง เมื่อน้องเกิดมีปัญหาในระหว่งท่องเที่ยวอยู่ค่ะ และขอให้น้องมีสมาธิในการตอบคำถาม ฟังคำถามให้ดี ตอบคำถามให้หนักแน่นชัดเจน แสดงให้กงสุลเห็นและมั่นใจว่า ไปแล้จะกลับ อย่าตอบอะไรคลุมเครือหรือส่อเจตนาให้เกิดการเข้าใจผิดว่า ไปแล้วอาจจะไม่กลับค่ะ

      • แนน  On September 17, 2011 at 5:46 pm

        ขอบคุณมากนะคะพี่ govisa แล้วหนูจะมาเล่าให้ฟังค่ะว่าเป็นยังไงบ้าง วันพุธนี้แล้วสงสัยว่าจะต้องเตรียมร่มไปด้วย แฮะๆๆ เดี๋ยวฝนตก 🙂 หนูพยายามไม่เครียดแล้วค่ะ แล้วก็ขอให้พี่สาวเพื่อนส่งจดหมายมาให้อีกฉบับ แต่ไม่รู้ว่าจะทันไหม

      • govisa  On September 18, 2011 at 7:21 pm

        โชคดีค่ะน้องแนน เอาใจช่วยค่ะ

      • แนน  On September 21, 2011 at 12:46 pm

        พี่govisaคะ หนูจะเล่าให้ฟังวันนี้หนูไปสัมภาษณ์มา
        เวลานัด 7.15 ไปถึง ตอน7.25 ตายและนึกว่าจะไม่ทัน รีบมากเลยค่ะ
        พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ขอดูใบนัดก่อนค่ะแล้วก้อให้เปิดพาสปอร์ตหน้าแรก จากนั้นก้อไปฝากเครื่องมือสื่อสารค่ะ นั่นยังไม่ตื่นเต้น ก้าวขาเข้ามาในกงสุล เข้าแถวให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารคะ เอกสารที่ใช้ มีหน้าคอนเฟริมเมชั่น หนังสือรับรองการทำงาน จดหมายเชิญ ใบรับรองทางการเงินของคุณแม่เพราะคุณแม่เป็นสปอนเซ่อร์ พาสปอร์ต และก้อใบเสร็จชำระเงินค่าธรรมเนียมค่ะ เจ้าหน้าที่นำเอกสารใส่แฟ้มใส เนื่องจากดิฉันเคยได้รับวีซ่าอเมริกา(เจ 1)แล้วจึงรวดเร็ว ให้เปิดประตูเข้าไปด้านในได้เลย เจ้าหน้าที่ให้ต่อแถวช่อง14-15 มองซ้าย ขวา ช่อง15 คุณป้าเสียงดังมาก ต่อช่อง14 ดีกว่า รออยู่ประมาณ 10 นาทีค่ะ จากนั้นถึงคิวหนูยื่นเอกสารในซองสีขาว เจ้าหน้าที่ถาม มีญาติที่อเมริกามั้ย ไปทำไม นานเท่าไหร่ จากนั้นให้สแกนนิ้วมือคะ ให้ไปต่อช่อง13 เป็นชายชาวอเมริกัน หล่อมากค่ะ น่ารัก ยิ้มสวย พูดภาษาไทยด้วยค่ะ
        เจ้าหน้าที่ -ไปทำอะไร
        แนน-ไปเที่ยวค่ะ และก็ไปเยี่ยมเพื่อนช่วงหน้าหนาวคะ
        เจ้าหน้าที่-ทำงานอะไร
        แนน-ธุรกิจครอบครัวค่ะ ทำกับครอบครัว (โชว์รูปกิจการนิดนึงเนื่องจากไม่มีใบจดทะเบียนการค้า)
        เจ้าหน้าที่-ชื่อเพื่อนชายของหนูที่เขียนจดหมายเชิญ เป็นใคร แฟนหรอ
        แนน-ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนกัน
        เจ้าหน้าที่-เรียนจบแล้วหรอ แล้วเรียนจบอะไร
        แนน-จบแล้วค่ะ เรียนภาษาอังกฤษ
        จากนั้นเจ้าหน้าที่ก้อพูดอังกิด
        เจ้าหน้าที่-แล้วเคยไปเดทกับเพื่อนชายคนนี้ไหม
        แนน-ไม่ค่ะ เป็นแค่เพื่อนกัน
        ถามคำถามนี้ประมาณ3 รอบแต่หนูยืนยันคำเดิมว่าเพื่อน
        เจ้าหน้าที่-ไปพักที่ไหน
        แนน-………………..
        เจ้าหน้าที่-คุนไปที่ไปรษณีย์ข้างหน้าไปซื้อซอง
        อ้าว!!!!!!หนูได้วีซ่าแต่กี่ปีหนูไม่ไถม รอลุ้นค่ะ

      • govisa  On September 23, 2011 at 11:00 pm

        ยินดีด้วยค่ะน้องแนน ขอโทาที่พี่ตอบช้า เพราะติดงานสำคัญค่ะ น้องน่าจะได้วีซ่า 10 ปีนะคะ

  • ooybarrett  On September 7, 2011 at 12:55 pm

    หวัดดีค่ะ เป็นน้องใหม่คะ

    คือว่าจะทำเรื่องวีซ่าท่องเที่ยวให้ลูกสาวค่ะ ลูกสาวอายุสิบสองปีค่ะ เขาเคยมาอเมริกาแล้วด้วยวีซ่า K4 เมื่อปี2007แต่อยู่ใด้ปีเดียวก็กลับไปอยู่ไทยเพราะไม่ชอบ แต่ตอนนี้อยากทำวีซ่าให้น้องมาเที่ยวแต่พาสปอร์ทน้องเขาจะหมดอายุ 16 ตุลาคมนี้ค่ะ ตอนนี้ดิฉันอยู่ต่างประเทศจะกลับไทยเดือนหน้าอยู่ประมาณ 6 อาทิตย์ค่ะ 1. อยากทราบว่า ถ้าจะทำการกรอก DS160 ให้น้องเขาและก็นัดวันสัมภาษณ์ไปก่อนแล้วจะพาน้องไปต่อพาสปอร์ททีหลังแล้วไปสัมภาษณ์ค่อยนำไปพร้อมกันสองเล่มใด้ใหมค่ะ? 2. น้องเคยมาอยู่อเมริกาแล้วครั้งนึงจะมีปัญหากับการขอวีซ่าครั้งนี้ใหมค่ะ? คือว่าถ้าจะรอไปต่อพาสปอร์ทให้น้องก่อนค่อยยื่นเรื่องวีซ่ากลัวว่าเวลาภายใน 6 อาทิตย์จะไม่มีวันสัมภาษณ์ว่างนะค่ะน้องอยู่ต่างจังหวัดและดีฉันอยากจะเป็นคนพาน้องไปสัมภาษณ์เองค่ะ

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

    ออย

    • govisa  On September 7, 2011 at 9:21 pm

      @คุณ Ooy ปัจจุบัน Passport มีอายุการใช้งาน 5 ปี เมื่อหมดอายุ ทางราชการให้ทำหนังสือเดินทางใหม่ ไม่มีการต่ออายุ เข้าไปดูเพิ่มเติมที่ http://www.mfa.go.th เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะเวลาในการทำหนังสือเดินทางในกรุงเทพมหานคร คือ ทำวันนี้ อีก 3 วันรับเล่มใหม่ได้เลยค่ะ ไม่ควรกรอก DS-160 โดยใช้หมายเลขหนังสือเดินทางเก่า เพราะหลังจากตกลงนัดวันสัมภาษณ์ คุณ Ooy จะเปลี่ยนหมายเลขหนังสือเดินทางจากเล่มเก่าเป็นเล่มใหม่ไม่ได้ค่ะ พาลูกสาวเข้ามาทำเล่มใหม่ในกรุงเทพ หลังจากทำดูในใบเสร็จหมายเลขหนังสือเดินทางใหม่จะอยู่ในใบเสร็จ ตอนนี้คุณ Ooy จะสามารถกรอกฟอร์ม D-160 ได้ค่ะ

      ส่วนเรื่องจะมีปัญหาการขอวีซ่าไหม พี่ไม่ทราบรายละเอียดชัดเจนว่า ทำไมแม่ลูกต้องอยู่แยกกันคนละประเทศ ลูกอยู่กับใครที่เมืองไทย คุณพ่อคุณแม่ยังอยู่ด้วยกันหรือเปล่า เพราะการได้ K-4 เหมือนคุณ Ooy แต่งงานกับคนอเมริกันแล้วขอวีซ่าให้ลูกสาวไปอยู่ด้วย แต่ลูกไม่ชอบ คุณ Ooy ต้องอธิบายกงสุลได้ว่า เมื่อนำลูกกลับมาอยู่ที่ไทยลูกอยู่กับใคร และเมื่อตอบคำถามที่กงสุลสัมภาษณ์ กงสุลอาจจะถามว่า แล้วลูกจะกลับไหมเมื่อเที่ยวเสร็จ ใครจะพาลูกเดินทางกลับ หรือทำไมคุณ Ooy ไม่ขอกรีนการ์ดให้ลูก ฯลฯ เป็นต้นค่ะ

  • ooybarrett  On September 8, 2011 at 1:42 am

    ขอบคุณพี่มากๆเลยค่ะสำหรับคำตอบ
    ใช่ค่ะหนูแต่งงานกับชาวอเมริกันแล้ว และหย่าขาดจากพ่อของเด็กมา 9 ปีแล้วส่วนลูกอยู่ในการปรกคลองของหนูคนเดียวและลูกสาวก็อยู่กับคุณแม่หนูมาตั้งแต่เล็ก อาจจะเป็นเพราะว่ายายเลื้ยงมาตั้งแต่เล็กเขาก็เลยผูกพันธ์กับยายมาก หนูตั้งใจว่าจะขอให้แม่ด้วยพร้อมกันและถ้าวีซ่าผ่านหนูตั้งใจจะให้เขากับยายมาเยี่ยมหนูช่วงมีนาคมปีหน้าช่วงปิดเทิมใหญ่อาจจะใด้อยู่นานหน่อย 5 อาทิตย์และเขาคงต้องเดินทางกับยายส่วนเรื่องภาษาเขาพอใด้มากอยู่คงไม่น่าเป็นห่วงถ้าจะให้เดินทางกับยาย ส่วนเรื่องกรีนการ์ดหนูถามเขาแล้วว่าอยากกลับมาอยู่กับแม่ที่อเมริกาใหมเขาบอกยังไม่อยากมา หนูคิดว่าถ้าเขาจะมาอยู่กับหนูหลังจากจบ ม.6 ก็ค่อยคิดเรื่องทำกรีนการ์ดหรือวีซ่านักเรียนให้ก็ใด้ แฟนหนูเป็นทหารค่ะและตอนนี้ใด้ประจำการที่ ฮาวาย 3 ปีและก็เหลือเวลาอีกปีกว่าๆก็คงต้องย้ายก็เลยอยากให้แม่กับลูกสาวมาเยี่ยมช่วงที่หนูยังอยู่ที่นี่ค่ะ (เพราะว่าที่นี่สวยมากๆค่ะพวกเขาคงจะชอบและมีความสุขที่ใด้มาเที่ยวฮาวาย)
    และหนูก็หวังอย่างยิ่งว่าวีซ่าของพวกเขาคงจะผ่าน
    ออย

    • govisa  On September 8, 2011 at 9:08 pm

      @น้อง Ooy เห็นใจค่ะ อย่างที่แนะนำไว้เมื่อวาน คือ เมื่อกลับมาก็พาลูกไปทำหนังสือเดินทาง หรือจะให้ลุกกับยายไปทำกันก่อนเองตอนนี้ก้ได้ค่ะ พอ Ooy กลับมาจะได้กรอกฟอร์ม DS-160 กันเลยค่ะ Ooy ก็คงต้องขอวีซ่านักท่องเที่ยวให้ลูก หรือถ้าเขาอยากไปเรียนก็คงต้องขอวีซ่รา F-1 ประเภทนักเรียนไปค่ะ เพราะเขาเกิดก่อนที่ Ooy จะได้สิทธิความเป็นพลเมืองอเมริกัน เขาจึงไม่สามารถขอสัญชาติตามมารดาได้เลยทันทีค่ะ คงต้องผ่านกระบวนการยื่นขอกรีนการ์ด Ooy ต้องปรึกษาทนายความในอเมริกา ถ้าลูกสาวต้องการไปอยู่กับ Ooy การยื่นขอกรีนการ์ดไม่ใช่ว่า ยื่นปุ๊บจะได้ทันที คงต้องใช้เวลา นั่นคือเหตุผลที่ให้ปรึกษาทนายความที่อเมริกาค่ะ พี่ทราบว่า ค่าทนายความในอเมริกาค่อนข้างแพง แต่เป็นทางเลือกที่ดี่ที่สุดแล้วค่ะ ส่วนการจะขอวีซ่านักท่องเที่ยว น่าจะขอพร้อมกันทั้งคุณยายและคุณหลาน เขาจะได้รู้ว่า มีผู้ปกครองเดินทางไปด้วยกันค่ะ อย่าลืมขอ transcript และจดหมายรับรองความเป็นนักเรียนจากโรงเรียนของลูกสาวไปแสดงด้วยค่ะ เพื่อให้กงสุลเห็นว่า ลูกสาวจะกลับมาเรียนที่โรงเรียนเดิมในประเทศไทยค่ะ

  • Gift  On September 8, 2011 at 2:28 pm

    พี่คะอยากจะสอบถามว่าถ้าเราได้ใบ I-20 มาแล้วแต่ยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบิน และยังไม่ได้จองหอพักจะสามารถขอวีซ่าได้มั้ยคะ หรือต้องรอให้มีครบทุกอย่างจึงจะขอได้

    อีกคำถามคะพี่อยากทราบว่า อะไรคือ PIN อะคะคือสามารถซื้อไว้ก่อนได้รับ I-20ป่าวคะ หนูกลัวว่าถ้าได้ I-20มาแล้วจองคิวไม่ทันอะคะเห็นเพื่อนบอกว่าคิววีซ่าอเมริกาเต็มเร็ว

    รบกวนด้วยนะคะ 🙂

    • govisa  On September 8, 2011 at 8:26 pm

      @น้อง Gift หลักฐานการยื่นขอวีซ่านักเรียนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ไม่ต้องแสดงเอกสารเกี่ยวกับการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักเหมือนบางประเทศค่ะ ส่วนคำถามเรื่องการซื้อพิน ถ้าต้องการซื้อพินที่ไปรษณีย์ เพื่อทำการนัดวันสัมภาษณ์ทางอินเทอร์เน็ต พิน (Pin) จะมีราคา 372 บาท (ราคามีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ) พินใช้สำหรับกรอกฟอร์มเพื่อนัดวันสัมภาษณ์ พินมีอายุการใช้งานได้นาน 90 วันค่ะ แต่ถ้ายืนยันวันนัดสัมภาษณ์แน่นอนแล้วพินจะมีอายุอีกประมาณ 10 วันค่ะ ถ้าไม่ซื้อพินที่ไปรษณีย์ สามารถทำได้อีกวิธี คือ ตัดจากบัตรเครดิต อาจจะเป็นบัตรเครดิตของผู้ปกครองหรือคนรู้จักก็ได้ค่ะ ส่วนคิววีซ่าช่วงนี้คิวค่อนข้างสบายๆ เห็นวันที่สีเขียวเกือบตลอด เป็นไปได้ที่คิวนัดสัมภาษณ์อาจจะหายากถ้าเป็นช่วงเดือนธันวานี้ หรือต้นปีหน้า (2555) เพราะจะไปตรงกับช่วงจังหวะมหาวิทยาลัยเปิดเรียนเดือนมกราคมค่ะ อย่างไรก็ตามนักศึกษาส่วนใหญ่ก็ยังนิยมไปเรียนเทอมสิงหาคมกันมากกว่าค่ะ

  • Gift  On September 8, 2011 at 11:06 pm

    ขอบคุณพี่มากนะคะมีอีกหนึ่งเรื่องที่อยากถามเกี่ยวกับbank statement อะคะว่าถ้าเราขอใบรับรองมาจากbank แล้วยังต้องนำสมุดบัญชีตัวจริงหรือstatementย้อนหลัง6เดือนหรือใบรับรองการทำงานของคุณพ่อมาในวันยื่นเอกสารด้วยป่าว

    ขอบคุณคะ 😀

    • govisa  On September 9, 2011 at 9:36 pm

      ต้องมีหลักฐานดังกล่าวไปแสดงให้กงสุลดูด้วยค่ะ น้อง Gift

  • ooybarrett  On September 9, 2011 at 2:22 am

    หวัดดีค่ะ ขอบคุณมากๆนะค่ะคุณพี่สำหรับข้อมูญและคำแนะนำ
    ใด้อ่านข้อความโพสต์หน้าเว็บไซต์ของพี่แล้วใด้ความรู้และมีประโยชน์มากๆเลยค่ะขอบคุณอีกครั้งที่มีโอกาศใด้รู้จักเว็บไซต์ของพี่….เรื่องหนังสือเดินทางของลูกสาวหนูใด้ให้แม่พาไปทำแล้วค่ะแต่เขาไม่ยอมทำให้ (น่าสงสารยายกับหลานมากเลยค่ะต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อที่จะนั่งรถไปทำที่โคราชเมื่อเสร็จก็ต้องรีบนั่งรถกลับบ้านซึ่งจากบ้านไปโคราชก็ราวๆ 5 ชม.นั่งรถ 4 ต่อกว่าจะถึง บ้านอยู่ชัยภูมิค่ะ) เขาบอกหนูต้องเป็นคนไปเซ็นรับรองถ้าหนูไปไม่ใด้ก็ต้องมีใบมอบอำนาจซึ่งใบมอบอำนาจต้องขอที่สถานกรงสุลใหญ่ในต่างประเทศและที่ฮาวายไม่มีกรงสุลหนูต้องส่งเรื่องไปที่ LA หนูโทรถามขั้นตอนการทำก็ใช้เวลาประมาณ3-4อาทิตย์กว่าใบมอบอำนาจจะถึงมือแม่หนูและถ้าเป็นเช่นนั้นหนูก็กลับไทยพอดีหนูก็เลยไม่ทำคิดว่าคงจะทำตามที่พี่แนะนำ( กฎหมายเขาน่าจะมีแบบว่าทำรอบสองให้คุณยายพาไปทำหรือว่าให้เจ้าบ้านที่เด็กมีชื่อในทะเบียนบ้านพาไปทำก็ใด้เนาะพี่ )….หลังจากทำเสร็จจะมีหมายเลขหนังสือเดินทางในใบเสร็จใช่ใหมคะแล้วจะมีวันออกและวันหมดอายุในนั้นใหมค่ะ? และถ้าหนูซื้อพินแล้วโทรไปนัดจะใด้วันนัดหรือเปล่าค่ะ หนูเคยอ่านบางโพสต์ว่าถ้าเขาไม่มีวันว่างเขาให้โทรกลับไปใหม่และพินหนึ่งเบอร์สามารถโทรใด้3ครั้งซึ่งหนูมีความสงสัยว่าถ้าสามครั้งเราไม่ใด้วันนัดเราต้องซื้อพินใหม่ใช่ใหมค่ะ? เคยมีหรือเปล่าคะเคสแบบนี้? พี่ว่าซื้อแบบนัดทางออนไลน์เองหรือซื้อนัดทางโทรศัพย์ดีค่ะ? ถ้าวันสัมภาษณ์หนูสามารถเข้าไปกับพวกเขาใด้ใหมค่ะ?
    ขอบพระคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On September 9, 2011 at 9:34 pm

      พี่ต้องขอโทษน้อง Ooy ที่ลืมเตือนน้องไปว่า ถ้าลูกสาวอายุต่ำกว่า 15 ปีต้องมีใบมอบฉันทะจากผู้ปกครองด้วยค่ะ อยู่ในเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ http://www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=63
      ผู้เยาว์อายุระหว่าง 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์
      ผู้เยาว์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ที่ทำบัตรประชาชนแล้วสามารถติดต่อขอทำ หนังสือเดินทางด้วยตนเอง โดยมีหนังสือยินยอมของบิดาและมารดา หรือ ผู้มีอำนาจปกครองที่ยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่ผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขตมาแสดงประกอบการยื่นคำร้อง หากไม่มีหนังสือยินยอม บิดาและมารดาหรือผู้มีอำนาจปกครองผู้เยาว์ต้องมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในวันที่ยื่นคำร้อง (หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาไม่ได้ ให้มาลงนามในวันรับเล่ม) หรือ มีหนังสือยินยอม จากฝ่ายที่มาไม่ได้มาแสดง เอกสารที่นำมายื่นขอหนังสือเดินทางต้องเป็นต้นฉบับหากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองสำเนาถูกต้อง จากหน่วยงานที่ออกเอกสารดังกล่าวเท่านั้น

      เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางธรรมดาของผู้เยาว์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์
      – บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุใช้งาน หรือ บัตรประจำตัวที่ใช้แทนตามกฎกระทรวง มหาดไทย
      – หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่ผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขต และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครอง พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
      – เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น อาทิ หลักฐานใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เอกสารหลักฐานการรับรองบุตรหรือรับบุตรบุญธรรมใบ
      สำคัญการสมรส ทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ทะเบียนบ้าน คำสั่งศาลกรณีระบุผู้มีอำนาจปกครองแทนบิดามารดา เป็นต้น

      ค่าธรรมเนียม
      – การทำหนังสือเดินทางเสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท

      ความหมายของผู้มีอำนาจปกครอง
      กรณีบิดาและมารดาจดทะเบียนสมรสบิดาและมารดาต้องมาลงนาม(ต่อหน้าเจ้าหน้าที่)ในคำร้องขอหนังสือเดินทางทั้งสองฝ่ายหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สะดวกมาลงนามในวันที่ผู้เยาว์ยื่นคำร้องให้มาลงนามในวันรับเล่มได้ หรือทำหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ ผ่านอำเภอ/เขต พร้อมบัตรประชาชนที่มีอายุใช้งานบิดา มารดาตัวจริง

      – กรณีที่ผู้มีอำนาจปกครองอยู่ในต่างประเทศ ให้ทำหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ ผ่านสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่พำนักอยู่ หากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี และผู้ปกครองไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตนเองและประสงค์จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ โดยหนังสือทั้ง 2 ฉบับ ต้องผ่านการรับรองจาก สอท./สกญ. (สถานทูต/สถานกงสุล) กรณีบิดามารดาหย่าตามกฎหมาย ให้ผู้มีอำนาจปกครองผู้เยาว์ตามที่ระบุในบันทึกการหย่าเป็นผู้ลงนามพร้อมแสดงทะเบียนหย่า และบันทึกการหย่า
      – ผู้เยาว์ที่เกิดจากบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส มารดาสามารถลงนามได้ฝ่ายเดียว โดยให้ทำ บันทึกคำให้การจากอำเภอ/เขตยืนยันว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรสพร้อมแสดงหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนที่มีอายุใช้งานเป็น “นางสาว” ต่อเจ้าหน้าที่รับคำร้อง
      – มารดาผู้เยาว์ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่ใช้คำนำหน้า “นาง” สามารถลงนามได้ฝ่ายเดียว โดย นำหนังสือรับรองการอุปการะบุตรแต่เพียงผู้เดียวจากอำเภอ/เขต มาแสดง
      – ผู้เยาว์เกิดจากบิดามารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มารดาต้องมาลงนามให้ความยินยอม บิดา ไม่สามารถลงนามยินยอมให้ผู้เยาว์เพียงฝ่ายเดียวได้ เว้นแต่ว่ามีคำสั่งศาลมาแสดงว่าศาลให้บิดาเป็นผู้อุปการะผู้เยาว์แต่ผู้เดียว
      – บิดามารดาผู้ให้กำเนิดผู้เยาว์ที่ได้ยกผู้เยาว์ให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่นแล้ว ไม่สามารถลงนาม แทนบิดามารดาบุญธรรมได้ต้องให้บิดา มารดาบุญธรรมเป็นผู้ลงนาม
      – เอกสารที่นำมายื่นขอหนังสือเดินทางต้องเป็นต้นฉบับหากเป็นสำเนาต้องได้รับการรับรองสำเนา ถูกต้องจากหน่วยงานที่ออกเอกสารดังกล่าวเท่านั้น

      ข้อควรปฏิบัติในวันมายื่นคำร้อง
      กรณีบิดาและมารดาจดทะเบียนสมรส บิดาและมารดาต้องมาลงนาม(ต่อหน้าเจ้าหน้าที่)ในคำร้องขอหนังสือเดินทางทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สะดวกมาลงนามในวันที่ผู้เยาว์ยื่นคำร้อง ให้มาลงนามในวันรับเล่มได้ หรือทำหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ ผ่านอำเภอ/เขต พร้อมบัตรประชาชนที่มีอายุใช้งานบิดา มารดาตัวจริง

  • Bell  On September 9, 2011 at 4:47 pm

    พี่ govisa ค่ะ ก่อนอื่นขอขอบคุณ พี่มากๆ ที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอดๆ จน เบล ประสบความสำเร็จจนได้

    สดๆ เช้าวันนี้ 09/09/54
    1.เดินทางไปเข้าคิว ตั้งแต่เช้าตรู่ 6.40 น
    2.มีเจ้าหน้าที่ “เสื้อชมพู” มาตรวจเอกสารขอ
    – ใบยืนยัน ds-160
    – เลขที่ Passpost M….
    – ทะเบียนบ้านตัวจริง กรณี เบลมาสัมภาษณ์พร้อมน้องชาย ชื่อนามสกุล อยู่บ้านเดียวกันให้ เจ้าหน้าที่ดู แล้วทำการ เขียน B2
    – เมื่อตรวจเอกสารเสร็จ คือเจ้าหน้าที่เสื้อสีชมพู จะติกข้อมูลของเราไว้ ตามเวลาที่เรานัดสัมภาษณ์

    3. เดินเข้าไปตรวจสิ่งของ ห้ามนำมือถือ หูฟัง เครื่องสื่อสาร เข้าไปจะมีรับฝากก่อนเข้าโดยใช้บัตรประชาชนหรือใบขับขี่ (ทางที่ดีเพื่อความรวดเร็วไม่ต้องเอาเข้าไปเลย ฝากญาติข้างนอกไว้ดีกว่า) เพราะ วันนี้เบลโดนแซง ไปหลายคิวเลย น้องดันลืมหูฟังอยู่ในกางเกง เสียเวลานิดนึง
    – ก่อนเดินเข้าไป พนักงานตรวจความปลอดภัยจะยืน ใบสีฟ้า มาให้คนละใบด้วย เพื่อกรอกข้อมูลการส่งไปรษณ์ เพื่อส่งคืน Passpost กรณีผ่านการสัมภาษณ์

    4. เดินเข้าแถวไปเพื่อตรวจเอกสารรอบ 2 ต่อ เอกสารที่ต้องเตรียมออกมาคือ
    – ds-160
    – Passpost
    – ใบชำระค่าธรรมเนียม
    – ใบจบการศึกษา
    เจ้าหน้าที่จัด เอกสารใส่แฟ้ม ใสสีขาว

    5.เป็นหน้าต่าง 3 ช่อง ว่างช่องไหนเข้าได้เลย เตรียมตัวเข้าการสัมภาษณ์ ประวัติคร่าวๆ
    – ชื่ออะไร
    – เคยขอวีซ่า อเมริกามาก่อนไหม
    – ไปทำอะไรที่อเมริกา
    – เป็นอะไรกัน “เป็นพี่น้องกันแท้ๆ”
    – สแกนนิ้ว ทั้ง 10 นิ้ว 4 นิ้วซ้ายขวา 2 นิ้วโป่งซ้ายขวา รับบัตรคิว หนึ่งใบสัมภาษณ์พร้อมกัน 2 คน คิวที่ 11

    6.เดินเข้าไปสู่การสัมภาษณ์ของจริง
    ยืนรอช่อง 11 เข้าแถวเรียงตามคิวในมือ รอสักพักใหญ่ยืนคุยกับน้องอย่างเมามันส์ ว่าจะตอบอย่างไรยังไง ช่องแรกก็เปิดขึ้น เป็นทูตผู้ชายฝรั่งหน้าตาดี หล่อมาก แต่ท่าทางดุ เพราะสัมภาษณ์ นานมากแต่ละคน ยังไม่ถึงเรา ฟังเค้าสัมภาษณ์ไปเรื่อยๆ
    อีกช่องเปิดขึ้น เป็นทูต ผู้หญิง คนนี้สัมภาษณ์เร็วมาก 3 คนรวดเดียว
    แต่เบล โดนทูต ผู้ชาย ไม่ดุอย่างที่คิด คำแรกที่ทักคือ ถามว่าเบลกับน้อง เป็นสามีภรรยากันใช่ไหม (ขำกันใหญ่ 2 คนพี่น้อง หน้าเหมือนกันอย่างกะแกะ ทักว่าเป็นแฟนกันได้ไง) ไม่แน่ใจว่าในระบบ ก็ต้องมีประวัติเราที่กรอกมาว่าเราเป็นพี่น้องกันซิ หรือป่าว ค่ะ พี่ govisa

    – ถามชื่อ ชื่อนี้แปลว่าอะไร
    – เรียนที่ไหน คณะอะไร ปีไหน จบคณะอะไร
    – ไปทำอะไร
    – ใครออกค่าใช้จ่ายให้ เบลตอบ มารดา งง..ซิ ฝรั่ง..งง เราก็..ว่าเราตอบอะไรผิด ประเด็น ฝรั่งถามว่า มารดา ที่เรียกว่าแม่ ใช่ไหม ตอบว่า ใช่ แล้วทำไมไม่เรียกแม่ ตอบคนไทยเค้าเรียกแบบนี้ค่ะ บิดา คือ พ่อใช่ไหม แล้วบิดา มารดา เรียกเรา 2 คนว่า บุตรธิดาใช่ไหมแล้วหัวเราะ เราก็ยิ้มแล้วบอกว่าใช่ค่ะ
    – พ่อ แม่ ทำอาชีพอะไร
    – ไปเที่ยว เรียนจบแล้วไม่ทำงานเหรอ จะกลับมาทำงานอะไรที่ประเทศไทย ตอบว่าทำธุรกิจส่วนตัว ของที่บ้าน แล้วคืออะไร ก็สวนของพ่อแม่ไง หัวเราะอีก (นึกในใจแน่เลย ว่านี่เหรอเรียกว่าธุรกิจส่วนตัว ไม่มีบริษัท 55++)
    – สวนอยู่ที่ไหน ไกลไหม มีรูปไหม ขับรถกี่ชัวโมง เค้าเพิ่งมาอยู่ไม่กี่เดือนเลยู้จัก มีรูปให้ดูไหมไม่มีค่ะ ไม่ได้เอามา
    – แล้วจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
    – ไปอยู่กับใคร ป้าเป็นคนสหรัฐได้ยังไง ไปอยู่ได้ไง
    – ไปเมื่อไร ไปรัฐไหน
    – แล้วเบล ก็บอกว่า ขอ วีซ่า นานๆหน่อยนะค่ะ เพราะเป็นคนชอบเที่ยว จะเก็บเงินไปเที่ยวเองในอนาคต เค้าก็หัวเราะ ถามว่าจะไปกับใคร คนเดียวเหรอไรงี้ หัวเราะอีกรอบ
    – เบล ถามว่าต้องดูบัญชีธนาคารไหม กำลังจะหยิบ ไม่เอาไม่ดู
    สักพัก เห็นเค้าเซ็นอะไรใน ds-160 ไม่รู้แล้วหยิบแฟ้มใส่ตะกร้า แล้วบอกว่า 10 ปี ไปซื้อซองข้างนอกเลยครับ สองพี่น้อง ยิ้มจนหน้าบาน แก้มปริบ แล้วไหว้อย่างยามๆ ก่อนยิ้มเดินออกไป อิอิ 55++ ประสบความสำเร็จ กลับมาทำงานปกติ

    ขอขอบคุณ พี่ govisa มากนะค่ะไม่มีพี่แย่แน่ๆๆ เบล มาเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆฟังค่ะ สัมภาษณ์ครั้งนี้ตื่นเต้นมาก ท้องเบลนี่วูบวาบเลย ลุ้นๆ แต่สนุกมาก ปวดฉี่ตั้งแต่ 6 โมงเช้า จน 8 โมง หายปวดเลยทีเดียว “อยาก บอกเพื่อนๆ ว่าเตรียมเอกสารดีๆนะค่ะ เห็นมีอยู่หลายคนที่ไม่ผ่าน แล้วเห็นอยู่คนนึง ฝรั่งบอกว่า ผิดกฏหมายด้วย ไม่ให้ผ่าน หน้าเคลียดเลย น่าสงสาร”

    • govisa  On September 9, 2011 at 9:26 pm

      ดีใจด้วยค่ะ น้อง Bell น้องน่าจะไปเป็นนักประพันธ์นะคะ เขียนมาได้ดีมากละเอียดเห็นภาพชัดเจนค่ะ ขอชมนะคะ ถ้าท่านกงสุลได้เข้ามาอ่านภาษาไทยของ Bell คงจะดีใจมากที่มีคนชมว่า กงสุลหล่อมากค่ะ แต่พี่ทราบมาว่า ท่านแต่งงานแล้วนะคะ ขอให้ Bell และน้องชายเที่ยวให้สนุก มีอะไรที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น เขียนมาให้อ่านได้อีกเรื่อยๆนะคะ

  • Bell  On September 10, 2011 at 11:02 am

    ขอบคุณค่ะ พี่ govisa
    – แต่งงานแล้วด้วย คิดไว้แล้วมาทำงานที่ไทยต้องตามภรรยามาอยู่แน่เลย พูดไทยชัดด้วย พี่ govisa รู้จักด้วยเหรอค่ะ
    – ก่อนไปจะไปหาดูราคา ตั๋วเครื่องบินได้ที่ไหนค่ะ ที่ไหนดีและ ช่วงไหนที่มีราคาถูกค่ะ
    แล้ว เบลสามารถไปได้ นานสุด 3 เดือนใช่ไหมค่ะ แต่เบล ขอไป 6 อาทิเองนะค่ะ เวลาจองตั๋วเครื่องบิน จองไปกลับ 3 เดือนเลยได้ไหม หรือว่าไปได้แค่ 6 อาทิเท่าที่ขอไปใน ds-160 ค่ะ
    – พี่ govisa ค่ะ ถ้าเบลล์จะไปเรียนภาษาที่อเมริกา ต้องทำอะไรบ้างค่ะ ถ้าไปติดต่อที่เรียนที่โน้น เองได้ไหม ที่ไม่ต้องผ่านสถาบันในประเทศไทย ง่าค่ะ ต้องใช่เอกสารอะไรบ้างค่ะ แล้วต้องขอเอกสาร ที่สถาบันเรียนภาษาอะไรบ้าง

    – ถ้าไปเที่ยว 3 เดือน แล้วติดต่อเรียนภาษาที่อเมริกา ต้องกลับมาทำเรื่องขอ วีซ่าไปเรียนอีกครั้ง หรือสามารถ ต่อวีซ่าเรียนภาษาที่อเมริกาได้เลยค่ะ

    – ป้าบอกว่า ก่อนไปให้เอาเงินไปฝากที่ธนาคาร ของอเมริกา ที่อยู่แถว สีลม จะได้ง่ายต่อการโอนเงินและกดเงินใช้จ่ายค่ะ พี่ว่าป้าบอกถูกต้องไหมค่ะ หรือต้องทำอย่างอื่น แบบอื่น ขอคำปรึกษาด้วยนะค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On September 10, 2011 at 9:26 pm

      Bell คะ ขอตอบคำถามนะคะ
      1. พี่ไม่รู้จักท่านกงสุล ทราบจากคนที่เคยไปขอวีซ่าคนหนึ่ง เขาเล่าว่าท่านพูดถึงภรรยาท่าน แต่อย่าไปรู้เลยว่า ท่านพูดอะไรนะ ท่านเป็นคนน่ารักอย่างที่น้องเห็นนั่นแหละค่ะ

      2. การจองและซื้อตั๋วเครื่องบินทำ online ด้วยตนเองราคาถูกกว่าซื้อผ่านเอเจนซี่ แต่คนไทยอีกหลายคนที่ยังไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ จะค่อนข้างไม่มั่นใจและก็ทำไม่ถูกค่ะ โดยปกติ ถ้าต้องการตั๋วถูก จะมีเงื่อนไขเรื่องเปลี่ยนวันเดินทางไป-กลับไม่ได้ค่ะ ราคาตั๋วที่มีอายุการใช้งานช่วงสั้นๆจะมีราคาถูกกว่าตั๋วที่มีอายุการใช้งานนานค่ะ เช่น ตั๋วที่ expire ภายใน 3 เดือนย่อมมีราคาถูกกว่า 6 เดือนหรือ 1 ปีค่ะ ส่วนจะซื้อที่ไหน ให้ Bell ลองสอบถามราคาจากหลายแห่งแล้วเปรียบเทียบกัน Bell พูดถึงสีลม มีอยู่ที่หนึ่งที่เป็นที่ขายส่งตั๋วให้เอเจนซี่ทัวร์อื่น เช่น TV Air Booking แต่คนขายบางครั้งอาจจะมีท่าที่ทำให้เราอาจเสียความรู้สึกได้ เพราะเขาจะขายส่งจำนวนมากให้เอเจนซี่อื่นๆมากกว่าจะขายทีละใบสองใบค่ะ ถ้าจะซื้อที่เขา ต้องทำใจระดับหนึ่งที่จะไม่โกรธ ไม่เสียใจ และอื่นๆนะคะ

      3. วีซ่าท่องเที่ยวไม่อนุญาติให้เรียนหนังสือแบบ Full-time ถ้าอยากเรียนก็คงต้องเรียนโรงเรียนที่เขายอมรับให้น้องเข้าไปเรียน โดยจำนวนชั่วโมงที่จะลงเรียนได้ต้องน้อยกว่า 18 ชั่่วโมงต่อสัปดาห์ ถ้าเป็นโรงเรียนภาษาในมหาวิทยาลัยจะไม่ยอมรับน้องที่มีวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าเรียน เพราะผิดกฎหมายของการเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ

      4. ต้องกลับมาขอวีซ่า F-1 ที่เมืองไทยดีที่สุด เพราะมีบางคนที่จ้างทนายความที่อเมริกาทำเรื่อง reinstate แต่ทำอะไรผิดพลาดไม่ทราบ เมื่อเรียนจบ ทำงานที่เมืองไทย แล้วจะขอวีซ่าท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวสหรัฐอเมริกา ถูกปฏิเสธวีซ่า เพราะครั้งก่อนเข้าประเทศแบบนักท่องเที่ยวแล้วไปลงทะเบียนเรียน ทางหน่วยงานรัฐเขาตรวจสอบได้เลยถือว่า เข้าประเทศแล้วทำผิดกฎหมายประเทศเขาค่ะ

      5. แค่ไปเที่ยว คงไม่ต้องโอนเงินมั๊งคะ น้องไม่ได้ไปอยู่ยาวนาน แบบไปเรียนหนังสือค่ะ แต่ถ้าอยากทราบเรื่องการใช้เงิน ให้ลองเข้าไปอ่าน blog ภายใต้หัวข้อ Money Matters นะคะ ไปเที่ยวให้น้อง มีบัตร ATM ประเภทนำไปใช้กดในต่างประเทศได้ บัตรเครดิตเสริมจากพ่อแม่ เอาไว้ใช้ซื้อสินค้าเท่านั้น อย่ากดเงินสดมาใช้เด็ดขาด เพราะค่าธรรมเนียมแพงค่ะ หรือจะซื้อเช็คเดินทางไปด้วย ลองอ่าน http://www.americanexpress.com/thailand/th/personal/travel/tc/default.shtml ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยมักจะขายเช็คเดินทางยี่ห้อ American Express ดังนั้นพี่จึงให้เว็บไซต์ของ American Express ลองอ่านดู เวลาซื้อเช็คเดินทาง เจ้าหน้าที่ธนาคารถามว่าต้องการใบละเท่าไร ก็บอกไปว่า ใบละ 100 เหรียญ เพราะไม่ต้องถือเช็คหลายใบ (ถ้าซื้อใบละ 500 เวลาหายก็จะรู้สึกกังวลอีก) เช่นถ้าจะซื้อไป 3,000 เหรียญ จะมีเช็คจำนวน 30 ใบ (เวลาดูอัตราแลกเปลี่ยนดูที่ช่อง ราคาขายตั๋วแลกเงิน โอนเงิน และดราฟ) เวลาซื้อจะต้องเสียค่า Commission ให้ธนาคาร 1% ของยอดที่ซื้อ เพื่อป้องกันว่า เวลาหาย Bell สามารถขอเช็คใบใหม่ได้จากหน่วยงานของ American Express ที่อยู่ในเมืองที่ Bell อยู่ค่ะ นอกจากดูอัตราแลกเปลี่ยนแล้วคำนวณจำนวนเงินที่ต้องจ่ายให้ธนาคาร Bell ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นให้ธนาคารอีก 30 เหรียญบวกค่าอากรแสตมป์อีกใบละ 3 บาท (30 ใบคูณ 3 บาท เท่ากับ 90 บาท)ด้วยค่ะ ถ้า Bell ซื้อเงินสดจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ขี้ลืมว่า เก็บหรือวางไว้ไหน คอยตรวจตราให้ดี จะได้ไม่หายค่ะ และไม่ควรถือเงินสดเข้าประเทศเกิน 10,000 เหรียญ ถ้าจะเอาไปเกินต้องกรอฟอร์ม Fincen 105 เพิ่มค่ะ ลองไปอ่าที่พี่เขียนไว้ https://govisa.wordpress.com/2011/05/14/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0/

      6.ขออธิบายการโอนเงิน ธนาคารในเมืองไทยส่วนใหญ่จะมีบริการโอนเงินไปต่างประเทศ จะมีความแตกต่างกันที่อัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกแพงกว่ากันเล็กน้อย และค่าธรรมเนียมในการโอนจากฝั่งไทยไปต่างประเทศ อัตราที่ใช้ๆกันอยู่ระหว่าง 400-550 บาท แล้วแต่แต่ละธนาคาร นอกจากนี้จะมีค่าธนาคารตัวกลางในสหรัฐอเมริกาอีกประมาณ 750-850 บาท ถ้า Bell ไป Chapel Hill ซึ่งถือว่าเป็นธนาคารปลายทาง ก็ต้องให้ป้าถามธนาคารที่ป้ามีบัญชีเงินฝากว่า ถ้ามีเงินโอนจากเมืองไทยไปเข้าบัญชีธนาคารที่ Chapel Hill ธนาคารคิดค่าบริการเท่าไร เพราะบางธนาคารก็จะคิดเพิ่มจากที่เสียให้ธนคารตัวกลางไปแล้ว แต่บางแห่งก็ไม่เสียค่ะ ประเทศสหรัฐเขามีกฎหมายย่อยในแต่ละรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้มีความแตกต่างในแต่ละรัฐไม่เหมือนกันอยู่บ้าง ดังนั้นถ้า Bell มีบัญชีกับธนาคารในเมืองไทยแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นบนถนนสีลมก็ได้ค่ะ ให้ Bell ไปบอกเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ Bell มีบัญชีเงินฝากว่า ขอใช้ธนาคารทางอินเทอร์เน็ต แล้วถ้า Bell จะไปอยู่ต่างประเทศ จะโอนเงินจากบัญชีในเมืองไทยไปเข้าบัญชีในต่างประเทศ โดยต้องการทำเองทางอินเทอร์เน็ต ต้องกรอกฟอร์มอะไรเพิ่มอีกไหม ขอกรอกฟอร์มไว้ก่อนได้ไหม เป็นต้นค่ะ (ข้อสำคัญ อย่าลืม uersname กับ password แล้วกันค่ะ เพราะถ้าลืม มอบฉันทะให้ใครมาขอ username ใหม่ไม่ได้ ต้องกลับมาทำเองค่ะ) เพราะสิ่งที่ธนาคารในเมืองไทยจะขอจาก Bell คือ หมายเลขบัญชีธนาคารในอเมริกาซึ่ง Bell ยังไม่ทราบ คงต้องรอเดินทางไปถึงอเมริกาแล้วเปิดบัญชีก่อน ยกเว้นจะโอนเข้าบัญชีป้า ให้ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารในเมืองไทยว่า จะโอนไปบัญชีในต่างประเทศได้จำนวนกี่บัญชี เพราะธนาคารจะไม่อนุญาตให้ Bell โอนไปบัญชีอื่นๆที่ไม่ได้แจ้งให้ธนาคารที่เมืองไทยทราบไว้ค่ะ พี่ไม่ทราบว่า ถ้าเป็นธนาคารในอเมริกาที่มาเปิดที่เมืองไทย เช่น ธนาคาร Citibank จะมีเงื่อนไขตรงกฎข้อนี้ไหม Bell ต้องถามทางธนาคารเองค่ะ หรือจะซื้อดราฟเป็นชื่อป้าไปเข้าบัญชีป้า ดราฟก้คือ เช็ค มีค่าคอมมิชชั่นแล้วแต่แต่ละธนาคารประมาณ 200-300 บาทบวกค่าอากรแสตมป์อีก 3 บาทให้ป้าลองถามธนาคารใน Chapel Hill ดูว่า วีซ่านักท่องเที่ยวเปิดบัญชีธนาคารที่ Chapel Hill ได้ไหมค่ะ เท่าที่ทราบตามเมืองใหญ่ๆได้ แต่ไม่แน่ใจว่า Chapel Hill ได้ไหม ถ้าได้จะเป็นดราฟชื่อ Bell ก็ได้ และเมื่อเปิดบัญชีแล้วก็เอาดราฟเข้าบัญชี Bell อาจต้องรอแปีบหนึ่ง บางเมืองรอ ถ วัน บางเมืองรอสองอาทิตย์ถึงจะเบิกเงินสดมาใช้ได้ค่ะ

  • Bell  On September 10, 2011 at 11:31 am

    พี่ govisa ค่ะ
    1. กรณี รับเป็นลูกบุญธรรม เด็กต้องอายุไม่เกินเท่าไรค่ะ ถึงโอนเป็นลูกบุญธรรมได้ แล้วเป็นลูกบุญธรรมแล้ว สามารถ กลับมาอยู่กับแม่แท้ๆที่เมืองไทยได้ไหม
    2. กรณี จะไปทำงานร้านอาหาร แต่ไม่ได้ผ่าน บริษัทนายหน้า แต่ไปติดต่อเอง โดยที่ป้ารู้จักเป็นเพื่อนกัน สามารถเดินเรื่องเองเลยได้ไหมค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On September 10, 2011 at 9:58 pm

      1. อายุ Bell และน้องชายน่าจะเกินแล้วค่ะ การจะรับเป็นลูกบุญธรรมเด็กต้องมีอายุไม่เกิน 16 ปีค่ะ และส่วนใหญ่ต้องแสดงหลักฐานประมาณว่า เป็นเด็กมีปัญหา เช่น พ่อแม่เลิกกัน ไม่มีใครเลี้ยงดู ฯลฯ ส่วนจะกลับมาอยู่กับแม่จริงๆได้ไหม คงได้มั๊งคะแต่อยู่ได้ไม่กี่เดือนต้องกลับไปอยู่อเมริกาค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้วีซ่าขาดค่ะ ลองเข้าไปอ่านเว็บไซต์นี้ดูค่ะ http://www.workpermit.com/us/family_visas/adopted.htm

      2. ไม่ได้ค่ะ เพราะผิดกฎหมายที่เขามีไว้ค่ะ ดูรายชื่อ Sponsor จากเว็บไวต์ J-1 visa ใน http://bangkok.usembassy.gov/ และถ้า Bell อยากไปทำร้านอาหารไทยภายใต้วีซ่านักท่องเที่ยว ให้ Bell ระมัดระวังตัวอย่างมาก อย่าให้อิมมิเกรชั่นจับได้ Bell จะมีความผิดค่ะ พี่ไม่ได้ขู่ แต่เตือนให้ระวัง เพราะเคยมีคนมีปัญหามาปรึกษาค่ะ ถ้า Bell บอกว่า จะไปอยู่นาน 3 เดือน แต่ไปขออยู่ต่อเมื่อเข้าไปในสหรัฐแล้วอีก 3 เดือน เป็น 6 เดือน แล้ววันหลังจะกลับมายื่นขอวีซ่านักเรียน อาจเหมือนน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกปฏิเสธวีซ่านักเรียนค่ะ เพราะเขาตอบคำถามกงสุลได้ไม่ชัดเจนว่า ขอวีซ่าไปเที่ยว ทำไมต้องเข้าไปเที่ยวนาน 6 เดือน แล้วทำแบบเดี๋ยวกันนี้สองครั้ง แต่คนละปีกันนะคะ กงสุลสงสัยว่า เขาใช้เงินจากที่ไหนในช่วง 6 เดือน แอบทำงานหรือเปล่า จำได้ว่า น้องผู้หญิงท่านนั้นยื่นขอวีซ่านักเรียน (F-1) 2 ครั้ง และน้องคนนั้นถูกปฏิเสธทั้ง 2 ครั้งค่ะ

  • Bell  On September 12, 2011 at 10:12 am

    ค่ะ คือเบลไม่ได้จะไปทำงาน ในวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ พี่ govisa
    – เบล คิดไว้ว่า ในการขอวีซ่าครั้งนี้ เป็นวีซ่าท่องเที่ยว แล้วจะไปให้นานที่สุดคือ 3 เดือนค่ะ ท่องเที่ยว อาจทำงานเล็กน้อยยังไม่แน่ค่ะ แต่ต้องกลับมาภายใน 3 เดือน ในช่วง 3 เดือนที่ไปอยู่ที่อเมริกา เบลจะหาที่เรียนใกล้บ้านป้า ที่อเมริกา แล้วติดต่อไว้เตรียมเอกสาร ขอเอกสารจากสถาบันสอนภาษาเพื่อมาประกอบการสัมภาษณ์ขอวีซ่า นักเรียนได้ไหมค่ะ คือเราหาที่เรียนเองโดยที่ไม่ต้องผ่านสถาบันที่ประเทศไทยได้ไหมค่ะ เพราะเบลล์ ตั้งใจว่า ไปท่องเที่ยวครั้งนี้ เพื่อไปหาประสบการณ์ แล้วหาที่เรียนเพื่อกลับมาขอวีซ่านักเรียนที่ประเทศไทย เพื่อบินไปเรียนภาษาต่อในอนาคตค่ะ

    – กรณี ทำงาน เบลก็จะไม่ไปทำงานระหว่างที่ไปเที่ยว 3 เดือนนี้ค่ะ หรือถ้าทำก็ไม่ขอกงสุลอยู่ต่อค่ะ แต่เบลอยากทราบว่า เราสามารถติดต่อที่ทำงานเองได้ไหมซึ่งเพื่อนป้าทำร้านอาหาร แล้วให้ป้าเป็น สปอนเซอร์ที่อยู่ที่พักอาศัยระหว่างทำงานค่ะ ไม่ทราบว่าได้ไหม ผิดกฏหมายหรือป่าว หรือว่าต้องสมัครผ่านบริษัทนายหน้าเท่านั้นค่ะ ถึงสามารถไปทำงานได้

    – แล้วเบลขอวีซ่าท่องเที่ยว ใน ds-160 ไป เดือนครึ่ง แต่จะไปจริงขอเป็น 3 เดือนได้ไหมค่ะ คือเบลล์ จะได้จองตั๋วไปกลับ 3 เดือนค่ะพี่ govisa หรือว่าไปได้ แค่เดือนครึ่งเท่าที่ขอไปค่ะ พี่ govisa เคยบอกว่าไปจริงไปได้มากสุด 3 เดือนไม่เกินจากนี้ ได้ใช่ไหมค่ะ ถ้าเราขอไปน้อยแต่ไปจริง ตม. เค้าจะให้ไม่ให้เท่านั้น

    ขอบคุณค่ะ พี่ govisa

    • govisa  On September 12, 2011 at 9:28 pm

      Bell สามารถติดต่อที่เรียนได้เองค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปติดต่อที่อเมริกา Bell สามารถ search หาข้อมูลจาก educationUSA@state.gov หรือ http://www.petersons.com ได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม การที่ Bell ได้ไปเห็นสถานที่เรียนจริงๆเลยก็นับว่าเป็นความโชคดีของ Bell มากๆ Bell จะได้คิดไตร่ตรองให้รอบคอบว่า Bell ชอบความเป็นอยู่ของเมืองลักษณะนี้ไหม โรงเรียนอยู่ไกลจากบ้านญาติไหม เป็นต้นค่ะ
      ส่วนที่ Bell บอกว่าเพื่อนป้าทำร้านอาหารจะสมัครทำงาน พี่ไม่ทราบว่าจะสมัครเมื่อไหร่ เพราะ Bell บอกว่า จะไม่ทำช่วงไปเที่ยว แต่บรรทัดบนบอกว่าจะทำเล็กน้อย พี่ขออธิบายเรื่องการทำงานแล้วกันนะคะ
      * สถานทูตสหรัฐอเมริกาไม่อนุญาตให้ผู้ขอวีซ่านักท่องเที่ยวไปทำงาน แม้จะเล็กน้อย ก็ผิดกฎหมายทั้งนั้นค่ะ
      * ส่วนวีซ่านักเรียน ถ้านักเรียนจะทำงาน รัฐบาลอเมริกันกำหนดไว้ให้ทำงาน on campus ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ดังนั้นการไปทำงานในร้านอาหารไทยจึงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ยังคงมีนักเรียนไทยหลายคนที่แอบทำกันอยู่ในร้านที่เจ้าของร้านอาจจะยืดหยุ่นรับนักเรียนเข้ามาทำ ถามว่า เจ้าของร้านผิดกฎหมายสหรัฐอเมริกาไหม ก็ทำผิดนะคะ
      * ส่วนที่ถามว่าจะติดต่อหางานทำเองโดยไม่ผ่านนายหน้า ลักษณะนี้น่าจะตกอยู่ในกลุ่มผู้ที่ขอวีซ่า J-1 ไป Work and travel หรือ Work and study มากกว่า การขอวีซ่าลักษณะนี้ต้องผ่านบริษัทตัวแทน เพราะกฎหมายประเทศเขากำหนดไว้เช่นนั้นค่ะ

      ส่วนเรื่องระยะเวลาที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาในแต่ละครั้งที่เดินทางไป ถามว่าเข้าไปอยู่ 3 เดือนได้ไหม พี่คงตอบแทนเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ได้ค่ะ ถ้าดูจากสถิติ ส่วนใหญ่ อิมมิเกรชั่นจะ stamp ให้นักท่องเที่ยวอยู่ได้นาน 3 เดือน บางรายโชคดีได้ 6 เดือน ประเภทหลังมีจำนวนไม่มาก แต่บางรายก้ได้เพียงแค่เดือนเดียว ถามว่าอิมมิเกรชั่นดูจากอะไรว่า จะให้กี่เดือน คงพิจารณาจากคำตอบที่เขาจะสัมภาษณ์น้องที่ด่านตรวจเข้าเมืองสหรัฐอีกครั้งค่ะ ดังนั้นถ้าจะซื้อตั๋วเครื่องบินก็ชื้อ 3 เดือนไปแล้วกันค่ะ

  • ooybarrett  On September 13, 2011 at 3:10 am

    สวัสดีค่ะพี่
    พี่ค่ะถ้าเกิดหนูนัดสัมภาษณ์ให้ลูกสาวกับแม่ต้องเข้าไปกรอกการนัดหมายกลุ่มใช่ใหมค่ะ? แล้วตรงที่ รหัสกลุ่ม: กับ รหัสผ่านประจำกลุ่ม: ต้องกรอกข้อมูญใหมค่ะ? หรือว่าจะซื้อพินแบบโทรไปนัดดีค่ะ กรุณาช่วยแนะนำด้วยค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On September 13, 2011 at 11:11 pm

      @น้อง Ooy ถ้าจะทำการนัดวันสัมภาษณ์ให้คุณแม่ซึ่งเป็นคุณยายของลูกสาวไม่สามารถทำนัดเป็นกลุ่มได้ ต้องซือพินนัดสัมภาษณ์ 2 ครั้ง เพราะพินนัดวันสัมภาษณ์ที่อนุญาตให้นัดเป็นกลุ่มสมาชิกครอบครัวนั้น อนุญาตให้เฉพาะความสัมพันธ์ในลักษณะ พ่อ-แม่-ลูก , สามี-ภรรยา, พี่ชาย-น้องชาย-พี่สาว-น้องสาวที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน เท่านั้นค่ะ ความสัมพันธ์ในรูปแบบยาย-หลานจึงไม่ได้ค่ะ ต้องทำคิวนัดสัมภาษณ์แยก พยายามเลือกให้ได้วันเดียวกันและเวลาเดียวกัน หรือเวลาใกล้เคียงเพื่อให้เข้าไปด้วยกันเท่านั้นเองค่ะ
      ถ้า Ooy ไม่สะดวกนัดวันสัมภาษณ์เองทางอินเทอร์เน็ต (ค่าซื้อพินนัดสัมภาษณ์ทางอินเทอร์เน็ตจะถุกกว่าค่านัดสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์) ก็ให้โทรนัดสัมภาษณ์ เพราะจะได้พูดกับโอเปอเรเตอร์ แต่มีข้อจำกัดทีต้องโทรในเวลาทำการ คือ 8.00-17.00 น. และห้ามโทรในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ค่ะ ส่วนการนัดทางอินเทอร์เน็ตเองทำได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดมาเป็นข้อจำกัดค่ะ

  • Bell  On September 13, 2011 at 3:47 pm

    ขอบคุณค่ะ พี่ govisa
    – ว่าแต่ที่อยู่ 6 เดือน ปกติเหตุผลเป็นอะไรค่ะ แล้วเบลล์ 3 เดือนต้องบอกว่าอะไรดีถึงจะพอจะได้ 3 เดือนค่ะ
    – พี่ค่ะ เบล สงสัยว่า ให้อยู่ไม่เกิน 3 เดือน หรือ ไม่เกิน 90 วันค่ะ เพราะแต่ละเดือน มีวันไม่เท่ากัน เช่น ถ้าไปเดือน 1 พ.ย.- 31 ม.ค. มัน 92 วัน ค่ะ
    – ตอนนี้ราคาตั๋ว ไปกลับ 3 เดือน 50,930 บาท/คน ของการบินไทยค่ะ อันนี้ถือว่าถูกหรือแพงค่ะ แล้วตั๋วเครื่องบินช่วงไหนถูกค่ะ
    – เบลไม่ไปทำงานค่ะ ที่บอกนิดหน่อยอาจไปหาประสบกาณ์แบบไปช่วยนิดหน่อยง่าค่ะ แต่ไม่แน่นอน ถามไว้เป็นความรู้ค่ะ
    – พี่มีบริษัทที่แนะนำการ ขอวีซ่า J-1 ไป Work and travel หรือ Work and study ไหมค่ะ ว่าที่ไหนไม่หลอกล่วงแน่นอน น้องสาวสนใจจะไป

    • govisa  On September 13, 2011 at 11:36 pm

      น้อง Bell บางอย่างพี่ก็ไม่สามารถตอบ Bell ได้ชัดเจนลงไปเลยนะคะ มันเป็นเรื่องที่อยู่ในดุลยพินิจของ Immigration Officer ค่ะ Bell ได้ stamp วีซ่า ตรงด่าน Immigration กี่เดือน เขียนมาเล่านะคะ ส่วนเรื่องตั๋ว 3 เดือน ก็นับตามจำนวนวัน อาจจะหมดอายุ 29 มกรา ขอคำยืนยันจากเอเจนซี่ขายตั๋วดูอีกครั้งค่ะ ส่วนราคาตั๋วไปทางภาคตะวันออกจะแพงกว่าไปทางตะวันตก ให้ลองเปรียบเทียบด้วยการถามราคาของสายการบินอื่น แล้วค่อยตัดสินใจเลือกค่ะ บริษัทใหญๆที่ทำ Work and Travel ลอง search ดูจาก google นะคะ เพราะบริษัทถึงจะใหญ่ขนาดไหน ก็เคยได้ยินผู้ไปกลับมาแล้วบ่นไม่พอใจก็มี เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนเพอใจในทุกอย่าง หรือจะลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของสมาคมไทยแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น http://www.tieca.com/agency_o.php เป็นต้นค่ะ

  • ooybarrett  On September 14, 2011 at 1:16 am

    ขอบคุณพี่มากๆเลยนะค่ะ
    งั้นหนูจะใด้กรอก DS160 ให้คุณแม่และเริ่มทำการนัดสัมภาษณ์ให้แกก่อนเลยเพราะแกมีหนังสือเดินทางแล้ว หนูคิดว่าถ้าทางจะยากนะคะที่จะใด้วันนัดเดียวกันถ้าเกิดต้องนัดสองครั้งยังไงหนูคิดว่าทำให้คุณแม่ก่อนแล้วกันหรือพี่มีความคิดเห็นยังไงบ้างคะ?

    • govisa  On September 14, 2011 at 11:56 pm

      น้อง Ooy คะ คุณแม่พอช่วยตัวเองด้วยการเข้าไปยื่นขอวีซ่าคนเดียวได้ไหม ถ้าไม่ได้ ก็คงต้องรอน้องกลับไทย แล้วไปทำ passport ให้ลูกสาว แล้วค่อยกรอกฟอร์มให้ 2 คน เวลานัด จะได้วันใกล้ๆกันค่ะ ช่วงตุลาคม คิวนัดไม่น่าจะแน่นมากเพราะเป็นช่วง low season ในการไปเที่ยวอเมริกาค่ะ น่าจะไปแน่นอีกทีตอนปลายพฤศจิกายนและเดือนธันวาคมมากกว่าค่ะ

  • Bell  On September 14, 2011 at 5:34 pm

    พี่ govisa ค่ะ ขอขอบคุณ พี่มากๆ ค่ะแล้วต้องขอโทษด้วยถ้าถามอะไรเยอะเกินไปค่ะ
    – อยากทราบว่า ได้วีซ่า 10 ปี มีบอกด้วยใช่ไหมค่ะว่า 10 ปี เข้าอเมริกาได้กี่ครั้ง หรือกี่ครั้งก็ได้ภายใน 10 ปีค่ะ งง มากอันนี้

    • govisa  On September 14, 2011 at 11:47 pm

      น้อง Bell ดูวันที่วันเริ่มต้นได้วีซ่าและวันที่หมดอายุวีซ่า จะเห็นว่า 10 ปีหมายความว่าตั้งต้นตั้งแต่วันที่เท่าไรและจะไปหมดหมดอายุวันที่เท่าไร ส่วนจะเดินทางวันไหนก็ได้ในช่วงระยะเวลา 10 ปีค่ะ

  • Bell  On September 17, 2011 at 11:14 am

    ขอบคุณค่ะ พี่ govisa พี่หนูจะจองตั๋วเครื่องบิน ดูยังไงค่ะว่าต่อกี่ต่อ แล้วเราจะซื้อตั๋วนักเรียนได้ไหมเพราะเราไปท่องเที่ยวค่ะ

    – พี่ค่ะ เราสามารถเรียนโท ได้แต่เบลล์ไม่เก่งอังกฤษเลย ต้องทำอะไรก่อนถึงจะเรียนต่อโทรได้ค่ะ จะสามารถเรียนต่อโทได้ไหม

    • govisa  On September 18, 2011 at 7:11 pm

      @น้อง Bell Raleigh น่าจะเป็น International Airport ที่อยู่ใกล้ Chapel Hill นะคะ น้องน่าจะนั่งประมาณ 2 ต่อนะคะ คือ กรุงเทพไปลงที่ญี่ปุ่น จากญี่ปุ่นอาจจะเข้า Port of Entry ในอเมริกาที่ Chicago ใก้ Raleigh ที่สุด แล้วจาก Chicago ต่อไปยัง Raleigh ให็ป้ามารับที่ Raleigh อยู่ในเครื่องบินประมาณ 19-20 ชั่วโมงค่ะ พักผ่อนให้มากๆเดี๋ยวจะอ่อนเพลียระหว่างเดินทางได้ และอย่าลืมเปลี่ยนเวลาที่นาฬิกาข้อมือด้วย เพราะอาจเดินไปไม่ทันขึ้นเครื่อง ถ้าน้องแวะช้อปปิ้งในสนามบินเพลินค่ะ และถ้ายังไม่ได้เดินทาง ในเดือนตุลาคมมีงานนิทรรศการ 2 งานเกี่ยวกับการไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาไปลองเดินดูเล่นๆนะคะ ดูรายละเอียดของงานที่พี่เขียนไว้ในหัวข้อ Event นะคะ มีวันที่ 9 ตุลาคม และ ระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคมค่ะ ถามว่าเรียนต่อโทจะเรียนจบไหม หรือเรียนได้ไหม อยู่ที่ความพยายามของ Bell ค่ะ ถ้า Bell มีความพยายามและมีความขยันหมั่นเพียรก็เรียนจบโทได้ค่ะ

  • Bell  On September 17, 2011 at 5:01 pm

    พี่ govisa ค่ะ
    – ถ้าเบลล จะไป 3 เดือน 90 วัน
    ถ้าเบลไป วันที่ 1 พ.ย.2554
    กลับวันที่ 29 ม.ค.2555 ได้ไหมค่ะ
    วันที่ 29 เป็นวันที่ 90 พอดีที่ ตม. ให้อยู่อย่างนี้ได้ไหมค่ะ หรือต้องกลับก่อนถึงกำหนด 1 วัน
    – แล้วถ้าซื้อตั๋วเครื่องบิน ไป 3 เดือน เริ่มนับวันตั้งแต่ตอนที่ถึงอเมริกาที่ ผ่าน ตม.ใช่ไหมค่ะ เช่น ไปวันที่ 1 พ.ย. ผ่าน ตม.อยู่ได้ 3 เดือน วันที่ 3 พ.ย. เริ่มนับวันที่ 3 เป็นวันที่ 1 ของการอยู่ที่อเมริกาใช่ไหมค่ะ

    • govisa  On September 18, 2011 at 7:20 pm

      ซื้อตั๋ว 3 เดือนไปนะคะ Bell ส่วนวันที่ Immigration Offer จะ stamp ให้นานถึงวันที่เท่าไร ไปดูอีกทีหลังจากที่เขา stamp ให้ตรงจุดที่จะผ่านด่านตรวจคนเขาเมือง ตั๋ว 3 เดือนน่าจะเปลี่ยนแปลงวันเดินทางกลับได้ ถามเอเจนซี่เพื่อความถูกต้องอีกทีก็ดีค่ะ ถ้าได้ Bell ไปเปลี่ยนวันเดินทางที่อเมริกา โทรไปที่สายการบินโดยตรง หรือจะเปลี่ยน online ก็ได้ให้เข้าไปที่หน้า website ของ airline นั้นๆ มีสายการบินอเมริกันที่ขึ้นจากไทยแล้วไปถึง Raleigh คือ Delta กับ United ค่ะ แต่ถ้าต้องการเดินทางสายอื่น ก็ต้องไปต่อตั๋วในประเทศเป็นสายการบินในอเมริกาสามารถซื้อจากที่ไทยไปเลยได้ ติดต่อเอเจนซี่ขายตั๋วเครื่องบิน ส่วนเปลี่ยนวันเดินทางกลับถ้าทำไม่ได้ ทำไม่ถูก ขอให้คุณป้าช่วยทำให้ได้ค่ะ

  • Bell  On September 19, 2011 at 1:14 pm

    ขอบคุณค่ะ

  • Bell  On September 20, 2011 at 5:31 pm

    พี่ค่ะ ที่บอกว่าเปลี่ยนเวลาที่นาฬิกา คือให้ตรงกับประเทศอเมริกาใช่ไหมค่ะ เพราะต้องไปต่อเครื่อง เลยไม่เข้าใจว่า ตั้งนาฬิกาให้ตรงกับ ประเทศไหน ที่ไปต่อเครื่องหรืออเมริกาเลยค่ะ

    • govisa  On September 20, 2011 at 7:12 pm

      น้อง Bell พี่ไม่เห็นเส้นทางการบินของน้องว่า มีการหยุดแวะพักที่เมืองอะไรบ้าง แต่อยากแนะนำว่า ถ้าจะหยุดพักที่เมืองอะไรก็ตาม ควรเปลี่ยนเวลาตามเมืองนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น หยุดที่สนามบินนาริตะ ก็เปลี่ยนเวลาให้ตรงกับเวลาในญี่ปุ่น เวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง ถ้าน้องถึงญี่ปุ่นเวลาบ่าย 2 โมง เมืองไทยเพิ่งเป็นเวลาเที่ยงวัน และถ้าน้องต้องนั่งรอเครื่องบินลำใหม่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง น้องอาจเบื่อถ้าไม่ได้เอาหนังสือไปอ่าน น้องอาจจะมีการไปเดินเล่นในสนามบิน เช่น ตามร้านที่ขายของปลอดภาษี ทีนี้ถ้า shopping เพลิน และไม่ได้เปลี่ยนเวลาที่นาฬิกาข้อมือ น้องอาจคิดว่า ยังเหลือเวลาอีกนานกว่าเครื่องบินจะออก และถ้าไม่ได้ยินเสียงเรียก final call จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม น้องก็อาจตกเครื่องบินลำนั้น ต้องหาลำใหม่ต่อ สำหรับคนไม่เคยเดินทางอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก จึงได้แนะนำเรื่องเปลี่ยนเวลาด้วยค่ะ แม้แต่เวลาในสหรัฐอเมริกาเอง ก็ยังแตกต่างกัน เช่น เวลาฝั่งตะวันออก 9 โมงเช้า เวลาฝั่งตะวันตกเพิ่งจะ 6 โมงเช้า เป็นต้นค่ะ

  • Bell  On September 21, 2011 at 4:39 pm

    พี่ค่ะ บัตรเครื่องบิน จะเปลี่ยนแปลงราคาตั๋วเครื่องบินทุกวันเลยเหรอค่ะ เมื่อวานยัง 45,730 บาท วันนี้ 49,620 บาท คือเปลี่ยนแปลงทุกวันเหรอค่ะ คือจองตอนไหนจะได้ราคานั้น เครื่องเด๋วกันไปที่เดียวกัน จะได้ราคาไม่เท่ากันเหรอค่ะ ตอนนี้ขึ้นอีกแล้ว รอวันอื่นอาจลงได้หรือป่าว

    • แนน  On September 23, 2011 at 10:41 am

      .ใช่ค่ะจองวันไหนจะได้ราคานั้นค่ะ ราคาตั๋วเครื่องบินแต่ละวันไม่เหมือนกันค่ะ คราวที่แล้วเราซื้อไป LA แล้วก้อต่อภายในประเทศไป ราคาก้อ 50000 เดินทางวันไหนคะเนี่ย แล้วไปที่ไหน

      • govisa  On September 23, 2011 at 11:04 pm

        ขอบคุณค่ะ แนนที่ช่วยยืนยันกับ Bell ค่ะ

    • govisa  On September 23, 2011 at 11:02 pm

      ใช่ค่ะ น้อง Bell พี่ตอบไม่ได้นะคะว่า วันไหนจะขึ้นหรือลง น่าจะดูข้อมูลที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินประกอบกันไปค่ะ

  • BooM  On September 21, 2011 at 5:45 pm

    สวัสดีครับ ผมวางแผนไปเที่ยวอเมริกากับน้าผมอีกสองคนอายุประมาณ 50ปีครับ ซึ่งเอกสารส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรสำหรับเอกสารในการยื่นขอวีซ่าเพราะผม(กำลังศึกษาอยู่) ใช้ใบรับรองของมหาวิทยาลัย และกรอกไปว่ามีผู้ปกครองเป็นสปอนเซอร์(เงินในบัญชีคุณแม่ผมประมาณ 7หลักครับ)
    แต่ส่วนน้าผมไม่ทราบว่าพี่พี่มีความคิดเห็นยังไงครับ คือน้าผมเค้าเลิกค้าขายแล้ว ปัจจุบันก็เล่นหุ้นและมีห้องเช่า ไม่ได้มีใบประกอบอาชีพอะไร

    ผมเลยอยากรบกวนถามว่า

    1. น้าผมต้องเตรียมเอกสารเกี่ยวกับห้องเช่า การชำระภาษี การถือพันธบัตรต่างๆ ใบถือหุ้น ให้ดูมั้ยครับเพราะว่า statement ประมาณ 6 หลักอะครับ ส่วนใหญ่ไปอยุ่ในหุ้นซะหมด
    2. เอกสารที่นำไปโชว์ ต้องตัวจริงทั้งหมดใช่มั้ยครับ
    3. พวกพัธบัตรและใบหุ้นต่างๆ เค้าจะรับพิจารณาหรอครับ
    4.ตรง describe duties น้าผมควรกรอกรายละเอียดประมาณไหนหรอครับ
    5. เคยได้ยินมาว่าถ้าคนอายุประมาณ 50+ มักจะได้วีซ่าหรอครับ
    ุ6. อยากถามความเห็นจากพี่พี่เกี่ยวกับการจ้าง agent ครับ

    ขอบคุณครับ

    • govisa  On September 23, 2011 at 11:17 pm

      น้อง Boom คะ คุณน้าสามารถนำเอกสารตามข้อ 1-3 ที่น้องเขียนมาไปให้กงสุลดูได้ทั้งหมดค่ะ ถ้าคุณน้ามีบัญชีออมทรัพย์หรือสะสมทรัพย์นำไปให้กงสุลดูด้วยนะคะ ส่วนพวกพันธบัตร และใบหุ้นนำไปแสดงเป็นส่วนประกอบได้ค่ะ น้องน่าจะช่วยคุณน้าทำรายการออกมาให้ละเอียดว่า มีหุ้นชื่ออะไรบ้าง จำนวนกี่หุ้น ราคาพาร์เท่าไร เป็นต้น สำหรับคำถามข้อ 5 ส่วนใหญ่คนอายุมากๆมักไม่ค่อยอยากไปอยู่เมืองนอกนานๆ หรือพูดง่ายๆคือ อยากไปอยู่เลยค่ะ เพราะต้องปรับตัวหลายเรื่อง เช่น อากาศ อาหาร เพื่อนฝูง สิ่งแวดล้อม ถ้าเป็นคนปรับตัวยาก พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องรอพึ่งลูกหลาน จะเห็นเมืองนอกไม่น่าอยู่ ในขณะที่วัย 20 กว่าถึง 40 ต้นๆ ยังอาจจะอยากผจญภัยกับสิ่งท้าทายใหม่ๆอยู่ อาจจะมีบ้างบางคนที่วอกแวกอยากเข้าไปอยู่อเมริกาเลยค่ะ ส่วนเรื่องการจ้างเอเจนซี่กรอกฟอร์มเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล คนที่พออ่านภาษาอังกฤษได้ก็มักจะกรอกกันเองค่ะ ส่วนพวกที่ต้องไปจ้างอาจจะเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยรู้อะไร เกรงว่าถ้าทำเองจะทำผิดค่ะ แต่คุณน้ามีน้องที่ท่องเน็ตมาถามพี่ได้ น้องก็น่าจะช่วยคุณน้าพอได้นะคะ มีอะไรสงสัย เขียนมาถามอีกนะคะ

  • Ooy Barrett  On September 24, 2011 at 2:56 am

    หวัดดีค่ะพี่สาว
    ตอนนี้ออยกรอก DS160 ของแม่และใด้วันนัดสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วค่ะใด้วันที่ 11 ตุลาคม 2011 เวลา 7:15 AM ค่ะและออยก็จะกลับถึงไทยวันที่ 4 ตุลา ตอนแรกนัดวันที่ 6 ตุลาคม แต่คิดอีกทีมันคงจะฉุกละหุกเกินไปเผื่อบางทีเครื่องดีเลย์ออยก็เลยเปลี่ยนวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ อย่างที่พี่บอกไว้เลย วันว่างสีเขียวเต็มไปหมดเลยออยเคยอ่านบางกระทู้ว่ารอเป็นสามอาทิตย์เป็นเดือนกว่าจะเจอวันว่างออยก็เลยกลัวจะเจอแบบนั้นก็เลยรีบทำให้แม่ก่อน ส่วนลูกสาวออยจะให้ขึ้นมากรุงเทพพร้อมยายวันที่ 5 เลยแล้วก็จะรีบพาไปทำหนังสือเดินทางก็หวังว่าคงจะใด้วันนัดสัมภาษณ์วันเดียวกัน
    ขอบคุณพี่มากๆเลยนะค่ะสำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากๆๆๆ

    • govisa  On September 24, 2011 at 11:11 am

      ดีใจด้วยค่ะน้อง Ooy ที่ได้วันนัดสัมภาษณ์ตรงตามที่ต้องการ ขอแนะนำว่า ให้รีบทำหนังสือเดินทางวันที่ 5 ตุลาคมเลย พี่ไม่คิดว่า น้องจะเดินทางไปทำหนังสือเดินทางให้ลูกสาวในวันที่ 4 ตุลาคมได้ทัน เพราะเครื่องบินจากอเมริกาส่วนใหญ่เข้าไทยเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน เมื่อได้รับใบเสร็จการทำหนังสือเดินทางมาจากกรมกงสุล ให้สังเกตดูหมายเลขหนังสือเดินทางในใบเสร็จ จงรีบกรอกฟอร์ม DS-160 และรีบนัดวันสัมภาษณ์เลยนะคะ พี่ไม่แน่ใจว่า เมื่อเหลือเวลาวันทำการอีก 4 วันก่อนจะถึงวันที่ 11 ตุลาคม ณ วันนั้นจะมีคิวนัดสัมภาษณ์วันที่ 11 ตุลาคมว่างให้จองไหมนะคะ และเรื่องรับหนังสือเดินทางเช่นกัน ขอให้ยอมเสียเวลาเดินทางไปรับหนังสือเดินทางด้วยตนเอง ถ้าทำวันที่ 4 ตุลาคม จะได้รับหนังสือเดินทางวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม ถ้าส่งทางไปรษณ๊ย์แม้ว่าจะเสียค่าส่งด่วน EMS น่าจะได้รับหนังสือเดินทางวันที่ 12 หรืออาจจะเป็น 13 ตุลาคม เพราะไปรษณีย์จะไม่ทำการส่งเอกสารในวันหยุดค่ะ

  • Ooy Barrett  On September 25, 2011 at 2:06 am

    หวัดดีค่ะพี่
    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ออยจะรีบทำหนังสือเดินให้ลูกสาวในวันที่ 5 ตุลาคมเลยค่ะที่เซ็นทรัลบางนาและก็หวังว่าคงจะใด้รับหนังสือเดินทางในวันที่ 7 ตุลาคม เพราะแม่ออยไปทำมาวันที่ 15 สิงหาคมและก็ใด้รับหนังสือเดินทางวันที่ 17 สิงหาคม พี่ค่ะไม่ทราบว่าในใบเสร็จจะมีวันออก และ วันหมดอายุของหนังสือเดินทางด้วยใหมค่ะเพราะใน DS-160 ต้องกรอกวันออกและวันหมดอายุด้วยใช่ใหมค่ะ ก็มีความหวังอันน้อยนิดว่าจะใด้วันนัดเดียวกันแต่ออยคิดว่าไม่น่าเหลือหรอกค่ะเพราะว่าวันที่ 11 ตุลาคมเป็นวันทำการวันแรกของอาทิตย์นั้นเพราะตอนออยนัดเขาเหลือแค่เวลา 7:15 AM เวลาเดียวเอง ตอนออยนัดครั้งแรกวันที่ 6 ตุลาคม เป็นวันพฤหัสบดีมีเวลาให้เลือกนัดตั้งหลายเวลาออยคิดว่าเป็นวันทำงานวันแรกของอาทิตย์คนน่าจะนัดเยอะแต่ถ้าไม่ใด้ก็ไม่เป็นไรค่ะก็คงจะเป็นอาทิตย์เดียวกัน แต่ออยก็ยังเปลี่ยนเวลาใด้อีกหนึ่งครั้ง เออพี่ค่ะถ้าออยเปลี่ยนเวลาบ่อยครั้งจะมีปัญหาหรือว่าดูไม่ดีใหมค่ะ? ส่วนเรื่องกรอกเอกสาร DS-160 แฟนออยเป็นคนกรอกให้และออยช่วยเขานิดหน่อยไม่เป็นไรใช่ใหมค่ะและถ้าเจ้าหน้าที่ถามก็ให้แม่บอก ออยกับแฟนช่วยกรอกให้ใช่ใหมค่ะ? และแฟนก็เป็นสปอนเซอร์ให้ด้วยเอกสารที่ต้องเอาไปของแฟน 1. จดหมายเชิญจากออยและแฟน 2. ใบเสียภาษีปีที่แล้ว 3. แบงค์สเตทเมนท์ของแฟนและสเตทเมนท์บัญชีร่วมของออยกับแฟน ถูกต้องใหมค่ะ? แล้วเอกสารของแม่ต้องมีแบงค์สเตทเมนท์หรือเปล่าค่ะ?
    รู้สึกว่ามีคำถามเยอะแยะไปหมดเลยขอโทษด้วยนะค่ะคุณพี่แต่ถ้าไม่ใด้คำแนะนำจากพี่ออยก็คงมืดแปดด้าน ยังไงก็ขอขอบพระคุณอีกครั้ง เดียววันนัดสัมภาษ์เป็นยังไงจะมาเล่าให้ฟังนะคะ 😀

    • govisa  On September 25, 2011 at 9:36 pm

      น้อง Ooy คะ
      1.เรื่องวันที่ออก-วันที่หมดอายุในหนังสือเดินทาง ให้น้องดูวันที่ออก และวันที่หมดอายุในหนังสือเดินทางของคุณแม่ (คุณยายของลูกสาว) เป็นหลัก ในใบเสร็จไม่ได้เขียนวันที่ออก และวันที่หมดอายุ ตามหลักการ ถ้าไปขอวันที่ 5 ตุลาคม จะเห็นตรงวันที่ออกคือ 05-10-2011 วันที่หมดอายุคือ 04-10-2016 หนังสือเดินทางไทยจะมีอายุนาน 5 ปีค่ะ
      2.Ooy สามารถเปลี่ยนวันนัดคุณแม่ได้อีกเพียงครั้งเดียวค่ะ แต่ก่อนเปลี่ยนต้องเข้าไปในเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์ log in เข้าไป แล้วคลิก reschedule โดยต้อง delete วันนัดสัมภาษณ์เดิมก่อนนะคะ จึงจะทำการเลือกวันนัดสัมภาษณ์และเวลานัดสัมภาษณ์ใหม่ได้ค่ะ
      3. บอกให้คุณแม่บอกเจ้าหน้าที่สถานทูตไปว่า ลูกสาวและลูกเขยช่วยกรอกให้ก็ได้ค่ะ อีกฟอร์มหนึ่งที่แฟน Ooy ต้องทำมาให้ด้วยคือ คือ I-134 ค่ะ download จาก http://www.uscis.gov/files/form/i-134.pdf ส่วนคุณแม่ Ooy ถ้าหากมีบัญชีเงินฝากของตนเอง และมีจำนวนเงินเป็นเลขหลักแสน สักสี่ห้าแสนก็จะดีมากๆค่ะ วีซ่าน่าจะผ่าน แต่ถ้ามีน้อย ให้คุณแม่คิดตอบทำนองว่า รายจ่ายส่วนใหญ่ลูกสาวและลูกเขยช่วยกันออกให้ระหว่างไปท่องเที่ยวที่อเมริกาแล้วกัน Ooy ช่วยคุณแม่เตรียมเอกสารให้มากที่สุดและดูน่าเชื่อถือที่สุดว่า คุณแม่ไม่ได้คิดอยากไปอยู่ที่อเมริกาเลย เพราะไม่อยากปรับตัวในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่แตกต่างจากที่เคยอยู่ในเมืองไทย ประกอบกับคุณแม่ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพียงแค่ขอไปเที่ยวกับลูกสาวสัก 1 เดือนแล้วจะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยดีกว่าค่ะ

  • BooM  On September 25, 2011 at 3:05 pm

    ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำในโพสที่แล้วครับ

    ตอนนี้ผมคิดว่าจะเริ่มกรอกละครับ เพราะว่าจะเอา id ไปจองวัน interview ครับ แต่กะจะเลือก interview สักเดือนธันวาครับเพราะว่าธนบัตรของน้าผมเค้าจะคืนเงินมาเพิ่มทำให้บัญชีจะสวยขึ้นมากครับ 🙂 ทีนี้ผมสงสัยในส่วนของ

    1.อาชีพที่ผมควรกรอกให้น้าผมครับว่าควรเป็นอาชีพอะไร not employed/ retired/ หรืออะไรหรอครับ เพราะว่าน้าผมไม่ได้เป็นข้าราชการมาก่อน แต่ว่าประกอบธุรกิจของตัวเองครับ
    2.ตรง describe duties ผมควรระบุต่อท้ายมั้ยครับว่ามี additional paper ที่อธิบาย personal asset หรือถ้าไม่ ผมควรกรอกข้อมูลไปคร่าวๆให้น้าผมประมาณไหนหรอครับ

    รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

    • govisa  On September 25, 2011 at 9:18 pm

      น้อง Boom คะ ถ้าคุณน้าเป็นเจ้าของธุรกิจ น่าจะถือว่ามีกิจการเป็นของตนเองนะคะ ดังนั้น ข้ออาชีพ ใส่ business แล้วมีช่องให้กรอกว่าบริษัทชื่ออะไร คุณน้ามีชื่อบริษัท หรือชื่อร้านที่เปิดดำเนินกิจการอยู่ไหมคะ ถ้ามีชื่อร้านของตนเอง ให้ใส่ชื่อร้านไป ส่วนช่องที่ถามเงินเดือน ให้ใส่รายรับคุณน้าได้รับประมาณต่อเดือนๆละเท่าไรนะคะ และตรง describe duties ให้เขียนว่าเป็น owner ชื่อร้านอะไรไปค่ะ ถ้าน้อง Bนนท จะเขียนบรรยายรายการสินทรัพย์ของคุณน้า ให้เขียนเป็นจดหมายแยกต่างหาก โดยให้คุณน้าเป็นคนเซ็นต์ชื่อ ประหนึ่งว่าน้าเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนั้นเองค่ะ เขียนอธิบายแหล่งที่มาของรายได้ว่า มีรายได้มาจากทางใดบ้าง และคิดเป็นประมาณเท่าไรต่อปี (อธิบายทีละแหล่งที่มาของรายได้ก็จะดูละเอียดดีนะคะ)

  • ฝ้าย  On September 25, 2011 at 4:55 pm

    พี่ค่ะ ขอถามนิดนึงค่ะ พอดีว่าตอนนี้กำลังจะสมัครแบบฟอร์ม DS 160 แล้วมันจะมีคำถามว่าเราจะทำวีซ่าประเภทอะไร พอดีนู๋จะไปในฐานะนักท่องเที่ยวอะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าต้องเลือกอันไหนมันมีหลายอันมากเลย อย่างไงนู๋รบกวนให้พี่ช่วยตอบนู๋หน่อยนะค่ะ เพราะนู๋อยากสมัครให้เร็วที่สุดค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On September 25, 2011 at 9:07 pm

      @น้องฝ้าย B-2 คือวีซ่านักท่องเที่ยวค่ะ ให้เลือก B-2 นะคะ

  • ฝ้าย  On September 26, 2011 at 5:31 pm

    พี่ govisa ค่ะ (ในหน้า travel information) มันไม่เห็นมี B-2 เลยค่ะ มีแต่ B อย่างเดียว หรือต้องเลือก other ค่ะ ช่วยนู๋หน่อยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • ฝ้าย  On September 26, 2011 at 5:36 pm

    ได้แล้วค่ะ อิอิ นู๋มึนเองค่ะ เด๋วมีอะไรจะมาถามใหม่นะค่ะ

  • ฝ้าย  On September 26, 2011 at 5:45 pm

    พี่ค่ะ นู๋มีคำถามอีกแล้วค่ะ คืออยากจะทราบว่าตอนนี้นู๋ทำงานอยู่ที่ กทม แต่เพิ่งทำได้ประมาณ 4 เดือน แต่ว่าก็เคยทำงานที่อื่นมาบ้าง แต่ไม่ถึงปี แล้วทีนี้บัญชีเก่าที่ใช้กับที่ทำงานเก่า ตอนนี้มันไม่ได้ใช้แล้ว แต่ว่าพ่อกับแม่นู่ เค้าจะโอนตังมาเข้ามาในบัญชีนี้ (ทยอยส่ง) นู๋เลยอยากทราบว่า ทางสถานฑูตเค้าจะตรวจบัญชีนู๋อย่างไง เค้าจะตรวจอันเก่า และอันใหม่ด้วยไหมค่ะ แล้วอย่างนี้นู๋ควรจะเขียนว่านู๋เป็นคนออกค่าใช้จ่ายเองหรือว่าพ่อแม่ออกให้ค่ะ (พ่อแม่นู๋เป็นโลบินฮูดอยู่ที่อเมริกาหลายปีแล้ว) แต่นู๋มีพี่ชายเค้าไปทำงานอยู่ที่นู๋นแต่มีสัญญาแค่ 1 ปี ซึ่งตอนนี้เค้าก็ใกล้จะหมดสัญญาแล้ว เหลืออีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น นู๋ควรจะทำงัยดีค่ะ ถ้างั้นนู๋เขียนในแบบฟอร์มว่า นู๋เป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง จะได้มั้ยค่ะ แล้วค่อยมาแก้ทีหลัง หากพี่คิดว่าต้องเขียนว่าพ่อแม่เป็นคนออกให้ (แต่มันจะมีปัญหาตรงที่ ทางสถานฑูตเค้าต้องถามแน่นอนว่าพ่อแม่เราทำงานอะไร อยู๋ที่ไหน มีญาติอยู่ที่อเมริกาหรือเปล่า) ??????????? เศร้าค่ะ T.T

    • govisa  On September 26, 2011 at 7:53 pm

      น้องฝ้ายคะ น้องคงต้องเป็น Sponsor ตัวน้องเองดีกว่าค่ะ เพราะน้องขอวีซ่านักท่องเที่ยว ถ้าจะให้คุณพ่อคุณแม่ร่วมเป็น Sponsor พี่ก็เป็นกังวลเรื่องน้องบอกว่าท่านทั้งสองเป็นโรบินอู้ดอยู่ค่ะ สถานทูตอเมริกาและกองตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐเขาสามารถตรวจสอบได้ว่า คุณพ่อคุณแม่น้องเข้าไปในสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าอะไรแล้วยังไม่มีบันทึกว่าเดินทางกลับออกมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ แต่พี่ก็แปลกใจนะคะว่า พี่ชายน้องฝ้ายผ่านวีซ่าได้เข้าไปทำงานในสหรัฐอเมริกาค่ะ

      สำหรับบัญชีที่ฝ้ายจะให้กงสุลดู ควรเป็นบัญชีที่มีเงินหมุนเวียนอยู่บ้าง เป็นไปได้ไหมคะ ถ้าจะใส่บัญชีเก่าส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งใส่บัญชีใหม่ แล้วเอาบัญชีทั้ง 2 เล่มไปให้กงสุลดูค่ะ อนึ่ง การใส่เงินเข้าบัญชีควรมีเทคนิคในการใส่เงินเข้าไปด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่าไม่มีการหมุนเวียนเงินประเภทฝากเข้า-ถอนออกมาเป็นปีๆแล้ว อยู่ดีๆวันหนึ่งก็มีเงินโอนเข้ามาประมาณสามสี่แสนบาท จะดูเหมือนผักชีโรยหน้า หรือพวกตบแต่งบัญชีนะคะ อาจวีซ่าไม่ผ่านได้ค่ะ ส่วนจะได้หรือไม่ได้วีซ่า คงต้องเตรียมใจไว้ระดับหนึ่ง เพราะน้องคงทราบเหตุผลอยู่บ้างว่า ถ้าจะเกิดปัญหาๆนั้นมาจากสาเหตุใด ขณะนี้ทำได้อย่างดีที่สุด คือ แสดงความหนักแน่นว่า น้องมีแผนการเดินทางชัดเจน จะไปเที่ยวกับพี่ชายก่อนพี่ชายหมดสัญญากลับเมืองไทยค่ะ ส่วนตัวน้องเองก็มีงานทำแน่นอนอยู่ที่เมืองไทย อยากไปเที่ยวพักผ่อนสองสามอาทิตย์แล้วจะกลับเมืองไทยค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมหาข้อมูลด้วยนะคะว่า จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ลองดูใบรายการทัวร์ของบางบริษัทนำเที่ยวดูค่ะ

  • BooM  On September 26, 2011 at 11:56 pm

    ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวถ้ามีช้อสงสัยจะมารบกวนใหม่นะครับ 🙂

  • ฝ้าย  On September 27, 2011 at 9:11 am

    ขอบคุณพี่ govisa มากนะค่ะ พอดีว่าที่พี่นุ๋เค้าไปในฐานะนักศึกษาอะค่ะ มันเป็นโปรแกรมฝึกงานของมหาวิทยาลัย 1 ปี ประมาณนี้อะค่ะ แล้วพี่นู๋เค้าให้ agency เป็นคนทำเรื่องให้คะ่ ส่วนเรื่องบัญชีของนู๋ อันเก่ามีเงินหมดอยู่ช่วงนึง แต่ว่าตอนนี้ก็แทบไม่ได้ใช้บัญชีนั้นแล้ว แต่แม่นุ๋เค้าจะทยอยโอนมา ไม่ได้เป็นก้อนใหญ่ค่ะ พี่ค่ะนู๋ถามอีกนิดได้มั้ยค่ะ ว่าบัญชีเค้าต้องเช็คย้อนหลังกี่เดือนค่ะ 3 หรือ 6 เดือนค่ะ

    • govisa  On September 27, 2011 at 8:53 pm

      ถ้าน้องมีเงินคงไว้ในบัญชีได้ 6 เดือนจะเยี่ยมมากค่ะ เท่าที่เคยเห็น คือ กงสุลท่านดูว่า เจ้าของบัญชีเปิดบัญชีมานานแล้ว 6 เดือน ไม่ใช่บัญชีเพิ่งเปิดใหม่ๆค่ะ อย่างไรก็ตาม ตัวเงินครั้งสุดท้ายในบัญชีไม่ใช่ว่าหายเงียบไปนานเป็นปีๆแล้วเพิ่งมีเงินเข้ามาใส่ในบัญชียังไม่ถึง 2 เดือน จุดนี้น่ากลัว เพราะกงสุลเดาได้เลยว่า ขอยืมเงินใครเข้ามาใส่ในบัญชีแน่ๆค่ะ

  • ฝ้าย  On September 27, 2011 at 2:23 pm

    พี่ค่ะ ฝ้ายกรอก DS 160 เสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้เหลือนัดวันสัมพาด แล้วมันให้กรอกข้อมูลเยอะไปหมดเลย มีข้อมูลเกีั่ยวกับ Credit card ด้วย อันนี้หมายถึงบัตร ATM หรือบัตร credit ค่ะ เพราะนู็มีแต่บัตร Be 1st อย่างเดียว แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับบัญชีที่จะให้ทางกงสุลดูด้วยหรือเปล่าค่ะ นู๋ งงค่ะ ขอโทษด้วยนะค่ะ ที่ถามพี่เยอะไปหน่อย นู๋ไม่เคยทำเลยค่ะ

    • govisa  On September 27, 2011 at 8:58 pm

      น้องฝ้าย หมายถึง บัตรเครดิตค่ะ ถ้าไม่มีใครที่น้องรู้จักมี credit card แล้วให้ยืมใช้ credit card ได้ ให้น้องฝ้ายไปซื่อพินสำหรับนัดวันสอบสัมภาษณ์ที่ไปรษณีย์จำนวน 372 บาท แต่ต้องรอวันรุ่งขึ้น จึงจทำการนัดวันสัภาษณ์ได้ค่ะ

    • govisa  On September 27, 2011 at 9:02 pm

      ในเว็บนัดสัมภาษณ์ ใช้บัตรเครดิตตัดเงินเพื่อซื้อพินจำนวน 372 บาท จะได้ทำการนัดสัมภาษณ์ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีบัตรเครดิต ให้ฝ้ายไปซื้อพินนัดสัมภาษณ์จากไปรษณีย์ แต่ต้องรอวันรุ่งขึ้นหลังบ่ายโมง จึงจะเข่้าไปนัดสัมภาษณ์ได้ค่ะ

  • ฝ้าย  On September 28, 2011 at 1:11 pm

    ขอบคุณมากค่ะ แล้วเราต้องเอาเอกสารอะไรไปไหมค่ะ ตอนซื้อพิน กับจ่ายค่าทำวีซ่าอะค่ะ หรือว่าไปถึงไปรษณีย์ก็ไปบอกที่เคาเตอร์ได้เลยว่าจะมาซื้อพิมทำวีซ่าค่ะ รบกวนด้วยค่ะ

    • govisa  On September 28, 2011 at 9:40 pm

      ฝ้ายไม่ต้องเอาอะไรไปที่ไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ต้องการให้ฝ้ายสะกดชื่อนามสกุลเป็นภาษาอังกฤษได้ถูกต้องตามหนังสือเดินทาง หรือฝ้ายพอทราบหมายเลขหนังสือเดินทาง ถ้าฝ้ายเกรงว่าจะจำผิด ให้ถ่ายเอกสารหน้าแรกของหนังสือเดินทางติดตัวไปด้วย จะได้กรอกข้อความในแบบฟอร์มของทางไปรษณีย์ได้เวลาจะซื้อพินค่าทำนัดวันสัมภาษณ์จำนวน 372 บาท หรือเพื่อจะซื้อค่าธรรมเนียมวีซ่าจำนวน 4,340 บาทค่ะ

  • Bell  On September 28, 2011 at 2:11 pm

    พี่ govisa ค่ะ
    ตอนนี้เพื่อน ผ่านวีซ่าแล้วเพื่อนบอกว่าง่ายมากเลยค่ะ ขอบคุณพี่มากนะค่ะสำหรับข้อมูลต่างๆ

    • govisa  On September 28, 2011 at 9:42 pm

      ขอบคุณค่ะ Bell ที่บอกมาว่า เพื่อน Bell ผ่านวีซ่าแล้วค่ะ

  • ฝ้าย  On September 29, 2011 at 3:55 pm

    ขอบคุณมากค่ะพี่ เด๋วฝ้ายจะไปซื้อมาเลย จะได้นัดวันสัมภาษณ์ส่วนจะผ่านหรือไม่นั้น นู๋ก็ได้แต่ภาวนาค่ะ ขอบคุณพี่ govisa อีกหลายๆๆๆๆๆ ครั้งนะค่ะ ^^ (-/\-) กราบงามๆ ค่ะ

    • govisa  On September 29, 2011 at 9:44 pm

      ^-^ ขอให้ผ่านวีซ่าค่ะ น้องฝ้าย

  • aui  On September 29, 2011 at 11:14 pm

    สวัสดีค่ะพี่GoVisa ไม่รู้จะจำได้หรือเปล่านะคะวันนี้ได้ไปสัมภาษณ์วีซ่ามาแล้วค่ะ และได้ทำตามคำแนะนำตามที่พี่บอกทุกอย่าง และครั้งนี้เขาเปลี่ยนคนสัมภาษณ์ให้ค่ะ เป็นผู้ชายฝรั่งหน้าตาดีค่ะ ใจดีอารมณ์ดี รอนานนิดนึ่งเพราะเราเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้วครั้งนึง เขาสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยบ้าง อังกฤษบ้าง ถามคำถามไม่ซีเรียส แต่มีบางตอนเหมือนกันที่ทำหน้าตาเครียดให้ดิฉันเครียดตามไปด้วยบ้าง ดิฉันยืนยันว่าจะกลับมาเมืองไทยแน่นอน และแสดงหลักฐาน และจดหมายแสดงเจตนารมย์ และยืนยันแน่นหนัก และสุดท้ายเขาก็ยอมให้วีซ่าค่ะ ดิฉันดีใจมากกกต้องขอขอบคุณพี่GoVisaมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ ณ ขณะที่รอสัมภาษณ์ดิฉันคิดถึงGoVisa ตลอดเลยค่ะ เหมือนเป็นที่พึ่งทางใจค่ะ ขอบคุณมาก ๆ จริง ค่ะ

    • govisa  On September 30, 2011 at 9:00 pm

      ยังจำน้อง Aui ได้เสมอค่ะ น้องเขียนมาหาพี่ตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ 9 เดือนแล้วที่น้องรอคอยจนถึงวันนี้ น้องแจ้งพี่มาว่า วีซ่าน้องผ่านแล้ว พี่ต้องขอขอบคุณน้องมากๆนะคะที่เขียนมาบอกค่ะ พี่ดีใจกับน้องมากๆด้วยค่ะ แต่เที่ยวนี้ไม่เห็นน้อง Aui เขียนมาให้อ่านอย่างครั้งแรกเลยนะคะว่า กงสุลถามอะไรบ้าง พี่ขอบคุณที่น้องยังนึกถึงพี่อยู่เสมอนะคะ ถ้าน้องพอมีเวลาเขียนมาแชร์ประสบการณ์นิดหนึ่งนะคะว่า กงสุลพูดอะไรกับน้องบ้างจึงทำให้ดูเครียดกันไปทั้งคู่ค่ะ พี่ขอให้น้อง Aui ไปเที่ยวให้สนุก และกลับเมืองไทยอย่างที่เคยบอกพี่ไว้นะคะ วันหลังกงสุลจะได้เชื่อมั่นได้ว่า คนไทยเป็นคนน่ารัก รักษาคำพูดค่ะ ขอให้น้องเดินทางปลอดภัยนะคะ โชคดีค่ะ

  • Ooy Barrett  On September 30, 2011 at 11:02 am

    สวัสดีค่ะพี่
    ไม่ทราบว่าจดหมายเชิญนี้ต้องเขียนด้วยลายมือแฟนหรือว่าเขียนในคอมแล้วปริ้นออกมาเซ็นข้างนอกใด้ใหมค่ะ? แล้วแบงค์สเตทสเมนท์ต้องเอากี่เดือนค่ะ ไม่ทราบว่าใช้เดือนเดียวใด้ใหมค่ะ?

    • govisa  On September 30, 2011 at 8:40 pm

      น้อง Ooy พี่เคยเห็นจดหมายเชิญทั้ง 2 แบบ คือ แบบที่เขียนด้วยลายมือ กับแบบที่ print ออกมาแล้วเซ็นต์ชื่อข้างนอกค่ะ พี่คิดว่า น้องน่าจะพิจารณาตรงลายมือนะคะ ถ้าคนเขียนเป็นคนลายมืออ่านยาก พี่ว่าพิมพ์ออกมาเซ็นต์ชื่อข้างนอกดูดีกว่าค่ะ อ่านเข้าใจง่ายด้วยค่ะ ส่วนบัญชีธนาคารควรจะแสดงว่ามีเงินอยู่ในบัญชีนานประมาณ 6 เดือนดีกว่าค่ะ

  • Ooy Barrett  On September 30, 2011 at 11:58 pm

    ขอบคุณมากๆค่ะพี่
    เดียวถ้าเกิดมีอะไรสงสัยอีกจะมารบกวนใหม่นะคะ 🙂

    • govisa  On October 1, 2011 at 2:30 pm

      ตกลงค่ะ ^-^น้อง Ooy

  • Bell  On October 1, 2011 at 4:27 pm

    พี่ govisa ค่ะ ขอถามเรื่องการเดินทางหน่อยนะค่ะ

    คือว่าป้า เบลล์ จะให้จองตั๋วราคาถูก แต่ต้องต่อ 3 ต่อค่ะ เบลล์ซีเรียดและเป็นกังวลมากเรื่องการต่อเครื่องว่าจะเกิดความยุ่งยากมากแค่ไหน คือกลัวตกเครื่องค่ะ เพราะเราไม่เคยไปเป็นครั้งแรกก็ต้องต่อเครื่องด้วย กลัวหาทางเปลี่ยนเครื่องไม่ถูก เลยอยากขอคำปรึกษาจากพี่ ค่ะ อยากทราบว่า
    – เราต้องไปเสียภาษีค่าผ่านทางไหมค่ะ
    – เราต้องขนกระเป๋าเดินทางเปลี่ยนเครื่องไหมค่ะ
    – เมื่อเราลงเครื่องมาแล้ว ต้องไปตรวจอะไรบ้าง ยังไงค่ะ
    – เวลาต่างกันเท่าไร ต้องตั้งนาฬิกาให้ตรงกับประเทศที่เราไปต่อเครื่องใช่ไหมค่ะ เบลล์ไป 3 ต่อคือ

    BBK ถึง NRT
    NRT ถึง DTW
    DTW ถึง IAD
    ค่ะ นู๋เป็นกังวลมากเลยค่ะ ช่วยหน่อยนะค่ะ ขอบคุณมากกกกก ค่ะ

    • govisa  On October 2, 2011 at 12:05 am

      น้อง Bell คะ พยายามกุมสติให้ได้แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยค่ะ

      1. ค่าภาษีการเดินทาง รวมอยู่ในราคาตั๋วเครื่องบินแล้วค่ะ แต่ถ้าไม่มั่นใจ เพราะคุณป้าซื้อตั๋วออนไลน์ก ให้ดูชื่อสายการบินที่ Bell จะเดินทางว่า เป็น Delta หรือ United Airline พี่สันนิษฐานว่าเป็น Delta นะคะ สำนักงานที่กรุงเทพของ Delta อยู่ที่ ชั้น 4 เพนนินซูล่าพล่าซ่าใกล้โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ หมายเลขโทรศัพท์ 02-660-6900, 02-254-0741,02-660-6999 บริษัทนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเซ็นทัลเวิร์ด ถ้าน้องขี้เกียจหาข้อมูลทางอินเทอรืเน็ต แวะไปที่สำนักงานของเขา สอบถามเรื่องภาษีว่าจ่ายรวมไปแล้วใช่ไหม และขอแผนที่ภายในสนามบินดีทรอย และสนามบินดัลเลสในวอชิงตันดีซีได้ รวมทั้งให้เขาช่วยจองที่นั่งก่อนขึ้นเครื่องบินก่อนขึ้นเครื่องบินให้ได้ ถ้า Bell ทำเองไม่ถูกค่ะ อาจจะขอให้เขาช่วยแนะนำการขึ้นลงเครื่องบินหรือต่อตั๋วเครื่องบินก็น่าจะได้นะคะ พี่ไม่คิดว่าน่าจะใช่สายการบิน United แต่ถ้าใช่ สำนักงาน United อยู่ ชั้น 6 อาคารธนาคารทหารไทย ถนนสีลม หมายเลขโทรศัพท์ 02-353-3939

      2. ไม่ต้องขนกระเป๋าเดินทางเวลาเปลียนเครื่องบิน เพราะเวลาเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ Bell บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า check through IAD หรือสนามบินดัลเลส สนามบินสุดท้ายค่ะ อย่างไรก็ตาม ที่สนามบินดีทรอย DTW ในรัฐมิชิแกน น้องต้องเดินไปรับกระเป๋าเพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา เมือง Detroit ถือว่า เป็นเ Port of Entry ในเคสของน้อง อ่านรายละเอียดที่พี่เขียนไว้ภายใต้หัวข้อ Pre-departure เช่น https://govisa.wordpress.com/2010/08/08/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%A8-4/

      3. เวลาแต่ละเมืองที่แตกต่างกันเช็คได้ที่ http://www.timeanddate.com/worldclock/

      อธิบายตามเส้นทางการเดินทางที่ Bell เขียนถามมานะคะ

      BKK-NRT ที่ Narita ดูคำอธิบายบายเกี่ยวกับ Connecting flight ที่ http://www.narita-airport.jp/en/guide/connect/inter/index.html เวลาเครื่องบินจอดที่นาริตะ ไม่ต้องตรวจกระเป๋า เจ้าหน้าที่เขาจะบอกว่า ถ้าเดินทางต่อไปด้วยเที่ยวบินเดียวกันคือ Delta แล้วจะไปที่ดีทรอย ต้องไปรอที่ terminal ไหน หรือ Gate ที่เท่าไร แต่ถ้าฟังไม่ถนัดดูจากจอมอนิเตอร์ก็ได้ หรือถ้าทำยังไม่ถูกอีก ให้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่สนามบินนาริตะได้ค่ะ คนญี่ปุ่นน่ารักและใจดีมากค่ะ

      NRT-DTW ตรงจุดที่เมือง Detroit นี้แหละค่ะที่ Bell ต้องเดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง Bell ต้องแสดงหลักฐาน หนังสือเดินทาง, I-94 ที่แอร์โฮสเตสแจกให้ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่ดีทรอย ลองศึกษา Map แผนที่สนามบิน Detroit ที่ http://www.metroairport.com/PDF/MAPS/AirportGuideMap3-23-10.pdf น้องน่าจะต้องเดินผ่าน terminal ที่ชื่อ Edward H.Mcnamara Terminal ตรงจุดนี้ที่ Bell จะถูกสัมภาษณ์จากเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่น ที่ Bell เคยถามพี่เสมอว่า เขาจะ stamp ให้ Bell อยู่ได้นาน 1 เดือน, 3 เดือน หรือ 6 เดือน หลังจากสัมภาษณ์ Bell เดินไปที่สายผ่านรับกระเป๋าของเที่ยวบินที่ Bell เดินทางมาเพื่อผ่านการ scan กระเป๋าพร้อมยื่นเอกสาร Custom Declaration form ที่แอร์โฮสเตสแจกให้บนเครื่องบินกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร เมื่อผ่านจุดนี้ Bell ดูว่ามีป้ายหรือ สัญญลักษณ์ใดที่เขียนว่า Connect Flight เดินไปที่จุดนั้น เพื่อฝากกระเป๋าไปกับเจ้าหน้าที่สายการบินเดิมที่ Bell นั่งมาแล้วจะต้องนั่งต่อไปเพื่อไปที่ IAD หรือสนามบินดัลเลสในวอชิงตัน ดีซี ให้เจ้าหน้าที่เขาโหลดกระเป๋าเดินทางไปใต้ท้องเครื่องบิน ส่วนตัว Bell ก็ค่อยเดินตัวเปล่าขึ้นไที่ gate ที่Bell จะต้องขึ้นเครื่องบินลำถัดไปเพื่อเดินทางไปที่ดีซี ถ้าไม่ทราบ Gate ให้ดูชื่อเที่ยวบินที่จะต้องขึ้นเครื่องจากหน้าจอมอนิเตอร์ที่ Board departure แล้วเดินไปนั่งรอที่ Gate นั้น

      DTW-IAD รูปภาพภายในสนามบินดีซี http://www.metwashairports.com/dulles/815.html หลังจากเครื่องบินลงที่ดีซี Bell เดินไปรับกระเป๋าที่สายพานรับกระเป๋า ไม่ต้องตรวจอะไรอีกแล้ว เพราะเราตรวจที่ Detroit แล้วค่ะ Bell เดินไปพบคุณป้าได้เลยค่ะ

      โชคดีค่ะ

  • rosechanel  On October 1, 2011 at 7:04 pm

    ขอขอบคุณพี่ govisa มากๆนะคะ สำหรับข้อมูลดีๆทุกอย่าง สัมภาษณ์ 29 กันยายน ที่ผ่านมาผ่านเรียบร้อยแล้ว สถานทูตส่ง passport กลับมาช่วงเช้าวันที่ 30 กันยายน เร็วมากๆ คะ
    ขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งคะ

    • govisa  On October 1, 2011 at 10:51 pm

      ดีใจด้วยค่ะ น้อง Rosechanel ถ้ากงสุลถามน้องแปลกไปจากที่มีคนเคย Post ไว้ก็เขียนมาแชร์ประสบการณ์ให้อ่านกันบ้างนะคะ

  • Bell  On October 3, 2011 at 2:44 pm

    ขอบคุณ สำหรับคำตอบที่น่ารักมากเลยค่ะพี่ govisa เบลล์ขอถามอีกนิดนะค่ะ
    – วีซ่าท่องเที่ยวสามารถไปนานสุดได้ 6 เดือนใช่ไหมค่ะ ถ้าเบลล์จะซื้อตั๋วไปกลับ 5 เดือนได้ไหมค่ะ
    – ถ้าเบลล์ไป 5 เดือนมีผลกระทบต่อการบินครั้งที่ 2 ไหมค่ะ
    – เบลล์ต้องเอาสมุดบัญชีส่วนตัวกับสมุดบัญชีธนาคาร สปอนเซอร์ไปด้วยไหมค่ะเพื่อแสดงให้ ตม. ดูก่อนตรวจคนเข้าเมืองค่ะ
    – ถ้ากรณีเบลล์ บินไปเที่ยวกับทัวส์ก่อน 7 วัน แล้วกลับมาประเทศไทยแล้วประมาณอีก 2 วัน สามารถบินไปหาป้าต่อเลยได้ไหมค่ะ หรือต้องเว้นช่วงเป็นเดือนค่ะถึงบินได้
    – ตั๋วเครื่องบินเวลาเลื่อนวันเดือนทาง ให้กลับเร็วขึ้นหรือช้าลงมีค่าใช้จ่ายไหมค่ะ
    – ถ้าไปถึงแล้วจะถามทางต่อเครื่องต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไรค่ะ รบกวนบอกหนูหน่อยนะค่ะเพราะหามาหลายที่แล้วไม่เจอเลย
    – แผนที่ NRT มี From Terminal 2 to Terminal 1 Terminal 2 เท่านั้นใช่ไหมค่ะในการต่อเครื่อง

    ขอบคุณค่ะ …อยากตอบแทนพี่มากค่ะแต่ไม่รู้จะตอบแทนยังไงถามเยอะมากเลย

    • govisa  On October 3, 2011 at 8:29 pm

      น้อง Bell คะ
      1. วีซ่าท่องเที่ยวสามารถอยู่ได้ 6 เดือน ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐเห็นชอบให้น้องอยู่ได้ 6 เดือน พี่ตอบคำถามนี้ไม่ได้หรอกนะคะว่า น้องจะได้อยู่นานเท่าไร น้อง Bell จะซื้อตั๋วนานเท่าไรก็ได้ค่ะ จะซื้อ 5 เดือนก็ได้ เพราะคนที่จะประทับตราให้อยู่ได้นานเท่าไรเป็นเจ้าหน้าที่อเมริกันที่พี่ได้แจ้งน้องไว้ค่ะ โดยทั่วไปเราก็น่าจะอยู่ได้นาน 6 เดือน แต่ก็มีที่ได้ไม่ถึง 6 เดือน เช่น 1 เดือนก็มี 3 เดือนก็มี เป็นเรื่องของ case by case น้องลองเดินทางดูบ่อยๆแล้วก็จะเรียนรู้ไปเองค่ะ
      2. ขึ้นอยู่กับว่า การที่จะไปหนที่ 2 เป็นการไปแบบท่องเที่ยว หรือไปแบบไหน ถ้าไปแบบนักเรียน ต้องขอวีซ่าใหม่แม้ว่าวีซ่าท่องเที่ยวจะยังไม่หมดอายุก็ตาม ทีนี้ ถ้าเข้าไปอยู่ครั้งละนานๆหลายเดือน Bell ไปเจอกงสุลที่เข้มงวดเวลาสอบสัมภาษณ์ที่สถานทูตอเมริกาประจำกรุงเทพก็อาจจะมีปัญหาได้ เช่น เขาอาจจะอยากรู้ว่า ไปครั้งละนานๆไปทำอะไร ใคร support และอื่นๆค่ะ ส่วนไปแบบท่องเที่ยว เคยพบคนไทยอายุ 50 กว่าท่านหนึ่ง เขามีญาติอยู่ที่อเมริกา เขาชอบเดินทางเข้าอเมริกาทุกปี ไปอยู่ครั้งหนึ่งนาน 6 เดือนเต็ม พอหนที่ 3 เขาพบกับอิมมิเกรชั่นที่ถามเขาว่า เข้ามาอยู่ทีหนึ่งนาน 6 เดือนมาทำอะไร ต้องจ่ายค่าที่พักเองด้วยไหม และอื่นๆ เขาถึงกับชะงัก หยุดพักการเดินทางไปปีกว่าถึงกล้าเดินทางไปอเมริกาใหม่ค่ะ ดังนั้น คำถามทำนองนี้ น้องถามไปหลายที่หลายคนก็จะได้รับคำตอบที่แตกต่างกันไปตามประสบการณ์ของผู้ตอบค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่พี่อยากบอกน้องๆทุกคน คือ อเมริกาไม่ใช่ประเทศของเรา เขาก็ย่อมต้องมีกฎหมายบังคับคนต่างชาติบ้างพอสมควร เหมือนเราจะปล่อยให้คนเขมร คนลาว หรือพม่า เข้ามาอยู่ในบ้านเมืองเราทีละนานๆไหม ทำนองเดียวกันค่ะ ยิ่งเวลานี้ เขามีปัญหาเศรษฐกิจ งานก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆอย่างที่หลายคนคิดไว้ค่ะ แม้แต่งานในร้านอาหารไทย น้องยังโชคดีที่คุณป้ารู้จักเจ้าของร้านอาหารไทยค่ะ
      3. ไม่ต้องเอาสมุดบัญชีของ sponsor ไปค่ะ เขาไม่ขอดู เพราะดูไปก็ไม่เข้าใจค่ะ อย่างดีก็อาจจะนำจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของ sponsor ติดตัวไปด้วยเท่านั้นเองค่ะ
      4. บินไปเที่ยวกับทัวร์ก่อน 7 วัน บินกลับไทย แล้วไปใหม่ จะยิ่งน่าสงสัย เพราะน้องไม่ใช่นักธุรกิจ มีธุระอะไรที่ต้องบินเข้าบินออกในเวลากระชั้นชิดแบบนั้น อีกประการหนึ่ง ค่าตั๋วเครื่องบินก็ไม่ได้ถูก ไปกับน้องชายอีก 1 คน พี่ว่า เพื่อความประหยัด ตัดสินใจให้ดีๆ แล้วก็บินเข้าไปเลยทีเดียวดีกว่าค่ะ เงินค่าตั๋วไปกลับอีกเที่ยวหนึ่งเก็บไว้ไปท่องเที่ยวที่ในอเมริกา หรือซื้อของที่น้องอยากได้กลับบ้านดีกว่าค่ะ หรือ จะเอาไปใช้เรียนภาษาอังกฤษก็ดีค่ะ
      5.ถามสายการบินนะคะ เพราะบางสายเขา code ราคาถูกให้เวลาซื้อโดยจะบอกผู้เดินทางว่า ถ้าจะเปลี่ยนวันกลับต้องจ่ายเพิ่ม 3,000 บาทเป็ต้น กฎแต่ละสายไม่เหมือนกัน นี่ก็แว่วข่าวมาแล้วว่า ต่อไปเวลาบินเข้าอเมริกาเขาจะให้กระเป๋าได้ 1 ใบ ถ้าจะถือใบที่ 2 ต้องจ่ายเงิน พี่ไม่แน่ใจว่า เขาจะเริ่มกฎนี้เมื่อไร ลองสอบถามเอเจนซี่ขายตั๋วเครื่องบิน หรือถามสายการบินนั้นๆโดยตรงเลยก็ได้ค่ะ
      6. Could you please help me connect flight with …..airline flight number…..?
      7. ถ้าเดินทางไปด้วยสายการบิน Delta เวลา transit ให้ไปที่ Terminal 1 North Wing แล้วดูว่าเที่ยวบินของ Bell จะออกที่ประตูหมายเลขที่เท่าไร (ดูที่หน้าจอมอนิเตอร์ หรือจะดูที่ Boarding Pass ก็ได้ค่ะ) ถ้าเดินทางด้วย United Airline จะเป็น Terminal 1 South Wing ค่ะ ดังนั้นการจะดูว่าเราต้องไปรอที่ Terminal ไหนต้องดูจากแผนที่สนามบินว่า สายการบินที่เราใช้เดินทางเขาเช่าที่ไว้ที่ Terminal ไหน ในกรณีของทั้ง Delta และ United ที่สนามบิน Narita ดูที่ http://www.narita-airport.jp/en/guide/t_info/index.html ค่ะ

  • Bell  On October 4, 2011 at 11:47 am

    ขอบคุณค่ะพี่ govisa
    คือจริงๆแล้วเบลไม่ได้จะบินไป 2 รอบติดกันค่ะแต่พอดีว่าเล่นเกมไปเที่ยวฟรี ที่ซานฟรานซิลโก ค่ะ เบลเลยคิดว่าถ้าได้รางวัลไปเที่ยวฟรี แล้วกลับมาบินไปหาป้าต่อที่วอชิงตัน จะมีผลกระทบไหมค่ะ เพราะเหมือนเราโชคดีได้ไปฟรี แล้วอีกครั้งไปเองค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On October 5, 2011 at 4:48 am

      น้อง Bell สามารถประหยัดเงินโดยช่วยคุณป้าไม่ต้องเปลืองเงินช่วงจากเมืองไทยไปอเมริกา เรียนคุณป้าให้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ Bell เพิ่ม คือ บินต่อจากซานฟรานซิสโกไปยังเมืองที่คุณป้าอยู่ คือ Chapel Hill ได้เลยค่ะ มีหลายสายการบิน เช่น Delta, Northwest, United,Continental แต่สายที่ให้ราคาที่ค่อนข้างเหมะสมน่าจะเป็น Continental ค่ะ ลองดูที่ http://www.tripbase.com/Flights_from-San_Francisco-to-Chapel_Hill-SFO-to-RDU-g-aTKy8g.html จากเว็บไซต์ที่ให้ไว้ จะเห็นราคาของ Continental อยู่ที่ประมาณ 247 US$ ค่ะ แต่ถ้าคิดจะสะสม Miles หรือใช้สายการบินเดิมที่บินเข้า US จากเมืองไทยก็แล้วแต่ Bell จะพิจารณาค่ะ ตกลงคุณป้าอยู่ที่ Washington DC หรือ Chapel Hill คะ ถ้า Chapel Hill รหัสสนามบิน คือ RDU แต่ที่น้องบอกพี่มาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม สนามบินสุดท้ายคือ IAD อยู่ในวอชิงตันดีซีค่ะ

  • Bell  On October 5, 2011 at 11:39 am

    เบลล์อยู่ Chapel hill ค่ะแต่เบลก็ไม่รู้เหมือนกันป้าบอกให้ไป วอชิงตัน ดีซี

    เบลล์ก็อยากจะบินต่อไปเลยเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเบลไปซานฟราน คือไปกับบริษัทค่ะกลัวเค้าจะยุ่งยาก เกรงใจค่ะเพราะเราได้มาฟรัค่ะ อีอย่างน้องเบลล์ไม่ได้ไป ซานฟรานด้วยต้องกลับมารับน้องที่เมืองไทยอยู่ดีค่ะ
    – ถ้าเบลล์ ไปซานฟราน กะทัวส์ระบุไว้ 7 วัน แล้วบินไปเยี่ยมป้า 3 เดือนได้เหรอค่ะเพราะตอนแรกเค้าต้องสแตมให้แค่เท่าที่มากับทัวหรือป่าวค่ะ
    – พี่ค่ะเบลล์รบกวนช่วยดู การจองตั๋วให้เบลหน่อยนะค่ะว่า เวลาต่อเครื่องนั้น เวลาน้อยไปหรือป่าวค่ะ แล้วเบลจะไปขึ้นเครื่องทันไหม

    DATE FLIGHT INFO FROM TO DEP ARR TRAVEL INFO
    ————————————————————————-

    13NOV DELTA AIR LINE BANGKOK TOKYO 0555 1355 DURATION
    SUN DL 284 T SUVARNABHUMI I NARITA 6:00
    ECONOMY CLASS TERMINAL 1 NON STOP
    NON SMOKING
    AIRBUS INDUSTRIE A330-300
    BREAKFAST
    RESERVATION CONFIRMED

    ————————————————————————-

    13NOV DELTA AIR LINE TOKYO DETROIT 1445 1225 DURATION
    SUN DL 276 T NARITA DETROIT METRO 11:40
    ECONOMY CLASS TERMINAL 1 TERMINAL EM NON STOP
    NON SMOKING
    BOEING 747-400
    DINNER
    RESERVATION CONFIRMED

    ————————————————————————-

    13NOV DELTA AIR LINE DETROIT WASHINGTON 1400 1540 DURATION
    SUN DL 4234 T DETROIT METRO DULLES INTL 1:40
    ECONOMY CLASS TERMINAL EM NON STOP
    NON SMOKING
    CANADAIR REGIONAL JET
    RESERVATION CONFIRMED

    FLIGHT OPERATED BY PINNACLE DBA DELTA CONNECTION
    ————————————————————————-

    10FEB DELTA AIR LINE WASHINGTON DETROIT 0935 1119 DURATION
    FRI DL 2981 T DULLES INTL DETROIT METRO 1:44
    ECONOMY CLASS TERMINAL EM NON STOP
    NON SMOKING
    CANADAIR REGIONAL JET
    RESERVATION CONFIRMED

    FLIGHT OPERATED BY COMAIR DBA DELTA CONNECTION
    ————————————————————————-

    10FEB DELTA AIR LINE DETROIT TOKYO 1240 1615 DURATION
    FRI DL 275 T DETROIT METRO NARITA 11FEB 13:35
    ECONOMY CLASS TERMINAL EM TERMINAL 1 NON STOP
    NON SMOKING
    BOEING 747-400
    DINNER
    RESERVATION CONFIRMED

    ————————————————————————-

    11FEB DELTA AIR LINE TOKYO BANGKOK 1805 2335 DURATION
    SAT DL 283 T NARITA SUVARNABHUMI INTL 7:30
    ECONOMY CLASS TERMINAL 1 NON STOP
    NON SMOKING
    AIRBUS INDUSTRIE A330-300
    DINNER
    RESERVATION CONFIRMED

    ————————————————————————-

    VALIDITY TICKET FOR 3 MONTHS
    FLIGHT/DATE CHANGE CHARGE 4,500 THB+DIFF FARE & DIFF TAX
    HAVE A NICE TRIP

    YOUR ONLINE ITINERARY

    • govisa  On October 5, 2011 at 9:34 pm

      น้อง Bell คะ ทุกปัญหาย่อมมีทางออกนะคะ

      1.ถ้า Bell ต้องการจะต่อเครื่องบินที่ได้มาฟรี ย่อมทำได้ค่ะ ให้สอบถามบริษัททัวร์ว่า ถ้า Bell จะไม่กลับพร้อมบริษัททัวร์ จะขอแวะไปเยี่ยมญาติที่ DC จะต้องเสียเงินค่าหยุดแวะพักที่ซานฟรานซิสโกไหม ถ้า Bell ต้องการให้เขาจองโรงแรมให้ประมาณ 1 คืน ราคาพอประมาณราคาเท่าไร ทั้งนี้เพื่อรอน้องชายที่กำลังจะบินออกมาจากเมืองไทย อันที่จริงน้องชาย Bell ก็เรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้ว น่าจะพอเดินทางเองได้ สังเกตจากน้องๆที่ไป Work and Travel บางท่านก็ต้องเดินทางเองค่ะ ถ้าน้องชายไม่รู้ ให้ถามทางเขาเป็นภาษาอังกฤษ น่าจะเป็นการเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอดได้ในระดับหนึ่งค่ะ อนึ่ง กรุงเทพ-ซานฟรานซิสโกเดินทางคนเดียวได้ไม่ลำบากนัก บนเครื่องบินจะมีคนไทยเดินทางหลายคนพอสมควร ที่เราจะหัดสังเกตดูว่า เขาทำอย่างไรค่ะ หรือถ้าเกรงว่าน้องชายจะทำไม่ได้ ให้ซื้อทัวร์ไปซานฟรานซิืสโกพร้อม Bell ไปเลย Bell จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหยุดพักรอที่ซานฟรานซิสโก หลังจากนั้นเมื่อหมดเงื่อนไขกับบริษัททัวร์ก็แจ้งเขาไปว่าเราจะขอกลับแยกต่างหากเอง จะต้องมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายอะไรบ้างไหมค่ะ ถ้าคิดว่าไม่คุ้ม และได้ตั๋วฟรีแน่นอน จะไปเองครั้งหนึ่งก่อน เว้นสัก เดือนค่อยเข้าไปใหม่ก็น่าจะได้ค่ะ

      2.ตัวอย่างเส้นทางการบินที่ให้มาจัดว่าใช้ได้ค่ะ ยกเว้นระยะเวลาของเที่ยวบินที่ DL276 ถึง ดีทรอย เวลา 12.25 น.ถ้าเป็นคนเคยเดินทาง และเป็นคนลุยๆหน่อย ช่วงห่างของการต่อตั๋วเพียง 1.25 ชั่วโมงน่าจะเพียงพอ แต่ถ้าคนไม่เคยเดินทาง หรือไปเจอ flight delay ทำให้ถึงช้ากว่ากำหนด กว่าจะผ่านการตรวจคนเข้าเมือง และตรวจกระเป๋า และเดินหาทางไป Connect fllight และเดินไปที่ gate เพื่อไปขึ้นเครื่องบินลำถัดไป คือ DL 4234 ซึ่งออกจากดีทรอยเวลา 14.00 น.อาจพลาดได้ สำหรับมือใหม่ค่ะ ตรุงจุดนี้น่าจะเว้นสัก 2 ชั่วโมง ถ้าไม่มีเที่ยวบินถัดไปที่สะดวกก็ลองดูว่า ถ้าต้องรอ 3 ชั่วโมงจะดูดีกว่าไหมนะคะ เพราะจะได้มีเวลาเดินไปที่ Gate ทัน เขียนอธิบายเผื่อไว้ถ้าเกิดหลงทางหรือมีปัญหาอื่นๆค่ะ พี่ไม่แน่ใจว่า น้องจะคิดอย่างเดียวกับพี่หรือเปล่า ถ้าคิดว่า น้องสามารถทำได้ทันเวลา ไม่อยากเสียเวลานั่งรอที่เครื่องบินนาน ก็ไม่ต้องแก้ไขอะไรค่ะ

  • ฝ้าย  On October 5, 2011 at 5:13 pm

    พี่ค่ะ นู๋มาอีกแล้ว 555+ พอดีนู๋อยากทราบว่าทางกงสุลเค้าจะเช็คบัญชีเราย้อนหลังกี่เดือนอะค่ะ พอดีว่าแม่นู๋เค้าเพิ่งจะทยอยส่งเงินมา แต่นู๋กำลังจะทำการจองนัดวัน แต่ติดที่ว่ากลัวบัญชียังไม่สวย เด๋วเค้าไม่ให้ผ่านแย่เลย ก็เลยมาปรึกษาพี่ว่านู๋ควรจะทำอย่างไรดีค่ะ นู๋กะว่าจะนัดวันสัมภาษณ์ประมาณต้นเดือนหน้าเพราะเห็นตารางเค้าสีเขียวยาวเลย แล้วถ้าเกิดเราคอนเฟิร์มวันไปแล้ว เราจะรู้ได้ไงค่ะว่าเค้ารับนัดเราเรียบร้อยแล้วอะค่ะ

    • govisa  On October 5, 2011 at 9:40 pm

      น้องฝ้าย ควรจะทิ้งเงินไว้ในบัญชีประมาณ 6 เดือนดีที่สุดค่ะ แต่พี่จำได้ว่า น้องค่อนข้างรีบถ้าจะทิ้งไว้สัก 3 เดือน น้องจะรอได้ไหมคะ ส่วนวันนัดสัมภาษณ์ ถ้าน้องคลิกเลือกวัน และเลือกเวลาเรียบร้อยแล้ว จะมีตัวอักษรขึ้นคำว่า ‘Confirm” ให้น้องคลิก Confirm แล้วสั่ง Print ออกมา อย่าลืมนำใบนัดวันสัมภาษณ์ที่ Print ออกมาไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารตรงประตูด้านหน้าสถานทูตดูด้วยนะคะ

  • ชล  On October 6, 2011 at 10:01 am

    สวัสดีครับคุณ govisa ผมรบกวนถามดังนี้นะครับ
    1.กรณีเด็กที่ขอวีซ่าไปเรียนไฮสคูลตอนนี้เรียนจบแล้วแต่ยังไม่ได้เรียนต่อมหาลัยเพราะคะแนนสอบไม่ค่อยดีเลยอยากสอบให้ได้ตะแนนดีกว่านี้เพื่อจะได้เข้ามหาลัยที่ดีดีหน่อยแต่ปัญหาคือตอนนี้วีซ่าหมดอายุควรจะทำอย่างไรดีครับตอนนั้นได้วีซ่าสี่ปีครับ

    • govisa  On October 6, 2011 at 8:50 pm

      คุณชลคะ
      1. ถ้าตราบใดที่ยังลงทะเบียนเรียนอยู่น้องเขาจะยังคงสถานภาพนักเรียนนักศึกษาอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ค่ะ ดังนั้น แนะนำให้น้องหาทางสมัครเข้าเรียนใน community college ที่มีเกณฑ์การรับเข้าเรียนไม่ยากนักไปก่อน เพื่อให้น้องคงอยู่ในสหรัฐอเมริกาต่อไปได้แม้วีซ่าจะหมดอายุค่ะ แต่ห้ามน้องไปเที่ยวประเทศอื่นๆ เช่น แคนาดานะคะ เพราะจะกลับเข้าสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เนื่องจากวีซ่าหมดอายุค่ะ
      2. กลับมาตั้งหลักที่เมืองไทย สอบทุกอย่างให้เรียบร้อย สมัครเข้าเรียน U อย่างที่คุณพ่ออยากให้ลูกได้เข้าเรียน เมื่อได้รับ I-20ใหม่ ให้น้องยื่นขอวีซ่าใหม่ เพื่อจะได้วีซ่านักเรียนจำนวน 5 ปีค่ะ วิธีนี้ประหยัดเงินค่าใช้จ่ายจากทางบ้านไปได้มากอยู่นะคะ แล้วก็จะได้มีเวลาค่อยๆเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการ ตัวน้องเองก็ไม่ถูกกดดันมากจนเกินไปด้วยค่ะ แต่ถ้าคุณพ่อยังไม่อยากให้กลับเมืองไทย ก็คงต้องใช้วิธีการที่ 1 ค่ะ

  • ฝ้าย  On October 6, 2011 at 10:37 am

    ขอบพระคุณมากค่ะ นู๋จะทำตามที่พี่บอกทุกขั้นตอนเลยค่ะ ^^

    • govisa  On October 6, 2011 at 8:41 pm

      แล้วบอกผลมาด้วยนะคะว่า ได้หรือไม่ได้วีซ่า น้องฝ้าย พี่เอาใจช่วยน้องนะคะ

  • Bell  On October 6, 2011 at 10:52 pm

    พี่ govisa ค่ะ

    ถ้าเบลล์ ไปซานฟราน แล้วนั่งเครื่องกลับมา ประเทศไทย แล้วบินไปพร้อมน้องอีกรอบ จะมีผลกระทบต่อการเข้าประเทศอเมริกาไหมค่ะ เพราะเบลล์จะเว้นการเดินทางแค่ 1 อาทิค่ะ หรือต้องเว้นเยอะกว่านั้นค่ะ เพราะเบลล์ไปกับทัวส์ 1 ครั้ง เว้น อี 1 อาทิ ไปวอชิงตันต่อเลยได้ไหมค่ะ ของด่วนเลยนะค่ะ เบลล์เป็นกังวลมากๆเลยค่ะ

    • govisa  On October 7, 2011 at 5:14 am

      น่าจะมีปัญหาที่จะต้องตอบคำถามมากหน่อยที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ เพราะ Bell ไม่ใช่นักธุรกิจ เข้ามาเที่ยว กลับไปประเทศของตนเองแค่อาทิตย์เดียวกลับเข้าไปอีกแล้ว Bell ก็ไม่ใช่ไกด์ทัวร์ เพราะไม่มีลูกทัวร์ติดตามไปด้วยค่ะ ส่วนน้องชายก็วีซ่านักท่องเที่ยว จะบอกเจ้าหน้าที่ที่ด่านว่า มาส่งน้องชายไปเรียนหนังสือก็ไม่ใช่อีกค่ะ น่าจะเว้นสักเดือนเศษๆดีกว่าไหมคะ

  • ชล  On October 7, 2011 at 7:10 am

    คุณgovisa ครับ ถ้าทำตามคำแนะนำข้อ 1.แล้วเด็กก็จะต้องเรียนอยู่ในสหรัฐโดยไม่มีวีซ่าหรือครับ

    • govisa  On October 7, 2011 at 9:10 pm

      คุณชลคะ เด็กสามารถอยู่ในอเมริกาได้ตราบเท่าที่ยังลงทะเบียนเรียนเป็นนักศึกษาอยู่ ใน I-20 หน้าแรกจะมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า D/S แปลว่า Duration of status คือต้องลงทะเบียนเรียนแม้วีซ่าหมดอายุก็อยู่ได้ค่ะ แต่จะอยู่เฉยๆโดยไม่ลงทะเบียนเรียนไม่ได้ค่ะ เนื่องจากวีซ่าหมดอายุ ทำให้เด็กไปเที่ยวนอกประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ได้ค่ะ ถ้าต้องการถามคำถามนี้กับเจ้าหน้าที่แผนกวีซ่าโดยตรง แนะนำให้ไปฟังรายการสัมมนาและอภิปรายในงานมหกรรมการศึกษาต่อสหรับอเมริกา ครั้งที่ 26 ที่โรงแรม Landmark วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2554 ดูรายการได้ภายใต้หัวข้อ Event ได้ค่ะ หรือให้เด็กไปขอคำอะิบายจาก International Student Officer โรงเรียนเดิมที่เรียนอยู่ก็ได้ค่ะ

  • Bell  On October 7, 2011 at 7:34 am

    พี่ govisa ค่ะ เราสามารถบอกได้ไหมค่ะว่า ครั้งแรกเราได้รางวัล มากับท้วส์ฟรี ทำให้ต้องมาเยี่ยมป้าในรอบนี้ค่ะ

    – ก็คือ สามารถไปได้ใช่ไหมค่ะ แต่แค่ต้องตอบคำถามว่ามาทำอะไร แล้วทำไมถึงมาติดกัน 2 ครั้งเหรอค่ะ

    – ถ้าเบลจะไปเยี่ยมป้า 6 เดือน ต้องจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ 6 เดือน เลยแล้วค่อยเลื่อนดีกว่า หรือจองไป กลับ 3 เดือน แล้วเลื่อนให้อยู่นานขึ้นได้ค่ะ ถ้าซื้อตั๋วอายุ 6 เดือนนะค่ะ ทางสถานทูตจะสแตมให้เรา 6 เดือนไหมค่ะถ้าเราซื้อตั๋วไปกลับแค่ 6 เดือนค่ะ

    • govisa  On October 7, 2011 at 9:03 pm

      ได้ลองคุยเรื่องของ Bell กับผู้รู้หลายท่านก็ได้คำตอบมาคล้ายกันว่า immigration จะถามแน่นอนว่าเข้ามาทำไมติดๆกัน มาแอบทำธุรกิจหรือเปล่าค่ะ ส่วนจะตอบว่าได้รับรางวัล และห่างกันอีก 1 อาทิตย์บอกมาเยี่ยมป้าก็ดูไม่มีเหตุผลค่ะ เพราะเขาคงต้องสงสัยว่าแล้วทำไมไม่ซื้อตั๋วต่อไปเยี่ยมป้าเลยค่ะ
      คำถามที่พยายามจะถามว่าสามารถไปได้ใช่ไหมคะ พี่ไม่สามารถยืนยันกับน้องได้หรอกค่ะ ตามทฤษฎีก็ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ในทางภาคปฏิบัติ ตอบยาก เพราะคนไทยเป็นชาติไม่ค่อยมีระเบียบวินัยและชอบทำอะไรเลี่ยงกฎหมายบ่อยๆ ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่า immigration จะเชื่อหรือไม่เชื่อค่ะ

      ส่วนเรื่องตั๋วจะซื้อ 3 เดือน 6 เดือนได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีใครทราบได้ว่า immigration จะ stamp ให้ Bell อยู่ได้นาน 3 เดือนหรือว่า 6 เดือน ส่วนใหญ่ได้ 3 เดือนก็เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่มีคนเคยได้แค่ 1 เดือนก็มีนะคะ อยากอยู่นานๆ พี่ก็บอก Bell ตั้งแต่ต้นแล้วว่าให้ขอวีซ่านักเรียนไป Bell ก็จะขอนักท่องเที่ยวเองนี่คะ

  • ฝ้าย  On October 7, 2011 at 10:27 am

    พี่ค่ะ นู๋มีปัญหานิดหน่อยค่ะ คือแม่อยากให้นู๋นัดสัมพาดเดือนนี้เลย แต่นู๋ดันไปคอนเฟิมวันเป็นวันที่1 เดือนหน้าไปแล้ว อย่างนี้ นู๋ควรทำอย่างไรดีค่ะ ยกเลิกอันนั้น แล้วนัดใหม่ได้มั้ยอะค่ะ

    • govisa  On October 7, 2011 at 8:52 pm

      ถูกต้องค่ะฝ้าย ถ้าจะทำคิวนัดสัมภาษณ์ใหม่ ต้องยกเลิกวันนัดสัมภาษณ์เดิมก่อน แล้วถึงจะทำการนัดวันสัมภาษณ์ใหม่ได้ค่ะ

  •  On October 7, 2011 at 5:45 pm

    พี่ค่ะหนูมีเรื่องปรึกษาค่ะคือว่าครั้งแรกหนูไปสอบสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ผ่านค่ะเค้าให้เหตุผลมาว่า”ท่านไม่สามารถหลักฐานอันแสดงถึงความผูกพันมั่นคงอย่างแน่นแฟ้นทางครอบครัว” ประมาณนี้อ่ะค่ะ ตอนนั้นหนูยื่นไปในนามนักท่องเที่ยวแต่เข้าใจเหตุผลอยู่ว่าที่ไม่ผ่านเพราะใบรับรองการทำงานหนูเงินเดือนน้อยตอนนั้นยังทำงานกับคุณพ่ออยู่ค่ะ พอครั้งที่2ล่าสุดวันนี้เองหนูไปสัมภาษณ์ในนามนักเรียนค่ะ เค้าก็ไม่ให้ป่านอีกด้วยเหตุผลที่ว่า”ท่านไม่สามารถแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติและแผนการด้านการศึกษาที่เหมาะสมต่อการอนุมัติ” ซึ่งหนูงงมากๆค่ะ ขอท้ายความนิดหนึ่งนะค่ะที่หนูขอวีซ่าไปครั้งแรกเพื่อจะไปส่งน้องสาวที่กำลังจะไปเรียนค่ะ พอครั้งที่2ก็คิดว่าจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มและกะต่อโทนะค่ะ แต่หนูไม่เข้าใจค่ะว่าทำไมเค้าไม่ให้หนูผ่าน หนูอยากให้ผู้รู้ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะเพราะว่ายังอยากจะไปเรียนโทที่นั้น แต่กลัวว่าครั้งที่3ถ้ายื่นไปอีกจะไม่ผ่านอีก หนูยื่นครั้งที่สอบวันนี้นะค่ะ7/10/2011

    • govisa  On October 7, 2011 at 9:16 pm

      แล้ววันนี้วีซ่าผ่านหรือยังคะน้องป่าน เพราะน้องเขียนมาถามพี่ตอนตี 5.45 น. พี่ขอโทษด้วยที่ตอบไม่ทันค่ะ ถ้าไม่ผ่านอีกลองเขียนมาบอกนิดหนึ่งว่า สมัครไปเรียนภาษาที่ไหน , ใครเป็น sponsor, sponsor มีเงินในบัญชีธนาคารจำนวนเท่าไร, มีญาติอยู่ที่อเมริกาไหม , ผลการเรียนที่เรียนจบปริญญาตรีมาเป็นอย่างไรค่ะ จะได้มาวิเคราะห์กันค่ะ

  •  On October 8, 2011 at 1:43 am

    ที่หนูเขียนไปหาที่มันตอน5โมงเย็นแล้วค่ะคือหนูไปสอบมาแล้วค่ะไม่ผ่านรอบที่2นะค่ะ เค้าให้เหตุผลที่ว่า”ท่านไม่สามารถแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติและแผนการด้านการศึกษาที่เหมาะสมต่อการอนุมัติ”ซึ่งเรื่องของเรื่องมีิอยู่ว่าหนูไปสัมภาษณ์โดยยื่นI-20ของมหาลัยuniversity of washingtonค่ะ ลงintersive course ส่วนsponser คือ คุณพ่อค่ะ มีเงิน4ล้านกว่า มีญาติอยู่อเมริกาคือน้องสาวแท้ๆเพิ่งไปเรียนภาษาเมื่อเดือนมีค54 แต่ยังสอบเข้ามหาลัยไม่ได้เพราะว่าภาษายังถึงเกณฑ์ค่ะ เรียนจบม.เอกชนค่ะ จบเกรด2.22 แต่ภาษาอังกฤษไม่ต่ำกว่าBค่ะ แต่ตอนสัมภาษณ์โดนสัมภาษณ์เกือบสุดท้ายของคิวทั้งหมดเลยค่ะ จำได้ว่าเหลือคนสัมภาษณ์แค่3คนองแล้ว3คนที่เหลือก็คือพวกที่มาขอสอบวีซ่าครั้งแรกแล้วไม่ผ่านค่ะ แล้วเวลาสัมภาษณ์เค้าก็พูดไทยใส่หนูอย่างเดียวเลยค่ะ แต่หนูก็ตอบเค้าอังกฤษสลับไทยค่ะ ซึ่งตอนเค้าปฎิเสธหนูงงมากเลย ตอนแรกอ้างว่าsponserมีเงินจะไม่พอกีบค่าใช้จ่ายเราหนูค่ะเพราะเค้าเห็นว่าส่งเรียนทั้งน้องสาวและหนูแต่หนูก็อ้างไปว่าเงินที่ให้ดูเป็นเงินหมุนเวียนและคุณพ่อก็เป็นเจ้าของกิจการทำงานมาเกือบ20ปีแล้ว พอเสร็จเค้าดูใหม่ก็มาบอกว่าให้หนูเรียนภาษาที่ไทยดีกว่าเพราะเกรดหนูต่ำ หนูก็เลยอึ้งไปนิดแต่หนูก็อธิบายไปว่าพวกคณิต บัญชีหนูยอมรับว่าต่ำ แต่ภาษาอังกฤษหนูไม่เคยต่ำกว่าBนะ เค้าก็เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างก็ไม่พูดอ่ะค่ะ เค้าบอกว่าหนูแสดงหลักฐานไม่พอว่าอยากไปเรียนจริงๆเค้าบอกว่าหนูจะไปทำงานหนูเลยอ้างว่าหนูมีบริษัทเป็นของตัวเองยังไงก็ต้องกลับเมืองไทยแ่น่นอนอยู่แล้วแต่ที่ไปคืออยากได้ภาษามากกว่าเพื่อเอามาใช้กับการทำงาน เค้าถามว่าทำไมไม่อยากเรียนไทยหนูก็บอกว่าเรียนไทยก็ต้องพูดไทยอยู่ดี ดูเลยอ้างว่าเห็นน้องไปเรียนได้เค้าพัฒนาภาษาไปมากเลยอยากเรียนแต่เค้าก็อ้างว่าหนูเกรดต่ำอ่ะค่ะ เลยอยากให้พี่ช่วยวิเคราะห์หน่อย เพราะผลออกมาอย่างนี้หนูเสียความรู้สึกจนไปกล้าไปสอบครั้งที่3แล้วค่ะ แล้วอยากจะถามว่าเกี่ยวกับไหมค่ะที่รอบแรกหนูไมได้ไปเลยทำให้รอบ2 ปฎิเสธกลับมาแบบนี้อ่ะค่ะ เพราะรอบแรกที่สอบสัมภาษณ์ก็เดือนธันวา53 ขอบคุณมากนะค่ะ

    • govisa  On October 8, 2011 at 9:31 pm

      ขอโทษค่ะ น้องป่านรีบตอบเลยไม่ทันดูว่าเป็นเวลา 5 โมงเย็น PM ไม่ใช่ AM พี่อยากให้น้องค่อยๆมองปัญหาที่เกิดขึ้นดังนี้ค่ะ

      1. น้องบอกว่า คุณพ่อมีบัญชีหมุนเวียน น้องหมายความว่า คุณพ่อใช้บัญชีกระแสรายวันใช่ไหมคะ บัญชีที่นำไปแสดงเป็นบัญชีชื่อคุณพ่อหรือบัญชีชื่อบริษัท และในบัญชีนั้น มีการขอ credit line ด้วยหรือเปล่าคะ โดยปกติ เวลาที่นักเรียนจะไปขอวีซ่านักเรียนกันนั้น สถานทูตส่วนใหญ่ชอบที่จะให้ผู้ปกครองใช้บัญชีที่มีสภาพคล่องสูง เบิกถอนเงินได้ทุกวัน คือบัญชีออมทรัพย์ หรือสะสมทรัพย์มากกว่าบัญชีประจำ หรือบัญชีกระแสรายวันค่ะ เพราะบัญชีประจำดูเหมือนมีเงินมากแต่การเบิกถอนเงินต้องรอครบกำหนดก่อนถึงจะเบิกถอนออกมาใช้ได้ บัญชีในรูปของบริษัทอาจสร้างความกังวลหรือความไม่แน่นอนได้ ถ้าธุรกิจนั้นเกิดประสบปัญหา ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้ ดังนั้นบัญชีส่วนตัวและบัญชีสภาพคล่องสูงจะดูดีที่สุดค่ะ

      2. น้องสาวเพิ่งเดินทางไปเรียนภาษเมื่อมีนาคม ระยะห่างระหว่างน้องสาวกับน้องป่านในการขอวีซ่าคือ 6 เดือน บัญชี 4 ล้านถ้าลองหาร 2 ให้ใช้คนละ 2 ล้านบาท น้องทั้งสองคนยังไม่จบปริญญาโท เงินในบัญชีคุณพ่อก็หมดแล้วค่ะ เพราะต้นทุนค่าใช้จ่ายการไปเรียนภาษา 1 ปีเป็นตัวเลขเฉียดล้านหรือมากกว่าล้านนิดหน่อยอยู่แล้วค่ะ ถ้าเรียนภาษา 1 ปี บวกปริญญาโทอีก 2 ปี ถ้าคิดว่าปริญญาโทอีกปีละ 1 ล้านเศษ 2 ปีก็เกือบ 3 ล้านแล้วค่ะ รวมภาษาอีก 1 ล้านเป็น 4 ล้านพอดีเท่าที่เงินในบัญชีคุณพ่อน้องมี กงสุลก็คงจะไม่มั่นใจล่ะค่ะว่า คุณพ่อน้องจะส่ง 2 คนไหวได้อย่างไรคะ

      3. ค่าใช้จ่าย U.of Washington http://outreach.washington.edu/elp/programs/23102/ 3 เทอมตกประมาณ 21,638 เหรียญ เอา 3 หารตกเทอมละ 7, 213 เหรียญหรือประมาณ สองแสนกว่าบาทต่อ 10 อาทิตย์ ไม่มีใครทราบว่า น้องแต่ละคนจะสอบ TOEFL ถึงเกณฑ์ที่ U จะรับเข้าเรียนต่อปริญญาโทได้เมื่อไรค่ะ ดังนั้น ห้าเดือน (20 อาทิตย์) เกือบห้าแสน สิบเดือน 1 ล้านบาทค่ะ ประกอบกับเกรดที่เรียนจบมาประมาณ 2.20 ไม่สูงมาก กงสุลคงไม่มั่นใจว่า น้องจะต้องใช้เวลาเรียนนานเท่าไรในการทำคะแนนสอบ TOEFL ให้ถึงเกณฑ์ที่ U จะรับเข้าเรียนได้ค่ะ ดังนั้น จำนวนเงินที่คุณพ่อมีในบัญชี ถ้าจะส่งสองคนพร้อมกันคงลำบากค่ะ เพราะคุณพ่อก็ต้องมีภาระรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านอื่นๆด้วยค่ะ

      4. พี่แนะนำว่าอย่าเพิ่งท้อ ให้เรียนภาษาที่เมืองไทย แล้วสมัครสอบ TOEFL ดูสักครั้งว่าน้องจะทำคะแนนสอบได้ประมาณเท่าไร ลองสมัครมหาวิทยาลัยเข้าเรียนต่อปริญญาโทเลย กงสุลจะได้มั่นใจว่า น้องจะ save เงิน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนภาษา แต่ไปเรียนเพื่อเอาปริญญาโทเลยค่ะ ถ้าน้องสนใจ U ใน Seattle แนะนำให้สมัคร City University ซึ่งจะมาในงานนิทรรศการที่ IIE จัดที่โรงแรม Landmark วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคมนี้ ลองส่งสมัครไปเรียนต่อปริญญาโทเลยดีกว่านะคะ

      5. น้องเขียนบอกว่า น้องสาวพัฒนาภาษาไปได้มาก แต่กงสุลคงจะถามน้องด้วยใช่ไหมคะว่า น้องสาวเรียอยู่ที่ไหน เพราะน้องบอกพี่ว่า น้องสาวยังเข้า U ไม่ได้ก็แสดงว่า น้องสาวยังสอบ TOEFL ไม่ถึงเกณฑ์ ซึ่งถ้านับเวลาตั้งแต่ มีนาคมที่น้องสาวไปจนถึงตุลาคมนี้ ก็ประมาณ 6 เดือนแล้ว จึงเป็นการยากที่จะบอกได้ว่า เด็กๆที่ไปเรียนภาษากันก่อนที่จะได้รับการตอบรับเข้าเรียนปริญญาโทนั้น จะใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเข้า U ได้ค่ะ ส่วนที่บอกว่าเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยก็ต้องพูดภาษาไทยอยู่ดี อยากบอกน้องว่า พวกที่ไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองนอก และอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ โอกาสพูดภาษาไทยสูงมาก และพัฒนาการทางภาษาอังกฤษเป็นไปได้ช้ากว่าคนอยู่เมืองเล็กๆที่มีคนไทยน้อยๆค่ะ

  • Bell  On October 8, 2011 at 3:14 pm

    พี่ govisa ค่ะ ถ้าเบลได้ไปซานฟราน เบลจะลองขอที่บริษัทให้น้องเดินทางไปพร้อมกันแล้วต่อเครื่องไปหาป้าที่อเมริกาเลยค่ะ

    แล้วถ้าจะต่อเครื่องไป วอชิงตันเลยต้องแจ้งบริษัทตั้งแต่ที่เมืองไทยเลยใช่ไหมค่ะ หรือต้องแจ้งเปลี่ยนเส้นทาง ทีหลัง

    ถ้าบริษัทต้องแยกตั๋วเราเป็นไปต่อที่ วอชิงตัน ยุ่งยากมากไหมค่ะแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง

    หรือถ้าขอไม่ได้ เบลคิดว่าเบลจะเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษเพื่ออธิบายว่าที่เราเดินทางมาครั้งแรกนั้นเดินทางมากับทัวส์ ที่ได้รางวัลมาฟรี โดยจะลองขอเอกสารการยืนยันว่าเราได้รับรางวัล เดินทางเที่ยวฟรี จากบริษัท และอธิบายว่า มีแผนที่จะเดินทางมาเยี่ยมป้าที่อเมริกาอยู่แล้ว แต่ด้วยความโชคดีเสี่ยงโชคได้รับรางวัลมาฟรี และเนื่องจากต้องมาพร้อมน้องชายเลยต้องเดินทางกลับมารับน้องชาย พี่ว่าพอจะได้ไหมค่ะ

    จริงๆเบลก็อยากขอวีซ่านักเรียนนะค่ะ แต่เบลยังไม่มีสถานที่เรียนรองรับ เลยกลัวว่าถ้าไปขออาจจะไม่ผ่านค่ะ แล้วภาษาก็ไม่ได้เลยด้วย นู๋ควรทำไงดีค่ะ ขอบคุณพี่ govisa

    • govisa  On October 8, 2011 at 8:52 pm

      Bell คะ อย่ากังวลเลยค่ะ ปรึกษาบริษัททัวร์ไปเลยว่า ขอมีน้องชายร่วมเดินทางไปด้วย 1 คน เพราะผู้ปกครองเป็นห่วง หรือเพราะน้องชายกลัวต่อตั๋วเครื่องบินไม่เป็น หรือ กลัวทำอะไรไม่ถูกที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยผู้ปกครองน้องชายจะซื้อตั๋วสายการบินเดียวกันกับ Bell เที่ยวบินเดียวกัน เพียงแต่ตั๋วของน้องชายจะมีเพิ่ม คือ ต่อตั๋วเครื่องบินไปวอชิงตันดีซีเลย ส่วนของ Bell ก็ซื้อตั๋วเพิ่มไปดีซีด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีระยะเวลาห่างจากของน้องชาย 7 วันหรือบินตามไปทีหลังนั่นเองค่ะ พี่ว่า ทัวร์เขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำนะคะ ที่มีคนมาซื้อตั๋วเครื่องบินกับบริษัทเขาเพิ่มค่ะ

      น้องชาย Bell จะแยกกับ Bell ที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งก็ดีไปอย่างนะคะที่ Bell จะได้ดูช่วยเหลือน้องชายตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และผ่านด่านตรวจศุลการกรค่ะ หลังจากนั้น ก็ให้พวกทัวร์ที่ไปด้วยกัน เขาช่วยแนะนำให้น้องชายเดินไปที่ Gate เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังถึงเมืองปลายทางคือ วอชิงตันดีซี ที่วอชิงตันดีซี น้องชายไม่ต้องตรวจกระเป๋าเดินทางอีกแล้ว และ ไม่ต้องตรวจคนเข้าเมืองอีกแล้วค่ะ เพราะทั้ง Bell และน้องชายได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ซานฟรานซิสโกแล้วค่ะ ดังนั้นหน้าที่ของน้องชาย Bell คือเดินไปรับกระเป๋าแล้วเดินไปพบญาติที่มารอรับที่สนามบินค่ะ

      อนึ่ง ที่ดีซี ถ้าเป็นกังวลว่า คนมารับน้องชายยังไม่มา ให้ซื้อบัตรโทรศัพท์ที่สนามบินซานฟรานซิสโกให้น้องชายไว้ 1 ใบราคา 20 เหรียญ โดยขอให้คนที่บริษัททัวร์ที่ไปด้วยสอนวิธีการใช้โทรศัพท์ให้ โทรเข้าไปที่มือถือของญาติ กรณีญาติยังไม่มารับ หรือจะซื้อบัตรโทรศัพท์ของกสท.ที่ไปรษณีย์หรือศูนย์ที่ขายบัตรโทรศัพท์ในกรุงเทพมหานคร แล้วกดหาโอเปอเรเตอร์ที่เมืองไทย (มีคำอธิบายวิธีการใช้อยู่หลังบัตร)ให้คนไทยช่วยต่อเบอร์ที่อเมริกาให้ เพราะน้องชายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เป็นต้นค่ะ

  • Bell  On October 11, 2011 at 10:12 am

    ขอบคุณมากนะค่ะ….

  •  On October 14, 2011 at 1:35 pm

    ขอบคุณพี่มากๆเลยนะค่ะ พี่แนะนำจนหนูพอจะเข้าใจในปัญหาที่เค้าปฎิเสธแล้วล่ะค่ะ ถ้าพี่ไ่ม่มาอธิบายให้หนูเข้าใจ หนูคงจะมีปัญหาคาใจอยู่แน่ๆเลยค่ะ แต่น้องสาวของหนูเค้าเพิ่งจบม.6ค่ะแล้วเพิ่งสมัครป.ตรีที่UWค่ะ แต่น้องสาวยังคงได้เรียนคอร์สIntensiveอยู่ค่ะ แต่หนูจะไปเรียนป.โทอ่ะค่ะ แต่หนูคิดว่าคงเรียนโทที่ไทยนี่แหละ เพราะหนูกลัวการไปสัมภาษณ์แล้ว พี่ค่ะหนูมีคำถามหน่อยอ่ะค่ะถ้าหนูจะไปในนามท่องเที่ยวแบบไปเยี่ยมน้องสาวอ่ะค่ะ หนูจะมีสิทธิ์โดนปฎิเสธอีกไหมค่ะ แล้วหนูต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างค่ะ เพราะตอนรอบแรกที่หนูไปขอ หนูยังทำงานเป็นพนักงานบริษัทของคุณพ่ออยู่ค่ะ แต่ทุกวันนี้หนูมีบริษัทเป็นของตัวเองแล้วค่ะ แล้วมีเงินเก็บประมาณ5แสนอ่ะค่ะ ยังไงรบกวนพี่ตอบด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On October 14, 2011 at 10:00 pm

      น้องป่านคะ พี่อธิบายให้น้องเห็นภาพว่า กงสุลเขาอาจจะมองสถานะทางบัญชีของที่บ้านน้องอย่างไร แต่พี่ไม่ได้มีเจตนาเขียนตอบไปเพื่อให้น้องเกิดความกลัวที่จะไปขอวีซ่านะคะ ในความคิดเห็นของพี่อยากให้น้องเว้นระยะสักประมาณ 6 -8 เดือนค่อยไปยื่นขอวีซ่าใหม่จะดีกว่าไหมคะ เพราะครั้งแรกน้องป่านถูกปฏิเสธวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว ครั้งที่ 2 ถูกปฏิเสธวีซ่าประเภทนักเรียน ครั้งที่ 3 จะกลับเข้าไปขอวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวใหม่ พี่เกรงว่ากงสุลจะเห็นว่า น้องไม่มีแผนการที่ชัดเจน พอถูกปฏิเสธแบบนี้ก็เปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่งสลับไปมา พี่จึงแนะนำว่า ให้น้องทำงานสัก 6 เดือน เผื่อเงินเก็บได้เพิ่มขึ้น แล้วค่อยไปขอวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว ยิ่งถ้าน้องเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองไทยอย่างที่น้องเขียนบอกพี่มายิ่งดี จะได้ตอบกงสุลไปเลยว่า คุณพ่อคุณแม่ให้รางวัลด้วยการลาพักผ่อนไป 20 วัน คุณพ่อคุณแม่ซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวอเมริกาให้น้อง และให้น้องแวะไปเยี่ยมน้องสาวที่กำลังเรียนอยู่ที่ university of Washington ประมาณ 10 วันแทนคุณพ่อคุณแม่ด้วยเป็นต้น

      เอกสารที่ต้องเตรียมนอกเหนือไปจากแบบฟอร์มวีซ่า คือ จดหมายรับรองฐานการเงินจากธนาคารของน้องป่านเองและสมุดบัญชีตัวจริง, ถ้าจะให้คุณพ่อหรือคุณแม่คนใดคนหนึ่งช่วยค้ำประกันอีก 1 คนก็ดีค่ะ, ใบทะเบียนการค้าของป่าน, รายการทัวร์ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ถ้าขี้เกียจไปขอที่บริษัททัวร์ อาจจะทำ list สถานที่ท่องเที่ยวที่วางแผนจะไปเที่ยวก็ได้ค่ะ แต่กรณีไม่คล่องแคล่วมากนัก แนะนำให้บอกว่าไปกับทัวร์ 5 วันหรือ 10 วัน แต่ขออยู่ต่อ เพราะจะแวะไปเยี่ยมน้องสาวที่กำลังเรียนอยู่ที่ไหน 10 วันแล้วจะกลับกรุงเทพเพื่อมาดูแลธุรกิจของตนเองก็ได้ค่ะ

  •  On October 16, 2011 at 2:02 pm

    ่ค่ะ ขอบคุณพี่มากๆนะค่ะ หนูไม่ได้หมายความว่าพี่อธิบายให้หนูกลัวนะค่ะ พี่อธิบายได้ดีมากๆเลย หนูต้องขอบคุณพี่ด้วยซ้ำไป ถ้าไม่มีเจอเวบนี้หนูคงมืดแปดด้านอยู่ล่ะค่ะ ที่หนูกลัวการสัมภาษณ์อีกก็เพราะสัมภาษณ์กี่ครั้งก็โดนปฎิเสธอ่ะค่ะ แต่คำแนะนำของพี่มันช่วยให้หนูมีกำลังใจที่เข้าอเมริกาได้มากๆเลยค่ะ แม้ว่าจะไปท่องเที่ยวแค่10วันก็ยังดีค่ะ ขอบคุณที่พี่สละเวลามาตอบให้หนูนะค่ะ แล้วถ้าหนูไปท่องเที่ยวผ่านแล้วหนูจะมาบอกพี่นะค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

    • govisa  On October 17, 2011 at 5:32 am

      น้องป่านอ่านคำแนะนำที่พี่ให้ไว้ ถ้าไม่มั่นใจเขียนมาปรึกษาได้อีกค่ะ แต่ช่วงนี้อยากให้เว้นระยะสักพักก่อนค่ะ ทำงานให้มั่นคง มีเงินเก็บที่มีการหมุนเวียนเงินเดือนเข้าและถอนออกไปใช้บ้าง หรืออาจจะมีเงินเข้าจากแหล่งอื่นบ้าง ถ้าคิดจะขอวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวอีกครั้งค่ะ ระหว่างนี้ไปเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ แล้วลองสอบ TOEFL ดูสักครั้งได้มากน้อยไม่เป็นไร ถือว่าฆ่าเวลาระหว่างรอไปสัมภาษณ์อีกครั้ง แถมยังเป็นการฝึกภาษาด้วยค่ะ บางทีถ้าคะแนนออกมาไม่น่าเกลียดมาก พี่อยากให้ลองสมัครโทที่ City University ที่ Seattle จะได้ไปอยู่เมืองเดียวกับน้องสาวค่ะ

  • ฝ้าย  On October 19, 2011 at 10:18 am

    พี่ govisa ค่ะ พอดีว่านู๋มีปัญหาใหญ่แล้ว คือนู๋ไม่รู้ว่าการขอ statement ย้อนหลัง 6 เดือน มันต้องใช้เวลาในการยื่นเรื่อง 2 – 3 วัน แล้วนู๋กะว่าจะไปขอวันนี้ แต่มันไม่ทันแล้ว เพราะนู๋ต้องไปสัมพาดวันพรุ่งนี้แล้ว เลื่อนนัดวันสัมพาดก็ไม่ได้แล้ว ทำไงดี ……. TT เครียดดดดดดดดดดดด มากค่ะ

  • ฝ้าย  On October 19, 2011 at 10:26 am

    แล้วถ้าพรุ่งนี้นู๋ไม่ไปตามนัด มันสามารถนัดใหม่ได้ไหมค่ะ แล้วเราต้องไปซื้อ PIN ใหม่ด้วยหรือเปล่าค่ะ

  • ฝ้าย  On October 19, 2011 at 7:04 pm

    พี่ค่ะ วันนี้นู๋เพิ่งไปทำใบรับรองฐานะทางการเงินมาที่ธนาคารค่ะ ทางธนาคารบอกว่าถ้าจะใช้ statement ต้องให้ทางสาขาที่เราทำเป็นคนออกหั้ย ซึ่งนู๋ได้ยื่นเรื่องไปแล้ว แต่กว่าจะได้คือวันจันทร์หน้า ซึ่ง มันไม่ทันที่นู๋จะไปสัมพาดแน่นอน แล้วอย่างนี้ นู๋อยากทราบว่า statement มันจำเป็นต้องใช้มั้ยค่ะ เพราะนู๋ถามทางแบงค์มา เค้าบอกว่าส่วนใหญ่ก็มาขอแค่ใบรับรองเฉยๆ นอกเสียจากไปอังกฤษ ต้องใช้ statement ด้วย แต่ว่าพรุ่งนี้นู๋จะเอา book bank ไปด้วยอยู๋แล้ว ให้ทางสถานฑูตดูจาก book bank แทนเลยได้มั้ยค่ะ

    • govisa  On October 19, 2011 at 8:24 pm

      ใจเย็นๆค่ะ น้องฝ้าย ขอตอบทีเดียวทั้ง 3 คำถามที่ถามมานะคะ เอาเป็นว่าถ้ามีจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารอยู่ในมือแล้วตอนนี้ให้นำไปด้วยพร้อมทั้ง Book บัญชีเงินฝากตัวจริงค่ะ แล้วก็ไม่ต้องเลื่อนนัด ตรงไปสอบสัมภาษณ์วันพรุ่งนี้ตามที่ได้นัดไว้ ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว ถึงแม้ว่าพี่อยากจะดุน้องแต่ขอไม่ดุวันนี้ ไปสอบสัมภาษณ์ซะให้เสร็จก่อน น้องต้องมีสมาธิ มีความเชื่อมั่น แล้วก็รวบรวามคิดว่า ถ้ากงสุลถามอะไรน้องมา น้องควรจะต้องตอบด้วยความระมัดระวังอย่างไรบ้างค่ะ อะไรที่ไม่เหมาะสมที่พูดไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ต่อตัวน้องก็ไม่ต้องพูด เหมือนอย่างที่น้องเขียนมาตอน 7.04 pm ถ้าสอบสัมภาษณ์เสร็จแล้วย้อนกลับมาอ่านข้อความที่น้องเขียนมาถามพี่อีกที น้องคงจะเข้าใจได้ว่า น้องควรเตรียมเอกสารเสียแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องกังวลมากขนาดนี้ค่ะ ดังนั้นตอนนี้ รวบรวมเอกสารเท่าที่มี แล้วอย่านอนดึกคืนนี้นะคะ เพราะจะทำให้เบลอตอบเช้า พูดแล้วขาดความรอบคอบหรือขาดความระมัดระวัง เพราะพักผ่อนน้อยค่ะ นั่งคิดสักชั่วโมงแล้วจดในกระดาษดูว่า เป็นคำตอบที่ดูเข้าท่าไหม ถ้าเราจะพูดให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งเชื่อใจเราว่า เราไปแล้วเราจะกลับเมืองไทยแน่นอนค่ะ ตัวอย่างคำถาม เช่น

      1. เรามีแผนการจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง และเที่ยวอย่างไร

      2. ถ้ามีคำถามพาดพิงถึงพ่อแม่ ซึ่งอาจจะอยู่อย่างผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา น้องจะมีมุขในการเลี่ยงการตอบให้ดูสวยงามได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมถ้าจะตอบว่า น้องต้องกลับมาดูแลญาติสักคนอาจจะเป็นคุณตาคุณยายหรือคุณปู่คุณย่าที่แก่มากแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ได้ลาพักผ่อนจึงอยากไปเที่ยวอเมริกา และมีพี่ชายทำงานในลักษณะ J-1 อยากให้พี่ชายพาไปเที่ยวก่อนพี่ชายกลับประเทศไทยค่ะ

      3. ถ้ากงสุลถามว่า น้องจะไปพักที่ไหนกับใคร น้องจะตอบอะไร น้องเตรียมคำถามคำตอบพวกนี้ไว้บ้างก็ดีค่ะ

      4. ไม่ต้องซื้อพินใหม่ ไม่ต้องเลื่อนนัดแล้วนะคะ เอา Book Bank ตัวจริงไปด้วยค่ะ

      ขออวยพรให้น้องขอวีซ่าผ่านค่ะ

  • ฝ้าย  On October 20, 2011 at 5:34 pm

    พี่ govisa ค่ะ จริงๆ นู๋ไม่ได้อยากเตรียมเอกสารเรื่องการเงินมะวานหรอกค่ะ เพียงแต่แม่นู็เค้าเพิ่งจะโอนตังให้นู๋เสร็จเมื่อวันอังคารค่ะ ซึ่งอย่างไงมันก็ไม่ทันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะวันนี้นู๋ไปสัม มาเรียบร้อยแล้ว สรุปคือ”ไม่ผ่านค่ะ”

    เค้าบอกว่าฐานะทางการเิงินนู๋ยังไม่ดีำพอที่จะไป เค้าบอกว่าถ้าในอนาคตมาขอวีซ่าใหม่ แล้วฐานะทางการเงินดีขึ้นกว่านี้ ก็ได้ไปแน่นอนค่ะ เค้าไม่ได้ขอดู book bank นู๋ด้วยซ้ำ เค้าดูแค่ Bank Guarantee แล้วก็หนังสือรับรองการทำงาน พาสปอร์ต หลักๆ ก็มีเท่านี้ค่ะ

    ส่วนเรื่องคำถาม เค้าก็ถามว่าเคยไปเมกาหรือเปล่า >> ไม่เคยค่ะ
    แล้วจะไปทำอะไรที่เมกา >> ไปเที่ยว และไปหาพี่ชายด้วย
    จะไปที่ไหน >> ลุยเซียนา
    ออกค่าใช้จ่ายเองใช่มั้ย >> ใช่ค่ะ แล้วเค้าก็ขอดูหลักฐานถึงการเงินนู๋ นู๋เลยยื่น bank guarantee ให้ดู เค้าก็ดู แล้วก็พิมอะไรต่อในคอมพิวเตอร์ก็ไม่รู้
    หลังจากนั้นเค้าก็ดูพาสปอร์ต ถามว่าเคยไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างมั้ย >> เคยค่ะ ไปจีนตอนเด็กๆ
    ต่อด้วยดูหนังสือรับรองการทำงาน (ซึ่งนู๋เพิ่งเข้าทำงานบริษัท ณ ปัจจุบันที่ทำอยู่ แค่ 4 เดือน เืท่านั้นเอง เค้าเลยถามว่าก่อนหน้านี้เคยทำที่ไหนมาบ้าง นู๋ก็บอกไป เค้าก็ถามว่าทำไมถึงออก >> นู๋ก็บอกว่ามีปัญหากับนายจ้าง

    แล้วเค้าก็พิมอะไรต่อในคอมก็ไม่รู้ >>> แล้วก็บอกว่า วันนี้ขอโทษด้วยครับ ตามที่นู๋บอกไปตอนต้นค่ะ

    เค้าไม่ได้ถามนู๋ด้วยว่าจะไปเที่ยวที่ไหน อย่างไง แล้วจะกลับมาเมืองไทยมั้ย เพราะตอนแรกนู๋กะจะยืนยัน นั่งยัน นอนยันเต็มที่ว่ากลับแน่นอน แต่ก็ไม่ได้ 55555555555

    ซึ่งนู๋คิดว่า ที่วันนี้นู๋ไม่ได้ 1. เงินในบัญชีนู๋อาจจะน้อยไป 2, นู๋เพิ่งจะทำงานที่ใหม่ได้ไม่กี่เดือน มันอาจจะมีผลกระทบต่อการเงินของนู๋ก็ได้ เพราะนู๋ฝากไว้ แสนนึง เค้าคงคิดว่า เพิ่งจะทำงาน แล้วเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะ ตรงนี้หรือเปล่าที่มันขัดแย้งกัน เลยทำให้นู๋ไม่ได้วีซ่า
    แล้วตอนที่เค้าบอกว่าไม่ได้ด้วยเหตุผลข้างต้น นู๋ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ว่าทำไมค่ะ เงินน้อยไป หรือว่าหน้าที่การเงินยังไม่มั่นคง เป็นต้น เพราะว่ามึน 555 ฟังสำเนียงฝรั่งพูดไทย เลยมึนค่ะ

    แล้วอย่างนี้นู๋จะสามารถขอวีซ่าได้อีกมั้ย แล้วได้กี่ครั้งค่ะ วันนี้นู๋ไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย นู๋คิดไว้ตั้งแ่ต่แรกแล้วว่าไม่ได้ เพราะอะไรๆ มันเร่งไปหมด นู๋คิดว่าปีหน้านู๋กะจะขอใหม่

    • govisa  On October 20, 2011 at 7:49 pm

      ฝ้ายคะ พี่ขอวิเคราะห์ปัญหาของน้องดังนี้นะคะ

      1. พี่ไม่ทราบว่าฝ้ายเพิ่งมีเงินเข้าบัญชีธนาคารเมื่อวันอังคารที่ 18 ตุลาคม สันนิษฐานจากข้อความที่ฝ้ายเขียนมาถาม ฝ้ายไปขอจดหมายรับรองฐานะการเงินวันพุธที่ 19 ตุลาคม ฝ้ายสอบสัมภาษณ์วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พี่อยากจะบอกว่า เงินเพิ่งเข้าบัญชีฝ้ายสดๆร้อนๆ คงยากที่จะได้รับวีซ่าค่ะ ฝ้ายบอกว่า กงสุลไม่ได้ขอดูสมุดบัญชีเงินฝาก พี่ได้เคยอธิบายให้หลายๆคนที่เขียนมาถามในบล็อกนี้แล้วว่า กงสุลไม่จำเป็นต้องขอดูเอกสารทุกอย่างที่เราเตรียมไป แต่ถ้าเราไม่เตรียมไปแล้วเขาขอดู เราเองจะมานั่งเสียใจในภายหลังไม่ได้ว่า น่าจะเอาไปค่ะ ในจดหมายรับรองฐานะการเงิน ธนาคารมักจะระบุว่า เราเปิดบัญชีวันที่เท่าไรและนับจนถึงวันที่ขอจดหมายนี้ มีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารจำนวนเท่าไร พี่ไม่เห็นเนื้อความของจดหมาย ถ้าเห็นคงอธิบายได้มากกว่านี้ เพราะถ้าเปิดบัญชีมานานหลายปีเก็บเงินได้ประมาณหนึ่งแสนบาท ถือว่าไม่มากค่ะ ถ้าฝ้ายไปเที่ยวหนนี้แล้วบอกกงสุลว่า ฝ้ายออกเงินค่าใช้จ่ายเอง แค่ค่าตั๋วเครื่องบินไปรัฐ Louisiana ก็ตกประมาณ 50,000 บาทแล้ว เหลืออีก 50,000 บาท จะกินเที่ยวได้นานกี่วัน ซึ่งตรงนี้ พี่ก็ไม่เห็นอีกว่า ฝ้ายกรอกในฟอร์ม DS-160 ว่า ฝ้ายจะไปเที่ยวนานกี่วัน ถ้าบอกไปนาน 1 เดือน เงินห้าหมื่นบาทนั้นก็จะยิ่งไม่มีเหลือเลย แล้วฝ้ายเพิ่งทำงานได้ 4 เดือน จะมีเงินเหลือพอที่จะอยู่ในเมืองไทยไหม กงสุลเขาเป็นผู้ใหญ่กว่าฝ้าย เขาคิดคำนวณแล้วจึงให้คำตอบฝ้ายว่า ฝ้ายอย่าเพิ่งไปเลย รอไว้ให้ฐานะทางการเงินฝ้ายดีกว่านี้ นั่นคือคำตอบที่ฝรั่งให้แบบสุภาพ และให้โอกาสฝ้ายกลับไปขอวีซ่าใหม่ได้อีก พี่ไม่ทราบว่า ฝ้ายจะเตรียมใส่เงินไว้ในบัญชีสัก 3-5 แสนบาทได้เมื่อไหร่ค่ะ และเงินควรจะอยู่นิ่งๆด้วยไม่รีบร้อนถอน เมื่อไม่รีบร้อนถอนก็ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งวันในการนัดสัมภาษณ์ ถ้าทำได้แบบนั้นเมื่อไหรก็แปลว่า การเงินฝ้ายคงจะมั่นคงได้ในระดับหนึ่งที่กงสุลจะไว้วางใจอนุมัติวีซ่าให้ฝ้ายได้ไปเที่ยวค่ะ

      2. ถ้าถามว่า จะขอวีซ่าครั้งต่อไปได้เมื่อไร ถ้าตอบแบบไม่ซีเรียส คือ จะขอเดือนหน้าก็ได้ แต่คำถามคือ ฝ้ายมีเอกสารทางเงินที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่าค่ะ ถ้าตอบแบบซีเรียส คือเมื่อฝ้ายมีฐานะทางการเงินดีกว่านี้ค่ะ และต้องสามารถทิ้งเงินไว้ในบัญชีธนาคารได้นานระยะหนึ่ง ไม่รีบร้อนต้องถอนเงินออกไปค่ะ

      3. เรื่องการมีปัญหากับนายจ้างก็ไม่ควรพูด เพราะในการทำงาน เราอาจจะมีความขัดแย้งหรือความคิดเห็นไม่ลงรอยกันกับนายจ้าง เมื่อเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ ลาออกมา เมื่อมีบุคคลที่ 3 ที่เราไม่รู้จักเขาสนิทกันดีพอมาสอบถามเราว่า ทำไมลาออกจากงาน โดยมรรยาท เราจะไม่พูดถึงที่เก่าว่า ไม่ดีอย่างไร เพราะที่ใหม่คงกลัวว่า วันหนึ่งเมื่อเราลาออก เราก็คงว่าเขาอีกว่าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ค่ะ เราควรให้เกียรตินายจ้างด้วยการอาจจะพูดว่า มีที่อื่นเสนอเงินเดือนมากกว่าให้ หรือ ที่ทำงานใหม่อยู่ใกล้ที่พักมากกว่า เหล่านี้เป็นต้นค่ะ ซึ่งน่าจะทำให้ค่าตัวของเราดูดีขึ้นกว่าพูดว่า เรามีปัญหากับนายจ้างค่ะ

  • ฝ้าย  On October 20, 2011 at 5:40 pm

    หรือว่าผิดที่ตอบว่ามีปัญหากับนายจ้างก็ไม่รู้ ???

  • ฝ้าย  On October 22, 2011 at 4:04 am

    สรุปคือนู๋ผิดทุกข้อค่ะ 5555
    ไม่เป็นไรค่ะ มันคือประสบการณ์ของนู๋เอง เพราะคราวนี้นู๋ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปอยู่แล้ว แต่ไปเพราะแม่ให้ไปลองดูเฉยๆ ก็คงต้องรอระยะเวลาสักพักใหญ่ๆ นู๋ถึงจะไปขอใหม่ นู๋อยากให้ประวัติการทำงานของนู๋มันดูสวยกว่านี้ก่อน ให้เค้ามั่นใจว่าเราได้ทำงานที่มั่นคงแล้ว อย่างไงก็ไม่หนีไปอยู่เมกาถาวรแน่นอนค่ะ ฝ้ายเข้าใจเค้านะค่ะ เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรตั้งแต่แรกอยู๋แล้ว นู๋มันก็บ้า เป็นคนพูดตรงเกินไป บางทีคำตอบมันเลยไม่สวยหรู จริงๆ นู๋น่าจะตอบว่าที่ลาออกจากที่ทำงานเพราะ งานใหม่เค้าให้เงินเยอะกว่า แล้วก็น่าสนใจกว่า อะไรประมาณนี้ เฮ้ออ ช่างมันค่ะ นู๋ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง ขอบคุณพี่ govisa มากเลยนะค่ะ ที่ให้คำปรึกษานู๋มาตลอด ถ้านู๋จะไปสอบสัมภาษณ์ครั้งหน้าเมื่อไร จะมาปรึกษาพี่อีกทีนะค่ะ

  • ฝ้าย  On October 22, 2011 at 4:12 am

    ปล. นู๋บอกเค้าว่าไป 1 อาทิตย์ค่ะ บัญชีนี้นู๋เปิดมานานมากแล้ว หลายปีอยู่ค่ะ แล้วเงินที่นู๋มีอยู่ตอนนี้ก็จะอยู่อย่างนี้เรื่อยไป แต่นู๋ก็จะทยอยใส่ทุกๆ เดือน หรือบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ แล้วก็จะไปขอ bank guarantee ก่อนที่จะไปสัมภาษณ์ล่วงหน้าอาจจะเป็นสัปดาห์ หรือ เดือนค่ะ คงไม่รีบร้อนเหมือนครั้งนี้แน่นอนค่ะ เพราะครั้งนี้นู๋จำเป็นต้องไป ก็เลยไป แต่ครั้งหน้า นู๋จะทำให้ตัวเองพร้อมในทุกๆ ด้านก่อนถึงจะไปขอใหม่ค่ะ

    • govisa  On October 22, 2011 at 8:17 pm

      ดีมากค่ะฝ้าย พี่เอาใจช่วยให้น้องประสบความสำเร็จครั้งหน้าค่ะ การขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากถ้าเป็นสำนักงานใหญ่มักใช้เวลานานในการขอ 1 วันได้รับจดหมายค่ะ แต่อาจมีบ้างบางธนาคารที่ใช้เวลาขอ 2 วันจึงจะได้รับจดหมายดังกล่าวนะคะ ส่วนธนาคารสาขาถ้าเป็นในกรุงเทพมหานครไม่น่าจะเกิน 2-3 วันค่ะ แต่ถ้าเป็นสาขาในต่างจังหวัด ขึ้นอยู่กับว่าสาขานั้นๆได้รับอนุญาตให้ออกจดหมายเองได้ไหม ถ้าได้ก็น่าจะใช้เวลา 2-3 วันค่ะ ถ้าไม่ได้ต้องส่งเรื่องเข้าสำนักงานใหญ่มักใช้เวลาประมาณ 4-5 วันค่ะ อาจจะมียกเว้นเป็นบางกรณีของธนาคารนั้นๆ พี่คิดว่าน้องสามารถสอบถามธนาคารก่อนล่วงหน้าได้ค่ะ

      พี่เห็นด้วยนะคะว่า ควรเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนไปขอวีซ่าค่ะ อยากให้น้องๆทุกคนที่จะไปขอวีซ่าระมัดระวังว่า การไปขอวีซ่าไม่ใช่เรื่องทำไปแบบไม่ได้เตรียมให้พร้อม เพราะไม่อยากให้น้องๆมี record ว่าเคยถูกปฏิเสธวีซ่า เนื่องจากเวลากรอกในแบบฟอร์ม DS-160 ใหม่ น้องก็ต้องระบุด้วยว่า เคยถูกปฏิเสธวีซ่าเมื่อไหร่ค่ะ การสัมภาษณ์วีซ่าครั้งที่ 2 ขึ้นไปจะถูกสัมภาษณ์นานกว่าครั้งแรก และกงสุลจะพิจารณาละเอียดมากกว่าคนที่ยังไม่เคยถูกปฏิเสธวีซ่า ทั้งนี้เพื่อดูว่า ควรจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติวีซ่าค่ะ อย่างไรก็ตาม พี่ดีใจค่ะที่น้องคิดได้ว่า มันเป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะสอนให้น้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ โชคดีครั้งต่อไปนะคะ

  • govisa  On October 24, 2011 at 9:46 am

    น้องดาว ( TUINUI) Shinjung_t คะ พี่ขออนุญาตตอบคำถามน้องทางนี้ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่น้องท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่านค่ะ เหตุผลที่น้องถูกปฏิเสธวีซ่าไม่น่าจะมาจากการลืมนำ Transcript ปริญญาตรีไปให้กงสุลดูเพียงอย่างเดียวค่ะ กงสุลขอดู Transcript ปริญญาตรีเพื่อดูว่า น้องเรียนจบวิชาอะไรมา จากสถาบันไหน ช่วงระยะเวลาที่ห่างกันระหว่างปริญญาตรีและปริญญาโทนานเท่าไรค่ะ พี่สันนิษฐานว่า กงสุลจะนำข้อมูลไปใช้พิจารณาว่า ทำไมน้องยังไม่หางานทำ น้องหาไม่ได้หรือยังไม่ได้หางานทำ เพราะน้องมีดีกรีแล้ว 2 ใบ คือ ตรีและโทค่ะ ถ้าน้องจะขอวีซ่านักเรียนอีกครั้งคำแนะนำคือ
    1. สมัครเรียนต่อปริญญาโทใบที่ 2 ด้วยดีกรีที่แตกต่างจากใบแรกที่จบมาจากประเทศจีน
    2. ถ้ายืนยันจะสมัครไปเรียนภาษาอังกฤษเหมือนเดิม น่าจะลองทำงานดูก่อนสักปีหนึ่งกำลังดี เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า น้องต้อง upgrade ความรู้ด้านภาษาอังกฤษของน้อง เพราะสู้เพื่อนรวมงานไม่ได้ ถ้าจะต้องการเลื่อนตำแหน่ง หรือ เลื่อนการพิจารณาเงินเดือนที่จะได้รับให้สูงขึ้นกว่าเดิมค่ะ และเตรียมตัวตอบคำถามด้วยว่า การเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยไม่ได้ผลอย่างไรค่ะ
    3. เมื่อทำงานนานพอสมควรแล้ว จะสามารถขอจดหมายรับรองจากที่ทำงานได้ไหมว่า จะกลับเข้ามาทำงานที่เดิมได้ เพื่อให้กงสุลเห็นว่า เราไปแล้วเราจะกลับมาแน่นอนค่ะ
    4. ถ้าไม่ได้จดหมายข้อ 3 ก็คงต้องแสดงหลักฐานทางการเงินที่มั่นคงและมากพอสมควรสำหรับนักเรียนที่จะไปเรียนภาษานาน 1 ปี เพื่อให้กงสุลเห็นว่า เราไม่มีความจำเป็นต้องไปแอบทำงานที่สหรัฐอเมริกา เรียนภาษาจบแล้วจะกลับประเทศไทยค่ะ และเวลาสัมภาษณ์ ต้วดาวเองก็ต้องพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจว่ากลับแน่นอนด้วยค่ะ ขออนุญาตเพิ่มเติมนิด ซึ่งอาจจะไปกระทบกับใครโดยพี่ไม่ได้เจตนา เพียงแต่อยากให้ทราบว่า การระแวงว่า คนไทยจะแอบไปทำงานมีมูลค่ะ การเลือกไปเมืองใหญ่ๆ กงสุลอเมริกันก็มีข้อมูลทำนองนี้อยู่ในมือเขาที่เขาจะตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนได้ กล่าวคือ San Francisco เมืองที่น้องเลือกเป็นเมืองใหญ่ เด็กนักเรียนไทยบางคนแอบไปทำงานเป็นเด็กเสริฟ์ในร้านอาหารไทย เพราะที่บ้านมีฐานะทางการเงินไม่มากพอที่จะส่งให้เรียนได้เพียงทางเดียวค่ะ การกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาในฐานะวีซ่าประเภทนักเรียน (F-1) ค่ะ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังนิดหนึ่งค่ะ

    หมายเหตุ พี่เพิ่งเห็นว่าในถัง SPAM ของอีเมล์พี่ มีอีเมล์น้องตกค้างอยู่ในนั้น ขอโทษอย่างมากๆค่ะเลยน้องดาว ที่น้องเขียนมาถามเรื่องเตรียมหลักฐานทางคุณแม่ที่จะเป็น sponsorให้ น้องใช้จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณแม่ บุ๊คบัญชีเงินฝากตัวจริง รวมทั้งจดหมายรับรองตำแหน่ง เงินเดือนของคุณแม่ด้วยนะคะ ส่วนของคุณพ่อมีบัญชีเงินฝากในธนาคารไหมคะ ถ้าไม่มีบัญชีเงินฝากและไม่มีหลักฐานใบทะเบียนการค้าว่าทำธุรกิจตามที่น้องเขียนมา และถ้าคุณแม่มีเงินในบัญชีไม่มาก แนะนำให้เอาหลานของคุณพ่อ ซึ่งน่าจะมีศักดิ์เป็นพี่ของน้องใช่ไหมคะ ให้บอกกงสุลไปว่า มีผู้รับรองฐานะการเงินหรือ sponsor 2 คน คือคุณแม่และลูกพี่ลูกน้อง (cousin) โดยอาจจะให้เหตุผลได้ว่า คุณพ่อเคยมีพระคุณกับพี่คนนี้มา ท่านเคยช่วยแนะนำเรื่องธุรกิจให้พี่เค้า นับตั้งแต่คุณแม่ของพี่คนนี้เค้าเสียไปค่ะ พี่คนนี้เค้าเลยยินดีเป็น sponsor ให้น้องอีกคน จะได้นำใบทะเบียนการค้าของพี่เค้าไปให้กงสุล พร้อมทั้งจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารและบัญชีตัวจริงของพี่คนนี้ด้วยนะคะ

  • Nairy  On October 29, 2011 at 11:52 am

    สวัสดีค่ะพี่ขอมารบกวนด้วยคน ตอนนี้ถือวีซ่านักเรียนอยู่ที่อเมริกาค่ะ กำลังเรียนภาษาอยู่พึ่งเรียนมาได้ยังไม่ถึงเดือนค่ะแต่มีปัญหาเรื่องการเดินทางค่ะ คือที่พักกับโรงเรียนอยู่ไกลกันมากการเดินทางก็ลำบากค่ะต้องขับรถไปอย่างเดียวเลย ติดปัญหาหลายอย่างเรื่องการเดินทางค่ะ อยากรบกวนถามพี่ว่าถ้าหนูจะย้ายโรงเรียนไปเรียนภาษาเหมือนเดิมแต่ที่เมืองอื่นต้องทำอย่างไรดีคะ พอดีมีเพื่อนอยู่เมืองอื่นเค้าแนะนำโรงเรียนมาและจะย้ายไปอยู่ด้วยกันค่ะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เราสามารถติดต่อโรงเรียนใหม่เพื่อขอ I20ได้เลย ต้องแจ้งโรงเรียนเก่าก่อน รึว่าต้องรอให้เรียนหมดคอร์ส(จ่ายค่าเรียนไปแล้วสองเดือน)ก่อนคะ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

    • govisa  On October 29, 2011 at 9:40 pm

      @น้อง Nairy น้องสามารถติดต่อที่เรียนใหม่ได้ แต่ต้องบอกทีเรียนใหม่ว่า ได้เข้าสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่านักเรียนของสถาบันใด เพราะน้องต้องกรอกฟอร์มทีเรียกว่า transfer form เพื่อโอนหมายเลข Sevis I-901 ไปยังสถานศึกษาแห่งใหม่ ขณะเดียวกันน้องก็ต้องแจ้งสถานที่เรียนเดิมด้วยว่า มีความจำเป็นใดจึงต้องย้ายที่เรียนค่ะ เท่าที่เคยเห็น สถานที่เรียนใหม่มักไม่มีปัญหาในการรับเข้าเรียน ปัญหาอาจเกิดจากสถานที่เรียนเก่า บางแห่งจะไม่ยอมเซ็นต์ชื่อให้นักศึกษาง่ายๆ บางที่ตั้งกฎเกณฑ์ไว้ว่า ต้องเรียน 2 เทอมก่อนจึงจะอนุญาตให้ย้านที่เรียนใหม่ได้ การทำเรื่องย้ายที่เรียน ให้น้อง Nairy ไปติดต่อเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยที่หน่วยงาน International Student Office โดยปกติตามกฎการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา ควรจะเรียนให้ครบเทอมก่อนค่อยย้าย อีกประการหนึ่งหากจะขอเงินคืนตามจำนวนเงินที่จ่ายไปแล้ว คงจะทำได้ลำบาก เพราะบางแห่งจะมีเงื่อนไขว่า ต้องแจ้งก่อนล่วงหน้าโรงเรียนเปิดกี่วัน จึงจะได้รับเงินคืนเต็มตามจำนวน ถ้าโรงเรียนเปิดไปแล้วกี่วันจะได้เงินคืนรับกี่เปอร์เซ็นต์ จนถึงไม่ได้รับเงินคืนเลยค่ะ

  • Nairy  On October 31, 2011 at 2:05 am

    ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูล

  • bell  On November 4, 2011 at 3:32 pm

    พี่ govisa ค่ะ เบลล์จะเดินทางไปหาป้าที่อเมริกา วันที่ 13 นี้แล้ว เลยอยากมาขอบคุณพี่ค่ะ เพราะถ้าไม่ได้พี่นู๋ ต้องแย่แน่ๆๆ พี่ช่วยเบลตั้งแต่ต้นจนจบเลย ตอนนี้น้ำท่วมใกล้ถึงที่บ้านแล้วกลัวว่าจะเดินทางไปสนามบินไม่ได้ ไม่รู้จะทำไงดี บ้านพี่ท่วมหรือยังค่ะ ยังไงดูแลตัวเองด้วยนะค่ะ

    • govisa  On November 4, 2011 at 7:28 pm

      น้อง Bell ขอให้เดินทางถึงอเมริกาโดยปลอดภัยค่ะ ตกลงได้ตั๋วฟรีหรือเปล่าคะ แล้วได้เดินทางพร้อมน้องชายหรือเปล่าคะ พี่เห็น Bell เงียบหายไปนาน คิดว่า น้องคงไปถึงอเมริกาแล้วค่ะ มีอะไรสงสัยเขียนมาถามอีกนะคะ หรือถ้ามีอะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์จะเขียนมาให้อ่านกันบ้างก็ดีนะคะ บ้านพี่น้ำยังมาไม่ถึง แต่ก็คงจะใกล้แล้วค่ะ ขอบคุณน้องที่เขียนมาถามนะคะ ถ้าวันนั้นกลัวไปสนามบินไม่ได้ แนะนำให้ลองเช่าโรงแรมใกล้ๆสนามบิน เช่น Novotel ยอมเสียตังค์แพงหน่อยไปอยู่ก่อนล่วงหน้าคืนหนึ่งก็แล้วกันนะคะ ไม่อย่างนั้นออกจากบ้านก่อนล่วงหน้าเวลาเดินทางสัก 4 ชั่วโมงเลยแล้วกัน ไปถึงก่อนเวลานานหน่อย แต่สบายใจว่าไปถึงสนามบินไม่ต้องกังวลว่าจะพบอุปสรรคอะไรระหว่างเดินทาง เช่น รถติด เป็นต้นค่ะ

  • บู้บี้  On November 8, 2011 at 9:52 pm

    มีเรื่องจะสอบถามดังนี้ค่ะ จะไปเรียนต่อโทที่อเมริกา statement ที่จะใช้ขอวีซ่า ในบัญชีมีอยู่ ล้านแสนกว่าๆ จะไปเรียนภาษาก่อนแล้วต่อโทเลย ตอนนี้รอใบ I-20 อยู่ค่ะ มีใบรับรองเงินเดือนพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว แต่ก้อมีรายได้เสริมที่เกี่ยวการล้างรถควรจะต้องทำใบอะไรไปให้เค้าดูด้วยมั๊ยคะ?(กัวเค้าไม่เชื่อว่ามีเงินเรียนพอ จำเป็นมากน้อยแค่ไหนคะ ที่ต้องทำใบเหมือนกับคนที่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือแค่ว่ามีใบรับรองเงินเดือนก้อพอ พ่อกับแม่ทำรัฐวิสหากิจกับราชการค่ะ) เค้าจะคำนวณค่าใช้จ่ายกับรายได้ที่เรามีรึป่าว? รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ คงมีคำถามมาถามคุณ govisa เรื่อยๆ รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^

    • govisa  On November 9, 2011 at 5:34 am

      น้องบู้บี้คะ ใช้ใบรับรองเงินเดือนของคุณพ่อคุณแม่ที่เป็น sponsor และStatement ที่เป็นของคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก ถ้าเป็นบัญชีร่วมกัน ใช้บุ๊คเล่มเดียวกันไปแสดงประกอบด้วยได้ค่ะ หรือเป็นบัญชีของคุณพ่อหรือคุณแม่คนใดคนหนึ่ง ก็นำบัญชีของคนใดคนหนึ่งไป ส่วนรายได้จากการล้างรถเป็นรายได้ของน้องเอง หรือรายได้เสริมของผู้ปกครองค่ะ เพราะปกติคนที่ขอเปิดทำธุรกิจต่างๆจะมีใบทะเบียนการค้า ให้นำใบทะเบียนการค้าไปแสดง แต่ถ้าเป็นลักษณะไปเข้าหุ้นกับเขาก็น่าจะมีชื่ออยู่ในใบจดทะเบียนว่ามีหุ้นส่วนอยู่จำนวนเท่าไรค่ะ น้องสามารถนำหลักฐานที่แสดงว่ามีหุ้นส่วนในร้านล้างรถเท่าไรไปแสดงได้ค่ะ

      ส่วนคำถามที่กลัวว่าจะมีเงินน้อยนั้น ให้ดูที่ I-20 ว่าแสดงรายจ่ายของน้องเท่าไร และเป็นระยะเวลากี่เดือน ถ้าคำนวนออกมาเป็นปี เช่นแสดงรายจ่ายต่อ 3 เดือน ให้น้องคูณด้วย 4 เท่า เป็น 12 เดือน น้องก็ควรจะแสดงหลักฐานว่า สามารถมีเงินครอบคลุม 12 เดือนนั้นได้ ถ้าทำได้ไม่น่าจะมีปัญหารเรื่องการเงินค่ะ

  • phanna  On November 9, 2011 at 6:06 am

    ไม่แน่ใจว่ามีใครเคยเจอปัญหากรอกเอกสารใน DS160 เสร็จแล้วแต่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ไหมค่ะ แล้วทุกครั้งที่เข้าไปแก้ไขก็จะได้ application ID ใหม่ตลอดแต่พอทำไปได้สักพัก (เวลาที่กรอกแก้ไขไม่เคยเกิน 20 นาทีค่ะ) ก็จะ runtime error ตลอดเลยค่ะ ตอนนี้มี application ID เยอะมากค่ะเพราะเข้าไปแก้ไขข้อมูลไม่ได้ก็จะพยายามเข้าเวปใหม่แล้วก็จะได้เลขใหม่ตลอดค่ะ คุณ goviso แนะนำให้ทำยังไงดีค่ะ กรอกใหม่เลยหรือมีวิธีไหนที่จะทำให้เข้าไปแก้ไขอันเก่าที่ทำไว้ได้รึเปล่า แล้วยังงี้ทางสถานทูตจะมีข้อมูลความผิดพลาดของเราที่กรอกเอกสารไว้ด้วยไหมค่ะ

    • govisa  On November 9, 2011 at 11:05 pm

      น้อง Phanna คะ เป็นไปได้ไหมคะว่า ตอนที่น้องจะกลับไปแก้ไขข้อมูล น้องใช้วิธีการคลิก back ไปเรื่อยๆแล้วโปรแกรมเกิดขัดข้องไม่ยอมให้ทำการแก้ไข น้องจึงต้องเปิดเข้าไปที่หน้า DS-160 online ใหม่ ทำให้ได้หมายเลขใหม่ตลอดเวลาค่ะ คำแนะนำคือ

      1. เลือกเอาหมายเลขหนึ่งที่ต้องการจะแก้ไข หรือ 2 พิมพ์ฟอร์ม DS-160 ใหม่เลยค่ะ

      การกลับไปแก้ไขน้องเริ่มต้นด้วยการเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ https://ceac.state.gov/GENNIV/Default.aspx คลิกคำว่า start application หลังจากเลือก location ว่าเป็น Thailand Bangkok ค่ะ หลังจากนั้นให้เลือกคำว่า retrieve application ใส่หมายเลข DS-160 ที่เคยกรอกไว้แล้วหนึ่งหมายเลข พิมพ์ตัวอักษรขึ้นต้นนามสกุล 5 ตัวอักษรแรก พิมพืปีค.ศ.ที่เกิด และตอบคำถามที่เลือกไว้เป็นรหัสคำถามในตอนแรก หลังจากนั้นคลิก retrieve application จะปรากฏหน้าที่พิมพ์ไว้ค้างครั้งสุดท้าย น้องแก้หน้าที่เห็นก่อนถ้ามีที่ต้องการแก้ไขนะคะ แล้วคลิก save หลังจากนั้นตอบคำถามไปจนจบ ใกล้จบการกรอกฟอร์มจะมีการ upload รูปหน้าน้อง ให้น้องเลือกรูปและคลิก confirm รูปที่ต้องการใช้ หลังจาก confirm รูปที่ upload แล้วจะมี icon ให้ review application ขึ้น ให้น้องเริ่มตรวจทาน โดยน้องสามารถคลิกเลือก edit application ใน part ที่น้องเห้นว่ากรอกผิดได้ ทบทวนให้ละเอียดทุกคำถาม เมื่อมั่นใจว่า จะไม่มีการแก้ไขอีกแล้ว ให้คลิกเลือก sign and confirmation เมื่อปฏิบัติเสร็จ ก็เป็นการเสร็จสิ้นการกรอกฟอร์ม DS-160 สั่ง print ทั้ง DS-160 Confirmation Number และ Application Form ออกมา ที่บอกให้แก้ตรง review เพราะมันเป็นส่วนสุดท้ายที่ให้เราอ่านตรวจทานได้ทั้งหมดทุกข้อความที่ได้กรอกไปแล้ว โดยไม่ต้องคลิก Back กลับไปซึ่งโปรแกรมอาจมีปัญหาได้ เช่น ไม่ยอมรับให้คลิก Back หรืออื่นๆค่ะ แต่ถ้าน้อง Phanna ต้องการทำก่อน ไม่ต้องการกรอกให้เสร็จ แล้วค่อยแก้ไขตามที่พี่บอกไป ให้น้องลองทำการแก้ไขดูที่หน้าที่ต้องการแก้ไข แต่ถ้าการดำเนินการแก้ไขสะดุด หรือมีปัญหา แนะนำให้กรอกให้เสร็จตามที่อธิบายไว้ข้างต้นแล้วค่ะ

      หมายเหตุ สถานทูตจะใช้ข้อมูลฉบับที่แก้ไขแน่นอนและได้มีการ sign and confirm แล้วเท่านั้นค่ะ

  • บู้บี้  On November 9, 2011 at 5:16 pm

    ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้ใบ I -20 เลยย ยังไม่ได้เริ่มกรอกเอกสารใดๆเลยค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรสงสัยอีก จะกลับมารบกวนอีกนะคะ ^^

    • govisa  On November 9, 2011 at 10:31 pm

      ยินดีค่ะน้องบู้บี้

  • Lulu  On November 11, 2011 at 9:59 pm

    อยากถามว่า ถ้าผมจะไปสัมพาทย์พร้อมกันกับพ่อแม่เพื่อขอ วีซ่า นักท่องเที่ยว ผมจะต้องทำยังไงหรอคับ เพราะถ้าพร้อมกันน่าจะมีโอกาศไปได้สูงกว่า

    • govisa  On November 12, 2011 at 9:40 pm

      น้อง LuLu
      1. กรอกฟอร์ม DS-160 เหมือนที่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องกรอก DS-160 เช่นเดียวกัน โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ https://ceac.state.gov/GENNIV/Default.aspx
      2. เมื่อทั้ง 3 คนได้หมายเลข DS-160 Confirmation Number มาแล้วให้ทำการนัดวันสัมภาษณ์ได้ที่ https://thailand.us-visaservices.com/Forms/default.aspx โดยน้องอาจจะเป็นคนกรอกรายละเอียดเป็นคนแรกก็ได้ค่ะ เมื่อดำเนินการตอบคำถามไปจนถึงคำถามที่ถามว่าต้องการ add family member หรือจะ skip family member ให้น้องคลิก add family member แล้วกรอกหมายเลข DS-160 Confirmation Number ของทั้งคุณพ่อและคุณแม่ทำทีละคนค่ะ
      3. เตรียมเอกสารประกอบอื่นๆของวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวค่ะ

  • supachaya  On November 12, 2011 at 4:23 pm

    พี่คะ ตอนี้กรอใบ sevis fee ไม่ได้เลยค่ะ ที่น้อง supachaya เคยถามพี่ไปแล้ว แล้วก็ได้โทรไปถามทางธนาคารแล้วว่าทำการไม่สมบูรณืและยังไม่ได้ตัดจ่ายไปค่ะ หลังจากนั้นจึงได้มากรอกใบ ds 160 ใหม่เตรียมนำไปแนบค่ะ หลังจากนั้นก้อมากรอกใบ sevis fee แต่ไม่ได้เช่นเคยค่ะ คราวนี้มันขึ้น ขีดเส้นใต้สีแดงใน เลข sevis fee ค่ะ ก็กรอกถูกแล้วนะคะ หรอว่าจะขึ้นเพราะว่าเลขมันซ้ำกันคะ แต่เป็นเลขยืนยัน sevis fee ของน้องนะคะ รบกวนช่วยตอบด่วนด้วนนะคะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On November 12, 2011 at 9:10 pm

      น้อง Supachaya คะ ที่น้องบอกว่ามีขีดเส้นใต้สีแดงตรง Sevis I-901 น้องไปถึงขั้นตอนไหนหรือคะ พี่ยังไม่เคยพบปัญหาที่น้องกล่าวมาค่ะ อย่างไรก็ตาม พี่ขอแนะนำว่า ถ้าน้องทำการจ่าย Sevis fee ทาง online ไม่ได้ให้น้องทำได้ 2 วิธีคือ

      1. download แบบฟอร์ม Sevis I-901 จากเว็บไซต์ http://www.ice.gov/doclib/sevis/pdf/I-901.pdf ให้น้องไปที่ธนาคารในวันจันทร์ ซื้้อดราฟท์ต่างประเทศจำนวน 235 US$ โดยจะเป็นค่า Sevis จำนวน 200 US$ ส่วนอีก 35US$ กรรีต้องการให้ใบเสร็จส่งกลับมาด่วน โดยทางDHS จะส่งกลับมาทาง Fedex สาเหตุที่ต้องส่งกลัยบด่วนเพราะจะไม่เหมือนกับตัดจากบัตรเครดิตทาง online เพราะเมื่อตัดเงินจากบัตรเครดิตแล้ว น้องจะสามารถ print ใบเสร็จออกมาได้เลยค่ะ

      หมายเหตุ แจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารว่า ดราฟท์สั่งจ่าย “I-901 Student/Exchange Visitor Processing Fee” ให้น้องสังเกตข้อความนี้ภายให้หัวขอ Payment by mail อยู่ใต้ข้อ 19
      All checks and money orders must be made payable to the
      “I-901 Student/Exchange Visitor Processing Fee.”
      ส่วนค่าส่งด่วนกลับปัจจุบันเพิ่มราคาเป็น 35 US$แล้วค่ะ หลังจากนั้นให้ส่ง Application form ที่กรอกแล้วพร้อมดราฟทืไปทางไปรษณีย์ด่วน จะเป็น EMS, Fedex, DHL หรือ UPS แล้วแต่น้องคาดว่าภายใน 10วันน้องจะได้รับใบเสร็จส่งถึงน้องที่บ้านค่ะ อย่าลืมที่อยู่ในการส่งด่วนไปใช้ที่อยู่ Courier the Form I-901 and Payment to….(ทีอยู่อันล่างนะคะ)
      Courier the Form I-901 and payment to:
      I-901 Student/Exchange Visitor Processing Fee
      1005 Convention Plaza
      St. Louis, MO 63101

      2. จ่ายเงินผ่าน Western Union ดูตัวอย่างจากเว็บไซต์ http://www.ice.gov/doclib/sevis/pdf/wu_fm_inter.pdf
      น้องตรงไปที่Western Union ถ้าน้องจะทำพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์) ให้น้องไปที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล นำ I-20 ไปด้วย กรอกฟอร์มของ Western Union ถามเจ้าหน้าที่เขาว่าจะมีหลักฐาน เช่นใบเสร็จให้น้องว่า จ่ายเงินแล้วไหม น้องจะได้ใช้สำรองไปก่อนในวันสัมภาษณ์ ถ้าไม่มีก็ยอมจ่าย 235 US$ แล้วน้องจะได้รับใบเสร็จทาง Fedex จาก DHS ภายในเวลา 7 วัน น้องสามารถอ่านข้อมูลที่พี่เขียนไว้ว่ามีตัวแทน Western Union ที่ไหนบ้างได้ที่ https://govisa.wordpress.com/2011/06/25/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/
      โชคดีนะคะ

  • บู้บี้  On November 17, 2011 at 6:43 pm

    พี่คะ ใน Ds-160 ที่มีให้กรอกเลือกประเภทวีซ่า Regular, Other, Official, Diploma
    ในกรณที่เป็นวีซ่า นักเรียน F-1 นี่ต้องเลือกแบบไหนคะ

    • govisa  On November 17, 2011 at 7:56 pm

      น้องบู้บี้คะ คำถามที่ถามมาเขาถามถึงประเภทหนังสือเดินทาง ซึ่งจะมีให้น้องเลือกหลายอย่าง น้องต้องคลิกเลือก regular ค่ะ แต่ถ้าเป็นคำถามประเภทวีซ่า จะมีตัวเลือกเยอะมาก เช่น นักท่องเที่ยว ไปทำงาน ฯลฯ ให้น้องเลือกที่มีเขียนว่า Academic พอคลิกคำว่า academic แล้วจะมีให้น้องเลือก F-1 หรือ J-1 ค่ะ น้องคลิกเลือก F-1 ค่ะ

  • บู้บี้  On November 17, 2011 at 6:45 pm

    *ประเภทหนังสือเดินทางค่ะ พิมผิด

  • rosechanel  On November 17, 2011 at 8:50 pm

    ในการไปเรียนภาษาที่อเมริกา 1ปีควรทำประกันสุขภาพที่อเมริกาหริอว่าควรทำที่เมืองไทยเลยคะ แต่ที่เมืองไทยได้มีประกันของ AIA อยู่แล้วไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไรคะหรือควรทำเพิ่มที่อเมริกาด้วยคะ

  • บู้บี้  On November 17, 2011 at 9:25 pm

    แล้วถ้าเกิดจะเรียนต่อโทที่อเมริกาด้วย ควรกรอกช่อง Intended Length of Stay in U.S. ว่ากี่ปีคะ หรือ 12 เดือนตามในใบ I-20 ขอบคุณนะคะ

  • บู้บี้  On November 17, 2011 at 9:48 pm

    แล้วอาชีพควรเลือกตอบว่าไงคะ ถ้าเพิ่งเรียนจบ ไม่มีงานทำ

    • govisa  On November 18, 2011 at 1:25 am

      น้องบู้บี้ ตอบว่า not employed ค่ะ

  • บู้บี้  On November 17, 2011 at 10:20 pm

    อันนี้มีเพื่อนฝากถามมาค่ะว่า ถ้าทำงานแล้วลาออก เพิ่งออก ไปได้ 2 เดือน ต้องกรอกข้อมูลว่าอาชีพอะไรคะ เลือก Other แล้วบอกว่า ว่างงานรึป่าว

    อีกหนึ่งคำถามค่ะ > You have indicated that you will be studying in some capacity while in the United States. List at least two contacts in your country of residence who can verify the information that you have provided on this application. Do not list immediate family members or other relatives. Postal office box numbers are unacceptable.

    อันนี้คือเรากรอกชื่อพ่อแม่ไปได้ไม๊คะ?

    ขอบคุณมากๆๆเลยนะคะพี่ รบกวนหน่อยนะคะ แหะๆ

    • govisa  On November 18, 2011 at 1:38 am

      ของเพื่อนบูบี้ก็ตอบแบบเดียวกันคือ ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน not employed และให้เพื่อนขอใบรับรองจากที่ทำงานเก่าไปด้วยว่า เคยทำงานที่ไหน ได้ลาออกมาเพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อที่อเมริกาค่ะ
      ส่วนคำถามข้อสุดท้ายที่ถามมา ให้ใส่ชื่อเพื่อนหรือคนรู้จักกับตัวน้องดีที่สามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่จากสถานทูตได้ ถ้าเผื่อมีการสุ่มตัวอย่างด้วยการโทรมาสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวน้องค่ะ ห้ามใช้ชื่อคุณพ่อคุณแม่หรือญาติ ที่เขาเขียนว่า do not list immediate family members or other relatives ค่ะ

  • บู้บี้  On November 17, 2011 at 11:28 pm

    อีกคำถามนะคะ แล้วที่อยู่ของมหาลัยที่เราจะไปเรียนภาษานี่้กรอกเป็นที่อยู่ P.O.BOX ที่แจ้งไว้ในใบ I-20 ได้ไหมคะ? หรือว่าต้องเป็นที่อยู่ที่ตั้งของที่เรียนภาษาจริงๆ
    หมดคำถามเกี่ยวการกรอก DS-160 แล้วค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะพี่

    • govisa  On November 18, 2011 at 1:46 am

      ถ้าน้องบู้บี้สามารถ search หาที่อยู่มหาวิทยาลัย จากในเว็บไซต์มหาวิทยาลัยได้ก็ให้ใส่ที่อยู่เต็มๆไป แต่ถ้าหาไม่ได้เพราะบางมหาวิทยาลัย หรือบางโรงเรียนภาษาใช้ที่อยู่เป็น PO Box ก็คงต้องใส่เป็น PO Box ค่ะ น้องลองดูที่น้องพิมพ์มาถามพี่เรื่องชื่อบุคคลอ้างอิง 2 ชื่อ เขายังพยายามให้เลี่ยงใช้ที่อยู่ที่เป็นPO Box ด้วยการเขียนว่า Postal office box numbers are unacceptable ค่ะ

  • บู้บี้  On November 18, 2011 at 8:09 am

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ดีใจจริงๆที่เจอเว็บนี้ ช่วยได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ

  • บู้บี้  On November 18, 2011 at 8:11 am

    อ้อพี่คะมีอีกคำถามค่ะ>> แล้วถ้าเกิดจะเรียนต่อโทที่อเมริกาด้วย ควรกรอกช่อง Intended Length of Stay in U.S. ว่ากี่ปีคะ หรือ 12 เดือนตามในใบ I-20 ขอบคุณนะคะ
    รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ

    • govisa  On November 18, 2011 at 10:40 pm

      น้องบู้บี้คะ ถ้าน้องมีแผนการจะไปเรียนต่อปริญญาโทด้วย ให้กรอกจำนวนปีว่า 3ปี ถ้ากงสุลถามว่ามีI-20 ตอบรับเข้าเรียนต่อปริญญาโทหรือยัง น้องคงต้องอธิบายกงสุลไปว่า น้องไปเรียนภาษาและวางแผนจะไปสอบTOEFL และ GMAT เพื่อสมัครเรียนต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจ (พี่สมมติชื่อวิชาเป็น MBA)นะคะ

  • บู้บี้  On November 18, 2011 at 8:13 am

    ถ้าจะกรอกว่า 3 ปีได้รึป่าว เพราะจะต่อโทที่นู่นด้วย หรือว่ากรอกแค่ 1 ปี ตามที่ใบI-20 ระบุคะ ควรกรอกกี่ปีดีคะ?

    • govisa  On November 18, 2011 at 10:44 pm

      กรอก 3 ปีได้ค่ะ และในกรอบที่ให้อธิบายใหเขียนว่า ไปเรียนภาษาที่ไหนและ plan to apply for MBA admissions in next semester หรือจะระบุชื่อเทอมไปเลยก็ได้ค่ะ เช่น in Fall 2012 เป็นต้นค่ะ

  • บู้บี้  On November 18, 2011 at 8:56 am

    พี่คะมหาลัยที่จะไปเรียนคือ University of central florida โทรไปถามเรื่องการจ่ายตังค์ค่า Sevis ของเวสเทิร์นยูเนี่ยน เค้าบอกว่าจ่ายไม่ได้ค่ะ เพราะมหาลัยไม่มีชื่อในเวสเทิร์น
    พอดีหนูกรอก Sevis ไปแล้วอะค่ะ เลือกจ่ายเงินสด แล้วถ้าตอนนี้จะเปลี่ยนใจไปจ่ายแบบเครดิตได้รึเปล่าคะ ที่ตอนแรกเลือกจ่ายเงินสดเพราะว่าทางบ้านไม่ได้ทำบัตรเครดิตไว้เลยค่ะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าทำไมการจ่ายเงินสดยุ่งยากจัง เลยกะว่าจะไปยืมบัตรเครดิตของเพื่อนมาจ่ายอะค่ะ

    แล้วถ้าจ่ายเป็นดราฟนี่ที่เข้าใจคือเราต้องมีแบบฟอร์มไปทำเรื่องที่ธนาคาร แล้วก้อต้องเอาแบบฟอร์มนั้นส่งไปรษณีย์กลับไปที่มหาลัยใช่รึป่าวคะ แล้วก้อรอใบเสร็จกลับมาใช่ไม๊คะ เข้าใจถูกรึเปล่าเอ่ย?

    • govisa  On November 18, 2011 at 11:02 pm

      1. ถ้าจะกรอกฟอร์ม Sevis กับซื้อดราฟท์ให้ไปที่เว็บไซต์ ต์ http://www.ice.gov/doclib/sevis/pdf/I-901.pdf พี่จำได้ว่าพี่ตอบน้อง Supachaya ไปเมื่อวันที่ 12/11/2011 เมื่อซื้อดราฟท์เสร็จ ให้ส่งเอกสารทั้งหมดไปที่
      Courier the Form I-901 and payment to:
      I-901 Student/Exchange Visitor Processing Fee
      1005 Convention Plaza
      St. Louis, MO 63101
      2. ถ้าจะเปลี่ยนจากจ่ายเงินสดเป็นบัตรเครดิต ที่จริงพี่ก็ยังไม่เคยทดลองทำ แต่ขอแนะนำให้น้องลองเข้าไปที่ http://www.fmjfee.com และคลิก check status หลังจากกรอกหมายเลข Sevis ของไป ถ้าขึ้นคำว่า not paid แปลว่า น้องยังไม่ได้จ่าย น้องสามารถกรอกใหม่และเลือกตัดด้วยบัตรเครดิตใหม่ได้ค่ะ

  • บู้บี้  On November 18, 2011 at 3:01 pm

    เอร้ย เรื่องจ่ายตังค์แบบเวสเทิร์นยูเนี่ยนหนูเข้าใจผิดเองค่ะ

  • บู้บี้  On November 18, 2011 at 5:23 pm

    จ่ายผ่าน western union นี่กรอกตามตัวอย่างที่เค้าให้เลยใช่มั๊ยคะ>> http://www.ice.gov/doclib/sevis/pdf/wu_fm_inter.pdf

    ฮ่าๆ พี่เริ่มงง รึยังคะ ขอโทดด้วยค่ะ เรื่องการจ่ายเงินเข้าใจแล้ว

    ***ตอนนี้ขอถามแค่ว่า แล้วถ้าเกิดจะเรียนต่อโทที่อเมริกาด้วย ควรกรอกช่อง Intended Length of Stay in U.S. ว่ากี่ปีคะ 3 ปี(ตามที่เราคิดว่าจะอยู่) หรือ 12 เดือนตามในใบ I-20 ขอบคุณนะคะ
    รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ

  • บู้บี้  On November 18, 2011 at 9:14 pm

    พี่คะมีเพื่อนฝากถามมาอีกค่ะว่าในกรณีที่ทำงานไม่ถึง 3 เดือน บริษัทไม่ได้ออกใบรับรองให้ จำเป็นไม๊ว่าต้องกรอกว่าทำงานอยู่ที่ไหน เพราะปัจจุบันสถานะว่างงาน

    • govisa  On November 18, 2011 at 11:07 pm

      ทำได้ 2 ทาง ให้น้องบู้บี้เลือกเองค่ะ กล่าวคือ
      1. กรอกที่อยู่ที่ทำงาน 3 เดือนไป ถ้ากงสุลขอดูจดหมายรับรองการทำงาน อธิบายได้ว่า ทำงานยังไม่ครบ 6 เดือน บริษัทไม่ออกจดหมายรับรองการทำงานให้
      2. ไม่กรอกเรื่องที่ทำงานไป แจ้งกงสุลว่า ออกมาเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เพื่อจะไปสมัครเรียนต่อปริญญาโทค่ะ

  • บู้บี้  On November 19, 2011 at 1:14 am

    ขอบคุณมากเลยค่ะพี่ที่ช่วยไขความกระจ่างงงง 🙂

  • rosechanel  On November 19, 2011 at 10:12 pm

    ในการไปเรียนภาษาที่อเมริกา 1ปีควรทำประกันสุขภาพที่อเมริกาหริอว่าควรทำที่เมืองไทยเลยคะ แต่ที่เมืองไทยได้มีประกันของ AIA อยู่แล้วไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไรคะหรือควรทำเพิ่มที่อเมริกาด้วยคะ

    • govisa  On November 20, 2011 at 8:01 pm

      @น้อง Rosechanel ควรทำประกันสุขภาพที่อเมริกาดีกว่าค่ะ เพราะสะดวกต่อการ claim ค่าใช้จ่ายและวงเงินในการประกันสุขภาพที่อเมริกาเริ่มตั้งแต่ระดับ 50,000 เหรียญถึง 100,000 เหรียญ ขอให้น้องอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://govisa.wordpress.com/2011/07/16/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-health-insurance-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA/
      ส่วนประกันของ AIA ส่วนใหญ่เป็นประกันชีวิต กรณีเกิดการเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล จะมีค่าห้องในโรงพยาบาล แล้วแต่ความตกลงระหว่างน้องกับตัวแทนประกันว่า น้องได้เลือกทำประกันค่าห้อง และค่ารักษาในโรงพยาบาล หรือจ่ายชดเชยรายวันจำนวนเท่าไรค่ะ ถ้าน้องต้องการใช้ประกันจาก AIA ในเมืองไทย น้องต้อง advance เงินค่ารักษาพยาบาลที่อเมริกาไปก่อน และรวบรวมใบเสร็จส่งกลับมาให้ผู้ปกครองขอ claim ที่เมืองไทย ซึ่งอาจต้องใช้เวลานิดหน่อย และอาจไม่คุ้มในเรื่องอัตราแลกเปลียนเงินจากดอลล่าร์สหรัฐเป็นบาทค่ะ

  • rosechanel  On November 21, 2011 at 9:34 pm

    ขอขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับข้อมูลและคำแนะนำคะ

  • บู้บี้  On November 21, 2011 at 11:03 pm

    พี่คะ ตอนนี้เข้าถึงขั้นตอนนัดวันสัมภาษณ์แล้วค่ะ อันที่เป็นช่องสีฟ้านี่ หมายถึงตารางไม่ว่าง นี่คือมีคนจองวันนี้ไปแล้วใช่ไม๊คะ แล้วเรายังจะมีโอกาสเลือกวันที่เป็นสีฟ้ารอให้สีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว(วันว่าง)ได้อีกหรือไม่?

    ส่วนช่องสีเหลืองที่บอกว่า ยังไม่เปิดนัดวันสัมภาษณ์ นี่คือทางสถานฑูตยังไม่เปิดให้นัดมาสัมภาษณ์ เรายังมีโอกาสรอให้เป็นสีเขียวได้ใช่ไหมคะ?
    ที่ถามก้อเพราะว่า พอดี วันที่จองได้ เป็นวันที่หนูตั้งจะเดินทางพอดีอ่ะค่ะ เลยอยากได้วันที่เร็วกว่านี้หน่อย ยังพอมีโอกาสเป็นไปได้ไหมคะ?
    รบกวนพี่ช่วยตอบอีกครั้งนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^

    • govisa  On November 22, 2011 at 4:59 am

      น้องบู้บี้คะ ตามที่น้องเข้าใจถูกแล้วค่ะ แต่ถ้าน้องสังเกตดูจะเห็นว่า วันที่มีสีเหลืองระบายอยู่ในช่องคือวันที่ผ่านมาแล้ว หรือไม่ก็เป็วันที่อีกไม่กี่วันจะเป็นวันที่มีการเปิดสัมภาษณ์อยู่แล้ว โอกาสวันที่สีเหลืองเปิดให้เป็นวันที่สีเขียวจึงมีน้อยมาก ยกเว้นวันที่มีสีฟ้าระบายอยู่บางครั้งอาจจะมีการเปิดเพิ่มให้จองได้นัดได้ค่ะ ความสำคัญอยู่ตรงที่ว่า วันที่บอกว่าจะเดินทางคือ น้องเดินทางก่อนหน้า University of Central Florida เปิดเรียนกี่วัน ถ้าเป็นการเดินทางก่อนล่วงหน้าหลายวัน เลื่อนตัวเราเองดีกว่าค่ะ พี่หมายความว่า เลื่อนวันเดินทาง เพราะยังไปเรียนทันอยู่ค่ะ และในวันสอบสัมภาษณ์เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ กงสุลบอกให้ไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ น้องบู้บี้แจ้งเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ว่า น้องจะไปรับหนังสือเดินทางเองที่ไปรษณีย์รองเมือง เจ้าหน้าที่จะให้แผนที่ที่ตั้งไปรษณีย์ แต่น้องต้องจ่ายค่าซองตามระเบียบจำนวน 75 บาท น้องจะสามารถได้รับหนังสือเดินทางเร็วขึ้นมานิดหนึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการรอให้ไปรษณีย์ไปส่งถึงบ้านค่ะ ในอีกสถานการณืหนึ่งคือ ถ้าวันที่น้องจะเดินทางไปถึงที่เรียนเป็นวันที่ก่อนหน้าที่เรียนเปิดเพียง 1 วัน น้องสามารถเขียนจดหมายไปขอเร่งรัดวันนัดสัมภาษณ์วีซ่าให้เร็วขึ้นได้ค่ะ ด้วยการชี้แจ้งวันที่สถานที่เรียนภาษาเปิด เพื่อให้ดูสมเหตุสมผลให้น้อง scan หน้าแรกI-20 แนบไปพร้อมกับอีเมล์ด้วยได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกวิธีการใด น้องต้องดูด้วยว่า วันที่สุดท้ายที่ให้มีการเปลี่ยนแปลงวันนัดสัมภาษณ์ (อยู่ในใบนัดสัมภาษณ์) คือ วันที่เท่าไร ถ้าทำหลังวันที่ดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงวันนัดสัมภาษณ์ไม่ได้ค่ะ

  • บู้บี้  On November 22, 2011 at 6:40 am

    พี่คะ ถ้าหนูจะจองไว้ก่อน แล้วเปลี่ยนวันนัดทีหลังต้องทำยังไงบ้างคะ ต้องแจ้งที่สถานฑูตรึเปล่า ที่เห็นจากข้อความนี้
    “โปรดระลึกเสมอว่า ท่านสามารถทำการเปลี่ยนแปลงการนัดหมายได้ทั้งสิ้น 2 หนเท่านั้น หากเกินกว่านี้ ท่านต้องซื้อรหัสเข้าใช้เฉพาะใหม่ ท่านไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการนัดหมายได้อีก หากมีเวลาอีก 2 วันก่อนวันนัดหมาย กรุณาเลือกวันนัดหมายให้เหมาะสมกับวันที่ท่านต้องออกเดินทาง หากท่านยังไม่พบวันที่ท่านต้องการ ท่านยังไม่ต้องทำการนัดหมายทันที แต่ให้ท่านเข้าสู่ระบบอีกเรื่อยๆภายหลัง เพื่อตรวจสอบหากมีวันนัดหมายว่างเพิ่มเติมในปฏิทิน ระบบไม่ประกันวันนัดหมายเดิมให้ท่าน หากท่านทำการยกเลิกการนัดหมาย แล้วไม่พบวันว่างก่อนหน้าวันนัดหมายเดิมของท่าน”

    คืออยากจองไว้ก่อนอ่ะค่ะ กลัวพลาด แต่จริงๆอยากได้วันที่เร็วกว่านี้ เพราะกลัวจะฉุกละหุกเกินไปค่ะ แต่ถ้ารอนานๆ ก้อกลัววันที่เป็นสีเขียวจะหายไป

    คำถามคือ: ถ้าจองไปแล้ว เกิดจะเปลี่ยนวันนัดขึ้นมานี่แค่กดยกเลิกแล้วเลือกวันใหม่ได้เลยเป็นครั้งที่ 2 ใช่ไหมคะ มันมีขั้นตอนยุ่งยากอะไรรึเปล่า ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่สถานฑูตอะไรอีกหรือเปล่า หรือว่าแค่กดยกเลิกวันนัดแล้วเข้าไปจองใหม่ได้เลยคะ?

    • govisa  On November 22, 2011 at 7:41 pm

      น้องบู้บี้คะ ถ้าน้องจะเลื่อนวันนัดสัมภาษณ์ ไม่ต้องแจ้งสถานทูต น้องยกเลิกวันนัดสัมภาษณ์เก่าไปและเลือกวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ที่ต้องการ น้องสามารถบอกยกเลิกวันนัดสัมภาษณ์เก่าได้ 2 ครั้งและเปลี่ยนวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ได้ 2 ครั้งค่ะ ที่สำคัญคือ จะมีวันนัดสัมภาษณ์ที่น้องต้องการหรือเปล่าเท่านั้นเองค่ะ

  • บู้บี้  On November 23, 2011 at 2:20 pm

    ขอบคุณมากค่ะี่พี่ ตอนนี้ส่งดราฟจ่ายค่า Sevis ไปแล้ว แต่ลืมแนบเอกสาร Payment coupon ไปด้วยค่ะ (หน้าสุดท้ายหลังจากที่สมัคร Sevis Online แล้ว) จะเป็นไรมั๊ยคะ?

    เอกสารที่ส่งแนบไปพร้อมดราฟก้อคือ ใบ I-901 Fee Remittance for certain F,J and M nonimmigrants แต่ไม่ได้ส่งใบ Payment Coupon ที่มี Control Number

    ควรส่งตามไปทีหลังมั๊ยคะพี่? กลุ้มใจมากเลยค่ะ กลัวมีปัญหา

    ขอโทษด้วยนะคะพี่ที่ถามเยอะไปหน่อย

    • govisa  On November 23, 2011 at 8:46 pm

      น้องบู้บี้ ถ้าน้องส่ง Sevis I-901 form ที่กรอกเสร็จพร้อมดราฟท์ก็ควรจะพอแล้วค่ะ รอเขาส่งใบเสร็จตัวจริงกลับมาให้เท่านั้นเองค่ะ แต่ถ้าเป็นกังวลมากจนนอนไม่สบาย แนะนำให้น้องถ่ายเอกสาร Payment coupon เก็บไว้ที่บ้าน 1 ชุด และส่งอีกชุดไปให้เขา แล้วนับวันรอ ถ้าน้องจ่ายเพิ่มไป 35 เหรียนญสำหรับเป็นค่าส่งเอกสารกลับ อีก 7 วัน คาดว่าน้องจะได้รับใบเสร็จตัวจริงค่ะ

  • บู้บี้  On November 23, 2011 at 9:09 pm

    แล้วหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์กับครอบครัวในประเทศไทยควรจะเตรียมเอกสารแบบไหนบ้างคะ

    • govisa  On November 23, 2011 at 9:53 pm

      น้องบู้บี้คะ แทบจะกล่าวได้ว่า มีสถานทูตสหรัฐอเมริกาเป็นสถานทูตเดียวที่เปิดโอกาสให้ผู้ยื่นขอวีซ่าจินตนาการคำถามที่น้องถามมานั้นเองว่า ควรจะนำหลักฐานอะไรไปยื่นให้กงสุลดูว่า เราไม่คิดอยากที่จะไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาถาวรค่ะ เป็นเรื่องปกติมากๆค่ะที่หลายคนจะสงสัยในหลักฐานที่น้องถามมาว่า แล้วมันคืออะไร เราคนไทยอยากจะให้ทางสถานทูตกำหนดมาให้ชัดเจน เราจะได้ไปหามาได้ถูกใช่ไหมคะ แต่สถานทูตจะคิดอีกอย่างหนึ่งว่า การที่เขาไม่ได้ระบุชัดเจนเท่ากับเป็นการให้โอกาสผู้ยื่นขอวีซ่าทุกคนมีอิสระในการเตรียมหาหลักฐานที่ผู้ยื่นคิดว่ามีเหตุผลที่จะแสดงให้กงสุลเห็นว่า เราจะกลับมาอยู่ประเทศไทยค่ะ เป็นต้นว่า ถ้าน้องมีชื่อว่า ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนของที่บ้านอยู่เท่าไร ให้นำหลักฐานชิ้นนั้นไปแสดง ไม่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ บ้างก็มีหลักทรัพย์เป็นบ้านและที่ดินในชื่อตัวนักเรียนเอง บ้างคนไม่มีอะไรเลยที่จะนำไปแสดง ก็ใช้ภาษาร่างกาย (Body Language) แสดงออกให้กงสุลเห็นทั้งสีหน้าท่าทางและคำพูดว่าไม่อยากไปอยู่ที่โน่น อยากรีบเรียนแล้วกลับมาหางานทำที่ประเทศไทย หรือ บางคนก็บอกว่า มาดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่อายุมากแล้ว น้องลองนึกดูนะคะว่า น้องจะนำอะไรไปแสดงให้กงสุลดูว่าไปแ้วจะกลับประเทศไทยค่ะ จะเขียนมาถามพี่อีกครั้งก็ได้ค่ะว่า จะนำอย่างนี้อย่างนั้นไปอธิบายให้กงสุลท่านดูได้ไหมนะคะ จำได้ว่า ครั้งหนึ่งเคยได้ยินกงสุลท่านหนึ่งพุดในที่ประชุมว่า มันเป็น creative question ที่ให้ผู้ยื่นขอวีซ่าตระเตรียมเอกสารได้อย่างเป็นอิสระค่ะ สมกับที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเขาได้สมญานามว่าเป็น Land of Opportunities นะคะ

  • บู้บี้  On November 23, 2011 at 9:42 pm

    พอเราจองวันนัดได้แล้วก้อเป็นอันเสร็จใช่ไม๊คะ ไม่ต้องทำอะไรต่อแล้ว เตรียมเอกสารไปในวันสัมภาษณ์อย่างเดียวววว

  • Aohh jaa  On November 24, 2011 at 4:25 pm

    สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเพิ่มเติมให้เพื่อนหน่อยนะคะ…ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ…
    1.เรื่องเอกสารไม่ทราบว่าจะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยมั๊ยคะ..พอดี Transcript กับใบเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยค่ะ ..
    2.และเอกสารตัวอื่นที่จำเป็นต้องใช้เลยมีอะไรบ้างคะ
    ตอนนี้เตรียมไว้แล้วคือ
    – DS160
    – ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า จ่ายที่ไปรษณีย์
    – ใบเสร็จชำระค่า SEVIS
    – i-20

    รบกวนด้วยค่ะ…ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On November 24, 2011 at 8:39 pm

      @น้อง Aohh jaa คะ
      1. Transcript ควรจะขอจากสถานศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ภาษาไทยค่ะ
      2.ใบเปลี่ยนชื่อต้องนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษและนำไปให้กองสัญชาติและนิติกรณ์ตรงบริเวณที่น้องทำหนังสือเดินทางตรงถนนแจ้งวัฒนะประทับตรารับรองการแปลถูกต้องด้วยค่ะ หมายเลขโทรศัพท์ 02-575-1057-60 หรือเว็บไซต์ http://www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=84
      3. ถ้าเคยทำงานแล้วมีจดหมายรับรองการทำงานที่ระบุตำแหน่งงาน เงินเดือน และวันแรกที่เข้าทำงานด้วยค่ะ
      4. หากมีหนังสือเดินทางเล่มเก่าให้นำหนังสือเดินทางไปด้วย
      5. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ที่เป็น sponsor พร้อมบัญชีตัวจริง
      6. หากผู้ค้ำประกันเป็นเจ้าของธุรกิจให้นำใบทะเบียนการค้าไปแสดง ถ้าเป็นลูกจ้างบริษัท หริือเป็นข้าราชการ ให้เตรียมจดหมายรับรองการทำงานและเงินเดือนไปด้วยค่ะ

  • บู้บี้  On November 24, 2011 at 4:52 pm

    พี่คะมีเรื่องมาถามอีกแล้วค่ะ คือตอนนี้จองวันได้แล้ว นัดวันเรียบร้อยแล้วค่ะ
    แต่ทีนี้มาเอะใจทีหลังว่า ตอนกรอกข้อมูลส่วนตัวในการนัดวีซ่า หัวข้อที่ระบุว่า”ให้เลือกภาษาที่ถนัด” นี่คืออะไรคะ หนูเลือกภาษาไทยไปค่ะ มันหมายถึงให้เราเลือกภาษาที่ใช้ในการสัมภาษณ์หรือเปล่าคะ? เกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?

    ถ้าใช่ หนูก้ออยากจะเปลี่ยนเป็นเลือกภาษาอังกฤษค่ะ อยากสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษมากกว่า

    แล้วจองวันนัดไปเรียบร้อยแล้วจะสามารถแก้ไปข้อมูลส่วนตัวได้ไหมคะ หรือไม่ควรทำอะไรกับข้อมูลแล้ว

    ปล.หนูเพิ่งเปลี่ยนวันนัดไปเมื่อวานค่ะ

    • govisa  On November 24, 2011 at 8:47 pm

      เปลี่ยนไม่ได้แล้วค่ะน้องบู้บี้ ถ้าน้องอยากสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ แนะนำให้กล่าวสวัสดีกงสุลเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อถึงรอบของน้องที่จะต้องสัมภาษณ์ค่ะ ส่วนข้อมูลอื่นๆ ณ จุดที่น้องกรอกฟอร์มเพื่อทำการนัดสัมภาษณ์นั้นไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงใดๆได้แล้วค่ะ หากเป็นข้อมูลใน DS-160 ที่ต้องการแก้ไข ต้องทำการกรอกใหม่ Print DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่ออกมา ขณะเดียวกันก็ต้องนำ DS-160 Confirmation Number อันเก่าไปแสดงด้วย เพราะเราใช้หมายเลขเก่าในการทำคิวนัดสัมภาษณ์ค่ะ ดังนั้น พี่อยากแนะนำว่า ถ้าไม่ใช่ความผิดร้ายแรงไม่ต้องแก้ค่ะ เมื่อเข้าไปในสถานทูต แจ้งเจ้าหน้าที่คนไทยที่ตรวจเอกสาร เช่น กรอกนามสกุลผิดไปหนึ่งตัวอักษรอะไรทำนองนี้ เป็นต้นค่ะ

  • Aohh jaa  On November 25, 2011 at 5:31 pm

    โอ้ว….ตายแน่เลยค่ะ… นัดสัมภาษณ์วันที่ 30พย. นี้แล้วอ่ะค่ะ…ถามต่อเรื่องTranscript อีกนะคะ และถ้าในกรณีทางโรงเรียนไม่ยอมออกเป็นภาษาอังกฤษให้อ่ะคะ (จบมาแล้ว 6 ปี) สามารถเอาไปแปลได้มั๊ยคะ…ส่วนเรื่องใบเปลี่ยนขื่อยังพอมีเวลา จะรีบไปแปลด่วนและวิ่งไปให้เขารับรองค่ะ

    ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On November 25, 2011 at 8:34 pm

      @น้อง Aohhjaa คะ พี่ไม่ทราบว่าน้องเรียนจบจากที่ไหนนะคะ แต่ให้น้องลองนึกถึงเหตุผลค่ะว่า สมัยนี้คนไปเรียนต่อเมืองนอกเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นถ้ามีคนจบจากที่เดียวกับเราและเคยเข้าไปขอวีซ่า กงสุลย่อมเคยเห็นหน้าตา transcript ฉบับภาษาอังกฤษผ่านตากันไปบ้างแล้ว และถ้าบอกว่าเรียนจบมานาน 6 ปีก็ไม่ใช่อุปสรรคค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้โรงเรียนเก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ เพียงใส่รหัสประจำตัวนักเรียนก็พิมพ์ Transcript ออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้ได้แล้วค่ะ พี่คิดว่า ตอนนี้น้องคงเปลี่ยนแปลงวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ไม่ได้แล้ว น้องคงต้องเอา transcript ไปแปลแล้วให้กองสัญชาติและนิติกรณ์รับรอง ถ้ากงสุลถามคงต้องบอกว่า ขอ Transcript มาผิดเป็นภาษาไทยจะไปขอฉบับใหม่เป็นภาษาอังกฤษก็ขอไม่ทันแล้วค่ะ หมายเหตุเพิ่มเติม พี่แนะนำให้น้องไปที่กองสัญชาติและนิติกรณ์แต่เช้า กองนี้เปิดประตูให้เข้าไปติดต่อได้ตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้า เอาเอกสารไปแปลกับหน่วยงานที่ตั้งอยู่ข้างล่างใกล้ร้านประเภท Convenient Store พอแปลเสร็จตอนบ่ายรีบเอาเอกสารแปลไปขอให้กองสัญชาติและนิติกรณ์รับรองและขอแบบเร่งด้วยนะคะ คือยอมจ่ายแพงหน่อย เหตุผล คือบางที่แปลมาผิด กองสัญชาติเขาไม่รับรองต้องส่งไปให้สำนักงานแปลแก้ไขใหม่ ดังนั้ถ้าแปลในบริเวณเดียวกับกองสัญชาตินตั้งอยู่ ถ้ามีปัญหาแปลผิด วิ่งกลับลงไปให้เขาแก้ไขให้ได้ เพราะตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันค่ะ ส่วนที่แนะนำให้ไปแต่เช้า เพราะทราบมาว่า คนใชบริการแปลมีจำนวนมาก ไปสายกว่าจะเสร็จอาจไม่ทันเซ็นต์รับรองตอนบ่ายค่ะ ส่วนแบบเร่งด่วน คือรอรับเอกสารกลับเลยค่ะ

  • บู้บี้  On November 25, 2011 at 6:09 pm

    ขอบคุณมากเลยนะคะพี่ที่คอยตอบคำถามให้รายละเอียดเป็นอย่างดีเรื่อยมา
    ขอให้พี่และครอบครัวประสบแต่ความสุขความเจริญนะคะ *^^* ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ

    • govisa  On November 25, 2011 at 8:35 pm

      เวลาไปสัมภาษณ์เสร็จอย่าลืมเขียนประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านด้วยนะคะ พี่ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • บู้บี้  On November 25, 2011 at 9:39 pm

    ค่า ได้เลยค่ะพี่
    แหะๆ มีปัญหามาถามอีกแล้วค่ะ มีเพื่อนฝากถามมาว่า
    พอดีเพื่อนปริ้นข้อมูลการยืนยันนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าในอีเมลแต่มันไม่มี appointment comfirm number เลขที่ยืนยันการนัดหมาย ในนี้มีแต่รหัสเข้าใช้เฉพาะ จะเป็นอะไรมั๊ย?

    • govisa  On November 26, 2011 at 12:05 pm

      น้องบู้บี้คะ ไม่มีปัญหาค่ะ Print จากอีเมล์อาจจะดูแตกต่างจาก Print ตอนที่ทำการ Confirm วันนัดสัมภาษณ์แล้วสัง Print เลยนิดหน่อยได้ค่ะ อีกวิธีการหนึ่งถ้าน้องอยากได้ Appointment Confirmation Number ให้น้องลองเข้าไปที่เว็บไซต์ http://thailand.us-visaservices.com/ ใส่ User name และ password เสร็จแล้ว น้องลองดูนะคะว่า มีให้เลือก Confirmation Appointment Date ไหม ถ้ามีก็สั่่ง Print Confirmation Appointment Date ได้ค่ะ

  • minni  On November 27, 2011 at 11:12 am

    รบกวนถามนิดนึงค่ะ พอดี เคยมีวีซ่า j1 มาแล้ว ตอนนี้ขอวีซ่าไป เรียนต่อช่อง ssn นี่ต้องใส่เปล่าคะ จำไม่ได้แล้ว เพราะคิดว่าครั้งนี้ไปเรียนคงไม่ต้องใช้และมันมีหมดอายุเปล่าคะ ถ้ามีคงหมดไปตั้งแต่ตอนที่จบการฝึกงานแล้วใช่มั้ยคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ put does not apply ถูกต้องมั้ยคะ

    • govisa  On November 28, 2011 at 6:05 am

      @น้อง Minni คะ ใส่ does not apply ได้ไม่มีปัญหาค่ะ

  • Aohh jaa  On November 28, 2011 at 11:01 am

    ขอบคุณพี่มากๆ ค่ะ….จะรีบบอกเพื่อนจัดการให้เสร็จภายในวันอังคารนี้เลยค่ะ เพื่อที่จะทันวันพุธเพื่อสัมภาษณ์…

    ขอบคุณแทนเพื่อนมากๆค่ะ….

  • minni  On November 28, 2011 at 10:18 pm

    ขอบคุณมากๆค่ะ

  • บู้บี้  On November 30, 2011 at 10:47 am

    เพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่าเสร็จเมื่อเช้าเลยค่ะ

    มีนัดสัมภาษณ์เวลา 07.45 น. แต่ไปถึงตั้งแต่ 07.00น. ค่ะ

    ไปเข้าคิวที่หน้าสถานฑูต เค้าก้อจะมีคนใส่เสื้อสีชมพูมาจัดคิวตามเวลานะคะ

    พอเข้าไปข้างในก้อมีด่านตรวจกระเป๋า แต่ห้ามนำมือถือเข้านะคะ

    พอตรวจเสร็จก้อเดินเข้าไปข้างใน จะพบเจ้าหน้าที่คัดแยกเอกสารใส่ซองใสๆแยกไว้อีกทีค่ะ

    แล้วเค้าก้อจะมีใบให้เรากรอกว่าจะให้ส่งพาสปอร์ตคืนได้ที่ไหน

    แล้วก้อเข้าคิวตอบคำถามคร่าวๆก่อนค่ะ พิมพ์ลายนิ้วมือ อันนี้เจ้าหน้าที่เป็นคนไทยค่ะ

    เสร็จก้อเิดนเข้าไปในห้อง นั่งรอเรียกตามคิวค่ะ

    ก้อทักทายกันเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่พี่บอกค่ะ ว่าถ้าอยากสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษก้อให้ทักเค้าเป็นภาษาอังกฤษก่อนเลย

    มีคำถามดังนี้นะคะ
    1.ไปอเมริกาทำไม
    2.คิดจะอยู่อเมริกากี่ปี
    3.ใครเป็นสปอนเซอร์
    4.พ่อทำงานอะไร
    5.กลับมาแล้วจะทำงานอะไร
    6.แล้วก้อขอดู บัญชีรับรองสถานะทางการเงินของธนาคารค่ะ

    แล้วหลังจากนี้ เค้าก้อยึดพาสปอร์ตแล้วก้อใบ I-20 เอกสารต่างๆไป

    แล้วเค้าก้อยิ้มๆพูดอะไรต่อ หนูจำไม่ได้แล้วคะ ตื่นเต้นๆๆ มึนๆไปหมด

    เหมือนให้ส่งใบที่เรากรอกไว้(สีฟ้า)ให้ไปยื่นที่ไปรษณีย์ด้านนอกอ่ะค่ะ

    ถ้าเค้าเอาพาสปอร์ตเราไปแสดงว่า เราได้วีซ่าแล้วใช่ไม๊คะพี่

    • govisa  On December 1, 2011 at 8:54 am

      น้องบุ้บี้คะ ยินดีด้วยค่ะ แปลว่า ได้วีซ่าแล้วค่ะ ต่อจากนี้ก็ลองเข้าไปศึกษา เรื่องเตรียมตัวเดินทางที่พี่เขียนไว้ เผื่อจะได้ข้อมูลที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทาง และการไปใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนต่อไปค่ะ แนะนำน้องบู้บี้เพิ่มเติมให้น้องเข้าไปดูเว็บไซต์ของ U.of Central Florida http://www.intl.ucf.edu/index.cfm?RsrcID=19
      download “survival guide” จะได้คู่มือที่นักศึกษาต่างชาติควรทราบก่อนเดินทางไปที่มหาวิทยาลัย นำมาอ่านให้เรียบร้อย เช่น เขาแนะนำเรื่องหาที่พัก, ทำประกันสุขภาพ, การเปิดบัญชีะนาคารมีธนาคารที่ตั้งอยู่ใน U. ขื่อ sun Rise อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจอะไรตอนนี้ ไปถึงมหาวิทยาลัยก่อน ถ้ามีนักเรียนไทยที่นั่น สอบถามข้อดีข้อเสียของการเปิดบัญชีธนาคารที่อยู่ประมาณ 4 แห่ง เช่น ระยะใกล้ไกลจากที่พัก อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ค่าธรรมเนียมต่างๆเมื่อต้องรับเงินดอนจากต่างประเทศ หรือ ถ้าที่บ้านส่งเป็นดราฟท์(เท่ากับเช็ค) ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการขึ้นเงินสด, การมีบัตรเดบิต, การมีบัตรเครดิต ,ค่าธรรมเนียมต่างๆในการใช้เงินที่เอาไปจากต่างประเทศ (ตรงนี้ต้องมีอยู่แล้ว แต่จะมีมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารในสหรัฐที่ตั้งอยู่ในเมืองต่างๆและรัฐต่างๆ), การทำประกันรถยนต์, หรือการที่ต้องการจะมีจักรยานไว้ใช้, สถานที่ช้อปปิ้ง, การหางานทำ, การใช้โทรศัพท์, สมาคมต่างๆที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัย ฯลฯ พี่คิดว่าข้อมูลใน PDF ที่กล่าวมาจะเป้นประดยชน์กับน้อง ถ้าได้เรียนรู้ไปก่อนล่วงหน้าที่จะไปปฐมนิเทศก์นักศึกษาใหม่ค่ะ โชคดีนะคะ

  • daisymay  On December 1, 2011 at 9:54 pm

    ถ้าจ่ายค่าวีซ่าผิด จริงๆต้องจ่าย140$ แต่ไปจ่ายเป็น150$ เป็นวีซ่านักเรียน อย่างงี้ต้องทำไงอ่ะค่ะ ใช้ยื่นตัวนี้ได้ไหมหรือต้องไปเสียใหม่ เพราะไปรษณีย์คงไม่เปลี่ยนให้แน่ๆ กลัวต้องจ่ายใหม่ สถานทูตเค้าจะรับไหมค่ะ เครียดมากเลยตอนนี้

    • govisa  On December 1, 2011 at 10:59 pm

      @น้อง May คะ พี่คิดว่า น้องคงต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าใหม่ที่ไปรษณีย์จำนวน 140 เหรียญค่ะ โดยยอมตัดใจคิดว่า ทำเงินหายไป 4,000 กว่าบาทค่ะ อาจจะเป็นคำแนะนำที่ดูไม่ดีนักนะคะ ราคาค่าธรรมเนียมวีซ่า 150 เหรียญที่น้องจ่ายไปใช้สำหรับผู้ขอเข้าไปทำงานประเภทต่างๆในสหรัฐอเมริกาค่ะ เช่น H1B เป็นต้น ทางไปรษณีย์จะไม่สามารถคืนเงินจำนวน 150 เหรียญให้น้องและออกใบเสร็จใบใหม่ได้ค่ะ เพราะไปรษณีย์ก็ต้องส่งข้อมูลเข้าไปที่สถานทูตว่าออกใบเสร็จให้ใครค่ะ ส่วนจะไปชี้แจงสถานทูตวันสัมภาษณ์ก็คงไม่ใช่เรื่องแน่ๆเลยค่ะ เพราะถ้าสถานทูตบอกให้จ่ายใหม่ น้องคงต้องเดินข้ามสะพานลอยหน้าสถานทูตไปจ่ายที่ไปรษณีย์อีกฝั่งหนึ่งจะเสียเวลาน้องค่ะ แต่ถ้าน้องอยากจะลองวิธีการอื่น แนะนำ 2 วิธี คือ
      1. ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ EducationUSA ประจำสถานทูตตามเว็บไซต์ http://www.educationusa.info/centers.php?id=1158 ดูนะคะ
      2. น้องเดินทางไปถามเจ้าหน้าที่สถานทูตที่จัดคิวให้คนเข้าไปในสถานทูตโดยตรงเลย เขาจะยืนอยู่แถวๆหน้าประตูสถานทูต ลองถามดูว่า จะใช้ใบเสร็จใบเก่าที่ราคา 150 เหรียญได้ไหมนะคะ ถ้าใช้ไม่ได้ น้องลองถามเจ้าหน้าที่ดูว่า น้องยินดีจ่ายค่าธรรมเนียมใบใหม่ที่ถูกต้อง แต่ขอคำแนะนำว่าทำอย่างไรจึงจะขอเงินคืนส่วนที่ซื้อผิดไปค่ะ

  • daisymay  On December 2, 2011 at 11:05 am

    เมย์โทรไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ EducationUSAแล้วอ่ะค่ะ เค้าบอกว่าสามารถใช้ใบเสร็จที่ซื้อผิดได้ แต่เราจะเสียส่วนต่าง 10$ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เมย์กลัวต้องจ่ายใหม่หมด คือที่เมย์โทรไปติดต่ออันนี้เชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยช่ายไหมค่ะ ขอบคุณพี่มากๆเลยนะค่ะ

    • govisa  On December 2, 2011 at 3:01 pm

      @น้อง May เชื่อถือได้นะคะ เพราะเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของสถานทูตอเมริกัน เพียงแต่ดูแลด้านการศึกษาและวัฒนธรรม พี่คิดว่า เจ้าหน้าที่คงโทรสอบถามเจ้าหน้าที่แผนกกงสุลอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องให้เรียบร้อยก่อนให้ข้อมูลน้องแล้วค่ะ ยินดีด้วยค่ะที่ไม่ต้องจ่ายเงินใหม่ อย่าคิดมากเรื่อง 10 เหรียญนะคะ โชคดีค่ะ

  • Do  On December 5, 2011 at 7:20 am

    สวัสดีครับตอนนี้ผมกรอกแบบฟอร์ม DS-160 เรียบร้อยแล้วแล้วก็จ่าย Service I-901 เรียบร้อยแล้วอ่ะครับ แต่ผมหาที่ซื้อ PIN ใน website อันนี้ไม่เจออ่ะครับ https://thailand.us-visaservices.com/Forms/default.aspx มันไม่เห็นจะมีที่ซื้อ PIN ทาง Online เลยอ่ะครับ รบกวนช่วยผมหน่อยนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ

    • govisa  On December 5, 2011 at 10:48 am

      @น้อง Gampong เมื่อน้องเข้าไปที่เว็บไซต์ที่น้องเขียนมาถามพี่แล้ว คลิกที่คำว่า Visa Information and Appointments (อยู่ทางซ้ายมือของหน้าเว็บไซต์)ต่อไปจะเห็นคำว่า Determining where to apply คลิก Yes, I accept the above terms and conditions แล้วคลิก next หลังจากนั้นจะเป็น create new login ให้ตั้งรหัส username and password อย่าลืมจดไว้ด้วย เผื่อวันหลังต้องการเข้ามาเปลี่ยนวันนัดสัมภาษณ์ หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ น้องจะเลือกสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษ ก็ตัดสินใจตรงที่เห็นประโยคที่เขียนไว้ว่า Please select a preferred language ส่วน 3 ช่องล่างที่มีตัวหนังสือพิมพ์นูนหนาว่า Group code, Access code, pin ไม่ต้องกรอกอะไร (ยกเว้นผู้ที่ซื้อพินจากไปรษณีย์จำนวน 372 บาทให้กรอกเลข 15 ตัวตรงช่องพินค่ะ) ถ้าน้องต้องการจะซื้อพินออนไลน์ด้วยการตัดบัตรเครดิต ขอย้ำว่า สามช่องที่มีภาษาอังกฤษ 3 วลีที่อธิบายไปข้างต้นไม่ต้องกรอกอะไรเลยนะคะ คลิกไปที่ submit จะขึ้นคำว่า Purchase a Pin กรอกรายละเอียดบัตรเครดิต จะเป็นบัตรเครดิตของผู้ปกครองหรือของตัวน้องเองก็ได้ค่ะ เมื่อตัดเงินเรียบร้อยมีคำสั่งว่า print กับ next ให้คลิก print confirmation payment ก่อนแล้วจึงคลิก next แล้วตอบคำถามไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงหน้าปฏิทินให้เลือกวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ

  • บู้บี้  On December 5, 2011 at 10:27 pm

    ขอบคุณมากเลยค่ะพี่ govisa ที่ให้ข้อมูล รู้สึกดีใจมากเลยค่ะที่เจอเวบนี้ โชคดีจริงๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ *^^*

    • govisa  On December 6, 2011 at 7:59 pm

      Have a safe trip to Orlando ค่ะ น้องบู้บี้

  • zomza  On December 6, 2011 at 4:49 pm

    จะไปสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนอ่ะค่ะลงเรียน3เดือน แต่เรายังทำงานอยู่ ยังไม่ได้ลาออกจากงาน อยากรอให้ได้วีซ่าก่อน เอกสารต้องใช้ใบรับรองงานด้วยไหมค่ะ แล้วเราจะบอกสถานทูตว่าออกจากงานแล้วหรือยังทำอยู่อ่ะค่ะ กลัวสถานทูตไม่เชื่อว่าจะกลับมาอ่ะค่ะ แล้ววีซ่าจะไม่ผ่าน แต่เอกสารเรามีครบทุกอย่างแล้ว ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

    • govisa  On December 6, 2011 at 8:28 pm

      น้อง Zomza ควรนำจดหมายรับรองการทำงานไปให้กงสุลดูด้วยค่ะ ถ้าน้องเพิ่งเรียนจบมีนาคม 2554 ผ่านมาจนถึงเดือนธันวาคม 2554 ก็ประมาณ 9 เดือนแล้ว ถ้าบอกว่า ยังไม่ได้ทำงาน ก็ดูจะไม่น่าเชื่อถือนะคะ อีกประการหนึ่ง อาจจะดูไม่ค่อยดีด้วยว่า ทำไมน้องยังหางานทำไม่ได้ จบมาตั้งนานแล้วค่ะ น้องไปเรียนภาษาแค่ 3 เดือน แล้วจะกลับใช่ไหมคะ พี่เคยเห็นบางที่ทำงานเขาจะอนุญาตให้พนักงานลาไปเรียนต่อเพื่อพัฒนาตนเองโดยไม่ขอรับเงินเดือนก็มี ซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้ น้องอาจพูดคุยกับที่ทำงานว่าเป็นไปได้ไหม ถ้าจะขอจดหมายยืนยันว่า จะกลับมาทำงานที่เดิมเมื่อครบ 3 เดือนแล้วค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ในกรณีที่พี่เขียนมา น้องก็ต้องอธิบายเหตุผลได้ว่า ทำไมต้องไปเรียนภาษาอังกฤษที่อเมริกานาน 3 เดือนค่ะ น้องแต่ละคนอาจจะมีเหตุผลที่แตกต่างกัน บางคนเห็นว่า เรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยเป็นปีแล้ว ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็พูดอธิบายกงสุลไปเลยว่า เคยมีประสบการณ์ไปเรียนที่…..นาน….เดือนแล้วแต่ยังพูดไม่ได้ น้องจึงอยากจะขอโอกาสไปเรียนที่อเมริกาสัก 3 เดือน 6 เดือนเพื่อพูดให้ได้ เพราะต้องนำกลับมาใช้ในที่ทำงานเป็นต้นนะคะ

      การมีเอกสารครบแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ให้น้องแสดงความตั้งใจจริงผ่านภาษาทางร่างกาย(Body Language) เช่น มีแววตาที่แสดงความมุ่งมั่นว่าไปเรียนจบแล้วจะกลับ มีแผนการชัดเจน 3 เดือนจะอยู่ที่โรงเรียนชื่ออะไร หลังจากนั้นน้องจะไปทำอะไร หรือจะกลับค่ะ หรือ น้องมีน้ำเสียงที่แสดงความเชื่อมั่น ไม่ได้มีอาการลังเลใจ ทำนองว่า จะไปดูก่อนว่าอยู่ได้ไหม ถ้าอยู่ได้ค่อยคิดอีกทีว่า จะเรียนอะไร ลักษณะนี้ดูไม่น่าเชื่อถือ น้องต้องคิดจากที่บ้านไปเลยว่า น้องมีแผนการแรกคืออะไร แผนสองคืออะไร เป็นต้นค่ะ พี่หวังว่า คงจะพอช่วยน้องเป็นแนวทางในการตอบสัมภาษณ์กงสุลได้บ้างนะคะ โชคดีนะคะ

  • phanna  On December 6, 2011 at 5:06 pm

    กรอกข้อมูล form D160 แล้วได้ confirmation no. แต่ถ้ายังไม่ปริ้นเอกสารออกมาจะได้มั๊ยค่ะ ต้องการจะเอา confirmation no. ไปจองวันนัดสัมภาษณ์ก่อนนะค่ะแล้วค่อยปริ้นฟอร์มออกมาทีหลังเพราะตอนนี้เครื่องพิมพ์เสียค่ะต้องรอซ่อมแต่ว่าอยากจะรีบ ๆ จองวันนัดสัมภาษณ์ให้เรียบร้อยไปเลยเพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่

    • govisa  On December 6, 2011 at 7:58 pm

      @น้อง Phanna คะ ยังไม่ print ได้ค่ะ นำหมายเลข DS-160 Confirmation ไปทำนัดวันสัมภาษณ์ได้ค่ะ แต่น้อง Phanna คะถ้า printer พร้อมที่จะ print ตรงหน้า Application form จะ print ได้ครั้งเดียวนะคะ ส่วน Confirmation Number น้องสามารถ print ได้หลายครั้งค่ะถ้าถามว่า Application form ต้องใช้ยื่นให้กงสุลดูไหม คำตอบ คือ ไม่ต้องนะคะ แต่น้องหลายคน print ออกมาเก็บไว้ดุว่า ได้กรอกอะไรไปบ้างค่ะ

  • mudmeee  On December 7, 2011 at 9:43 am

    รบกวนสอบถามหน่อยคะ ถ้าทำ DS 160 เรียบร้อยเเล้ว เเล้วกด confirmation เเล้วลืมอัพโหลดรูป ทำไงดีคะ จะมีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ หรือต้องทำใหม่หมดเลยคะ กังวลมากๆคะ

    • govisa  On December 7, 2011 at 7:41 pm

      น้อง Mudmeee คะ น้องมีทางเลือก 2 ทางคือ
      1. ให้นำ DS-160 Confirmation ที่ไม่มีรูปหน้าน้อง กับรูปถ่ายที่ถูกต้องตามระเบียบ 1 ใบไปด้วยในวันสอบสัมภาษณ์ แล้วแจ้งสถานทูตว่า upload รูปไม่ได้
      2. ถ้าน้องยังไม่ได้ทำการ confirm วันนัดสัมภาษณ์ ให้กรอกแบบฟอร์ม DS-160 ใหม่และ upload รูปให้เสร็จ น้องจะได้ DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่ นำหมายเลขใหม่ไปทำการนัดวันสัมภาษณ์ แต่ถ้าบังเอิญพี่ตอบน้องช้าไป น้องยืนยันวันนัดสัมภาษณ์ไปเรียบร้อยแล้ว น้องก็สามารถกรอก DS-160 ใหม่ได้ โดยในวันสอบสัมภาษณ์ให้นำ DS-160 Confirmation หมายเลขที่ใช้ในการทำการนัดวันสัมภาษณ์ กับใบยืนยัน DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่ไปด้วย รวมเป็น 2 ใบ ถ้าเจ้าหน้าทีถามเหตุผล ให้น้องตอบตามความเป็นจริงว่า หลังจากนัดวันสัมภาษณ์เสร็จ น้องเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ไม่มีรูปอยู่ใน DS-160 Confirmation จึงต้องการแก้ไขให้ถูกต้องด้วยการกรอกใหม่และพิมพ์ออกมาค่ะ

  • phanna  On December 7, 2011 at 8:35 pm

    ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดี ๆ ตลอดมาของคุณ govisa ตอนนี้จองวันสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วค่ะ วันที่ 21 ธันวาคม 2554 ตอนนี้ตารางการจองว่างตลอดเดือนธันวาและมกราคมเลยค่ะ สัมภาษณ์ผลไปยังไงจะมาแชร์ประสบการณ์อีกครั้งค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On December 8, 2011 at 5:50 am

      ด้วยความยินดีค่ะน้อง Phanna จะรออ่านที่น้องจะเขียนมาแชร์ประสบการณ์ค่ะ

  • dno  On December 12, 2011 at 3:29 pm

    ในแบบฟอร์มD160ที่ถามว่าจะไปทำไมให้ตอบว่าอะไรครับ

    • govisa  On December 13, 2011 at 4:07 am

      น้อง Nung จะไปทำอะไรครับ เช่น ขอวีซ่าไปเรียน F-1 ก็ให้บอกว่า ไปเรียนที่ที่ชื่ออะไร ถ้าขอไปเที่ยว B-2 ให้บอกว่าไปเที่ยวรัฐไหน ถ้าขอไป work and travel ก็บอกว่า ไป work ที่ งานประเภทไหนหรือโครงการของบริษัทอะไรค่ะ

  • หลานสาว  On December 13, 2011 at 7:23 am

    สวัสดีคะ คืออยากถามว่าพี่ชาย(อายุ 80) อยู่ที่อเมริกา อยากชวนน้องชายอยู่ที่กรุงเทพไปเที่ยว (อายุ 70) เขาไม่สบายเขาโรงพยาบาลสองสามครั้งแล้ว คิดถึงน้องชายมาก น้องชายเรียนจบจากอเมริกา เตยเป็นอาจาร์ยสอนที่เมืองไทย..แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้ประจำ อยู่บ้านคนเดียว แต่มีลูกสาวที่ออกเรือนไปและก็มีหลานสาว มีวีธีไหนที่จะขอให้น้องชายไปเยี่ยมพี่ชายได้เดือนเดียวหรือสามเดือนก็ยังดีค่ะ…ส่วนพี่ชายเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร เปิดมาสิบปีแล้ว…น้องชายไม่กล้าขอวีซ่าเพราะไม่มีรายได้ประจำ ช่วยแนะนำด้วยคะ

    • govisa  On December 13, 2011 at 10:43 pm

      น้องหลานสาวคะ ให้คุณน้องชายที่อายุ70ปียื่นขอวีซ่านักท่องเที่ยว B-2 ตามปกติ หลักฐานทางการเงินก็ให้ใช้บัญชีของน้องชายตามปกติ อาจจะให้คุณลูกสาวของน้องชาย ยื่นขอวีซ่านักท่องเที่ยวพร้อมกันนะคะ ลูกของน้องชายสามารถให้เหตุผลได้ว่าจะพาคุณพ่อไปพักผ่อนที่อเมริกาประมาณ10-15วันนะคะ แต่ถ้าลูกสาวน้องชายมีวีซ่านักท่องเที่ยวแล้ว น้องชายคงต้องเข้าไปขอวีซ่าคนเดียว โดยให้เหตุผลว่าไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ ขอใบรายการนำเที่ยวจากบริษัททัวร์ติดไปด้วยนะคะ ขากลับจะแวะเยี่ยมพี่ชายกี่วันก็ตอบคำถามกงสุลไปนะคะ หรืออีกกรณี น้องชายมีเงินในบัญชีธนาคารน้อย คงต้องให้พี่ชายมีจดหมายเชิญมาให้ไปพักบ้านพี่ชายประมาณกี่วันเชน15วันหรือ1เดือนให้พี่ชายเขียนมาให้ชัดเจน น้องชายจะได้มีเหตุผลว่า แม้เงินในบัญชีธนาคารมีน้อย แต่น้องชายไม่ต้องเสียเงินค่าที่พักกับอาหาร เพราะจะไปอยู่บ้านพี่ชายค่ะ ที่จริงน้องชายเคยเป็นอาจารย์ เป็นงานที่ดีในสังคมนะคะ บอกน้องชายว่า อย่าวิตกกังวลมากค่ะ วีซ่าไม่น่าจะมีปัญหานะคะ อายุมากแลวอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่บอกกงสุลได้ว่า ไม่คิดไปอยู่ที่อเมริกาเลย เพราะไม่อยากปรับตัวอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยค่ะ ขอไปเที่ยวพักผ่อน แวะเยี่ยมพี่ชายแล้วก็กลับเมืองไทยค่ะ

      • หลานสาว  On December 14, 2011 at 6:14 am

        ขอบคุณค่ะ ขอถามเรื่อง จดหมายเชิญน้องชายไปเที่ยว และรับรองว่าพี่ชายจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้นั้น เป็นจดหมายที่พี่ชายเขียนแล้วส่งเมล์ ให้น้องชายจริงเป็นภาษาไทย (แล้วน้องชาย ค่อยเอาไปแปลเพื่อยื่นเรื่องขอ) หรือควรเป็นจดหมายเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เขียนหาน้องชายแต่เป้าหมายคือให้ทางกงสุลอ่านคะ ช่วยอธิบายให้ด้วยนะคะ ไม่อยากพลาดนะคะ น้องชายเขาบอกแล้วว่าเขาจะเดินทางเอง เพราะลูกสาวทำงานไปด้วยไม่ได้ค่ะ เขากลัวแต่เรื่องการเงินที่จะเป็นปัญหาทำให้วีซ่าไม่ผ่าน ยิ่งมารู้ว่าหินมาก เขายิ่งกลัว เพื่อนอเมริกันของเขาก็ยังมีอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าจะให้พวกเขาช่วยเขียนจดหมายเชิญอีกฉบับ จะช่วยได้มั้นคะ…ขอบคุณมากคะ

      • govisa  On December 14, 2011 at 7:03 am

        น้องหลานสาวคะ ให้พี่ชายเขียนจดหมายเชิญเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะเขียนทำนองว่า พี่ชายอายุมากแล้วนะคะ ไม่อยากเดินทางไกล อยากให้น้องชายไปเที่ยวและไปแวะเยี่ยมเยียนค่ะ
        ส่วนเรื่องการเงิน นอกจากน้องชายจะใช้บัญชีของน้องชายเองแล้ว ลูกสาวอาจจะใช้บัญชีลูกสาวสนับสนุนเข้าไปด้วยได้ว่า ยินดีสนับสนุนให้คุณพ่อไปพักผ่อนท่องเที่ยวเพราะทำงานหนักมานานแล้วค่ะ ส่วนเพื่อนน้องชายไม่ต้องเขียนจดหมายเชิญค่ะ เพราะดูเหมือนว่า จะเป็นหลักฐานที่มากเกินไปค่ะ เอาเป็นว่า น้องชายขอวีซ่าได้แล้ว อาจจะไปเที่ยวกับบริษัททัวร์บริษัทใดบริษัทหนึ่งในเมืองไทย ขอใบรายการทัวร์ไปให้กงสุลดูด้วยค่ะ หลังจากนั้นน้องชายไม่ได้กลับเมืองไทยพร้อมทัวร์ แต่จะแวะเยี่ยมพี่ชายอีกสองอาทิตย์เป็นต้น แล้วค่อยกลับเมืองไทยนะคะ

  • MAX  On December 13, 2011 at 11:42 pm

    1.ถ้ามีเพื่อนที่ไปกับโครงการเวิร์คแอนทราเวลอยู่ที่ซานฟรานซิสโก แล้วเราต้องการจะบินตามหลังไปขอพักอาศัยอยู่กับเพื่อนคนนั้นและวอล์คอินหางานที่นั่น จะต้องใช้วีซ่าแบบใด
    2.ถ้าไปโดยวีซ่าท่องเที่ยว จะทำงานได้หรือไม่ ..
    3.แล้วจะตอบสัมภาษณ์อย่างไร ว่าจะไปพักกับเพื่อนที่นู่น (เป็นเพื่อนที่เดินทางไปกับเวิร์คแอนทราเวล) ..ทางกงศุลมีแนวโน้มจะอนุญาติหรือไม่

    • govisa  On December 14, 2011 at 5:40 am

      น้องMax คะ น้องขอวีซ่านักท่องเที่ยว B-ค่ะ ตามกฎหมาย น้องไม่มีสิทธิ์ไปทำงานที่อเมริกาเองค่ะ ถ้าน้องถูกอิมมิเกรชั่นจับได้ก็ต้องเป็นไปตามตัวบทกฎหมายของประเทศเขาค่ะ การขอวีซ่าท่เที่ยววก็ต้องดูความเป็นมาของน้องด้วย ถ้าน้องยังเรียนยู่ ให้น้องนำหลักฐานการรับรองความเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยทลัยกับใบTranscript ไปด้วยค่ะ น้องก็คงให้เหตุผลตามแบบที่น้องต้องการจะไปจริงๆ คือ ไปท่องเที่ยวระหว่างปิดเทอม ทีนี้ถ้าเขาถามว่า จะไปนานเท่าไร น้องตอบว่าไป 3เดือนก็คงต้องดูที่หลักฐานทางการเงินของผู้ปกครองที่เป็นsponsorว่ามีมากพอที่น้องจะไปอยู่นานสามเดือนไหมนะคะ ถ้าถามพี่ว่าจะบอกว่าไปอยู่กับเพื่อนที่ไปwork and travel ขออธิบายนิดหนึ่งว่า การทำงานของคนอเมริกันค่อนข้างserious กว่าคนไทย เขาจะมีวันหยุดให้ แต่เวลาทำงานต้องเข้างานตรงตามเวลาและต้องทำงานจริงจัง กงสุลคงจะต้องถามน้องว่า น้องไปเที่ยวคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนไปด้วยในช่วง 5วันที่เพื่อนทำงานได้หรือไม่ ถ้าเราค่อยๆคิดตั้งคำถามตัวเองเหมือนทนายซักลูกความ น้องจะทราบว่า เสี่ยงอยู่เหมือนกันนะคะถ้าจะบอกว่าไปพักกับเพื่อนที่ San Francisco ค่ะ ที่นั่นมีคนไทยเยอะ น้องจะไม่แอบไปหางานทำหรือ กงสุลอาจจะมองห็นภาพเหตุผลการไปเที่ยวของน้องไม่ชัดเจนนักค่ะ กล่าวคือ ไม่มั่นใจว่า น้องจะไปเที่ยวคนเดียวได้เองจริง และจะไปนานสามเดือนไปเมืองอะไรบ้าง การไปเที่ยวถ้าไม่สามารถเดินทางกลับได้ในวันเดียวกันที่ซานฟรานซิสโกน้องจะไปพักที่ไหน ไปอยู่โรงแรมก็ต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย หมายความว่า sponsor ก็ต้องมีเงินมากพอที่จะให้น้องไปอยู่เที่ยวได้นานสามเดือนค่ะ
      ถ้าไม่สามารถไปเที่ยวคนเดียวได้ ลองพิจารณา ไปเรียนภาษาอังกฤษดีกว่าไหมคะ เป็นขอวีซ่านักเรียน F-1ไปค่ะ กล่าวคือ น้องไปเรียน5วัน แล้ววันเสาร์อาทิตย์ก็ไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ น้องมีโอกาสได้ฝึกเรียนฝึกใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการไปเที่ยวด้วยนะคะ

  • max  On December 14, 2011 at 1:07 am

    1.ถ้ามีเพื่อนที่ไปกับโครงการเวิร์คแอนทราเวลอยู่ที่ซานฟรานซิสโก แล้วเราต้องการจะบินตามหลังไปขอพักอาศัยอยู่กับเพื่อนคนนั้นและวอล์คอินหางานที่นั่น จะต้องใช้วีซ่าแบบใด
    2.ถ้าไปโดยวีซ่าท่องเที่ยว จะทำงานได้หรือไม่ ..
    3.แล้วจะตอบสัมภาษณ์อย่างไร ว่าจะไปพักกับเพื่อนที่นู่น (เป็นเพื่อนที่เดินทางไปกับเวิร์คแอนทราเวล) ..ทางกงศุลมีแนวโน้มจะอนุญาติหรือไม่

    ..

    .

  • phanna  On December 14, 2011 at 12:12 pm

    รบกวนถามหน่อยนะคะว่าทำยังไงเราถึงจะพิมพ์แบบฟอร์ม ds160 ที่ทำไว้เสร็จแล้วออกมาได้ค่ะ ตอนนี้พิมพ์ออกมาได้เฉพาะ confirmation page ค่ะ จำเป็นที่จะต้องแนบฟอร์มที่เรากรอกตอนไปสัมภาษณ์ด้วยไหม กังวลว่าจะเตรียมเอกสารไปไม่ครบวันสัมภาษณ์ค่ะ

  • phanna  On December 14, 2011 at 2:43 pm

    รบกวนถามหน่อยนะคะว่าทำยังไงเราถึงจะพิมพ์แบบฟอร์ม ds160 ที่ทำไว้เสร็จแล้วออกมาได้ค่ะ ตอนนี้พิมพ์ออกมาได้เฉพาะ confirmation page ค่ะ จำเป็นที่จะต้องแนบฟอร์มที่เรากรอกตอนไปสัมภาษณ์ด้วยไหม กังวลว่าจะเตรียมเอกสารไปไม่ครบวันสัมภาษณ์ค่ะ

    • govisa  On December 14, 2011 at 9:52 pm

      น้อง Phanna คะ ไม่จำเป็นต้อง print Application form ออกมาค่ะเพราะกงสุลเขาสามารถดูข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ในสานทูตได้ เมื่อเขาทราบหมายเลข DS-160 Confirmation Number ของน้องรวมทั้งเขาสามารถสแกนจากบาร์โค้ดของน้องได้ค่ะ
      ถ้าน้องจะ print Application form ควร print ตั้งแต่แรกถ้าน้อง print confirmation แล้วปิดโปรแกรมไป จะเปิดด้วยการretrieve เข้าไปดูใหม่จะไม่เห็นข้อมูล Application form ที่กรอกเสร็จแล้วค่ะ application form จึง print ได้แค่ครั้งเดียวค่ะ ถ้าลืมหรือไม่ได้print ไว้กลับไปprint ทีหลังทำไม่ได้แล้วค่ะ

  • BOzz  On December 14, 2011 at 4:39 pm

    อยากถามว่า ถ้าจะไปเที่ยว ต้องกรอก purpose of trip to u.s. ต้องเลือกอะไรครับ งงมาก มันมีให้เลือก others(n),exchange visitor….. เยอะมาก งง

    • govisa  On December 15, 2011 at 12:17 am

      น้อง Bozz คะเลือกประเภทวีซ่าที่น้งจะขอ คือ B หรือ Temp,business pleasure visitor แต่ถ้าไปเรียนเลือก Academic หรือ F ค่ะ

  • zomza  On December 15, 2011 at 5:01 pm

    ถ้าเราสัมภาษณ์แล้วเจ้าหน้าที่ให้สีฟ้าไปจ่ายค่าไปรษณีย์ แปลว่าเราได้วีซ่าป่าวค่ะ
    แล้วสถานทูตเค้าไม่ได้คืนทรานสลิปเราคืนด้วย ส่วนบัญชีออมทรัพย์ที่เตรียมของแม่ไปเค้าก้อไม่ขอดู เราสงสัยว่าเค้าไปเช็คทีหลังหรือยังไง หรือไม่ตรวจสอบแล้ว แค่รอออกวีซ่าแล้วส่งคืนเอกสารที่ยึดไปทางไปรษณีย์

    • govisa  On December 16, 2011 at 7:59 am

      น้อง Zomza คะ แปลว่าน้องได้วีซ่าแล้วค่ะ น้องจะได้รับหนังสือเดินทางและI-20 คืนทางไปรษณีย์ด่วน EMS ค่ะ ส่วนเรื่ิองจดหมายรับรองฐานะการเงินและบัญชีออมทรัพย์ไม่ได้แสดงให้กงสุลดู ไม่มีปัญหาเขาไม่ตรวจสอบทีหลังค่ะ อย่างที่หลายคนเคย post คำถามและตอบกัน คือคนโชคดี โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับI-20 ตอบรับเข้าเรียนต่อระดับปริญญา ไม่ว่าจะเป็นตรี-โท-เอก มักจะเป็นผู้มีแผนการเรียนที่แน่นอนและชัดเจน วีซ่าจะผ่านได้ง่ายค่ะ อย่างไรก็ตามพี่ขอโทษที่ตอบน้องช้าและขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ กงสุลถามอะไรน้องบ้างคะ เขียนมาเล่านิดหนึ่งได้ไหมคะ จะได้ให้คนที่เข้ามาอ่านในบล็อกนี้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เมื่อถึงคราวที่จะต้องไปสอบสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

  • jum  On December 19, 2011 at 9:16 pm

    คนที่กรอก ds160 และนัดวันสัมภาษณ์ได้แล้วและ print หน้าที่มีบาร์โค้ท ออกมาแล้วแต่อยากที่จะเข้าไปดูรายเอียดที่เรากรอกประวัติไว้อีกครั้งจะทำได้ไหมคะ

    • govisa  On December 20, 2011 at 5:13 am

      น้อง Jum คะ ทำไม่ได้แล้วค่ะ น้องจะย้อนกลับไปดูสิ่งที่กรอกไว้จะไม่เห็นแล้วค่ะ พี่จึงได้บอกน้องๆว่าถ้าจะ print application form ให้ print ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการ submit และ confirm application form เลยนะคะ เพราะการ print application form ทำได้ครั้งเดียวค่ะ ไม่ต้องยื่น application form ให้กงสุลดูนะคะ กงสุลจะขอดูแค่ DS-160 Confirmation Number เท่านั้น กงสุลมีบาร์โค้ดและมีหมายเลข DS-160 ของน้อง กงสุลสามารถดูรายละเอียดของน้องในเครืองคอมพิวเตอร์ที่สถานกงสุลได้แล้วค่ะ น้อง Jum อย่ากังวลไปเลยนะคะ เชื่อมั่นว่าเรากรอกถูกแล้ว ถ้ามีอะไรผิดพลาดนิดหน่อยและบังเอิญกงสุลถาม ให้ใช้ไหวพริบแก้ไขสถานการณ์เอาค่ะ แต่ถ้าไม่สบายใจมากๆ น้อง Jum ต้องกรอก DS-160 ใหม่ เมื่อ print เสร็จ นำใบยืนยัน DS-160 ใบใหม่และใบเก่าไปให้กงสุลดูทั้ง 2 ใบค่ะ โชคดีนะคะ

  • phanna  On December 21, 2011 at 10:34 pm

    วันนี้ไปสัมภาษณ์มาแล้วค่ะเลยนำประสบการณ์ของตัวเองมาแชร์ให้คนอื่นได้รู้กันค่ะ ดิฉันไปถึงก็ประมาณตีห้าครึ่งมีคนยืนรอบ้างปะปรายค่ะ เข้าแถวรอถึงประมาณหกโมงครึ่งเจ้าหน้าที่่นอ้ง ๆ เสื้อสีชมพูก็มาจัดเรียงลำดับตามประเภทการขอวีซ่า จากนั้นก็เข้าไปฝากอุปกรณ์อิเลคโทนิคต่าง ๆ กับ รปภ. แล้วไปยื่นเอกสารให้กับน้องเสื้อชมภูอีกครั้งก็จะมี Confirm application form, passport, ใบเสร็จ แล้วน้อกก็ให้กรอกที่อยู่กับรายละเอียดบนกระดาษสีฟ้าค่ะก็ไปรอคิดเพื่อสแกนรายนิ้วมือค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ถามคำถามนิดหน่อย เช่น ไปทำไม, ไปกี่เดือน, ไปหาใคร (ไรพอดีดิฉันมีจดหมายเชิญของเพื่อนค่ะ เจ้าหน้าที่ก็เลยขอถามไว้) ทำอาชีพอะไร (ตอบตามที่เขียนใน DS 160 ว่าช่วยกิจการของครอบครัวค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ถามหาทะเบียนการค้าแต่ดิฉันแจ้งว่าที่บ้านไม่มีทะเบียนการค้าค่ะ) ใครจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย (ตอบว่าตัวเองค่ะ) จากนั้นก็ได้เลขที่คิวเพื่อรอสัมภาษณ์กับกงศุลค่ะ ดิฉันได้เป็นลำดับที่ 3 (วันนี้เหมือนคนจะน้อยค่ะเพราะมีกงศุลสัมภาษณ์แค่ท่านเดียว)
    กงศุล : สวัสดีครับ
    ดิฉัน : สวัสดีค่ะ
    กงศุล : คุณชื่ออะไร
    ดิฉัน : พรรณภา ค่ะ
    กงศุล : ไปอเมริกาทำไม
    ดิฉัน : ไปเที่ยวค่ะ
    กงศุล : ไปกี่วัน
    ดิฉัน หนึงเดือนค่ะ
    กงศุล : คุณ (ชื่อเพื่อน) เป็นใคร
    ดิฉัน : เพื่อนค่ะ
    กงศุล : อายุเท่าไหร่
    ดิฉัน เพื่อนบอกอายะประมาณห้าสิบกว่า ๆ ค่ะ พอดีไม่ทราบปีเกิด
    กงศุล : รู้จักกันได้ยังไง
    ดิฉัน : เป็นเพื่อนใน FB ค่ะ
    กงศุล : คุณไม่กลัวเหรอคนที่รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ต
    ดิฉัน ไม่ค่ะเพราะเป็นเพื่อนกันมา ตั้งแต่ปี 2008
    กงศุล : เพื่อนเคยมาเมืองไทยมั๊ย
    ดิฉัน : เพิ่งมาเที่ยวสงกรานต์เมื่อเดือนเมษาค่ะ
    กงศุล : คุณคิดจะแต่งงานเมื่อไหร่ (หรือ มีแผนจะแต่งงานเมื่อไหร่ จำไม่ค่อยได้ค่ะแต่ประมาณนี้ค่ะ)
    ดิฉัน : ไม่มีค่ะ
    กงศุล : ทำไมหล่ะ
    ดิฉัน ก็ยังเป็นเพื่อนกัน
    กงศุล : ผมไม่เชื่อ คุณโกหก ผู้หญิงที่รู้จักกับชาวต่างชาติทางเน็ตมาหลายปีจะเป็นแค่เพื่อนกัน
    ดิฉัน : (เริ่มโมโหเล็กน้อยเพราะเหมือนถูกดูถูกค่ะ) ทำไมละค่ะ ดิฉันก็ยังมีเพื่อนเป็นผู้ชายชาวต่างชาติคนอื่น ๆ ที่รู้จัก
    กงศุล : ยังงั้นแสดงว่าเค้าต้องเป็นกิ๊กของคุณ ผู้หญิงไทยที่รู้จักกับผู้ชายมีอายุชาวต่างชาติทางอินเตอร์ไม่มีใครเป็นแค่เพือนหรอก
    ดิฉัน (อึ้งมากค่ะ) ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ ก็แล้วแต่จะคิดค่ะ (ไม่รู้จะอธิบายยังไงต่อค่ะ)
    กงศุล : ยังงั้นผมต้องขอปฏิเสธวีซ่าของคุณ เพราะคุณไม่ได้แสดงหลักฐานที่แสดงว่ามีความผูกพันกับเมืองไทย (แล้วก็ส่งกระดาษให้ดิฉันพร้อมพาสปอรตคืน ซึ่งเป็นเอกสารกากบาทตรงช่องตามข้อที่กงศุลบอกค่ะ)
    ดิฉัน ขอบคุณค่ะ
    แล้วดิฉันก็เดินออกค่ะ ที่ดิฉันไม่เข้าอย่างมากก็คือกงศุลไม่ได้ขอดูเอกสารอะไรเลยจากดิฉัน แต่ตัดสินจากการถามตอบตามความเข้าใจของท่านเอง ก็เลยอยากจะถามความเห็นของคุณ GOVISA ว่าทำไมกงศุลถึงพิจารณาในกรณีของดิฉันแบบนี้ โดยส่วนตัวดิฉันเองก็เคยคิดไว้อยู่เหมือนกันว่าคงจะไม่ผ่านเพราะตัวเองเป็นสาวโสด ไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคงเพราะทำงานกับครอบครัว แต่พอได้คำแนะนำจากคุณ govisa ก็พยายามเตรียมเอกสารทุกอย่างที่จะแสดงว่าเรามีความมั่นคงและผูกพันกับครอบครัว และคิดว่าจะได้วีซ่าด้วยซ้ำไป ก็รู้สึกผิดหวังนะคะเพราะเอกสารที่เตรียมไปแสดงไม่ได้ถูกเรียกดูสักอย่างเลย พอจะมีคำแนะนำมั๊ยค่ะ หรือความเห็นว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

    • govisa  On December 22, 2011 at 12:08 am

      น้องพรรณภาคะ ก่อนอื่น พี่ขอแสดงความเสียใจที่น้องไม่ผ่านวีซ่าค่ะ ถ้าน้องดูที่คำถามตั้งแต่ ” อายุของเพื่อน และรู้จักเพื่อนได้อย่างไร” คำตอบของน้องแสดงให้กงสุลไม่มั่นใจ่า น้องรู้จักสนิทกับเพื่อนน้องมากขนาดไหนค่ะ น้องไม่สามารถบอกอายุที่แน่นอนของเพื่อนได้ค่ะ โดยน้องตอบว่า “ไม่ทราบปีเกิด” และ รู้จักผ่าน FB ส่วนใหญ่ใน Profile ของ Facebook สมาชิกมักจะบอกปีที่เกิดกับเพื่อนที่ยืนยันรับว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว หรือมีการเตือนเมื่อถึงวันเกิดเพื่อนชื่อนี้ เพื่อน้องๆจะได้ส่งข้อความอวยพรไปแชร์ค่ะ เป็นต้น แต่ก็อาจจะมีบ้าง ที่เพื่อนบางท่านอาจจะไม่อยากเปิดเผยอายุของตัวเอง เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว หรือ ด้วยเหตุผลอื่นๆ

      โดยปกติ การสอบสัมภาษณ์ กงสุลจะตั้งโจทย์ไว้ในใจแล้วว่า คนที่เข้ามาขอสัมภาษณ์วีซ่า อาจจะไม่อยากกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย ดังนั้น ผู้ถูกสัมภาษณ์ต้องพยายามปกป้องและหาเหตุผลยืนยันเพื่อให้กงสุลมั่นใจว่า เราจะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยแน่นอนเมื่อเสร็จภาระกิจค่ะ เอกสารต่างๆที่น้องนำไปด้วยแม้กงสุลไม่ได้ระบุว่า “คุณช่วยหยิบสิ่งนี้มาให้ผมดู” แต่พี่เคยเขียนอธิบายน้องบางท่านที่เขียนมาถาม โดยแนะนำเทคนิคไปแล้วว่า ถ้าน้องคิดว่าควรยื่นเอกสารทางการเงิน หรืออื่นๆสนับสนุนเหตุผลที่เราต้องการอธิบายกงสุลในช่วงจังหวะะที่กงสุลถามคำถามที่เหมาะสมกับเอกสารเรา ให้รีบพูดขออนุญาตนำจดหมายรับรองฐานะการเงินมาสนับสนุนข้อมูลเลยว่า”เราไม่ใช่กิ๊ก” เพราะคุณพ่อคุณแม่มีฐานะดี เป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารมา 4 ปี ตัวน้องเองก็มีบัญชีเงินฝาก 4-5 แสนบาท และมี สลากออมสินอีก 1 ล้านบาท ในการสอบสัมภาษณ์บางครั้งอาจมีคำถามที่ทำให้เราไม่พอใจ เรามีหน้าที่ต้องควบคุมสติให้นิ่งที่สุด และตอบตามหลักการที่มีเหตุผลอย่างที่บอกไป และเราอาจเสริมอีกด้วยว่า เราอยากไปแค่เที่ยวแล้วกลับ เพราะเราคุ้นเคยกับชีวิตในเมืองไทยมากกว่า หรือถ้าเพื่อนน้องอยู่ในรัฐที่หนาวๆ เราอาจตอบไปในทำนองว่า เราไม่ชอบอากาศหนาวมากนัก เพื่อนวางแผนพาไปเที่ยวกับครอบครัวของเพื่อนในรัฐที่ไม่หนาว เช่น California เป็นต้น และที่สำคัญที่สุด น้องต้องกลับมาดูแลพ่อแม่ที่อายุเพิ่มขึ้น เพราะวัฒนธรรมไทย สอนให้คนรุ่นเด็กไม่ทิ้งพ่อแม่ยามแก่เฒ่าค่ะ หรือ ในกรณีน้องอาจตอบย้ำไปอีกว่า คนที่น้องรู้จักเขามีครอบครัวแล้ว(หรือยัง มีบุตรธิดากี่คน ถ้าน้องมีข้อมูลเหล่านี้จะดีมากค่ะ) พี่ก็เพิ่งทราบจากน้องว่า น้องรู้จักเพื่อนผ่านทาง FB ค่ะ

      ส่วนการประเมินเรื่องการรู้จักกันผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นเรื่องปกติที่ไม่เพียงแต่สังคมตะวันตกที่วิตกกังวลถึงความมั่นคงยั่งยืนของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนในลักษณะนี้ แม้แต่คนไทยก็เป็นห่วงเด็กๆในเรื่องของการใช้สื่อชนิดนี้อยู่ว่า เด็กๆจะมีวิจารณญาณดีพอหรือยังค่ะ ผู้ปกครองควรให้คำนะนำกับน้องๆที่ยังเป็นวัยเด็กและวัยรุ่นอยู่ไหมในเรื่องนี้ค่ะ เพราะการมีข่าวเรื่องการหลอกลวงกันทางอินเทอร์เน็ตในหน้าหนังสือพิมพ์ก็พอมีให้อ่านกันอยู่บ้างเป็นระยะๆค่ะ

      ดังนั้นในกรณีของน้อง ถ้าน้องจะขอวีซ่าใหม่อีกครั้ง น่าจะทอดระยะเวลาออกไปอีกประมาณครึ่งปีถึงหนึ่งปี พยายามทำงานเก็บเงินให้มากกว่านี้ ถ้าน้องย้อนไปอ่านที่พี่เขียนตอบน้องเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่น้องเขียนมาถามพี่ครั้งแรก พี่ได้แนะนำให้น้องเดินทางไปกับเอเจนซี่ทัวร์มากกว่า และถ้าน้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารน้อย พี่แนะนำให้เพื่อนน้องทำจดหมายเชิญมา เพื่อให้กงสุลเห็นว่า น้องมีที่พักโดยที่น้องไม่ต้องเสียเงินค่าโรงแรมที่พักค่ะ และแนะนำให้คุณพ่อหรือคุณแม่ที่มีบัญชีเงินฝากเป็น sponsor ร่วมกันกับน้องด้วยค่ะเพื่อให้ดูมีฐานะทางครอบครัวดี มีความผูกพันกัน อนึ่ง บัญชีของน้องเองค่อนข้างน้อย ถ้าจะไปเที่ยวนาน 1 เดือนค่ะ

  • phanna  On December 22, 2011 at 11:19 am

    ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำและ ความเห็นในการพิจารณาของกงสุล ซึ่งดิฉันก็เข้าใจว่าการที่รู้จักเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต (โดยเฉพาะผู้ชาย) สามารถให้คนตีความหมายได้ในทางนั้น แต่ด้วยความที่คิดว่าเราบริสุทธิ์ใจที่จะพูดความจริงก็เราบอกตรง ๆ ไปค่ะ ข้อมูลบางอย่างเพื่อนหลายคนก็ไม่ได้แจ้งหมดใน FB ซึ่งฝรั่งบางคนเค้าจะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะตามที่คุณ govisa เข้าใจ โดยส่วนตัวดิฉันก็เคยถามเหมือนกันค่ะว่าเค้าเกิดวันไหนเพราะไม่โชว์ในโปรไฟล์ เพื่อนก็จะบอกแต่วันเกิดกับเดือนแต่ไม่ได้บอกปีเพราะเค้าเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตัวดิฉันรู้ว่าเค้าอายุห้าสิบกว่า ๆ เพราะเค้าบอกพี่ชายดิฉันตอนคุยกันว่าอายุเท่ากันค่ะ (พี่ชายอายุ 50 ย่าง 51) ก็เลยตอบตามที่รู้ ก็เลยอาจจะทำให้กงสุลคิดได้ตามที่คุณ Govisa ว่าเราไม่รู้จักเพื่อนดีพอหรือเปล่า ซึ่งดิฉันก็ยอมรับว่าตอนที่กงสุลบอกว่าเราโกหกนั้นรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาบ้าง พอเราปฏิเสธก็ว่าเป็นกิ๊กยิ่งทำให้ขาดสติคิดอะไรไม่ออกเราตอนนั้น มีความรู้สึกเหมือนถูกตัดสินว่าผิดทั้งที่ยังไม่ได้กระทำอะไรค่ะ ครั้งนี้ดิฉันจะถือว่าเป็นบทเรียนที่จะต้องจำไว้ถึงข้อผิดพลาดในการขอวีซ่าของดิฉัน ตอนนี้คิดว่าคงจะหาที่เที่ยวใกล้ ๆ เมืองไทยไปก่อนค่ะแล้วโอกาสหน้าค่อยหาโอกาสไปเที่ยวบ้านเพื่อนอีกครั้งก็ได้อาจจะ 6 เดือน หรือ 1 ปีตามที่คุณ govisa แนะนำค่ะ คิดว่าประสบการณ์ของดิฉันอาจจะสามารถเป็นแนวทางของน้อง ๆ เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่อาจจะมีคุณสมบัติคล้ายดิฉันได้ใช้พิจารณาในการเตรียมความพร้อมที่จะตอบคำถามของกงศุลได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะค่ะ ถ้ามีโอกาสในอนาคตข้างหน้าอาจจะได้มาข้อคำแนะนำจากคุณ govisa อีกครั้งค่ะ เพราะมีความรู้สึกว่าคำตอบและแนะนำมีประโยชน์มากและทำให้เกิดความมั่นใจด้วยค่ะ

  • phanna  On December 22, 2011 at 11:25 am

    คุณ Govisa ค่ะ หากดิฉันมีปัญหาต้องการจะปรึกษาเป็นการส่วนตัวไม่ทราบว่าจะสะดวกหรือเปล่าค่ะ คิดว่าไม่ค่อยเหมาะที่จะโพส์ตข้อความที่นี่ค่ะ ถ้าคุณ Govisa สะดวกหรือไม่อย่างไรรบกวนแจ้งกลับที่อีเมลล์ของดิฉันก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On December 22, 2011 at 12:15 pm

      น้องพรรณภาคะ ถ้าน้องมีปัญหาสงสัยอยากปรึกษาเป็นการส่วนตัว พี่เคยแนะนำน้องๆหลายคนที่เขียนมาถามนะคะว่า ให้เข้าไปศึกษาจากเว็บไซต์ EducationUSA พี่ลอง search เว็บไซต์นี้ดู และได้รับประโยชน์จากเจ้าหน้าที่ของเขานอกเหนือไปจากข้อมูลของเว็บไซต์ จึงขออนุญาตแนะนำน้องค่ะ ในเว็บไซต์จะมีหลายหน่วยงานให้น้องๆที่มีปัญหาในการติดต่อด้านการศึกษา การติดต่อสถานที่เรียนในสหรัฐอเมริกา หรือ การขอคำแนะนำในด้านอื่นๆ น่าจะพอขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานเหล่านั้นได้ค่ะ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ให้แนวคิดแก่เราไปหาทางแก้ไขได้ค่ะ ลองดูนะคะ http://www.educationusa.info/Thailand#.TvK4YdRp4ug

      อนึ่ง ถ้าน้องติดต่อไปแล้วไม่ได้รับความสะดวก ให้น้องลองดูใหม่ช่วงหลังปีใหม่ไปแล้วนะคะ ทั้งนี้เพราะช่วงปลายสัปดาห์นี้ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 วัน กับสัปดาห์หน้าซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ จัดว่าเป็นช่วงเวลาใกล้ฉลองปีใหม่กันเต็มทีแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานจะอยู่กันครบเต็มที่เหมือนยามปกติไหม พี่ก็ไม่ทราบนะคะ ยิ่งที่ทำงานที่เป็นแบบฝรั่งอาจจะต้องมีวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่ด้วยหรือเปล่า น้องลองตรวจสอบจากสถานที่ติดต่อในเว็บไซต์ดูนะคะ

  • Piggy  On December 23, 2011 at 2:48 pm

    กรณีที่ 1: จะไปขอวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อไปเยี่ยมพี่สาวของแฟน (ผู้ได้รับทุนเรียนปริญญาโทที่ Standford University, SF) โดยจะเดินทางไปและกลับพร้อมกับแฟน (ผู้ที่มีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว ทำงานในกรุงเทพฯ และลางานได้พร้อมกัน) ในเดือนเมษายน 2555 ค่ะ… อยากทราบว่า…

    [1] ควรให้พี่สาวของแฟนออกจดหมายเชิญ โดยมีเนื้อหาว่าอย่างไรบ้างคะ… ต้องมีการเขียนอีเมลล์ตอบกลับไป-มาหรือไม่… พอดีพี่สาวแฟนกลับมาดูแลเรื่องการซ่อมบ้านหลังเหตุการณ์น้ำท่วม (ประมาณ 2 อาทิตย์) เลยได้เจอหน้ากันอยู่เป็นประจำอยู่แล้วอ่ะค่ะ
    [2] ใน Section ‘US Contact Information’ ควรระบุชื่อพี่สาวของแฟนใช่หรือไม่ (จะไปพักอยู่กับพี่สาวแฟนตลอดทริป ประมาณ 11 วัน) และควรระบุ ‘Relationship’ ว่าอะไรคะ… ใช่ ‘ญาติ’ หรือไม่คะ
    [3] ควรให้พี่สาวของแฟนเตรียมเอกสารอะไรให้บ้าง เช่น หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนที่อเมริกา, หนังสือรับรองการได้ทุน, I-20 ฯลฯ
    [4] การเดินทางไปและกลับพร้อมกับแฟน ให้ระบุชื่อแฟนเป็นหนึ่งในกลุ่มที่จะเดินทางด้วยใช่หรือไม่คะ… ต้องมีเอกสารของแฟนหรือไม่… ควรเตรียมรูปถ่ายเพื่อยืนยันความสัมพันธ์หรือไม่คะ
    [5] ตอนนี้มีอายุงาน 4 เดือนเศษๆ (เคยทำงานให้บริษัทอื่นมาประมาณ 2 ปี โดยลาออกช่วงเมษายน 2554 เพื่อดูแลคุณพ่อที่ป่วย จากนั้นเดินทางไปเที่ยวยุโรป และกลับมากรุงเทพฯเดือนสิงหาคม 2554) อยากทราบว่า จะมีปัญหาอะไรเวลาสัมภาษณ์หรือไม่คะ
    [6] สมุดบัญชีธนาคาร ควรนำไปแสดงหลายเล่มหรือไม่คะ… พอดีเล่มที่มีจำนวนเงินเยอะ (7 หลัก) ไม่ได้มีการเข้า-ออกของเงินบ่อยครั้ง… ส่วนบัญชีเงินเดือน เป็นบัญชีเปิดใหม่ เลยยังมีจำนวนเงินอยู่น้อยมาก… ถ้านำไปเฉพาะเล่มที่มีจำนวนเงินเยอะหลายเล่ม เพียงพอหรือไม่คะ
    [7] ควรต้องมีเอกสารอะไรเพิ่มเติมของคุณพ่อ (ทำธุรกิจ) คุณแม่ (แม่บ้าน) หรือไม่คะ
    [8] คุณลุง (พี่ชายของคุณแม่) เป็น Citizen ที่อเมริกา (อยู่ LA) แต่พอคุณลุงเกษียณ คุณลุงก็ย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยได้หลายปีแล้ว… แบบนี้ควรระบุว่ารู้จักใครที่นั่นหรือไม่คะ… อ่อ ลูกชายคุณลุงยังทำงานอยู่ที่นั่น เป็น Citizen เช่นเดียวกัน แต่ว่าไม่ค่อยสนิท ไม่ทราบรายละเอียดอะไรของลูกพี่ลูกน้องคนนี้สักเท่าไหร่อ่ะค่ะ… แบบนี้กรอกในแบบฟอร์มว่า ‘ไม่รู้จักใครที่นั่น’ ใช่หรือไม่คะ

    >>>>>>>>>>>>

    กรณีที่ 2: พี่ชายมีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว พี่สะใภ้ (จดทะเบียนสมรสกับพี่ชายแล้ว) จะไปขอวีซ่าอเมริกาให้ตัวเอง และลูกสาว 2 คน (แฝด อายุ 3 ปี) เพื่อไปเที่ยวด้วยกันช่วงปลายปี 2555… โดยพี่ชายและลูกสาวของพี่ชายมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน แต่พี่สะใภ้ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านนี้… อยากทราบว่า…

    [9] การจองคิว สามารถจองสำหรับพี่สะใภ้ และลูกสาว 2 คนพร้อมกันในกลุ่มเดียวได้หรือไม่… หรือควรแยกเป็น 2 กลุ่ม… พอดีเห็นว่าผู้เป็นแม่และผู้เป็นลูกมีชื่ออยู่ในคนละทะเบียนบ้านกัน เกรงจะมีปัญหา (ทั้ง 3 คนใช้นามสกุลเดียวกัน)
    [10] ทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง แต่ถ้าพี่สะใภ้และลูกสาว 2 คนไปขอวีซ่าอเมริกาพร้อมกัน อาจมีผลทำให้ทางสถานทูตเข้าใจผิดว่า ทั้งครอบครัวนี้อาจจะย้ายไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นั่นและไม่ยอมกลับมาประเทศไทยหรือไม่คะ

    >>>>>>>>>>>>

    รบกวนให้คำแนะนำด้วยนะคะ… ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On December 23, 2011 at 11:31 pm

      @ น้อง Piggy คะ

      1. น้องสามารถขอวีซ่านักท่องเที่ยวเองได้โดยไม่ต้องใช้จดหมายเชิญจากพี่สาวแฟน น้องอาจจะมีใบรายการทัวร์ของบริษัทที่น่าเชื่อถือในเมืองไทยว่า น้องจะลาพักร้อนไปเที่ยวกับบริษัททัวร์เจ้านี้ มีหลักฐานเป็นจดหมายรับรองการทำงานจากทั้งที่เก่าและใหม่ พร้อมทั้งบัญชีเงินฝากในธนาคารที่น้องบอกว่าเป็นเลข 7 หลัก จะเอาไปทุกเล่มที่น้องมีก็ได้ เพราะดูฐานะมั่นคงดี และอาจจะนำหลักฐานอื่นๆ เช่น ใบทะเบียนการค้้าของคุณพ่อ หรือบุ๊คบัยชีเงินฝากของพ่อติดไปด้วย กรณีกงสุลถามพาดพิงไปถึงผู้ปกครองว่า มีอาชีพอะไร จะได้พร้อมหยิบเอกสารให้ท่านดู แต่ถ้าไม่ถามถึงก็แล้วไปค่ะ ถือว่า เตรียมเอกสารไปเยอะหน่อย สบายใจดีค่ะ น้องอาจจะบอกไปเที่ยว 7 วัน หรือ 10 วันตามที่บริษัททัวร์จัดไป San Francisco ขากลับ อาจจะบอกแวะเยี่ยมเพื่อน คือพี่สาวแฟนก็ได้ค่ะ ที่จริงถ้าน้องยังไม่ได้แต่งงานกับแฟน พี่สาวแฟนก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเราในทางกฎหมาย เพียงแต่วัฒนธรรมไทย เรามีการให้ความเคารพนับถือผุ้อาวุโสกว่า แต่สำหรับฝรั่ง อาจจะคิดคนละอย่างกันค่ะ การที่พี่สาวแฟนจะเข้ามาเป็นพี่สาวเราก็เป็นเรื่องผูกพันกันทางกฎหมายค่ะ เขาจึงใช้ศัพท์ว่า sister-in-law

      2. การที่บางท่านต้องการให้เพื่อนหรือญาติทำจดหมายเชิญส่งมาให้ เพราะเขาเหล่านั้นอาจจะมีเงินในบัญชีธนาคารน้อย การมีจดหมายเชิญ ทำให้ผู้ยื่นขอวีซ่าสามารถแจ้งกงสุลได้ว่า เราจะไปพักอยู่ที่บ้านญาติคนนี้ เป็นการ save ค่าที่พัก+ค่าอาหาร หรือบางท่าน อาจมองภาพว่า save ค่าเดินทางไปเที่ยวได้อีกด้วย เพราะให้ญาติพาไปเที่ยว ทำให้แสดงหลักฐานทางการเงินน้อยได้ แต่หลังจากที่พี่อ่านเรื่องราวของน้องแล้ว พี่คิดว่า การที่น้องใช้คำว่า “แฟน” ก็คงหมายความว่ายังไม่ได้แต่งงานกัน น้องเองก็มีฐานะที่มั่นคงดี น่าจะมีอิสระในการยื่นขอวีซ่าได้เองโดยไม่ต้องใช้จดหมายเชิญจากพี่สาวแฟนค่ะ แต่ถ้าต้องการใช้จดหมายเชิญพี่สาวแฟน จะระบุว่า เขาเป็นญาติกับเราก็จะยุ่งอีกว่า เป็นญาติทางไหน เพราะคนละนามสกุลกัน บางท่านที่ยื่นขอวีซ่าก็โมเมกับกงสุลว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องไปเลยก็มีค่ะ นั่นคือ เหตุผลที่พี่ถึงชี้แจงว่า น้องน่าจะใช้วิธีการที่ 1 ก็ได้ค่ะ และตัวน้องก็เคยมีวีซ่าไปเที่ยวประเทศในยุโรปมาแล้วไม่น่าจะมีปัญหาในการขอวีซ่าไปท่องเที่ยวที่อเมริกานะคะ

      3. ถ้าจะขอเองโดยไม่ต้องพึ่งพาพี่สาวแฟนนะคะ ตรงที่ถามว่า US Contact Information จะใส่ชื่อใคร น้องจะใส่ชื่อพี่สาวแฟน และบอกว่า เป็นเพื่อนรุ่นพี่ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาก้ได้ค่ะ ส่วนที่พักดูจากใบรายการทัวร์ว่า เขาจัดไปพักที่ไหนในเมืองนั้น search หาชื่อโรงแรมดังกล่าวใน website ได้ที่อยู่โรงแรมนั้นนำไปกรอกในช่องที่ถามว่า เราจะไปพักที่ไหนค่ะ และตรง US Contact จะใส่ชื่อโรงแรมที่จะไปพักว่าเป็น US Contact ก็ได้ค่ะ

      4. ขอย้ำว่า case น้อง piggy ถ้าจะขอวีซ่าคนเดียวก็ย่อมทำได้แน่นอนค่ะ ที่พี่แนะนำเช่นนี้ พี่พิจารณาเป็นรายบุคคลนะคะ ในกรณีของน้องมีฐานะการเงินมั่นคง มีการทำงานที่เป็นเรื่องเป็นราวทั้งของเก่าที่ทำมา 2 ปี และของใหม่อีก 4 เดือนเศษ ที่บ้านมีกิจการเอง หลักทรัพย์ในบัญชีเป็นเลขหลักล้าน น้องสามารถระบุว่า เราเป็นผู้เดินทางหลัก ไม่ได้เดินทางร่วมกับใครได้เลยค่ะ แต่ถ้าต้องการจะระบุว่า น้องจะเดินทางไปกับแฟน ให้น้องถ่ายเอกสารหน้าที่มีวีซ่าเข้าอเมริกาของแฟนติดไปด้วย และควรมีแผนการเดินทางที่ค่อนข้างชัดเจน เช่น เราวางแผนจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างในซานฟรานซิสโก เพราะมีน้องบางท่านที่ขอวีซ่าไปเที่ยวเคยถูกกงสุลตั้งคำถามว่า ให้บอกชื่อสถานที่ที่วางแผนว่าจะไปเที่ยวให้ฟังค่ะ และมีจดหมายเชิญจากพี่สาวแฟนประกอบไปด้วยก้ได้ว่า น้องชายจะไปเยี่ยมพี่สาวที่กำลังเรียนอยู่ที่ Stanford University อาจจะให้พี่สาวแฟน xerox I-20 ให้น้องไว้ด้วยก็ได้ค่ะ

      5. ส่วนเรื่องลุงไม่ต้องพุดอะไรเลยค่ะ เพราะเขากลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้ว ส่วนลูกลุง ความเป็นญาติก้เริ่มห่างออกไปแล้วค่ะ กรอกว่าไม่มีญาติไปเลยได้ค่ะ

      • Piggy  On December 24, 2011 at 5:37 pm

        ขอบคุณมากเลยค่ะ… พอดีวันนี้เพิ่งสังเกตว่าหนังสือเดินทางจะหมดอายุช่วงกลางเดือนธันวาคม 2555 (กำหนดเดินทางไป SF ช่วงเมษายน 2555)… แบบนี้ควรไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ก่อนทำการขอวีซ่าอเมริกาหรือไม่คะ? หรือไม่จำเป็นคะ? [ไม่อยากไปทำ เพราะเสียเวลาลางาน เดินทาง]… รบกวนแนะนำด้วยค่ะ

      • govisa  On December 24, 2011 at 9:34 pm

        น้อง Piggy คะ น้องเดินทางเมษายน 2555 หนังสือเดินทางหมดอายุธันวาคม 2555 วีซ่าท่องเที่ยวที่ประเทศอเมริกาให้ผู้เดินทางคือ 10 ปี ดังนั้นถ้าน้องจะมีการเดินทางไปอเมริกาอีกครั้งหลังธันวาคม 2555 น้องต้องไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ และไม่สามรถย้ายวีซ่าจากหนังสือเดินทางเล่มเก่ามาไว้ในเล่มใหม่ได้ ดังนั้น น้องต้องถือหนังสือเดินทาง 2 เล่ม คือ เล่มเก่าและเล่มใหม่ แต่ถ้่น้องยอมเสียเวลาไปหนังสือเดินท่งเล่มใหม่แล้วใหทางกรมกงสุลส่งหนังสือเดินทางเล่มใหม่ทางไปรษณีย์ ซึ่งก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยนะคะ และไม่ได้เสียเวลามากค่ะ พี่แนะนำให้น้องไปติดต่อขอทำเล่มใหม่เถอะค่ะ

      • Piggy  On December 26, 2011 at 4:02 pm

        ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะพี่ Govisa… ขอสอบถามเพิ่มเติมนะคะ;

        [1] อายุการทำงาน 2 ปีก่อนหน้านี้ แยกเป็น 2 บริษัท บริษัทละ 1 ปีโดยประมาณ… จะถูกมองว่าเปลี่ยนงานบ่อยรึเปล่าคะ? เผอิญไม่มีเอกสารรับรองการทำงานที่เป็นฉบับจริงเหลืออยู่แล้ว สามารถใช้ฉบับสำเนาได้หรือไม่คะ?

        [2] บริษัทปัจจุบันที่ทำงานอยู่เป็นของที่บ้าน (อายุการทำงาน 4 เดือนเศษ)… ควรให้ HR Manager เซนต์รับรอง หรือ MD (คุณพ่อ) เซนต์รับรองดีคะ? — ในจดหมายระบุตำแหน่ง วันที่เริ่มทำงาน อัตราเงินเดือน และข้อมูลระยะเวลาการลาหยุดไปประเทศอเมริกาชัดเจนค่ะ

        [3] ถ้าการจ่ายเงินเดือนไม่ได้โชว์อยู่ในสมุดบัญชีธนาคาร แต่เป็นการได้รับเงินสดจากคุณพ่อทุกๆเดือน (โดยไม่มีเอกสารใดยืนยัน) จะเป็นอะไรหรือไม่คะ? เพราะสมุดบัญชีธนาคารเล่มที่เงินเดือน (ของบริษัทเก่า) เข้ามา จะสิ้นสุดอยู่ที่เดือนเมษายน 2554 อ่ะค่ะ

        [4] “Primary Occupation” ที่ให้กรอกในแบบฟอร์มออนไลน์ หมายถึง อาชีพแรก (บริษัทแรก) ที่ทำงานใช่หรือไม่คะ?

        [5] กำลังคิดว่าจะขอวีซ่าอเมริกาโดยใช้รายละเอียดโปรแกรมทัวร์ (ไม่อ้างอิงถึงพี่สาวแฟน)… แล้วถ้าเลือกระบุว่า “ไปคนเดียว” จะดูแปลกไหมคะ? กำลังคิดว่าจะระบุว่าไปทัวร์กับแฟน โดยจะให้แฟนเอาจดหมายรับรองการทำงาน และสำเนาวีซ่าอเมริกามาเตรียมไว้ให้เป็นหลักฐานอ่ะค่ะ… แบบไหนดีกว่าคะ?

      • govisa  On December 27, 2011 at 8:25 am

        น้องPiggy คะ
        1. อายุการทำงานกับจดหมายรับรองการทำงาน ถ้าไม่มีของที่ทำงานเก่าไปขอใหม่ได้ไหมคะ ถ้าเขาไม่ออกให้ ก็คงต้องแจ้งทางกงสุลว่า ที่ทำงานออกให้ครั้งเดียว ครั้งที่แล้ว น้องเอาไปใช้ในกรณีไหน….เป็นต้น ครั้งนี้ขออนุญาตใช้ฉบับที่ถ่ายเอกสารค่ะ ส่วนของที่บ้านให้ HR หรือ MD ใครก็ได้ค่ะ เพราะผู้บริหารตามองค์กรให้มักใช้ HR ของฝ่ายบริหารก็มีค่ะ
        2. เปลี่ยนงานบ่อย มันขึ้นอยู่กับการให้เหตุผลของน้องค่ะ บางคนอาจจะมีที่ทำงานใหม่เสนอเงินเดือนที่สูงกว่า หรือบางคนทางบ้านอาจอยากให้มาบริหารงานที่บ้านค่ะ
        3. การจ่ายเงินเดือน ให้จดหมายรับรองการทำงานระบุอัตราเงินเดือนและตำแหน่งงานด้วย ส่วนบุ๊คบัญชีถ้ากรณีกงสุลขอดูค่อยอธิบายว่าได้รับเป็นเงินสดแล้วน้องได้นำเงินไปออมในรูปแบบใดเช่น อาจเป็นการซื้อกองทุนหรืออื่นๆค่ะ
        4.Primary Occupation เริ่มจากงานปัจจุบันก่อนค่ะ
        5. ไปคนเดียวไม่แปลกเพราะน้องเอาใบรายการทัวร์ให้เขาดูหรือมิเช่นนั้นให้กรอกว่า น้องไปเป็นกรุ๊ปแล้ว คำถามต่อไปที่ให้ระบุชื่อ ให้ใส่ชื่อบริษัททัวร์ที่น้องเอาใบรายการทัวร์ให้เขาดูค่ะ หริอน้องจะใส่ว่าไปกับเพื่อนชายก็อยู่ในดุลยพินิจของน้องนะคะ

    • govisa  On December 23, 2011 at 11:40 pm

      น้อง Piggy คะ กรณีที่2 ให้พี่สะใภ้ย้ายชื่อเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกับพี่ชายและลูก จะง่ายกว่าค่ะ เพราะถ้าไม่ได้อยู่ทะเบียนบ้านเดียวกันแม้จะเป็นแม่ลูกกัน ก็ต้องซื้้อพินนัดวันสัมภาษณ์ 2 ครั้งหรือคนละพินกัน ถ้าโชคดีคิวนัดสัมภาษณ์ไม่แน่น ก็อาจจะจองได้วันนัดสัมภาษณ์วันเดียวกันค่ะ แต่ลูกเพิ่งจะอายุ 3 ขวบ ดูแล้วจึงแนะนำว่าพี่สะใภ้ ย้ายเข้ามาอยู่ทะเบียนบ้านเดียวกัน น่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ง่ายที่สุดค่ะ เวลาไปสัมภาษณ์ให้พี่สะใภ้ xerox หน้าที่มีวีซ่าของพี่ชายไปด้วยค่ะ อย่ากังวลว่า กงสุลจะเข้าใจผิดว่าไปอยู่ทีนั่นเลย ถ้าพี่สะใภ้สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน ยืนยันว่า ไปเที่ยวเสร็จก็จะกลับมาทำงานที่เดิม เพราะลูกก็ยังเล็กอยู่ อยากให้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยสักระยะหนึ่งก่อน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการขอวีซ่าค่ะ

  • ทราย  On December 24, 2011 at 1:24 am

    สวัสดีค่ะ ดิฉันได้อ่านข้อมูลทั้งหมดแล้วต้องบอกว่าภูมิใจ และ ขอบคุณคุณมากๆ ค่ะ คุณช่วยคนอื่นๆ ได้เยอะมากเลยค่ะ ดิฉันนับถือคุณมากๆ ตอนนี้ดิฉันมีเรื่องรบกวนจะขอข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยค่ะ
    คือดิฉันกำลังจะทำเรื่องขอวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อไปเยี่ยมแฟน และครอบครัวของเค้า ดิฉันเคยเดินทางไปท่องเที่ยวมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 2005 ตอนอยู่มหาลัยปีสุดท้าย ตอนนั้นดิฉันจ้างทราเวลลิ้งเอเจ้นท์ดำเนินการทุกอย่างหมดจึงไม่รู้เรื่องการขอวีซ่าอะไรเลย มาถึงตอนนี้ดิฉันต้องการจะดำเนินการทุกอย่างเองค่ะ
    แฟนของดิฉัน(ยังไม่ได้แต่งงาน) จะเป็นสปอนเซอร์สำหรับทริปนี้ให้กับดิฉัน และได้ส่งเอกสารตามด้านล่างนี้มาให้ดิฉันแล้วค่ะ
    1. Invitation letter เพื่อแจ้งความสำพันธ์ระหว่างดิฉัน กับแฟน พร้อมแสดงเหตุผลในการเชิญ และยืนยันว่าจะเป็นสปอนเซอร์ในทริปนี้
    2. Pay slipt ใบสลิปเงินเดือน 6 เดือนหลังสุด
    3. Bank account ย้อนหลัง 6 เดือน
    4. ก๊อปปี้พาสปอร์ตใบหน้าหลัก และ ทุกๆ ใบที่แสตมป์ตราประทับตลอดการเดินทางมาที่เมืองไทย
    5. ก๊อปปี้ ID card
    6. แฟนได้ส่ง Email เก่าๆ ที่พวกเราได้คุยกันมาให้ดิฉันปริ้นไปเพื่อแสดงความสัมพันธ์ด้วย ส่วนของใหม่ๆ ดิฉันจะปริ้นไปจากของอีเมลดิฉันเอง
    *** ไม่ทราบว่าเอกสารของแฟนดิฉันที่เป็นสปอนเซอร์ต้องใช้อะไรอีกไหมค่ะ ต้องให้เค้าส่งสำเนาทะเบียนบ้านของเค้ามาด้วยหรือเปล่า***

    ส่วนตัวดิฉันเปิดธุรกิจร้านเน็ตค่ะ เริ่มจดทะเบียนพาณิชย์ตอนเดือนสิงหาคม ปีนี้ และเพิ่งได้ใบอนุญาติฉายวีดีทัศน์เมือ 15/12 ที่ผ่านมา ทั้ง 2 อย่างมีชื่อ และ รูปของดิฉันติดอยู่ค่ะ เอกสารที่ดิฉันเตรียมไว้คือ
    1. ทะเบียนบ้านตัวจริง + สำเนา (ดิฉันไม่ใช่เจ้าบ้านค่ะ)
    2. บัตรประชาชนตัวจริง + สำเนา
    3. รูปถ่าย 2 * 2 นิ้ว
    4. ใบจดทะเบียนพาณิชย์ตัวจริง + สำเนา
    5. ใบอนุญาติฉายวีดีทัศน์ตัวจริง + สำเนา
    6. Statement จากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน
    7. Book bank ตัวจริง
    8. แฟ้มรูปภาพถ่ายของตัวดิฉัน และ แฟนตอนที่แฟนมาเมืองไทย และไปเที่ยวตามที่ต่างๆ และไปเยี่ยวครอบครัวของดิฉัน ในแฟ้มจะเขียนอธิบายถึงชื่อคน และ สถานที่ที่ไป
    9. แฟ้มรูปถ่ายของครอบครัวแฟน พร้อม แฟ้มรูปถ่ายของแฟนในการทำกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อน เพื่อยืนยันว่าเราคบกันมานาน และเรารู้จักกันดีจริงๆ
    10. อีเมลใหม่ + เก่าที่คุยกับแฟน
    *** ไม่ทราบว่าเอกสารที่ดิฉันเตรียมไว้ครบหรือยังค่ะ ดิฉันทราบว่าจะต้องมีการแปลเอกสารบางตัวให้เป็นภาษาอังกฤษ เอกสารตัวไหนบ้างค่ะที่ดิฉันต้องเอาไปแปล ***

    ดิฉันแพลนจะเดินทางตอนอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษายน เพราะหลานๆ จะปิดเทิอมและจะเข้ามาดูแลร้านให้ ดิฉันไม่มีลูกจ้างค่ะ จะเดินทางไปแค่ 3 อาทิตย์ ก็จะกลับเพราะหลานชายคนโตเปิดเทิอมเร็ว จึงต้องกลับมาดูแลร้านต่อค่ะ ดิฉันแพลนว่าถ้าเอกสารครบหมดแล้วจะเริ่มขั้นตอนการกรอกใบสมัครเลยค่ะ น่าจะประมาณกลางเดือนมกราคม

    รบกวนช่วยดิฉันหน่อยนะค่ะ หากมีข้อมูลอะไรที่ต้องการเพิ่มเติมก็ถามมาได้เลยนะค่ะ

    ขอบคุณมากๆ มา ณ. ที่นี้ค่ะ
    ทราย

  • ทราย  On December 24, 2011 at 2:08 pm

    สวัสดีค่ะ ดิฉันได้อ่านข้อมูลทั้งหมดและได้รับความรู้เพิ่มเติมเยอะมากเลย ขอบคุณนะค่ะที่ได้จัดทำบล๊อกนี้ขึ้นมา ดิฉันมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ ที่จริงดิฉันได้เขียนไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อคืนนี้แต่ยังไม่เห็นคอมเม้นท์ของดิฉันแสดง จึงเขียนมาอีกรอบค่ะ

    ดิฉันกำลังจะทำเรื่องขอวีซ่าไปอเมริกาค่ะ แฟนของดิฉัน(ยังไม่ได้แต่งงานกัน) จะเป็นสปอนเซอร์สำหรับทริปนี้ และดิฉันจะไปพักที่บ้านแฟนค่ะ แฟนดิฉันได้ส่งเอกสารตามด้านล่างนี้มาให้
    1. สำเนาพาสปอร์ตหน้าหลัก และทุกๆ หน้าที่มีตราประทับของ immigration สำหรับทุกทริปที่แฟนเดินทางมาเมืองไทย
    2. สำเนา ID Card
    3. Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน
    4. Pay slipt ย้อนหลัง 6 เดือน
    5. แฟนได้ส่งอีเมลเก่าที่ที่พวกเราได้เริ่มรู้จักกันมาให้ดิฉันปริ้นไปเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติม
    6. จดหมายเชิญ ที่แสดงความสัมพันธ์ เหตุผลในการเชิญ และ ยืนยันการเป็นสปอนเซอร์
    *** เอกสารที่แฟนส่งมาพอหรือยังค่ะ ต้องใช้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า แฟนต้องส่งสำเนาทะเบียนบ้านของเค้าให้ดิฉันหรือเปล่าค่ะ ***

    ส่วนตัวดิฉันเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ประเภทร้านอินเตอร์เน็ตค่ะ เพิ่งจดทะเบียนพาณิชย์ไปเมือเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และ เพิ่งได้รับใบอนุญาติฉายวีดีทัศน์ มาเมื่อกลางเดือนนี้ ดิฉันไม่มีลูกจ้างค่ะ ทำคนเดียว ดังนั้นดิฉันจึงวางแพลนจะเดินทางตอนอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงหลานๆ ปิดเทิอมใหญ่ และจะไปอยู่ที่โน้น 3 อาทิตย์ เพื่อจะกลับมาดูแลกิจการต่อ เอกสารที่ดิฉันเตรียมไว้มีตามด้านล่างนี้ค่ะ
    1. ทะเบียนบ้าน + สำเนา (ดิฉันไม่ใช่เจ้าบ้าน)
    2. บัตรประชาชน + สำเนา
    3. Travel insurance
    4. พาสปอร์ต + สำเนา
    5. แฟ้มรูปถ่ายของดิฉัน และ แฟน ในทุกๆ ทริปที่แฟนเดินทางมาเมืองไทย และไปเยี่ยมครอบครัวดิฉัน
    6. แฟ้มรูปถ่ายของครอบครัวแฟน รวมทั้งรูปถ่ายแฟนที่ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ เพื่อยืนยันว่าเรารู้จักกันดีจริงๆ และความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ฉาบฉวย
    7. อีเมลใหม่ และเก่าที่เราสองคนเขียนถึงกัน และอีเมลของแม่แฟนที่เขียนถึงดิฉัน
    8. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
    9. Book bank ตัวจริง
    10. ใบจดทะเบียนพาณิชย์ และใบอนุญาติฉายวีดีทัศน์ที่มีชื่อ + รูปถ่ายของดิฉันติดอยู่
    *** ดิฉันต้องเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มอีกไหมค่ะ ***
    *** ดิฉันได้ยินว่าต้องแปลเอกสารด้วย เอกสารอะไรที่ดิฉันต้องเอาไปแปลค่ะ ***
    *** ดิฉันเคยเดินทางไปอเมริกามาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 2005 ตอนอยู่มหาลัยปีสุดท้ายค่ะ แต่ตอนนั้นดิฉันจ้าง Travelling agency ทำเอกสารทุกอย่างเลยไม่รู้อะไรเลย และคนสปอนเซอร์คือเพื่อนชาวต่างชาติที่ดิฉันเคยทำงานให้เค้า ***

    ขอบคุณมากๆ นะค่ะ สำหรับความช่วยเหลือ
    ทราย

  • saikeaw  On December 24, 2011 at 3:27 pm

    สวัสดีค่ะ ดิฉันได้อ่านข้อมูลทั้งหมดและได้รับความรู้เพิ่มเติมเยอะมากเลย ขอบคุณนะค่ะที่ได้จัดทำบล๊อกนี้ขึ้นมา ดิฉันมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ ที่จริงดิฉันได้เขียนไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อคืนนี้แต่ยังไม่เห็นคอมเม้นท์ของดิฉันแสดง จึงเขียนมาอีกรอบค่ะ

    ดิฉันกำลังจะทำเรื่องขอวีซ่าไปอเมริกาค่ะ แฟนของดิฉัน(ยังไม่ได้แต่งงานกัน) จะเป็นสปอนเซอร์สำหรับทริปนี้ และดิฉันจะไปพักที่บ้านแฟนค่ะ แฟนดิฉันได้ส่งเอกสารตามด้านล่างนี้มาให้
    1. สำเนาพาสปอร์ตหน้าหลัก และทุกๆ หน้าที่มีตราประทับของ immigration สำหรับทุกทริปที่แฟนเดินทางมาเมืองไทย
    2. สำเนา ID Card
    3. Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน
    4. Pay slipt ย้อนหลัง 6 เดือน
    5. แฟนได้ส่งอีเมลเก่าที่ที่พวกเราได้เริ่มรู้จักกันมาให้ดิฉันปริ้นไปเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติม
    6. จดหมายเชิญ ที่แสดงความสัมพันธ์ เหตุผลในการเชิญ และ ยืนยันการเป็นสปอนเซอร์
    *** เอกสารที่แฟนส่งมาพอหรือยังค่ะ ต้องใช้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า แฟนต้องส่งสำเนาทะเบียนบ้านของเค้าให้ดิฉันหรือเปล่าค่ะ ***

    ส่วนตัวดิฉันเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ประเภทร้านอินเตอร์เน็ตค่ะ เพิ่งจดทะเบียนพาณิชย์ไปเมือเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และ เพิ่งได้รับใบอนุญาติฉายวีดีทัศน์ มาเมื่อกลางเดือนนี้ ดิฉันไม่มีลูกจ้างค่ะ ทำคนเดียว ดังนั้นดิฉันจึงวางแพลนจะเดินทางตอนอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงหลานๆ ปิดเทิอมใหญ่ และจะไปอยู่ที่โน้น 3 อาทิตย์ เพื่อจะกลับมาดูแลกิจการต่อ เอกสารที่ดิฉันเตรียมไว้มีตามด้านล่างนี้ค่ะ
    1. ทะเบียนบ้าน + สำเนา (ดิฉันไม่ใช่เจ้าบ้าน)
    2. บัตรประชาชน + สำเนา
    3. Travel insurance
    4. พาสปอร์ต + สำเนา
    5. แฟ้มรูปถ่ายของดิฉัน และ แฟน ในทุกๆ ทริปที่แฟนเดินทางมาเมืองไทย และไปเยี่ยมครอบครัวดิฉัน
    6. แฟ้มรูปถ่ายของครอบครัวแฟน รวมทั้งรูปถ่ายแฟนที่ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ เพื่อยืนยันว่าเรารู้จักกันดีจริงๆ และความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ฉาบฉวย
    7. อีเมลใหม่ และเก่าที่เราสองคนเขียนถึงกัน และอีเมลของแม่แฟนที่เขียนถึงดิฉัน
    8. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
    9. Book bank ตัวจริง
    10. ใบจดทะเบียนพาณิชย์ และใบอนุญาติฉายวีดีทัศน์ที่มีชื่อ + รูปถ่ายของดิฉันติดอยู่
    *** ดิฉันต้องเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มอีกไหมค่ะ ***
    *** ดิฉันได้ยินว่าต้องแปลเอกสารด้วย เอกสารอะไรที่ดิฉันต้องเอาไปแปลค่ะ ***
    *** ดิฉันเคยเดินทางไปอเมริกามาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 2005 ตอนอยู่มหาลัยปีสุดท้ายค่ะ แต่ตอนนั้นดิฉันจ้าง Travelling agency ทำเอกสารทุกอย่างเลยไม่รู้อะไรเลย และคนสปอนเซอร์คือเพื่อนชาวต่างชาติที่ดิฉันเคยทำงานให้เค้า ***

    ขอบคุณมากๆ นะค่ะ สำหรับความช่วยเหลือ
    ทราย

    • govisa  On December 24, 2011 at 10:44 pm

      @น้องSaikeawคะน้องคงต้องทำใจนิดหนึ่งเรื่องแฟนจะเป็น Sponsor และการที่น้องจะไปพักบ้านแฟน กงสุลอาจจะอยากใหน้องขอวีซ่า K-1 มากกว่าค่ะ แต่ถ้าต้องการจะขอเป็นB-2 ก็คงค้องเตรียมเอกสารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ แฟนต้องยื่นเอกสารคือ
      1. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารและถ่ายเอกสารสำเนาบัญชีเงินฝากด้วยค่ะ
      2. จดหมายรับรองการทำงานของแฟน
      3. เอกสารที่แจกแจงว่าแฟนจ่ายภาษีให้รัฐบาลอเมริกันค่ะ
      4. ฟอร์ม I-134 ที่กรอกเรียบร้อย
      มีอะไรเขียนมาถามอีกนะคะ

  • saikeaw  On December 25, 2011 at 12:42 am

    ขอบคุณมากนะค่ะพี่ govisa สำหรับคำตอบ ถ้าทรายจะขอวีซ่าท่องเที่ยวธรรมดาแฟนก็ยังต้องกรอกฟอร์ม I-134 มาให้ใช่ไหมค่ะ ส่วนเอกสารอย่างอื่นทรายจะให้แฟนส่งมาเพิ่มค่ะ สำเนาทะเบียนบ้านของแฟนก็ไม่ต้องใช้ถูกไหมค่ะ

    แล้วตัวทรายจำเป็นต้องเอาเอกสารอะไรไปแปลไหมค่ะ เพราะเห็นเพื่อนขอวีซ่าไปออสเตรเลีย เค้าบอกต้องเอาเอกสารอะไรไปแปลก็ไม่รู้ค่ะ

    เอกสารของทรายที่แจ้งไปทั้งหมดให้พี่ govisa ทราบ ครบพอหรือเปล่าค่ะ

    ขอบคุณมากๆ อีกครั้งนะค่ะพี่ govisa สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

    • govisa  On December 25, 2011 at 6:48 am

      น้องทรายคะ เอกสารของน้องที่ควรมีคือ
      1. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารเพื่อแสดงให้กงสุลทราบว่า น้องมีงานทำมีรายได้ที่แน่นอนและมีเงินเก็บในธนาคารพอสมควร
      2. บุ๊คบัญชีเงินฝากตัวจริง
      3. ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีธุรกิจส่วนตัวน่าจะนำไปประกอบด้วยเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีภาระผูกพันที่จะกลับมาประเทศไทยค่ะ(เอกสารตัวนี้ขอย้ำว่าถ้ามี)
      4. หนังสือเดินทาง
      5. จดหมายรับรองการทำงาน
      6. ฟอร์มยืนยันDS-160
      7. ใบเสร็จจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ไปรษณีย์
      8. จดหมายเชิญจากแฟน
      น้องควรมีข้อมูลเกี่ยวกับที่เที่ยวไว้บ้างเผื่อถูกถามว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างค่ะ
      เอกสารของแฟน
      1. จดหมายรับรองการทำงาน
      2. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร
      3. ถ่ายสำเนาบัญชีตัวจริงอาจให้ทนายความที่อเมริการับรองมาด้วยตอนที่แฟนกรอกฟอร์ม I-134 ซึ่งต้องให้ทนายรับรองฟอร์มอยู่แล้วให้ทำเลยทีเดียว
      4. ใบรับรองการจ่ายภาษี
      5. ทำจดหมายเชิญมาที่น้องระบุว่า จะให้น้องเดินทางไปท่องเที่ยวกี่วัน ไม่ควรนานหลายเดือน เพราะการไปเที่ยวการไปอยู่ที่โน่นมีค่าใช้จ่่ายที่สูงพอสมควร ถ้าไปนานควรขอวีซ่าคู่หมั้นไป

    • govisa  On December 27, 2011 at 8:32 am

      น้องทรายคะ ครั้งที่แล้วพี่อยู่ในที่ที่ใช้อินเทอร์เน็ตไม่ค่อยได้ จึงตอบคำถามน้องไม่หมดนะคะ ขออนุญาตเพิ่มเติมว่า ที่ต้องให้แฟนกรอกI-134 เพราะน้องให้แฟนเป็น sponsor ถ้าน้องออกเงินไปเอง แฟนไม่ต้องกรอก I-134 ค่ะ น้องจะนำสำเนาเอกสารหนังสือเดินทางกับรูปถ่ายและอีเมล์แฟนไปก็ดูดีนะคะ แต่ต้องเตรียมพร้อมถ้ากงสุลถามว่าทำไมไม่ขอK-1 น้องอาจจะต้องพูดเลี่ยงไปอาทิ อยากให้แฟนกลับมาแต่งงานที่เมืองไทยและมาอยู่ที่เมืองไทย หรือจะลองหาเหตุผลอื่นดูนะคะ

  • ติ๊ก  On December 29, 2011 at 11:50 pm

    รบกวนสอบถามนิดนึงค่ะ
    1. พอดีกรอก DS-160 แล้วก็ Confirm เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้นัดสัมภาษณ์ ก็เลยมานั่งตรวจสอบข้อมูลหน้า Confirm อีกที ปรากฏว่าสถานที่เกิดในใบ Confirm กลายเป็นอำเภอ ไม่ใช่จังหวัดที่เกิด อย่างนี้เราสามารถแก้ไขข้อมูลใน DS-160 ได้มั้ยค่ะแล้วต้องแก้ไขอย่างไร
    2. พอดีจะต้องกรอกข้อมูล DS-160 ให้กับป้าและอาที่นามสกุลเดียวกันที่จะเดินทางพร้อมกัน (ทะเบียนบ้านอยู่คนละที่อีกต่างหาก) แต่ดันไปกดสมัครแบบครอบครัว และก็กรอกรายละเอียดของป้าและอาไปแล้วแต่ยังไม่ได้กดยืนยัน อย่างนี้จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าค่ะ เพราะจากที่อ่านๆ มาจะต้องเป็น พ่อแม่ พี่น้อง ลูก สามีภรรยา และทะเบียนบ้านเดียวกันถึงจะสมัครแบบครอบครัวได้ แล้วกรณีอย่างนี้ควรต้องทำอย่างไรค่ะ

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On December 31, 2011 at 12:21 am

      น้องติ๊กคะ
      1. แก้ไขการกรอกฟอร์ม DS-160 ไม่ได้แล้วค่ะ ปล่อยไปอย่างนั้น ในวันสัมภาษณ์แจ้งเจ้าหน้าที่ี่ตรวจเอกสารว่า ตรงจุดดังกล่าวกรอกผิดช่อง แต่ทราบมาว่าแก้ไขไม่ได้จึงไม่ได้แก้ค่ะ แต่ถ้าน้องยืนยันที่จะแก้ไข น้องต้องกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่และนำใบยืนยัน DS-160 ทั้งใบใหม่และใบเก่าไปให้กงสุลดูค่ะ
      2. ให้น้องเข้าไปแก้ขวันนัดสัมภาษณ์ด้วยการ delete ชื่อคุณป้าและคุณอาทิ้งไปค่ะ เพราะคุณป้าและคุณอาไม่เข้ากฎที่ทางสถานทูตกำหนด คือ เป็นพี่น้องกันก็จริงแต่อยู่คนละทะเบียนบ้านค่ะ กรอกฟอร์มคุณป้าและคุณอาใหม่ และซื้อพินนัดสัมภาษณ์ใหม่โดยนัดแยกกัน กล่าวคือต่างคนต่างเข้าไปเลือกวันนัดเองค่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้ายืนยันจะต้องการวันนัดเดิม เพราะเร่งรีบที่จะต้องเดินทางไปด้วยกัน คุณป้าและคุณอาคงต้องไปซื้อพินที่ไปรษณีย์คนละ 372 บาท แล้วนำไปลองยื่นที่สถานทูตในวันสัมภาษณ์ โดยการให้คำอธิบายว่า เพิ่งมาอ่านพบกฎดังกล่าวในภายหลัง

  • POND  On December 31, 2011 at 12:23 pm

    สวัสดีค่ะ พี่ govisa หนูมีคำถามเกี่ยวกับการกรอกข้อมูลของครอบครัวนิดหน่อยค่ะ คือหนูเป็นลูกสาวคนเล็กสุดของบ้าน หนูมีพี่สาวอีกสองคนซึ่งตอนนี้ทั้งคู่กำลังเรียนต่ออยู่ที่อเมกาค่ะ คุณลุงของหนู (พี่ชายแท้ๆของคุณพ่อ) ไม่มีลูกก็เลยเอาหนูมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หนูไม่แน่ใจว่าหนูต้องใส่ชื่อพ่อแม่คนปัจจุบันหรือว่าหนูต้องใส่ชื่อพ่อแม่จริงๆคะ เดือนพฤษภาที่จะถึงนี้หนูจะไปเที่ยวที่อเมกากับคุณแม่จริงๆเพื่อไปเยี่ยมพี่สาวของหนู หนูไม่รู้ว่าถ้าใส่ชื่อพ่อแม่คนปัจจุบันลงไป แต่บอกว่าไปกับคุณแม่จริงๆซึ่งไม่ใช่ชื่อเดียวกัน มันจะมีปัญหารึปล่าวคะ รบกวนพี่ govisaช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On December 31, 2011 at 9:19 pm

      น้อง Pond คะ น้องควรใส่ชื่อพ่อแม่จริงๆค่ะ หรือ น้องจะลองดูที่ทะเบียนบ้านว่า ตรงบรรทัดที่มีชื่อของน้อง มีการระบุชื่อคุณพ่อคุณแม่น้องว่า ชื่ออะไรคะ คุณลุงเป็นเพียงคุณพ่อบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายค่ะ พี่คิดว่า ควรเลือกชี้แจงสิ่งที่จำเป็นให้กงสุลทราบค่ะ ยกเว้นกรณีของคุณพ่อคุณแม่จริงๆของน้องมีเงินน้อย ต้องใช้บัญชีชื่อลุงเป็น Sponsor น้องค่อยเอารายละเอียดที่ระบุในทางกฎหมายว่าน้องเป็นลูกบุญธรรมของท่านไปแสดงค่ะ

  • ติ๊ก  On December 31, 2011 at 3:51 pm

    ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ รบกวนสอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนึงค่ะ
    พอดีกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ของคุณป้าและคุณอายังไม่เสร็จ(ซึ่ง Create ใบสมัครแบบ Family จากแบบฟอร์มของตัวเอง) เราควรจะปล่อยอันที่กรอกไว้แล้วทิ้งไปเลย แล้วกรอก DS-160 ใหม่ได้เลยหรือเปล่าค่ะ หรือว่าจะต้องกรอกอันเดิมให้เสร็จแล้ว Confirm ก่อน แล้วจึงค่อยกรอก DS-160 ใหม่อีกที

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On December 31, 2011 at 8:28 pm

      น้องติ๊กคะทิ้งแบบฟอร์มเดิมได้ค่ะ แล้วเริ่มต้นกรอกใหม่ตรวจทานให้เรียบร้อยก่อน confirm และ submit ค่ะ เพราะถ้าไม่ตรวจทานให้ละเอียดรอบคอบ มาค้นพบที่ผิดได้ภายหลังแต่ยืนยันวันนัดสัมภาษณ์ไปแล้ว น้องก็จะเป็นกังวลเรื่องแก้ไขไม่ได้ค่ะ

  • ตุ๊ก  On January 1, 2012 at 5:19 pm

    เนื่องจากกรอกข้อมูลทุกอย่างใน DS-160 หมดแล้ว แต่มาติดที่ไม่มี file รูปภาพเพื่อ upload อ่ะคะ เราจะทำอย่างไรได้บ้างค่ะเพื่อให้ไปที่ขั้นตอนต่อไปโดยที่ไม่ต้อง upload รูปภาพ

    • govisa  On January 1, 2012 at 8:27 pm

      น้องตุ๊กคะ ถ้าน้องไม่มีรูปภาพ น้องคงต้องไปร้านถ่ายรูปให้ที่ร้านทำให้แล้วมา install เก็บไว้ที่คอมพิวเตอร์ที่น้องกรอกแบบฟอร์มค้างอยู่ เพราะน้องต้อง upload รูปภาพหน้าน้องไปไว้ในแบบฟอร์มด้วยค่ะ ดังเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐอเมริกาในหัวข้อ Step 3 ค่ะ http://bangkok.usembassy.gov/niv_howtoapply.html#step 3

      ” 4) PHOTO – Applicants for a U.S. visa must upload a digital photo to the DS-160 application form. The following minimum requirements must be met or your application cannot be processed. The photograph:

      Must not be older than six months.
      Must have a white background.
      Must be in full face view, with the visa applicant facing the camera directly.
      Must be in Joint Photographic Experts Group (JPEG, or .jpg) format, between 600×600 pixels and 1200×1200 pixels.
      Must have a file size less than or equal to 240 kilobytes.
      Must not be digitally altered.
      Please review the detailed photo requirements found at this link for further guidance on image composition. If your photo does not meet the composition requirements, we may be unable to process your application.

      We recommend that applicants also bring one hard copy of their photo to the interview.”

      ถ้าน้องไปที่เว็บไซต์ที่พี่จะให้ต่อไปนี้จะเป็นเว็บไซต์ที่แจ้งความต้องการภาพและขนาดความละเอียด http://travel.state.gov/visa/visaphotoreq/visaphotoreq_5334.html น้องควรที่จะไปปรึกษาร้านถ่ายรูปให้เขาถ่ายรูปตามขนาดที่ทางสถานทูตกำหนดให้ บางร้านมีบริการเก็บภาพน้องลงในแผ่นดิสก์ให้หรือถ้าน้องต้องการให้ทางร้านใส่ภาพน้องลงใน thumb drive ให้สอบถามทางร้านดู เท่าที่เคยเห็นมีบางร้านถ่ายรูปมีบริการนี้ด้วย ซึ่งง่ายต่อการที่น้องจะ upload รูปหน้าน้องไปไว้ที่แบบฟอร์มค่ะ

      ดังนั้น การที่น้องบอกว่าจะข้ามขั้นตอนโดยไม่ upload รูปภาพหน้าน้องคงทำไม่ได้ค่ะ ยกเว้นภาพนั้นไม่ได้ขนาดและน้องได้พยายาม upload รูปก่อนหน้าที่จะกรอกแบบฟอร์มทั้งหมด โปรแกรมจะแสดงกรอบรูปภาพที่มีเครื่องหมายกากบาทอยู่บนกรอบรูปภาพหน้าน้อง ทำนองว่าน้องไม่สามารถ upload รูปภาพใบหน้าน้องได้ค่ะ

  • POND  On January 2, 2012 at 12:28 pm

    สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่ govisa ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำแนะนำ หนูมี่คำถามจะถามเพิ่มเติมค่ะ คือว่าในใบสมัครของคุณแม่ต้องให้กรอกชื่อคุณพ่อซึ่งท่านทั้งสองได้อย่าขาดจากกันมานานแล้ว ในใบสมัครเขาให้ใส่วันที่จดทะเบียน กับวันที่หย่าขาดจากกัน คุณแม่ทำเอกสารหายค่ะ หาไม่เจอ ไม่แน่ใจว่าที่อำเภอจะมีประวัติรึปล่าวเพราะคุณแม่บอกว่าตอนอย่า ท่านใช้ศาลเป็นคนพิจรณาอย่าค่ะ อยากทราบว่าทางสถานทูตจะขอดูเอกสารอย่าด้วยหรือไม่ ถ้าใส่วันสมมุติลงไป แล้วไปชี้แจงตอนวันสัมภาษณ์ได้ไหมคะ รบกวนพี่ govisa ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On January 2, 2012 at 9:24 pm

      @น้องปอนด์คะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ พี่คิดว่า คุณแม่คงพอจะจำปีที่หย่าได้ หรือไม่ก็ลองนึกย้อนกลับไปว่าตอนที่คุณพ่อคุณแม่หย่าขาดกัน น้องปอนด์เรียนอยู่ชั้้นไหนหรืออายุประมาณเท่าไร ซึ่งคุณแม่อาจจะพอนึกถึงปีที่เกิดเหตุการณ์นั้นได้ค่ะ ส่วนวันและเดือนคงยากหน่อยค่ะ พี่เข้าใจความรู้สึกคุณแม่นะคะว่า มันนานแล้วและเเป็นเรื่องที่อาจจะอยากลืมค่ะ ดังนั้นวันกับเดือนอาจจะลองตั้งสมมติฐานคร่าวๆก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นการกรอกฟอร์ม DS-160 ให้น้องปอนด์ แต่ที่นี้น้องถามมาถึงการกรอกฟอร์ม DS-160 ของคุณแม่ ถ้าคุณแม่จะขอวัีซ่าด้วย คุณแม่ควรมีใบทะเบียนการหย่าไปแสดงด้วยค่ะ พี่ทราบมาว่า ทางที่ว่าการเขตหรือที่ว่าการอำเภอเขาออกให้แค่ครั้งเดียว แต่คุณแม่ทำทะเบียนหย่าหายไปแล้ว คงต้องรบกวนไปสอบถามทางอำเภอหรือเขตว่า จะมีเอกสารอะไรที่ออกทดแทนกันได้บ้างค่ะ ที่พี่ให้หาข้อมูลเผื่อไว้ในกรณีกงสุลขอดูหลักฐานจะได้ไม่ตื่นตกใจว่าจะเอาอะไรให้กงสุลดูค่ะ ไม่มีใครทราบได้ว่า กงสุลจะขอดูไหมนะคะ เหมือนกับจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ที่เป็น Sponsor กับบัญชีตัวจริง น้องบางคนเขียนมาบอกว่า กงสุลไม่ขอดูอะไรเลย แต่บางคนก็ต้องแสดงให้กงสุลดูด้วยค่้ะ

  • supachai  On January 2, 2012 at 7:26 pm

    ครอบครัวผม สี่คน ผม ภรรยา และลูกชายสองคน(10และ1ุุ6ปี)

    ต้องการขอวีซ่า อเมริกา เพื่อไปเที่ยวdisney world orlando
    ประมาณสองสัปดาห์

    รายละเอียดด้านการเงิน

    ผมมีรายได้จากค่าเช่าที่ดินปีละห้าแสนบาท
    (มีโฉนดและสัญญา แต่ไม่อยากนำมาใช้ยื่นขอวีซ่า
    เพราะไม่รู้ว่าจะต้องยุ่งยากในการนำไปแปล
    เป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่า
    รวมทั้งไม่ทราบว่าจะ้ต้องไปให้ ใครรับรองว่าเป็นสัญญาจริง )

    ภรรยามีสเตทเมนต์หมุนเวียนในการค้า
    ประมาณเดือนละห้าหมื่นถึงสองแสนบาท(ไม่แน่นอน)

    ผมกับภรรยาไม่มีบัญชีเงินฝากfix
    เราช่วยกันทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ผลิตสินค้าตามorderลูกค้า
    มีใบอนุญาตประกอบโรงงาน ในชื่อผม

    ลูกสองคน มีเงินฝากfixแบบสามปีในชื่อตัวเองคนละสามล้านบาท

    เมื่อปี2541ผมกับภรรยาเคยได้วืซ่าอเมริกา แบบปีเดียว
    และใช้เดินทางในปีนั้นแล้ว

    ขอรบกวนถามดังนี้ครับ

    1.ผมมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแห่งหนึ่ง(ที่ทำงาน)
    ภรรยาและลูกคนเล็กมีชื่ออยู่มนทะเบียนบ้านอักหแห่งหนึ่ง
    ลูกคนโต มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านญาติที่ตจว

    ในกรณีนี้ ควรยื่นแยกหรือรวมกันเป็นครอบครัวครับ

    2.หลักฐานการเงินเพียงเท่านี้ จะขอวีซ่าผ่านไหมครับ

    3.นอกจากหลักฐานด้านการเงินแล้ว
    ทางสถานฑูตให้ความสำคัญกับอย่างอื่นไหมครับ
    เช่นโฉนดบ้าน ใบอนุญาตประกอบโรงงาน หรือวุฒิการศึกษา

    ขอบคุณครับ

    • govisa  On January 2, 2012 at 10:38 pm

      คุณ Supachai คะ การที่เคยมีวีซ่าอยู่แล้วและเคยเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกา จะทำให้คุณ Supachai ไปเข้าแถวเพื่อยื่นเอกสารและสัมภาษณ์คนละแถวกับคนที่ไม่เคยขอวีซ่าค่ะ

      1. ค่าเช่าที่นาโดยประมาณเดือนละ 40,000 บาท มีใหลักฐานแสดงว่า ได้รับเงินจำนวนนี้ทุกเดือนไหมคะ ถ้าไม่มี รบกวนนำโฉนดและสัญญาติดมือไปด้วยค่ะ เผื่อกงสุลถามแหล่งที่มาของรายได้ ยื่นหลักฐานภาษาไทยให้กงสุลดูค่ะ กงสุลพออ่านภาษาไทยได้นิดหน่อยค่ะ ถ้าท่านไม่เข้าใจคงเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่คนไทยค่ะ

      2. ภรรยามีบัญชีประเภทกระแสรายวัน หรือ Overdraft คะ ที่จริงพวกบัญชีบริษัทหรือร้านค้า ไม่ควรนำไปแสดงให้กงสุลดูเท่าไรนัก เพราะกงสุลชอบบัญชีส่วนตัวที่มีสภาพคล่องสูงมากกว่า บัญชีที่มีสภาพคล่องสูง คือบัญชีออมทรัพย์ที่เบิกถอนวันไหนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่มีบัญชีอื่นๆก็คงต้องนำบัญชีนี้ไปให้กงสุลดูค่ะ

      3. ใบอนุญาตประกอบโรงงานต้องนำไปแสดงด้วยค่ะ

      4. บัญชีลูกคือบัญชีคุณ Supachai ใช่ไหมคะ ถ้าเติมชื่อบัญชีเป็นและหรือชื่อคุณ Supachai ก็คงจะดีค่ะ เพราะจะทำให้ฐานะการเงินของคุณ Supachai ดูมั่นคงในฐานะเจ้าของธุรกิจมากกว่าไม่มีเงินฝากในธนาคารค่ะ อย่างที่เรียนให้ทราบในข้อ 2. ว่า บัญชีที่จะใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอวีซ่าที่ดีที่สุด คือ บัญชีทีมีสภาพคล่องสูงหรือบัญชีออมทรัพย์ หรือบัญชีสะสมทรัพยืแล้วแต่ศัพท์ของแต่ละธนาคารจะใช้เรียกกันค่ะ เป็นประเภทของบัญชีที่ได้ดอกเบี้ยน้อย แต่น่าเชื่อถือมากว่า เรามีเงินมากพอที่จะไปเที่ยว หรือไปเรียนก็ตามค่ะ เพราะจะเบิกมาใช้ไม่ว่ายามปกติหรือยามฉุกเฉินเมื่อไรก็ได้ค่ะ

      5. เมื่อปี 2541 ที่ไปขอวีซ่าไปอเมริกา ตอนนั้นลูกชายคนโตของคุณ Supachai คงจะมีอายุประมาณ 3 ขวบ ลุกชายขอวีซ่าไปเที่ยวหรือเปล่าคะ ถ้าไม่ ตอนนั้นคุณ Supachai ลองนึกย้อนดูว่า ได้แสดงบัญชีจำนวนประมาณเท่าไรสำหรับคน 2 คน แต่ตอนนี้คุณ Supachai จะขอให้ 4 คน ไป Florida อยู่ฝั่งตะวันออก ค่าตั๋วเครื่องบินแพงกว่าเข้าอเมริกาทางฝั่งตะวันตก ค่าตั๋วเครื่องบิน 4 คนน่าจะประมาณ 200,000 บาทขึ้นไป ค่าที่พักโรงแรมกับค่าอาหาร 4 คน ค่าเที่ยว Disney World อีกประมาณ 2-3 วันบวกค่าเครื่องเล่น น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4-500,000 บาทถ้าคุณ Supachai ไปเที่ยวประมาณ 1 สัปดาห์ ค่าใช้จ่ายคงจะประมาณล้านเศษ คุณ Supachai มีหลักฐานประเภทอื่น เช่น หุ้นกองทุนรวม หรือ พวกตราสารหนี้ก็ขอหลักฐานรับรองจากธนาคารไปแสดงด้วยนะคะ

      6. แม้ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่และลูกแต่ถ้าไม่ได้อยู่ทะเบียนบ้านเดียวกัน ต้องซื้อพินนัดวันสัมภาษณ์แยกกันค่ะ แต่้ถ้าสามารถคลิกต่างคนต่างจองแต่ได้วันนัดสัมภาษณ์เดียวกันก็นับว่าเป็นความโชคดีค่ะ แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยง ขอแนะนำให้ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ด้วยกันค่ะ

      7. หลักฐานการเงินอย่างที่เรียนแนะนำไปแล้วในข้อ 2,4 และ 5 ค่ะ

      หลักฐานอื่นๆเอาไปทั้งหมด ของลูกชายนอกจะมี transcript แล้วต้องมีจดหมายรับรองจากทางโรงเรียนว่าปีนี้กำลังเรียนชั้นอะไรและปีหน้าจะต้องกลับมาศึกษาต่อชั้นอะไรด้วยค่ะ

  • greenbearja  On January 3, 2012 at 1:45 pm

    ขอสอบถามด้วยคนนะคะ จะขอวีซ่าท่องเที่ยว B2คะ
    -ดิฉันเป็นข้าราชการ เป็นพยาบาลทหารคะ
    จะไปเที่ยวกับเพื่อน(ผู้หญิงทั้งหมด เพือนคนอื่นสถานะโสด) รวมแล้ว 6 คนคะ และมีเพื่อนคนไทยทีอยู่อเมริกา Las Vegas กำลังเรียนโทอยู่ใกล้รับปริญญาในเดือน มิ.ย. แต่ ดิฉันและเพื่อนจะไปประมาณเดือนพ.ค.55 นี้ ซึ่งเพื่อนที่อยู่ที่นั่นจะเป็นคนพาเที่ยว โดยการขับรถไปเที่่ยวกันเอง นอนรร.ถูกๆ รถก็รถเพื่อนคะ

    -ดิฉันแต่งงานแล้ว มีลูก แต่สามีไม่ได้ไปด้วยคะ

    ขอสอบถามดังนี้คะ
    1.ดิฉันควรนัดสัมภาษณ์ ประมาณเดือนไหนคะ
    2.เงินเดือนดิฉันประมาณ14,000 เงินใน Statement มีไม่ถึง 50,000บาท
    แต่ถ้าดิฉันให้สามีเอาเงินเข้าประมาณ 150,000 บาทจะดีกว่่าหรือไม่คะ หรือควรให้สามี เป็น sponsor ให้คะ และสามีมีบช.LTF อีกประมาณ400,000 คะ
    3.ใบรับรองการทำงาน ไม่ควรเกิน 3 เดือนนี่นับจากวันทีเราจะไปเทียว หรือ วันที่เราสัมภาษณ์คะ
    4.ถ้าให้สามีเป็น sponsor ต้องใช้เอกสารอะไรของสามีบ้างคะ
    5.ดิฉันต้องเอาทะเบียนสมรสกับใบเปลีั่ยนนามสกุลตัวจริงไปในวันสัมภาษณ์หรือไม่คะ
    6.ในการกรอก DS-160 ตรงการศึกษาเราควรใส่ตั้งแต่มัธยมเลยหรอคะ หรือแค่ ป.ตรีพอคะ
    7. รูปถ่ายในการสมัคร ดิฉันควรใส่ชุดทหาร หรือไม่คะ แต่พาสปอร์ต เป็น MRS. นะคะ
    8.วันที่เราไปสัมภาษณ์ควรใส่ชุดทหารไปหรือไม่คะ ใบรับรองการทำงานต้องใส่ยศให้คะ แต่พาสปอร์ตเป็น MRS.

    จากข้อมูลทีบอกไป ดิฉันมีโอกาสผ่านวีซ่าหรือไม่คะ
    หรือดิฉันควรต้องเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มหรือไม่คะ

    ขอบคุณมากๆนะคะ

    • govisa  On January 3, 2012 at 10:29 pm

      คุณ GreenBear คะ

      1. คุณจะเริ่มนัดสัมภาษณ์ตอนนี้เลยก็ได้ ถ้าคุณมีเอกสารครบถ้วนค่ะ การขอวีซ่า B-2 ซึ่งเป็นวีซ่าท่องเที่ยว สถานทูตอเมริกาเขาจะให้วีซ่านานประมาณ 10 ปีค่ะ และสถานทูตไม่ได้ตรวจสอบว่า คุณจะเดินทางวันไหนค่ะ

      2. คุณจะให้สามีเอาเงินเข้าบัญชีคุณก็ได้ค่ะ แต่คุณคงต้องเอาบุ๊คของสามีไปในวันนัดสัมภาษณ์ด้วยว่า เงินที่เพิ่งโอนเข้าบัญชีธนาคารของคุณเมื่อเร็วๆนี้ ใครเป็นคนโอนเข้ามาค่ะ หรือเงิน 150,000 บาทมาจากที่ไหนค่ะ

      3. จดหมายรับรองการทำงานนับจากวันที่ทางหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเราออกจดหมายรับรองฉบับนี้ค่ะ

      4. สามีเป็นคนไทยไม่ได้ใช้เอกสารอะไรมากค่ะ ขอให้คุณเตรียมสำเนาการจดทะเบียนสมรส พร้อมทะเบียนสมรสตัวจริงไปยื่นด้วยค่ะ

      5. ต้องนำทะเบียนสมรสและใบเปลี่ยนนามสกุลไปด้วยในวันสอบสัมภาษณ์ค่ะ สำหรับใบเปลี่ยนนามสกุล คุณอาจจะหาที่แปลแถวๆสถานทูต และนำกลับไปให้กรมกงสุลเซ็นต์รับรองอีกครั้งก็ได้ค่ะ

      6. ใน DS-160 การศึกษาเริ่มจากระดับปริญญาตรี แต่คุณสามารถ add ข้อมูลระดับมัธยมไปด้วยได้ค่ะ

      7. รูปถ่ายไม่จำเป็นต้องอยู่ในเครื่องแบบ ยกเว้นคุณจะทำหนังสือเดินทางข้าราชการ

      8. วันสัมภาษณ์ ผู้ยื่นขอวีซ่าควรเลือกชุดแต่งกายที่ดูสุภาพเรียบร้อยค่ะ คุณจะใส่ชุดทหารไปก็ได้ค่ะ ถ้ากงสุลถามคุณก็อธิบายไปว่า หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ คุณจะต้องไปทำงานต่อค่ะ

      8. แต่งการสภาพเรียบร้อยค่ะ

  • supachai  On January 3, 2012 at 6:01 pm

    ขอรบกวนถามเพิ่มครับ

    1.เรื่องทะเบียนบ้าน ผม กับภรรยาและลูกคนเล็ก
    สามารถย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ด้วยกันครับ(กทม)

    แต่ลูกคนโต(ม ห้า) ที่มีชื่อในทะเบียนบ้านชลบุรี
    ต้องการสอบคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยบูรพา
    ก็เลย ติดเงือนไขของมหาวิทยาลัยที่จะต้องมีชื่อในจังหวัดชลบุรี
    จนถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในต้นปีหน้าครับ(2556)

    ถ้าต้องการสัมภาษณ์เป็นกลุ่มเดียวกัน ทำอย่างไรดีครับ?
    (ลูกไม่เคยมีวีซ่าอเมริกา)

    2.,ปกติแล้ว ภรรยาผมเป็นผู้ดูแลเรื่องบัญชีและตัวเลขในธนาคาร
    ดังนั้น ชื่อเจ้าของบัญชีต่างๆ เช่นกระแสรายวันและออมทรัพย์จึงเป็นตัวเธอ
    แต่เธอเป็นคนพูดไม่เก่ง
    ผู้สมัครหลักควรเป็นผมหรือภรรยาครับ?

    3.เนื่องจากรายได้ของครอบครัวมาจากค่าเช่าที่ดินและการทำธุรกิจโรงงาน
    ซึ่งการเข้าออกของเงินผสมปนเปกันในบัญชีออมทรัพย์หลายๆบัญชี
    (เราไม่มีหนี้สิน)

    สิบกว่าปีก่อนในอดีตธุรกิจโรงงานค่อนข้างดี ก็เลยมีตัวเลขหมุนเวียนบ่อยๆ
    ปัจจุบันธุรกิจซบเซาลง ก็เลยมีตัวเลขเข้ามาไม่บ่อย
    บางเดือนไม่กี่หมื่นบาท
    บางเดือนเกือบหนึ่งล้านบาท(orderใหญ่ปีละครั้ง)

    เราควรทำอย่างไรดีครับ ในการแสดงที่มาของรายได้ซึ่งไม่คงที่?

    4.ผมเพิ่งทราบตัวเลขแน่ชัดจากภรรยาว่า
    เงินฝากfixของลูกคนเล็ก มีจำนวนห้าล้านบาท

    เงินฝากfixของลูกคนโต มีจำนวนสิบล้านบาทครับ
    และจะครบกำหนดสามารถถอนได้ในไม่กี่วันนี้
    จำนวนสามล้านบาท

    เงินในบัญชีของลูกทั้งสอง
    เป็นเงินที่ได้จากธุรกิจและค่าเช่าที่เราสะสมมาสิบกว่าปี

    ผมควรย้ายเงินสามล้านที่จะครบกำหนดนี้
    มาฝากออมทรัพย์ในชื่อตัวเองหรือภรรยาครับ?

    และควรจะอธิบายอย่างไรครับ เกี่ยวกับการมีเงินจำนวนนี้อย่างกระทันหัน
    ในบัญชีของผมหรือภรรยา
    (เราจดทะเบียนสมรสกัน เกือบยี่สิบปีแล้ว)

    ขอบคุณครับ

    • govisa  On January 3, 2012 at 10:04 pm

      คุณ Supachai คะ

      1. เรื่องการนัดวันสัมภาษณ์ก็คงจะต้องให้ลูกชายคนโตซื้อพินใหม่ไปค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่สถานทูุตจะสอบถามว่า อยู่ทะเบียนบ้านเดียวกันหรือไม่ บางรายขอดูเอกสาร แต่บางรายก็ไม่ได้ขอดูทะเบียนบ้านค่ะ ดังนั้น เมื่อคุณกรอกฟอร์ม DS-160 ของทุกท่านเสร็จแล้วก็ให้รีบซื้อพิน 372 บาทเป็นค่าจองวันนัดสัมภาษณ์ของลูกชายคนโตแยกจากของคนอื่น พยายามจองให้ได้อย่างน้อยวันเดียวกัน ถ้าโชคดีได้เวลาเดียวกันก็คงจะดี แต่ถ้าโชคร้ายได้คนละเวลา คุณยังมีโอกาสได้เข้าไปเป็นเพื่อนลูกชายคนโต เพราะเขายังอายุไม่ถึง 18 ปี ผู้ปกครองขอเข้าไปด้วยได้ค่ะ สำคัญที่ช่วงต้นปีคิวขอวีซ่าอาจจะแน่น เพราะจะมีน้องๆนักศึกษายื่นขอวีซ่าไป Work and travel กันมากค่ะ

      2. ผู้สมัครหลักเป็นคุณ Supachai ได้ค่ะ เพราะอย่างไรก็ตามคุณก็จะเข้าไปพร้อมภรรยาและลูกชายคนเล็กอยู่แล้วค่ะ

      3. นำใบทะเบียนการค้า และบุ๊คบัญชีเล่มเก่ารวมทั้งเล่มใหม่ทุกเล่มไปให้กงสุลดูค่ะ อย่าพูดว่า ธุรกิจซบเซา ดูเหมือนกิจการจะไปไม่ดีค่ะ อาจพูดเป็นทำนองว่า มีบริษัทลักษณะคล้ายกันกับบริษัทของคุณ Supachai เกิดขึ้นมาอีก 2-3 แห่ง เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดอาจลดลงไปจากเคยนิดหน่อยค่ะ

      4. บัญชีเงินฝากลูกชายคนเล็กครบ 3 ล้านบาทเมื่อถอนออกมาใส่เข้าบัญชีของภรรยา และในวันนัดสัมภาษณ์ให้นำหลักฐานบุ๊คเล่มที่เคยมีเงิน 3 ล้านบาทนี้ไปด้วย ชี้ให้กงสุลเห็นว่าถอนเงินจากบุ๊คเล่มนี้เมื่อวันที่เท่านี้ เอาไปใส่บุ๊คอีกเล่มหนึ่งค่ะ เพราะมีแผนการจะไปเที่ยวอเมริกาหลังจากลูกปิดเทอมใหญ่ในเดือนมีนาคมค่ะ ถ้าเขาถามว่า คุณหลีกเลี่ยงภาษีหรือจึงฝากเงินในชื่อลูก คุณคงต้องควบคุมอารมณ์และพูดเป็นทำนองว่า คุณเป็นห่วงลูก จึงคิดว่า เงินรายรับของคุณจะออมเข้าบัญชีลูกเป็นทุนการศึกษา หรือเพื่อเป็นหลักประกันให้ลูก แล้วแต่คุณจะให้เหตุผล เพราะทุกคนก็คงพอเดาได้ว่า ลูกอายุเท่านี้เอง มีเงินฝากมากขนาดนี ก็คงต้องเป็นเงินของผู้ปกครองนั่นเองที่ฝากให้ลูกค่ะ

      ที่ไม่ได้แนะนำให้ฝากในชื่อคุณ Supachai เพราะเกรงว่าจะเป็นบัญชีเพิ่งเปิด ยังมีอายุบัญชีไม่กี่วัน เดี๋ยวจะเกิดการเข้าใจผิดว่า คุณไม่ได้มีเงินเอง แต่ไปขอยืมคนอื่นมาค่ะ

  • greenbearja  On January 3, 2012 at 10:40 pm

    ขอบคุณคุณ govisa มากเลยคะ ดิฉันจะลองทำตามที่คุณ govisa บอกนะค่า
    ขอถามอีกข้อนึงค่า
    เรื่องแปลเอกสารที่คุณ govisa บอก
    ต้องนำทะเบียนสมรสและใบเปลี่ยนนามสกุลไปด้วยในวันสอบสัมภาษณ์ค่ะ คุณอาจจะหาที่แปลแถวสถานทูต และนำกลับไให้สถานกงสูลเซ็นต์รับรองอีกครั้งก็ได้ค่ะ

    คือ ก่อนดิฉันจะเข้าสัมภาษณ์ให้เอาเอกสารไปแปล หรอคะ แล้วให้สถานกงศุลเซ็นรับรอง ตอนไหนคะ งงนิดหน่อยคะ

    ขอบคุณมากๆนะคะ

    • govisa  On January 3, 2012 at 11:57 pm

      คุณ Greenbear คะ ขอโทษเป็นอย่างมากค่ะที่รีบตอบ เลยพิมพ์ผิดค่ะ มีหลายคนที่อยากจะให้หน่วยงานต่างประเทศที่ต้องพิจารณาเอกสารการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลอ่านแล้วเกิดความเข้าใจเลยทันที จึงมักจะนำไปแปลและรับรองความถูกต้องของเอกสารที่แปลด้วยค่ะ พี่ได้เขียนเกี่ยวกับการแปลเอกสารและการรับรองเอกสารที่แปลแล้ว ลองเข้าไปอ่านดูนะคะที่เว็บไซต์ https://govisa.wordpress.com/2011/12/11/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3/ เวลาไปสัมภาษณ์คุณ Greenbear จะมีทั้งใบเปลียนนามสกุลที่เป็นภาษาไทยและใบที่แปลการเปลี่ยนนามสกุลที่ได้รับการรับรองจากกรมกงสุล (ถนนแจ้งวัมนะที่ไปทำหนังสือเดินทางค่ะ) ส่วนทะเบียนสมรสแล้วแต่ความสมัครใจนะคะ มีหลายท่านไม่แปลก็มีค่ะ ส่วนกลุ่มที่ต้องแปลใบทะเบียนสมรส อาจจะเห็นได้ชัดในกลุ่มผู้ขอวีซ่าเพื่อการอพยพย้ายถิ่นฐานเพราะจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างประเทศ เป็นต้นนะคะ

  • greenbearja  On January 4, 2012 at 1:25 pm

    ขอบคุณมากค่า ถ้าเราจ้างบ.รับจ้างแปลแบบนี้จะได้หรือเปล่าคะ

    • govisa  On January 4, 2012 at 5:49 pm

      ได้ค่ะคุณ Greenbear แต่ถ้ต้องการให้มีการรับรองเอกสารแปลอย่างเป็นทางการ ควรไปขอรับรองการแปลที่กรมกงสุลค่ะ

  • greenbearja  On January 4, 2012 at 7:16 pm

    ขอบคุณมากค่า

  • POND  On January 5, 2012 at 9:38 am

    พี่ govisa คะปอนด์ไม่รู้จะทำยังไงกับรูปแล้วค่ะ ถ้าเรา upload ลงไปไม่ได้ เราส่งใบสมัครโดยไม่มีรูปแล้วค่อยเอารูปไปด้วยตอนวันนัดสัมภาษณ์ได้ไหมคะ ทำยังไงมันก็บอกว่าไม่ได้ขนาด ..หงุดหงิดแล้ววว… ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On January 5, 2012 at 6:05 pm

      น้องปอนด์คะ ถ้าน้องพยายามถึงที่สุดแล้วไม่ได้ให้น้องไปยื่น DS-160 พร้อมนำรูปไปด้วยค่ะ แต่น้องควรมีเหุผลที่จะให้คำอธิบายเขาได้นะคะว่า ทำไมจึง upload รูปภาพไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าน้องปอนด์ยังมีความเพียรอยากลองเอารูปภาพใส่ให้สำเร็จ และต้องการให้มีคนช่วย พี่แนะนำให้น้องลองติดต่อหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจากเว็บไซต์นี้ http://www.educationusa.info/Thailand#.TwWzntRp4 เผื่อดูว่า เขามีบริการช่วยกรอกฟอร์มวีซ่าได้ไหมนะคะ เคยมีคนเขียนอีเมล์มาเล่าให้ฟังว่า เขาเคยไปขอความช่วยเหลือเรื่องกรอกฟอร์มวีซ่าค่ะ แต่บังเอิญพี่มีอีเมล์มากจำเป็นต้องลบ email ออกไปบ้างเลยไม่ทราบว่าจะแนะนำหน่วยงานใดในเว็บไซต์นั้นค่ะ

  • max  On January 5, 2012 at 12:16 pm

    พี่ govisa ครับ อยากถามเรื่องเกณฑ์ทหารหน่อยครับ คือผมเรียนอยุ่ปี4กำลังจะจบปีนี้แล้ว การขอผ่อนผันที่ขอไว้จะหมดลงปีนี้หรือป่าวครับ พอดีจะไปwork and travel มีนาคมนี้ต้องทำอย่างไรจึงจะขอวีซ่าผ่านโดยไม่ติดเรื่องเกณฑ์ทหารครับ เนื่องจาก7เมษายนของทุกปีเขาจะเรียกเกณฑ์ทหาร ปกติปีก่อนๆผ่อนผันเอาน่ะครับ

    • govisa  On January 5, 2012 at 6:01 pm

      น้องMax คะ ปกติวันที่กำหนดของทหารจะต้องถามทางทหารเอง ซึ่งพี่คิดว่า คนที่จะช่วยน้องได้ดีที่สุดคือ สัสดีประจำเขตที่ชื่อน้องอยู่ หรือสัสดีอำเภอกรณีน้องอยู่ต่างจังหวัดค่ะ พี่ไม่ทราบว่า ทางทหารเขาได้ส่งชื่อน้องไปเกณฑ์ในวันไหนค่ะ พี่ถามเพื่อนผู้ชายบางคนเขาบอกว่าน่าจะหมดกำหนดการผ่อนผันประมาณเดือนกุมภาพันธ์แต่ก็ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าถูกต้องนะคะ ดังนั้นพี่ขอให้น้องเช็คกับทางสัสดีในเขตที่น้องจะต้องไปเกณฑ์ค่ะ ตรวจสอบตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะเพราะถ้าเรายังขอผ่อนผันต่อได้จะได้สบายใจว่าไม่ได้หนีหมายเกณฑ์ทหารค่ะ โชคดีนะคะ

  • supachai  On January 5, 2012 at 1:15 pm

    ตอนนี้กำลังกรอก ds 160 อยู่ครับ
    ตัดสินใจไปฝั่งตะวันตกกับทัวร์regency travel

    ก็เลยใช้ข้อมูลเรื่องflight number ,ชื่อโรงแรม
    และวันเดินทาง (ช่วงสงกรานต์) จากบริษัททัวร์

    แต่พอถึงหมวด us contact ก็ไม่รู้ว่าจะกรอกอะไรครับ
    เพราะไม่มีคนรู้จักในอเมริกาเลย

    ทำอย่างไรดีครับ?

    ขอบคุณครับ

    • govisa  On January 5, 2012 at 5:50 pm

      คุณ Supachai คะให้ลองถามบริษัท Regency Travel ว่าเขามีใครในอเมริกาที่เขาติดต่อประสานงานด้วย จะขออนุญาตใส่ชื่อเขาคนนั้นในอเมริกาเป็น reference ตรง US Contact ได้ไหมนะคะ ถ้าไม่มีจริงๆให้ใส่ชื่อที่อยู่โรงแรมที่จะไปพักค่ะ ถ้ารู้ชื่อโรงแรมที่ Regency เขาติดต่อไว้แต่ไม่ทราบที่อยู่ ให้ค้นหาที่อยู่ของโรงแรมจาก google หรือถามจาก Regency ค่ะ

  • greenbearja  On January 6, 2012 at 10:28 am

    ขออนุญาตมาช่วยตอบน้องปอนด์คะ พอดีพี่เพิ่งไปถ่ายรูปมาทีอ่นุสาวรีย์ แล้วซื้อไฟล์เค้ามาเลย พอเราอัพโหลด ก้ไม่มีปัญหาคะ ดูร้านที่เค้าพอรู้เรื่องเกี่ยวกับวีซ่าอเมริกาหน่อยอ่ะคะ(ในห้าง)
    ตอนนี้กรอกDS-160 เรียบร้อยแล้ว ซื้อพินแล้ว รอแต่ไฟเขียวจากกงศุลเนี่ยะอ่ะคะ
    ขอรบกวนถามคุณ govisa คะ ถ้าดิฉันและเพือ่น ยังไงต้องซื้อพินกันคนละอันอยู่แล้ว สามารถนัดพร้อมกันได้หรือไม่คะ
    เพราะในเวบบอกว่าถ้านัดเป็นกลุ่มจะหาวันนัดได้ง่ายกว่า

    ขอบคุณนะค่า เวบนี้ช่วยดิฉันให้เข้าใจและกรอกเอกสารได้เรียบร้อยภายในครั้งเดียวเลย

    • govisa  On January 6, 2012 at 6:23 pm

      ก่อนอื่นพี่ขอขอบคุณคุณ Greenbear มากๆค่ะ ที่ช่วยพี่ให้ความกระจ่างน้องปอนด์ค่ะ พี่เคยแจ้งน้องปอนด์เรื่องร้านถ่ายรูปรุ่นใหม่ที่เขาจะมีบริการเก็บภาพของเราลงในแผ่นดิสก์หรือจะให้ใส่ลงใน Thumb drive เลยก็ยังได้ค่ะ เพียงแต่พี่เคยเห็นบริการนี้ที่ในกรุงเทพมหานคร ไม่ทราบว่าที่ต่างจังหวัดจะมีกันแล้วหรือยังค่ะ อย่างไรก็ตามพี่คิดว่าจังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่นหรือสงขลา ก็น่าจะมีกันบ้างแล้วค่ะ ทำให้ผู้ใช้เช่นเราสะดวกมากเพราะ install ภาพไว้บน desktop หลังจากนั้นก็จะสามารถ upload รูปใบหน้าเราลงในแบบฟอร์ม DS-160 ได้แล้วค่ะ
      ส่วนคำถามที่ว่าเป็นกลุ่มจะหาวันนัดได้ง่าย การจะขอนัดวันสัมภาษณ์เป็นกลุ่มต้องอยู่ในฐานะเป็นพ่อแม่ลูก หรือไม่ก็สามีภรรยาและลูก หรือพี่กับน้องที่ใช้นามสกุลเดียวกัน มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันค่ะ ถ้าเป็นเพื่อนอยากได้วันนัดสัมภาษณ์วันเดียวกัน ต้องหมั่นเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ log in เข้าไปบ่อยๆ พอ confirm วันนัดสัมภาษณ์ของเราได้ให้รีบทำแบบเดียวกันให้เพื่อนเลยทันทีค่ะ ถ้าโชคดีก็จะได้วันนัดและเวลานัดสัมภาษณ์เดียวกันค่ะ
      ส่วนช่วงเวลานี้ สถานการณ์อาจจะดูคล้ายคลึงกับปีที่แล้วสำหรับผู้ขอวีซ่าท่องเที่ยว คือ สถานทูตจะเปิดคิวนัดสัมภาษณ์ให้ผู้ขอวีซ่าประเภท J-1 ที่ไปในรายการ work and travelมากที่สุด รองลงไปเป็นกลุ่มวีซ่านักเรียน(นักเรียนขอวีซ่าช่วงนี้น้อยกว่าพวกที่ขอไปเรียนตอนเดือนสิงหาคมค่ะ)สุดท้ายก็เป็นพวกวีซ่านักธุรกิจที่จะเห็นวันนัดสัมภาษณ์มากกว่าพวกที่ขอไปเที่ยวค่ะ

  • POND  On January 6, 2012 at 11:48 am

    ขอบคุณทุกคนมากค่ะสำหรับคำแนะนำ

  • max  On January 6, 2012 at 6:33 pm

    พี่ govisa ครับ ตอนนี้ผมสอบถามทางสถาบันที่ศึกษามาแล้ว ปีนี้ยังใช้สิทธิ์การผ่อนผันได้อยุ่ครับ ที่เป็นปัญหาตอนนี้คือ จะต้องเข้ารับการผ่อนผัน วันที่7เมษายนของทุกปี และผมจะไปwork and travel ช่วง มีนาคม-มิถุนายน อย่างนี้จะผ่านวีซ่าไหมครับ

    • govisa  On January 6, 2012 at 9:33 pm

      น้องMaxคะ สถานทูตสหรัฐอเมริกาไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวบทกฎหมายไทยค่ะ ดังนั้นน้องควรเตรียมเอกสารที่จำเป็นในการยื่นขอวีซ่าให้ครบ ถ้ากงสุลมั่นใจว่าน้องMax จะกลับประเทศไทยเมื่อจบโครงการ ก็เป็นอันว่าน้อง Max จะได้รับวีซ่าค่ะ ส่วนการที่น้อง Max จะต้องกลับมารายงานตัวทางทหาร น้องMax ต้องบริหารเวลาให้ดีเพื่อไม่ให้นายจ้างตำหนิได้ และน้องMax ตรวจดูว่าจะมีเที่ยวบินว่างตามวันเวลาที่น้องMax ต้องการกลับเมืองได้วย เพราะช่วงปิดเทอมเด็กๆรุ่นใหม่มักจะเดินทางไปเรียนภาษาอังกฤษระหว่างปิดเทอม หรือไม่ก็ไปเที่ยวกับผู้ปกครอง หรือบางท่านอาจจะไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ เป็นต้น หาทางจองตั๋วเครื่ิองบินก่อนล่วงหน้านานๆค่ะ

  • froy  On January 7, 2012 at 9:45 pm

    พี่คะ ช่วยตอบหนูหน่อย ตอนนี้เครียดมาก คือตอนแรกหนูพิมพ์ds และสมัครเว็บจองสัมภาษณ์แล้ว แต่ยังไม่ได้คอนเฟิร์มวัน แล้วทีนี้หนูเห็นข้อมูลเรื่องเรียนมันผิด ก็เลยเข้าไปสมัครdsใหม่ และเพิ่งรู้ว่ามันเปลี่ยนหมายเลขยืนยันไม่ได้แล้ว หนูต้องทำอย่างไรคะ ต้องซื้อพินใหม่เลยหรือเปล่า

    • govisa  On January 8, 2012 at 3:57 pm

      @ น้อง Froy คะ คำถามน้องไม่ค่อยชัดเจน คือ น้อง confirm วันนัดสัมภาษณ์ไปแล้วหรือยังคะ ถ้ายังไม่ได้ทำ กรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ ได้หมายเลขใหม่แล้วไปใส่ในฟอร์มที่กรอกนัดวันสัมภาษณ์ใหม่ค่ะ เพราะถ้าน้องยังไม่ได้ confirm วันนัดสัมภาษณ์น่าจะยังแก้ไขหมายเลข Ds-160 ได้อยู่นะคะ แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วก็ไม่ต้องตกใจค่ะ เมื่อได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว ให้กรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ แล้ว Print หมายเลข DS-160 หมายเลขใหม่ออกมาด้วย ในวันสัมภาษณ์ให้นำหมายเลข DS-160 ทั้งเก่าและใหม่ไปที่สถานทูต ถ้าเจ้าหน้าที่ถามเพื่อขอคำอธิบายจากน้องๆบอกไปเลยว่า หลังจากได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว มาตรวจดูอีกครั้ง พบว่ามีกรอกผิดบางจุด จึงได้ทำการแก้ไขค่ะ แต่เนื่องจากเปลี่ยนหมายเลข DS-160 ในฟอร์มนัดวันสัมภาษณืใหม่ไม่ได้ จึงได้ print ทั้งหมายเขเก่าและใหม่มาแสดงค่ะ

  • หนิง  On January 8, 2012 at 11:35 am

    สวัสดีค่ะพอดีว่าพรุ่งนั้จะไปสัมภาษณ์วีซ๋าค่ะแต่เป็นห่วงเรื่องเอกสารที่เตรียมไปคือจะเดินทางไปกับสามีซึ่งทำงาบริษัทเอกสารที่เตรียมไว้มีดังนี้
    1จดหมายลางาน และใบรับรองเงินเดือน ลาสองสัปดาห์ค่ะ
    2ใบรับรองสเเตทเม้นจากธนาคาร
    3 บัญชีเงินฝากตัวจริง
    4 จดหมายเชิญของน้องสาวที่เป็นสปอนเซอร์
    5 จดหมายรับรองสเตทเม้นจากธนาคาร
    6 เอกสารที่แสดงว่าน้องสาวเป็นพลเมืองสหรัฐ
    7 เอกสารการเสียภาษี
    8 I 134
    9 ทะเบียนบ้าน
    10 ทะเบียนสมรส
    11 ทะเบียนการค้าหนิงมีร้านขายกาแฟเล็กๆค่ะในมหาลัย มีเอกสารการประมูลร้านด้วยค่ะ มีรูปร้านมาด้วยนะคะ
    12 สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารตัวจริง
    13 ใบยืนยันการนัดหมาย และใบที่มีบาร์โค้ดและรูป
    14 ใบเสร็จจากไปรษณีย์ที่จ่ายเงิน ประมาณแปดพันกว่าบาท(สองใบ)
    15 พาสปอร์ต
    นัดวันสัมภาษณ์ใช้พินอันเดียวกันค่ะแต่สงสัยว่าแต่ละคนจะแยกเอกสารคนละชุดใช่ไหมคะ
    น้องสาวชวนไปเที่ยวและออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดค่ะเขาอยู่มิชิแกนแต่จะพาไปเที่ยวซานฟรานค่ะ ถ้ามีเวลาพอก็อาจจะไป นิวยอร์ค
    ยังมีเอกสารที่ควรต้องเตรียมอีกไหมคะมันตื่นเต้นค่ะกลัวลืมเครียดด้วยค่ะแต่ทั้งหมดที่เตรียมก็ดูจากคำแนะนำของคุณgovisa และคนที่แชร์ประสบการณ์ไว้น่ะค่ะมีประโยชน์มากเลยนะคะ

    • govisa  On January 8, 2012 at 4:17 pm

      น้องหนิงคะ ที่น้องเตรียมเอกสารมาทั้งหมดถูกต้องแล้วค่ะ ถ้ากงสุลถามถึงเหตุผลที่ถูกปฏิเสธวีซ่าเมื่อปี 2007 ช่วยอธิบายให้ท่านเข้าใจด้วยวา เพราะเหตุใด อย่าตอบว่า ไม่ทราบลืมไปแล้วนะคะ อย่างที่น้องบอกพี่มาก็ใช้ได้ค่ะ เพียงแต่เรียบเรียงคำพูดให้กระชับหน่อยก็ได้ว่า เป็นเพราะเราศึกษาเรื่องการเตรียมเอกสารขอวีซ่าน้อยไปหน่อยค่ะ มีเอกสารบางอย่างที่ไม่ได้นำไปแสดงให้กงสุลในเวลานั้นพิจารณา จึงน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กงสุลไม่มั่นใจว่า น้องหนิงมีหลักฐานทางหน้าที่การงานและรายได้ที่มั่นคงค่ะ อีกประการหนึ่ง ถ้าท่านถามว่า ถ้าน้องสาวชวนไปอยู่ที่อเมริกาจะเอาไหม น้องคงต้องตอบปฏิเสธว่า ไม่อยากไปอยู่นะคะ เพราะรัฐมิชิแกนหน้าหนาวหนาวมากค่ะ และน้องก็อาจจะมีภาระความรับผิดชอบอื่นๆ เช่น ต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่เมืองไทยก็แล้วแต่น้องจะให้เหตุผลที่ดูเหมาะสมนะคะ พยายามตอบเสียงดังฟังชัด และสบตาผู้สัมภาษณ์ตามวัฒนธรรมตะวันตกที่ควรสบตาคู่สนทนานะคะ โชคดีค่ะ สัมภาษณ์เสร็จแล้ว เขียนมาแชร์ประสบการณ์บ้างนะคะ

  • หนิง  On January 8, 2012 at 12:01 pm

    หนิงเพิ่มอีกนิดนะคะคือเคยขอวีซ่าเมื่อปี2007ไม่ผ่านค่ะตอนนั้นเอกสารแทบไม่ได้เตรียมอะไรเลยและขอไปคนเดียวสามีไม่ได้ไปด้วยไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่านะคะ

  • supachai  On January 8, 2012 at 9:00 pm

    รบกวนถามครับ

    กรอกds160เสร็จแล้วครับ print confirmationแล้ว
    แต่พิมพ์ผิดนิดเดียว(เจอภายหลัง)

    ผมกับภรรยาเคยเข้าสหรัฐวันที่14 april 1998
    ของผมพิมพ์ผิดเป็นวันที่13april 1998
    ของภรรยาพิมพ์ผิดเป็นวันที่15april 1998

    รร ลูก triam udom suksa พิมพ์เป็น tram udom suksa

    เข้าไปแก้ไม่ได้แล้ว ทำอย่างไรดีครับ
    ไปแก้ที่สถานฑูตได้ไหมครับ

    ขอบคุณครับ

    • govisa  On January 8, 2012 at 10:44 pm

      คุณ Supachai คะ เป็นความผิดเล็กน้อยนะคะ วันที่ไปสอบสัมภาษณ์แจ้งน้องเจ้าหน้าที่ที่ตรวจเอกสารได้ค่ะ ความผิดใหญ่ๆที่ต้องการแก้ไขจริงๆ คือ พิมพ์ชื่อตัวเอง,วันเดือนปีเกิดของตนเอง,หมายเลขหนังสือเดินทาง,หมายเลขบัตรประชาชนผิดค่ะ อย่างไรก็ตามพี่เข้าใจความรู้สึกของคุณ Supachai ว่าคงไม่สบายใจจนกว่าจะผ่านวันสัมภาษณ์ไปแล้ว ถ้าวิตกกังวลจนเครียดมาก พี่แนะนำให้คุณ Supachai พิมพ์ DS-160 ใหม่ แล้ว Print ออกมา พร้อมทั้งนำ DS-160 Confirmation Number ทั้งใบเก่าและใบใหม่ไปแสดงในวันสอบสัมภาษณ์ค่ะ

  • หนิง  On January 10, 2012 at 10:12 pm

    หนิงค่ะ
    สวัสดีค่ะเมื่อวานไปสัมภาษณ์มาแล้วค่ะ เวลานัดแปดโมงแต่ไปถึงสถานทูตหกโมงครึ่ง นั่งดูเอกสารในรถจนถึงเวลาเจ็ดโมงค่อย้เดินไปหน้าสถาทูต มีคนเข้าแถวอยู่แล้วและมีเจ้าหน้าที่เสื้อชมพูมาแล้วด้วย เข้าแถวตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ผ่านด่านแรกเข้าประตูมาเจอด่านสองนำพาสปอร์ตและใบยืนยันการนัดหมายใส่แฟ้มพลาสติคใส พร้อมใบสีฟ้าเขียนชื่อ นามสกุล ด่านสามเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร สแกนนิ้วมือ ถามชื่อประวัติของเราและขอเอกสารใส่ซอง(เอกสารทั้งหมดยกเว้นสเตทเม้นและทะเบียนสมรส)ได้บัตรคิว นั่งรอเรียก นานพอสมควร และได้สัมภาษณ์กับกงสุลชาวต่างชาติผู้ชาย คำถามแรกถามว่า
    เคยไปต่างประเทศไหม
    จะไปที่ไหน
    ไปกี่วัน พักที่ไหน
    ทำงานอะไร
    สามีทำงานอะไร
    ถามสามีว่า คนที่จะไปพักด้วยเป็นใคร ชื่ออะไร
    แต่งงานมากี่ปีแล้ว
    มีลูกกี่คน
    แล้วก็เก็บเอกสารใส่ซองและบอกว่าให้ไปจ่ายเงินที่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ด้านนอกและบอกว่า
    ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ
    ถึงตอนนี้รู้สึกโล่งเลยค่ะ เอกสารบางอย่างไม่ขอดูเลยล่ะค่ะเช่นสเตทเม้น ทะเบียนสมรส
    แต่เห็นคนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้ากงสุลขอดูสเตทเม้นทุกคนที่ไป(ครอบครัวนี้ไปกันสี่คน)
    มาถึงตอนนี้เลยรู้สึกว่าถ้าเอกสารเราพร้อมและตอบคำถามได้โดยไม่ติดขัดตามความเป็นความจริงเราก็จะผ่านพ้นไปโดยไม่มีปัญหาใช่ไหมค่ะ
    ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำที่ดีดี โชคดีที่เปิดมาเจอเว็บที่มีประโยชน์เช่นนี้ ขอบคุณค่ะขอบคุณจากใจเลยล่ะค่ะ และหวังว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้คงเป็นตัวอย่างให้คนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
    หนิงค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ คงจะเดินทางเมษาอย่างที่ตั้งใจไว้และถ้ากลับมาจะมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ สวัสดีค่ะ

    • govisa  On January 11, 2012 at 5:35 am

      ดีใจด้วยค่ะ หนิง พี่คิดว่ากงสุลให้ความสำคัญกับชีวิตคู่ที่ดีมากๆนะคะ เพราะสังเกตได้ว่า กงสุลจะถามคำถามสามีให้สามีเป็นผู้ตอบทั้งหมด และถามเกี่ยวกับลูกเพื่อดูว่า มีความผูกพันที่ต้องรับผิดชอบมากน้อยเท่าไรค่ะ นอกจากนี้การตอบคำถามของน้องและสามีก็ดูชัดเจนคล่องแคล่วไม่ติดขัดด้วยค่ะ ขอให้ไปเที่ยวอเมริกาให้สนุกนะคะ ยินดีด้วยอีกครั้งค่ะ

  • wan-anong  On January 16, 2012 at 12:16 am

    มีเรื่องอยากจะรบกวนถามค่ะ พอดีว่าจะไปสัมภาษณ์วีซ่า วันที่ 6 กุมภา นี้ คือว่าให้ทางบริษัทที่รับทำเกี่ยวกับวีซ่าเป็นคนซื้อพินแล้วก็จองคิวสัมภาษณ์ให้แต่ว่าเรามากรอก แบบฟอร์มเอง แล้วรหัสคอร์นเฟิมที่ได้จะตรงกันมั้ยค่ะ

    • govisa  On January 16, 2012 at 5:12 am

      น้อง Wan-anong คะน้องลองขอให้บริษัทที่น้องไปว่าจ้างทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ Print หมายเลขยืนยัน DS-160 ที่บริษัทอาจตั้งสมมุติฐานจากหนังสือเดินทางของน้อง แล้วกรอกไปเองเพื่อให้ได้หมายเลข DS-160 Confirmation Number เพื่อบริษัทจะได้นำไปทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ออกมาด้วยค่ะ ส่วนที่น้องจะกรอกใหม่เองหรือการที่บริษัทแนะนำให้กรอกใหม่เอง เพราะบริษัทคงไท่ทราบข้อมูลเชิงลึกที่เป็นข้อมูลส่วนตัวของน้องค่ะ ดังนั้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์น้องควรจะหมายเลขยืนยัน DS-160 ที่น้องกรอกเองและที่บริษัทลองกรอกไปให้นำไปด้วยทั้ง 2 ใบ เป็นการแก้ไขสถานะการณ์ค่ะ ถ้าไม่เข้าใจเขียนมาถามอีกได้นะคะ ดีมากที่น้องเฉลียวใจถามเรื่องนี้เข้ามา จะได้ไปติดต่อบริษัทเพื่อสอบถามเขาก่อนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งน้องอาจพบกับคำถามจากเจ้าหน้าที่ที่สถานทูตว่า ทำไม DS-160 Confirmation Number ไม่ตรงกันค่ะ

  • เจีียบ  On January 17, 2012 at 1:29 pm

    สอบถามหน่อยครับ ต้องการขอวีซ่าท่องเที่ยว ไปคนเดียว ( แต่งงานแล้ว มีบุตร 1 คน ) ทำธุรกิจส่วนตัว จดทะเบียนการค้า มาได้ 2 ปี มีเงินหมุุนเวียนในบัญชี ยอดปัจจุบันเหลืออยู่ 8 แสน กว่าๆ ต้องการไปเที่ยวพักผ่อน คนเดียว แบบ ไม่มีใครรู้จักที่นั่นเลย ไปซักประมาร 7 – 10 วัน ธุรกิจก็ให้ภรรยาดูแลไปก่อน อย่างนี้ มีโอกาสจพขอวีซ่าผ่านมัียครัย ต้องเพิ่มเติมอะไรตรงไหนบ้าง เพื่อที่จะให้ทางสถานทูตมั่นใจว่า ผมไปเที่ยวพักผ่อนจริงๆ ขอบคุณครับ

    • govisa  On January 17, 2012 at 7:59 pm

      น้องเจี๊ยบคะ ก่อนสัมภาษณ์ลองค้นหาในเว็บไซต์พวกบริษัททัวร์ หรือไปขอโบร์ชัวร์จากบริษัททัวร์มาดูเลยว่า ทัวร์เขาพาไปเที่ยวที่ไหนบ้างนะคะ เพราะเวลาที่กงสุลถามว่า น้องมีแผนการจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง บางทีท่านอาจจะถามว่า จะเดินทางอย่างไร น้องจะได้ตอบได้ค่ะ หรือน้องอาจจะตอบไปก็ได้นะคะว่า ถ้าได้วีซ่าแล้วน้องจะซื้อทัวร์ของบริษัทนี้ไป เพราะถ้าน้องบอกว่าไม่รู้จักใครเลย และถ้าเป็นการเดินทางครั้งแรกของน้องเข้าอเมริกาด้วยแล้ว กงสุลคงจะดูวิธีการตอบคำถาม การพูดโต้ตอบกับกงสุลเป็นภาษาอังกฤษทำได้ไหม และอาจจะพิจารณาดูบุคลิกภาพของน้องว่า น้องจะแบกเป้เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวได้ไหมนะคะ และถ้ากงสุลท่านถามว่า ทำไมถึงไม่พาภรรยาไปด้วย น้องคงต้องอธิบายไปในทำนองว่า ภรรยาเห็นใจที่น้องทำงานหนักมาตลอด 2 ปีตั้งแต่เริ่มมีธุรกิจ ภรรยาจึงอนุญาตให้น้องไปพักผ่อนให้เต็มที่ 1 สัปดาห์เพื่อจะได้มีความคิดใหม่ๆที่สดชืื่นกลับมาทำงานค่ะ อีกประการหนึ่งภรรยาต้องดูแลรับส่งลูกไปเรียนหนังสือ ถ้าจะรอไปปิดเทอม ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ธุรกิจของน้องที่เมืองไทยยุ่งมาก ปลีกตัวไปเที่ยวไหนไม่ได้ ภรรยาจึงแนะนำให้ไปพักผ่อนตอนนี้เลยค่ะ อย่าลืมนำใบทะเบียนการค้าไปด้วยค่ะ และก่อนหน้ามีธุรกิจของตนเอง น้องทำงานที่ไหน ถ้าหากขอจดหมายรับรองการทำงานจากสถานที่ทำงานเก่าไปแสดงด้วยได้ก็จะดีค่ะว่า ตั้งแต่เรียนจบ แต่งงาน มีบุตร เราทำงานมาตลอด จนกระทั่งลาออกเพื่อมาเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวเองค่ะ พี่ขออวยพรให้น้องผ่านวีซ่านะคะ

  • เจีียบ  On January 17, 2012 at 1:34 pm

    อ้อ…ผมอายุ 37 ปี ครับ

  • wan-anong  On January 17, 2012 at 7:10 pm

    อยากทราบว่าเอกสารทุกอย่างต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่าค่ะ

    • govisa  On January 17, 2012 at 7:22 pm

      น้อง Wan-anong คะ ไม่ต้องแปลเอกสารทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษค่ะ พี่ไม่ทราบว่าเอกสารที่น้องเขียนถามมามีอะไรบ้างนะคะ ถ้าน้องหมายถึงทะเบียนการค้าไม่ต้องแปลค่ะ แต่ถ้าเป็นกรณีเปลี่ยนชื่อนามสกุลควรแปลเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนใบทะเบียนสมรส และใบหย่าไม่ต้องแปลก็ได้ค่ะ ถ้าน้องไม่ได้แต่งงานกับชาวอเมริกัน แต่ถ้าน้องจะมีการอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาหรือจดทะเบียนแต่งงานกับชาวอเมริกัน ฯลฯ เอกสารดังกล่าวต้องแปลและรับรองเป็นทางการด้วยค่ะ

  • wan-anong  On January 17, 2012 at 9:57 pm

    คือหนูอายุ 16 ปี แล้วต้องมีใบรับรองของพ่อกับแม่ เอกสารต่างๆของพ่อกับแม่ เอกสารพวกนี้จำเป็นต้องเเปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยมั้ยค่ะ

    • govisa  On January 17, 2012 at 10:47 pm

      น้องWan-anong คะ น้องขอวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวหรือนักเรียนคะ และขอพร้อมคุณพ่อคุณแม่หรือเปล่าคะ ถ้าขอวีซ่าท่องเที่ยวพร้อมคุณพ่อคุณแม่ใช้จดหมายรับรองฐานการเงินจากธนาคารฉบับเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ได้ และมีหลักฐานเรื่องผลการเรียนในชั้นเรียนที่ผ่านมาพร้อมทั้งหลักฐานจากทางโรงเรียนว่า จะกลับมาเรียนในปีการศึกษาถัดไปด้วยค่ะ พี่ไม่แน่ใจว่าน้องอยู่ม.4หรือ ม.5 ค่ะแต่ถ้าขอวีซ่าประเภทนักเรียนF-1 ใช้หลักฐาน I-20 ,transcript,จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครอง หรือถ้าเป็นนักเรียนในโครงการแลกเปลี่ยน(J-1)ต้องมีDs-2019, transcript และจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของ Sponsor พี่คาดว่าที่น้องพูดถึงใบรับรองของคุณพ่อคุณแม่ น่าจะหมายถึงตอนสมัครไปเรียนมากกว่า หรือน้องหมายความว่าน้องจะขอวีซ่านักท่องเที่ยวคนเดียวคะ ถ้าเป็นกรณีหลังนี้ กงสุลคงจะขอดูว่าน้องไปพักที่ไหนอยู่กับใคร ควรมีจดหมายจากคนที่อยู่ในสหรัฐฯรับรองมาด้วยว่าน้องจะไปพักบ้านเขา อีกประการหนึ่งพี่ไม่แนะนำให้น้องขอวีซ่าท่องเที่ยวคนเดียว ควรขอพร้อมคุณพ่อคุณแม่ค่ะ มิเช่นนั้นให้มีI-20 ตอบรับจากสถานศึกษาว่าไปเรียนภาษากี่อาทิตย์และมีจำนวนชั่วโมงเรียนน้อยกว่า18ชั่วโมงต่อสัปดาห์กงสุลจะได้ทราบว่าน้องไปเรียนและพักอยู่กับครอบครัวอเมริกันเป็นต้น ดังนั้นพี่รบกวนให้น้องเขียนบอกรายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่านี้นะคะพี่จะได้แนะนำได้ถูกค่ะ

  • puiiz  On January 18, 2012 at 5:15 pm

    อยากทราบว่าถ้าเราทำงานแร้วมีใบรับรองการทำงาน เป็นบริษัทใหญ่ที่มั่นคง จะเดินทางไปเที่ยวที่เมกา 1 อาทิด แต่สเตทเม้นตัวเองไม่ค่อยสวย มีเงินไม่ถึงแสน แร้วถ้าจะใช้สเตทเม้นของป้าแทนจะได้ไหม? รายละเอียดดังนร้นะค่ะ ป้าจดทะเบียนแต่งงานกับลุงที่เป็นพี่ชายของแม่ … แต่ พ่อ กับแม่ ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ดังนั้นเราจึงใช้นามสกุลของพ่อ แต่ป้าใช้นามสกุลแม่ อย่างนี้เราสามารถใช้เสตทเม้นของป้ายื่นขอวีซ่าได้หรือไม่ค่ะ? เนื่องจากป้าเป็นข้าราชการ
    หากได้..เอกสารเวลาขอในการประกอบการยื่นวีซ่าต้องเป็นสเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือนแล้วจำเป็นต้องเซ็นอะไรด้วยรึป่าวหรือว่าต้องมีเอกสารอะไรที่แนบมาด้วยรึป่าววค่ะ

    • govisa  On January 18, 2012 at 5:48 pm

      น้อง Puiiz คะ ถ้าน้องใช้ Statement ของคุณพ่อหรือคุณแม่จะดูมีน้ำหนักมากกว่านะคะเพราะคุณป้าไม่ใช่คุณแม่ของน้องค่ะ การจะเข้ามาเป็นSponsor ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นข้าราชการค่ะ กงสุลท่านจะดูที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ยื่นขอวีซ่ากับคนที่เป็น sponsor ดังนั้นพี่จึงมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-แม่-ลูกจะมาก่อนความสัมพันธ์แบบอื่นๆค่ะ หลังจากนั่นค่อยดูบัญชีเงินฝากในธนาคาร ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีธุรกิจส่วนตัวให้นำใบทะเบียนการค้าและจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารพร้อมบัญชีเงินฝากไปแสดงด้วยนะคะ ถ้าไม่ใช่เจ้าของธุรกิจเป็นลูกจ้างให้ขอจดหมายรับรองจากที่ทำงานแต่ถ้าไม่ใช่อีก ท่านทำธุรกิจเล็กๆก็อธิบายให้กงสุลท่านทราบว่า ท่านทำอะไรและมีรายรับเท่าไร กรณีหลังอาจจะใช้คุณป้าเป็น sponsor เสริมไปอีกท่านหนึ่งรวมเป็นสองนะคะ คือ อาจจะมีบัญชีของคุณพ่อคุณแม่ท่านใดท่านหนึ่งและคุณป้าค่ะ

  • เจีียบ  On January 18, 2012 at 5:24 pm

    ตอบผมหน่อยครับ

    • govisa  On January 18, 2012 at 5:31 pm

      น้องเจี๊ยบ พี่ตอบน้องไปแล้วนะคะ พี่ copy ที่ตอบน้องเจี๊ยบไปแล้วมาให้ดูอีกทีนะคะ ก่อนสัมภาษณ์ลองค้นหาในเว็บไซต์พวกบริษัททัวร์ หรือไปขอโบร์ชัวร์จากบริษัททัวร์มาดูเลยว่า ทัวร์เขาพาไปเที่ยวที่ไหนบ้างนะคะ เพราะเวลาที่กงสุลถามว่า น้องมีแผนการจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง บางทีท่านอาจจะถามว่า จะเดินทางอย่างไร น้องจะได้ตอบได้ค่ะ หรือน้องอาจจะตอบไปก็ได้นะคะว่า ถ้าได้วีซ่าแล้วน้องจะซื้อทัวร์ของบริษัทนี้ไป เพราะถ้าน้องบอกว่าไม่รู้จักใครเลย และถ้าเป็นการเดินทางครั้งแรกของน้องเข้าอเมริกาด้วยแล้ว กงสุลคงจะดูวิธีการตอบคำถาม การพูดโต้ตอบกับกงสุลเป็นภาษาอังกฤษทำได้ไหม และอาจจะพิจารณาดูบุคลิกภาพของน้องว่า น้องจะแบกเป้เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวได้ไหมนะคะ และถ้ากงสุลท่านถามว่า ทำไมถึงไม่พาภรรยาไปด้วย น้องคงต้องอธิบายไปในทำนองว่า ภรรยาเห็นใจที่น้องทำงานหนักมาตลอด 2 ปีตั้งแต่เริ่มมีธุรกิจ ภรรยาจึงอนุญาตให้น้องไปพักผ่อนให้เต็มที่ 1 สัปดาห์เพื่อจะได้มีความคิดใหม่ๆที่สดชืื่นกลับมาทำงานค่ะ อีกประการหนึ่งภรรยาต้องดูแลรับส่งลูกไปเรียนหนังสือ ถ้าจะรอไปปิดเทอม ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ธุรกิจของน้องที่เมืองไทยยุ่งมาก ปลีกตัวไปเที่ยวไหนไม่ได้ ภรรยาจึงแนะนำให้ไปพักผ่อนตอนนี้เลยค่ะ อย่าลืมนำใบทะเบียนการค้าไปด้วยค่ะ และก่อนหน้ามีธุรกิจของตนเอง น้องทำงานที่ไหน ถ้าหากขอจดหมายรับรองการทำงานจากสถานที่ทำงานเก่าไปแสดงด้วยได้ก็จะดีค่ะว่า ตั้งแต่เรียนจบ แต่งงาน มีบุตร เราทำงานมาตลอด จนกระทั่งลาออกเพื่อมาเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวเองค่ะ พี่ขออวยพรให้น้องผ่านวีซ่านะคะ

  • puiiz  On January 18, 2012 at 5:56 pm

    แร้วถ้าเราใช้บช. ตัวเองต้องมีเงินประมานเท่าไหร่ ถึงจะพอมีสิทธิ์ได้ค่ะ?

    • govisa  On January 18, 2012 at 7:52 pm

      น้อง Puiiz คะ ถ้าผู้ที่ทำงานแล้วต้องการขอวีซ่านักท่องเที่ยวควรอย่ายิ่งที่จะต้องใช้บัญชีตัวเองค่ะ ส่วนจะต้องมีเงินเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับแผนการที่น้องกรอกในฟอร์ม DS-160 เพื่ออธิบายว่าน้องจะไปทำอะไรที่ในอเมริกาค่ะ และวิธีการตอบเวลากงสุลสัมภาษณ์ด้วยนะคะ ดังนั้นถ้าน้องบอกว่าจะไปอยู่นานหลายอาทิตย์ เช่น 3-4 อาทิตย์และไปเมืองใหญ่ๆด้วย การคำนวณก็คงต้องพิจารณาจากค่าที่พักโรงแรมต่อคืนเป็นเวลานานเท่าไร ค่าอาหาร 3 มื้อต่อวัน ค่าเเดินทางไปเที่ยวแต่ละจุด ค่าใช้จ่ายในการเข้าไปเที่ยวชมแต่ละสถานที่ (ทั้งหมดที่อธิบายเป็นการประมาณตัวเลขคร่าวๆ ไม่ได้หมายความว่าจะต้อง Fix โดยชี้แจงอย่างละเอียดว่า จะเดินทางจากจุดไหนไปจุดไหนให้กงสุล และเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางไม่ได้นะคะ) น้องอาจจะลองสังเกตตัวเลขที่บริษัททัวร์จัดๆกันก็ได้ว่า (Search จาก google ว่า “ทัวร์อเมริกา” จะเห็นราคาโดยประมาณค่ะ) ไปเที่ยวไม่กี่แห่งประมาณ 9-10 วัน ค่าทัวร์ประมาณ 90,000-150,000 บาทขึ้นไปยังไม่นับรายจ่ายที่จะไปช้อปปิ้ง ดังนั้น 10 วัน ตัวเลขน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200,000-250,000 บาทค่ะ ถ้าไป 20 วันก็น่าจะประมาณอีกเท่าหนึ่ง ดังนั้นเงินในบัญชีของน้องควรจะมีครอบคลุมรายจ่ายทั้งหมดและมีเหลือไว้บ้างนิดหน่อยเมื่อยามน้องกลับมาถึงประเทศไทยค่ะ ดังนั้นถ้าไปประมาณ 20 วันขึ้นไปตัวเลขในบัญชีธนาคารน้องควรจะอยู่ที่ 500,000-600,000 บาทค่ะ ถ้ามีไม่พอน้องก็ต้องอาศัยบัญชีผู้ปกครองเข้าไปช่วยเสริมด้วยค่ะ รายการทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมค่าประกันความเสี่ยงถ้าน้องเกิดอุบัติเหตุไม่สบายฉุกเฉินค่ะ ถ้าจะให้นับรวมสำหรับไปนานหน่อย ไม่มีคนรู้จักเลยที่อเมริกา ตัวเลขที่น้องควรมีในบัญชีก็น่าจะอยู่ที่ 600,000 บาทขึ้นไปค่ะ

      • Puiiz  On January 18, 2012 at 9:06 pm

        พอดีจะไป1สัปดาห์อ่ะ 7วันรวมวันเดินทางไป-กลับแร้วคะ อย่างนี้ต้องมีอย่างน้อยเท่าไหร่อ่ะคะ ในบันชี… ขอบคุนคะ 🙂

      • govisa  On January 19, 2012 at 3:12 am

        ประมาณ 300,000-400,000 บาทค่ะน้อง Puiiz

  • max  On January 18, 2012 at 6:55 pm

    พี่ govisa ครับ จะทำวีซ่า Work and travel อเมริกาต้องมีหนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัทหรือทะเบียนการค้าของพ่อแม่หรือผู้อุปการะ ใช่ไหมครับ คือว่าพ่อแม่ผู้ปกครองผมทำงานแบบว่าที่มันไม่ได้เสียภาษีอ่ะครับ (ตัดเย็บเสื้อผ้าเปิดเองที่บ้าน) จะออกเอกสารเหล่านี้ได้ยังไงครับ รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ

    • govisa  On January 18, 2012 at 8:02 pm

      น้อง Max คะ ขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของ sponsor คือ ของคุณพ่อและคุณแม่ พร้อมนำบัญชีตัวจริงติดมือไปด้วยเผื่อกงสุลท่านขอดูค่ะ ส่วนใบทะเบียนการค้าไม่มี น้องก็ต้องอธิบายว่าท่านทำงานอะไร เช่น ตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ที่บ้าน อาจจะถ่ายรูปสถานที่ทำงานในบ้านไปให้กงสุลดูนะคะ และน้องอย่าลืมอธิบายว่า ท่านทำคนเดียว หรือมีลูกจ้างกี่คน เงินเดือนลูกจ้างเดือนละเท่าไร น้องต้องพอมีความรู้บ้างโดยถามจากผู้ปกครอง เพราะถ้าน้องถูกซักกถามจากกงสุลน้องจะได้พอมีความรู้ตอบได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีลูกจ้างน้องก็ลองหาข้อมูลจากท่านผู้ปกครองว่า ได้ตัดเย็บส่งไปจำหน่ายที่ไหนบ้าง ถ้ามีใบเสร็จรับเงินจากลูกค้าของคุณพ่อคุณแม่เก็บไว้ ก็อาจจะนำมารวบรมเป็นหลักฐานได้อย่างหนึ่งว่า โดยเฉลี่ยเดือนหนึ่งมีหรือปีหนึ่งมีรายรับเท่าไร พิสูจน์ได้จากใบเสร็จเหล่านี้เป็นต้นค่ะ

  • greenbearja  On January 18, 2012 at 7:52 pm

    มาขอบคุณ govisa มากค่า วันนี้ไปสัมภาษณ์มาแล้วเลยะมาแชร์ข้อมูลคะ

    ดิฉันและเพื่อน โชคดีมากได้วันนัดวันเดียวกันเลย นัดสัมภาษณ์ได้เวลา 07.15 น.ออกเดินทางไปโดยBTS ประมาณ 6.15 น. ลงสถานีเพลินจิต มองป้ายบอกทางได้เลยคะ เค้าให้ออกทางออกหมายเลข 2 ตึกมหาทุน พอลงมาหาป้าย ถนนวิทยุ เดินเข้ามาเรื่อยๆ แต่ดิฉันไปกะเพื่อนหลายคน เลยนั่งแท๊กซี่ไป มิเตอร์ขึ้น 35 บาทเท่านั้นก็ถึงคะ

    ตอนแรกมองไปฝั่งตรงข้ามก็เห็นเหมือนมีกงสุลของ USA แต่จากที่หาข้อมูลไป บอกว่าตรงที่เราไปสัมภาษณ์จะอยู่ฝังเดียวกับที่เราเข้ามาจาก BTS สักพักก็เห็นคนต่อแถวเยอะๆ นั่นแร่ะใช่เลย มาสัมภาษณ์กันเยอะมาก เข้าจะมีให้เข้าแถว 2 แถว มารู้ทีหลังว่าอีกแถวจะเป็น คนทีีนัด 07.30 และ 0800 น.คะ

    สักพักจะมีสาวเสื้อชมพู น่ารักๆ มาขอดู DS160 และพาสปอร์ต เพื่อเช็คว่าเราขอวีซ่าประเภทไหน และเวลานัดกี่โมง ดิฉันและเพื่อน เป็น B2 คะ

    แถวก็จะบยับไปเรื่อยๆ เพื่อเข้ากงสุล ไป จะเจอพี่รปภ.ให้ฝาก โทรศัพท์มือถือ หูฟัง เครื่องมือสื่อสารต่างๆ และกุญแจรถยนต์ สแกนกระเป๋าและเอกสารที่เราจะนำเข้าไปกงสุล และผ่านเครื่องตรวจโลหะคะ ตรงนี้พี่รปภ.จะแจกใบสีฟ้า (เป็นใบกรอกชื่อ ภาษาอังกฤษ และทีอยู่ ภาษาไทย) เป็นใบที่ถ้าเราสัมภาษณ์วีซ่าผ่านจะส่งพาสปอร์ตคืนให้เราอ่ะคะ

    เมื่อผ่านเข้ามา ก็จะมาเจอแถวอีกแถว ระหว่างรอก็กรอก ใบสีฟ้าที่ได้รับมา เพื่อเตรียมยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจพร้อม DS 160/ พาสปอรต/ ใบเสร็จค่าธรรมเนียม เอาแต่สีขาวเท่านั้น / ใบรับรองจากที่ทำงาน ใส่แฟ้มสีขาวแล้ว เดินไปด่านถัดไป

    จะเจอช่องเหมือนขายตั๋วรถทัวร์อย่างนั้นอ่ะคะ 3ช่อง จะมีจนท.ผู้หญิง สัมภาษณ์เราก่อนด่านแรก ขอบอกว่า แอบดุเหมือนกันแหะ เห็นเค้าดุคนอื่น แต่เราไม่โดนดุคะ เจอช่องใจดี

    เวลาพูดพยายามตอบสั้นๆ ให้ได้ใจความที่เค้าต้องการ ไม่ต้องอธิบายอะไรมากคะ เพราะมีคนก่อนหน้าเราโดนดุเพราะพยายามอธิบายให้ยิืดยาว เค้าบอกว่าคุณไม่ต้องอธิบาย ตอบมาเลยสั้นๆ เราเนี่ยะกลัวเลย ทั้งๆที่ไม่โดนเองนะ
    ถาม
    1.คุุณเคยมาขอวีซ่าหรือไม่ / ไม่เคยคะ (ยิ้ม)
    2.คุณไปทำอะไรทีอเมริกาคะ / ไปเที่ยวกับเพื่อนคะ (ยิ้ม)
    3.เพื่อนที่รพ.หรอคะ (เค้าดูรับรองงานคะ) / ใช่คะ (ยิ้ม)
    4.ไปกี่คนคะ / ทั้งหมดรวมเราด้วย 7 คนคะ (ยิ้ม)
    5.สามีไม่ไปด้วยหรอคะ (เราแต่งงานแล้ว) / ไม่ไปคะ (ยิ้ม)
    6.ไปกับเพื่อนแค่นั้นหรอคะ / คะ(ยิ้ม)
    แล้วก็ให้อ่านป้ายที่ติดข้างเสา เป็นเกี่ยวกับเราจะบอกข้อมูลที่เป็นจริงปประมาณนี้อ่ะคะ
    แล้วก็ให้สแกนนิ้วมือ 4นิ้วซ้ายขวา
    แล้วก็นิ้วโป้งพร้อมกันสองนิ้ว
    จากนั้นก็คืนแฟ้มสีขาวที่ใส่เอกสารคืนมาพร้อมคิวคะ แล้วก็เดินเข้าไปรอข้างใน

    จะมีเก้าอี้ให้นั่งรอเต็มเลย สักพักจะเรียกคิวรอบละ10คน ให้ไปต่อแถวตามช่องที่เรียกสัมภาษณ์ ช่องก็เหมือนช่องขายตั๋วรถอ่ะคะ แต่ข้างในเป้นกงสุลฝรั่ง หล่อๆ น่ารักๆ ใจดีทั้งนั้นเลย

    และเค้าก้เรียกสัมภาาษณ์ทีละคนคะ ก่อนหน้าดิฉันเป้นแขก 2 คน คงเป้นสามีภรรยา ไม่รู้ผ่านหรือเปล่า แต่เค้ให้ใบเหลืองออกมาอ่ะคะ
    ก่อนหน้าอีกคนเป้นผู้ชาย กงสุลถามเยอะเหมือนกัน แล้วคำพูดเด็ดทืี่ได้ยินก็คิอ อะไรทีจะแสดงว้่าคุณผูกพันกับประเทศไทยว่าจะกลับมา ผู้ชายคนนั้นตอบฉะฉานแบบมั่นใจดีคะว่า
    ครอบครัวผมอยู่ที่นีั่ ผบทำวานที่นี่ แฟนผมอยู่ที่นี่

    สักพักกงสุลก็ยื่นใบสีฟ้ามาให้บอกให้ไปจ่ายตัวค์ืี่ที่ไทยโพสข้างตึก ยินดีกับเค้าด้วยอ่ะคะ

    พอมาถึงตาเรา
    สวัสดีคะ ยกมือไหว้
    กงสุล: สวัสดีครับ คุณ…
    เรา : ชื่อเรา ค่ะ
    กงสุล: คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกาครับ
    เรา : ไปเที่ยวกับเพื่อนคะ
    กงสุล: ไปที่ไหนคะ
    เรา : Las Vegas คะ
    กงสุล: คุณคิดว่าคุณจะเสียเงินเท่าไรครับ
    เรา : ไม่มากคะ (ยังงงอยู่)
    กงสุล: คุณคิดว่าคุณจะเสียเงินเท่าไรครับ (ถามย่้ำอีก)
    เรา : เริ่มใจไม่ดี
    กงสุล: คุณคิดว่าคุณจะเสียที่คาสิโนเท่าไรครับ
    เรา : อ่อ ไม่เล่นคะ
    กงสุล: ผมไม่เชื่อครับ คนไทยร้อยเปอร์เซนต์ไปเล่นทั้งนั้นครับ (น้ำเสียงล้อเล่น ไม่จริงจัง) คนขำกันใหญ่
    เรา : ไม่เล่นจริงๆคะ (ยิ้มและหัวเราะ)
    กงสุล: คุณเคยทำงานที่ไหนครับ
    เรา: …………………………….
    กงสุล: คุณเคยไปประเทศไหนบ้างครับ
    เรา : สิงคโปร ฮองกง มาเก๊า
    กงสุล: พิมคอม…..อะไรนะครับ มาเก๊า…ท่ี่มาเก๊าเสียเท่าไรครับ (น้ำเสียงล้อเล่น ไม่จริงจัง) คนขำกันใหญ่ อีกแล้ว
    เรา : หัวเราะ
    กงสุล ยืนใบสีฟ้าให้ พูดอะไรไม่รู้ และก็พูดว่าไปยื่นไทยโพสต์ด้านข้างตึกครับ
    เรา : ขอบคุณคะ (ยกมือไหว้) ดีใจสุดๆเลย

    ไปสัมภาษณ์วันนัี้เราไม่ตื่นเต้นเลย เพราะรู้สึกว่าเตรียมตัวหาข้อมูลมาเยอะพอควร เค้าถามอะไร ก็ตอบตรงๆ สั้นๆ และมั่นใจคะ

    ส่วนเพื่อนๆของเรา กงสุลก็ถามว่าไปกับคนนั้น(เรา) หรอครับ แล้วก็ถามไม่กี่คำ ก็ผ่านหมดคะ 4 คน
    สุดยอดเลย จะได้ไปอเมริกาแล้วค่า
    หวังว่าประสบการณ์ของดิฉัน คงเป็นหนึ่งในข้อมูลให้กับคนทีก่ำลังเตรียมตัวไปสัมภาษณ์นะคะ
    ขอบคุณเวบดีๆทีนี่อีกครั้งคะ

    • govisa  On January 19, 2012 at 3:00 am

      ขอบคุณน้อง Greenbearja มากค่ะ แล้วน้องไปเที่ยวอะไรที่ Las vegas คะ เฉลยได้ไหมคะ อย่างไรก็ตามพี่ขอขอบคุณอีกครั้งที่เขียนมาแชร์ให้เพื่อนๆอ่านค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ

  • greenbearja  On January 18, 2012 at 8:01 pm

    ลืมบอกไปคะ ว่ากงสุล ไม่ขอดูเอกสารอะไรอย่างอื่นเพ่ิมเติมเลยคะ
    เตรียมไปเยอะ แต่ไม่ได้ใช้ แต่ก้ดีกว่่าไม่ได้เตรียมแล้วเค้าขอดูแล้วไม่มีนะคะ

    • govisa  On January 19, 2012 at 3:03 am

      ขอบคุณค่ะน้อง Greebearja เตรียมพร้อมทุกอย่างดีที่สุดค่ะ ไม่ดูก็นำเอกสารกลับบ้านเท่านั้นเองค่ะ พอได้วีซ่าแล้วจะรู้สึกหายเหนื่อยเลยใช่ไหมคะ

  • wan-anong  On January 18, 2012 at 8:48 pm

    อยู่ ม 5 ค่ะ คือว่าจะขอเดินทางไปคนเดียวเพื่่อที่จะไปอยู่กับคุณป้าค่ะ ประมาณ 2 เดือน ไม่ได้ไปเรียน คือเหมือนไปเยื่อมคุณป้าด้วยแล้วก็คงไปเที่ยวด้วยเหมือนกัน ส่วนเรื่องจดหมายอะไรต่างๆเตรียมไว้หมดแล้วค่ะ

    • govisa  On January 19, 2012 at 3:11 am

      น้อง Wan-anong คะ เตรียมเอกสารทุกอย่างตามที่พี่เคยแนะนำไว้ไปให้ครบ อย่าลืม transcript และใบรับรองความเป็นนักเรียนจากโรงเรียนไปด้วยค่ะ ส่วนคุณป้านอกจากจะมีจดหมายเชิญระบุให้น้องไปพักด้วยแล้วควรจะบอกด้วยว่าจะรับผิดชอบค่าที่พักค่าอาหารของน้อง รวมทั้งค่าใช้จ่ายเวลาพาไปเที่ยวด้วยค่ะ โดยเฉพาะในกรณีถ้าผู้ปกตรองที่เมืองไทยมี statement จำนวนไม่มากยิ่งต้องมีเนื้อหาตรงนี้ในจดหมายค่ะ เพราะไปอยู่ 2 เดือนเมืองอะไร รัฐอะไร ค่าครองชีพสูงไหม อยู่ในการพิจารณาของกงสุลด้วยค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีเงินในบัญชีมาก คุณป้าก็ไม่ต้องแสดงฐานะการเงิน ไม่ต้องกรอก I-134 และส่งใบแจ้งรายการภาษีมาค่ะ แต่ถ้าตรงกันข้ามก็ควรมีหลักฐานดังกล่าวค่ะ

  • max  On January 18, 2012 at 10:56 pm

    พี่ govisa ต่อจากตอนที่แล้วครับ 1.ทะเบียนการค้าเอาของผู้ปกครองได้ใช่ไหมครับ
    2.คือไม่มีใบเสร็จอ่ะครับ เป็นงานตัดเย็บที่แบบว่าคนแถวๆบ้าน มานั่งดูแบบจากหนังสือแฟชั่นหรือให้ป้าผม(ผู้ปกครอง)ออกแบบเอง แล้วตัดเย็บจ่ายเงิน แค่นั้น ยังงี้ควรทำไงดีครับ

    • govisa  On January 19, 2012 at 3:19 am

      น้อง Max คะ ที่พี่อธิบายเรื่องใบเสร็จนั้น พี่หมายความถึงกรณีที่ผู้ปกครองไม่มีทะเบียนการค้าไปแสดงค่ะ ถ้ามีทะเบียนการค้าแล้วไม่ต้องใช้ใบเสร็จค่ะ ให้ผู้ปกครองขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารให้น้อง และน้องนำสมุดบัญชีเงินฝากของผู้ปกครองติดไปด้วย ถ้ากงสุลไม่ขอดูก็แล้วไป แต่ถ้าขอดูน้องก็จะมีเอกสารพร้อมที่จะให้ดูได้ค่ะ

  • greenbearja  On January 19, 2012 at 3:26 pm

    พอดีเพื่อนอยู่ Las Vegas คะ เลยต้องไปลงที่นั่นก่อนแล้วจะไป san fran ต่อค่า

    • govisa  On January 19, 2012 at 7:06 pm

      เที่ยวให้สนุกนะคะน้อง Greenbearja พบเห็นอะไรระหว่างทางที่มีประโยชน์ เขียนมาให้อ่านบ้างค่ะ

  • wan-anong  On January 19, 2012 at 7:18 pm

    พี่ค่ะรูปถ่ายที่เราอัพโหลดแล้วถ้าเกิดว่ามันใช้ได้แล้ววันที่ไปสัมภาษณ์ต้องนำรูปไปด้วยรึป่าวค่ะ ?

    • govisa  On January 19, 2012 at 8:28 pm

      ไม่ต้องนำไปค่ะน้อง Wan-anong อย่างไรก็ตามมีบางท่านที่เป็นกังวลกลัวว่ารูปที่ upload แล้วจะไม่ถูกต้องก็จะติดรูปใส่กระเป๋าตังค์ไปด้วย เพราะรูปมีขนาดประมาณ2นิ้วเอง บางคนจะให้เหตุผลว่าเพื่อความอุ่นใจ แต่ในความคิดเห็นของพี่ถ้ารูปต้องชัดเจนแล้วไม่ต้องเอาไปค่ะ

  • max  On January 19, 2012 at 10:38 pm

    พี่ govisa ครับ ก้อผมไม่มีทะเบียนการค้าไงครับ ไม่มีลูกจ้างทำงานคนเดียว ไม่มีใบเสร็จด้วย อย่างนี้จะผ่านหรอครับ

    • govisa  On January 20, 2012 at 2:46 am

      น้องMax ไปโครงการ Work and Travel กับบริษัทชื่ออะไรคะ เคยขอความช่วยเหลือจากบริษัทที่จะไปไหมคะในทำนองว่า เด็กที่ไปในโครงการบริษัทนี้เขาจะมีจดหมายอะไรจากบริษัทบ้างไหมว่า เด็กไปโครงการนี้ประมาณ 4 เดือนแล้วจะกลับค่ะ ถ้ามีก็เอาติดตัวไปในวันสอบสัมภาษณ์ด้วยนะคะ ถ้าไม่มีอะไรเลย ก็คงต้องเสี่ยงไปวัดดวงกันเลยว่า กงสุลจะอนุญาตให้เข้าประเทผศสหรัฐไหมนะคะ นำจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครองและบัญชีตัวจริงไปแสดง ถ้ากงสุลท่านถามว่า ผู้ปกครองอาชีพอะไร ก็บอกไปว่า เป็นเจ้าของร้านตัดเสื้อเล็กๆ ถ้าเขาถามว่า มีใบทะเบียนการค้าไหม ก็ตอบไปตามตรงว่า เป็นร้านเล็กๆไม่ได้จดทะเบียนการค้า เขาอาจจะถามถึงรายได้ต่อเดือน ให้น้องลองถามผู้ปกครองว่า มีรายได้ต่อเดือนเท่าไร พี่คิดว้า กงสุลท่านจะดูว่า น้องรู้ไหมว่า ผู้ปกครองน้องทำอาชีพอะไร มีรายรับเท่าไรที่ดูแลสมาชิกในบ้านได้ค่ะ ส่วนคำถามที่ว่าจะผ่านวีซ่าไหม คงต้องอดใจรอไปลุ้นในวันสัมภาษณ์ค่ะ ถ้าให้พี่ประเมินก็พอมี่สิทธิ์ลุ้นอยู่ที่ว่า การเตรียมตัวให้พร้อมในการตอบสัมภาษณ์ อย่าทำให้ผู้ถามคำถามสับสนงง ยกตัวอย่างจากการที่น้องถามพี่มาเรื่องใบทะเบียนการค้าของผู้ปกครองครั้งแรกๆ พี่เข้าใจว่า ไม่มีจึงแนะนำให้ลองพิจารณาเป็นใบเสร็จต่อมาน้องถามมาอีก ดูเหมือนผู้ปกครองมีทะเบียนการค้า พี่ก็นึกดีใจว่า น้องมีตัวช่วยแล้ว พอวันนี้น้องบอกว่า ไม่มีอะไรเลย พี่เลยอยากให้น้องคุยกับผู้ปกครองให้แน่ชัดว่า ท่านมีเอกสารอะไร หรือ กิจการของท่านมีรายรับเท่าไร ทำมานานเท่าไร อะไรทำนองนี้ค่ะ เป็นข้อมูลเก็บไว้ เพราะในวันสัมภาษณ์ น้องไม่มีโอกาสแก้ตัว คำตอบของน้องเพียงครั้งเดียวที่มีให้ท่านกงสุล จะทำให้ท่านกงสุลประเมินว่า น้องมีความผูกพันทางเศรษฐกิจ สังคม ครอบครัว และวัฒนธรรมที่จะกลับมาอยู่ประเทศไทยไหมนะคะ ขอให้น้องโชคดีนะคะ

  • po_ar  On January 20, 2012 at 11:23 am

    สวัสดีค่ะ ตอนนี้กำลังกรอกเอกสาร DS-160 ค่ะเพื่่อขอวีซ่า F-1 ไปเรียนภาษาและสมัครเรียนปริญญาโท มีคุณแม่เป็นสปอนเซอร์ค่ะ ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้จดทำเบียนหรือมีใบเสร็จใดๆ ปัจจุบันตัวเองทำงานเป็นทนายความประจำสำนักงานแห่งหนึ่งค่ะ ทำมาตั้งแต่เรียนจบไม่เคยย้ายที่ทำงานเลยสงสัยว่าจำเป็นต้องกรอกข้อมูลในส่วน previous work อีกไหมคะ หรือแค่กรอกในส่วน present work ก็พอแล้ว
    อีกเรื่องคือตอนนี้กรอกข้อมูลมาจนถึงส่วนของการอัพโหลดรูปถ่ายแล้วแต่ยังไม่เจอส่วนให้กรอกเกี่ยวกับการศึกษาหรือการฝึกอบรมใดๆเลยค่ะ( ดูจากคุ๋มือการกรอก DS-160 ของสถานฑูตจะมีให้กรอกข้อมูลส่วนนี้หลังจากส่วนของ previous work) ไม่ทราบว่ามีอะไรผิดพลาดรึป่าวค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On January 20, 2012 at 11:11 pm

      น้อง Po_ar คะ
      1. กรณีคุณแม่เป็น sponsor ทำธุรกิจส่วนตัวน้องไม่ได้ชี้แจงมาว่าธุรกิจส่วนตัวนั้นคือทำอะไร พี่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าควรให้คำตอบแบบไหนดีค่ะ เพราะปัญหาของน้องแต่ละคนก็จะเป็นปัญหาเฉพาะของแต่ละบุคคลที่จะมีวิธีการแก้ไขที่อาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยค่ะ
      2. เรื่องงานถ้าทำงานแห่งเดียวมาตลอดใช้แค่ Present Work ได้ค่ะ
      3. การที่น้องไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาน้องคงตอบคำถามที่ถามว่า” น้องเรียนหลักสูตรหลังมัธยมศึกษาหรือไม่” แล้วน้องเลือกคำตอบ” No” น้องจะไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการศึกษาเลยค่ะ ถ้ายังไม่ได้เข้าไป confirm วันนัดสัมภาษณ์จะเลือกวิธีการกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่หมดก็ได้ค่ะ

  • wan  On January 20, 2012 at 1:56 pm

    ขอรบกวนถามครับ ผมได้ยื่นขอ visa แบบ B1/B2 (passport official) เพราะจะเดินทางไปประชุมวิชาการและท่องเที่ยวต่อ โดยไปพร้อมภรรยาที่ขอแบบ B2 เพื่อไปเที่ยวเท่านั้น (passport แบบ regular) แต่ตอนที่ภรรยากรอกข้อมูลใน DS-160 ได้ไปตอบ NO ตรง คำถามที่ว่า ท่านเป็นผู้สมัครหลักหรือไม่ และได้ระบุชื่อผมเป็นผู้สมัครหลัก ทำให้การกรอกรายละเอียดในส่วนอื่นๆ หายไป ไม่เหมือนของผม เช่น flight เดินทาง หรือการจบการศึกษา เพราะในไม่มีช่องให้กรอก DS-160
    ผมเลยไม่แน่ใจว่าทำผิดหรือไม่ เพราะอ่านตรงหมายเหตุที่ว่า “ผู้ที่เข้าสหรัฐฯ เพื่อธุรกิจหรือท่องเที่ยวถือเป็นผู้สมัครหลัก แม้ว่าท่านจะเดินทางกับครอบครัว” ภรรยาจึงพยายามที่จะเข้าไปแก้ไขให้เป็นผู้สมัครหลักเหมือนกัน ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พอไปสมัครใหม่ กรอกใหม่ ก็ไม่พบช่องให้ระบุว่าเป็นผู้สมัครหลักเช่นเดียวกัน ทำ 3-4 ก็ยังเหมือนเดิมสุดท้ายจึงกรอกให้ครบและยื่น comfirm ไปเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้จิงวันสัมภาษณ์ ไม่ทราบว่าระบุแบบนี้ไปจะมีปัญหาอะไรไหมครับ รบกวนด้วยครับ จะได้แก้ไขให้ทันก่อนจองวันสัมภาษณ์
    ขอบคุณครับ

    • govisa  On January 20, 2012 at 11:20 pm

      น้อง Wan คะ
      ไม่ต้องแก้ไขอะไรก็ได้ค่ะ พี่คิดว่า ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเพราะน้องกรอกฟอร์ม DS-160 ในลักษณะที่เป็น family member ดังนั้นข้อมูลบางส่วนของภรรยาจึงไม่เหมือนของน้อง แต่ถ้าแยกกันต่างคนต่างกรอก DS-160 เหมือนเป็นผู้สมัครใหม่เลย ของภรรยาก็จะเห็นคำถามที่ถามว่าท่านเป็นผู้เดินทางหลักหรือไม่ค่ะ ดังนั้นแล้วแต่น้องจะเลือกค่ะถ้าจะยังคงไว้ในลักษณะเดิมไม่น่ามีอะไรผิดเพราะน้องเข้าไปขอวีซ่าพร้อมกันใช่ไหมคะ แต่ถ้าต้องการจะแยกกรอกใหม่อีกครั้งแล้วเข้าไปขอวีซ่าพร้อมกันก็ได้อีกเช่นเดียวกันค่ะ เพราะในการจองวันนัดสัมภาษณ์จะมีคำถามข้อหนึ่งที่ให้ add family member ใส่รายละเอียดของภรรยาไป ทั้งคู่สามารถจะจองวันนัดเดียวกันได้ค่ะ

  • wan-anong  On January 20, 2012 at 8:54 pm

    พี่คะคือว่าที่โรงเรียนเค้าเลื่อนปิดเทอมค่ะ แล้วตอนแรกบอกคุณป้าไปว่าจะไปวันที่5มีนานี้ แต่มันจำเป็นต้องเลื่อนเป็นวันที่17แทนแล้วคุณป้าก็ส่งเอกสารมาแล้วด้วยคาดว่าน่าจะถึงอาทิตย์หน้า จำเป็ฯต้องให้คุณป้าแก้ไขเรื่องวันที่จะเิดินทางไปแล้วส่งกลับมาใหม่หรือป่าวค่ะ ? แล้วถ้าเกิดว่าเราได้วีซ่าแล้ว แต่ถ้าเราเกิดอยากจะอยุ่เกินวันที่เขียนอยู่ในจดหมายเชิญของคุณป้าได้หรือเปล่าคะ?

    • govisa  On January 21, 2012 at 12:15 am

      น้อง Wan-anong คะ เรื่องการเปลี่ยนแปลงวันที่เดินทางไม่มีปัญหาใดๆค่ะ บางคนได้วีซ่ามาแล้ว วันที่เดินทางไม่ตรงกับที่แจ้งไว้กับที่สถานทูตได้ค่ะ ส่วนเมื่อได้วีซ่าแล้ว เวลาที่น้องจะเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา และเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ในสหรัฐถามว่าจะไปอยู่ที่ไหน อยู่นานเท่าไร และน้องอยากจะให้มีจดหมายเชิญคุณป้าเป็นพยานหลักฐานน้องค่อยให้คุณป้าส่งจดหมายมาให้น้องใหม่ได้ค่ะ เพราะการเดินทางของจดหมายฉบับที่ 2 อาจจะมาถึงที่บ้านหลังวันนัดสัมภาษณ์วีซ่าไปแล้วแต่ต้องมาถึงก่อนหน้าวันที่น้องจะเดินทางนะคะ ส่วนการอยู่เกินวันที่คุณป้าแจ้งมาในจดหมายเชิญทำได้ไหมนั้น ขึ้นอยู่กับวันที่ที่เจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกาประทับตราลงวันที่ที่น้องมีสิทธิอยู่ในประเทศสหรัฐฯได้ไม่เกินวันที่เท่าไรนะคะ ถ้าอยู่เกินวันที่นั้นถือว่า overstay ค่ะ มีความผิดทางกฎหมายนะคะ

  • max  On January 20, 2012 at 9:13 pm

    บริษัท Libetyabroad ครับ พี่เคยได้ยินบ้างไหมครับ ปกติบริษัทwork and travelจะออกจดหมายให้ด้วยหรอครับ กำลังสงสัยในตัวบริษัทอยุ่หลายเรื่องพอดี เรื่องที่พี่อธิบายผมพอจะเข้าใจแล้วครับขอบคุณมาก มีอีกเรื่องที่ยังสงสัยครับคือ พ่อแม่ผมยังมีชีวิตอยู่แต่ป้าผมเปนคนออกเงินให้ไปWork and travel 1.ยังงี้ป้าผมคือผู้ปกครองใช่ไหมครับ 2.หลักฐานทั้งหมดต้องเอาจากป้าผมถูกไหมครับ 3.ยังงี้พ่อแม่ผมต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้ป้าผมเปนผู้ปกครองไหมครับ

    • govisa  On January 21, 2012 at 12:47 am

      น้อง Max คะ พี่ไม่รู้จักบริษัทนี้หรอกค่ะ การที่พี่แนะนำให้ไปถามบริษัทดูว่า เขาจะพอช่วยออกจดหมายว่า น้องจะไป work and travel กับเขาได้ไหมนั้น เพราะเท่าที่น้องเขียนมาปรึกษาเรื่อง sponsor ไม่มีหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรอะไรเลยที่จะไปแสดงให้กงสุลดู พี่จึงได้แนะนำให้ลองถามบริษัทดังกล่าวดูว่า เขาพอจะช่วยอะไรน้องได้บ้างไหมค่ะ แต่ถ้าเขาช่วยไอะไรไม่ได้ ก็คงต้องถ่ายภาพร้านตัดเสื้อไปและเวลาเจ้าของร้านคุยกับลูกค้าไปด้วยเผื่อมีความจำเป็นที่จะแสดงให้กงสุลดูค่ะ ถ้าคุณป้าน้องเป็น sponsor คุณป้าต้องแสดงหลักฐานคือ จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารและบัญชีตัวจริง ส่วนหนังสือมอบอำนาจจากคุณพ่อคุณแม่ให้ป้าเป็นผู้ปกครองไม่ใช้ค่ะ เพียงแต่พี่อยากให้น้องเตรียมคำตอบไว้ในกรณีที่ท่านกงสุลถามว่าคุณพ่อคุณแม่น้องทำงานอะไร มีรายรับเท่าไรด้วยค่ะ เพราะเท่าที่พี่เคยทราบมา คือ ถ้าผู้ที่เป็น sponsor ไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่ ผู้ยื่นขอวีซ่ามักจะได้รับคำถามดังกล่าวด้วยค่ะ

  • po_ar  On January 20, 2012 at 11:37 pm

    สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำตอบ รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
    คุณแม่น้องทำธุรกิจส่วนตัวโดยมีบ้าน กับ ที่ดินให้เช่าค่ะ
    ส่วนข้อมูลเรื่องการศึกษา…ได้ลองกรอกข้อมูลดูใหม่แล้วค่ะ ไม่เจอคำถามใดๆเกี่ยวกับการศึกษารวมถึงคำถามว่า”ได้ศึกษาหลักสูตรหลังมัธยมศึกษาหรือไม่ค่ะ”และก็พยายามหาปุ่ม add data ตามที่พี่แนะนำคำถามก่อนๆ แต่ก็ไม่พบเลยค่ะ ลองกรอก “student” ดูก็คงได้ผลเหมือนเดิม จะมีปัญหาอะไรรึป่าวค่ะ อีกอย่างคือมีลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่โน้นค่ะ ตั้งใจจะไปอยู่ด้วยในช่วงแรกจนกว่าจะหาที่พักได้ ทีแรกไม่อยากอ้างถึงเพราะได้ยินหลายคนบอกว่าจะยุ่งยาก แต่ลูกพี่ลูกน้องคนนี้มีคุณแม่ของหนูเป็น Sponsor ค่ะ ทำให้เรามี Sponsor คนเดียวกัน ข้อมูลจะเชื่อต่อกันไหมค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

    • govisa  On January 21, 2012 at 9:26 pm

      น้องPo_ar คะขอโทษอย่างมากค่ะที่พี่ไม่ทันเห็นคำถามของน้องเมื่อคืนวานนี้ เลยตอบช้าค่ะ
      1.ไม่พบคำถามเกี่ยวกับการศึกษาที่ต้องกรอกก็ไม่เป็นไรค่ะ มีบางคนเคยพบปัญหาลักษณะเดียวกับน้องก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในวันสอบสัมภาษณ์นะคะ ให้น้องนำ transcript มหาวิทยาลัยที่น้องเรียนจบปริญญาตรีไปด้วยค่ะ และถ้าเ็นไปได้น้องจะทำเป็น resume เตรียมไว้ก็ได้ กรณีกงสุลถามเกี่ยวกับประวัติการศึกษาว่าจบจากที่ไหนอาจจะตอบคำถามท่านและลองยื่น resume การศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายและปริญญาตรีให้ท่านดู พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมด้วยก็ได้ค่ะว่าในการกรอกฟอร์มDS-160 online ไม่พบคำถามนี้ ลองกรอกใหม่ก็ไม่พบคำถามนี้เช่นกันเตรียมทำ resume เกี่ยวกับการศึกษาเตรียมไว้กรณีถูกถามจากท่านกงสุลค่ะ
      2. คำถามเรื่องอาชีพผู้ปกครองที่มีบ้านหรือมีที่ดินให้เช่า ไม่มีหลักฐานก็ไม่เป็นไรค่ะ บอกท่านกงสุลไปว่าคุณแม่มี house for rent ถ้าถูกถามว่ามีรายรับเท่าไรหรือมีบ้่านกี่หลังให้เช่าก็เตรียมสอบถามคุณแม่ไว้นะคะ พี่เคยรู้จักคนๆหนึ่งเขามีอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า 50 ห้อง เขาหอบเอกสารสัญญาเช่าทั้งหมดไปให้กงสุลดูเพราะเขากลัวกงสุลไม่เชื่อ ของน้องไม่ต้องทำขนาดนั้นนะคะ ลองคุยกับคุณแม่ดูว่า ท่านมีสัญญาหรือใบรับเงินจากผู้เช่าไหมถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เตรียมซักถามข้อมูลจากคุณแม่ไว้จะได้มีข้อมูลพร้อมที่จะตอบค่ะ
      3. เรื่องที่มีลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่อเมริกา ถ้าไม่ได้นามสกุลเดียวกันกับน้องจะไม่เอ่ยถึงก็ได้ แต่ถ้านามสกุลเดียวกันก็หลีกเลี่ยงๆไม่ได้ต้องตอบว่ามี ส่วนคำถามเกี่ยวกับที่พัก ถ้าลูกพี่ลูกน้องไปเรียน อาจจะพูดได้ว่า คุณแม่เป็นห่วงเพราะเห็นน้องเป็นเด็กผู้หญิงเลยให้อยู่กับลูกพี่ลูกน้องก่อนหนึ่งเดือน เมื่อช่วยตัวเองได้แล้วจะออกไปหาที่อยู่ใหม่อยู่เองเพื่อให้ได้ภาษาอังกฤษด้วยค่ะ

      • po_ar  On January 21, 2012 at 10:13 pm

        ขอบคุณมากนะคะพี่…ตกลงว่าน้องก็กรอกข้อมูลต่างๆไปตามความจริงค่ะ ตอนนี้กรอกเอกสารเสร็จแล้ว โหลดรูป จนปริ๊นท์หน้ายืนยันแล้ว ด้วยความที่ทวนเอกสารหลายรอบมากๆ มีเพื่อนช่วยดูด้วย พอปริ๊นออกมาก็ไม่ได้ตรวจดูเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดแล้วก็รีบนัดวันสัมภาษณ์เลย พอนัดวันสัมภาษณ์(17 ก.พ)เสร็จกลับมาดูเอกสารการสมัคร DS-160 ที่ปริ๊นท์ออกมาปรากฎว่าข้อมูลในส่วน Travel Information หายไปเกือบทั้งหมดค่ะ….เป็นส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับ ชนิดของวีซ่า กำหนดการเดินทาง ระยะเวลาที่อยู่ที่โน้น รายละเอียดของสปอนเซอร์ ที่พำนักที่อเมริกา…ส่วนสำคัญมากๆด้วย มีทางแก้ไขยังไงบ้างไหมคะ กลุ้มใจมากเลย แล้วที่สำคัญก็คือไม่ได้ SAVE ข้อมูลเอาไว้ด้วยค่ะ

      • govisa  On January 22, 2012 at 5:42 am

        น้อง Po_ar คะ ไม่เป็นอะไรค่ะ เพราะตอนที่กรอก DS-160 น้องได้กรอกครบทุกช่องที่ให้เติมข้อความแล้วเพราะถ้ากรอกไม่ครบหรือกรอกผิด จะมีข้อความเป็นตัวอักษรสีแดงขึ้นมาว่า ข้อความที่กรอกไว้ไม่ถูก น้องจะไม่สามารถกรอกหน้าถัดไปได้ ดังนั้นทางสถานทูตจะได้รับข้อมูลออนไลน์ของน้องครบถ้วนค่ะ และน้องเป็นคนที่กรอกฟอร์ม DS-160 เก่งมากที่สามรถกรอกได้ทันเวลา 20 นาทีโดยที่ไม่ต้องกด Save ข้อมูลเลยค่ะ เพราะแม้แต้พี่เวลากรอกให้เพื่อนหรือญาติยังกรอกไม่ค่อยทันเวลาต้องกด save ด้วยค่ะ ดังนั้นเลิกวิตกกัวลถ้าส่วนที่น้อง print ออกมาไม่มี part เกี่ยวกับการเดินทาง อีกประการหนึ่งกงสุลไม่ได้ขอดู ส่วนที่เป็น application ที่น้อง print ออกมา เวลายื่นเอกสารให้สถานทูต ยื่นแค่หน้า DS-160 Confirmation Page เท่านั้นซึ่งประกอบด้วรูปหน้าน้อง บาร์โค้ด หมายเลข DS-160 ประจำตัวน้อง หมายเลขหนังสือเดินทาง วันเดือนปีเกิดค่ะ

      • po_ar  On January 22, 2012 at 10:10 am

        สวัสดีค่ะพี่…ซินเจียอยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้นะคะ ขอบคุณมากค่ๆะ จริงๆตั้งใจว่าจะหยุดเรื่องวีซ่าซักวันสองวัน เครียดมากเลย แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี น้องไม่ได้กรอกรวดเดียวเสร็จหรอกนะคะ ที่บอกว่าไม่ได้ save หมายถึงไม่ได้ save to file ( save ลงคอมพิวเตอร์) ค่ะ เพราะคอมพิวเตอร์ของน้องไม่สามารถเซฟข้อมูลลงเครื่องได้ เลยกรอกมาเรื่อยๆแล้วใช่วิธีกด save เพื่อ retrieve ข้อมูลในครั้งต่อไปค่ะ….ว่าแต่เราไม่จำเป็นต้องกด save ในทุกๆหน้าใช่ไหมค่ะ เพราะน้องใช้วิธีกด save เป็นระยะๆค่ะ อีกอย่างตอนรีวิวก็ยังเห็นหน้านั้นอยู่เลย พอดีเพื่อนทักเกี่ยวกับข้อมูลในหน้านั้นค่ะเลยจำได้…อีกเรื่อง(ขอถามเผื่อนะคะ)คือถ้ามีปัญหาจริงๆ ทางสถานฑูตเค้าจะให้เราแก้ข้อมูลได้ไหมค่ะ หรือเราจะต้องกลับไปก่อนแล้วนัดวันใหม่อีกครั้ง ขอบคุณค่ะ

      • govisa  On January 22, 2012 at 6:26 pm

        น้อง Po_ar คะไม่มีปัญหาหรอกคะ แต่ถ้าน้องเป็นกังวล ลองถามเพื่อนที่กรอกเสร็จไปแล้วว่า ขอไปใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านเขาได้ไหม และกรอกใหม่อีกครั้ง เท่าที่พอทราบมาตอนนี้ คือ ถ้ารู้ว่า กรอกผิดกรอกใหม่ได้ แต่ให้น้องยื่นทั้งใบยืนยัน Ds-160 Confimation ทั้งหมายเลขเก่าและหมายเลขใหม่ค่ะ ขอบคุณน้องมากๆและซินเจี่ยยู่อี่ด้วยนะคะ

      • po_ar  On January 22, 2012 at 11:47 pm

        ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกคำตอบ ไม่มีพี่คงแย่แน่ๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ดำเนินการเองทั้งหมดยอมรับว่ากังวลใจมากไปจริงๆค่ะ

      • govisa  On January 23, 2012 at 12:03 am

        ยินดีค่ะน้อง Po_ar

  • Samild  On January 22, 2012 at 8:35 pm

    พี่ค่ะ คือหนูอยากจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องขั้นตอนการทำวีซ่าอะค่ะ หนูไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนเลย คือหนูจะทำวีซ่าไปแบบท่องเที่ยวกับเพื่อนอีกคนนึงอะค่ะไปเยี่ยมน้าที่อเมริกา คือซื้อพินจากไปรษณีย์ไว้แล้วแต่ยังไม่ได้นำมากรอกสมัครลงในเวบค่ะ หนูจะไปอาศัยอยู่กับน้าที่แคลิฟฟอร์เนียอะคะ น้าอยุกับครอบครัวที่นู่นมา10ปีกว่าแล้ว แผนที่หนูวางไว้กะจะไป29มีนา แล้วกลับประมาน29 พค. เป็นเวลาประมาณ2เดือนอะคะ อยากจะทราบว่าเอกสารที่ต้องยื่นมีแค่ แบบรับรองจากทางมหาวิทยาลัย 2 แบบฟอร์ม Statement ของคุณพ่อ Passport รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว นอกจากนี้จำเป็นต้องทำResume กับจองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนด้วยปะคะ เห็นน้าเค้าบอกมา แล้วก็เอกสาร ที่ต้องใช้เพิ่มคือ DS160 ชุดเดียวเท่านั้นใช่มั้ยค่ะ คือหนูงง เกี่ยวกับแบบฟอร์มพวกนี้มากเพราะ หนูเห็นมันมี เป็น B1 B2 อารัยพวกนี้ที่เห็นคนอื่นเค้าพูดถึงกัน พี่ว่าจะทันมั้ยอะคะ แล้วเวลาสมัครมันจะมีวันให้จองนัดถ้าคิวมันเต็ม เราต้องล็อคอินเช็คเวลาทุกวันเลยหรอคะว่าตารางนัดมันจะว่างเมื่อไร อย่างนี้หนูจะทำวีซ่าทันก่อนไปหรือป่าวอะคะ กลัวไม่ทันเพราะจะไป29มีนานี้อะคะ

  • Samild  On January 22, 2012 at 8:41 pm

    พี่ค่ะ คือหนูอยากจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องขั้นตอนการทำวีซ่าอะค่ะ หนูไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนเลย คือหนูจะทำวีซ่าไปแบบท่องเที่ยวกับเพื่อนอีกคนนึงอะค่ะไปเยี่ยมน้าที่อเมริกา คือซื้อพินจากไปรษณีย์ไว้แล้วแต่ยังไม่ได้นำมากรอกสมัครลงในเวบค่ะ หนูจะไปอาศัยอยู่กับน้าที่แคลิฟฟอร์เนียอะคะ น้าอยุกับครอบครัวที่นู่นมา10ปีกว่าแล้ว แผนที่หนูวางไว้กะจะไป29มีนา แล้วกลับประมาน29 พค. เป็นเวลาประมาณ2เดือนอะคะ อยากจะทราบว่าเอกสารที่ต้องยื่นมีแค่ แบบรับรอง Transcript จากทางมหาวิทยาลัย 2 แบบฟอร์ม Statement ของคุณพ่อ Passport รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว นอกจากนี้จำเป็นต้องทำResume กับจองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนด้วยปะคะ เห็นน้าเค้าบอกมา แล้วก็เอกสาร ที่ต้องใช้เพิ่มคือ DS160 ชุดเดียวเท่านั้นใช่มั้ยค่ะ คือหนูงง เกี่ยวกับแบบฟอร์มพวกนี้มากเพราะ หนูเห็นมันมี เป็น B1 B2 อารัยพวกนี้ที่เห็นคนอื่นเค้าพูดถึงกัน พี่ว่าจะทันมั้ยอะคะ แล้วเวลาสมัครมันจะมีวันให้จองนัดถ้าคิวมันเต็ม เราต้องล็อคอินเช็คเวลาทุกวันเลยหรอคะว่าตารางนัดมันจะว่างเมื่อไร อย่างนี้หนูจะทำวีซ่าทันก่อนไปหรือป่าวอะคะ กลัวไม่ทันเพราะจะไป29มีนานี้อะคะ ขอบคุณมากนะคะ

    • govisa  On January 23, 2012 at 12:19 am

      น้อง Samild คะ น้องต้องขอจดหมายรับรองความเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่น้องกำลังศึกษาด้วยเพิ่มอีก 1 ฉบับ ขอที่เดียวกับที่น้องขอ transcript ค่ะ ควรให้น้าที่ California เขียนจดหมายระบุด้วยว่า น้องจะไปพักที่บ้านน้า 2 เดือนค่ะ โดยน้าจะดูแลรับผิดชอบน้องแทนคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องที่พัก อาหารและความเป็นอยู่ค่ะ ถ้ามีรายการของการบิน (itinerary) คร่าวๆด้วยก็ดีค่ะ ส่วนเรื่องจะไปทำอะไรบ้างก็ควรวางแผนที่จะตอบคำถามท่านกงสุลว่า น้องจะไปทำอะไรในช่วง 2 เดือนนี้ เช่น จะไปเที่ยว ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง พี่คิดว่าระยะเวลา 2 เดือน มันนานพอสมควร คนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นคนที่มีความจริงจังในเรื่องของการทำงาน พี่ไม่คิดว่า คุณน้าจะพาน้องไปเที่ยวได้ทุกวัน พี่จึงอยากจะแนะนำให้น้องไปเรียนภาษาอังกฤษด้วยเพื่อฝึกฝนไว้เวลาเรียนจบปริญญาตรีแล้วจะไปเรียนต่อปริญยาโทค่ะ ถ้าหากเลือกสถานที่เรียนที่มีจำนวนชั่วโมงต่ำกว่า 18 ชั่วโมง น้องสามารถขอเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวหรือ B-2 ได้ แต่ถ้าจำนวนชั่วโมงเรียนมากกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ น้องต้องขอเป็นวีซ่านักเรียนหรือ F-1 ค่ะ ส่วนการเลือกประเภทวีซ่า เมื่อน้องเข้าไปกรอกฟอร์ม DS-160 ไปเรื่อยๆจะมีคำถามข้อหนึ่งที่ถามว่า น้องต้องการขอวีซ่าประเภทไหน ถ้าน้องเลือก Academics จะมีคำถามให้เลือกหลายประเภท เช่น F หรือ J เป็นต้นค่ะ น้องอาจดูวิธีการกรอกฟอร์ม DS-160 จาก http://www.youtube.com/watch?v=RXVYpMfg00U หรือวิธีการนัดสัมภาษณ์จาก http://bangkok.usembassy.gov/non-immigrant_visas.html ในเว็บไซต์หลังนี้ ถ้าดูด้านขวามือของหน้าจอคอมพิวเตอร์จะเห็นภาพยนตร์ 2 เรื่อง คือ สอนการจองวันนัดสัมภาษณ์ และสอนการกรอกฟอร์ม DS-160 ค่ะ

  • pangpang  On January 22, 2012 at 9:11 pm

    สวัสดีค่ะคุณโกวีซ่า
    แป้งเคยขอวีซ่าออแพร์(J1) เมื่อ มิ.ย ปี 2009 แต่ไม่ผ่าน เหตุผลคือไม่สามารถแสดงความผูกพันกับเมื่องไทยได้ (not been able demonstrate sufficiantly strong family and social ประมานนี้ค่ะ) คือแป้งไม่จบ ป ตรี ซึ่งออแพร์ที่วุฒิ ม 6 โดยมากก้อจะไม่ค่อยได้ไปเปนออแพร์ เอเจนจะบอกไม่เกี่ยว แต่แป้งว่าน่าจะมีส่วนเพราะกงสุลจะถามเรื่องเรียนด้วยค่ะ (ไปเปนออแพร์ต้องไปเรียนด้วยค่ะ) พอไม่ได้วีซ่า ก้อเลยกลับมาปรึกษาพี่เอเจน ว่าต้องทำยังไง

    แป้งเคยลงเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งแต่เรียนได้แค่ปีเดียวก้อออก(ตอนนั้นอายุ 18 ปี) เพราะแทบไม่ได้ไปเรียนเลย ทำแต่กิจกรรมของมหาลัย (เชียร์ลีดเดอร์) จึงทั้งตกทั้งเกรดแย่ และตอนจะขึ้นปีสองรถก้อคว่ำ ต้องรักษาตัวสามเดือน จึงตัดสินใจไม่เรียนแล้ว ทางบ้านก้อมีปัญหาการเงิน เลยหางานทำดีกว่า ก้อทำงานจนอายุ 25 พอรู้จักออแพร์ก้อคิดว่าน่าสนใจดี เลยอยากไป ซึ่งตอนนั้นก้อทำงาน แต่พอจะไปอเมริกา เอกสารออแพร์เยอะมากจนทำงานด้วยไม่ไหว จึงลาออก บวกกับมั่นใจด้วยว่าได้วีซ่า(แต่ก้อไม่ได้วีซ่า) เอเจนก้อแนะนำว่า งั้นก้อไปขอทรานสคริปต์มาละกัน ละอยากลองไปขอวีซ่าอิกทีไม๊ ถ้าอยากก้อเอาไปยื่น พอไปอิกรอบ ก้อไม่ได้ค่ะ เพราะเราให้เหตุผลไปว่าที่เราเรียนไม่จบเพราะคุรยายไม่สบาย เลยต้องออกจากการเรียนมาดูแล (พี่เอเจนบอกว่า ถ้าบอกว่าเปนลีดเดอร์แล้วเรียนแย่ หรือบอกว่ารถคว่ำแล้วไม่ได้เรียนต่อ หรือบอกว่าการเงินที่บ้านแย่ก้อคงไม่ได้วีซ่าแน่ๆ)

    ครั้งที่สองคือ เดือน ก.ค ถัดมาในปีเดียวกัน แต่ก้อไม่ผ่านค่ะ จำได้ว่ายืนร้องไห้หน้ากงสุลเลย เพราะเราไปแต่เช้าเหมือนเดิม รอนานมาก พอสัมภาษณ์

    กงสุล : ว่าผลการเรียนแบบนี้ คงให้ไปไม่ได้หรอก คุนต้องไปเรียนด้วย ขนาดในไทยยังแย่แบบนี้แล้วไปที่นั่นจะทำตามเงื่อนไขการเรียน 6 เครดิตได้หรอ
    แป้ง : เราโตแล้ว เราจะพยายาม เราอยากไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ละจะกลับมาหางานทำได้ดีกว่านี้ ชีวิตดีกว่านี้
    กงสุล : แล้วทำไมไม่ตั้งใจแต่แรก
    แป้ง : ยายไม่สบายด้วยถึงออกมาดูแล
    กงสุล : งั้นก้ออยุ่ดูแลต่อสิ
    แป้ง : คุนยายฉันดีขึ้นแล้ว ถึงไปได้
    กงสุล : งั้นคุนก้อไม่ต้องกลับมาดูแลใครแล้วสิ
    แป้ง : กลับสิ ก้อครอบครัวฉันอยุ่ที่นี่
    กงสุล : งั้นคุนก้อไม่ต้องไปสิ อยู่ดูแลพวกเค้าที่นี่

    วนเวียนอยู่แบบนี้ ละกงสุลก้อบอกว่า ให้ไปนั่งรอ รอจนคนมาสัมภาษณ์หมด จนมู่ลี่ปิดทุกช่องแล้วกงสุลก้อเรียกเราไปบอกว่าไม่ให้ น้ำตาเลยร่วงเลยเพราะตอนนั้นจะบ่ายแล้ว นั่งรอจนเหมือนเราไปง้อเค้า

    พอไม่ได้ ก้อกลับมาร้องไห้อยู่ 2 อาทิตย์ ละก้อไปสมัครงานบริษัทเดิม เค้าก้อใจดีรับเราเข้าใหม่ทั้งๆที่เราออกไปแล้วตั้งครึ่งปี หลังจากนั้น เดือนมีนาปี 2010 น้องสาวแท้ๆดิฉันก้อขอวีซ่าออแพร์ได้ และอยู่อเมริกาจนถึงตอนนี้ก้อจะครบ 2 ปีตามสัญญาออแพร์แล้ว กำลังจะกลับมาในเดือนเมษา โดยเมื่อมีนาปีที่แล้วก้อกลับมาเยี่ยมไทย 2 อาทิตย์ละก้อกลับไปเปนออแพร์ต่อ

    ส่วนแป้งทำงานมาจนตอนนี้ก้อจะครบ 3 ปีในเดือน ก.ค นี้ที่ถูกปฏิเสธวีซ่า น้องสาวแป้งชวนแป้งไปเที่ยว(B2) ก่อนที่น้องจะกลับไทยเพราะตอนนี้น้องยังอยุ่บ้านโฮส และโฮสก้อเต็มใจให้แป้งไปพักค่ะ แป้งกรอกDS160 และจองคิวสัมภาษณ์ได้แล้วคือวันที่ 10 ก.พ และทำเรื่องลาพักร้อนกับบริษัทไว้ 3-12 มี.ค ซึ่งบริษัทได้ออกหนังสือรับรองการทำงานและเงินเดือนประจำค่ะ

    แป้งเป็นผู้จัดการสาขา ทำงานมั่นคงและเงินเดือน+ commission ก้อ 5หมื่นขึ้นทุกเดือน เงินในบัญชีเข้าออกตลอดเพราะเปนบัญชีเงินเดือน ก้อจะมีเงินเข้า และใช้ออกตลอดอยู่แล้ว แต่มีเงินเหลือถึงสิ้นเดือนไม่มากค่ะ เพราะแป้งเปนคนดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่าง ผ่อนบ้าน(เปนชื่อแม่อยู่) ผ่อนรถ(เปนชื่อแฟน แป้งซื้อไม่ได้เพราะติดบูโร แต่แป้งเปนคนผ่อนเองมาปีกว่าแล้ว) ค่าน้ำ ไฟ โทรศัพท์ UBC internet คือ ทุกสิ่งอย่างแป้งออกเองหมด เลยทำให้ไม่มีเงินค้างบัญชีมากนัก เปนหลักพัน ละเมื่อเดือน พ.ย-ธ.ค ที่ผ่านมา แป้งได้ค่าคอมน้อยเพราะน้ำท่วม ทำให้เงินในบัญชีน้อยมาก (500 บาท ณ วันก่อนเงินเดือนออก) แต่แป้งมีเงินเก็บเองอิกแต่ไม่ใช่บัญชีแป้ง แต่แป้งได้เอาเงินคืนแล้ว 40,000 บาทเข้ามาเมื่อต้นๆ-กลางๆเดือน ม.ค ที่ผ่านมา คือเปนเงินที่เพื่อนยืมไปนานมากๆ เพราะเพื่อนมีปัญหาจริงๆ และวันนี้วันตรุษจีน ญาติๆที่รู้ว่าแป้งจะไปอเมริกาเพื่อไปหาน้อง ก้อเลยให้อั่งเปามา อิกประมาน 2-3 หมื่นบาท แล้วสิ้นเดือนนี้แป้งจะได้เงินเดือน+คอม+โบนัส ประมาน 8 หมื่น รวมๆแล้วน่าจะแสนกว่าๆ แต่มันจะดูเร็วไปไม๊คะ ถ้าเงินจำนวนนี้จะอยู่ในบัญชีแป้ง

    แป้งมีคำถามค่ะ

    1 แป้งกรอก DS 160 ผิดตรงอำเภอที่เกิดค่ะ คือสะกดผิด
    2 แป้งกรอกปีเกิดของแม่ผิดค่ะ แจ้งผิดไป 2 ปี เพราะแป้งเข้าใจว่าแม่อายุเท่านี้ก้อต้องเกิดปีนี้ แต่แม่บอกว่ายายแจ้งเกิดแม่ช้าไป 2 ปี ละตัวแป้งก้อจำไม่ได้ว่าการกรอกข้อมูลของแม่คราวที่แล้วแป้งใส่ปีอะไร คือคำนวนเองตามอายุจริงของแม่ค่ะ
    3 แป้งเคยถูกปฏิเสธไป 2 ครั้งติดกันเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน ครั้งนี้แป้งจะได้ไม๊คะ

    ขอโทษนะคะที่เล่าเรื่องยาวมาก แต่หวังว่าคุนโกวีซ่าจะช่วยตอบคำถามได้ค่ะ

    • govisa  On January 23, 2012 at 12:25 am

      น้อง Pangpang คะ ขอตอบคำถามก่อนคือ
      1. ถ้าอ่านออกเสียงเป็นชื่ออำเภอนั้นได้ ไม่ต้องแก้ไขใหม่ก็ได้ค่ะ
      2. ถ้าหาก confirm วันนัดสัมภาษณ์ไปแล้ว ให้น้องกรอก DS-160 ใหม่อีกครั้ง และนำใบยืนยันหมายเลข DS-160 ทั้งใบเก่าและใบใหม่ไปให้กงสุลดูค่ะ
      3. พี่ไม่อาจตอบได้ว่าน้องจะผ่านวีซ่าไหมนะคะ เพราะน้องเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้ว 2 ครั้งค่ะ พี่แนะนำให้น้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
      ขออนุญาตให้รายละเอียดเพิ่มติมต่อในวันพรุ่งนี้นะคะ

      น้องแป้งคะ พี่ขอให้คำอธิบายเพิ่มเติมนะคะ น้องขอวีซ่า 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เดือนมิถุนายน 2009 ครั้งที่ 2 เดือนกรกฎาคม 2009 ครั้งแรกน้องบอกว่าน้องแสดงหลักฐานการศึกษาว่าจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรียนไม่จบปริญญาตรี และเอเจนซี่บอกว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน ถ้ามองโลกในแง่ดีก็อาจจะเป็นเช่นนั้นได้ แต่โปรดสังเกตคำถามในการสอบสัมภาษณ์ครั้งที่ 2 แสดงให้เห็นว่า กงสุลดูหลักฐานที่เป็นตัวตนของน้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน ด้านสังคมและครอบครัวของน้อง ดังนั้น พี่อยากจะบอกว่า ที่น้องเรียนหนังสือไม่จบนั้นเกี่ยวข้องอย่างมากๆค่ะ เพราะมีคนไทยหลายคนที่ประสบปัญหาชีวิตในแง่มุมต่างๆที่จะใช้ชีวิตต่อไปในเมืองไทย ก็อาจจะหาทางออกไปต่างประเทศเพื่อแสวงหาสิ่งใหม่ๆที่คิดว่าน่าจะดีกว่า ซึ่งไม่มีใครสามารถหยั่งรู้อนาคตได้ว่า เราจะสมหวังหรือผิดหวังค่ะ เวลานี้โปรแกรม work and travel, internship กำลังบูม อาจกล่าวได้ว่า มีบริษัทที่เปิดทำธุรกิจประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น และมันก็อยู่ที่ตัวเราถ้าเราเลือกจะไปดปรแกรมลักษณะนี้ด้วยว่า เราคาดหวังว่าเราจะได้รับอะไรกลับมาเมื่อจบโปรแกรม หรือ เราเลือกที่จะไปทำสิ่งนั้นเพราะอะไร กรณีที่น้องใช้วุฒิม.6 ไปแสดง และวัยวุฒิหรืออายุของน้องในเวลานั้นยังไม่มาก เป็นไปได้ที่ฝรั่งอาจจะมองภาพว่า น้องจะไปดำรงชีวิตอยู่ในอเมริกาได้อย่างไร และจะต้องไปเป็นคนเลี้ยงเด็กประเทศเขา น้องจะสามารถดูแลเด็กได้ดีไหม เป็นต้น ที่เอเจนซี่บอกว่า จะบอกฐานะแย่ ผลการเรียนแย่ รถคว่ำ การเงินแย่คงไม่ได้ไป ก็ใช่อยู่แต่ไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด ที่จริงถ้าผู้ปกครองพอมีฐานะ ติดต่อให้มีสถานศึกษาตอบรับเข้าเรียนปริญญาตรีและขอวีซ่านักเรียนอาจจะพอพูดได้ว่า น้องขอโอกาสกลับตัวไปเข้าชั้้นเรียน เพื่อเอาความรู้กลับมาหางานทำในเมืองไทยค่ะ เวลามันผ่านมาแล้วอย่าไปนั่งคิดถึงเหตุผลเดิมๆเลยนะคะ กลับมาเตรียมเอกสารที่จะสอบสัมภาษณ์ในวันที่ 10 กุมภานี้ให้ดีที่สุดแล้วกันค่ะ

      1. อายุของน้องที่เพิ่มมากขึ้นน่าจะทำให้กงสุลเห็นว่า น้องมีวุฒิภาวะที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม น่าจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น เห็นได้จากการที่น้องมีหลักฐานจากบริษัทที่น้องทำงานว่า ทำงานต่อเนื่องนาน 3 ปี มีเงินเดือนบวกค่าคอมมิชชั่น 50,000 บาทต่อเดือน
      2. สิ่งที่พี่วิตกคือ มีเงินในบัญชีเหลือ 500 บาท ณ วันก่อนเงินเดือนออก และยังบอกพี่ด้วยว่า เพื่อนเพิ่งเอาเงินมาใช้คืน 40,000 บาท ได้เงินตอนตรุษจีนอีกเอาเป็นว่า 30,000 รวมเป็น 70,000 บาท บวกเงินเดือนและค่าคอมอีก 80,000 รวมเป็น 150,000 บาท ถามว่าพอค้ำประกันตัวเองไหม ถ้ากงสุลไม่ได้ขอดูบุ๊คบัญชีตัวจริงเหมือนน้องหลายๆคน น้องก็จะโชคดี แต่ถ้าขอดูบุ๊คบัญชี พี่ขอให้น้องทำใจอย่าเพิ่งโกรธพี่นะคะ แต่กรณีน้องมีความเสี่ยงสูงอยู่นะคะ เพราะเงินที่มีอยู่เหมือนเงินมันร้อน เพราะถ้าดูจากประวัติการใช้เงินจะเห็นได้ว่า เงินถูกถอนอออกไปตลอดเวลาเป็นค่าที่น้องบรรยายมาว่้า ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ ให้น้องลองสมมติตัวเองเป็นท่านกงสุล น้องจะเชื่อใจว่าคนที่นำสมุดบัญชีเงินฝากแบบนี้มาให้ดูจะน่าเชื่อว่ามีเงินไปท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกาได้ไหมนะคะ น้องไม่ได้บอกมาว่า น้องสาวที่ไปทำ au-pair อยู่รัฐไหน ถ้าอยู่ตอนกลางหรืออยู่ตะวันออกของประเทศค่าตั๋วเครื่องบินก็ประมาณเกือบ 50,000 บาท แล้วน้องจะเหลือตังค์อีกเท่าไรสำหรับเป็นค่าท่องเที่ยว ค่าอาหาร และอื่นๆ ถ้าไปเจ็บป่วยที่โน่นแบบกระทันหัน จะเอาเงินที่ไหนไปเป็นค่ารักษาพยาบาลค่ะ

      พี่ขอถามว่า
      1. ผู้ปกครองของน้องพอมีหลักฐานเป็นพวกบัญชีเงินฝากในธนาคารไหมคะ ให้ท่านช่วยเป็น sponsor ร่วมกับตัวน้องเองได้ไหมคะ ถ้ากงสุลถามลองอธิบายไปก็ได้ว่า ผู้ปกครองให้เป็นรางวัลที่ทำงานหนักมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะเรียนไม่จบปริญญาตรี แต่ความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานของน้องทำให้น้องได้รับเงินเดือนมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของคนที่เรียนจบปริญญาโทด้วยซ้ำไปค่ะ
      2. น้องสาวที่ทำเป็น au-pair อยู่บอกว่า Host family เต็มใจให้ไปพักอยู่ด้วย ดังนั้นน้องแป้งช่วยบอกน้องสาวให้ host family เขียนจดหมาย invitation เชิญน้องไปพักที่บ้านเขาเป็นเวลานานกี่วันเพื่อพักผ่อนและท่องเที่ยวกับน้องสาวเป็นเวลา เช่น 2 อาทิตย์ ตั้งแต่เมื่อไรถึงเมื่อไรค่ะ เหตุที่ให้ไปพักอยู่ด้วยกันกับ host family เพื่อแสดงความขอบคุณที่น้องสาวน้องดูแลลูกๆของเขาเป็นอย่างดีค่ะ

      ขอให้โชคดีสอบผ่านนะคะ แต่ถ้าไม่ได้วีซ่าขอให้ทำใจ และคงต้องรออีกสักพักหนึ่ง ให้ฐานะการเงินดูมั่นคงมากกว่านี้ค่ะ น้องลองมองปัญหาที่เกิดกับน้องเหมือนกำลังมองปัญหาของคนอื่น น้องจะเห็นได้ว่า กรณีนี้มีจุดอ่อนมากอยู่นะคะ

  • pangpang  On January 23, 2012 at 11:17 pm

    ขอบคุณคุณโกวีซ่าค่ะ ใจก้อตุ๊มๆต่อมๆอย่างที่เหนแหล่ะค่ะ ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนดี

    เรื่องการถูกปฏิเสธเมื่อ 2 ปีก่อน แป้งเล่าปูทางให้คุณโกวีซ่าสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ของแป้งตอนนี้ได้น่ะค่ะ เพราะคำตอบแป้งลืมไปนานแล้วว่าทำไมถึงไม่ได้ไป เหมือนตอนนั้นเสียใจ แต่เราก้อเลยจุดนั้นมาแล้ว ไม่คิดอะไรแล้ว กลับคิดด้วยซ้ำว่า ดีนะ ที่เราไม่ได้ไป เพราะจะทำให้เราไม่รู้ศักยภาพตัวเองเลย ว่าสามารถทำงานหาเงินเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัวให้สบายได้แบบนี้ เพียงแต่คิดว่าถ้าคุณโกวีซ่ารู้เรื่องภูมิหลังอย่างละเอียด อาจจะวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น แต่ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่ตีความให้แป้งเข้าใจ และรู้สาเหตุที่น่าจะเปนจริงตามที่คุณโกวีซ่าบอก

    1 ข้อนี้เปนข้อเดียวที่เปนจุดแข็งของแป้งในขณะนี้นะคะ เท่าที่คิด
    2 และนี่ก้อคือสิ่งที่แป้งวิตกเช่นกันค่ะ เพราะดูมันร้อนมาก แต่แป้งก้อไม่รู้จะทำยังไง การไปเที่ยวครั้งนี้เปนอะไรที่ไม่ได้เตรียมตัวเลย น้องถามว่าวันเกิดอยากได้อะไร ก้อตอบเล่นๆว่า ขอให้ลาพักร้อนได้เถอะ จะเที่ยวให้หนำใจ น้องก้อแย๊บว่าจะออกค่าตั๋วให้ครึ่งนึงเลย ถ้าลาพักร้อนได้(บริษัทค่อนข้างเครี่ยวในการลาค่ะ และแป้งเปน ผจก ทำให้ลายากมาก) พอลองขอ บอสก้อให้ด้วย เลยรีบกรอกเอกสาร และโชคดีคือ กรอกแล้วซื้อพินอิกวัน พออิกวันหลังบ่ายโมงก้อจองคิวสัมภาษณ์ได้ทันทีเลย เขียวยาวเชียว

    แป้งไม่โกรธคุณโกวีซ่าเลยค่ะ เพราะแป้งก้อหนักในเรื่องเงินในบัญชีเหมือนกัน แป้งโทรไปขอเงินน้าๆที่เป็นน้องสาวแม่แท้ๆ ว่าจะไปเที่ยว ไปหาปอม(น้องสาว) น้าก้อให้เงินมา คุณยายอายุเยอะแล้ว แต่น้าๆให้เงินทุกเดือนๆละหมื่อน คุณยายก้อเก็บเงินสะสม ละให้แป้งด้วยเหมือนกัน เพราะเห็นว่าจะไปเที่ยวหาปอม แป้งก้อรวบรวมเงิน ละเข้าบัญชี เมื่อวานตรุษจีน น้าเขยบอกจะให้เงินไปเที่ยวด้วย แต่รอวันหยุดให้ไปเอาเงินที่บ้านเค้าอีก นี่กลายเป็นทำให้แป้งดูไม่น่าเชื่อถือไปสำหรับกงสุลซะงั้น T T

    ปอมอยู่นิวยอร์กค่ะ ซึ่งปอมบอกแล้วว่า ค่าตั๋วปอมออกให้ 600เหรียญ แป้งหาตั๋วไปได้ราคาประมาณ 37,000 = ปอม18,600 แป้ง18,400 บวกลบก้อไม่น่าเกินคนละพันจากที่ต้องจ่าย

    ขอตอบคำถามคุณโกวีซ่านะคะ
    1 ผู้ปกครองคงไม่ได้ค่ะ เพราะคุณแม่แป้งไม่ได้ทำงานมาหลายปีแล้ว แป้งเปนคนดูแลคุณแม่และคุณยายเอง คุณแม่เคยเปนไกด์ ก้อจะมีเพื่อนๆคุณแม่ที่เปนเพื่อนกันมา 20 กว่าปี ให้คุณแม่พาเที่ยวเวลามาเมืองไทย แต่ก้อนานๆมาที คุณแม่ก้อจะมีรายได้จากตรงนี้นิดหน่อย พอให้ไม่เบื่อบ้านรึต้นไม้ซะก่อน
    2 แป้งเคยเห็นโฮสของปอมและคุยกันผ่าน skype เท่านั้น ไม่เคยคุยโทรศัพท์กัน โฮสก้อยังบอกว่าจะเขียนจดหมายให้เธอมานะ ฉันและลูกและน้องสาวเธอรอเธอมาเที่ยวด้วย

    โฮสเขียนจดหมายเชิญมาแล้วค่ะ พร้อมแนบรูปบ้านของโฮส รูปห้องที่จะไปนอน และสำเนาพาสปอร์ตของโฮสด้วย โฮสลงรายละเอียดประมานว่า ในระหว่างที่แป้งอยู่อเมริกา โฮสจะเปนคนรับผิดชอบเรื่อง financial support during her visit including accommodations. ค่ะ ซึ่งแป้งคิด(เอาเอง)ว่าน่าจะเปนแค่ accommodation อย่างเดียวไม๊ เพราะถ้าโฮสต้องดูแลทุกอย่าง กลายเปนแป้งไปเปนภาระพลเมืองเค้าอีก แต่อันนี้แป้งก้อไม่แน่ใจ

    บอกตามตรงว่าพอเห็นคุณโกวีซ่าบอกแบบนี้ ใจหายไปเปนกองเลย ได้แต่หวังว่าโชคจะยังพอมีอยู่บ้าง ให้กงสุลดูแค่จดหมายรับรองการทำงาน และไม่เก็บการถูกปฏิเสธวีซ่าเมื่อ 2 ปีมาลบความเปนจริงในปัจจุบัน

    เรื่องเงินในธนาคาร เดือนที่เหลือติดบัญชีเพียง 500 มีแค่เดือนเดียวค่ะ คือเกือบสิ้นเดือน ธ.ค ที่ผ่านมา
    18/10/11 อัพแล้วเหลือ 8000 ละก้อข้ามมาไป
    12/12/11 เงินเข้ามา 132,xxx คงเหลือ 140,xxx (เงินเดือน 2 งวด คือสิ้นเดือน10 กับ 11)
    12/12/11 ถอน 129,xxx คงเหลือ 11,xxx
    ละก้ออัพมาจนถึง 27/12/11 คงเหลือ 5xx
    28/12/11 เงินเดือนก้อเข้ามาอิก 3หมื่นนิดๆ (เพราะค่าคอมหาย จากภาวะน้ำท่วม ทำให้แทบทุกคนใน บ เงินน้อยไปตามๆกัน แต่บอสแป้งก้อยังจ่ายโบนัสนะคะ โดยเลื่อนมาเปนสิ้นเดือนนี้แทน)

    มันอาจจะเปนข้ออ้างนะคะ แป้งต้องบอกก่อน แป้งอาจจะไม่ใช่คนดีที่สุด แต่ช่วงน้ำท่วม แป้งช่วยคนเยอะมาก ลูกน้องไม่มีเงินกิน แป้งแบ่งให้เลย เอาไปไม่ต้องรีบใช้ เพื่อนไม่มีแป้งให้หมด เปนส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินมันออกมาเหลือแค่ 500 ด้วยค่ะ

    ก้อถอนออก-ฝากเข้ามาเรื่อยๆจนถึง วันที่แป้งได้คิวสัมภาษณ์ ก้อโทรไปหาน้า ขอเงินกินหนม (น้ายังแซวว่าไปกินไกลถึงอเมริกาเลยนะ) รวมกับที่ไปได้เงินคืนจากเพื่อน รวมแล้วก้อ 4หมื่นกับเศษนิดหน่อย แป้งก้อให้ผู้ช่วยไปเอาเข้าธนาคารให้
    14/1/12 เงินเข้า 40,000
    ละก้อเงินเข้า-เงินออก จนถึงปัจจุบัน แล้วก้อยังมีซองแดงที่ยังไม่ได้ไปเอาเข้าแบงค์(ถือเคล็ดว่าเก็บในกระเป๋าข้ามวันก่อนค่อยเปิดออก) รวมกับของน้าเขยที่ไปขอเพิ่มอีก

    แป้งไม่รู้ว่าเหมาะสมไม๊ที่นำรายการเข้าออกมาโพสไว้แบบนี้ แต่แป้งไม่รู้จะอธิบายลักษณะบัญชียังไงให้คุณโกวีซ่าเข้าใจค่ะ ขอโทษด้วยนะคะหากมันเปนการดูไม่ดี

    • govisa  On January 24, 2012 at 7:46 pm

      น้องแป้งคะ
      1. เป็นไปได้ไหมคะที่จะไปคุยกับบอสของน้องว่า น้องกลัววีซ่าไม่ผ่าน เพราะเคยมีบันทึกว่าถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้ว 2 ครั้งตอนเป็นวัยรุ่นกว่านี้ ถ้าบอสจะกรุณา ขอให้บอสเขียนในจดหมายรับรองการทำงานว่า แป้งขอลาพักผ่อนไปกี่วัน เช่น 20 วัน หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่บริษัทต่อไปค่ะ ถ้าบอสยอมทำให้ก็คงดีขึ้น เพราะจะได้ดูมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีกนิดว่า อย่างไรน้องก็ต้องกลับมาทำงานต่อที่บริษัทเดิมค่ะ
      2. ถ้าน้าสาวที่เป็นน้องแท้ๆของแม่มีบัญชีเงินฝากในธนาคารมากพอสมควร เช่น ใกล้เคียงล้านบาทก็สามารถเป็น sponsor ให้น้องได้นะคะ หรือถ้าเขามีบัญชีร่วมกับน้าเขยแล้วจะทำให้ดูมีเงินมาก ก็ให้นำบุ๊คน้าสาวไปให้กงสุลดูด้วยค่ะ อนึ่ง กงสุลไม่ค่อยให้น้ำหนักกับคนที่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือดเท่าไรนัก เช่น น้าเขย น้องสะใภ็ ฯลฯ ให้น้องลองสังเกตพวกคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เรียกผู้ที่เข้ามาเป็นญาติกับเราทาง Law เช่น brother-in-law or sister-in-law พวกนี้ถ้ามีปัญหาทางครอบครัวและมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายเขาก็จะไม่ใช่ญาติของเรา นี่คือวิธีคิดของชาวตะวันตกค่ะ
      3. พี่จะไม่พูดถึงยอดเงินในบัญชีธนาคารของน้องแล้วเพราะเห็นภาพที่น้องเขียนมาค่ะ และดูเหมือนคงทำอะไรที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว พี่ก็ขออวยพรไม่ให้กงสุลขอดูการหมุนเวียนเข้าออกของบุ๊คน้องเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเวลากงสุลถามอะไรน้อง ขอให้น้องตอบออกไปด้วยเสียงดังฟังชัดเจนและฉาดฉาน แสดงความมุ่งมั่นว่า ไปเที่ยว(ถึงแม้อยากไปนานเป็นเดือน ขอให้ระระงับใจ อย่าลืมว่าโดยตำแหน่งผู้จัดการสาขาไม่น่าจะลาหยุดได้ยาวนานขนาดนั้นนะคะ)ไม่กี่วันก็จะต้องรีบกลับมาทำงานต่อที่เมืองไทยนะคะ พี่มั่นใจในระดับหนึ่งว่า การที่น้องผ่านชีวิตที่ต้องแก้ไขปัญหามาอย่างโชกโนและรับผิดชอบคนหลายนในบ้านน่าจะทำให้น้องมีปฏิภาณไหวพริบผสมมุขที่แสดงให้เห็นว่า เราเป็นคนอารมณ์ดีด้วย(เหมือนอย่างที่เขียนมาให้พี่อ่าน น้องใช้สำนวนได้น่าติดตามและน่าอ่านมากค่ะ)ช่วยทำให้ผ่านวีซ่าครั้งนี้ค่ะ ถ้าถามว่า record เก่าที่ถูกปฏิเสธวีซ่า กงสุลยังเก็บไว้อยู่หรือเปล่า เก็บค่ะ สถานทูตจะเก็บหลักฐานของคนที่มาขอวีซ่าแล้วมีปัญหาไว้อย่างน้อย 10 ปีค่ะ ส่วนหลักฐานว่าลงทะเบียนเรียนที่ม.รามควรนำมาใช้ไหม ในความคิดเห็นของพี่ ไม่น่านำไปแสดงให้กงสุลดู เพราะดูเหมือนว่าเราไม่ประสบความสำเร็จอีกแล้ว สอบไม่ผ่าน 3 วิชาและยังไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อสอบแก้ตัวใหม่ค่ะ

      วันที่ 10 กุมภาถ้าน้องรู้ผลแล้ว หากเป็นไปได้ช่วยส่งข่าวให้รู้กันบ้างนะคะ และพี่หวังว่าคุณความดีที่น้องได้ช่วยคนมากมายในระหว่างน้ำท่วมคงจะส่งผลที่ดีมาให้น้องในวันที่ 10 กุมภาค่ะ โชคดีนะคะ

  • pangpang  On January 23, 2012 at 11:20 pm

    ขอโทษคุณโกวีซ่านะคะ พิมพ์ยาวมาก ดูไม่น่าอ่านเลย T T

  • pangpang  On January 23, 2012 at 11:31 pm

    ลืมบอกไปอิกอย่าง ว่าแป้งไปลงเรียนรามนะคะ แต่พึ่งจะลงได้เทอมเดียว และผ่านแค่ 5 จาก 9 ตัว เพราะไม่ไปสอบ 1 ตัว ติดทำงาน และตกอีก 3 ตัว เพราะไม่ได้อ่านหนังสือเลย ทำงานอีกเหมือนกัน แป้งไปขอใบรับรองการเปน นศ มาแล้วค่ะ คิดอยู่ว่าจะเอาไปยื่นว่าเราลงเรียน แต่มันแค่เทอมเดียว และผ่านไม่เยอะ (12 credits) และกงสุลน่าจะรู้อยู่แล้วว่ารามเปน ม เปิด เราจะทิ้งก้อได้ เพราะฉะนั้น มันก้อยืนยันไม่ได้ว่าแป้งจะกลับมา แถมจะมองไปทางลบ ว่าทำไมพึ่งลงเรียน ซึ่งเหตุผลจริงๆคือความขี้เกียจ แป้งอยากมีปริญญาแต่ก้อไม่เคยขวนขวายจะไปสมัครเพราะเรายึดแค่งาน ทำงานจนปอมเรียกว่า mad cow และอย่างที่อกไปแล้ว การไปครั้งนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเลย ก้อไม่ได้คิดล่วงหน้า แต่ปอมกำลังจะกลับไทยแล้วในเดือนเมษา ซึ่งปอมจะไปเรียนต่อ (อันนั้นเปนเรื่องของปอมซึ่งแป้งก้อไม่รู้อะไรมากว่าปอมจะใช้อะไรเปนหลักฐานบ้าง แต่เค้ามั่นใจมากว่าจะขอวีซ่านักเรียนไปอิกได้เหมื่อนเพื่อนๆออแพร์เค้า) ในเดือน พ.ค-มิ.ย ซึ่งปอมบอกว่ามันจะลำบากทั้งเรื่องที่พักและเวลา ให้ไปตอนปอมยังอยู่บ้านโฮสนี่แหล่ะ ที่พักปลอดภัย ไม่เสียเงินด้วย และเปนที่อยู่แน่นอนแป้งน่าจะไปได้ค่ะ เรื่องเลยด่วยแบบนี้

  • kate  On January 24, 2012 at 3:17 pm

    รบกวนถามหน่อยนะคะ

    คือว่าจองคิวสัมภาษณ์แล้ว กรอกฟอร์ม DS-160 แล้ว แต่เกิดอุบัติเหตุกับ passport ต้องทำใหม่อ่ะค่ะ

    แล้วทีนี้อยากทราบว่าทุกอย่างที่ดำเนินการไปแล้วต้องเริ่มต้นใหม่หมดเลยรึป่าวคะ?? หรือว่ามันพอจะแก้ไขอะไรได้บ้างไม๊คะ??

    ขอบคุณล่วงหน้ามากๆค่ะ

    • govisa  On January 24, 2012 at 7:52 pm

      น้อง kate คะกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ print DS-160 Confirmation Number อันใหม่ไปแสดงพร้อมอันเก่า อย่าลืมนำหนังสือเดินทางเล่มเก่าที่ใช้ทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ไปด้วย แต่ถ้าทำหนังสือเดินทางหายไป ลองดูว่ามีการถ่ายเอกสารหนังสือเดินทางเก็บไว้ไหม ถ้าไม่มี หากมีใบแจ้งความว่า ทำหนังสือเดินทางหาย ให้นำไปแสดงด้วย แต่ถ้าอุบัติเหตุที่ว่ามา คือ ลืมดูว่าหนังสือเดินทางเก่ากำลังจะหมดอายุเลยไปทำเล่มใหม่ ให้น้องนำหนังสือเดินทางทั้งเล่มเก่าและเล่มใหม่ไปด้วย น้องควรให้ตอบคำถามเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจนว่า ทำไมต้องเปลี่ยนหนังสือเดินทางเล่มใหม่ค่ะ

  • Pao  On January 24, 2012 at 9:18 pm

    สวัสดีค่ะพี่ คือหนูทำการกรอกฟอร์มของ ds106 และจองวันนัดเรียบร้อยเเล้ว แต่พอดีหนูจะเปลี่ยนวันเดินทางจากวันที่ 28 กพ เป็นวันที่ 2 มีนาคมแทน ไม่ทราบว่าหนูจะต้องทำอย่างไรบ้างคะ คืออยากจะทราบว่าเราจะต้องเดินทางวันเดียวกับที่กำหนดไปรึเปล่าค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On January 24, 2012 at 9:56 pm

      น้อง Pao ไม่มีปัญหาค่ะ เวลาสอบสัมภาษณ์เสร็จแล้ว มีหลายๆคนที่ตัดสินใจไม่ได้เดินทางไปตรงกับวันที่ที่เราจองไว้ค่ะ

  • Pao  On January 24, 2012 at 10:09 pm

    รบกวนพี่อีกรอบค่ะ ถ้าในเอกสารเขียนไปว่าหนูจะเข้าประเทศวันที่ 28 กพ แสดงว่าหนูสามารถเข้าประเทศวันอื่นได้ใช่มั๊ยคะ เช่นเข้าวันที่ 1 หรือ 2 มีนาคม หนูต้องชี้แจงเรื่องกำหนดการเดินทางใหม่กับกงสุลใช่มั๊ยคะ พอดีวีซ่าของหนูเป็น J1 อ่าค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On January 25, 2012 at 4:59 am

      น้องPao คะไม่ต้องแจ้งกงสุลค่ะ

  • pangpang  On January 25, 2012 at 3:22 am

    คุณโกวีซ่าตอบหนูหน่อย T T

    • govisa  On January 25, 2012 at 5:14 am

      น้องแป้งค่ะ พี่ตอบน้องไปแล้วนะคะ ขอ copy มาให้ดูใหม่ค่ะ
      “น้องแป้งคะ
      1. เป็นไปได้ไหมคะที่จะไปคุยกับบอสของน้องว่า น้องกลัววีซ่าไม่ผ่าน เพราะเคยมีบันทึกว่าถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้ว 2 ครั้งตอนเป็นวัยรุ่นกว่านี้ ถ้าบอสจะกรุณา ขอให้บอสเขียนในจดหมายรับรองการทำงานว่า แป้งขอลาพักผ่อนไปกี่วัน เช่น 20 วัน หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่บริษัทต่อไปค่ะ ถ้าบอสยอมทำให้ก็คงดีขึ้น เพราะจะได้ดูมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีกนิดว่า อย่างไรน้องก็ต้องกลับมาทำงานต่อที่บริษัทเดิมค่ะ
      2. ถ้าน้าสาวที่เป็นน้องแท้ๆของแม่มีบัญชีเงินฝากในธนาคารมากพอสมควร เช่น ใกล้เคียงล้านบาทก็สามารถเป็น sponsor ให้น้องได้นะคะ หรือถ้าเขามีบัญชีร่วมกับน้าเขยแล้วจะทำให้ดูมีเงินมาก ก็ให้นำบุ๊คน้าสาวไปให้กงสุลดูด้วยค่ะ อนึ่ง กงสุลไม่ค่อยให้น้ำหนักกับคนที่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือดเท่าไรนัก เช่น น้าเขย น้องสะใภ็ ฯลฯ ให้น้องลองสังเกตพวกคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เรียกผู้ที่เข้ามาเป็นญาติกับเราทาง Law เช่น brother-in-law or sister-in-law พวกนี้ถ้ามีปัญหาทางครอบครัวและมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายเขาก็จะไม่ใช่ญาติของเรา นี่คือวิธีคิดของชาวตะวันตกค่ะ
      3. พี่จะไม่พูดถึงยอดเงินในบัญชีธนาคารของน้องแล้วเพราะเห็นภาพที่น้องเขียนมาค่ะ และดูเหมือนคงทำอะไรที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว พี่ก็ขออวยพรไม่ให้กงสุลขอดูการหมุนเวียนเข้าออกของบุ๊คน้องเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเวลากงสุลถามอะไรน้อง ขอให้น้องตอบออกไปด้วยเสียงดังฟังชัดเจนและฉาดฉาน แสดงความมุ่งมั่นว่า ไปเที่ยว(ถึงแม้อยากไปนานเป็นเดือน ขอให้ระระงับใจ อย่าลืมว่าโดยตำแหน่งผู้จัดการสาขาไม่น่าจะลาหยุดได้ยาวนานขนาดนั้นนะคะ)ไม่กี่วันก็จะต้องรีบกลับมาทำงานต่อที่เมืองไทยนะคะ พี่มั่นใจในระดับหนึ่งว่า การที่น้องผ่านชีวิตที่ต้องแก้ไขปัญหามาอย่างโชกโนและรับผิดชอบคนหลายนในบ้านน่าจะทำให้น้องมีปฏิภาณไหวพริบผสมมุขที่แสดงให้เห็นว่า เราเป็นคนอารมณ์ดีด้วย(เหมือนอย่างที่เขียนมาให้พี่อ่าน น้องใช้สำนวนได้น่าติดตามและน่าอ่านมากค่ะ)ช่วยทำให้ผ่านวีซ่าครั้งนี้ค่ะ ถ้าถามว่า record เก่าที่ถูกปฏิเสธวีซ่า กงสุลยังเก็บไว้อยู่หรือเปล่า เก็บค่ะ สถานทูตจะเก็บหลักฐานของคนที่มาขอวีซ่าแล้วมีปัญหาไว้อย่างน้อย 10 ปีค่ะ ส่วนหลักฐานว่าลงทะเบียนเรียนที่ม.รามควรนำมาใช้ไหม ในความคิดเห็นของพี่ ไม่น่านำไปแสดงให้กงสุลดู เพราะดูเหมือนว่าเราไม่ประสบความสำเร็จอีกแล้ว สอบไม่ผ่าน 3 วิชาและยังไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อสอบแก้ตัวใหม่ค่ะ

      วันที่ 10 กุมภาถ้าน้องรู้ผลแล้ว หากเป็นไปได้ช่วยส่งข่าวให้รู้กันบ้างนะคะ และพี่หวังว่าคุณความดีที่น้องได้ช่วยคนมากมายในระหว่างน้ำท่วมคงจะส่งผลที่ดีมาให้น้องในวันที่ 10 กุมภาค่ะ โชคดีนะคะ”

  • wan-anong  On January 25, 2012 at 11:14 pm

    พี่ค่ะ พอดีว่าวันนี้หนูไปรับใบรับรองจากทางโรงเรียนมาค่ะ แต่ว่าในใบรับรองเค้าพิมพ์เกรดเฉลี่ยนหนูผิดค่ะจาก3.75เป็น3.42 ป็ฯไรมั้ยค่ะแล้วก็พิมพ์นามสกุลหนูกลับตัวอักษรอ่ะคืด จาก Thongchai เป็น Thongchia อะค่ะ ต้องไปให้ทางโรงเรียนแก้ไขมห้หรือปล่าวค่ะ

    • govisa  On January 25, 2012 at 11:59 pm

      น้อง Wan-anong คะ ถ้ายังมีเวลา คือยังไม่ถึงวันนัดสอบสัมภาษณ์ ให้น้องนำ transcript กลับไปที่โรงเรียน เพื่อขอแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องนะคะ

  • wan-anong  On January 25, 2012 at 11:16 pm

    อ้อแล้วก็พิมพ์ชื่อ ผิดจากตัวพิมพ์เล็กเป็ฯตัวพิมใหญ่ตัวนึงอ่ะค่ะ เป็ฯไรมั้ยค่ะหรือว่าต้องให้แก้ไขใหม่เลย ?

  • pangpang  On January 26, 2012 at 11:01 pm

    ต้องขอโทษด้วยค่ะที่แป้งไม่เห็นคอมเม้นที่คุณโกวีซ่าตอบมา เลยโพสให้ช่วยตอบหนูหน่อย พึ่งจะย้อนไปดู และขอโทษอิกเหมือนกันที่ตอบช้า เพราะหนูป่วยค่ะ พึ่งจะหาย(เมื่อวานนอนน๊อคไป 18 ชม…) ช่วงนี้คนไม่สบายกันเยอะ แถมอากาศยังแปรปรวน คุณโกวีซ่ารักษาสุขภาพด้วยนะคะ ^^

    ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่บอกว่าหนูเขียนได้น่าอ่าน (แต่หนูก้อกลัวคุณโกวีซ่าจะรำคาญด้วยซ้ำ) แป้งจะเข้ามาดูค่อนข้างดึก เพราะกว่าจะเลิกงานก้อเกือบๆ 3 ทุ่มค่ะ กว่าจะขับรถถึงบ้านก้อ 4 ทุ่ม เลยทำให้ตอบช้าไปด้วย

    ทางบริษัทได้ออกจดหมายรับรองการทำงาน ระบุตำแหน่ง อายุงาน เงินเดือน50,000 วันที่ลาเมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ และจะกลับมาทำงานวันที่เท่าไหร่ มาแล้วค่ะ วันนี้บอสพึ่งโทรมาบอกว่า ให้แป้งเขียนจดหมายลาเป็นภาษาอังกฤษมาด้วย เพราะใบลาที่แป้งทำไปเปนภาษาไทย จะได้มีจดหมายลาภาษาอังกฤษไปให้กงสุลดูว่าเราลาจริง และบริษัทอนุญาตให้ลา บอสจะเซ็นย้อนหลังให้

    น้าสาวเป็นน้องสาวแท้ๆของแม่เลยค่ะ แต่แป้งไม่แน่ใจ ว่าน้าสาวมีบัญชีเป็นชื่อน้าสาวเองรึเปล่า เพราะกิจการยี่ปั๊วเปนของน้าเขยค่ะ เดี๋ยวต้องลองไปกระแซะขอบัญชีน้าสาวดู ซึ่งรอบที่แล้ว sponsor ที่แป้งใช้ เปนน้าเขยด้วยแหล่ะค่ะ เลยไม่ค่อยมีน้ำหนัก

    เรื่องบัญชีก้อเปนส่วนที่แป้งหนักใจเหมือนกัน ตอนนี้เลยยังไม่ได้เอาแต๊เอียเข้าธนาคารเลย ทำไรไม่ถูกเลยค่ะ

    แป้งผ่อนบ้าน แต่บ้านเปนชื่อแม่ค่ะ อย่างนี้แป้งให้แม่ทำจดหมายขึ้นมาประมาณว่าแม่เปนเจ้าของบ้านและที่ดินนี้ ผ่อนเงินกู้กับธนาคารตั้งแต่เมื่อนั้น ถึงปีนั้น หลังจากนั้น แป้งซึ่งเปนบุตรสาวแท้ๆ ได้รับภาระผ่อนเงินกู้บ้านจนถึงปัจจุบัน และนำใบเสร็จไปด้วยอะไรแบบนี้ดีไม๊คะ บางทีก้อแอบคิดเหมือนกันว่า ทำไมอายุป่านนี้แล้วไม่มีสมบัติเปนชิ้นเปนอันเปนชื่อตัวเองซักที ถ้ามี คงไม่เครียดเรื่องวีซ่าขนาดนี้

    คำถามนะคะ
    1 แป้งกรอก passport number และ passport book number เปนเลขเดียวกัน ถูกไม๊คะ เพราะเพื่อนแป้งบอกว่าตรง passport book number ต้องเปนเลขบาร์โค้ดที่ติดอยู่หลังหนังสือ passport แต่ของแป้งใส่ปกพลาสติกตั้งแต่แรกเลยคือปี 08 แล้วแกะไม่ออก เลยถอดดูไม่ได้
    2ในข้อที่เปนผู้ออกค่าใช้จ่าย แป้งกรอกว่า self แต่จริงๆน้องสาวออกค่าตั๋วครึ่งนึง แบบนี้แป้งต้องเปลี่ยนใหม่ด้วยไม๊คะ
    3ที่คุณโกวีว่าบอกแป้งว่า ให้กรอก DS160 ใหม่และปริ๊น และถือทั้งของเก่าที่มีจุดผิดกับของใหม่ที่แก้ถูกไปเนี่ย ของใหม่ แป้งต้อง summit แล้วค่อยปริ๊นใช่ไม๊คะ ไม่ใช่ปริ๊นทีละหน้าตั้งแต่ตอนกรอก
    4 แป้งเคยไปเที่ยวเมืองนอกแค่ 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย กับ ฮ่องกง จะมีผลทางบวกบ้างไม๊คะ เพราะถึงจะออกนอกประเทศ แต่ก้อเปนประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า
    5 ปอมฝากแป้งเอาคอนแทคเลนส์บิ๊กอายไป 2 คู่ ตม.จะให้เอาเข้าไม๊คะ เมื่อก่อนได้ แต่เดี๋ยวนี้แป้งไม่แน่ใจ ถึงจำนวนมันจะเปน personal use ได้ แต่แป้งไม่รู้เค้าเปลี่ยนกฏอะไรรึเปล่าค่ะ

    ก้อได้แต่ภาวนาขอให้กงสุลดูแค่หนังสือรับรองการทำงาน หนังสือรับรองฐานะทางการเงิน ไม่ขอดู statement รึ book bank เพราะมันสุดจะไม่สวยเอาซะเลย วันนี้เลยลองแย๊บบอสว่าถ้าวีซ่าอเมริกาไม่ผ่าน จะไปเที่ยวประเทศอื่นแทนนะ บอสบอกว่า ถ้าขอวีซ่าอเมริกาไม่ได้ก้อจะไม่ให้ลาไปประเทศอื่นด้วย ไม่รู้ว่าพูดจริงรึขู่ T T

    ขอบคุณคุณโกวีซ่าค่ะ

    • govisa  On January 26, 2012 at 11:53 pm

      ขอให้น้องแป้งกลับมามีสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิมนะคะ ขอตอบคำถามดังนี้คือ
      1.Passport Number คือ หมายเลขหนังสือเดินทาง ส่วนPassport Book Number ถ้าไม่ทราบใส่คำว่า does not apply ได้นะคะอย่ากังวลมากค่ะ
      2. เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นความตกลงระหว่างน้องกับน้องสาวดีกว่าไหม ถ้ากงสุลถามว่าเราออกค่าตั๋วเองหรือ เราค่อยตอบว่าออกเอง แต่ถ้าเขาไม่ถามก็ไม่ต้องอธิบายค่ะ พยายามพูดน้อยแต่ได้ความชัดเจนค่ะ
      3. น้องต้องsubmitเอกสารก่อนแล้วจึงprint DS-160 Confirmation Number อันใหม่ออกมาค่ะ
      4.มีหลักฐานว่าเคยไปเมืองนอกมาก็ดีแล้วค่ะ ไม่ต้องวิตกว่าจะเป็นประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ
      5. นำคอนแทกเลนส์ไปให้น้องสาวได้ ไม่มีปัญหาค่ะ
      ส่วนเรื่องผ่อนบ้านผ่อนอะไรหลายอย่างมากมายแต่ไม่ใช่ชื่อน้องเลย ถ้าเป็นชื่อน้องคงดีกว่านี้ค่ะ เอาเป็นว่าน้องมีเวลาไปติดต่อขอเอกสารหรือจะทำจดหมายว่าเป็นคนผ่อนบ้านให้แม่ได้ให้ทำเตรียมไปด้วยเลยค่ะ

  • Jam  On January 26, 2012 at 11:17 pm

    ถ้าใช้ชื่อคำนำหน้าในการซื้อพินผิด แล้วไม่ทราบเลยไปนัดวันสัมภาษณ์ไปแล้ว และได้กำหนดการไว้แล้ว แบบนี้จะมีปัญหาอะไรไหมค่ะ หรือว่าต้องไปซื้อพินใหม่แล้วต้องนัดใหม่อีกครั้งค่ะ

    • govisa  On January 26, 2012 at 11:32 pm

      ไม่เป็นไรค่ะน้อง Jam ถ้าชื่อและนามสกุลสะกดถูกเหมือนในหนังสือเดินทางค่ะ น้องสามารถไปอธิบายให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารคนไทยเข้าใจได้ค่ะ

  • pangpang  On January 27, 2012 at 1:51 am

    ขอบคุณคุณโกวีซ่ามากๆเลยค่ะ

    1 อย่างงั้น ใน DS160 ที่แป้งจะกรอกใหม่ แป้งคลิกเลือก does not apply ตรงช่อง passport book numberได้ไม๊คะ ถ้าใน DS 160 อันเก่าแป้งใส่เปนเลขเดียวกันกับ passport number ไปแล้ว

    2 งั้นคลิก self ก้อไม่มีปัญหาใช่ไม๊คะ คือแป้งนอยด์(จนน่ารำคาญตัวเอง)ไปหมด ว่าอะไรควรรึไม่ควร เพราะถ้าบอกเราออกเอง กงสุลเกิดขอดู statement ละเงินไม่เยอะมาก จะกลายเปนหาว่าแป้งไม่น่าจะไปไหว รึไม่น่าจะกลับมาอิก
    และถึงแม้โฮสจะเขียนจดหมายมาว่าให้ที่พักและอาหารให้แป้ง ก้อควรตอบว่า self ใช่ไม๊คะ

    3 ขอบคุณมากค่ะ

    4 ขอบคุณมากค่ะ

    5 ขอบคุณมากค่ะ

    เรื่องเอกสารถ้าเตรียมได้แป้งจะเอาไป แต่กลัวว่ายื่นไปละจะมีผลเสียมากกว่าร้าย เลยอยากขอความเห็นคุณโกวีซ่าค่ะ

    แป้งมั่นใจว่าหลายๆคนต้องรู้สึกเหมือนแป้ง คือ ถ้าเปนไปได้ อยากจะขอบคุณคุณโกวีซ่าตัวจริง จริงๆ จากใจจริงๆที่นั่งตอบคำถามพวกเราทุกคนแบบนี้ ขอบคุณมากนะคะ

    • govisa  On January 27, 2012 at 5:27 am

      น้องแป้งคะ น้องใส่ does not apply ตรง passport book number ได้เลยค่ะ ส่วนผู้ขอวีซ่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แล้วก็จะใส่คำว่า self คือ support ดดยตัวเอง เพราะเมื่อทำงานแล้วก้ต้องดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตัวเองค่ะ จะมียกเว้นบางท่านคือ
      1. เงินในบัญชีธนาคารน้อยต้องอาศัยเงินญาติผู้ใกล้ชิด support เพิ่มค่ะ
      2. เรื่องจดหมายเชิญ invitation เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่มีความจำเป็นเลย ถ้าคนๆนั้นมี statement ที่ดีมาก ส่วนผู้ที่ต้องใช้จดหมายดังกล่าวเท่าที่พี่สังเกตคือ เงินในบัญชีธนาคารไม่มากต้องการแสดงให้กงสุลเห็นว่าจะมีผู้ช่วยเหลือด้านค่าที่พักกับค่าอาหารหรือค่าไปเที่ยวค่ะ อีกกรณีหนึ่งคือผู้เดินทางเป็นเด็กและไปคนเดียว ผู้ปกครองบางท่านกลัวว่าจะไม่ผ่านวีซ่า ถ้าแสดงว่า มีคนรู้จักจะเป็นผู้ดูแลอยู่ทางโน้นจะดูดีขึ้นค่ะ ดังนั้นผู้ขอวีซ่าไปเที่ยวบางท่านที่เคยเขียนมาเล่าว่า กงสุลไม่ขอดูอะไรเลยก็มี ดังนั้นเคสของน้องต้องอยู่ที่ดวง ซึ่งพี่ไม่อยากใช้คำนี้เลยค่ะ อยากบอกว่า ขอให้มีบุคลิกภาพที่ดูดี มีความสุภาพในการตอบคำถาม รักษาอารมณ์ มีความมั่นใจในทุกคำถามคำตอบที่จะพูดออกไปในวันนั้นค่ะ และที่สำคัญตามวิธีการพูดคุยแบบฝรั่ง คือ มี eye contact อย่าหลบสายตาแต่ก็ไม่ใช่จ้องตาจนเกินงามค่ะ
      ส่วนจะสัมภาษณ์เป็นคนสุดท้ายไหม อย่าวิตกมาก เอาหนังสือธรรมะไปอ่านหนึ่งเล่ม อาจเป็นหนังสือที่ไม่เครียดมาก จะได้เหมือนมีเพื่อนที่อุ่นใจและคอยปลอบใจไม่คิดอะไรมากจนเกินไปค่ะ หรือจะนั่งฟังที่คนอื่นเขาถามตอบกันก็ได้ แต่บางคนก็เครียดกับตรงนั้นอีก เลยแนะนำให้หาหนังสือไปอ่านแทนค่ะ

  • pangpang  On January 27, 2012 at 1:53 am

    อ้อ!! ลืมอีกคำถามค่ะ คนที่เคยถูกปฏิเสธวีซ่า จะได้สัมภาษณ์ท้ายๆ คือหลังจากสัมภาษณ์คนที่มาขอครั้งแรกใช่ไม๊คะ และเอกสารก้อจะเก็บทุกอันที่เรายื่นไป ไม่คัดเฉพาะเอกสารบังคับเหมือนการขอครั้งแรกใช่ไม๊คะ

  • Jam  On January 27, 2012 at 9:20 am

    ขอบคุณมากค่ะ….ค่อยโลงใจไปหน่อยค่ะ มีอีกคำถามหนึ่งค่ะ ถ้าพ่อกับแม่ของเราไปสัมภาษณ์แล้วเราจะต้องไปส่งพวกท่าน เราสามารถเข้าไปด้านในสถานฑูต ได้ไหมค่ะ หรือว่าจะอนุญาตเฉพาะบุคคลที่นัดสัมภาษณ์เท่านั้นค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On January 27, 2012 at 5:38 pm

      น้องJamคะส่งคุณพ่อคุณแม่ที่ประตูด้านนอก ลองเดินไปแถว All Seasons หาร้านขนมกาแฟนั่งรอก็มีหลายร้านะคะ หรือจะเดินข้ามสะพานลอยไปอาคารสินธรก็ได้ค่ะ ยืนรอหน้าสถานทูตนานอาจเมื่ิยขาค่ะ มีบางท่านไปนั่งรออยู่ฝั่งสินธรแต่อยู่ริมถนนก็มีค่ะ

  • wan-anong  On January 27, 2012 at 8:01 pm

    พี่ค่ะ ตรง passport book number อะค่ะ พอดีว่าตอนกรอกนึกว่ามันน่าจะเเปรว่า หนังสือเดินทางเล่มที่เท่าไหร หนูเลยตอบ 1 ไปอ่ะค่ะ เป็นไรมั้ยค่ะ ? พอดีเห็นที่คนอื่นๆๆโพสข้างบนเลกังวลค่ะ

    • govisa  On January 27, 2012 at 10:03 pm

      น้อง Wan-anong คะ ถ้ายังไม่ได้ยืนยันวันนัดสัมภาษณ์ กรอกDS-160 ใหม่ได้ค่ะและนำหมายเลขที่ได้ใหม่ไปนัดวันสัมภาษณ์ แต่ถ้าได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว กรอก DS-160 ใหม่และให้น้องนำทั้งใบใหม่และใบเก่าไปแสดงในวันสอบสัมภาษณ์ค่ะ ที่จริงก็ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงมากนัก ถ้าจะไม่แก้ไขก็พอได้อยู่และไปบอกเจ้าหน้าที่ในสถานทูต แต่ถ้าคิดว่าจะทำให้ถูกต้องไปเลย และเพื่อความสบายใจน้องด้วย อย่างที่บอกไว้ข้างต้น คือ กรอกใหม่อีกครั้งค่ะ

  • wan-anong  On January 27, 2012 at 10:04 pm

    ตอบหนูหน่อยหนูกังวลมากกกกก !

  • wan-anong  On January 27, 2012 at 10:09 pm

    คือหนูยืนยันวันนัดสัมภาษณ์ไปแล้วค่ะคือวันที่6กุมภานี้ แล้วถ้าไม่แกแล้วจะไปบอกทาสถานทูตยังไงค่ะ ? ขอบคุฯสำหรับคำแนะนำค่ะ

  • wan-anong  On January 27, 2012 at 10:27 pm

    ตอบหนูหน่อยย YY

    • govisa  On January 27, 2012 at 11:26 pm

      น้อง Wan-anong คะ ถ้าไม่แก้ไข เวลาเข้าไปในสถานทูตพบกับเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อสีชมพูที่เป็นคนตรวจเอกสารก็บอกเขาไปค่ะ แต่ถ้าจะกรอก DS-160 ใหม่และ print ใบยืนยัน DS-160 Confirmation Number ใหม่ก็อย่าลืมนำใบเก่าไปด้วยค่ะ

  • wan-anong  On January 27, 2012 at 10:40 pm

    พี่คะแล้วเรื่องนี้จะมีผลต่อการได้รับหรือปฎิเสธวีซ่าหรือปล่าวค่ะ ? ถ้าไม่มีหนูจะได้ไม่ต้องกลับไปแก้ไขใหม่

    • govisa  On January 27, 2012 at 11:31 pm

      ไม่มีผลร้ายแรงอะไรค่ะน้อง Wan-anong อย่าวิตกกังวลมากเกินไป ไม่มีอะไรร้ายแรงและต้องกลัวมากเพราะเป็นความผิดเล็กน้อยเรื่องการใส่หมายเลขเล่มหนังสือเดินทางผิดค่ะ การที่จะได้หรือไม่ได้วีซ่า อยู่ที่เป้าหมายการเดินทางชัดเจนไหม และใครเป็นผู้ค้ำประกัน ความผูกพันที่จะกลับมาอยู่ประเทศไทยมีมากน้อยขนาดไหนนะคะ

  • pangpang  On January 27, 2012 at 11:23 pm

    ขอบคุณคุณโกวีซ่ามากค่ะ
    แป้งจะคุยกับน้า ว่าจะขอstatementน้าสาวมาด้วยได้ไม๊ ถ้าน้าสาวให้ แป้งก้อต้องเปลี่ยนจาก self เปนอย่างอื่น ถูกไม๊คะ รึว่าแป้งจะตัดใจ ใส่selfไปเลย ละลุ้นวันนั้นเอา เพราะถ้าแป้งไม่ใส่ self และเอาน้ามาค้ำ กลายเปนเรื่องจะยาวรึเปล่า ทำงานมาป่านนี้ ได้เงินเท่านี้ทำไมไม่สามารถดูแลตัวเองได้

    เพราะอย่างที่คุณโกวีซ่าบอก แป้งนี่ต้องเปนดวงล้วนๆจิงๆ วันนั้นแป้งจะคิดถึงคุณโกวีซ่านะคะ คิดถึงคำพูด(พิมพ์)ต่างๆที่คุณโกวีซ่าแนะนำ ส่วนเรื่องการแต่งตัวรึความมั่นใจ อาจจะเพราะผ่านมา 3 ปีแล้ว อายุจะ 29 แล้ว และด้วยเนื้องาน ทำให้แป้งเปนผู้ใหญ่ขึ้นมาก วันนั้นแป้งคงใส่ชุดเดรสที่ใช้ใส่ทำงานไปเลย เอาจัดเต็มเท่าที่เต็มได้.. หมายถึงให้ดู good looking อ่ะค่ะ คงไม่เว่อแบบเครื่องเพชรทองเพราะแป้งไม่มี อิอิ

    • govisa  On January 27, 2012 at 11:41 pm

      น้องแป้งคะ ใส่ self ไปดีแล้ว และนำบัญชีน้าไปประกอบว่ามีน้าช่วย support ด้วยเพิ่มอีก 1 คนค่ะ น้าทำอาชีพอะไร และน้ามีรายรับเท่าไร เตรียมคำตอบไว้ค่ะ ส่วนการแต่งกาย คือ ดูสุภาพเรียบร้อย ใส่ชุดทำงานก็ดีแล้ว การใส่เครื่องประดับมากมายไม่ได้มีความหมายอะไรในสายตาชาวตะวันตกค่ะ โชคดี่ค่ะ อย่าลืมเขียนมาบอกนะคะ พี่เอาใจช่วยค่ะ ถ้าเขาถามถึงเรื่องในอดีตที่ไม่ได้ก็อาจจะพุดไปว่า เรายังเด็ก มีการเตรียมตัวไม่ดีพอในเรื่องเอกสาร และน้องก็ไม่ได้อยากไปอยู่ที่โน่นเลยจริงๆค่ะ เพราะมีภาระต้องดูแลคุณแม่และผ่อนบ้านให้คุณแม่อยู่ยามคุณแม่แก่ชราค่ะ ส่วนถ้าไม่ได้ก็อย่าไปคิดอะไรมากเลยค่ะ มีประเทศอื่นที่เราสามารถไปเที่ยวได้ ไว้เราอายุมากกว่านี้ขึ้นไปอีกมีฐานะมั่นคงขึ้นมาอีกหน่อย อาจจะย้อนกลับไปขอวีซ่าเข้าอเมริกาอีกครั้งดูก็ได้นะคะ อย่าไปเครียดคิดมากเลยค่ะ

  • pangpang  On January 27, 2012 at 11:29 pm

    คุณ wan-anong แป้งขอตอบแทนคุณโกวีซ่านะคะ

    ฟอร์มเก่าที่เรายื่นจองคิวไปแล้วเค้าจะบันทึกเลขฟอร์มนั้นไว้ในระบบว่าเลขฟอร์มนี้ของคนนี้มีคิวสัมภาษณ์จริง ถ้าคุณ wan-anong กรอกฟอร์มใหม่ ก้อให้ summit และปริ๊นชุดใหม่ออกมา และถือไปพร้อมกับฟอร์มใบเก่าที่เปนชุดที่เรายื่นจองคิวน่ะค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าจะได้รู้ว่าเราคือเจ้าของฟอร์มเลขที่ที่มีสิทธิ์สัมภาษณ์จริง ตอนไปถึงหน้าสถานทูต ก้อยื่นบอกเจ้าหน้าที่ที่เช็คคิวสัมภาษณ์เลยว่าเรากรอกผิด ได้นำตัวเก่าที่ผิดและแก้เปนฟอร์มใหม่มาแล้ว ไม่มีปัญหาค่ะ

    เรื่องผลกระทบ ไม่น่าจะมีนะคะ ถ้าไม่แน่ใจ ก้อกรอกและ summit พร้อมปริ๊นชุดใหม่ไปด้วย จะได้อุ่นใจค่ะ เพราะยังไง เรามีฟอร์มที่มีเลขเก่าอยู่ก้อไม่น่าจะมีปัญหาอยู่แล้ว

  • wan-anong  On January 28, 2012 at 8:25 am

    ขอบคุณมากคะ

  • pangpang  On January 29, 2012 at 11:49 pm

    ขอบคุณคุณโกวีซ่าค่ะ

    เมื่อวานเงินเดือนและโบนัสพึ่งเข้า เพื่อนๆเลยมีกำลังคืนเงินแป้งแล้ว ตอนนี้ในบัญชีน่าจะมีประมาน 14x,xxx และพรุ่งนี้แป้งจะไปขอ statement กับหนังสือรับรองฐานะทางการเงินจากแบงค์ค่ะ ภาวนาให้กงสุลไม่ขอดู statement และ book bank เพราะนอกจากนี้แป้งว่าแป้งเคลียร์ตัวเองได้ มีงานทำ มั่นคง เจ้านายก้อรับรอง ที่พักที่อเมริกาก้อแน่นอน กำหนดวันกลับด้วย ขอให้ผ่านเถอะ จะได้เปนของขวัญวันเกิดให้ตัวเองในเดือนมีนา

    แป้งมีคำถามอิกข้อนะคะ

    ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ต้องเอาไปแปลเปนภาษาอังกฤษด้วยไม๊คะ

    • govisa  On January 30, 2012 at 1:25 am

      น้องแป้งคะ ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุลเอาไปแปลเป็นภาษาอังกฤษและนำใบแปลไปให้กรมกงสุลรับรองจะดูน่่าเชื่อถือขึ้นค่ะ อ่านเรื่องที่พี่เขียนเกี่ยวกับการแปลเอกส่รและการรับรองการแปล อยู่ในหมวด Starter นะคะ หรือดูที่ https://govisa.wordpress.com/2011/12/11/การแปลเอกสารและการรับร/
      ถ้าน้องแป้งไม่อยากเสียเงินค่าแปล กรมกงสุลจะมี pattern การแปลเอกสารปรากฏอยู่ในหน้าเว็บไซค์ของกรมกงสุลเองค่ะ พี่ดีใจด้วยที่เงินในบัญชีธนาคารมีเพิ่มขึ้น ขอเอาใจช่วยนะคะ

  • pangpang  On February 3, 2012 at 3:44 am

    หายไปหลายวันค่ะ เพราะยุ่งมากๆๆๆๆ เจ้านายจะมาจากอังกฤษ เลยต้องเตรียมงานกันเยอะเลย

    ถ้าแป้งไม่ได้แปลใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล จะเปนอะไรไม๊คะคุณโกวีซ่า เพราะดูแล้วไม่มีเวลาเลยจริงๆ เสาร์-อาทิตย์นี้หยุดแต่เป็นวันหยุดราชการ ก้อคงทำอะไรไม่ได้ แล้วก้อลาหยุดอิกทีคือวันที่ 10 ที่สัมภาษณ์เลย (ขนาด DS160 ใหม่ แป้งยังไม่ได้กรอกและปริ๊นเลย เพราะกลับมาก้อดึกมาก สลบทุกที ตื่นก้อต้องรีบไปทำงาน ไตรมาสแรกของปีที่บริษัทจะยุ่งมากๆๆเลย)

    • govisa  On February 3, 2012 at 11:45 pm

      เห็นใจน้องแป้งค่ะ ในความคิดเห็นของพี่ ถ้าน้องไม่แปลจะเอาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อตัวจริงไปก็น่าจะได้ แต่ไม่อยากให้เสี่ยงเพราะเคยมีคนที่ไปขอลักษณะเปลี่ยนชื่อเมื่อหลายปีมาแล้วกงสุลท่านขอดูฉบับที่แปลด้วย(กงสุลแต่ละเทอมที่มาอาจจะขอดูเอกสารไม่เหมือนกันค่ะ)ให้น้องดูที่พี่เขียนไว้ที่หัวข้อเกี่ยวกับการแปลเอกสาร ในหน้าเว็บไซต์ของกรมกงสุลมีฟอร์มเอกสารแปลพวกเอกสารหลักๆ เช่นใบเกิด ใบสมรส ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล แปลตามฟอร์มนั้นติดมือไปด้วยแล้วกัน แม้จะไม่มีเวลาไปให้กรมกงสุลรับรองค่ะ อย่าลืมเขียนมาบอกกันบ้างนะคะว่าได้รับวีซ่าหรือเปล่า น้องทำให้พี่เป็นห่วงน้องจริงๆนะคะ คอยติดตามข่าวอยู่เสมอค่ะ

  • Puiiz  On February 3, 2012 at 11:58 pm

    อยากรู้ว่าเวลาขอสเตทเม้นย้อนหลัง6เดือนจะต้องเปนพาสาอังกิดไหมคะ? เพราะว่าไปขอที่ธนาคารเค้าบอกว่า สเตทเม้นมีแต่ภาษาไทย อันที่เปนพาสาอังกิดจะเปนหนังสือรับรองจากธนาคารที่มีแต่ยอดเงินคงเหลือเท่านั้น … สรุปแร้วต้องขออันไหนกันแน่คะ พอดีจะเอาไปยื่นประกอบขอวีซ่าท่องเที่ยวอ่ะคะ

    • govisa  On February 4, 2012 at 12:55 pm

      น้อง Puiiz คะ น้องสามารถใช้จดหมายรับรองเป็นภาษาอังกฤษและตัว Statement เป็นภาษาไทยได้ค่ะ เจ้าหน้าที่ธนาคารเขาอธิบายเช่นนั้นก็ถูกต้องแล้วค่ะ คือ ตัวหนังสือรับรองที่ออกจากธนาคารเพื่อรับรองว่าเจ้าของบัญชีชื่อนี้ มีเงินฝากในบัญชีธนาคารประเภทใด เช่น Savings(ออมทรัพย์หรือสะสมทรัพย์แล้วแต่ธนาคารไหนจะใช้ชื่อเรียกว่าอะไร)Fixed Deposit(บัญชีเงินฝากประจำ) และอื่นๆ เจ้าของบัญชีมียอดเงินคงเหลือในบัญชีธนาคารจำนวนเท่าไร ทุกธนาคารจะมีแบบฟอร์มของธนาคารที่ออกมาด้วยสำนวนที่พี่อธิบายไปแล้วค่อนข้างคล้ายๆกัน เพียงแต่เปลี่ยนLogo และรายละเอียดอื่นๆที่บ่งบอกว่าเป็นของธนาคาร Brand นั้น Brand นี้ค่ะ

      ทีนี้ตัว Statement คือความเคลื่อนไหวในการนำเงินเข้า-ออกจากบัญชี ในกรณีที่เป็นเงินฝากออมทรัพย์ หรือ เงินฝากประจำ ไม่ต้องยุ่งยากขอ Statement ก็ได้ค่ะ เพราะน้องสามารถนำบุ๊คบัญชีเงินฝากตัวจริงไปให้กงสุลดูได้เลยค่ะ ธนาคารเขาไม่สามารถออก Statement เป็นภาษาอังกฤษได้ เพราะบุ๊คของเจ้าของบัญชีมีรายละเอียดเป็นภาษาไทยค่ะ ยกเว้นในกรณีขอจดหมายรับรองจากธนาคารว่ามีเงินในบัญชีเท่าไรเพื่อไปขอวีซ่าในบางประเทศ ขอยกตัวอย่างประเทศอังกฤษค่ะ ธนาคารบางแห่งไม่สามารถเขียนรับรองได้ว่า เจ้าของบัญชีมีเงินฝากอยู่ในบัญชีต่อเนื่องครบ 28 วัน จึงแก้ไขปัญหาด้วยการ “ออกรอบบัญชี” เป็นภาษาอังกฤษนะคะ

      น้องPuiiz จะขอวีซ่าไปเที่ยวอเมริกาก็ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับเรื่องราวของประเทศอังกฤษก็ได้ค่ะ พี่อธิบายโดยละเอียดเพื่อให้น้องเข้าใจว่า ธนาคารต่างๆจะมีวิธีการในการออกจดหมายรับรองการเงิน เพื่อตอบสนองกฎระเบียบของแต่ละสถานทูตที่มีวิธีการแตกต่างกัน ดังนั้นน้องท่านใดจะไปขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารเพื่อนำไปใช้ในการขอวีซ่า จะสังเกตเห็นได้ว่า ธนาคารจะมีข้อความให้กรอกในแบบฟอร์มว่า ต้องการไปขอวีซ่าสถานทูตประเทศใด ธนาคารเขาจะได้เลือกใช้แบบฟอร์มให้ถูกประเภทค่ะ

  • ook  On February 4, 2012 at 9:19 pm

    ขอบคุณ คุณ govisa มากค่ะคุณตอบคำถามได้น่าประทับใจมากส์ค่ะ ช่วยเหลือผู้อื่นได้เยอะมากค่ะ ขอให้ความดีที่คุณทำ นำพาให้คุณพบเจอแต่สิ่งดีงามนะคะ

    • govisa  On February 4, 2012 at 10:30 pm

      ขอบคุณมากค่ะน้อง Ook น้องขอวีซ่าประเภทไหนคะ สัมภาษณ์ไปแล้วหรือยังคะ

  • pangpang  On February 4, 2012 at 9:52 pm

    ขอบคุณค่ะคุณโกวีซ่า ทั้งความช่วยเหลือและความเป็นห่วง

    ขอสารภาพว่า หัวข้อเกี่ยวกับการแปลเอกสาร ที่คุณโกวีซ่าพูดถึง แป้งหาไม่เจอค่ะ ต้องไปดูตรงไหน.. ขอโทษจริงๆที่เปนภาระคุณโกวีซ่าทุกเรื่องเลย

    แป้งจะลองหาทางเอาไปแปลให้ได้ก่อนวันที่ 10 นะคะ เพราะน่าจะเปนเอกสารที่รอรับได้เลย

    รอบที่แล้ว(3ปีก่อน) ที่โดนปฏิเสธ แป้งก้อใช้ชื่อนี้แล้วนะคะ คือเปลี่ยนชื่อก่อนจะขอวีซ่าปีกว่าๆ

    • govisa  On February 4, 2012 at 10:29 pm

      น้องแป้งเข้าไปอ่านที่พี่เขียนอยู่ในหมวด Starter ค่ะ https://govisa.wordpress.com/2011/12/11/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3/

      หรือที่เว็บไซต์ของกรมกงสุลนะคะ
      http://www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=98

      ส่วนที่น้องบอกว่าเพิ่งเปลี่ยนเมื่อ 3 ปีที่แล้วถ้าไม่มีเอกสารใดๆที่น้องต้องนำไปแสดงให้กงสุลดูว่ามีชื่อเก่าปรากฏอยู่ก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ ยกเว้นถ้าน้องขอวีซ่านักเรียน น้องต้องแสดง transcript ซึ่งจะทำให้เห็นชื่อเก่าว่าไม่ตรงกับชื่อในหนังสือเดินทางเป็นต้นค่ะ อีกกรณีเมื่อ3ปีที่แล้วน้องได้แจ้งกงสุลหรือเปล่าว่า น้องเปลี่ยนชื่อ ถ้าแจ้งไว้ก็ยังมี record เก่าบันทึกอยู่ค่ะ หรือ ถ้าเคยมีการเดินทางและเคยมีหนังสือเดินทางเล่มก่อนหน้าที่มีชื่อเก่าก็น่าเป็นกังวลอยู่นะคะ ควรนำใบเปลี่ยนชื่อติดตัวไปด้วยดีกว่าค่ะ อนึ่งเตรียมคำตอบด้วยว่า ทำไมน้องจึงเปลี่ยนชื่อนะคะ น้องอาจให้เหตุผลตามที่คนส่วนใหญ่ชอบใช้กันก็ได้ว่า ชื่อใหม่เป็นสิริมงคลมากกว่า หรือไปดูดวงมาว่าชื่อเก่าไม่เหมาะสม อะไรทำนองนี้ก็ได้นะคะ

  • pangpang  On February 5, 2012 at 1:16 am

    แป้งเปลี่ยนชื่อตอนปลายปี 07 ค่ะ (น่าจะประมาณ ต.ค-พ.ย) พอต้นปี 08 ก้อไปทำพาสปอร์ตไปเที่ยวมาเลเซีย ละพอ ก.ค ปี 09 ก้อไปขอวีซ่า โดนปฏิเสธ หลังจากนั้น ต.ค 09 แป้งก้อไปเที่ยวฮ่องกง

    สัมภาษณ์คราวที่แล้ว กงสุลไม่ได้ถามเรื่องที่เปลี่ยนชื่อนะคะ หรืออาจจะถาม แต่แป้งโดนปฏิเสธตั้งแต่คำถามแรกๆรึป่าวก้อไม่แน่ใจ – – แป้งจะเตรียมคำตอบไว้อย่างที่คุณโกวีซ่าแนะนำค่ะ

    แป้งไปขอ statement วันที่ 31 ม.ค statement จึงรันมาถึงแค่วันนั้น(ประมาณแสนหก) แต่หนังสือรับรองฐานะทางการเงิน พนักงานแบงค์ขอให้ทีหลัง คือ วันที่ 2 ก.พ ซึ่งมียอดอยู่สองแสนนิดๆ(อานิสงค์จากญาติโยมที่รู้ว่าแป้งจะไปหาปอม และเพื่อนๆที่น่ารักมีเงินโบนัสมาใช้หนี้แป้งกันอย่างคับคั่ง!!)
    คำถามคือ ถ้าตัวเลขในหนังสือรับรองฯ กับ statement ไม่ตรงกันจะเปนอะไรไม๊คะ

    • govisa  On February 5, 2012 at 1:23 pm

      ถ้าน้องแป้งจำไม่ได้ว่าคราวที่แล้วมีการกล่าวถึงเรื่องเปลี่ยนชื่อหรือเปล่า ให้น้องนำหลักฐานไปเพื่อความเตรียมพร้อม และตอบไปเลยว่า น้องเปลี่ยนชื่อค่ะเพื่อเสริมดวงเพราะทำธุรกิจค่ะ

      ส่วนเรื่อง statement ไม่ทราบว่าน้องแป้งจะนำบัญชีประเภทไหนไปให้กงสุลดูคะ ถ้าเป็นบัญชีสะสมทรัพย์หรืออมทรัพย์ที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า savings account ง่ายที่สุดคือ update book บัญชีแล้วนำ book account ไปด้วยเผื่อกงสุลขอดูจะได้เห็นตัวเลขสองแสนนิดๆค่ะ ถ้ากงสุลไม่ดูก็แล้วไปถือว่า น้องเตรียมเอกสารไปให้ครบถ้วนพร้อมที่สุด ไม่จำเป็นที่แป้งต้องนำสิ่งที่แป้งเรียกว่า statement ไป ยกเว้นบัญชีแป้งมีบัญชีประเภท current account หรือบัญชีกระแสรายวัน บัญชีประเภทนี้ไม่มี book account ไปแสดง แป้งจะต้องแสดง statement เป็นรายเดือนไปค่ะ ซึ่งในกรณีนี้เดือนสุดท้ายที่แป้งจะได้รับเอกสารจากธนาคารคือ Satement ของเดือนมกราคม Statementของเดือนกุมภาพันธ์ ธนาคารจะยังไม่ออกมาให้จนกว่าจะสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ

      ในกรณีที่น้องถามมา คือ ถ้าเรามองโลกในด้านดีและน้องโชคดีมากในวันนั้น กงสุลก็อาจจะไม่ได้ขอ Statement หรือดูบัญชีตัวจริง แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่งว่าการที่ออกจดหมายรับรองมาไม่เท่ากันกับตัว statement จะเป็นจุดที่เพิ่มความสงสัยให้กงสุล ขอสอบถามน้องเพิ่มเติมก็อาจเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ แป้งต้องเตรียมพร้อมเสมอว่า ถ้าเกิดสถานการณ์นั้น แป้งจะให้คำตอบที่เหมาะสมที่สุดว่าอะไรค่ะ พี่ขอแนะนำแป้งว่า ถ้าเป็นบัญชี savings ไป update book account กับเครื่อง update book ของธนาคารและแสดง book account ให้กงสุลดู book account ตัวจริงมีค่าเท่ากันกับการที่แป้งจะยื่น statement อยู่แล้วค่ะ เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ ที่สำคัญที่พี่อยากจะเตือนแป้งมากกว่าคือ การที่เพิ่งนำเงินเข้ามาใส่เข้าบัญชีดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก เหมือนตบแต่งบัญชี แป้งควรจะมีเงินที่อยู่ในบัญชีมานานสักระยะหนึ่งแล้วมากกว่า นั่นคือสิ่งที่พี่ได้พยายามเตือนแป้งตั้งต้นที่เราเริ่มคุยกันว่า ไม่อยากให้กงสุลขอดูบัญชีแป้งเลยค่ะ พี่เข้าใจตามที่แป้งเขียนมาทุกอย่างว่าแป้งมีความจริงใจแป้งทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วนะคะ

      ดังนั้น พี่ขอสรุปว่า พี่ไม่อยากให้แป้งคิดมากจนจิตตก และขาดความเชื่อมั่นค่ะ จาการเขียนคุยกัน พี่ประทับใจในตัวแป้งที่กล้าสู้ชีวิตจนช่วยเหลือทุกคนในบ้านเหมือนแป้งเป็นเสาหลักของทุกคนในบ้านได้ค่ะ ทำให้พี่คาดเดาได้อย่างหนึ่งว่า แป้งมีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุที่แท้จริง แป้งคงจะกลั่นกรองความคิดก่อนตอบคำถามกงสุล และสามารถเอาตัวรอดได้ในวันที่ไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ โชคดีนะคะ

  • wan-anong  On February 5, 2012 at 11:10 am

    พีคะ พรุ่งนี้หนุจะไปสัมภาษณ์แล้ว เป็ฯกำลังใจให้ด้วยนะค่ะ ^^

    • govisa  On February 5, 2012 at 12:46 pm

      ขอให้น้อง Wan-anong ผ่านวีซ่าด้วยดีค่ะ เขียนเล่าบรรยากาศและคำถามมาแชร์ประสบการณ์ด้วยนะคะ ขอให้น้องตั้งใจฟังคำถามให้ดี พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ สบสายตาผู้พูด และน้องมีข้อมูลชัดเจนในใจตัวน้องด้วยว่า น้องมีเป้าหมายจะไปทำอะไรบ้างที่ในอเมริกา เมื่อเสร็จภารกิจนั้นๆแล้วน้องจะกลับเมืองไทยแน่นอน ไม่ว่าจะมีสิ่งเย้ายวนอะไรให้น้องนึกอยากอยู่ก็ตามนะคะ โชคดีค่ะ

  • hui  On February 5, 2012 at 2:09 pm

    สวัสดีค่ะ พอดีอยากทราบว่าถ้ากรอกDs160 เรียบร้อยแล้วจนปริ๊นเอกสารหน้าที่มีบาร์โค้ด Appication ID สำหรับไปยื่นพร้อมแล้ว แต่เนื่องจากว่าต้องการเปลี่ยนแปลงวันเดินไปในเดือนถัดไป และได้ซื้อพินมา แล้วสมัครใส่User, Password เรียบร้อยหมดแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ คือถ้าเราจะกรอก DS160 ใหม่สามารถกรอกได้เลยไหมค่ะ หรือจะต้องยกเลิกข้อมูลเก่าเสียก่อน ถ้าอย่างนั้นจะต้องเข้าไปยกเลิกยังไงค่ะ
    ขอบคุณ่ะ

    • govisa  On February 5, 2012 at 6:41 pm

      น้อง Hui ไม่ต้องกรอก Ds-160 ใหม่นะคะ เพราะน้องเพียงแต่จะเปลี่ยนวันที่น้องจะเดินทางเท่านั้นเองค่ะ ผู้ยื่นขอวีซ่าสามารถกำหนดวันเดินทางไว้วันหนึ่งที่คาดว่าน่าจะได้เดินทาง แต่ภายหลังเปลี่ยนใจจะเดินทางไปวันอื่นแทน ย่อมทำได้โดยไม่ต้องกรอกฟอร์มวีซ่า DS-160 ใหม่ค่ะ

  • som  On February 6, 2012 at 10:05 pm

    สวัสดีค่ะ จะไปขอวีซ่ากับแม่เพื่อไปทำบุญที่navadaเพื่อนแม่ชวนไปแม่ไม่มีปัญหาเคยขอได้และยังเหลือ แต่แม่ไปคนเดียวไม่ไหวอายุ80แล้วดิฉันต้องพาไปด้วยกลัวจะไม่ผ่านเพราะได้ข่าวว่าคนโสดขอยาก เงินในบัญชีก่อนหน้านั้นมีเว้นบ้างฝากเดือนเว้นเดือนแต่ตอนนี้ฝากติดกัน6เดือนแต่เปิดไว้ตั้งแต่ปี09 ทางวัดก้อจะส่งการดเชิญมาให้ แล้วเราต้องให้เพื่อนแม่เขียนรับรองที่พักด้วยหรือเปล่านอกจากการ์ดของทางวัด ดิฉันมีพี่คนละพ่อ8คนต้องกรอกรึเปล่าควรเตรียมตัวให้พร้อมยังไงดี มีร้านเกี่ยวกับช่วยกรอกเอกสารแนะนำไหมค่ะรบกวนแนะนำหน่อยนะค่ะมีกำหนดการทางวัด25 มีนา2555นี้ จะทันไหม จะรอคำตอบนะค่ะ

    • govisa  On February 6, 2012 at 11:16 pm

      คุณ Som คะ ขอตอบเป็นข้อๆ ดังนี้นะคะ

      1.คุณแม่เคยมีวีซ่าแล้วและยังมีอายุวีซ่าเหลืออยู่ สรุปคือคุณแม่คุณส้มไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ใช่ไหมคะ

      2.ที่คุณส้มเป็นกังวลคือ คุณส้มจะขอวีซ่าเองคนเดียวใช่ไหมคะ ถ้าพิจารณาจากอายุคุณแม่ คุณส้มก็น่าจะอายุประมาณเลขห้าแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับคนโสดที่คุณส้มเขียนถามมาค่ะ ให้คุณส้มถ่ายเอกสารหนังสือเดินทางคุณแม่ พร้อมหน้าที่มีวีซ่าเข้าสหรัฐของคุณแม่แนบไปกับเอกสารอื่นๆในการขอวีซ่าของคุณส้มเองด้วย โดยคุณส้มอธิบายเหตุผลได้เลยว่าจะไปเป็นเพื่อนคุณแม่ไปทำบุญ เช่น ฉลองวัดใหม่ที่รัฐเนวาดา หรือจะทอดผ้าป่า ก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ที่ทางวัดเขียนเชิญมาค่ะ คุณส้มสามารถอธิบายได้ว่าคุณแม่ท่านอายุมากแล้ว คุณส้มเป็นลูกสาวที่ดูแลคุณแม่มาตลอดตอนที่ท่านอยู่เมืองไทย พี่น้องเห็นพ้องต้องกันว่า คุณแม่ต้องมีคนเดินทางไปเป็นเพื่อนด้วย และคุณส้มยังพูดได้เต็มปากอีกว่า ทั้งคุณแม่และคุณส้มอายุมากแล้ว ไม่อยากไปอยู่นานๆที่อเมริกา เพราะลำบากในเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมใหม่ และญาติๆคุณส้มทุกคนก็อยู่ที่เมืองไทยค่ะ

      3. ถ้าเงินในบัญชีคุณส้มมีไม่มาก อาจให้พี่ชายคนละพ่อที่มีฐานะดีเป็นผู้ค้ำประกันคุณส้มเพิ่มอีก 1 คนได้ค่ะ ส่วนในแบบฟอร์มไม่ได้ถามชื่อพี่น้องทุกคนเหมือนในอดีต จึงไม่ต้องกรอกรายละเอียดของพี่น้องทั้ง 8 คนค่ะ ถ้าคุณส้มไม่มั่นใจเรื่องฐานะการเงินในบัญชีคุณส้ม และไม่อยากรบกวนพี่ชายต่างบิดา ก็อาจจะให้เพื่อนคุณแม่เขียนจดหมายเชิญมาว่า นานแล้วที่ไม่ได้พบกัน เพื่อนคุณแม่นั่งเครื่องบินนานๆเพื่อเดินทางกลับมาเมืองไทยไม่ไหว แต่คุณแม่ของคุณส้มยังเดินทางไหวอยู่ จึงยินดีเชิญคุณแม่ไปพักอยู่ที่บ้านและไปทำบุญที่วัดด้วยกัน ลูกหลานเพื่อนคุณแม่ที่อเมริกาเองอาจจะเห็นว่า นี่เป็นการ reunion อีกครั้งที่จะทำให้เพื่อนคุณแม่มีความสุขมากๆ จึงอยากพาคุณแม่คุณส้มและคุณส้มไปเที่ยวต่อด้วย โดยอาจจะยกตัวอย่าง เช่น ถ้าเพื่อคุณแม่อยู่ Las Vegas ลูกหลานอาจจะพาไปเที่ยวเมืองใหญ่ในรัฐใกล้เคียง เช่น Los Angeles หรือถ้าเพื่อนคุณแม่อยู่ Reno ก็อาจจะมีการพาไปเที่ยว San Francisco เป็นต้นค่ะ

      4. ไม่รู้จักร้านรับกรอกเอกสารวีซ่าค่ะ ลองปรึกษาาพวกบริษัทนำเที่ยวที่จัดรายการทัวร์ไปสหรัฐอเมริกา หรือ อาจจะลองไปโพสต์ในเว็บไซต์พันธ์ทิพย์ดูนะคะ โชคดีค่ะ

  • pangpang  On February 7, 2012 at 12:25 am

    ขอบคุณคุณโกวีซ่าอิกครั้ง และคงมีอิกหลายๆครั้งที่ต้องขอบคุณเลยทีเดียว แป้งมีกำลังใจถึงแม้ว่าจะริบหรี่แค่ไหน แต่ก้อยังอุ่มใจว่ามีคนให้คำปรึกษาดีๆอย่างคุณโกวีซ่าค่ะ

    แป้งจะทำตามที่คุณโกวีซ่าแนะนำคือจะไม่ยื่น statement เพราะบัญชีที่แป้งใช้เปน saving acct หรือบัญชีออมทรัพย์นั่นเองค่ะ เพราะเจ้านายแป้งก้อบอก ว่าตอนที่เค้าขอวีซ่าท่องเที่ยว เค้าดูแค่หนังสือรับรอง ไม่ขอบุครึstatement เลย (นั่นคงเปนความโชคดีของเค้าด้วย)

    แป้งจะยื่นแค่หนังสือรับรองฐานะทางการเงินไปซึ่งปรากฏยอดสองแสนนิดๆ แล้วก้อจะอัพบัญชีไปเปนปัจจุบันที่สุด แต่ปัญหาคือ แป้งพึ่งถอนเงินมา เหลืออยู่ในบัญชีประมานแสนหกกว่าๆ เพราะต้องจ่ายช่างซ่อมบ้าน T T ชะล่าใจไงคะ ว่าตัวเองมีหนังสือรับรองฐานะทางการเงินและ statement แล้ว เลยไม่ได้อัพบุคเลยและถอนเงินมาใช้ ซึ่งค่าซ่อมบ้านเนี่ย คุยกับน้าแล้วว่าจะจ่ายคนละครึ่ง (ค่าซ่อมเจ็ดหมื่นนิดๆ) แต่แป้งต้องออกไปก่อน น้าจะให้แป้งวันที่ 15 (อย่างที่เคยบอกว่าน้าเปนยี่ปั๊ว เค้าจะรอเก็บบิลจากลูกค้าก่อนค่อยเอามาให้) เพราะฉะนั้น ตอนนี้แป้งมีเงินในบัญชี NET แล้วคือ169,xxx ละจะมีอิกประมาน 4000 เข้าพรุ่งนี้เพราะแป้งออกเงินซื้อของเข้าบริษัทไปก่อน และบัญชีจะโอนคืนพรุ่งนี้ค่ะ

    ณ ตอนนี้ เอกสารที่แป้งเตรียมไว้แล้วคือ
    สำเนาทะเบียนบ้าน
    สำเนาบัตรประชาชน
    passport
    DS160 อันเก่าที่ใช้เลข application จองคิวสัมภาษณ์ไป แต่มีข้อมูลผิด
    DS160 อันใหม่ที่เปลี่ยนข้อที่ผิดแล้ว
    ใบ confirm การนัดสัมภาษณ์
    รูปถ่าย 2 นิ้ว(เอาไปทั้งปึกที่อัดมา)
    จดหมายเชิญจากลูซี่
    passport ของลูซี่
    หนังสือรับรองการทำงาน พร้อมระบุเงินเดือน ตำแหน่ง ช่วงที่ลา และวันกลับมาทำงาน
    หนังสือรับรองฐานะทางการเงิน
    ใบเปลี่ยนชื่อและนามสกุล
    ใบเสร็จค่า PIN
    ใบเสร็จค่าธรรมเนียม
    ใบจองเที่ยวบิน
    รูปบ้านลูซี่และห้องนอนที่แป้งจะไปอยู่กับปอม
    รูปปอมที่ถ่ายกับเควิน ลูกชายลูซี่
    รูปแป้ง+ปอม+เพื่อนแป้ง ตอนปอมกลับมาไทยปีที่แล้วไปเที่ยวกัน

    ที่คิดได้มีเท่านี้ค่ะ แป้งมีทำประกันชีวิตไว้เหมือนกัน เป็นประกันสุขภาพ เอากรมธรรม์ไปด้วยไม๊คะ แต่ทุนประกันแค่แสนเดียวเอง

    • govisa  On February 7, 2012 at 5:07 am

      น้องแป้งคะ กงสุลไม้ขอดูบัตรประชาชน เพราะเราต้องแสดงหนังสือเดินทางแทนบัตรประชาชนเวลาไปอยู่ต่่างประเทศ เวลาจะเข้าไปข้างในประตูสถานทูตต่างหากที่เจ้าหน้าที่เขาจะให้เรายื่นบัตรประชาชนเก็บรวมกับพวกโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท Notebook ค่ะ รูปถ่่ายก็ไม้ต้องเอาไปทั้งหมดที่อัดมา เพราะน้อง upload รูปไปไว้ในฟอร์ม DS-160 แล้ว ถ้าจะติดสำรองเอาไป 1 รูปพอดีค่ะ ทะเบียนบ้านส่วนใหญ่ไม่ดูแต่จะเอาไปก็ได้ค่ะ ไหนบอกพี่ว่าจะเอาหลักฐานพวกผ่อนบ้าน ผ่อนรถไปประกอบด้วยไงคะว่า น้องต้องรับผิดชอบทรัพย์สินของคุณแม่และแฟนค่ะ อย่าลืมเอาติดมือไปประกอบคำอธิบาย กรณีมีคำถามที่ถามเข้ามาและตรงประเด็นที่จะใช้หลักฐานเหล่านั้นประกอบก็ยื่นไป เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นแม้ว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นจะไม่ใช่ชื่อน้องเลยก็ตาม สิ่งสุดท้ายที่ควรนำไป คือ สติ ตั้งใจฟังคำถามให้ดี ควบคุมอารมณ์ในการตอบคำถาม อย่าโกรธหรือลงโทษตัวเอง เพราะอาจจะมีคำถามเกี่ยวข้องกับการถูกปฏิเสธครั้งก่อนบ้าง ถ้าครั้งนี้วีซ่าไม่ผ่าน ขอให้ตั้งใจทำงานเก็บเงินให้มีหลักฐานมั่นคงมากกว่านี้ คงจะได้วีซ่าไปเที่ยวสหรัฐค่ะ

  • po_ar  On February 7, 2012 at 8:54 am

    สวัสดีค่ะ…คือน้องสมัครเรียนภาษา 6 เดือนค่ะ(ตามที่ระบุใน I-20) แต่ตั้งใจว่าจะเรียนคอร์ส TOEFL ต่อและสมัครเข้าปริญญาโทต่อไปซึ่งน่าจะต้องใช้ระยะเวลาทั้งหมด 3 ปี ขอรบกวนถามว่าตรงส่วนระยะเวลาที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาใน DS-160 ควรจะกรอกยังไงคะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On February 7, 2012 at 7:42 pm

      น้อง Po-arใส่จำนวน 3 ปีค่ะ ถ้ากงสุลท่านถาม อธิบายว่า จะไปเรียนภาษาประมาณ 6 เดือนและวางแผนจะสมัครสอบTOEFL ที่อเมริกาเพื่อสมัครเรียนต่อปริญญาโท ตามที่น้องบอกพี่มาค่ะ

  • pangpang  On February 8, 2012 at 2:56 am

    คุณโกวีซ่า T T
    แป้งไม่ได้เตรียมเอกสารพวกนั้นเลย เพราะตีความไปว่า คุณโกวีซ่าคิดว่ามันไม่มีน้ำหนักพอ เพราะไม่ได้เปนชื่อแป้งเลย เกี่ยวกับการผ่อนบ้าน แป้งพอจะแปลหนังสือทัน เพราะไม่ต้องใช้ฟอร์มอะไร แต่เรื่องรถ แป้งยังไม่ได้หาข้อมูลเลยว่าต้องทำยังไง เพราะแป้งเองก้อคิด ว่าดูยังไง ทางนิติกรรม มันก้อไม่ใช่รถแป้งอยู่ดีถึงแม้แป้งจะเปนคนผ่อนมาตลอดปีกว่า

    • govisa  On February 8, 2012 at 8:13 pm

      น้องแป้งพี่รวบรวมตอบทีเดียวเลยนะคะ ถ้าไม่ได้เตรียมเอกสารเกี่ยวกับผ่อนบ้านผ่อนรถก็ไม่เป็นไร เพราะทั้งสองอย่างไม่ได้เป็นชื่อแป้งเลย พี่เห็นแป้งเขียนมาเล่าครั้งแรกๆ และพี่เกรงว่า แป้งจะหลุดคำตอบที่ไปพาดพิงเรื่ิองดังกล่าว จึงคิดว่าถ้าแป้งเตรียมเอกสารไปด้วยก็คงดี และเอกสารเรื่ิองผ่อนไม่ต้องไปแปล ถ้าคิดว่าจะไม่มีการตอบคำถามแบบที่ต้องการให้กงสุลเห็นภาพว่าน้องมีภาระรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางบ้านมากเหมือนเขียนมาให้พี่ทราบ ก็ไม่ต้องเอาเอกสารพวกผ่อนชำระไป ยิ่งเรื่องรถผ่อนให้แฟนก็ไม่ต้องไปพูดถึง เพราะถ้าแป้งต้องอธิบายอะไรยาวๆ พี่เกรงว่า อาจจะสร้างความสับสนไม่เข้าใจได้ พยายามตอบคำถามอย่างสั้นๆแต่กระชับได้ใจความ ไม่ทำให้ผู้ฟังงง แป้งอย่าเป็นกังวลมาก เดี๋ยวจะยิ่งเบลอ ขอให้นอนหลับให้สบายคืนวันพฤหัสบดี เช้าวันศุกร์จะได้มีแรงสดชื่น ตอบคำถามได้ดีค่ะ ลองอ่านที่คุณ Supachai เขียนมาบอกว่า กงสุลสุภาพให้เกียรติคนไทยมาก ให้กำลังใจตัวเองมากๆ คิดเสมอนะว่า ถ้าได้วีซ่าก็โชคดีได้ไปเที่ยวกับน้องก่อนน้องกลับเมืองไทย แต่ถ้าไม่ได้วีซ่าก็ไม่เป็นไร วันหลังน้องสาวไปเรียนต่อปริญญาโท ถ้าแป้งเก็บเงินช่วงนี้ให้ได้สักห้าแสนแล้วค่อยขอไปเที่ยวใหม่ก็ได้ แป้งอายุยังไม่มากนะคะ เอาใจช่วยค่ะ สวดมนต์นั่งสมาธิสัก 15-20 นาที หาหนังสือธรรมะง่ายๆติดมือเข้าไปอ่านรอที่สถานทูตก็ได้ จะได้สงบใจได้บ้างค่ะ โชคดีนะคะน้องแป้ง

  • pangpang  On February 8, 2012 at 3:07 am

    คือบ้าน ยังดูเปนมรดกจากแม่แท้ๆถึงลูกแท้ๆ ดูมีสายสัมพันธ์ แต่ถ้าถ้าเปนรถ แป้งก้อไม่รุจะตอบกงสุลว่าอะไร ว่าทำไมรถไม่ใช่ชื่อแป้ง ทำไมเปนชื่อแฟน เดี๋ยวเรื่องจะยาว ละดูแย่ลงไปอิก

    โอยยยย ใกล้วันแล้วแป้งประสาทจะกิน วันศุกร์นี้ไปสัมภาษณ์แล้ว แป้งดันพลาดเอกสารบ้านกะรถไปซะงั้น ทำไงดี พยายามตั้งสมาธิ นิ่งๆ แล้วนะคะ แต่ใจมันไม่ดีเลย รุสึกไม่พร้อม แถมต้องทำงานจนดึกวันพฤหัส เช้าศุกร์ก้อต้องไปสัมภาษณ์เลยด้วย

  • supachai  On February 8, 2012 at 12:02 pm

    วันนี้ไปสัมภาษณ์ทั้งครอบครัวสี่คน ผ่านแล้วครับ
    แต่ไม่รู้ว่าได้กี่ปี คงต้องรอems 3-4วัน?

    กงสุลที่าัมภาษณ์ผมเป็นผู้หญิงครับ
    สัมภาษณ์คนอื่นนาน
    แต่สัมภาษณ์ผมไม่นานครับ

    เคยไปอเมริกา ที่ไหนบ้าง /นิวยอร์ค ออร์ลันโด
    ทำงานอะไร รายได้เท่าไร/เจ้าของโรงงาน xxxxxxต่อเดือน
    ตอนนี้จะไปอเมริกา ทำไม/พาลูกไปเที่ยวกับทัวร์

    ขอดูทะเบียนสมรสกับใบอนุญาติโรงงาน

    อย่างอื่นไม่ดูเลยครับ แล้วก็ให้ผ่าน

    ขอชมว่า ท่านกงสุลดูใจเย็น ไม่ดุ และให้เกียรติคนไทยครับ
    ใช้คำถามอย่างสุภาพทุกคำ ทั้งคำพูดและสีหน้า

    ขอบคุณ คุณgovisaครับที่ให้รายละเอียดและกำลังใจ

    • govisa  On February 8, 2012 at 7:57 pm

      ขอบคุณมากค่ะคุณ Supachai ขอให้พาลูกและภรรยาไปเที่ยวช่วงปิดเทอมให้สนุกนะคะ ถ้าพบเห็นอะไรที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯที่เห็นว่าจะเป็นการให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่คนรุ่นใหม้ได้เขียนมาให้อ่านอีกนะคะ จะลองเข้าไปอ่านบล็อกภายใต้หัวข้อ Pre-departure ดูก่อนก็ได้ค่ะ เผื่อพบเห็นอะไรเปลี่ยนแปลง เขียนวิจารณ์หรือแนะนำผ่านหัวข้อเหล่านั้นได้ค่ะ

  • Piggy  On February 9, 2012 at 3:10 pm

    เมื่อวานนี้ไปสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกามา สรุปว่า “ผ่าน” แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ระยะเวลา 10 ปีสำหรับครั้งแรกเลยรึเปล่า เพราะว่ายังรอรับซองจดหมายอยู่ค่ะ… อย่างไรก็ตาม อยากเอาประสบการณ์มาแชร์ให้หลายๆท่านรับทราบ เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างค่ะ

    เจ้าหน้าที่ (จนท.) สถานทูตที่ทำการสัมภาษณ์เป็นฝรั่ง ผู้ชาย ผิวแทน หน้าตาใจดี พูดไทยค่อนข้างชัด (แต่แอบเบาไปนิดนึง เลยต้องถามว่า ‘อะไรนะคะ’ อยู่ประมาณ 2-3 รอบ ตลอดการสัมภาษณ์)

    บทสนทนาเท่าที่สามารถจำได้:
    [เรายื่นเอกสารที่ช่อง 11 (เท่าที่เจ้าหน้าที่บริเวณด้านหน้าจัดเรียงใส่แฟ้มใสให้ – หนังสือเดินทาง ใบนัดสัมภาษณ์ ใบรับรองการทำงาน ใบจดทะเบียนการค้าธุรกิจของที่บ้าน)]
    จนท. – สวัสดีครับ
    เรา – สวัสดีค่ะ สบายดีมั้ยคะ
    จนท. – สบายดีครับ คุณล่ะครับ
    เรา – สบายดีค่ะ
    [จนท. เปิดหนังสือเดินทางของเรา พลิกไปมาทั้ง 4 เล่ม]
    จนท. – คุณไปมาหลายประเทศเลยนะครับ
    เรา – ค่ะ แต่ยังไม่เคยไปอเมริกาเลย [พูดพร้อมยิ้มกว้าง]
    จนท. – คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกาครับ
    เรา – ไปเที่ยวค่ะ
    จนท. – ไปกับใครครับ
    เรา – ไปกับแฟนค่ะ
    จนท. – เป็นสามีหรือ Boyfriend ครับ
    เรา – เป็น Boyfriend ค่ะ [พร้อมยิ้มเขินๆ]
    จนท. – แฟนเป็นใครครับ
    เรา – แฟนเป็นพนักงานบริษัท XXX อยู่ในตำแหน่ง XXX ค่ะ [พร้อมค้นเอกสารใบรับรองการทำงานของแฟน แต่จนท.ไม่สนใจ เลยไม่ได้โชว์]
    จนท. – คุณทำงานอะไรครับ
    เรา – เป็น XXX อยู่ที่บริษัท XXX ค่ะ
    [จนท.อ่านใบรับรองการทำงานของเราคร่าวๆจากแฟ้มใส]
    จนท. – คุณทำงานมานานเท่าไหร่แล้วครับ
    เรา – ถ้าบริษัทนี้ ทำมา 5 เดือนเศษๆค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ทำงานมา 2 ปี เป็น XXX ที่บริษัท XXX ค่ะ [พร้อมค้นเอกสารใบรับรองการทำงานที่เก่า แต่จนท.ไม่สนใจ เลยไม่ได้โชว์]
    จนท. – [หยิบใบจดทะเบียนการค้าธุรกิจของที่บ้านออกมาจากแฟ้มใส และโชว์ให้เราดู] อันนี้ที่เดียวกันรึเปล่าครับ
    เรา – ใช่ค่ะ เป็นธุรกิจของที่บ้านค่ะ ชื่อคุณพ่ออยู่เบอร์ 1 เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ค่ะ [พร้อมค้นเอกสารใบรายนามผู้ถือหุ้นบริษัทออกมา แต่จนท.ไม่สนใจ เลยไม่ได้โชว์]
    จนท. – เป็นธุรกิจอะไรครับ
    เรา – เป็นธุรกิจออกแบบ ขาย และติดตั้งอุปกรณ์ XXX และ XXX ค่ะ
    จนท. – คุณจะไปนานเท่าไหร่ครับ
    เรา – 9 วันค่ะ ช่วงสงกรานต์
    จนท. – วางนิ้วโป้งขวาบนเครื่องด้วยครับ
    เรา – [ปฏิบัติตามแต่โดยดี]
    จนท. – [ยื่นใบสีฟ้าให้เรา] ผมให้วีซ่าคุณครับ ยินดีด้วยครับ [พร้อมยิ้มแบบใจดีมากๆ]
    เรา – ขอบคุณมากค่ะ [พร้อมยิ้มแบบดีใจโคตรๆ]
    จนท. – สวัสดีครับ [พร้อมยิ้ม]
    เรา – สวัสดีค่ะ [พร้อมยิ้ม และรวบเอกสารที่จนท.ไม่ดูเลยแม้แต่อย่างเดียวออกมาซื้อซองไปรษณีย์ข้างนอก]

    แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันที่สัมภาษณ์สั้นมาก และไม่ขอดูเอกสารอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว… แต่เราเตรียมเอกสารไปเยอะทีเดียว ทั้งรูปคู่ของแฟนและเรา (เมื่อครั้งไปเที่ยวที่ต่างๆ) / ประกันชีวิตของเรา / สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของคุณพ่อ-คุณแม่ และสำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือนของท่านทั้งสอง / ใบปริญญาบัตรฉบับจริงของเรา (ทุก Degree ที่จบมา) / สมุดบัญชีธนาคารของเราทุกเล่ม / ใบรับรองการทำงานปัจจุบันและที่เก่าของเรา / ใบจดทะเบียนการค้าธุรกิจของที่บ้าน / สำเนาหนังสือเดินทางและใบรับรองการทำงานของแฟน / ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต / ใบแจ้งหนี้ค่าโทรศัพท์

    2 คิวก่อนหน้า เป็นน้องนักศึกษาผู้ชาย เรียนอยู่ปี 3… ตอนสัมภาษณ์ก็เห็นจนท.ยิ้มแย้มดี แต่ดันถูกปฏิเสธวีซ่า! เล่นเอาคิวด้านหลังทั้งหลายใจหวิวไปตามๆกัน… ฟังไปฟังมา จับใจความได้ว่า เนื่องจากไม่สามารถแสดงเอกสารผูกพันกับประเทศไทยได้เพียงพอ

    ตอนเข้าแถวอยู่ริมถนนด้านนอกสถานทูต มีน้องนักศึกษาผู้หญิง เรียนอยู่ปี 3 มายื่นขอวีซ่ารอบที่สอง… ตัวน้องเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งแรกขอวีซ่าไม่ผ่าน เพราะเตรียมเอกสารมาพร้อม ทั้งใบแสดงสถานะการเป็นนักศึกษา / เอกสารการเป็น Sponsor ของคุณพ่อ / จดหมายเชิญของเพื่อนที่เรียนอยู่ที่อเมริกา / และเอกสารอื่นๆ… เราเองก็ลุ้นแทนน้องเขาไปด้วย แต่พอเข้าไปรอคิวสัมภาษณ์ด้านในจริงๆแล้ว ดูเหมือนน้องเขาจะถูกเรียกออกไปนอกห้องรอคิวสัมภาษณ์อีกรอบ เราเลยไม่ได้เจอน้องเขาอีกเลย ก็ได้แต่หวังว่าน้องเขาจะขอวีซ่าสำเร็จ

    ขอให้ทุกท่านโชคดีนะคะ ^_^

    • govisa  On February 9, 2012 at 9:09 pm

      น้อง piggy คะ ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีด้วยค่ะที่ได้รับวีซ่าแล้ว ขอให้ไปเที่ยว Silicon Valley และ San Francisco กับแฟนให้สนุกค่ะ ขอชมว่า น้องเตรียมเอกสารไปพร้อมดีมากค่ะ ถึงแม้กงสุลท่านจะไม่ขอดูหลักฐานอะไรมากนัก พี่หวังว่า น้องยังคงจำคำถามตั้งแต่ครั้งแรกๆที่เขียนมาถามในเรื่องที่จะต้องมีจดหมายเชิญจากพี่สาวแฟนไหม และพี่ได้ตอบอธิบายไปว่า จดหมายเชิญไม่มีความจำเป็นต้องใช้เลยในกรณีของน้อง เพราะพี่ได้อ่านเนื้อความที่น้องบอกเล่าถึงหน้าที่การงานและฐานะครอบครัวน้องมา ประกอบกับที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ที่น้องนำมาแชร์ให้เพื่อนๆอ่านก็ตรงกันกับที่คาดการณ์แล้วว่า กรณีของน้องคงไม่มีปัญหาในเรื่องของการขอวีซ่าค่ะ ถ้าจะให้วิเคราะห์ว่า ทำไมน้องจึงผ่านวีซ่า ก็เพราะสถานภาพทางสังคมของตัวน้องเอง ไม่ว่าจะเป็นในด้านหน้าที่การงานมั่นคง มีงานทำ(ตรงจุดนี้สำคัญมากในสายตาชาวตะวันตก คือ เราต้องทำงานเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าไม่ได้เรียนหนังสือค่ะ) และเมื่อน้องหยิบใบทะเบียนการค้าของที่บ้าน บอกประเทธุรกิจ ระยะเวลาที่ไปพักผ่อนพอเหมาะพอควรไม่ได้นานจนเกินไปในฐานะคนทำงานแล้ว แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบที่ต้องรีบกลับมาทำงานต่อไป ทั้งหมดนี้ก็เพียงพอที่กงสุลท่านจะไว้วางใจน้อง และพิจารณาว่า น้องมีความผูกพันกับครอบครัว วัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่จะต้องกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยค่ะ

      ส่วนกรณีของน้องนักศึกษาท่านนั้น น้องเขาอาจจะเตรียมเอกสารไปไม่ครบ และไม่ทราบว่า ตนเองเตรียมอะไรไปไม่ครบก็เป็นได้ค่ะ เพราะเท่าที่ทราบมา กงสุลแต่ละเทอมท่านถูกฝึก case ต่างๆมาอย่างหนัก และต้องเรียนภาษาไทยก่อนจะมาเป็นกงสุลสอบสัมภาษณ์น้องๆค่ะ ถ้าท่านพิจารณาอะไรผิด ก็มีผลกระทบถึงตำแหน่งท่านด้วย ดังนั้นท่านจำเป็นต้องใช้วิจารณญานเต็มที่เพื่อพิจารณา case ของแต่ละคนอย่างยุติธรรมค่ะ อย่างไรก็ตาม พี่ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งนะคะ และขอขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนคนต่อๆไปค่ะ

      • ook  On February 9, 2012 at 9:25 pm

        สวัสดีค่ะคุณ GOVISA
        ขอรบกวนถามคุณ Govisa นิดนึงนะคะ คือ จะขอ visa ไปเรียนภาาษา 6 เดือนค่ะ ทางโรงเรียนส่ง i – 20 มาให้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีให้ไปตรวจสุขภาพเลยค่ะ ก็เลยสงสัยเพราะเพื่อน ที่เคยไปต้องไปตรวจสุขภาพค่ะ คือเรียนคนละโรงเรียนกับเพื่อนค่ะ

        ก็เลยอยากทราบว่าตอนที่ัสัมภาษณ์ visa ต้องมีเอกสารการตรวจสุขภาพหรือเปล่าคะ ?

        ขอบคุณมากค่ะ

  • wan-anong  On February 9, 2012 at 6:45 pm

    พี่ค่ะไปสัมภาษณ์มาแล้วนะค่ะ สรุปคือไม่ผ่านค่ะ เจ้าหน้ที่เค้าไม่ขอดูใบอะไรเลยคะ ดูแค่ใบประกอบอาชีพพ่อกับแม่ จดหมายเชิญ ใบรับรองการเป็นนักเรียน เท่านี้เองคะ
    แล้วก็ถามว่า เรียนอยู่โรงเรียนอะไร หนุก็ตอบชื่อโรงเรียนไป
    ไปอเมริกาทำไม ไปเยื่่อมป้าแล้วก็ไปเรียนเรียนภาษาคะ
    ไปนานเท่าไหร 2เดือนคะ
    ถามว่าเคยไปเกาหลีกับใคร ไปเที่ยวกับทางโรงเรียนแล้วก็เพื่อนคะ
    พ่อกับแม่ทำอาชีพอะไร ก็บอกไปว่าพ่อทแม่ทำอาชีพอะไร
    แล้วคนที่ไปอยุ่เป็นใครเป็นป้าแท้ๆหรือป่าว เป็นป้าแท้ๆพี่สาวพ่อคะ
    ผลการเรียนเป็นไงบ้าง ค่อนข้างดีคะ
    แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้สแกนนิ้วมือคอ
    แ่ค่นี้เองคะ แล้วเค้าก็บอกว่าเสียใจด้วยเราไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้ หนุก็เลยบอกว่าทำไมคะเพราะยังไงหนูก็ต้องกลับมาเรียนต่ออยุ่แล้วพ่อกับแม่ก็อยู่ที่นี้ แต่ทาเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า เพราะคนที่ขอไปแบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่กลับมา ทำไงดีคะพี่คือหนูอยากไปมากๆ พ่อกับแม่ก็จะลองให้ขอใหม่แล้วทางคุณป้าที่อเมริกาก็จะให้ลองยื่นอีกทีดูคะแล้วก็จะติดต่อกับ congressman ให้ด้วยคะ เราสามารถยื่นเรื่องขอได้อีกรอบเลยหรือป่าวคะหรือว่าต้องรอไปก่อน

    • govisa  On February 9, 2012 at 9:50 pm

      น้อง Wan-anong คะ อย่าเสียใจไปเลยค่ะ ถ้าน้องย้อนกลับไปอ่านที่พี่เขียนแนะนำน้องครั้งแรกๆ ประมาณ 17 มกราคม 2555 ตอนที่พี่ยังไม่ทราบว่าตกลงน้องจะขอวีซ่าประเภทไหน พี่ได้เตือนน้องแล้วว่า “ถ้าจะขอวีซ่านักท่องเที่ยวอยากให้ขอพร้อมคุณพ่อคุณแม่” เพราะน้องยังเด็กอายุยังน้อย 16 ปี โอกาสเปลี่ยนใจกลับไปกลับมามีสูง ที่ผู้ใหญ่เขาเรียกว่า วุฒิภาวะทางอารมณ์ยังไม่นิ่งและมั่นคงเท่าผู้ใหญ่ค่ะ น้องคงจำได้ว่า น้องตอบพี่กลับมาเมื่อ 18 มกราคม 2555 ว่า “น้องจะเดินทางคนเดียวและไปอยู่กับคุณป้า 2 เดือน ไม่ได้ไปเรียน” แต่ที่น้องเขียนเล่ามาวันนี้ว่า กงสุลท่านถามว่าน้องไปอเมริกาทำไม น้องตอบว่า “ไปเยี่ยมป้าแล้วก็ไปเรียนภาษา” มันขัดแย้งกัน จริงอยู่กงสุลไม่รู้ว่าน้องเคยตอบพี่ว่าอย่างไร แต่กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า วีซ่านักท่องเที่ยวไม่อนุญาตให้ไปเรียน ถ้าจะไปเรียนต้องเป็นไปเรียนหลักสูตรประเภทไม่เกิน18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เช่น 12 หรือ 16 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และน้องต้องมีหลักฐานการเรียนไปประกอบให้กงสุลท่านดูด้วย เพื่อจะได้ขอวีซ่านักท่องเที่ยวเพื่อไปเรียนและไปเที่ยวกับคุณป้าได้ค่ะ น้องไม่ได้อธิบายอาชีพคุณพ่อคุณแม่มาให้พี่ทราบ ซึ่งพี่ก็ได้อธิบายน้องตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถแสดงหลักฐานการเงินที่มั่นคงได้ ต้องให้คุณป้าแสดงหลักฐานทางการเงินโดยขอจดหมายรับรองจากธนาคารที่คุณป้ามีบัญชีเงินฝากในสหรัฐฯ หลักฐานการจ่ายภาษี และแบบฟอร์ม I-134 ด้วยค่ะ

      ผู้ถูกปฏิเสธวีซ่าทุกท่านมีสิทธิืยื่นขอวีซ่าใหม่ได้ทุกคนค่ะ จะกี่ครั้งก็ย่อมทำได้ แต่เพื่อไม่ให้ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการนัดวันสัมภาษณ์และค่าธรรมเนียมในการยื่นขอวีซ่าใหม่โดยไม่มีประโยชน์ ผู้ยื่นขอวีซ่าใหม่ควรเตรียมเอกสารประกอบเพิ่มขึ้นจากครั้งแรกที่คาดว่า น่าจะมีน้ำหนักทำให้กงสุลมั่นใจว่า จะให้วีซ่าค่ะ พี่ไม่แนะนำจดหมายจาก Congressman เพราะกงสุลคือข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับมอบหมายหน้าที่จากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาให้มาเป็นผู้พิจารณาการขอวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาของประชาชนแต่ละประเทศ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับอนุมัติวีซ่าจะไม่ไปทำอะไรผิดกฎระเบียบของประเทศสหรัฐฯ เมื่อน้องพลาดเพราะการตอบคำสัมภาษณ์ของน้องเอง การนำ congressman เข้ามาเหมือนกดดันคนทำงานในสถานทูต พี่คิดว่า congressman เองก็คงไม่ทำ เขาคงจะต้องขอเวลาคุณป้าน้องหาข้อมูลศึกษาดูก่อนว่า เพราะเหตุใดสถานทูตสหรัฐฯในประเทศไทยจึงปฏิเสธวีซ่านักท่องเที่ยวให้น้อง congressman เองก็คงไม่อยากก้าวก่ายหน้าที่การทำงานของอีกหน่วยงานหนึ่งภาครัฐ ถ้าน้องสังเกตให้ดี ก่อนที่น้องหรือน้องคนอื่นๆที่ถูกปฏิเสธวีซ่าจะจบคำถามหรือบทสัมภาษณ์ กงสุลทุกท่านจะต้องพิมพ์ใบประเมินเหตุผลว่า ทำไมจึงปฏิเสธเป็นกรณีๆไป ถ้า congressman ได้รับหลักฐานตัวนี้ก็อาจจะไม่อยากเขียนอะไรให้ เพราะคงไม่อยากหน้าแตกที่ทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลค่ะ

      ในความคิดเห็นของพี่ คือ น้องรอให้เรียนจบ ม.6 สอบเอ็นทรานซืได้ และขอวีซ่าเพื่อไปเรียนภาษาอังกฤษตอนปิดภาคเรียนน่าจะเหมาะสมกว่าค่ะ แต่ถ้าน้องยืนยัน ผู้ปกครองและคุณป้ายืนยันตรงกันว่า ให้น้องไปยื่นขอวีซ่าใหม่ พี่ก็ขอแนะนำให้เตรียมเอกสารให้ครบมากกว่านี้ค่ะ

  • wan-anong  On February 9, 2012 at 6:48 pm

    เป็นไปได้มั้ยที่เค้าจะคิดว่าเราไปแล้วไม่กลับเพราะว่า บ้านของป้าที่อยู่อเมริกาก็เป็นบ้านของตัวเองไม่ต้องจ่ายอะไรเลยแล้วเรื่องการเงินก็พร้อม เค้าคงคิดว่าเราจะไปอยุ่ที่นู้นเลยเพราะว่ายังไงป้าก็สามารถอยู่ที่นั้นได้โดยที่ไม่ต้องกลับมารึป่าวคะ

    • govisa  On February 9, 2012 at 9:52 pm

      ถูกส่วนหนึ่งและอีกส่วนคือคำตอบของน้อง Wan-anong เวลาถูกสัมภาษณ์ ดังที่พี่เขียนอธิบายไปแล้วค่ะ

  • ook  On February 9, 2012 at 9:53 pm

    สวัสดีค่ะ คุณ GOVISA

    ขอรบกวนถามคุณ GOVisa ค่ะ จะไปเรียนต่อภาษา 6 เดือนค่ะ ทางโรงเรียนส่ง i – 20 มาให้แล้วค่ะ แต่ไม่มีใบที่ให้ไปตรวจสุขภาพ ก็เลยสงสัยค่ะเพราะเพื่อนที่เคยไป บอกว่าเค้ามีใบตรวจสุขภาพ ก็เลยกังวลว่าตอนที่ไปสัมภาษณ์ visa ทางสถานทูตจะขอดูใบตรวจสุขภาพหรือเปล่าคะ ? ปล. เพือนกับดิฉันเรียนคนละโรงเรียนกันค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ

  • Yee  On February 10, 2012 at 10:30 am

    รบกวนสอบถาหน่อยนะคะ พอดีกรอก DS-160 ทางเน็ตจองเป็นกรุ๊ป PiN เดียวกับคุณอาคะ ตอนกรอกรายละเอียดของคุณอาเป็นคนแรก แต่ตอนที่จะปริ้นท์รยละเอียดการตอบคำถามหรือข้อมูลต่างๆไม่สามารถปริ้นออกมาได้คะ แต้พอ SUMMIT เรียบร้อยก็ปริ้นท์ใบ Confirmation ที่มี BARCODE ออกมาได้เรียบร้อย 2แผ่นแล้วจึงทำการกรอกข้อมูลของเราเป็นคนต่อไป แต่สามารถปริ้นท์ตัว Application ได้ 5 แผ่นและใบConfirmation ที่มี barcode ออกมาได้ 2 แผ่น และจองคิวได้ Appointment Confirmation เรียบร้อย แต่จะกลับไปปริ้นท์ตัวที่กรอก application รายละเอียดของคุณอาไม่ได้คะ เวลาที่เราไปสัมภาษณ์ มันต้องมีตัวนี้ปริ้นท์ออกมาเวลายื่นเอกสารมั้ยคะ กลัวเดี๋ยวรายละเอียดของคุญอาจะไม่ครบ แต่กรอกตอนที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยหมดแล้วทางเน็ต แค่มีปัญหาสั่งปริ้นรายละเอียดส่วนนี้ไม่ได้แค่นั้นเองคะ

    • govisa  On February 10, 2012 at 1:07 pm

      น้อง Yee ใบสำคัญที่น้องต้องนำไปยื่นที่สถานทูตคือใบยืนยันหมายเลข Confirmation DS-160 ที่มี 2 ใบค่ะส่วน Application print ออกมาได้ไม่ครบไม่เป็นไรค่ะ

      พี่สงสัยอย่างเดียวว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตจะยอมให้น้องเข้าไปในสถานทูตโดยใช้พินนัดเดียวกับคุณอาไหมค่ะ เพราะปกติผู้ที่จะใช้พินนัดสัมภาษณ์เดียวกัน ต้องอยู่ในลักษณะความสัมพันธ์เป็นพี่ชายพี่สาวหรือน้องชายน้องสาว อีกแบบหนึ่งคือพ่อแม่ลูก และความสัมพันธ์ชุดสุดท้ายคือสามีภรรยา โดยบุคคลเหล่านั้นต้องมีชื่ิอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันค่ะ
      กรณีไม่ให้เข้าไปในสถานทูตพร้อมกัน เจ้าหน้าที่เขาอาจจะแจ้งให้น้องไปซื้อพืนนัดสัมภาษณ์ใหม่ที่ไปรษณีย์อีก 384 บาท ซื้อได้ที่ไปรษณีย์ฝั่งตรงข้ามแล้วจึงจะเข้าไปสัมภาษณ์ได้ค่ะ

  • Yee  On February 10, 2012 at 2:09 pm

    พี่คะของหยีกับคุณอาอยู่บ้านเดียวกันมาตั้งแต่หนูเกิด อย่างนี้สามารถใช้ pin เดียวกันได้มั้ยคะ

    • govisa  On February 10, 2012 at 5:38 pm

      น้อง Yee คะน้องอยู่บ้านเดียวกันแต่น้องไม่ได้เป็นลูกของคุณอาค่ะ น้องลองดูเรื่องความสัมพันธ์ในลักษณะที่พี่เขียนไปให้ดูด้วยนะคะ

  • po_ar  On February 10, 2012 at 7:03 pm

    สวัสดีค่ะ มีเรื่องรบกวนสอบถามอีกแล้วค่ะ คือ น้องจองวันสัมภาษณ์ไปแล้วเป็นวันที่ 17 ก.พ นี้ แต่มีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนวันสัมภาษณ์ค่ะ ไม่ทราบว่าจะทำได้ไหมค่ะ และมีขั้นตอนอย่างไรบ้างค่ะ แล้วพวกใบรับรองต่างๆ เช่น ใบรับรองจากที่ทำงานซึ่งขอไว้ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ จะต้องขอใหม่รึเปล่าค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On February 10, 2012 at 8:41 pm

      น้อง Po_ar คะ ดูในใบยืนยันการนัดวันสัมภาษณ์ว่า last date for editing คือวันที่เท่าไร ส่วนใหญ่จะประมาณ 3 วันก่อนถึงวันนัดสัมภาษณ์จริง ถ้าเลยมาแล้วจะเข้าไปแก้ไขไม่ได้ค่ะ แต่ถ้ายังไม่เลยให้เข้าไปที่ http://thailand.us-visaservices.com ใส่รหัส log in เข้าไปแล้วดูที่ reschedule น้องต้องทำการ delete วันนัดสัมภาษณ์เดิมก่อน แล้วจึงเลือกวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ค่ะ ส่วนใบรับรองที่ทำงานไม่ต้องไปขอใหม่ค่ะ ยกเว้นน้องจะเลื่อนไปขอวีซ่าไกลมากอีก 3-4 เดือนถัดไปค่ะ ที่สำคัญคือจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารมากกว่า วันที่ที่ออกจดหมายดังกล่าวไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเกินกว่า 3 เดือน เพราะไม่ update ค่ะ

      • po_ar  On February 12, 2012 at 10:15 pm

        สวัสดีค่ะ…จริงๆประเด็นนี้พี่โกวีซ่าเคยตอบคำถามน้องมาแล้วค่ะ แต่พอดีวันนี้คุยกับลูกพี่ลูกน้องที่จะไปอยู่ด้วยในช่วงแรกค่ะ (คนละนามสกุล แต่มีสปอนเซอร์คนเดียวกันคือคุณแม่ของน้อง) จึงได้อ้างชื่อและที่อยู่ของพี่คนนี้ในฟอร์ม DS-160 ซึ่งตอนแรกน้องก็ไม่อยากอ้างแต่ด้วยความที่มีสปอนเซอร์คนเดียวกันกลัวว่าจะตรวจสอบได้….ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องเกิดความกังวลว่าเค้าอยู่ที่นั้นมาสองปีแล้วแต่ยังเป็นนักเรียนภาษาเพราะยังสอบ TOEFL ไม่ได้ เลยกลัวว่าการที่น้องอ้างข้อมูลจะมีปัญหาตอนสัมภาษณ์รึเปล่าคะ ขอบคุณนะคะ

      • govisa  On February 13, 2012 at 5:12 am

        น้อง Po_ar คะ ที่น้องอ้างชื่อลูกพี่ลูกน้อง น้องกรอกตรงช่องมีคนรู้จักที่สหรัฐไหมใช่ไหมคะ ถ้ากงสุลถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจจะตอบไปว่า เลือกเมืองเดียวกันเพราะคุณแม่เป็นห่วงน้อง Po_ar เพราะเป็นลูกสาวยังไม่เคยไปอยู่เมืองนอนนานๆ เลยให้ไปอยู่เมืองเดียวกับเมืองที่ cousin เรียนอยู่ก่อน ส่วนลูกพี่ลูกน้องก็ไม่ต้องกังวลมากค่ะ เพราะกงสุลไม่ตรวจสอบหรอกคะว่า เขากำลังทำอะไรอยู่ ตราบใดที่เขายังลงทะเบียนเรียนหนังสืออยู่และไปเรียนหนังสือทุกวัน เพราะถ้าลูกพี่ลูกน้องไม่ไปเรียนหนังสือ เจ้าหน้าที่ของสถานศึกษาแห่งนั้นจะต้องรายงาน immigration และ homeland security department หลังจากนั้นลูกพี่ลูกน้องก็จะหมดสภาพความเป็นนักศึกษา แม้วีซ่านักเรียนจะยังมีอายุอยู่ก็ตามค่ะ

      • po_ar  On February 14, 2012 at 6:16 am

        ในกรณีนี้น้องจำเป็นต้องมีจดหมายเชิญจากพี่สาวรึป่าวคะ ขอบคุณค่ะ

      • govisa  On February 14, 2012 at 12:00 pm

        น้อง Po_ar คะ น้องขอวีซ่านักเรียนไปเรียนภาษานะคะ วัตถุประสงค์คือไปเรียน ไม่ต้องมีจดหมายเชิญจากพี่สาวค่ะ ผู้ที่ใช้จดหมายเชิญจากคนรู้จักทางอเมริกา เช่น กรณีผู้ขอวีซ่าไปดูงาน มีจดหมายเชิญไปดูงานหรือไปประชุม หรือผู้ขอวีซ่านักท่องเที่ยวที่มีฐานะการเงินไม่ค่อยมากนักอาจจะใช้วิธีการมีจดหมายเชิญจากญาติหรือคนรู้จักเพื่อแบ่งเบาภาระตัวเงินในบัญชีที่ต้องแสดงให้กงสุลดูค่ะ

      • po_ar  On February 14, 2012 at 1:57 pm

        ขอบคุณมากนะคะพี่ govisa…เห็นคนอื่นๆถามถึงเรื่องจม.เชิญ เลยไม่แน่ใจว่าของตัวเองต้องใช้ด้วยรึเปล่า….ได้คำตอบชัดเจนอย่างนี้ก็สบายใจค่ะ ตอนนี้รอสัมภาษณ์วันที่ 17 ก.พ นี้ค่ะ

      • po_ar  On February 14, 2012 at 3:36 pm

        อีกเรื่องเพิ่งนึกขึ้นมาได้ค่ะ….คือน้องเคยเปลี่ยนชื่อค่ะตั้งแต่ก่อนเรียนปริญญาตรี….ทำให้มีเอกสารการเรียนสมัยมัธยมปลาย กับ passport เล่มเก่าที่ยังคงใช้ชื่อเดิม อย่างนี้น้องจำเป็นต้องแปลใบเปลี่ยนชื่อไหมค่ะ ขอโทษนะคะที่ต้องรบกวนอีกแล้ว ขอบคุณมากค่ะ

      • govisa  On February 14, 2012 at 9:10 pm

        น้อง po_ar คะ ใบเปลี่ยนชื่อควรแปลอย่างยิ่งและรับรองด้วยนะคะ ลองอ่านที่พี่เขียนไว้ที่ https://govisa.wordpress.com/2011/12/11/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3/

      • po_ar  On February 14, 2012 at 9:26 pm

        ตั้งใจว่าจะไปดำเนินการพรุ่งนี้เช้าค่ะ สัมภาษณ์วันศุกร์นี้แล้วไม่ทราบจะทันไหม?
        พี่คะ…พอดีคุณแม่หนูเป็นลูกค้าธนาคารนครหลวงไทยซึ่งถูกควบรวมกับธนาคารธนชาติเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว ทำให้มีประวัติ book bank แค่ไม่กี่เดือน….อย่างนี้หนูควรจะทำยังไงดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

      • govisa  On February 14, 2012 at 11:02 pm

        น้อง Po_ar คะ ไปถึงกรมกงสุลก่อนหน้าประตูเปิด 8 โมงเช้า เพื่อจะได้คิวแปลเอกสารคนแรกๆ กะให้เจ้าหน้าที่แปลเสร็จก่อนเที่ยง เพื่อช่วงบ่ายจะได้ไปทำการรับรองเอกสาร จะได้เสร็จทันวันเดียวกันค่ะ หรือไม่เช่นนั้นก็แปลไปเองตามฟอร์มที่กรมกงสุลให้เป็นตัวอย่างไว้ แล้วนำขึ้นไปรับรองเลยค่ะ อย่าลืมเขียนมาบอกกันนะคะว่าวีซ่าผ่านไหมค่ะ โชคดีค่ะ
        น้อง Po-ar พี่ขอโทษเพิ่งเห็นว่ายังไม่ได้ตอบคำถามเรื่องธนาคารนครหลวงไทยกับธนชาติ ถ้าน้องมีบุ๊คเล่มเก่าของธนาคารนครหลวงไทยนำไปด้วย และให้ลองถามเจ้าหน้าที่ธนาคารนครหลวงไทยว่า จะมีจดหมายหรือใบรับรองที่พอจะอธิบายได้ไหมว่า เมื่อควบรวมกิจการแล้วต้องใช้สมุดบัญชีเงินฝากเล่มใหม่ของธนาคารธนชาติ ทำให้บัญชีดูเหมือนเพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่เดือน ทั้งๆที่ที่บ้านน้องอาจจะมีบัญชีกับธนาคารนครหลวงไทยมานานแล้วค่ะ ถ้าหากธนาคารนครหลวงไทยเขาไม้มีน้องก็ลองค้นข่าวรวบรวมกิจการของ 2 ธนาคารเป็นภาษาอังกฤษ print ออกมาเพื่อเอาไว้ใช้พอเป็นหลักฐานยืนยันกับท่านกงสุลถ้าน้องถูกถาม หรืออย่างน้อยพอมี idea ว่าจะใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษแบบใดอธิบายกงสุลค่ะ

      • po_ar  On February 16, 2012 at 2:13 pm

        สวัสดีค่ะพี่GOVISA
        มีเอกสารอะไรที่น้องต้องเตรียมสำเนาไปบ้างค่ะ แล้วเอกสารส่วนตัวของสปอนเซอร์ต้องเตรียมไปด้วยไหม ใช้แค่ pass port ของคุณแม่ได้รึป่าวคะ ขอบคุณค่ะ

      • govisa  On February 16, 2012 at 9:26 pm

        เอกสารที่น้อง Po_ar ควรมีคือ
        1. I-20
        2. ใบเสร็จว่า จ่ายค่าธรรมเนียม Sevis I-901 จำนวน 200 เหรียญ ถ้ายังไม่ได้ทำ และไม่รู้ว่าทำอย่างไร น้องต้องเข้าไปที่ http://www.fmjfee.com กรอกแบบฟอร์ม และชำระเงินผ่านบัตรเครดิต พร้อม print ใบเสร็จออกมาค่ะ
        3. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ไปจ่ายที่ไปรษณีย์จำนวนสี่พันบาทเศษ
        4. หนังสือเดินทาง
        5. ใบยืนยัน DS-160 Confirmation Number ที่ print ออกมาหลังจากกรอก DS-160 เสร็จเรียบร้อยแล้ว
        6. transcript
        7. ใบแปลเปลี่ยนชื่อนามสกุลที่เอาไปแปลพร้อมตัวจริง
        8. ถ้าน้องเคยทำงานมีจดหมายรับรองการทำงานไปด้วย
        9. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารพร้อมสมุดบัญชีเงินฝากตัวจริงของผู้ปกครอง
        10.หากผู้ที่เป็น sponsor เป็นเจ้าของธุรกิจ นำทะเบียนการค้าติดมือไปด้วย แต่ถ้าเป็นลูกจ้างมีจดหมายรับรองการทำงานของ sponsor ถ้าไม่ได้เป็นอะไรตามที่กล่าวมา และไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร น้อง Po_ar ต้องคุยกับคุณแม่คืนนี้ว่า จะให้บอกกงสุลว่า ท่านทำอาชีพอะไร และน้องต้องพอรู้บ้างว่า ท่านมีรายรับต่อปีประมาณเท่าไร หรือต่อเดือนประมาณเท่าไร อย่าตอบว่าไม่ทราบ เพราะน้องจะไม่ได้วีซ่า ถ้าน้องตอบว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้ปกครองน้องเลย หรือถ้าเขาถามว่าญาติเรียนอยู่ที่ไหน น้องก็ควรทราบชื่อสถานที่ที่ญาติเรียนด้วยนะคะ

        ขอให้โชคดีได้วีซ่า เขียนมาบอกกันบ้างนะคะ

      • po_ar  On February 17, 2012 at 8:29 pm

        คราวนี้ขอมารายงานตัวนะคะพี่ GOVISA…ผลสัมภาษณ์วีซ่าวันนี้คือท่านยื่นใบสีฟ้ามาให้ซื้้อซองที่ไปรษณีย์พร้อมกับ ส่ง Transcript คืนมาให้ และเก็บเอกสารต่อไปนี้ไปคือ 1)ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า,2) I-20, 3)ใบเสร็จSEVIS FEE 4)ใบผ่านงาน นี้แปลว่า”ผ่าน” ใช่ไหมค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำปรึกษาที่มีให้จนถึงวินาทีสุดท้าย(เมื่อเช้าก่อนไปสัมภาษณ์ยังเจอคำแนะนำที่พี่ส่งมาให้อยู่เลยค่ะ)….ขอแบ่งปันประสบการณ์นะคะ….
        ไม่ทราบว่าพี่GOVISAยังจำได้ไหมคะตอนที่น้องขอคำแนะนำเรื่องกด sign confirm เอกสาร DS-160 ไปแล้ว พอปริ๊นท์ข้อมูลออกมากลับพบว่าข้อมูลบ้างส่วนหายไป…ด้วยความวิตกกังวลเกินเหตุของน้องทั้งที่พี่GOVISAแนะนำแล้วว่าไม่เป็นไร น้องก็เลยกรอก DS-160ใหม่แล้วก็ปริ๊นท์ออกมาค่ะ คราวนี้ไปปริ๊นท์ที่ร้านปรากฎว่าตัวอักษรเล็กมากแต่ได้ข้อมูลครบค่ะ เลยทำให้ทราบว่าจริงๆแล้วข้อมูลคราวก่อนไม่ได้หายไปไหนแต่เพราะการตั้งเครื่องปริ๊นท์ให้ตัวอักษรมีขนาดใหญ่ทำให้ข้อมูลส่วนนั้นตกขอบกระดาษไป
        มาถึงการสัมภาษณ์ในเช้าวันนี้นะค่ะ จากการไปสัมภาษณ์ ในความรู้สึกส่วนตัวพบว่าจริงๆแล้วบรรยากาศของสถานฑูตไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใดค่ะ เจ้าหน้าที่ทุกๆท่านหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ ขั้นตอนทุกอย่างดำเนินไปได้รวดเร็วจนถึงการสัมภาษณ์ด่านสุดท้าย….วันนี้น้องได้สัมภาษณ์หน้าต่างช่อง 11 ค่ะ ท่านกงสุลเป็นผู้หญิง สวยมาก^^…แถวของน้องเคลื่อนตัวช้ามากค่ะยิ่งเมื่อเทียบกับช่อง 12 ซึ่งเป็นท่านกงสุลผู้ชายอารมณ์ดีๆ ให้ความรู้สึกเหมือนท่านเป็นวีเจมากๆ เพราะท่านยื่นสัมภาษณ์ไปหัวเราะไป ทักทายหยอกล้อผู้เข้าสัมภาษณ์ตลอดเวลาทำให้บรรยากาศในห้องสัมภาษณ์ลดความตึงเครียดไปได้มากเลยค่ะ(แถวที่ 12 สัมภาษณ์ผ่านไป10คน ในขณะที่แถวที่11สัมภาษณ์ผ่านไปแค่ 3คน)…เมื่อมาถึงคราวของน้อง ลืมบอกไปว่าคนก่อนหน้าในแถวเดียวกันไม่ผ่านเยอะมากค่ะ แต่น้องก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆตอบ และเมื่อถึงคิวของน้อง ก็เข้าไปทักทายท่าน “สวัสดีค่ะ” ของน้องท่านสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษค่ะ (สังเกตจากคนที่มาสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนหลายคนในวันนี้สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยค่ะและไม่มีเจ้าหน้าที่ถามก่อนเข้าสัมภาษณ์ว่าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาอะไรค่ะ)…บทสัมภาษณ์ขอบรรยายเป็นภาษาไทยนะคะ
        น้อง;สวัสดีค่ะ
        ท่านกงสุล;สวัสดีค่ะ ไปทำอะไรที่อเมริกาคะ
        น้อง;ไปเรียนภาษา และต่อปริญญาโทด้านกฏหมายค่ะ
        ท่านกงสุล;เรียนจบตั้งแต่ปีไหนคะ
        น้อง;ปี2006
        ท่านกงสุล;เรียนกี่ปีคะ
        น้อง;เรียนปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์ มหาลัยรามคำแหง 4 ปี และสอบผ่านเป็นเนติบัณฑิตค่ะ
        ท่านกงสุล;ตอนนี้ทำอะไรอยู่คะ
        น้อง;เป็นทนายความที่สำนักงานกฏหมายค่ะ
        ท่านกงสุล;ทำมากี่ปีแล้วคะ
        น้อง;ปีครึ่งค่ะ
        ท่านกงสุล;ทำอะไรบ้างค่ะ
        น้อง;XXXXXXXXXXXXXX
        ท่านกงสุล;เงินเดือนเท่าไหร่คะ
        น้อง;XXXXXXXXXXXXXX
        ท่านกงสุล;ทำไมต้องเป็นบอสตันคะ
        น้อง;เพราะมีมหาลัยทีมีชื่อเสียงทางกฎหมายอยู่ที่นั่นหลายแห่งค่ะ
        ท่านกงสุล;ยิ้ม…ใครออกค่าใช่จ่ายให้คะ
        น้อง;คุณแม่ค่ะ
        ท่านกงสุล;คุณแม่ทำงานอะไรค่ะ
        น้อง;คุณแม่มีบ้านและที่ดินให้เช่าค่ะ
        ท่านกงสุล;คุณแม่มีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ค่ะ
        น้อง;XXXX บาท
        ท่านกงสุล;คุณแม่ทำงานอะไรคะ
        น้อง;คุณแม่มีบ้านและที่ดินให้เช่าค่ะ
        ท่านกงสุล;หมายความว่าไม่ได้ทำงาน
        น้อง;คือก่อนหน้านี้คุณแม่เคยมีธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ
        ท่านกงสุล;ขอดูหลักฐานการเงินของคุณแม่ค่ะ
        น้อง;สมุดบัญชีด้วยไหมค่ะ
        ท่านกงสุล;ดีค่ะ…ขอบคุณมากค่ะ แล้วของคุณ?
        น้อง;ก็ยื่นไปให้
        ท่านกงสุล;รู้จักใครที่โน้นไหมคะ
        น้อง;มีญาติอยู่ที่โน้นค่ะ
        ท่านกงสุล;มัความสัมพันธ์กันยังไง
        น้อง;คุณแม่ของเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ
        ท่านกงสุล;เคยเจอกันไหมคะ
        น้อง;ล่าสุดเจอกันเมื่อก่อนพี่จะเดินทางไปอเมริกาค่ะ เพราะก่อนหน้านี้พี่เค้าอยู่ญี่ปุ่นตลอดเลย
        ท่านกงสุล;เค้าชื่ออะไรคะ
        น้อง;บอกชื่อ และสะกดชื่อให้เป็นภาษาอังกฤษ
        ท่านกงสุล;อืม….(หาข้อมูลในคอมพิวเตอร์อยู่นานมาก)…ขอเป็นชื่อภาษาไทยได้ไหมคะ (ตรงนี้รู้สึกเลยค่ะว่าท่านน่ารักมาก พยายามหาให้จริงๆ)
        น้อง;บอกไป
        ท่านกงสุล;นามสกุลนี้ใช่ไหมค่ะ ไปนานเท่าไหร่แล้ว
        น้อง;2 ปีค่ะ
        ท่านกงสุล;เค้าทำอะไรอยู่
        น้อง;เรียนภาษาค่ะ
        ท่านกงสุล;ทำไมเรียนภาษานานจัง
        น้อง;คือ…เท่าที่ทราบเค้าจะสมัครมหาวิทยาลัยปีนี้ค่ะ
        ท่านกงสุล;เค้าตั้งใจจะเรียนอะไรค่ะ
        น้อง;MBA ค่ะ
        ท่านกงสุล;เค้าอยู่ที่ไหน
        น้อง;XXXXXXXXXXXXXXXX
        ท่านกงสุล;แล้วคุณจะไปพักที่ไหนคะ
        น้อง;คือ…ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปอเมริกาครั้งแรกค่ะ คุณแม่เป็นห่วงมากท่านอยากให้ไปอยู่กับพี่ในช่วงแรกสัก 2-3 สัปดาห์ และระหว่างนั้นพี่จะช่วยหาที่อยู่ให้ค่ะ
        ท่านกงสุล;โอเคค่ะ
        แล้วก็ยื่นใบสีฟ้ามาให้พร้อมกับประโยคยาวๆอะไรก็ไม่รู้ เพราะพอเห็นใบสีฟ้าหูมันก็อื้อไปหมดเลยค่ะ รู้ตัวแค่ว่าตอนนั้นยิ้มกว้างมากและพูดแต่คำว่า “ขอบคุณค่ะๆๆๆ”
        จากวันนี้ทำให้รู้ว่าถ้าเราพูดความจริง ไม่ว่าเค้าถามยังไงเราก็จะตอบได้ค่ะ…และท่านกงสุลก็พร้อมที่จะรับฟัง ขอแค่เราให้เหตุผลท่าน ค่อยๆคิด ค่อยๆตอบ อย่างมีเหตมีผล อย่ากังวลไปก่อนว่าถ้าได้สัมภาษณ์กับคนนั้นคนนี้แล้วจะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะเท่าที่สังเกตวันนี้ เห็นว่าทุกท่านต่างก็มีมาตรฐานในการสัมภาษณ์ค่ะ ขอยืนยันว่าไม่มีการสัมภาษณ์ตามอารมณ์หรือพูดจาไม่ดีแต่อย่างใด ทุกท่านพูดจาให้เกียรติดีมาก
        ขอบคุณพี่ GOVISA มากนะคะที่ให้คำปรึกษาตลอดมาจนถึงวันนี้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนค่ะ

      • govisa  On February 17, 2012 at 9:21 pm

        ดีใจด้วยอย่างยิ่งค่ะ น้อง Po_ar ขอให้ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ และสอบTOEFLให้ได้ผลตามที่มหาวิทยาลัยต้องการเร็วๆ เพื่อจะได้ทันเข้าเรียนเดือนสิงหาคมปี 2013 อย่าใช้เวลาเรียนภาษานานเกิน 1 ปี สงสารคนทางบ้านค่ะ ยิ่งปริญญาโทกฎหมายน้องต้องเรียน 2 ใบ เพื่อมาสอบสนามจิ๋วยิ่งต้องใช้เงินมากค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะที่ช่วยแชร์ประสบการณ์มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ ขอให้เดินทางปลอดภัยค่ะ

  • po_ar  On February 10, 2012 at 8:51 pm

    ขอบคุณมากค่ะ ทำตามที่พี่บอกแล้วปริ๊นท์ใบคอนเฟิร์มใหม่ได้เลยนะค่ะ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ถ้าไม่มีคุณ GOVISA ต้องแย่แน่ๆเลย

    • govisa  On February 10, 2012 at 10:47 pm

      มีปัญหาอะไรเพิ่ม เขียนมาถามได้อีกนะคะน้อง Po_ar ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

  • wan-anong  On February 12, 2012 at 9:11 pm

    พี่คะคือว่าพ่อกับแม่หนุกะว่าจะให้ไปลองขออีกรอบนึงคะ แล้วหนูอยากจะถามพี่ว่าอะไรคือเอกสารที่หนูสามารถนำไปใช้เพื่อที่จะยืนยันได้ว่าหนูจะต้องกลับมาที่เมืองไทยแน่นอนหรอคะ

    • govisa  On February 13, 2012 at 5:29 am

      น้อง Wan-anong คะ เป็นการยากพอสมควรที่จะกลับเข้าไปขอวีซ่าครั้งที่ 2 สำหรับผู้ที่เพิ่งถูกปฏิเสธวีซ่ามาไม่กี่วันค่ะ เพราะเอกสารที่น้องจะใช้ยื่นขอวีซ่าก็คงเป็นเอกสารชุดเดิม คือ
      1.transcript
      2.หนังสือรับรองจากทางโรงเรียนว่ายังเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้อยู่
      3.หนังสือเดินทาง
      4.จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณพ่อหรือคุณแม่ หรือของทั้ง 2 ท่านพร้อมบัญชีตัวจริง เพื่อแสดงว่า ฐานะทางบ้านที่เมืองไทยอยู่ในระดับที่ดีพอที่จะไม่คิดอยากไปอยู่ที่ในอเมริกาค่ะ
      5.หลักฐานที่แสดงถึงหน้าที่การงานของ sponsor เช่นหากท่านทำธุรกิจมีใบทะเบียนการค้า หากท่านเป็นลูกจ้างมีใบรับรองตำแหน่งงานและเงินเดือน เป็นต้น
      6.จดหมายเชิญจากคุณป้าระบุวันเวลาไปพีกที่แน่นอนชัดเจน และก็ไม่ควรไปอยู่นานหลายเดือน เพราะไปเที่ยวเท่านั้นเองค่ะ
      7.จดหมายที่เขียนโดยคุณพ่อหรือคุณแม่ยืนยันว่า ขอรับรองว่า ลูกสาวกำลังเรียนอยู่ชั้นอะไรที่ไหน และท่านทำอาชีพอะไรมึรายรับต่อปีเท่าไร ท่านอยากส่งลูกสาวไปเที่ยวกับพี่สาวของท่าน เพราะท่่่านติดงานลาไปเที่ยวด้วยไม่ได้ค่ะ
      อย่างไรก็ตาม การได้รับหรือไม่ได้รับวีซ่า คงขึ้นอยู่ที่ความไว้วางใจของกงสุล เพราะการไปยื่นใหม่รอบ 2 แม้จะไม่ได้ถูกสัมภาษณ์โดยกงสุลท่านเดิม แต่สิ่งที่ท่านเขียน comment ไว้ว่าระหว่างสัมภาษณ์ครั้งแรก น้องตอบคำถามอะไรไปและทำให้ท่านไม่เชื่อใจอย่างไรจะปรากฏอยู่ใน record ของน้อง เพื่อให้กงสุลอีกท่านพิจารณา ดังนั้นค่อนข้างจะเป็นการวัดดวงจริงๆว่าจะได้หรือไม่ได้วีซ่า สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวพี่ คือ ควรทิ้งระยะไปก่อน รอเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ให้ได้ก่อน แล้วค่อยขอวีซ่าไปเที่ยวใหม่ตอนปิดเทอม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกคนที่บ้านน้องเองค่ะ

  • larmarth  On February 14, 2012 at 8:26 pm

    สวัสดีค่ะ คุณ govisa อยากขอคำปรึกษาเรื่องวีซ่าเมกา คือ เราได้รับเชิญจากเพื่อนที่อยู่เมกา ให้ไปเที่ยวที่บ้านของเค้า โดยเค้าจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ( เพื่อนในที่นี้ คือ ผู้ชายที่กำลังคบหาดูใจ กันได้มาสักระยะนึงแล้ว ยังไม่แพลนจะแต่งงาน) จะไปประมาณ 2 สัปดาห์ ค่ะ

    ตอนนี้เรากำลังมืดแปดด้าน ว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรยังไง สิ่งที่เรากังวลคือ

    1. เราไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศ ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาในการขอวีซ่าหรือเปล่า
    2 เราต้องให้เพื่อนเราเขียน จดหมายเชิญ หรือ เอกสาร หน้าที่การงานของตัวเค้า ด้วยหรือเปล่า เพื่อให้ทางกงสุลดูตอนสัมภาษณ์

    3. วีซ่าที่เราขอเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ??
    4. จำเป็นต้องจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เพื่อไปโชว์ตอนสัมภาษณ์หรือไม่ค่ะ
    5. เรามีบ้านที่ กทม เราเป็นเจ้าของเอง เราจำเป็นต้องเอาหลักฐานการเป็นเจ้าของบ้าน ยื่นด้วยไหมค่ะ
    6.มีเงินในบัญชี ประมาณ แสนห้าหมื่นบาท น้อยไปไหมค่ะ จำเป็นต้องให้พ่อแม่เป็นสปอนเซอร์หรือเปล่าค่ะ

    ตอนนี้คิดคำถามได้แค่นี้ ถ้าสงสัยอาจจะรบกวนคุณ govisa อีกครั้งนะค่ะ

    นุช ค่ะ

    • govisa  On February 14, 2012 at 9:07 pm

      น้อง Larmarth คะ ขอตอบคำถามน้องดังนี้นะคะ

      1. ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศก็ไม่เป็นไรค่ะ อันที่จริงเดือนหน้ามีวันที่ 7 มีนาคมเป็นวันหยุดมาฆบูชา 1 วัน น้องจะลองไปเที่ยวประเทศใกล้ๆที่ไม่ต้องขอวีซ่า เช่น ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ดูก็ได้นะคะ เพราะน้องบางท่านจะไม่สบายใจที่หนังสือเดินทางไม่มี record ว่าเคยไปไหนในต่างประเทศ เกรงว่ากงสุลจะไม่เชื่อใจว่า เดินทางเองคนเดียวได้บ้าง หรือไปเมืองนอกแล้วไม่คิดอยากกลับเมืองไทยบ้าง ทั้งนี้แล้วแต่ประสบการณ์ที่น้องแต่ละคนจะได้รับการบอกเล่ามานะคะ

      2. คำถามข้อนี้สัมพันธ์กับข้อ 6 คือ บัญชีในธนาคารที่น้องบอกว่ามีอยู่ประมาณแสนห้าหมื่นดูไม่มากพอ ถ้าน้องจะไปเที่ยวรัฐที่ค่าครองชีพสูงประมาณ New York, Massachusetts ค่ะ ถ้าน้องมีคุณพ่อคุณแม่ช่วยเป็น sponsor ให้ก็จะดีมาก และเป็นอันว่าคำถามข้อ 2 ที่น้องถามมาตัดทิ้งไปได้เลยค่ะ คือ ไม่จำเป็นต้องมีจดหมายเชิญ น้องมีจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณพ่อคุณแม่ประมาณหนึ่งล้าน พร้อมนำบุ๊คบัญชีตัวจริงไปด้วย และหลักฐานแสดงว่าคุณพ่อหรือคุณแม่ทำงานอะไร เช่น มีใบทะเบียนการค้าถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจนะคะ น้องอาจจะมีเพิ่ม เช่น นำรายการทัวร์ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งไปแสดงก็ได้ว่า เมื่อได้รับวีซ่านักท่องเที่ยวแล้ว น้องจะไปเที่ยวกับทัวร์บริษัทนี้ค่ะ

      บางทีน้องอาจจะรู้สึกขัดใจ อยากใช้เอกสารจากเพื่อนที่กำลังดูใจกันอยู่ พี่ขอแนะนำว่าเก็บไว้ก่อนดีกว่าค่ะ ถ้ายังไม่มั่นใจว่าจะแต่งงาน เพราะถ้ากงสุลเข้าใจน้องก็ดีไปนะคะ แต่ถ้าท่านเข้าใจเป็นลักษณะอื่น อาจจะอยากให้น้องขอเป็นวีซ่าคู่หมั้นหรือวีซ่า K-1 ซึ่งจะใช้เวลาในการยื่นเรื่องนาน2-3 เดือนค่ะ โดยฝ่ายผู้ชายต้องทำเรื่องยื่นจากหน่วยงานภาครัฐในอเมริกา(USCIS) น้องอาจจะโต้แย้งพี่ว่า เขาเป็นแค่เพื่อน พี่ไม่อาจคาดเดาได้ว่า น้องอาจจะได้รับคำถามจากท่านกงสุลว่า เป็นแฟนกันใช่ไหม เหมือนน้องท่านหนึ่งที่เพิ่งไปขอเมื่อเร็วๆนี้และแชร์ประสบการณ์มาให้อ่านกันนะคะ

      3. น้องขอวีซ่านักท่องเที่ยว B-2 ค่ะ เพราะยังไม่คิดปลงใจจะเป็นคู่หมั้นและไปแต่งงานในเร็วๆนี้ใช่ไหมคะ

      4. ไม่ต้องจองตั๋วเครื่องบินก่อนก็ได้ เพราะบางคนมีรายละเอียดเที่ยวบินก็ยังอุตส่าห์ไปเปลี่ยนในตอนจะเดินทางก็มี จึงดูไม่ใช่หลักฐานที่ทางสถานทูตต้องการขอดูเท่าไรนักค่ะ

      5. หลักฐานว่าเป็๋นเจ้าของบ้านนำไปให้กงสุลดูด้วยได้ เพื่อให้เห็นว่า มีความผูกพันที่จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย แต่ใช้ที่ดินแทนหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่ได้ เอกสารที่จะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน กงสุลมักจะขอดูเป็นเงินในลักษณะบัญชีเงินฝากออมทรัพยื หรือประจำ หรือ พวกกองทุนรวมก็ได้นะคะ

      หมายเหตุ พี่คิดว่า น้องคงเป็นน้องคนเดียวกับน้องปริยนุชนะคะ เพราะฉะนั้นพี่ขอตอบทางบล็อกนี้นะคะ เพื่อช่วยเหลือเป็นข้อมูลให้น้องๆท่านอื่นที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณที่กรุณาให้แชร์ข้อมูลค่ะ

  • larmarth  On February 14, 2012 at 9:48 pm

    ขอบคุณค่ะ พี่มาตอบเร็วมากค่ะ ขอตอบกลับนะค่ะ

    1 คิดเหมือนกันค่ะ ว่าจะไปทัวร์ใกล้ ก่อนเพื่อนซักซ้อมการเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าเกิดได้มีโอกาศไปเมกา จะได้มั่นใจในการขึ้นเครื่อง หรือเปลี่ยนเครื่อง

    2 จะไป อิลินอยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ เป็นข้าราชการบำนาญทั้งคู่ค่ะ
    แล้ว จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณพ่อคุณแม่ประมาณหนึ่งล้าน พร้อมนำบุ๊คบัญชีตัวจริงไปด้วย ต้องทำการแปล เป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่าค่ะ ?? คือเราไปแจ้งกับทางธนาคาร ได้ใช่ไหมค่ะเรื่องขอเอกสาร พวกนี้

    คิดเหมือนพี่ค่ะ ว่าถ้าเอาจดหมายของเพื่อนมาให้กงสุลดู เค้าต้องคิดว่าเราต้องไปแล้วไปลับแน่ๆๆ ถึงแม้ว่าความเป็นจริงเราไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เพราะหน้าที่การงานที่มั่นคง ของเราที่เมื่องไทย จะทิ้งไปดื้อ ก็เสียดายเงินก้อนใหญ่ที่บริษัท ต้องจ่ายก็กระไรอยู่ อีกอย่างนึง คือ เพื่อนจะมาทำงานที่สิงคโปร์ แต่เค้าอยากให้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมกาสักครั้งก่อนที่เค้าจะย้าย

    3 ยังไม่แต่งค่ะ แม้อายุจะ เลขสาม แล้ว ฮี่ๆๆ

    4 เมื่อไม่ต้องจองตั๋วเครื่องบิน แล้วที่พักละค่ะ ต้องทำยังไงบ้างค่ะ ต้องโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูหรือเปล่าค่ะ

    5 หลักฐานการเป็นเจ้าของบ้าน ก็มีแค่ ทะเบียนบ้าน กับโฉนดที่ดิน ที่เป็นชื่อของเรา ต้องใช้สำเนา หรือเอาตัวจริงไปโชว์ค่ะ ( ปล บ้านผ่อนธนาคารหมดแล้วค่ะ )

    6 การทำงานกับบริษัทต่างชาติ มีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือ ในการขอวีซ่าไหมค่ะ ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปในเวปของสถานฑูต เพื่อรับจดหมายประชาสัมพันธ์ เมื่อมีการนำเข้าสินค้าจากเมกา

    ปล เป็นคนเดียวกันค่ะ ขอบคุณนะค่ะ ถึงตอนนี้ยังไม่รู้จะเริ่มอะไรก่อน เพราะัยังไม่ได้พาสปอร์ตค่ะ

    • govisa  On February 14, 2012 at 11:18 pm

      น้อง Larmarth คะ

      1. จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครอง ธนาคารมีแบบฟอร์มเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วค่ะ
      2. เรื่องตั๋วเครื่องบินไม่มีไม่เป็นไร ถ้าคิดจะใช้ใบรายการทัวร์ของบริษัทนำเที่ยวสักแห่ง เขาจะมีบอกว่า ให้ลูกทัวร์ไปพักโรงแรมไหน เราก็ใสชื่อโรงแรมพร้อมที่อยู่ของโรงแรมแห่งนั้น อาจจะค้นหาที่อยู่โรงแรมในเมืองนั้นจาก google ได้ค่ะ
      3. หลักฐานบ้านและโฉนดที่ดินถ้าจะนำไปด้วยต้องนำตัวจริงไปค่ะ แต่อย่าคาดหวังอะไรมาก เพราะกงสุลอาจไม่ขอดูเลยก็เป็นได้ค่ะ
      4. ไม่อยากให้คิดว่าบริษัทต่างชาติดีกว่าบริษัทของคนไทยค่ะ เพราะกงสุลดูที่ว่า เรามีงานทำเป็นเรื่องเป็นราวแน่นอน ไม่ใช่คนว่างงานค่ะ
      5. เรื่องวิธีการเดินทางเข้าอเมริกา พี่เขียนบล็อกไว้ใต้หัวข้อ Pre-departure ค่ะ

      อย่ากังวลเรื่องอายุมากค่ะ ทำงานบริษัทต่างชาติน่าจะทำให้น้องมีบุคลิกภาพที่ดูมีความเชื่อมั่นตนเองในระดับหนึ่ง คิดว่า น้องกำลัง present ตัวเองให้ลูกค้าเข้าใจ พูดง่ายๆว่า ถ้าเปรียบเทียบตัวเราเป็นสินค้า เราจะอธิบายให้ฝรั่งเข้าใจวัตถุประสงค์ที่จะเดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริกาอย่างไร และใครจะเป็นคน support น้อง น้องจะไปนานกี่สัปดาห์ อย่าคิดไปอยู่นานเป็นเดือน ต้องระวังให้มีตรรกะเรื่องน้องต้องกลับมาทำงานที่เดิมโดยหน้าที่และความรับผิดชอบค่ะ

      ขอให้โชคดีนะคะ เขียนมาแชร์ประสบการณ์วันสัมภาษณ์บ้างนะคะ

  • kikky  On February 15, 2012 at 9:35 pm

    พี่ค้ะกิ๊กขอสอบถามว่า กิ๊กเคยกรอก ds160 แล้วปริ้นหน้าds160 ในหน้าที่ปริ้น มีรูปเราแล้วก็บาร์โค้ดค่ะ กิ๊กกรอกแบบฟอร์มนานแล้วน่าจะเกินสี่เดือนได้(เมื่อปีที่แล้วอ่ะค่ะ) จากนั้นกิ๊กก็ไปซื้อพิน เค้าถามบาร์โค้ด ถามเลขที่pass post แล้วกิ๊กก็ถามว่ามีวันนัดสัมภาษณ์ตรงกับวัน เดือน ที่กิ๊กต้องการไหม แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเต็ม กิ๊กบอกว่างั้นไม่เป็นไร เพราะว่าไม่ตรงกับที่กิ๊กว่างแผนไว้ ทีนี่กิ๊กต้องการกรอกแบบฟอร์มใหม่จะมีปัญหาอะไรไหมค่ะ

    • govisa  On February 16, 2012 at 5:16 am

      น้อง Kikky คะ กรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ได้ค่ะ ยิ่งถ้าน้องน้องยังไม่ได้ confirm วันนัดสัมภาษณ์ยิ่งดีค่ะ อย่างไรก็ตาม พินนัดสัมภาษณ์มีอายุแค่ 3 เดือน น้องคงต้องซื้อพินนัดสัมภาษณ์ใหม่แล้วค่ะ

  • ปุ้ย  On February 16, 2012 at 10:11 am

    สวัสดีคะ คุณ GO VISA พอดีเข้าไปดูตัวอย่างการกรอกแบบฟอร์ม DS160 http://thai.bangkok.usembassy.gov/root/pdfs/ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf

    จากนั้นจึงเข้าไปกรอก DS160 แล้วพบว่า ตัวอย่าง ไม่เหมือนกับแบบฟอร์มปัจจุบันที่ดิฉันเข้าไปกรอก คือแบบฟอร์มที่ดิฉันเข้าไปกรอกไม่ต้องใส่วุฒิการศึกษา และประเทศที่เคยไปมาในระยะเวลา 5 ปี ดิฉันเห็นว่าไม่เหมือนกับในตัวอย่าง เกรงว่าดิฉันจะกรอกแบบฟอร์มไม่ถูกต้องคะ ช่วยกรุณาแนะนำด้วยคะ ขอบคุณคะ

    • govisa  On February 16, 2012 at 8:43 pm

      กรอกถูกแล้วค่ะ มีน้องหลายคนที่อยากจะได้กรอกหน้าที่มีคำถามที่น้องถามมา แต่พี่สันนิษฐานว่า น้องบางคนอาจจะตอบคำถามบางข้อเป็น No ไป จึงไม่ขึ้นคำถามข้อที่น้องถามมาค่้ะ ไม่ต้องกังวล กรอกถูกแล้วค่ะ การจะมีคำถามข้อนี้ให้กรอก หรือไม่มีให้กรอก ถือว่าเราทำตามขั้นทุกขั้นตอนของการตอบคำถามในฟอร์ม Ds-160 แล้ว ไม่มีอะไรผิด อย่ากังวลค่ะ

  • ปุ้ย  On February 16, 2012 at 2:36 pm

    พี่ GOVISA คะ น้องรบกวนถามหน่อยคะ น้องกรอก DS160 แล้วไม่เจอ column “HAVE YOU TRAVELED TO ANY COUNTRY WITHIN THE LAST 5 YEARS? น้องกรอกผิดตรงไหนหรือเปล่าคะ ตอนนี้ งงมากเลยคะ เพราะเพื่อนบอกว่ามี ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะคะ จาก น้องปุ้ย

    • govisa  On February 16, 2012 at 8:45 pm

      น้องปุ้ย ไม่เป็นไรนะคะ มีหลายคนที่กรอกฟอร์ม DS-160 แล้วไม่พบคำถามข้อที่น้องถามมา ก็สามารถผ่านวีซ่าได้ค่ะ

  • kikky  On February 16, 2012 at 3:54 pm

    ขอบคุณมากค่ะ คือกิ๊กขออณุญาติถามต่อนะค้ะ คือตอนนี้กิ๊กอายุ20 เข้า 21 ค่ะ เรียนอยู่บางมดค้ะ อยู่ปีสามค้ะ พอดีคุณอากิ๊กจะกลับมาเมืองไทยประมาณเมษานี้ กิ๊กต้องการขอวีซ่าไปอเมริกา แล้วเวลาเดินทางน่าจะได้เดินทางไปอเมริกาพร้อมกับคุณอาอ่ะค่ะ กิ๊กต้องขอแบบไหนค้ะ ขอเป็นวีซ่าเยี่ยมญาติ หรือวีซ่านักเรียนดีค้ะ แล้วในกรณีวีซ่านักเรียนคือเราต้องไปสมัคเรียนคอร์สระยะสั้นๆ ที่เมกาหรอค้ะ ตอนนี้กิ๊กกำลังจะเตรียมกรอก ds160ค่ะแต่ยังไม่แน่ใจ แล้วเอกสารที่คิดว่าจะต้องเตรียมมีดังนี้ค่ะ พี่ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมค้ะ

    ส่วนของคุณอาหนู>>>>>>

    -จดหมายรับรองความสัมพันธ์
    -pass post
    -เอกสารการเปิดร้าน Thai Body Work
    -สมุดบัญชีย้อนหลังหกเดือน
    -เอกสารการเสียภาษี
    -เอกสารที่อยู่อาศัย
    -หลักฐานการโอนเงินที่คุณอาโอนเงินมาให้ที่เมืองไทย
    -รูปที่เคยถ่ายร่วมกัน

    ส่วนของกิ๊กนะค้ะ>>>>>>>

    -สถานภาพนักศึกษา
    -ที่อยู่อาสัย
    -ทะเบียนบ้าน
    -บัตรนักศึกษา, บัตรประชาชน
    -ใบแจ้งตายมารดาค้ะ
    (ใช้ไหมค้ะพอดีคุณแม่เสียแล้ว ไม่ได้อยู่กับพ่อตั้งแต่เด็กพอเเม่เสีย อาเป็นคนส่งเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดค้ะ)
    -ใบเกรด
    -หลักฐานการกู้ยืมเงิน กยศ (กู้เงินเพื่อการศึกษาอ่ะค้ะ)

    แล้วการเขียนจดหมายของอาต้องเขียนแบบไหนบ้างค้ะ กิ๊กต้องการขอระยะเวลาประมาณ1 เดือนค้ะเพราะจะต้องมาเรียนต่ออ่ะค้ะ แล้วถ้าขอสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยเนี้ยโอกาสที่วีซ่าจะผ่านน้อยไหมค้ะ รึว่าต้องสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นค้ะ แล้วตอนนี้เมืองไทยมีปัญหาด้านการก่อการร้ายมันมีผลต่อการขอวีซ่าของกิ๊กไหมค้ะ โอกาสที่จะผ่านพี่คิดว่ามีมากน้อยเพียงใดค้ะ ขอขอบคุณมากนะค่ะ^^

    • govisa  On February 16, 2012 at 8:31 pm

      น้องกิีกคะ น้องกิีกต้องขอวีซ่านักท่องเที่ยว (B-2)ค่ะ ไม่มีวีซ่าไปเยี่ยมญาติค่ะ ถ้าจะขอวีซ่านักเรียน(F-1)น้องต้องติดต่อสถานที่เรียนภาษาก่อน เมื่อสถานที่เรียนภาษาตอบรับ จะส่ง I-20 มาให้เพื่อเตรียมขอวีซ่านักเรียนค่ะ ถ้ากำลังกรอกฟอร์ม DS-160 อยู่ขณะนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะขอวีซ่านักเรียน เพราะขั้นตอนในการติดต่อที่เรียนกินเวลาประมาณเกือบเดือนถึงเดือนครึ่ง ขึ้นอยู่กับวิธีการทำงานเร็วหรือช้าของแต่ละสถานที่เรียนค่ะ

      น้องกิี๊๊กมีญาติคนอื่นอยู่ที่เมืองไทยบ้างไหมคะ น้องแจ้งแต่เพียงว่า คุณแม่เสียชีวิต ไม่ได้อยู่กับคุณพ่อ แล้วน้องอยู่กับใครที่เมืองไทยคะ ที่พี่ถามไม่ได้ต้องการเข้าไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวนะคะ แต่การใช้ญาติอยู่ที่อเมริกาค้ำประกันเพียงคนเดียว ในกรณีของน้องอาจจะเกิดปัญหาในเรื่องของความผูกพันที่จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยมีน้อย น้องไม่ได้บอกว่าคุณแม่เสียตั้งแต่น้องอายุเท่าไร น้องอาจจะถูกกงสุลซักถามว่า จริงอยู่คุณอาส่งเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ แต่น้องอยู่กับใครที่ในเมืองไทยหลังจากคุณแม่เสีย ถ้าคนๆนั้นเป็นญาติของน้องคนหนึ่ง มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะนำเขามาเป็น sponsor ทางฝั่งเมืองไทยด้วยอีกคน เพื่อให้กงสุลเห็นว่า เรามีญาติที่เมืองไทยดูแลเรา อย่างน้อยเราก็ต้องกลับมาเรียนต่อที่บางมด และต้องกลับมาดูแลญาติผู้มีพระคุณคนนี้ที่เมืองไทยด้วยค่ะ การที่น้องบอกพี่หรือถ้าจะไปบอกกงสุลว่า ไม่ได้อยู่กับคุณพ่อ ผู้อ่านหรือท่านกงสุลย่อมแปลความหมายเป็นว่า คุณพ่อมีครอบครัวใหม่ หรือไปอยู่ที่อื่นขาดการติดต่อหรือเปล่านะคะ ยิ่งทำให้ชีวิตน้องดูยิ่งไม่มีความผูกพันกับประเทศไทยมากขึ้น แม้น้องจะยืนยันว่า มีจดหมายกยศ. มีสถานภาพนักศึกษา แต่การพบกับกงสุลของผู้เข้าไปสัมภาษณ์วีซ่าแต่ละคนจะใช้เวลาแป๊บเดียว ด้วยระยะเวลาที่สั้นมากอาจเกิดความผิดพลาด เช่น อธิบายได้ไม่ละเอียดชัดเจนดีพอ หรือน้องยืนยันแล้วว่า น้องจะกลับมาเมืองไทย แต่กงสุลอาจไม่เชื่อ ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาได้ค่ะ ดังนั้นพี่จึงอยากจะแนะนำให้ลองหาญาติที่เมืองไทยร่วมค้ำประกันด้วยอีกคนนะคะ(ถ้าหาได้)

      เอกสารของคุณอา ขอให้เพิ่มจดหมายอธิบายจากคุณอาด้วยอีกฉบับหนึ่งว่า คุณอามีอาชีพอะไรที่อเมริกา มีรายรับต่อปีเท่าไร ได้อนุเคราะห์ส่งเสียให้น้องเรียนตั้งแต่น้องเรียนอยู่ชั้นอะไร เพราะเหตุใดจึงต้องอุปการะ (ทำไมต้องทำแทนคุณพ่อ ซึ่งน่าจะเป็นผู้มีหน้าที่นี้โดยตรง)คุณอามีความรับผิดชอบครอบครัวคุณอาที่สหรัฐไหม และถึงแม้ว่ามี แต่ด้วยรายรับต่อปีที่คุณอามีน่าจะสุงพอที่จะดูแลน้องได้เป็นเวลานาน 1 เดือน ควรบอกเหตุผลด้วยว่า ทำไมจึงอยากให้น้องไปเที่ยวที่อเมริกา และบังเอิญคุณอาจะกลับมาทำธุระที่ประเทศไทยตอนเดือนเมษายน จึงจะมารับน้องให้เดินทางไปด้วยกัน และจะดูแลน้องตลอดระยะเวลาที่น้องอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ควรให้คุณอากรอกฟอร์ม I-134 ด้วยค่ะ

      เอกสารของน้องกิีก คำว่า “สถานภาพนักศึกษ” ของน้องคือจดหมายรับรองจากมหาวิทยาลัยว่าน้องเรียนอยู่ปี 3 และจะกลับมาเข้าชั้นเรียนปี 4 ในเดือนมิถุนายน 2555 ใช่ไหมคะ ถ้าไม่ใช่ก็ไปขอให้ทางมหาวิทยาลัยน่าจะเป็นแผนกทะเบียนออกจดหมายทำนองนี้ด้วยค่ะ

      การขอสัมภาษณ์วีซ่าด้วยภาษาไทยไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะถูกปฏิเสธวีซ่า การมีภาษาไทยน่าจะเป็นการอนุเคราะห์ผู้้ใหญ่บางท่านที่ไม่ได้อยู่ในวัยเรียนที่ต้องไปขอวีซ่า บางทีคนเหล่านั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ หรือบางคนตกประหม่ามากจนพูดไม่ได้นะคะ ส่วนปัญหาการก่อการร้ายไม่น่าจะเป็นประเด็นในเรื่องการสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ พี่คิดว่า ประเด็นอ่อนไหวในการขอวีซ่าของของน้องกิีกอยู่ที่ความผูกพันกับครอบครัว เศรษฐกิจ สังคมในเมืองไทยมากกว่าค่ะ

  • kikky  On February 16, 2012 at 10:02 pm

    ขอบคุณมากเลยนะค้ะ ความรู้นี้มีประโยชณ์กับหนูมากค่ะ คือsponser ที่เมืองไทยนี่ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างค่ะ หนูคิดว่าคนที่น่าจะเป็็นsponserให้หนูได้อยู่ประมาณสองคน คือคุณป้า(ญาติฝ่ายพ่อ) คุณป้าทำงานข้าราชกาลค้ะแต่อยู่ที่จังหวัดสกลนคร แต่นู๋เข้ามาเรียนที่ กท ค้ะ จะเป็นไรไหม ส่วนชื่อทะเบียนบ้านนู๋ไม่ได้อยู่กับคุณป้าอ่ะค่ะ ทำไงดี แล้วคุณป้าจะเป็นsponser ให้หนูได้ไหมค่ะ ส่วนตอนระยะเวลาที่แม่หนูเสียตอนอายุประมาณ16 อ่ะค้ะ หนูอยู่กับคุณลุงค้ะ (ญาติฝ่ายแม่) แต่ชื่อทะเบียนบ้านอยู่กับยายค้ะ บ้านหนูกับบ้านลุงใกล้กันอ่ะค่ะ คุณลุงทำธุระกิจส่วนตัวค่ะ รายได้ไม่ค่อยมั่นคงเท่าคุณป้า (ญาติฝ่ายพ่ออ่ะค่ะ)คุณลุงเป็นคนส่งเสียตอนที่แม่เสียด้วยอ่ะค่ะ แต่พอ มหาลัยคุณอาเป็นคนส่งเสียอีกแรงหนึ่งค่ะ แต่ถ้าจะขอให้คุณป้าเป็นsponser ให้น่าจะได้ แต่หนูกลัวหลักฐานไม่น่าเชื่อถืออ่ะค่ะ แต่ตอนนี้หนูก็ใช้นามสกุลพ่ออยู่นะค่ะ หนูควรเลือกใครเป็นsponser ดีค่ะ อ่านแล้วงง ไหมค่ะ หนูขอรบกวนหน่อยนะค้ะ^^ ขอบคุณคร้าาาาาาาาาาา

    • govisa  On February 16, 2012 at 11:03 pm

      น้องกิ๊กคะ ให้คุณลุงเป็น sponsor แสดงจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร สมุดบัญชีเงินฝาก ทะเบียนการค้า ส่วนคุณป้าที่อยู่สกลนคร พี่เกรงว่าท่านอยู่ไกลไป นอกจากจะบอกว่า ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ส่งเงินมาให้ใช้ค่ะ ถ้าจะใช้คุณป้าร่วมด้วยอีกคน รวมเป็น sponsor จากเมืองไทย 2 ท่าน เอกสารของคุณป้าใช้จดหมายรับรองการทำงานของคุณป้า จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณป้า และสมุดบัญชีเงินฝากค่ะ อย่างไรก็ตาม เตรียมสอบถามผู้ใหญ่ไว้ด้วยว่า จะตอบคำถามเรื่องที่อยู่และอาชีพคุณพ่ออย่างไรค่ะ

  • kikky  On February 16, 2012 at 10:19 pm

    สถานะนักศึกษา ในใบสถานะจะบอกว่าเรียนคณะอะไรหลักสูตรอะไร เรียนกี่ปีอ่ะค่ะ หรือหนูคิดว่าหนูจะให้อาจาร์ยรับรองว่าหนูเรียนคณะอะไร เรียนกี่ปี จะต้องกลับมาเรียนต่อ แบบนี้ได้ไหมค้ะพี่ ขอบคุณมากกกกกกกกกกกเลยนะค่ะ^^

    • govisa  On February 16, 2012 at 10:54 pm

      มีไปทั้ง 2 แบบเลยก็ดีค่ะน้องกิ๊ก

  • kikky  On February 17, 2012 at 7:50 am

    ขอบคุณค่ะ คือลุงหนูก็อยู่สกลนครเหมือนกันอ่ะค่ะ ฐานะไม่ค่อยจะโอรเครสักเท่าไหร่แต่ก็พอมีบ้างอย่างนี้เป็น sponserได้ไหมอ่ะค่ะ พี่ค่ะ ความสัมพันธ์ทางครอบครัวหนู ซับซ้อนมากเลยค่ะ หนูคงต้องขอสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยจะดีไหมค่ะ ถ้าสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษหนูเกรงว่าจะตอบความสัมพันธ์ทางครอบครัวไม่ชัดเจนค่ะ รบกวนช่วยตอบด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ แล้วแบบฟอร์ม I-134 เนี้ยสามมารถดูได้ที่ไหนค่ะ ที่เวปของสถานทูตอเมริการึเปล่า
    – ____________-“”

    • govisa  On February 17, 2012 at 12:15 pm

      น้องกิ๊กสามารถดาวน์โหลดฟอร์มได้ที่ http://www.uscis.gov/files/form/i-134.pdf
      ให้คุณอาปรึกษาทนายความทางโน้นทำ Notary Public มาให้กงสุลดูว่า sponsor ทางอเมริกามีรายรับและทรัพย์สินมากพอที่จะดูแลน้องได้ค่ะ ส่วนตัวน้องเป็นคนที่อยู่ที่สกลแล้วลงมาเรียนที่บางมดใช่ไหมคะ เพราะพี่งงว่าตอนน้องอายุ 16 ปีน้องอยู่กรุงเทพคนเดียวหลังจากคุณแม่เสียหรืิอคะ พี่คิดว่าน้องอยู่กับคุณลุงในกรุงเทพ จึงได้แนะนำเป็นคุณลุงและคุณป้า ถ้าทั้งสองท่านอยู่สกลนครทั้งคู่ เลือกคุณป้าคนเดียวแล้วกันค่ะ และน้องก็ต้องอธิบายเป็นว่า คุณป้าส่งเสียนะคะ พยายามรวบรวมรัดให้เข้าใจง่าย ไม่สับสนเหมือนที่พี่สับสน พี่เกรงว่า เวลายิ่งน้อยในการพูดแล้วพูดวกวนจะยิ่งทำให้น้องเสียเปรียบ อาจถูกเข้าใจผิดเลยไม่ได้วีซ่า ดังนั้นพยายามเรียบเรียงความคิดให้ดีว่าหลังจากคุณแม่เสียได้รับความอนุเคราะห์จากคุณป้าๆทำอาชีพอะไร หลังจากเข้ามหาวิทยาลัยได้ คุณอาเข้ามาช่วยอนุเคราะห์ด้วยอีกหนึ่งท่าน ส่วนน้องจะเลือกสัมภาษณ์ภาษาไทยก็ได้ค่ะ

  • kikky  On February 17, 2012 at 4:07 pm

    ขอบคุณมากๆๆคร้าาาาาาาา เด๋วยังไงจะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะค่ะ ขอตัวไปกรอก ds160 ก่อนคร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา -_____________________-

    • govisa  On February 17, 2012 at 5:38 pm

      ขอบคุณค่ะน้องกิ๊ก

  • kikky  On February 17, 2012 at 8:10 pm

    พี่ค่ะ ds160 ถ้าเรากรอกเสร็จภายในวันเดียวได้ไหมค่ะ สามารถกรอกได้เรื่อย ได้ใช่ไหมค่ะ

    • kikky  On February 17, 2012 at 9:07 pm

      พิมผิดค้ะ ถ้าเรากรอกไม่เสร็จภายใน 1 วันจะเป็นไรไหมค่ะ

      • govisa  On February 17, 2012 at 9:24 pm

        ดีมากค่ะ จะได้ไม่เป็นภาระ บางคนกรอกไว้แล้วทิ้งไว้หลายวัน จึงกลับมากรอกใหม่อีกครั้ง แต่ปรากฏว่าลืมรหัสเพราะไม่ได้จดไว้ก็มี ทำให้ต้องกรอกใหม่ยุ่งวุ่นวายค่ะ

      • ปุ้ย  On February 20, 2012 at 5:43 pm

        พี่คะ น้องกรอกแบบฟอร์ม DS160 แล้ว ได้ confirmation number และทำการนัดวันสัมภาษณ์แล้ว น้องกรอกข้อมูลผิด ต้องการแก้ไข
        1) สามารถทำได้ไหมคะ
        2) วันไปสัมภาษณ์ต้องทำอย่างไรบ้างคะ
        ขอบคุณมากคะ
        น้องปุ้ย

      • govisa  On February 20, 2012 at 7:18 pm

        น้องปุ้ยคะ
        1. น้องสามารถกรอก DS-160 ใหม่ และเมื่อกรอกเสร็จแล้วจะได้ DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่
        2. ในวันนัดสัมภาษณ์นำ DS-160 Confirmation Number หมายเลขเก่าที่ได้ทำการนัดวันสัมภาษณ์ไปพร้อมกับ DS-160 Confirmation Number ที่กรอกใหม่เพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องไปด้วยค่ะ น้องจะมี DS-160 Confirmation Number 2 ใบค่ะ

      • ปุ้ย  On February 21, 2012 at 12:14 am

        พี่คะ น้องปุ้ยรบกวนถามเพิ่มอีกนิดคะ คือน้องยังไม่ได้ไปชำระเงินที่ไปรษณีย์ น้องต้องใช้ DS-160 Confirmation Number หมายเลขเก่าที่ได้ทำการนัดวันสัมภาษณ์ไป หรือ DS-160 Confirmation Number ที่กรอกใหม่เพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ในการชำระเงินที่ไปรษณีย์คะ ขอบคุณพี่มากคะ

      • govisa  On February 21, 2012 at 5:13 am

        น้องปุ้ยหมายถึงชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าสี่พันกว่าบาทนั่นใช่ไหมคะ ถ้าใช่ที่ไปรษณีย์ไม่ได้ถาม DS-160 Confirmation Number ค่ะ พี่อ่านที่น้องเขียนมาถามครั้งแรกดูเหมือนน้องได้วันนัดสัมภาษณ์แล้วนะคะ ถ้ายังไม่ได้ทำการนัดวันสัมภาษณ์และน้องหมายถึงไปชำระค่าพินนัดวันสัมภาษณ์ น้องสามารถใช้หมายเลขใหม่ได้เลยค่ะ แต่ถ้าได้วันนัดไปแล้ว คำตอบคือไม่ต้องกังวล ไปรษณีย์ไม่ได้มีคำถามเกี่ยวกับหมายเลข DS-160 Confirmation Number เลยค่ะ

  • pammy  On February 20, 2012 at 6:21 pm

    สวัสดีค่ะ เป็นกังวลมากๆเลย คือแฟนเป็นคนอเมริกันอยู่เมืองไทยมา9ปีแล้ว จะพาไปเที่ยวอเมริกาเดือนก.ค.2555 นี้ค่ะ ขอถามดังนี้ค่ะ
    1. ถ้ายังไม่ได้ถ่ายรูปสามารถกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ได้หรือไม่คะ
    2. อยากได้ร้านถ่ายรูปที่นนทบุรีค่ะ
    3.สอบถามร้านคมสัน เขาคิดราคา300 บาท/โหล ถ้าต้องการไฟล์ภาพเพื่อใช้Upload ใส่แบบฟอร์ท DS-160 ต้องเพิ่มเงินอีก200บาท รวมต้องจ่าย500บาท แพงไหมคะ
    4.ซื้อPin จากไปรษณีย์ มา384บาท ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.2555 ยังไม้ได้กรอกDS-160เลย สามารถใช้งานได้ใช่ไหมคะ ยังไม่ครบ90วัน
    ช่วยตอบหน่อยค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On February 20, 2012 at 7:51 pm

      น้อง Pammy คะ

      การที่มีสามีเป็นคนอเมริกัน สามีน้องน่าจะได้ปรึกษากับหน่วยงาน USCIS ตามที่อยู่ข้างล่างนี้ค่ะ

      US Visa Thailand – USCIS Bangkok
      USCIS Bangkok’s website homepage can be found here: USCIS Thailand Homepage
      USCIS Bangkok’s office has jurisdiction over U.S. immigration benefits for the following countries: Australia, New Zealand, Burma, Cambodia, Laos, Vietnam, Thailand, Singapore, Indonesia, Malaysia, Brunei, East Timor, Taiwan, Macau, and Hong Kong.
      USCIS Bangkok’s address is as follows:
      U.S. Citizenship and Immigration Services
      Sindhorn Building
      Tower 2, 15th Floor
      130-132 Wireless Road

      Bangkok 10330, Thailand
      Phone 02-205-5352 or 02-205-5382 (within Thailand)
      011-662-205-5352 (from the United States)
      E-mail BKKCIS.Inquiries@dhs.gov

      USCIS Bangkok’s office is located next door to the U.S. Embassy on Wireless Road. The office is situated in the Sindhorn Building, Tower 2, 15th Floor. USCIS Bangkok’s office is open to the public Monday through Friday from 8:30 AM to 12:00 PM. Please note that the office is closed on Thai and American holidays.
      น้องคงถูกท่านกงสุลถามว่า ทำไมถึงไม่ใช้สิทธิที่แต่งงานกับคนอเมริกัน น้องจดทะเบียนสมรสหรือเปล่า และอื่นๆที่กงสุลอาจจะถามได้ค่ะ ถ้าหากน้องและสามีต้องการอยู่ที่ประเทศไทย ให้อธิบายตามความเป็นจริงไป เช่น สามีทำงานที่เมืองไทยนาน 9 ปี และอยากอยู่ที่เมืองไทยมากกว่าอเมริกา เพราะอากาศดี ผู้คนน่ารักค่ะ การที่น้องต้องการขอวีซ่านักท่องเที่ยวครั้งนี้ เพราะสามีต้องการพาไปเที่ยวประมาณ 10 วัน เป็นต้นค่ะ คำตอบตามคำถามที่น้องถามมาค่ะ

      1. ถ้ายังไม่ได้ถ่ายรูป น้องจะ upload รูปไปใส่ไว้ในแบบฟอร์ม DS-160 ไม่ได้ค่ะ
      2. ร้านถ่ายรูปแถวนนทบุรีราคาแพงมากนะคะ ลองถามร้านอื่นดูดีไหม เพื่อเป็นทางเลือกแม้จะต้องเสียเวลาหาก็ตามค่ะ ส่วนใหญ่เท่าที่ทราบมาค่าถ่ายรูปจะอยู่ที่ประมาณ 200-350 บาทต่อหนึ่งโหล และร้านเขามักจะไม่คิดค่าบริการทำ file ภาพใส่ disk เพราะ disk ที่ซื้อกันยกโหลตกแผ่นหนึ่งประมาณไม่น่าเกินราคา 10 บาทค่ะ บางร้านเขาคิดว่าเป็นการเรียกลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเขามากๆ เขาอาจจะทำตรงนี้ให้โดยไม่คิดเงินค่ะ หรือบางร้้านคิดก็อาจจะคิดราคาไม่แพงมาก เอายังงี้ไหมคะ ให้ร้านเขาถ่ายรูปให้แล้วไปให้ร้านคอมพิวเตอร์ช่วยทำให้ ลองถามร้านที่มีอินเทอร์เน็ตให้เช่าดูว่า เขาคิดค่าแสกนรูปถ่ายเท่าไรค่ะ หรือถ้าขี้เกียจหา และไม่รูเรื่องคอมพิวเตอร์ ก็คงต้องยอมร้านถ่ายรูปร้านนั้นไปค่ะ
      3. พินมีอายุการใช้งานนาน 90 วันนับจากวันที่ซื้อมาค่ะ ถ้าเลย 90 วัน พินนั้นจะใช้ไม่ได้ค่ะ

  • mooz  On February 20, 2012 at 7:53 pm

    พี่ค่ะ คือหนูจะไปเมกาเดือนเมษานี้อะค่ะ วีซ่าก็ยังไม่ได้ทำ ต้องทำวีซ่าแบบไหนหรอค่ะถึงจะได้วีซ่าเร็วที่สุดอ่ะค่ะ
    แล้วหนูสามารถขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ไหมค่ะถ้าอายุหนูยังไม่ถึง18อ่ะค่ะ แล้วก็เดินทางคนเดียว แต่จะไปหาญาติที่นั่นอ่ะค่ะ

    • govisa  On February 20, 2012 at 8:58 pm

      น้อง Mooz คะ ถ้าน้องไม่ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษช่วงปิดเทอม น้องต้องขอวีซ่านักท่องเที่ยว B-2 ค่ะ ถ้าน้องภาษาอังกฤษดี พูด-ฟังเข้าใจภาษาอังกฤษดี ก็พอจะน่าเชื่อถือได้ว่า สามารถเดินทางคนเดียวและดูแลตนเองได้ แต่ถ้าตรงกันข้าม พี่ขอแนะนำให้น้องขอวีซ่าพร้อมคุณพ่อคุณแม่ ท่านทั้งสองอาจจะเป็นคนพาน้องไปเที่ยวตอนปิดเทอม เมื่อได้รับอนุมัติวีซ่าแล้วขึ้นอยู่กับท่านทั้งสองว่า มีเวลาไปกับน้องหรือไหม หรือต้องการให้น้องเดินทางคนเดียว ถ้าเป็นอย่างหลัง น้องก็เดินทางไปสหรัฐอเมริกาคนเดียว และพยายามอย่าประหม่า เพราะน้องต้องถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯสัมภาษณ์ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้ง น้องต้องพอรู้บ้างว่า จะไปเที่ยวที่ไหน ไปกับใคร ไปกี่วัน อย่าบอกว่าไปคิดเอาตอนไปอยู่ที่อเมริกาแล้ว จะดูไม่ดีค่ะ เพราะการเดินทางไปอเมริกาแม้ไปเที่ยวก็ตาม จะมีค่าใช้จ่าย น้องต้องมีการวางแผนที่ดี และเมื่อถูกกงสุลสัมภาษณ์ น้องสามารถอธิบายแผของน้องได้ค่ะ

  • mooz  On February 20, 2012 at 9:43 pm

    แล้ววีซ่าท่องเที่่ยวได้เร็วไหมอะคะ คือหนูมีญาติอยู่ที่นั่นต้องให้ญาติรับรองไหมค่ะ
    แล้วถ้าหนูไปกับค่ายภาษาอังกฤษมันสามารถทำวีซ่าได้ง่ายกว่าไหมค่ะ
    *ขอบคุณค่ะ:)

    • govisa  On February 21, 2012 at 5:07 am

      น้อง MOOZ คะ ไปกับค่่ายภาษาอังกฤษขอวีซ่าได้ง่ายกว่าค่ะ และปรึกษาโครงการค่ายเขานะคะว่า เขาจะช่วยทำการกรอกฟอร์มวีซ่าให้ด้วยไหมนะคะ ส่วนถ้าจะไปเองคนเดียว ต้องให้ญาติเขียนจดหมายเชิญมาให้ไปพักค่ะ เพราะน้องยังเด็กมากกงสุลคงต้องการถามว่า น้องจะไปพักที่ไหนกับใครค่ะ ถ้าที่บ้านมีเงินในบัญชีธนาคารน้อยไม่เพียงพอไปยื่นขอวีซ่าคงต้องให้ญาติที่อเมริการับรองให้ค่ะ ซึ่งอาจมีปัญหาในการได้รับวีซ่าได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการตอบคำถามสัมภาษณ์ของน้องค่ะ
      อนึ่ง ระยะเวลาในการได้รับวีซ่าไม่ว่าจะเป็นวีซ่านักเรียนหรือนักท่องเที่ยวคือน้องจะรู้ผลทันทีในวันที่น้องไปสอบสัมภาษณ์ว่าได้รับวีซ่าหรือไม่ผ่านการสัมภาษณ์ค่ะ

  • ปุ้ย  On February 21, 2012 at 12:18 am

    พี่คะ น้องปุ้ยรบกวนถามเพิ่มอีกนิดคะ คือน้องยังไม่ได้ไปชำระเงินที่ไปรษณีย์ น้องต้องใช้ DS-160 Confirmation Number หมายเลขเก่าที่ได้ทำการนัดวันสัมภาษณ์ไป หรือ DS-160 Confirmation Number ที่กรอกใหม่เพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ในการชำระเงินที่ไปรษณีย์คะ ขอบคุณพี่มากคะ

  • ook  On February 21, 2012 at 12:28 am

    สวัสดีค่ะ คุณ Govisa

    ขอรบกวนถามคุณ Go Visa ค่ะ คือ ตอนนี้ทำการสมัคร ds 160 เรียบแล้วค่ะ และก็จองวันสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ แต่เราจะทราบได้อย่างไรคะว่าเราจะสัมภาาษณ์เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษ ? หรือตอนสมัครที่ให้เราเลือก คือ บอกตรง ๆ ค่ะวันที่กรอกใบสมัครวันนั้น มึน งงส์เล็กน้อยบวกกับกรอกคนเดียวค่ะ คือ ตอนนี้ปริ้นใบกระดาษนั้นออกมาแล้วค่ะ ซึ่งเป็นใบ confirmation แต่ใต้คำนี้ก็มีข้อความภาษาไทยเขียนว่า “สิ่งนี้เป็นการยืนยันการสมัครวีซ่าชั่วคราวสำหรับ:” แล้วก็มีรูป show

    ก็เลยอยากจะทราบว่าใบนี้มีข้อความเป็นภาษาไทยอยู่ด้วยค่ะ ก็น่าจะได้สมัภาษณ์ภาษาไทยหรือเปล่าคะ ?

    ขอบคุณมากค่ะ

    ปล. ตอนกรอกใบสมัครเหมือนมีช่องนึงให้เลือก ก็เลือก ไทย ค่ะ แต่จำคำถามไม่ได้

    • govisa  On February 21, 2012 at 5:15 am

      น้อง Ook คงได้รับการสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยค่ะเพราะน้องได้ตอบคำถามหนึ่งตอนที่กรอกในฟอร์มนัดวันสัมภาษณ์ว่า ภาษาไทยไปแล้วค่ะ

  • kikky  On February 23, 2012 at 1:59 am

    -ปรึกษาทนายความทางโน้นทำ Notary Public มาให้กงสุลดูว่า sponsor ทางอเมริกามีรายรับและทรัพย์สินมากพอที่จะดูแลกิ๊กได้ไหม
    พี่ค่ะมันมีเอกสารเฉพาะใหม่ค่ะ

    • govisa  On February 23, 2012 at 5:22 am

      น้องกิ๊กคะ เอกสารเฉพาะก็คือฟอร์ม I-134 ที่พี่แจ้งไปแล้ว ถ้าคุณอาที่สหรัฐอเมริกาไม่เข้าใจการกรอกฟอร์มนั้นตรงจุดไหน ให้ปรึกษาทนายความที่สหรัฐอเมริกาในการช่วยแนะนำวิธีกรอกได้ค่ะ

  • Pat  On February 23, 2012 at 8:21 am

    พี่ Govisa คะ หนูสัมภาษณ์วีซ่าไม่ผ่านน่ะค่ะ แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลอะไร หนูนึกว่าเขาจะส่งจดหมายแจ้งว่าสัมภาษณ์ไม่ผ่านมาที่บ้าน แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่เห็น หนูไปสัมภาษณ์มาเมื่อวันที่ 6 กุมภา ที่ผ่านมาค่ะ อย่างนี้ต้องโทรไปถามเองหรือปล่าวคะ อยากรู้ว่าเพราะอะไรแล้วจะได้เตรียมเอกสารใหม่ให้แน่นอีกรอบหนึ่งค่ะ แล้วค่อยส่งใบสมัครใหม่อีกที

    • govisa  On February 23, 2012 at 8:36 pm

      น้อง Pat คะ น้องได้รับหนังสือเดินทางกลับคืนมาในวันสัมภาษณ์ใช่ไหมคะ ถ้าใช่แปลว่าวีซ่าไม่ผ่านค่ะ เพราะถ้ากงสุลเก็บหนังสือเดินทางไว้แปลว่าวีซ่าผ่าน กงสุลจะต้องนำหนังสือเดินทางเราไปประทับตราวีซ่าให้และส่งกลับคืนทางไปรษณีย์ EMS ค่ะ

      เนื่องจากน้องคงยังไม่เคยเขียนมาถามพี่ใช่ไหมคะ เพราะพี่ไม่ทราบว่าน้องขอวีซ่าประเภทอะไรคะ นักเรียนหรือนักท่องเที่ยว ใครเป็น sponsor ให้น้อง และน้องนำเอกสารอะไรไปบ้าง กงสุลสอบสัมภาษณ์ถามอะไรน้อง และน้องตอบอะไรไปบ้าง ถ้าเขียนมาชี้แจง พี่ก็พอจะแนะนำน้องได้ว่า น้องควรจะเตรียมเอกสารอะไรไปเพิ่ม หรือควรจะเข้าไปวีซ่าใหม่ไหมตอนนี้ หรือควรเว้นระยะไปก่อนค่ะ

  • ook  On February 23, 2012 at 8:45 pm

    สวัสดีค่ะคุณ GoVISA

    การที่ได้สัมภาาษณ์เป็นภาษาไทยมีผลต่อการพิจารณา ว่าผ่านหรือไม่ผ่านหรือเปล่าคะ ?

    คือทำ visa ไปเรียนภาาษาอังกฤษค่ะ ซึ่งก็มีใบรับรองจากที่ทำงานว่าอนุญาต ให้ไปได้ และจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อในวันที่ระบุไว้ แบบนี้ก็มีเหตุผลพอแล้วใช่ไหมคะ ?

    คือว่าตอนนี้กังวลมากส์ค่ะ กลัวไม่ผ่านค่ะ

    • govisa  On February 23, 2012 at 9:15 pm

      น้อง Ook คะ การขอสัมภาษณืวีซ่าเป็นภาษาไทยไม่ได้ส่งผลร้ายแรงถึงขั้นไม่ได้รับวีซ่าค่ะ สถานทูตเขาให้โอกาสแก่บรรดาผู้สูงวัยที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือผู้มีอาการประหม่าตื่นเต้นตกใจง่ายเมื่อฟังภาษาอังกฤษ ทำให้เกิดอาการชะงักงันที่จะพูดโต้ตอบออกมาเป็นภาษาอังกฤษ กงสุลเห็นใจคนเหล่านั้นว่า จะไม่มีโอกาสอธิบายเหตุผลให้สถานทูตได้เข้าใจว่า จะเข้าไปทำอะไรในสหรัฐอเมริกาค่ะ การที่น้องแต่ละคนจะผ่านหรือไม่ผ่านวีซ่า จึงขึ้นอยู่กับความพรักพร้อมและความตั้งใจในการเตรียมเอกสารอย่างดีและครบถ้วน มีแผนการการเดินทางที่ชัดเจน ทราบแหล่งที่มาของรายได้ของผู้เป็น sponsor มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับผู้เป็น sponsor โดยเฉพาะ sponsor ควรเป็นผู้มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยมากกว่าอยู่ในสหรัฐอเมริกา เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาระความผูกพันที่ผู้ยื่นขอวีซ่ามีต่อครอบครัว สังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทยค่ะ อีกประการหนึ่ง ผู้ขอวีซ่าควรมีเจตนารมย์ที่แน่วแนว่าจะเข้าไปในสหรัฐอเมริกาเพื่อทำภารกิจใด เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนั้นๆ มีความตั้งใจที่จะเดินทางกลับประเทศของตนเอง ถ้าน้องแต่ละคนมีความชัดเจนและโปร่งใสในสิ่งที่พี่อธิบายมา ก็มักจะได้รับวีซ่ากันทุกคนค่ะ

      อนึ่ง อย่ากลัวอะไรมากเกินกว่าเหตุ จะทำให้น้องไม่สามารถ present ตัวเองได้ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ

      • ook  On February 23, 2012 at 10:17 pm

        ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากส์ค่ะ ทำให้มั่นใจมากส์ขึ้นในการไปขอ visa ค่ะ

  • Pat  On February 24, 2012 at 11:36 am

    พี่ Govisa คะขอบคุณมากค่ะ หนูขอวีซ่าไปอเมริกาค่ะ แต่ได้เอกสารคืนมาหมด เลยรู้ว่าสัมภาษณ์ไม่ผ่านค่ะ แต่ไม่ทราบจริงๆว่าเพราะอะไร

    เจ้าหน้าที่: จะไปทำไม
    Pat: ไปงานรับปริญญาพี่ชายและ ไปเที่ยวค่ะ
    เจ้าหน้าที่: ไปอยู่กับใคร
    Pat: พี่สาวกับพี่ชายค่ะ ทั้งสองคนทำงานและเรียนอยู่ที่นั่นค่ะ
    เจ้าหน้าที่: ไปนานไหม
    Pat: ไปสามอาทิตย์ค่ะ
    เจ้าหน้าที่: ไปกับใครมั่ง
    Pat: ไปกับคุณแม่ค่ะ
    เจ้าหน้าที่: ทำงานที่ไหน
    Pat: ทำงาน….ค่ะ
    เจ้าหน้าที่: ใครจ่ายค่าเดินทางให้
    Pat: พี่สาวเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดค่ะ

    แล้วเจ้าหน้าที่ก็หันไปคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ และเช็คเอกสารทั้งหมดที่หนูเตรียมไป หนูพอฟังออกว่าเอกสารมีทุกอย่าง แล้วเขาก็หันมาบอกหนูว่า เสียใจด้วยนะ แล้วก็จบการสนทนา
    หนูไปขอพร้อมคุณแม่ค่ะ แต่คุณแม่ผ่านสัมภาษณ์ผ่าน ได้วีซ่าท่องเที่ยวสิบปี เราใช้เอกสารรับรองตัวเดียวกันหมด

    1) จดหมายจากพี่สาวถึงสถานทูต บอกว่าเราสองคนจะไปพักด้วย และรับรองเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง
    2) หนังสือรับรองการทำงานของพี่สาวจากบริษัทที่ทำอยู่ อายุงานประมาณ 7 ปี มีตราประทับ
    3) statement เงินฝากประมาณ $ 60,000 มีตราประทับจากแบงค์
    4) หนังสือรับรองสถานภาพการเป็นนักเรียนของพี่ชาย + awards ที่เขาได้รับจากโรงเรียน มีตราประทับ
    5) จดหมายที่หนูเขียนถึงสถานทูต
    6) จดหมายรับรองการทำงานจากที่ทำงานของหนู
    7) สลิปเงินเดือน
    8) statement เงินฝากของหนูเอง เป็นเงินประมาณ 200,000 บาท

    พี่่ Govisa คะหนูไม่ทราบจริงๆค่ะว่าเตรียมเอกสารอะไรไปไม่ครบ เป็นเพราะว่าทั้งพี่สาวและพี่ชายทั้งสองคนอยู่ที่โน่นรึปล่าวคะ แล้วหนูต้องโทรไปถามเหตูผลว่าทำไม่สัมภาษณ์ไม่ผ่านที่สถานทูตเองไหมคะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

    • govisa  On February 24, 2012 at 6:11 pm

      น้อง Pat คะ ก่อนอื่นขอชี้แจงให้น้องทราบว่า น้องจะไม่ได้รับคำตอบถ้าน้องโทรศัพท์เข้าไปสอบถามสถานทูตว่า ทำไมน้องไม่ได้รับวีซ่า เพราะสถานทูตจะมีฟอร์มใบหนึ่งยื่นให้น้องซึ่งในแบบฟอร์มดังกล่าวจะชี้แจงเหตุผลว่า ทำไมสถานทูตไม่สามารถให้วีซ่าน้องได้ ฟอร์มดังกล่าวจะเขียนว่า น้องไม่ได้แสดงหลักฐานว่า มีความผูกพันกับครอบครัว เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมในประเทศไทย น้องบอกพี่ว่า พี่ทั้งสองของน้อง Pat ไปทำงานและไปเรียนใช่ไหมคะ พี่ไม่ทราบว่าตอนนี้พี่สาวของน้อง Pat ถือวีซ่าอะไรอยู่ค่ะ พี่สาวของน้องก่อนไปทำงานนั้น พี่สาวขอวีซ่าไปในลักษณะเรียนหรือเปล่าคะ และเมื่อเรียนจบขอ opt และ H1B ตามขั้นตอน หรือเป็นลักษณะไปทำงานประเภทไหนพี่ก้ไม่กล้าคาดเดาค่ะ น้องต้องดูเหตุผลตรงนี้ด้วย เพราะกงสุลจะมีบันทึกประวัติการเดินทางเข้าออกของแต่ละบุคคลที่ขอวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกา ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ประเด็นที่พี่สงสัยว่าอาจจะมีอะไรไม่ถูกต้องหรือไม่ก็จะได้ตัดทิ้งไปได้ ต่อมาคำถามคือ ทำไมน้องไม่ใช้ชื่อคุณพ่อหรือคุณแม่เป็น sponsor เพื่อให้เห็นว่าน้องมีความผูกพันกับครอบครัว เศรษฐกิจและสังคมไทย การให้พี่สาวที่มีงานทำในสหรัฐอเมริกาเป็น sponsor จะทำให้หลักฐานด้านความผูกพันกับประเทศมีน้อยลงไปค่ะ และทำให้อาจคิดเลยเถิดไปได้ว่า แล้วใครส่งเสียให้พี่ชายเรียน แม้จะบอกว่าพี่ชายได้รับเงิน awards แต่เงินจำนวนดังกล่าวจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางการศึกษาทั้งหมดไหม หรือพี่สาวช่วยออกให้ ดังนั้นถ้าพี่สาวต้องรับผิดชอบคนหลายคน คือคุณแม่ น้องชายและตัวน้องเองอีกหนึ่งคน อาจจะทำให้หลักฐานทางการเงินที่พี่สาวส่งมาให้น้องนำไปแสดงให้กงสุลดูมีจำนวนน้อยลงไปไหม น้องลองพิจารณาไตร่ตรองดูอีกครั้ง ถ้าจะลองขอวีซ่าใหม่อีกครั้ง อาจจะเพิ่ม sponsor เป็นคุณพ่ออีกคนดูดีกว่าไหมนะคะ

      อนึ่ง น้องอาจสงสัยว่า ทำไมคุณแม่ได้วีซ่า พี่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะคุณแม่อายุมากแล้วคงไม่คิดที่จะไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกานานๆ ไปงานรับปริญญา เที่ยวอีกนิดหน่อยก็คงอยากกลับบ้านแล้วค่ะ เพราะผู้สูงวัยที่ไปจากประเทศไทยไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลง และไม่ชอบที่จะไปเริ่มต้นในสังคมแบบที่ตนไม่คุ้นเคย เช่น ต้องพูดภาษาอังกฤษ มีเพื่อนต่างชาติ อากาศหนาวเย็น อาหารที่ไม่ถูกปาก และอื่นๆ ยกเว้นผู้สูงวัยท่านนั้นอาจจะมีปัญหาทางเศรษฐกิจ และคิดว่าการเปลี่ยนถิ่นที่อยู่จะทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนเด็กๆวัยรุ่นสามารถปรับตัวกับสังคมแบบตะวันตกได้ง่ายกว่า ดังนั้นเมื่อประกอบกับเหตุผลที่พี่ได้ให้ข้อคิดน้องข้างต้น น้องลองไปสำรวจดูหลักฐานของน้องเองเมื่อคราวที่แล้วที่ยื่นขอวีซ่าดูอีกครั้งว่า น่าจะมีจุดอ่อนตรงไหนอีก พี่ยินดีช่วยน้องคิด ถ้าน้องนึกอะไรออกหรือมีข้อมูลเพิ่มเติม เขียนมาถามได้อีกนะคะ

  • Pat  On February 25, 2012 at 12:04 pm

    พี่ Govisa ขอบคุณมากนะคะ หนูคิดว่าอาจเป็นไปอย่างพี่สันนิษฐานค่ะ พี่สาวหนูขอไปแบบวีซ่านักเรียนค่ะ แล้วก็OPT จากนั้นก็ H1B ค่ะตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างขอใบเขียวค่ะ ส่วนพี่ชายคุณแม่ส่งเสียและทำงานเองบ้างนิดหน่อยค่ะ ตอนแรกหนูก็ไม่ทันจะคิดว่าอาจจะต้องใช้ Statement ของคุณแม่ คิดแต่ว่าตัวเองทำงานแล้วน่าจะใช้ของตัวเอง อย่างที่พี่บอกก็มีเหตุผลมากเลยค่ะ หลักฐานของหนูคงจะไม่มีภาระผูกพันธ์กับเมืองไทยจริงๆ เดียวหนูจะกรอกใบสมัครใหม่อีกครั้งแล้วใช้ Statement ของคุณแม่ประกอบด้วยค่ะ พี่ Govisa ว่าหนูควรจะทิ้งระยะก่อนที่จะส่งใบสมัครอีกรอบไหมคะ หรือว่าทำได้เลย กลัวไม่ทันไปรับปริญญาพี่ชายค่ะ

    • govisa  On February 25, 2012 at 7:52 pm

      น้อง Pat คะ รักษาสุขภาพใจของน้องให้เข้มแข็งไว้ ถ้าพี่บอกให้รอ น้องก็ต้องบอกว่าคิวนัดสัมภาษณ์วีซ่านักท่องเที่ยวนานกว่าจะ confirm วันนัดได้ กรณีที่น้องจะเข้าไปขอวีซ่าใหม่อีกครั้งคือ 50-50 ไม่สามารถบอกได้ว่า น้องจะได้วีซ่าไหมนะคะ ให้เตรียมหลักฐานการเงินของคุณแม่ไปด้วย และน้องลองช่วยคุณแม่ร่างจดหมายว่าคุณแม่มีรายรับจากอะไร และจำนวนประมาณเท่าไรต่อปี อยากให้น้องเดินทางไปเป็นเพื่อนคุณแม่เพื่อไปร่วมแสดงความยินดีกับพี่ชายที่จะรับปริญญาในเดือนพฤษภาคมนี้ เมื่อเสร็จธุระน้องจะต้องกลับมาเรียนชั้นปีที่เท่าไหร่ คณะอะไร มหาวิทยาลัยชื่ออะไร ตัวน้องก็ต้องเตรียม transcript และใบรับรองความเป็นนักศึกษาเข้าไปด้วย อาจจะเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งว่า คุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรงไม่อยากเดินทางคนเดียว เป็นต้น แต่จะได้หรือไม่ได้วีซ่าขึ้นอยู่กับกงสุลเป็นผู้พิจารณานะคะ ถ้าไม่ผ่านรอเรียนให้จบปริญญาตรีก่อน แล้วค่อยติดต่อมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาไปเรียนต่อปริญญาโทก็ได้ค่ะ แต่ถ้าพี่ทั้งสองไม่กลับ โดยพี่สาวคนโตขอกรีนการ์ด วันหนึ่งพี่ชายคนที่สองคงเลียนแบบ แล้วน้องล่ะจะเป็นแบบเดียวกันไหม มันเป็นประเด็นที่น่าคิดสำหรับกงสุลอยู่เหมือนกันค่ะ พี่จึงได้เรียนน้องว่า ผลอาจจะ 50-50 รอกงสุลเป็นผู้ตัดสินค่ะ ที่จริงเดือนพฤษภายังไม่ใช่วันจริงของการรับปริญญา วันจริงจะมีอีกทีประมาณปลายปี ลองถามพี่ชายดู ถ้าไปตอนนี้ไม่ทัน ลองปลอบใจตนเองว่า ปลายปีอาจจะลองอีกครั้งดูนะคะ

  • Pat  On February 26, 2012 at 7:23 am

    ขอบคุณมากค่ะพี่ Govisa ที่ให้กำลังใจหนู จะลองพยายามอีกทีนะคะ

    • govisa  On February 26, 2012 at 12:02 pm

      ขอให้น้อง Pat โชคดีค่ะ

  • Neena  On February 27, 2012 at 6:13 pm

    เรียนถามคุณ govisa

    พี่สาวต้องการให้คุณพ่อไปเยี่ยมที่อเมริกา โดยจะเป็น sponsor ทั้งหมดให้ ขณะนี้ พี่สาวมีครอบครัวและเป็น citizen แล้ว คำถามคือ ได้กรอกข้อมูล DS160 เรียนร้อยแล้ว(วันที่ 24 FEB ) แต่ยังไม่ได้ซื้อ PIN และทำนัด เนื่องจาก คุณพ่อจะต้องเดินทางไป ตปท (ไม่ใช่ อเมริกา ) ประมาณปลายเดือนมีนาคม ถึง เมษายน แต่วันที่ยังไม่ได้กำหนดแน่นอน อยากทราบว่า ข้อมูลที่กรอกไว้ในDS160 ที่ได้หมายเลข พร้อม barcode นั้น มีกำหนดระยะเวลาหรือไม่ หากยังไม่ได้ทำการซื้อ PIN และนัดวันสัมภาษณ์ หากจะทำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า และซื้อ PIN เพื่อทำนัด หลังจากกรอกข้อมูลใน DS160 ไปแล้ว หนึ่ง หรือ สองเดือน จะเป็นไปได้หรือไม่คะ (กำหนดการไปอเมริกาประมาณช่วงคริสต์มาส ถึงปีใหม่ค่ะ )

    ขอบคุณที่ตอบคำถามค่ะ

    • govisa  On February 27, 2012 at 9:00 pm

      น้อง Neena คะ ถ้าน้องสังเกตตอนเริ่มกรอกฟอร์ม DS-160 จะเห็นว่าฟอร์มที่กรอกเสร็จแล้วจะมีอายุนานเกือบ 2 ปี ดังที่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างข้างล่างสำหรับผู้กรอกฟอร์ม DS-160 ในวันนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะอยู่ใต้หมายเลข DS-160 Application Id.ในขณะที่กรอกฟอร์ม DS-160
      OMB CONTROL NUMBER: 1405-0182
      FORM NUMBER: DS-160
      EXPIRATION DATE: 04/30/2014
      ESTIMATED BURDEN: 75 MIN

      ส่วนพินที่ใช้สำหรับนัดวันสัมภาษณ์วีซ่ามีอายุ 3 เดือนหรือ 90 วัน

      อย่างไรก็ตาม น้อง Neena สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://travel.state.gov/visa/forms/forms_4401.html น้องจะพบกับคำอธิบายในเรื่องที่เกี่ยวกับการ save ข้อมูลของน้องระหว่างที่กรอก หรือหลังการกรอกค่ะ
      How can I save my application? Can I stop in the middle of the application and return to it later?
      You can save your application or return to a partially completed application. When you begin a new DS-160, you will be issued a unique application identification (ID) number after selecting and answering a security question. Once you have your application ID number and have selected and answered a security question, you may exit the DS-160 application and return to it later. You must have your application ID to return to your application. To save your DS-160 to the Consular Electronic Application Center website, click the “Next” button at the bottom of each page you complete. You have 30 days to return to a partially completed application. To access your application after 30 days, you must save it to your computer hard drive or a disk, as explained in the FAQ below.
      How do I save my DS-160 application to my computer hard drive or a disk?
      Saving to a hard drive or disk will allow you to access your application after 30 days. To permanently save your application to your computer hard drive or a disk, select the “Save Application to File” button. Then, click the “Save” button on the File Download window. Identify a place on your computer to save the application, browse to that location, and click the “Save” button on the “Save As” window. The system will download your application to the specified location. Once the download is complete, you can click “Close” to return to the live application on our website. Note: Applications saved to the hard drive of a public or shared computer or memory device could likely be accessed by anyone else who uses the computer or device after you.

      ในความคิดเห็นส่วนตัวของพี่ ถ้าคุณพ่อน้องยังไม่สะดวกที่จะเข้าไปขอวีซ่านักท่องเที่ยวช่วงนี้ เพราะต้องเดินทางไปประเทศอื่น ให้คุณพ่อทำธุระที่ประเทศอื่นให้เสร็จก่อนก็ได้ค่ะ เพราะเป้าหมายของคุณพ่อคือจะเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาปลายปี 2555 เมื่อท่านเดินทางกลับมาจากต่างประเทศหลังจากนี้ไป 2 เดือน ค่อยมาจัดการเรื่องฟอร์ม DS-160 ให้เรียบร้อย ด้วยการลองเข้าไป retrieve ตามคำแนะนำของเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐดูก่อน ถ้าไม่ติดขัดปัญหาอะไร ก็เป็นว่าจะได้ซื้อพินสำหรับทำการนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าเลย แต่ถ้าหากมีปัญหาลองเข้าไป retrieve ข้อมูลแล้วทำไม่ได้ น้อง Neena กรอกฟอร์ม DS-160 ให้คุณพ่อใหม่ได้ แล้วค่อยซื้อพินนัดวันสัมภาษณ์ กงสุลดูข้อมูลของคุณพ่อจากหมายเลขยืนยัน DS-160 อันที่น้อง Neena นำไปใช้ในการนัดวันสัมภาษณ์ค่ะ

  • Neena  On February 27, 2012 at 11:53 pm

    ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับคำตอบและข้อมูลเพิ่มเต็มค่ะ

    • govisa  On February 28, 2012 at 5:13 am

      ยินดีค่ะน้อง Neena

  • US_lovers  On February 28, 2012 at 11:57 pm

    รบกวนสอบถามค่ะ ถ้าผู้ขอวีซ่ามียศทางทหาร หรือตำรวจ แต่ในพาสปอร์ตตอนทำไม่ได้ใส่ยศไป คำนำหน้าชื่อจึงเป็นนาย ในฟอร์ม DS-160 ตรงชื่อภาษาอ้ังกฤษ ต้องใส่ยศนำหน้าไหมคะ ตอนนี้งงๆอยู่ค่ะ เพราะเข้าใจว่าชื่อนามสกุลภาษาอังกฤษให้ใส่ตามพาสปอร์ต ส่วนตรงชื่อภาษาท้องถิ่น (ไทย) ค่อยมาใส่กำกับอีกครั้งค่ะ

    • govisa  On February 29, 2012 at 4:46 am

      น้อง US Lovers คะ วันที่น้องไปสัมภาษณ์ ใส่เครื่ิองแบบไปด้วยก็ดีนะคะ น้องใส่ชื่อยศและตำแหน่งไปเลยแล้วกันค่ะ เพราะน้องต้องมีจดหมายรับรองการทำงานไปด้วยค่ะ ถ้าการเดินทางเป็นการไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ น้องสามรถขอ passport ราชการได้ค่ะ

  • สดใส  On February 29, 2012 at 9:35 am

    สวัสดีค่ะ จะไปจองวันขอยื่นวีซ่าไปเชกค่ะไม่เคยไปต่างประเทศเลยไม่ค่อยเข้าใจวิธีการของจองวันจริงๆคือมีคนเชิญค่ะซื้อตั๋วให้เรียบร้อยเลยไปวันที่4เม.ย55 เอกสารเตรียมแล้วค่ะ
    รองหนังสือเชิญที่จะมาถึงวันที่4 มี.ค.55นี้ ไม่ทราบว่าพอจะอถิบายคราวๆให้คนไม่รู้ได้ทราบได้มั้ยค่ะ ทำอย่างไรบ้าง มันเครียดจังค่ะ ลองเจ้าไปทำแล้วที่DS160 มีถามหารหัสกลุ่ม
    ไม่ทราบว่ามันคืออะไรค่ะ รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On February 29, 2012 at 6:07 pm

      น้องสดใสคะ ถ้าจะขอวีซ่าไปประเทศเชค ไม่ต้องทำคิวนัดวันสัมภาษณ์วีซ่า ไปยื่นเอกสารการขอวีซ่าเชงเกนที่สถานทูตเชคเองเลยค่ะ น้องสดใสอ่านรายละเอียดการเตรียมเอกสารขอวีซ่าได้ที่เว็บไซต์สถานทูตเชคคือ http://www.mzv.cz/public/ff/9b/f8/436612_298416_Schengen_visa__Thai.doc
      แต่ถ้าน้องจะขอวีซ่าไปประเทศสหรัฐอเมริกาน้องต้องกรอกฟอร์ม DS-160 ให้เสร็จก่อน แล้วจึงเข้าไปทำการนัดวันสัมภาษณ์ค่ะ ส่วนตรงรหัสกลุ่มไม่ต้องกรอกนะคะ ถ้าน้องซื้อพินจากไปรษณีย์จำนวน 384 บาท ให้น้องนำรหัสพินจำนวนตัวเลข 15 หลักไปใส่ในช่องที่เขียนว่า Pin ค่ะ และการขอวีซ่าไปสหรัฐอเมริกาไม่ต้องนำตั๋วเครื่องบินไปให้กงสุลดู แต่ถ้าน้องจะขอวีซ่าไปเชคต้องนำตั๋วเครื่องบินไปแสดงพร้อมจดหมายเชิญด้วยค่ะ พี่ขอให้น้องเขียนมาถามใหม่อีกครั้งนะคะว่า น้องจะไปประทศอะไร พี่จะได้อธิบายให้เข้าใจได้มากกว่านี้ค่ะ

  • US_lovers  On February 29, 2012 at 11:24 am

    ขอบคุณค่ะ ก็คือน้องใส่ยศคุณพ่อไปเลยนะคะ แต่คุณพ่อของน้องเป็นทหารยศนายพลที่เกษียณอายุแล้ว มีคำถามดังนี้นะคะ

    1. พ่อเป็นข้าราชการบำนาญ รับเงินบำนาญทุกเดือน เอกสารก็จะมีจากกรมบัญชีกลางที่ส่งมาให้ตอนยื่นภาษีประจำปี ก็มีรายละเอียดเกี่ยวกับท่านและเงินที่ได้รับประจำปี และเอกสารข้าราชการทหารผ่านศึก เป็นภาษาไทยหมดเลย (กงสุลจะอ่านภาษาไทยออกไหมคะ) จำเป็นต้องแปลเป็นอังกฤษไหมคะ เพราะเอกสารราชการก็ทราบๆอยู่ ขออะไรๆก็ยุ่งยากไปซะหมดค่ะ จะไปขอเป็นภาษาอังกฤษเค้าบอกไม่มี

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On February 29, 2012 at 5:54 pm

      น้อง US Lovers คะ พี่ได้ลองสอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูตในกรณีของคุณพ่อของน้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ยศทางทหารค่ะเพราะในหน้าที่แสดงว่าได้รับวีซ่า จะไม่มีการระบุยศทางทหารค่ะ และยิ่งทราบว่าท่านเกษียณแล้วในวันสัมภาษณ์ท่านไม่ต้องใส่ขุดเครื่องแบบค่ะ ส่วนเอกสารทางราชการไม่ต้องแปลนะคะ ถ้าท่านดงสุลไม่เข้าใจ ท่านจะสอบถาจากเจ้าหน้าที่คนไทยอีกครั้งค่ะ

      • US_lovers  On February 29, 2012 at 6:26 pm

        ขอบคุณพี่ govisa มากเลยนะคะ ได้ความรู้มากเลยค่ะ
        ถามเพื่อเป็นความรู้นะคะ แล้วถ้าในกรณีที่ผู้ขอวีซ่า กำลังรับราชการ ทหารหรือตำรวจน่ะค่ะ เค้ามียศแต่ในพาสปอร์ตใส่แค่ mr. (ไม่ได้ใส่ยศ) ถ้าจะใส่ยศไปก็ได้ใช่ไหมคะ

      • govisa  On February 29, 2012 at 9:55 pm

        น้อง US Lovers คะ น้องใส่ยศไปในแบบฟอร์ม DS-160 ได้ค่ะ แต่เท่าที่ได้รับทราบมาคือ ในหน้าประทับตราวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาไม่ใส่ตำแหน่งทางทหารหรือตำรวจให้ค่ะ

      • US_lovers  On February 29, 2012 at 10:19 pm

        ขอบคุณมากๆนะคะ

  • สดใส  On March 2, 2012 at 4:03 pm

    สวัสดีค่ะคุณพี่Govisa
    น้องสดใสจะไปเชคเมืองปรากค่ะ ได้โทรไปจองคิวยื่นวีซ่าแล้วทางเจ้าหน้าที่่ถามว่าไปทำไม “ไปท่อนเที่ยว”เดินทางวันไหน”วันที่ 4เมษายนค่ะ” แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกให้สดใสเข้าไปจองคิวยืนวีซ่าที่www.visapoint.eu ค่ะ แล้วก็เกิดความไม่เข้าใจเกิดขึ้นในการทำเอกสารค่ะ
    นั้นรบกวนขอความช่วยเหลืออีกครั้งนะค่ะขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On March 2, 2012 at 9:01 pm

      น้องสดใสคะ พี่ขอโทษที่ตอบไปตอนแรกว่า ไม่ต้องทำคิวนัด พี่เคยทำนานแล้ว จากเว็บไซต์ http://www.mzv.cz/bangkok/en/news/x2012_01_27_visa_point_for_schengen.html จึงทราบว่า เขาเริ่มใช้วิธีการนัดคิวสัมภาษณ์วีซ่าประมาณวันที่ 27 มกราคม 2555 พี่จึงขอโทษน้องสดใสอีกครั้งที่ไม่ได้อัพเดทข้อมูลตรงนี้ค่ะ พี่ได้ลองเข้าไปใน http://www.visapoint.eu แล้ว พบว่าตอนนี้ยังไม่เปิด slot วันว่างให้จองเลยค่ะ คาดว่าคงใกล้ช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มดีขึ้น นักท่องเที่ยวคงเริ่มทะยอยขอว๊ซ่าไปเที่ยวประเทศต่างๆกัน คิวจึงแน่น ตรงช่องที่ให้เลือก request of appointment date and time (เลือกวันและเวลานัด) ขึ้นประโยคที่ว่า” Choose an appointment date and time. If there is no date and time available, all slots are occupied. Please try again in few days.” ให้น้องหมั่นเข้าไปดูทุกวันและดูบ่อยๆนะคะ เมื่อเขาเปิดวันที่ให้จองรีบคลิกจองวันและเวลาเลยค่ะ ส่วนเอกสารที่ใช้มีดังนี้ คือ
      1. หนังสือเดินทาง จะต้องมีอายุใช้งานได้อย่างน้อยอีก 3 เดือนโดยนับจากวันสิ้นสุดวีซ่าที่ระบุไว้, สำเนาหนังสือเดินทางหน้าคู่ที่มีข้อมูลของohv’รวมไปถึงสำเนาหน้าที่มีวีซ่าที่ออกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
      2. รูป สีขนาด 3.5 x 4.5 เซนติเมตร 1 ใบ
      3. หลักฐานทางการเงิน สำหรับใช้ในการเดินทางและพำนักอาศัย เช่นจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร สมุดบัญชีเงินฝากพร้อมถ่ายสำเนาเอกสารย้อนหลัง 6 เดือน
      4. หลักฐานยืนยันที่พักอาศัย สำหรับตลอดการพำนักอาศัย เช่น voucher จากโรงแรมที่ได้จองไป ควรระบุวันที่เข้าพัก หมายเลขหนังสือเดินทาง พร้อมตราประทับของโรงแรม และลายเซ็นต์จากเจ้าหน้าที่โรงแรม
      5. หลักฐานการเดินทางกลับประเทศไทย (ใบจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ ที่ผ่านการชำระเรียบร้อยแล้ว )
      6. เอกสารอื่นๆ เพื่อการยืนยันข้อมูลในใบคำร้อง โดยเฉพาะยืนยันเหตุผลของการพำนักอาศัย อาทิ แผนการการเดินทางท่องเที่ยวว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างเขียนเป็นภาษาอังกฤษ
      7. จดหมายรับรองการทำงานจากนายจ้าง ระบุตำแหน่งงาน วันแรกที่เข้าทำ และเงินเดือนค่ะ
      8. เอกสาร ข้อ 3 และ 4 สามารถใช้ จดหมายเชิญ อย่างเป็นทางการที่ได้รับการยืนยันจากประเทศสาธารณรัฐเชก แทนได้
      9. หลักฐานประกันสุขภาพและอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางตัวจริง พร้อมสำเนา
      10. อย่าลืมกรอกแบบฟอร์มใบสมัครได้ที่ http://www.mzv.cz/public/45/84/57/525242_423344_zov_EN.pdf มีทั้งหมด 4 หน้าค่ะ หรือจะเข้าไปเริ่มอ่านที่หน้าตั้งต้นของกระทรวงการต่างประเทศเชคก็ได้ค่ะ
      พี่ขอแนะนำเพิ่มเติมว่า ให้นำพวกทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน พร้อมสำเนาติดไปด้วยเผื่อต้องใช้ จะได้ไม่เสียเวลาต้องกลับมาเอาเอกสารไปเพิ่ม รวมทั้งการใช้ผู้อื่นเป็นผู้ค้ำประกันลองโทรสอบถามสถานทูตว่า มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่หรือไม่ ควรนำผู้ค้ำประกันไปเซ็นต์ชื่อต่อหน้าเวลายื่นเอกสารวีซ่า หรือนำสำเนาบัตรประชาชนของผู้ค้ำประกันไปเพียงอย่างเดียวก็พอนะคะ กรรีสมรสแล้วควรมีใบทะเบียนสมรสพร้อมสำเนาติดไปด้วย หรือถ้ามีการเปลี่ยนชื่อนามสกุลควรมีใบเปลี่ยนชื่อนามสกุลไปด้วย
      11. ค่าธรรมเนียมยื่นขอวีซ่า 60 ยูโร ชำระเป็นเงินบาท เตรียมเงินติดตัวไปประมาณ 2500 ถึง 3000 บาท กันฉุกเฉินค่ะ

      อนึ่ง ระยะเวลาการพำนักอาศัยใน พื้นที่กลุ่ม Schengen ไม่เกิน 90 วันใน 180 วัน นับจากวันที่เดินทางเข้าครั้งแรก และระยะเวลาพิจารณาเอกสารวีซ่าสูงสุด 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ทำการยื่น ในกรณีของพลเมืองสมาชิกของกลุ่มสหภาพยุโรปสูงสุด 14 วัน (โดยปกติระยะเวลาคือ 10 วัน นับจากวันที่ทำการยื่นจนถึงการออกวีซ่า) การออกวีซ่าเป็นไปตามดุลยพินิจที่สุขุมรอบคอบ การปฏิเสธออกวีซ่าถือว่าสิ้นสุดเด็ดขาดและไม่รับอุทธรณ์ เหตุผลสำหรับการปฏิเสธวีซ่าจะให้กับผู้ยื่นเป็นลายลักษณ์อักษร

      ข้อสังเกต สถานทูตเชค ต้องการดูเอกสารตัวจริง พร้อมสำเนาที่ถ่ายเอกสารแล้วอย่างละ 1 ชุดค่ะ รีบเตรียมเอกสารและนัดวันสัมภาษณ์ให้ได้ เดี๋ยวจะไปไม่ทัน 4 เมษายนนี้ค่ะ

  • สดใส  On March 3, 2012 at 11:45 am

    ขอบคุณมากๆคะสำหรับข้อมูลที่หามาให้สดใส มีคำถามสอบถามเพิ่มค่ะ1.ตอนที่ทำการสมัครทางเว็บไซด์ไปแต่น้องไม่ได้ใส่รหัสPINไปด้วยค่ะเพิ่งไปซื้อมาที่ไปรษณีย์ แล้วต้องทำอย่างไรต่อค่ะ
    และ 2.สดใสไม่ได้ทำงานประจำค่ะ ทำธุรกิจขายตรง ต้องใช้เอกสารอะไรประกอบค่ะ เริ่มกังวลมากๆเพราะหากไม่ทันต้องเสียเงินเลื่อนตั๋วอีกด้วย เฮ้ย…การไปต่างบ้านต่างเมืองมันช่างท้าทายความอดทนซะจิง ต้องบอกไว้ก่อนนะค่ะ ว่าเป็นครั้งแรกจริงๆที่จะได้ไปต่างประเทศ หากสดใสถามมากไปต้องขออภัยนะค่ะ รบกวนช่วยด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On March 3, 2012 at 4:05 pm

      น้องสดใสคะ
      1. น้องเขียนถามว่าสมัครทางเว็บไซต์ไม่ได้ใส่รหัสพินไป เมื่อเช้าพี่ดูที่ http://www.visapoint.eu เห็นมีวันที่ 2 เมษายนยังว่างอยู่ พอตกบ่าย 2 โมงคิวนัดวันที่ 2 เมษายนไม่ว่างแล้ว พี่คิดว่าน้องน่าจะทำการจองคิวนัดวันสัมภาษณ์ให้ได้ก่อนกรอกฟอร์มวีซ่านะคะ เดี๋ยวจะไม่ได้เดินทางวันที่ 4 เมษายนค่ะ อีกประการหนึ่งพี่พยายามเช็คกับไปรษณีย์ให้น้องว่า วีซ่านัดวันสัมภาษณ์ของเชคต้องจ่ายเงินซื้อพินด้วยหรือ พี่ได้พยายามลองหาข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นที่เชี่ยวชาญเรื่องของสาธารณรัฐเชค ก้ไม่เห็นที post ข้อความว่าต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อพินที่ไปรษณ๊ย์มาใช้ในการนัดวันสัมภาษณ์ มีเว็บไซต์หนึ่งที่น่าสนใจ คือ http://www.netnapa.net/index.php/2011-06-30-18-44-16.html พี่อาจจะช่วยน้องไม่ได้ดีนีก น้องจะลองเขียนอีเมล์ถามจากเว็บไซต์ดังกล่าวดูไหม เผื่อจะได้ทันเวลา อย่างไรก็ตามพี่จะพยายามหาข้อมูลเพิ่มให้และจะแจ้งไปให้ทราบภายหลังนะคะ
      2. การที่น้องทำธุรกิจขายตรง น้องน่าจะมีหลักฐานเรื่องการสั่งซื้อสินค้าที่เป็นพวกใบเสร็จจากบริษัทที่น้องสั่งซื้อ อาจจะเป็น อาทิ แอมเวย์ หรืออื่นๆบ้างไหม ถ้ามีช่วยรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน อีกประการหนึ่งคนที่เป็นหัวหน้าทีมของน้องน่าจะช่วยออกจดหมายกึ่งทางการให้น้องได้ไหมว่า น้องเป็นลูกทีมของเขา และน้องเป็นพนักขายที่ดีมีคุณภาพ ปีหนึ่งจะมีรายรับโดยประมาณเป็นเงินเท่าไหร่ค่ะ
      พี่ไม่รำคาญหรอกนะคะที่น้องสดใสถามมา พี่ขออกตัวว่า พี่ไม่ถนัดเรื่องการขอวีซ่าของประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออกนัก แม้เชคจะเข้ามาเป็นสมาชิกเชงเกนแล้วก็ตาม บางประเทศในกลุ่มเชงเกนเองก็มีกฎเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆ ซึ่งคำถามที่น้องถามพี่มามีประโยชน์มาก เพราะทำให้พี่ได้เรียนรู้ร่วมกันไปกับน้อง และพี่ก็ยินดีช่วยน้องหาข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ เพื่อให้น้องได้เดินทางไปตามที่น้องได้ฝันค่ะ จะพยายามหาเรื่องพินให้ ตอนนี้น้องลองเขียนไปถามตามที่อยู่ที่แนะนำก่อนดีไหมคะ และลองพยายามนัดวันให้ได้นะคะ ตอนนี้น่าจะเลยวันที่ 2 เมษายนไปแล้วค่ะ

  • US_lovers  On March 4, 2012 at 12:07 am

    พี่ Govisa คะ รบกวนถามคำถามหน่อยนะคะเรื่องวีซ่าอเมริกาค่ะ
    พอดีมีพี่ที่รู้จักเค้าเคยขอวีซ่าประมาณหลายปีที่แล้ว แต่กงสุลเรียกเอกสารเพิ่มเติมให้เอามาให้อีกครั้งในวันถัดไป แต่เค้าไม่ได้ไปยื่นอีกน่ะค่ะ เพราะเค้าบอกว่าไม่มีเวลาไปยืนต่อคิวยื่นเอกสารที่สถานทูต ทีนี้คาดว่า status น่าจะยังค้างอยู่ที่สถานทูต เพราะข้างหลัง passport เค้ามี stamp จากสถานทูตว่ารับเอกสารไว้เมื่ิอวันทีนี้ แต่เวลาล่วงเลยมาหลายปีแล้ว record จะยังอยู่ในระบบใช่ไหมคะ อย่างนี้การขอวีซ่่าครั้งต่อไปจะมีปัญหาอะไรไหมคะ อย่างนี้จะเรียกว่าเคยถูกปฏิเสธวีซ่าหรือไม่คะ เพราะมีช่องให้ตอบว่าเคยถูกปฏิเสธวีซ่ารึเปล่าน่ะค่ะ ช่วยตอบหน่อยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On March 4, 2012 at 8:15 pm

      น้อง US_lovers คะ สถานทูตจะเก็บ record ไว้เป็นสิบปีค่ะ ผู้ที่ถูก stamp ด้านหลัง passport คือ ผู้ที่ขอวีซ่าไม่ผ่านค่ะ อาจมีบ้างบางกรณีที่สถานทูตขอดูเอกสารเพิ่ม ซึ่งพี่คนดังกล่าวน่าจะนำไปให้ดู พี่คิดว่า พี่คนดังกล่าวอาจจะไม่ได้อธิบายให้น้อง US-lovers ฟังครบถ้วนหรือเปล่าคะ เขาอาจจะมีเหตุผลอื่น เช่น หาเอกสารดังกล่าวไม่ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ การยืนรอคิวหน้าสถานทูตสมัยก่อนบางท่านในยุคนี้กลับชอบมากกว่าทำคิวนัดสัมภาษณ์ในยุคนี้ แล้วจองวันนัดไม่ได้ก็มีนะคะ นานาจิตตังจริงๆค่ะ ดังนั้นในฟอร์ม DS-160 คงต้องใส่ว่า เคยขอวีซ่าแต่ไม่ได้รับวีซ่าค่ะ และถ้ากงสุลมีคำถามพาดพิงไปถึงครั้งก่อนก็พยายามตอบคำถามข้อนั้นให้ได้นะคะ เพราะเวลาผ่านมาหลายปีแล้ว พี่คนดังกล่าวอาจจมีความสุขุมรอบคอบขึ้น และพอจะหาทางแก้ไขปัญหาข้อนั้นได้ แต่ถ้าไม่แน่ใจจะเขียนมาถามอีกทีก้ได้ค่ะ

  • สดใส  On March 4, 2012 at 4:55 pm

    สวัสดีค่ะ สดใสเข้าใจมากขึ้นค่ะ และการสมัครไม่ต้องใช้พินค่ะ ถือว่าเราซื้อวิชาขอวีซ่านะค่ะขำดีเหมือนกันค่ะ คงไม่ทันแล้วค่ะ ก้อต้องเลื่อนตั๋วเอา มีคำถามต่อนะค่ะ1. การเลื่อนตั๋วสดใสต้องเลื่อนเอง หรือให้คนที่ซื้อเลื่อนค่ะ และต้องเผื่อวันไปประมาณกี่วันค่ะ ค่าเลื่อนตั๋วประมาณกี่บาทค่ะสายการบินลุคฮันซ่า 2. กรณีว่างงาน ให้ทำหนังสือรับรองตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ มันต้องเขียนประมาณไหนค่ะ ถึงจะดีหรือถูกต้องตามที่สถานฑูตต้องการต้องมีรายละเอียดอะไรบ้าง ขอบคุณมากนะค่ะ การเดินทางครั้งนี้จะไม่ลืมพี่ที่น่ารักแบบนี้เลยค่ะเพราะที่ผ่านมาหากไม่ได้พี่ตอบข้อสงสัย คงงมโข่งอีกนานค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

    • govisa  On March 4, 2012 at 9:00 pm

      น้องสดใสคะ อ่านสำนวนน้องแล้วดูน้องเป็นคนอารมณืดีจังนะคะ ดีแล้วค่ะที่น้องมองโลกได้สดใสสมชื่อน้องเลยค่ะ พี่เคยอ่านบางเว็บไซต์มีหลายคนหงุดหงิดถ้าไม่ได้วันนัดสัมภาษณ์ตรงตามที่วางแผนจะไปเที่ยว น้องทุกคนควรทราบว่า ถ้าจะไปเที่ยวในช่วงฤดูกาลที่หลายคนไปเที่ยว เปรียบเทียบไปแล้วก็จะไม่แตกต่างจากเวลาคนกรุงเทพออกไปเที่ยวต่างจังหวัดเวลามีวันหยุดยาวๆค่ะ เพราะทุกอย่างต้องแย่งกันทั้งเรื่องซื้อตั๋วเดินทาง เรื่องที่พัก และอาหารการกินค่ะ กรณีนี่ก็เป็นการแย่งคิววันนัดสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ ขอเพิ่มเติมว่าช่วงมิถุนายนนี้ ใครอยากจะไปประเทศอังกฤษต้องระวังเรื่องการวางแผนนัดวันสัมภาษณ์ให้ดี เพราะปีนี้ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค คิวนัดวันสัมภาษณ์แน่นแน่นอนค่ะ และตั๋วเครื่องบินรวมทั้งค่าที่พักก็น่าจะมีราคาแพงด้วยค่ะ
      ส่วนคำถามที่ถาม
      1. เรื่องตั๋วเครื่องบิน ถ้าน้องใช้อินเทอร์เน็ตได้คล่อง สามารถเปลี่ยนวันเดินทางเองได้ค่ะ ก็ทำเองได้เลยค่ะ แต่มีข้อสังเกตนิดหนึ่ง คือ การขอเปลี่ยนตั๋ว ถ้าซื้อราคาถูกมากๆอาจจะไม่อนุญาตให้เปลี่ยนวันเดินทาง แต่ถ้าซื้อแพงหน่อยน้องจะสามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้ บางสายการบินคิดค่าบริการการเปลี่ยนวันเดินทางด้วย หากไม่แน่ใจจะลองถามแอร์ไลน์ที่น้องสดใสจองไปก่อนก็ได้ว่า ตั๋วของน้องจองในคลาสไหน ดูไม่เป็น ให้นำตั๋วเครื่องบินไปให้สำนักงานของสายการบินแห่งนั้นดูให้ และถามเขาว่า เลื่อนวันเดินทางได้ไหม มีค่าบริการไหม เป็นต้น และถ้าอยากเปลี่ยนแปลงแก้ไขเองก็ทำได้เองเลยค่ะ หรือถ้าจะเอาง่ายๆก็ไปปรึกษาเอเจนซี่ที่ขายตั๋วให้เขาเปลี่ยนให้ แต่เลื่อนวันเดินทางออกไปให้ไกลเป็นเดือนเลยดีกว่าไหมคะ เพราะพี่ไม่ทราบว่าน้องจะได้คิวนัดสัมภาษณ์วันไหน และถ้าน้องยื่นเอกสารครั้งแรกครั้งเดียวแล้วจบเลยก็ดี พี่เห็นมีบางถูกเรียกให้นำเอกสารไปเพิ่มที่สถานทูตเชค ถ้าเป็นกรณีหลังนี้ พี่เกรงว่า จะทำให้น้องเสียเวลายืดออกไปได้ค่ะ
      2. น้องสดใสลาออกจากงานมามีวัตถุประสงค์อะไรหรือเปล่าคะ น้องต้องการหยุดงานเก่าเพื่อเปลี่ยนไปทำงานที่ใหม่ หรือจะลาออกมาทำงานที่บ้านคะ เพราะการรับรองการว่างงานดูแปลกๆอยู่ พี่เกรงว่ากงสุลเขาจะเข้าใจผิดว่า น้องไม่อยากทำงานและอยากอยู่บ้านเฉยๆหรือเปล่า นั่น คือเหตุผลที่พี่ถามว่า น้องลาออกจากงาน เพราะมีแผนที่จะไปทำอะไรหรือเปล่าคะ ไม่อย่างนั้น ถ้าที่บ้านทำธุรกิจ ก็ให้ที่บ้านออกจดหมายรับรองว่า ทำงานกับที่บ้านไปดูดีกว่าไหมคะ

  • US_lovers  On March 4, 2012 at 8:25 pm

    ขอบคุณพี่ Govisa มากค่ะ

  • Mallika  On March 4, 2012 at 9:42 pm

    พี่คะ สอบถามหน่อยค่ะ คือหนูเพิ่งเรียนจบ อยากจะไปเที่ยวพักผ่อนอเมริกาซักสามเดือนหนะค่ะ ต้องยื่นเอกสารอะไรมั่งคะ หนูผ่อนรถยนต์กับทางธนาคารเกียรต์นาคินด้วยค่ะ ต้องใช้ใบทรานสคริปและเอกสารรับรองจากมหาวิทยาลัยมั้ยคะ

    • govisa  On March 5, 2012 at 12:42 am

      น้อง Mallika คะ น้องไม่ต้องใช้ใบรับรองจากทางมหาวิทยาลัยว่ากำลังศึกษาอยู่ เพราะน้องไม่ได้มีสถานภาพว่าจะต้องกลับมาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้นแล้วค่ะ เวลาขอวีซ่านักท่องเที่ยว น้องคงต้องใส่ว่าน้องยังไม่มีงานทำ (unemployed) ส่วน Transcript ไม่ต้องแสดงเวลาขอวีซ่านักท่องเที่ยว ยกเว้นน้องที่ยังกำลังศึกษาอยู่ต้องแสดงค่ะ ในกรณีของน้องพี่แนะนำให้นำTranscript ไปด้วยและควรมีใบรับรองทำนองว่า น้องเรียนจบและได้รับปริญญาชื่ออะไร เช่น B.A.in ชื่อวิชา Major ค่ะ การแสดงฐานะทางการเงินถ้าน้องมีสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ให้ขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารและนำสมุดบัญชีเงินฝากจากธนาคารไปด้วย อย่างไรก็ตาม พี่ขอแนะนำให้นำจดมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครองไปเพิ่มด้วยจะดูว่า น้องมีอะไรผูกพันกับที่บ้่าน ถ้าเงินในบัญชีของน้องมีน้อย ฐานะของผู้ปกครองจะมีส่วนช่วยน้องได้ว่า ผู้ปกครองมีความสามารถที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้น้องได้ค่ะ

      อนึ่งพี่ไม่แนะนำให้น้องขอวีซ่าโดยบอกว่าจะไปเที่ยวนาน 3 เดือน เพราะนานเกินไปค่ะ ขอไปเที่ยวประมาณ 20 วันดูน่่าจะเหมาะสมกว่า เพราะยังพอพูดได้ว่า ที่บ้านให้รางวัลที่น้องเพิ่งเรียนจบมา หลังจากนั้นน้องจะต้องกลับมาหางานทำที่เมืองไทยต่อไป วีซ่านักท่องเที่ยวมีอายุนาน 10 ปีซึ่งหมายความว่าในช่วงระยะเวลา 10 ปีน้องสามารถเดินทางเข้าและออกสหรัฐอเมริกาโดยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ

  • Mallika  On March 5, 2012 at 1:35 am

    ขอบคุณมากนะคะ สำหรับคำตอบ จะขอสอบถามเพิ่มเติมนะคะ
    1.เรื่องการจองโรงแรมที่พักหละคะ จะต้องใส่ยังไงหรอคะ เพราะว่าหนูก็ไม่กล้าเสี่ยงไปจองตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมไว้ก่อน เผื่อไม่ได้ขึ้นมาเสียเงินแย่เลยค่ะ
    2. เรื่องของเอกสารทางการเงินค่ะ จำนวนเงินเท่าไหร่ที่จะดูสมเหตุสมผลกับการไปเที่ยว20วันคะ
    3. จริงๆมีญาติอยู่ที่ซีแอตเติลเลยค่ะ แต่ไม่คิดจะบอกว่ามีญาติเป็นซิติเซ่นเลยค่ะ กลัวเค้าจะคิดว่าเรามีลู่ทางไปทำงาน อย่างนี้เค้าจะรู้มั้ยคะ ไม่เคยขอวีซ่ามาก่อนนะคะ
    4. เอกสารการผ่อนรถที่เป็นชื่อเรานี่มีความจำเป็นต้องนำไปแสดงให้เค้าดูม้ยคะ

    • govisa  On March 5, 2012 at 6:48 am

      น้อง Mallika
      1. เรื่องที่พัก น้องจะเดินทางเข้าอเมริกาที่เมืองไหนคะ ค้นหาจากใน google ดูว่าเมืองนั้นมีที่พักราคาประมาณเท่าไร มิเช่นนั้น ขอแนะนำให้ตอบท่านกงสุลว่าไปกับบริษัททัวร์ โดยน้องไปขอใบรายการนำเที่ยวจากบริษัททัวร์มาศึกษาดูนะคะ เขาจะมีชื่อโรงแรมให้ด้วย ถ้าไม่รู้ที่อยู่ของโรงแรมที่ทัวร์จะพาไปพัก ให้ถามทางบริษัททัวร์หรือค้นหาเองจากใน google ได้ค่ะ
      2. เงินในบัญชีธนาคารของคุณพ่อคุณแม่ถ้าบอกว่ามีหนึ่งล้านวีซ่าผ่่านได้ง่ายกว่าจะบอกว่ามีอยู่น้อยค่ะ การไปเที่ยว 20 วันใช้เงินเกือบสามแสนบาทค่ะ น้องน่าจะมีิงินในบัญชีมากหน่อยสักประมาณสี่ห้าแสนบาทค่ะ
      3. คำถามใน DS-160 จะถามว่ามีคนรู้จักให้อ้างอิงในสหรัฐอเมริกา น้องคงต้องใส่ชื่อญาติอยู่ดีค่ะ ถ้าจะเลี่ยงก็ต้องบอกว่าน้องไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ และใส่ชื่ออ้างอิงเป็นบริษัททัวร์ไปค่ะ
      4. หลักฐานประกันรถไม่ไ้ใช้ค่ะ น้องอาจจะไปอ่านกระทู้ที่น้องท่านหนึ่งเขียนมาถาม กรณีของน้องท่่านนั้นมีเงินน้อยมากและเป็นบัญชีที่เพิ่งมีการนำเงินเข้าและน้องเขามีเรื่ิงการผ่อนบ้านผ่อนรถ ซึ่งพี่ไม่คิดว่าเป็นหลักฐานที่ดีที่จะทำให้กงสุลเชื่อว่าน้องไปแล้วจะกลับ แต่กรณีน้องท่านนั้น คือเขาไม่มีอะไรที่มั่นคงทางการเงินที่จะนำไปแสดง ก็เลยแนะนำให้เขานำหลักฐานการผ่อนรถไปด้วย พี่ไม่ทราบว่า น้องเขาผ่านวีซ่าไหมนะคะ

      • Mallika  On March 13, 2012 at 10:28 am

        พี่คะ อยากสอบถามเรื่องเอกสารอีกซักหน่อยหนะคะ คือ อย่างที่กล่าวนะคะ เพิ่งเรียนจบมาค่ะ กำลังหางานทำ ถ้าเกิดว่าเราเซ้นสัญญากับบริษัทหนึ่งในเดือนเมษาอ่ะค่ะ ซึ่งกำหนดวันเริ่มงานประมาณ 21 พฤษภา ทีนี้หนูได้วันสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยว วันที่ 17เมษาค่ะ กำหนดการที่จะไปเที่ยวคือ 10-19 เมษา จองโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะมีใบจองด้วย แต่ตั๋วเครื่องบินยังไม่ได้จอง อย่างนี้พอจะเอาสัญญาจ้างไปประกอบการแสดงหลักฐานความผูกพันธ์กับประเทศไทยได้มั้ยคะ

        เอกสารที่มีตอนนี้นะคะ
        1. ใบสเตจเม้นของคุณย่า ผู้เป็นสอนเซอร์ออกค่าโรงแรมและตั๋วเครื่องบินให้ มียอดเงินเข้าทุกเดือน ยอดเงินเหลือ 800,000ค่ะ ย่าทำอพาร์ทเม้นค่ะ
        2. ใบจองโรงแรมในเมือง LA
        3. สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านของย่า และมีนามบัตรของอพาร์ทเม้นท์ด้วยค่ะ
        4. Book Bank ของหนูเอง ยอดเงินเหลือ 50000 บาท จะใช้เป็น pocket money
        5. แผนการท่องเที่ยว ทำเอง เที่ยวแค่ใน Los Angeles
        6. Transcript และ ใบรับรองจบการศึกษา
        7. สัญญาจ้าง คาดว่าน่าจะได้ก่อนไปสัมภาษณ์ค่ะ

        แต่ปัญหาที่ค้างคาใจคือ กรอก DS160 ไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่บอกไปว่าจะไปกับทัวร์ค่ะ ไปประมาณ 30พฤษภา หากเราเปลี่ยนแผน อย่างนี้จะเป็นอะไรมั้ยคะ เพราะว่าพอดูแล้วไม่อยากไปกับทัวร์อ่ะค่ะ บางสถานที่เราก็ไม่ได้อยากไปอ่ะค่ะ อีกอย่างคือ หากต้องเริ่มงาน 21พฤษภาอ่ะค่ะ ก็ต้องเลื่อนวันไปให้เร็วขึ้น อย่างนี้จะเป็นอะไรมั้ยคะ แบบว่าข้อมูลไม่ตรงกันอ่ะค่ะ

      • govisa  On March 13, 2012 at 12:20 pm

        น้อง Mallika คะน้องคงต้องนำสัญญาว่าจ้างไปให้สถานทูตดูค่ะ เพราะทางบริษัทคงจะยังไม่ออกจดหมายรับรองการทำงานให้ เพราะถ้าสมมติน้องเข้างาน 2 เมษายน ทำงานอาทิตย์เดียวคงยังไม่สามารถลาหยุดพักผ่อนเกือบ 10 วันไปเที่ยวได้ค่ะ ส่วนที่พี่แนะนำให้ไปกับทัวร์ไม่ได้แปลว่าต้องไปกับทัวร์จริงๆ เพราะเราสามารถเปลี่ยนใจได้ค่ะ พี่เห็นว่าน้องเป็นผู้หญิงเพิ่งเรียนจบมาดๆ เดินทางคนเดียว พี่ไม่มั่นใจหลายอย่างในการที่น้องจะถูกสัมภาษณ์ เพราะสถานภาพทางสังคมน้องยังไม่มั่นคงในประเทศไทย คือ ยังไม่มีการงานที่ชัดเจน และเมื่อพี่เห็นบัญชีส่วนตัวน้องก็ไม่ได้มีตัวเลขที่แสดงว่ามีพอสมควรในระดับหนึ่งที่จะดูแลตนเองได้ค่ะ พี่เลยเกรงว่า กรณีของน้องจะเสี่ยงต่อการพิจารณาวีซ่าว่าจะมีความผูกพันมากน้อยแค่ไหนที่จะกลับประเทศไทยหรือเปล่าเท่านั้นเองค่ะ

        พี่ขออนุญาตมาตอบเพิ่มเติม เพราะตอบครั้งแรกไม่เห็นข้อความส่วนท้ายๆของน้องทั้งหมด เรื่องวันเเดินทางที่แจ้งตอนกรอกฟอร์มกับวันเดินทางที่จะเดินทางจริงๆอาจจะไม่ตรงกันได้ค่ะ เพราะเราอาจจะมีการเปลี่ยนแผนการเดินทางกระทันหันได้ค่ะ อย่ากังวลเรื่องนี้ค่ะ

  • aey  On March 5, 2012 at 1:43 am

    สวัสดีค่ะ อยากจะสอบถามเรื่องการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาซักสองอาทิตย์ค่ะ หนูเป็นพนักงานบริษัทเอกชนเงินเดือน 16000ค่ะทำมาเกือบสามปีแล้ว อยากจะไปพักผ่อนค่ะ ต้องมีเอกสารอะไรมั่งคะ เงินในบัญชีเท่าไหร่คะที่จะเหมาะสมกับการไปเที่ยว และหากว่าลูกพี่ลูกน้องเค้าโอนเงินเข้าบัญชีเราหนึ่งแสนจะพอมั้ยคะ จะเป็นอะไรมั้ยคะที่อยู่ดีๆก็มีเงินเข้าเป็นก้อนใหญ่

    • govisa  On March 5, 2012 at 6:32 am

      น้อง Aey คะ น้องมีเงินเก็บในบัญชีธนาคารไหมคะ น้องทำงานมานานสามปีควรมีเงินเก็บเป็นเลขหลักแสนต้นๆได้ค่ะ ถ้าญาตินำเงินมาใส่ในบัญชีหนึ่งแสน ถ้านำมาใส่หลายเดือนแล้วคงไม่เป็นไร แต่ถ้าเพิ่งนำมาใส่ในบัญชีเร็วๆนี้อาจจะมีึคำถามเกิดขึ้นได้ค่ะ น้องอาจจะต้องชี้แจงที่มาของเงินหนึ่งแสนนี้ด้วยการอธิบาบเหตุผล เช่น ญาติหรือเพื่อนขอยืมเงินไปและนำมาใช้คืน หรือญาติให้ไว้ใช้จ่ายไปเที่ยว เพราะน้องเป็นหลานรักของญาติค่ะ ส่วนคำถามที่ถามว่าน้องต้องมีเงินในบัญชีเท่าไร โดยปกติก็ดูจากจำนวนวันที่น้องจะเดินทางไปเที่ยวและรัฐที่น้องจะไปมีค่าครองชีพสูงไหม ถ้าน้องไม่ทราบลองหาข้อมูลดูในหน้าโฆษณาของพวกบริผษัทนำเที่ยวที่พาไปเที่ยวสหรัฐฯดูเป็นแนวทางค่ะ ส่วนใหญ่อาทิตย์หนึ่งก็แปดถึงเก้าหมื่นบาทแล้ว ถ้าน้องไปเองให้คำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าโรงแรม ค่าอาหาร ค่าเดินทาง สหรัฐอเมริกามีการบริการการเดินทางโดยรถสาธารณะไม่ค่อยดีนัก เพราะประเทศกว้างใหญ่ รถเมล์มีบริการไม่ถูกใจนักท่ิงเที่ยวเพราะบางเมือง 40 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมงมาหนึ่งคัน แท็กซี่ต้องเรียกจากศผูนย์ รถใต้ดินมีเป็นบางเมืองคนอเมริกันจึงขับรถไปไหนมาไหนเอง ดังนั้นพี่ขอแนะนำว่าน้องควรมีเงินในบัญชีประมาณสามแสนบาทขึ้นไปค่ะ

  • daoluksi  On March 6, 2012 at 3:29 pm

    สวัดดีค่ะ มี visa เข้าสหรัฐอเมริกาเป็น visa MULTIPLE INDEFINITELY ทำปี 1988 แต่ passport หมด 1992 ตอนนี้ไปทำใหม่แล้วอยากถามว่า visa ยังใช้ได้อีกไหมค่ะ แล้วจะทำยังไงต่อค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 6, 2012 at 5:32 pm

      น้อง Daoluksi คะ สถานทูตได้ประกาศยกเลิกวีซ่าดังกล่าวไปแล้วค่ะ ใครที่มีวีซ่า indefinitely เมื่อต้องทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ ต้องขอวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาใหม่ทุกคนค่ะ

  • สดใส  On March 6, 2012 at 8:48 pm

    ขอบคุณค่ะ พี่ค่ะ ตอนนี้สดใสได้วันยื่นวีซ่า8 มีนาคมนี้ค่ะ 10โมงเช้าค่ะไปที่ซ.ร่วมฤดี2ถนนเพลินจิตถูกต้องนะค่ะ เรื่องว่างงานคือสดใสถูกจ้างออกค่ะตั้งแต่31สิงหาคม2554 เป็นช่วงที่คุณพ่อเข้ารักษาตัวเนื้องอกในสมอง สดใสเลยได้หยุดทำงานดูแลคุณพ่อจนถึงทุกวันนี้แ
    ละได้ทำธุรกิจขายตรงแอมเวย์ไปด้วยค่ะ เห็นในคำเเนะนำว่าใครว่างงานสามารถทำหนังสือรับรองตนได้ สดใสได้เขียนประมาณว่า ว่างงานและทำแอมเวย์ไปด้วยได้มั้ยค่ะ ตื่นเต้นค่ะ
    อยากทำให้ผ่านค่ะ คือสดใสทำรับรองเองค่ะได้มั้ย และต้องเเตรียมพวกใบเสร็จที่ซื้อของสดใสมีคะ และหนังสือที่แอมเวย์แจ้งการยื่นภาษี พอจะเป็นหลักฐานได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ ขอรบกวนแบบสุดๆๆนะค่า ^-^

    • govisa  On March 6, 2012 at 10:23 pm

      น้องสดใสเก่งมากค่ะที่ได้คิวนัดสัมภาษณ์วันที่ 8 มีนาคมนี้ สถานทูตเขาเปิดวันเพิ่มหรือคะ หรือฝากใครจองให้หรือเปล่าคะ เพราะเมื่อวันหยุดที่ผ่านมาพี่ลองเข้าไปดูวีซ่าของสถานทูตเชคเป็นวันที่ 2 เมษายนแล้ว น้องคงมีดวงที่จะได้เดินทางไปเที่ยวค่ะ
      น้องอาจจะเขียนจดหมายอธิบายไปว่า น้องมาช่วยคุณแม่ดูแลคุณพ่อที่ป่วย บัดนี้คุณพ่ออาการดีขึ้นแล้วอะไรทำนองนี้นะคะ ทำให้น้องพยายามหางานที่ไม่ต้องมีกฎระเบียบเข้มงวดในการเข้าออกงาน นั่นคือน้องมาทำงานขายตรงของบริษัทแอมเวย์ มีรายรับโดยเฉลี่ยต่อเดือนประมาณเท่าไร หรือจะบอกเป็นต่อปีประมาณเท่าไรก็ได้นะคะ น้องจะเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนประมาณกี่วัน หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานและมาดูแลคนในครอบครัวต่อไปค่ะ
      ที่อยู่สถานทูตเชค http://www.noahstravel.net/images/introc_1214801532/090319–Embassy%20of%20Czech.pdf
      โชคดีค่ะ

  • daoluksi  On March 6, 2012 at 9:30 pm

    ขอบคุณ govisa มากๆค่ะ

  • daoluksi  On March 8, 2012 at 3:01 pm

    ขอถามต่อค่ะ ถ้าไปขอใหม่โอกาสจะได้ visa มีสูงไหมค่ะ แล้วได้ประมาณกี่ปีค่ะ ไปชื้อ pin มาแล้วค่ะ

    • govisa  On March 8, 2012 at 10:15 pm

      น้อง Daoluksi คะ การที่น้องจะได้หรือไม่ได้วีซ่านั้น ขึ้นอยู่กับเหตุผลหลักๆ 2 ประการคือ 1. แผนการเดินทางที่น้องจะแจ้งกับกงสุลว่า น้องจะเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าไปทำอะไรค่ะ และ 2. ฐานะทางการเงินที่น้องจะนำไปแสดงให้กงสุลพิจารณาว่า จะเพียงพอต่อการไปท่องเที่ยวจำนวนกี่สัปดาห์ตามที่น้องวางแผนไว้ค่ะ เพื่อให้น้องสบายใจในระดับหนึ่ง พี่ขอบอกเลยว่า ผู้ที่เคยมีวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว วีซ่ามักจะผ่านค่ะ

  • pinkysou  On March 8, 2012 at 3:58 pm

    รบกวนถามค่ะ เป็นนักศึกษาอยู่จะขอวีซ่าท่องเที่ยว เข้าไปกรอกข้อมูลเกือบเสร็จแล้วมีอยู่หน้าหนึ่งระบบให้ใส่สถานที่ที่จะไปเรียน ทำไมถึงมีหน้านี้ หรือตรงเหตุผลที่ไปอมเริกาหนูเลือก Vocational/Nonacademic Student(M) เพราะจากที่ดูช้อยอื่นก็ไม่มีไม่มีอะไรที่บอกว่าไปเที่ยวเลยค่ะ

    รบกวนด้วยค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 8, 2012 at 10:22 pm

      น้อง Pinkysou คะ น้องกรอก DS-160 ผิด น้องควรกรอก DS-160 ใหม่แก้ไขเรื่องประเภทของวีซ่าใหม่ค่ะ ถ้าน้องต้องการขอวีซ่าไปท่องเที่ยว ให้น้องเลือกหมวดวีซ่าที่่เขียนไว้ในวงเล็บว่า “B” ค่ะ และถึงแม้ว่าจะมีคำว่า Business Treatment and Pleasure(B-2) ก็ไม่เป็นไร เลือก B-2 อันนี้ได้เลยค่ะ ถ้าน้องเลือก Vocational/Nonacademic Student(M) คือผู้ที่ขอวีซ่าไปเรียนวิชาชีพ เช่น ช่างเทคนิค ทำอาหาร ช่างทำเพชรพลอย เป็นต้นค่ะ

      • pinkysou  On March 9, 2012 at 8:16 am

        อุ๊ย!! จริงเหรอคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เดี๋ยวหนูจะลองใหม่นะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ จุ๊บๆ

      • govisa  On March 11, 2012 at 2:33 pm

        ได้ผลอย่างไรแจ้งมาให้ทราบบ้างก็ดีนะคะ น้อง Pinkysou จะได้ช่วยกันแก้ไขค่ะ

  • US_lovers  On March 8, 2012 at 11:22 pm

    สวัสดีค่ะพี่ Govisa คือจะรบกวนถามเรื่องอายุพาสปอร์ตหน่อยนะคะ คือถ้าตอนนี้พาสปอร์ตเราอายุเหลือประมาณ 7 เดือน ณ.วันที่กรอกเอกสาร แต่ยังไม่ได้จองวันนัดสัมภาษณ์ ซึ่งไม่ทราบว่าจะได้เมื่อไหร่ ถ้าเลยเดือนมีนาคมไปแล้ว เป็นเมษายนนี่ จะเสี่ยงเกินไหมคะ หรือว่าควรจะไปทำใหม่เลยนะวันนี้จะดีกว่าคะ กลัวว่าเมื่อซื้อพินแล้ว กว่าจะได้วันนัดสัมภาษณ์กลัวพาสปอร์ตอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือนน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 11, 2012 at 2:31 pm

      น้อง US Lovers คะ ขอโทษที่ตอบช้า เพราะสองสามวันที่ผ่านมา พี่ไม่ค่อยสบายเป็นไข้ค่ะ เรื่องอายุหนังสือเดินทาง พี่คิดว่า ทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ดีกว่าค่ะ เพราะถึงแม้น้องขอวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าไปในสหรัฐอเมริกาได้ และวีซ่ามีอายุนาน 10 ปี แต่เวลาเดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริกา น้องต้องถือหนังสือเดินทางสองเล่ม คือเล่มใหม่และเล่มเก่าที่มีตราวีซ่าเข้าสหรัฐฯประทับอยู่ น้องจะไม่สามารถขอให้เจ้าหน้าที่โอนย้ายวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาไปประทับไว้ในหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ค่ะ

  • US_lovers  On March 11, 2012 at 8:49 pm

    พี่ Govisa ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ เป็นห่วงค่ะ เพราะตัวเองก็เริ่มจะป่วยๆเพราะอากาศเพี้ยนๆนี้เหมือนกันค่ะ

    สำหรับเรื่องหนังสือเดินทางพอดีตอนนี้เพิ่งได้คิววันที่ 21 มีนาคมค่ะ (โชคดีมากๆเลย) ก็กลัวว่าเค้าจะไปทำพาสปอร์ตใหม่ไม่ทันเลยบอกเค้าว่า ยังไงไปขอวีซ่าให้ผ่านก่อน หลังจากนั้นค่อยไปทำพาสปอร์ตใหม่ละกันค่ะ เพราะกว่าจะได้คิวยากมากค่ะ แล้วในวันที่สัมภาษณ์จนถึงวันเดินทาง หนังสือเดินทางยังเหลืออายุเกิน 6 เดือนค่ะ ขอบคุณพี่ Govisa มากๆนะคะ (เหตุผลที่รีบเพราะจะต้องเดินทางปลายเดือนมีนาคมและกลับประมาณก่อนสงกรานต์น่ะค่ะ)

    • govisa  On March 12, 2012 at 7:36 pm

      น้อง US Lovers คะ ถ้าทราบผลสัมภาษณ์วันที่ 21 มีนาคมว่าได้วีซ่า และเกรงว่าจะได้รับหนังสือเดินทางส่งกลับมายังที่อยู่ของน้องด้วยไปรษณีย์ EMS ไม่ทัน ให้น้องแจ้งเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ในสถานทูตว่าจะไปรับหนังสือเดินทางคืนที่ไปรษณีย์รองเมืองซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบรรทัดทองเองก็ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เขาจะให้แผนที่การเดินทางไปยังไปรษณีย์รองเมืองกับน้องด้วยค่ะ อนึ่งพี่ก็ยังอยากจะแนะนำให้น้องไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่และโปรดถ่ายสำเนาหนังสือเดินทางเล่มเก่าเตรียมไปด้วยค่ะ (กรณีที่ยังไม่ได้รับหนังสือเดินทางคืนจากสถานทูตสหรัฐ)เผื่อต้องใช้ประกอบการทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่กรมกงสุลด้วยว่า น้องยังมีวีซ่าเข้าอเมริกาเหลืออยู่ในหนังสือเดินทางเล่มเก่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมกงสุล endorse หนังสือเดินทางเล่มใหม่ว่า น้องเป็นบุคคลคนเดียวกับที่มีรายละเอียดอยู่ในหนังสือเดินทางเล่มเก่า พี่ไม่ค่อยชอบให้ผู้เดินทางเหลืออายุหนังสือเดินทางแค่หกเดือนระหว่างเดืนทาง เพราะถ้าเกิดปัญหาที่ทำให้ต้องเลื่อนการเดินทางกลับช้าลง ก็อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากขึ้นได้ค่ะ พี่ขอขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพนะคะ

  • US_lovers  On March 12, 2012 at 9:16 pm

    พี่ Govisa คะ มีปัญหารบกวนถามอีกแล้วค่ะ มีเพื่อนเป็นผู้สื่อข่าวน่ะค่ะ เค้าต้องการทำวีซ่าไปอเมริกา เพราะไ้ด้รับเชิญไปทำข่าวที่โน่น เค้าต้องทำวีซ่าประเภท I (สำหรับผู้สื่อข่าวต่างชาติ)ใช่ไหมคะ หรือว่าทำเป็นวีซ่าท่องเที่ยว B1/B2 คะ รบกวนพี่ช่วยอธิบายให้ด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    • govisa  On March 13, 2012 at 2:34 am

      น้อง US Lovers คะ เพื่อนของน้องถ้าได้รับเชิญมาเป็นทางการก็ควรจะขอเป็นวีซ่าประเภท I ค่ะ
      ขอเพิ่มเติมหลังจากที่สอบถามไปยังสถานกงสุลและได้รับข้อมูลจากแผนกกงสุลเพิ่มเติมว่า วีซ่า I จะมีอายุประมาณหกเดือนเท่านั้น แต่กรณีที่ได้รับเชิญและจะต้องกลับมาเขียนข่าวที่ไปด้วย ต้องขอวีซ่า I มิฉะนั้นจะนำข่าวที่ไปกลับมาเขียนไม่ได้ผิดกฎหมายของประเทศสหรัฐฯค่ะ ในกรณีของเพื่อนน้องสามารถที่จะขอวีซ่านักท่องเที่ยวไปในเวลาเดียวกันได้ ถ้าไม่อยากเข้าไปขอสัมภาษณ์หลายครั้ง มีวิธีการทำดังนี้คือ
      1.กรอกฟอร์ม DS-160 จำนวน 2 ชุดๆหนึ่งระบุว่าขอวีซ่าประเภท I อีกชุดหนึ่งขอวีซ่าประเภท B-2
      2.จ่ายค่าพินนัดครั้งเดียวแต่ขอนัดทำวีซ่าเป็น 2 ประเภทไปค่ะ
      3.จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าจำนวน 4,480 บาท 2 จำนวน เพราะทำวีซ่า 2 ประเภท โดยให้เหตุผลกงสุลว่า เป็นนักข่าวกรณีวันหลังจะไปเที่ยว ไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาขอวีซ่าบ่อยนักค่ะ

  • US_lovers  On March 13, 2012 at 9:22 am

    พี่ Govisa คะ เนื่องจากเจ้าตัวได้รับเชิญจากองค์กรในไทย เพื่อติดตามไปทำข่าวองค์กรนี้ที่จะไปทำกิจกรรมในอเมริกาค่ะ กังวลว่าจะขอวีซ่าผิดประเภท ขอบคุณมากนะคะ

    • govisa  On March 13, 2012 at 9:29 am

      พี่ตอบแล้วอยู่ข้างล่างนะคะ ต้องขอวีซ่าประเภท I แน่นอนเพราะจะเข้าไปทำข่าวด้วยใช่ไหมคะ

  • US_lovers  On March 13, 2012 at 9:40 am

    ขอบคุณค่ะพี่ Govisa ขอถามต่อนะคะ ถ้าเราเพิ่มเติมประเภทวีซ่าที่ขอใน DS-160 เป็นประเภท I และประเภท B ในฟอร์มเดียวกันได้มั้ยคะ เพราะมีช่องให้เพิ่มประเภทวีซ่าอยู่ในแบบฟอร์มด้วยน่ะค่ะ

    สำหรับพินขอนัดวันสัมภาษณ์นี่ พอดีทำนัดเป็นประเภท I ไปแล้วและได้วันนัดสัมภาษณ์แล้ว ถ้าจะเพิ่มเติมประเภท B ไปอีก จะต้องแก้ตรงไหนคะ เพราะมันไม่ีมีช่องให้แก้ไขเลยอ่ะค่ะ

    ส่วนค่าธรรมเนียมต้องจ่ายไป 2 ใบเลยใช่ไหมคะ

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 13, 2012 at 12:09 pm

      น้อง US Lovers คะ แบบฟอร์ม DS-160 ต้องกรอกคนละใบกันค่ะ ส่วนพินนัดสัมภาษณ์ถ้าแก้ไขไม่ได้ รบกวนว่า เพื่อนน้องคงต้องลงทุนทำนัดวันสัมภาษณ์ 2 ครั้งโดยพยายามหาให้ได้วันและเวลาใกล้เคียงกันนะคะ ส่วนค่าธรรมเนียมได้แจ้งไปแล้วว่าต้องซื้อ 2 ใบนะคะ

  • NI  On March 14, 2012 at 11:37 pm

    สวัสดีค่ะ
    พอดีไม่ได้ปริ้นหลักฐานการจ่ายค่าpin น่ะค่ะ ตอนนั้นไม่ได้ต่อเครื่องปริ้น แต่ print screen ไว้ ใช้ได้มั้ยคะ ถ้าจะปริ้นใบนั้นจะไปปริ้นจากไหนคะ ต้องไปสัมภาษณ์วันพุธหน้าแล้วค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On March 15, 2012 at 8:07 am

      น้อง Ni คะ ไม่ต้องกังวลเรื่องพิมพ์ใบเสร็จค่าซื้อพินนัดวันสัมภาษณ์ มีน้อยคนที่ถูกสุ่มตรวจค่ะ ให้น้อง print จาก print screen ของน้องไปเผื่อได้ค่ะ

  • Rilakkuma  On March 15, 2012 at 12:59 am

    บังเอิญกำลังสงสัยเกี่ยวกับการขิวีซ่าให้ญาติอยู่ค่ะ อยากสอบถามคุณ govisa ดังนี้ค่ะ

    – ขอวีซ่า B-2 ให้น้องสาวคุณแม่ค่ะ(อาอี๊) จะไปเที่ยวด้วยกัน 2 คน คือ แม่ อี๊ และหนู ค่ะ เพือไปเยี่ยมน้องที่ไป WaT ที่ Florida แล้วจะเที่ยวต่อนิดหน่อย
    – คืออี๊เคบได้วีซ่าท่องเที่ยวและหมดอายุไปแล้วค่ะ และที่สำคัญคือเค้าบอกหนูว่า พาสปอร์ตเค้าไม่ได้หาย แต่หาไม่เจอ – -” ทำให้จำวันที่ออกวีซ่าครั้งที่แล้วไม่ได้ ตอนกรอก DS160 เลยกะวันเอา แต่ที่นี้ตอนกรอกข้อมูลเพื่อจองวันสัมภาษณ์ก็ต้องกรอก issued date อีกค่ะ แล้วเราไม่ทราบจริงๆ ก็ให้กรอกตามวันที่เรากะเอาไว้ตาม DS160 หรือ ติ๊ก no (ไม่เคยได้วีซ่า) ดีกว่าคะ?
    – ตัวอี๊ไม่ได้มีคนรู้จักอยู่ที่อเมริกาค่ะ แต่ตอนกรอก U.S. contact infomation ได้ใส่ชื่อที่อยู่ของ host family ของหนูไป แต่พวกเค้าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวจะเป็นอะไรมั้ยคะ?
    – ตัวหนูเองจะเรียนจบเดือนหน้า และแพลนว่าจะไปเที่ยวเมกาก่อนเริ่มทำงาน โดนตอนนี้ยังไม่มีงานทำค่ะ แต่เคยได้วีซ่า J1 มา 2 ครั้งแล้ว พี่คิดว่าจะมีสิทธิ์ที่ทางสถานทูตจะไม่ให้วีซ่ามั้ยคะ?

    • govisa  On March 15, 2012 at 10:21 am

      น้อง Rilakkuma คะ ขอแบ่งคำถามเป็นเรื่องของคนสองคน คือ คุณน้า และ ตัวน้อง นะคะ
      เรื่องของคุณน้า
      คุณน้าเคยมีวีซ่านักท่องเที่ยวมาแล้ว การขอวีซ่าครั้งที่สองคงไม่ยากนักหรอกค่ะ ในส่วนของหมายเลขวีซ่าและวันที่ยื่นขอวีซ่าครั้งแรก ถ้าหาหลักฐานไม่ได้และเผอิญน้องตอบไปใน DS-160 แล้วว่า วันที่โดยประมาณในการยื่นขอวีซ่าครั้งแรกคือวันที่เท่าไร ให้น้องใช้วันที่นั้นในการกรอกฟอร์มตอนจองวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ อย่าติ๊ก No ว่าไม่เคยได้วีซ่า เพราะทางกงสุลมี record อยู่ว่าคุณน้าเคยมีวีซ่าแล้วค่ะ เมื่อได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์แจ้งเจ้าหน้าที่ี่ตรวจเอกสารด้วยว่า หาหนังสือเดินทางเล่มแรกไม่พบเลยคะเนคร่าวๆว่าน่าจะเป็นวันนี้ที่ยื่นขอวีซ่าไปค่ะ ส่วนเรื่องชื่อ Host Family ทั้งของคุณแม่และของคุณน้าก็คงต้องอธิบายกันไปว่า รู้จักกันเพราะลูกสาวเคยไปโครงการแลกเปลี่ยน และติดต่อกันเรื่อยมาจนถึงบัดนี้ค่ะ
      เรื่องของตัวน้องเอง
      น้องเรียนอยู่ที่เมืองไทยใช่ไหมคะ ให้น้องขอจดหมายรับรองจากสถานศึกษาของน้องตอนนี้ว่าน้องเป็นนักศึกษาของหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่ ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า มหาวิทยาลัยจะออกมาในลักษณะรับรองการจบของน้องหรือเปล่า เพราะสถานะที่แท้จริงของน้องตอนนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น จะให้รับรองว่ายังเป็นนักศึกษาอยู่คงไม่ได้ ขอหลักฐาน Transcript ด้วยนะคะ ถ้าหากที่บ้านมีธุรกิจเป็นของที่บ้านเอง น่าจะขอจดหมายรับรองว่า จะทำงานกับที่บ้านได้ แต่ถ้าไม่มี คงต้องอธิบายต่อกงสุลว่า จะไปเที่ยวประมาณไม่กี่วัน เช่น 10 หรือ 15 วันแล้วจะกลับมาหางานทำ ที่อยากไปเที่ยวเพราะน้องเรียนมาหนัก อยากพักประกอบกับที่บ้านอยากไปเที่ยวกับน้องสาวในเมืองที่น้องสาวกำลังทำงานอยู่ในโครงการ Work and Travel อยู่ เป็นต้นว่า น้องสาวอยู่ที่ Orlando น้องก็อาจจะพูดถึงว่าจะพาผู้ปกครองน้องไปเที่ยว Disney World ถ้าไม่มีน้องสาวอยู่ อาจจะไม่อยากไป เพราะนั่งเครื่องบินไกล เที่ยวแค่ Disneyland ก็พอแล้วค่ะ ได้ผลวีซ่าเป็นอย่างไรเขียนมาเล่าบ้างนะคะ

  • Rilakkuma  On March 15, 2012 at 3:39 pm

    ขอบคุณคุณ Govisa มากค่ะ 🙂

    เพราะกำลังลังเลมากว่าควรจะกรอก DS160 ให้อี๊ใหม่หรือเปล่า

    ส่วนของตัวเอง ตอนนี้เรียนอยู่ในไทยจะจบแล้วค่ะ ช่วงที่ไปขอวีซ่าทางมหาลัยคงอยู่ในขั้นตอนอนุมัติจบ เลยกลัวเค้าจะคิดว่าเราเป็นโรบินฮู้ดหรือเปล่า แพลนเที่ยวไว้ 15 วันค่ะ

    มีข้อสงสัยอีกอย่างนึงค่ะ คือหนูจองวันสัมภาษ์ได้วันที่ 1 พค แต่ตั้งใจจะเดินทางวันที่ 19พค ใจหนูอยากซื้อตั๋วหลังได้วีซ่าน่ะค่ะ แต่กลัวว่าช่วงนั้นตั๋วจะแพงเพราะมันใกล้วันเดินทาง เลยคิดอยู่ว่าถ้าเลื่อนวันสัมภาษณ์วีซ่าให้เร็วขึ้นไม่ได้ ก็คงจะเลื่อนกำหนดเดินทางออกไปเป็นปีหน้าเลย

    ไม่ทราบว่าพี่ govisa มีความเห็นอย่างไรคะ?
    – ไหนๆก็มาครึ่งทางแล้วไปขอไว้ก่อน หรือ
    – cancel ไปก่อน จะไปค่อยไปขออีกที

    (ตอนนี้ยังไม่ได้จ่าย $140 ค่ะ)

    • govisa  On March 15, 2012 at 5:55 pm

      น้อง Rilakkuma คะ ถ้าน้องไม่ได้เข้าไปขอวีซ่า คุณแม่และคุณน้าจะยังคงเข้าไปขอวีซ่าหรือเปล่าคะ พี่ไม่ทราบว่า ค่าตั๋วเครื่องบินช่วงก่อนน้องขอวีซ่ากับช่วงหลังขอวีซ่าราคาแตกต่างกันมากเท่าไรหรือคะ และตกลงถ้าได้วีซ่า คุณแม่และคุณน้าจะยังคงเดินทางไปหาน้องสาวที่กำลังอยู่ในโครงการ Work and Travel ไหม ผู้ปกครองเดินทางเองตามลำพังโดยไม่มีน้องไปด้วยได้หรือเปล่า ถ้าคิดว่าทุกคนยังไม่พร้อมก็รอไว้ไปขอวีซ่ากันตอนปลายปีดีกว่าไหมคะ ช่วงประมาณปลายเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน คนขอวีซ่าไม่ค่อยมาก และคนไปเที่ยวอเมริกาก็ไม่ค่อยมีมากนัก ตั๋วเครื่องบินน่าจะมีราคาถูกลง ลองปรึกษาเอเจนซี่ขายตั๋วเครื่องบินเพื่อถามราคาตั๋วดูนะคะ

      อนึ่ง พี่หวังว่า ตอนปลายปีน้องคงจะมีงานทำแน่นอนล้ว น้องจะได้ขอจดหมายรับรองจากที่ทำงานได้ ส่วนที่ทำนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าไปแล้ว ขอให้เข้าไปทำการ Delete วันนัดเดิมก่อนได้ พินนัดวันสัมภาษณ์มีอายุการใช้งานนาน 3 เดือน เผื่อน้องจะมีการเปลี่ยนใจก่อนหน้าเดือนมืถุนายนอีกครั้ง จะได้ไม่เสียดายพินอันเก่าค่ะ พี่ขออนุญาตไม่ตัดสินใจแทนนะคะ แต่ขอให้น้องพิจารณาทบทวนอย่างรอบคอบว่า น้องมั่นใจในเอกสารที่จะนำไปแสดงให้กงสุลดูในวันที่ 1 พฤาภาคมนี้ไหม ถ้ายังไม่มั่นใจ น้องพักไว้ก่อนได้ ส่วนคุณแม่และคุณน้าถ้าท่านมั่นใจ จะไปขอวีซ่าก่อนน้องก็ได้ แต่ท่านอาจจะยังไม่เดินทาง ท่านอาจจะอยากรอไปพร้อมน้องได้ค่ะ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินน้องอย่าเอามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจขอหรือไม่ขอวีซ่านะคะ เพราะถึงแม้น้องได้วีซ่าแลัว น้องยังไม่เดินทางก็ได้ค่ะ พี่เป็นห่วงน้องแต่ละท่านเวลาเข้าไปยื่นขอสัมภาษณ์วีซ่า พี่อยากให้ทุกคนถามตนเองว่า เตรียมเอกสารพร้อมไหม มั่นใจแล้วหรือยังที่จะตอบคำถามท่านกงสุล ขอให้น้อง Rilakkuma โชคดีนะคะ

  • Rilakkuma  On March 15, 2012 at 10:06 pm

    ขอบคุณค่ะ ส่วนตัวหนูคืออยากขอเอาไว้ก่อนน่ะค่ะ เพราะไหนๆก็ทำมาแล้ว และคงจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้ก่อนซักสัปห์ดานึง ถ้าในส่วนนี้ไม่มีปัญหาก็ไปแน่ๆค่ะ ส่วยเรื่องคุณแม่กับอี๊ถ้าหนูไม่ไป เค้าก็ไม่ไปแน่ๆค่ะ

    เรื่องงานหรือภาระผูกพัน ตอนนั้นคงให้ที่บ้านออกจม.รับรองว่าทำงานกับที่บ้าน เอกสารมหาลัยจะเป็นใบรับรองการจบ(แบบรออนุมัติ) กับ transcript แล้วยังไงเราก็ต้องกลับมารับปริญญาอยู่แล้ว ที่ไปครั้งนี้เป็นรางวัลเรียนจบจากคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ

    เอกสารที่จะไปแสดงเป็นหลักฐานคร่าวๆ รบกวนคุณ govisa ช่วยดูให้หน่อยนะคะ
    – ใบรับรองการจบ(แบบรออนุมัติ)
    – transcript
    – ใบรับรองการทำงานกับธุรกิจที่บ้าน
    – bookbank
    – passport เล่มเก่าที่เคยได้ J1 2 เล่ม
    – statement ของ sponser (คุณแม่) — เป็นกระแสรายวัน แต่มีเงินเข้าก่อนเกิน 6 หลักตลอด จะเป็นอะไรมั้ยคะ?
    – itinerary (ถ้ามี — รอดูก่อนว่ามีตั๋วมั้ย)

    • govisa  On March 16, 2012 at 4:56 am

      น้อง Rilakkuma คะ อย่าลืมใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,480 บาท และหนังสือเดินทาง ส่วนตั๋วเครื่องบินไม่ต้องนำไปแสดงสำหรับการขอวีซ่าไปสหรัฐ ถ้าน้องไม่สบายใจเรื่องราคาตั๋วเครื่องบิน จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลมาก พี่แนะนำให้ทำรายการคล้ายที่บริษัททัวร์ทำติดตัวไปด้วย คือ จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างในแต่ละวัน เพื่อให้แผนการไปเที่ยวของน้องดูชัดเจนขึ้น และควรระวังนิดหนึ่งว่าไปขอวีซ่าไปเที่ยวกับคุณแม่และคุณน้า อย่านำเสนอที่เที่ยวที่สมบุกสมบันสำหรับคนสูงวัยมากนัก เดี๋ยวจะดูไม่สมเหตุสมผลค่ะ

  • kikky  On March 17, 2012 at 1:44 am

    พี่ค่ะกิ๊กconfirm แต่กิ๊กกรอกชื่อ ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์ในแบบฟอร์ม ds160ผิดค่ะ แต่เดิมเธอชื่อ Napasi Wachum ปัจจุบันชื่อ Bluesky Meakong แต่หนูกลับกรอกเป็น Napasi Meakong ค่ะ ยังงี้กิ๊กต้องกรอกds160 ใหม่ไหมค่ะ ถ้ากรอกใหม่ ต้องเปลี่ยนแปลงเอกสารวันสัมภาษณ์ในอินเทอร์เนตใหม่ไหมค่ะปล .แต่ในจดหมายแสดงความสัมพันธ์ได้บอกไว้ว่าเดิมเธอชื่อ
    Napasi Wachum อ่ะค่ะ พี่พอเข้าใจกิ๊กพูดไหมค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 17, 2012 at 9:17 pm

      น้องกิ๊กคะ กรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ แต่ไม่ต้องทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ใหม่ค่ะ ให้น้องนำใบยืนยันหมายเลข DS-160 ทั้งหมายเลขเก่าและหมายเลขใหม่ไปที่สถานทูตในวันที่มีนัดสัมภาษณ์ ถ้าเจ้าหน้าที่สถานทูตสอบถามเรื่องว่า ทำไมนำใบยืนยันหมายเลข DS-160 มาสองใบ น้องควรจะตอบคำถามเรื่องนี้ไปตามความเป็นจริงได้ค่ะ

  • kikky  On March 17, 2012 at 11:19 pm

    ขอบคุณคร้าาาาาาา^________^

  • phanna  On March 18, 2012 at 11:19 pm

    สวัสดีค่ะคุณ Govisa ไม่แน่ใจว่าจะยังจำกันได้หรือเปล่า ตอนนี้ดิฉันกำลังจะยื่นขอวีซ่าอีกครั้งค่ะแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะผ่านหรือเปล่าคิดว่าคราวนี้ทางสถานทูตคงจะต้องมีการตรวจดูเอกสารเพ่ิมเติมที่จะแสดงความผูกพันกับครอบครัวที่ต้องกลับมาเมืองไทยของดิฉัน ซึ่งเอกสารส่วนมากดิฉันก็ยังคงใช้ตัวเดิมทั้งหมดค่ะ แต่มีเพิ่มเติมในส่วนของทะเบียนการค้าที่ดิฉันขออนุญาตคุณแม่จดเป็นชื่อของตัวเองแล้วเรียบร้อยค่ะ นอกจากนี้ก็มีจดหมายเชิญจากเพื่อนแล้วก็อีเมลล์เพื่อนคนอื่น ๆ ที่อยู่อเมริกาที่เตรียมลางานเพือนจะไปเที่ยวด้วยกันกับดิฉันในช่วงเวลาที่ขอไปนะค่ะ (ครั้งแรกเพื่อนต้องเปลี่ยนแผนวันลาเพราะวีซ่าของดิฉันไม่ผ่าน) แล้วก็มีจดหมายตอบของ senotor (พอดีเพื่อนดิฉันเขียนจดหมายไปร้องเรียนค่ะ) ซึ่งเพื่อนของดิฉันได้ชี้แจ้งและยืนยันว่าการขอวีซ่าของดิฉันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อไปเที่ยวจริงและต้องเดินทางกลับอย่างแน่นอน นอกจากนี้ดิฉันคิดว่าอาจจะนำหนังสือจัดตั้งสมาคมที่คุณพ่อเป็นนายกสมาคมอยู่ไปแสดง (พ่อดิฉันเป็นที่รู้จักของพ่อค้า ข้าราชการในจังหวัดเป็นอย่างดี) ว่าดิฉันมีฐานะครอบครัวทางสังคมสูงคงไม่เสี่ยงทำเรื่องที่เสียชื่อเสียงให้กับครอบครัว ถ้าดิฉันเตรียมเอกสารไปแสดงเพิ่มเติมประมาณนี้คุณ Govisa มีความเห็นว่าน่าจะผ่านมั๋ยค่ะ หรือมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้ดิฉันมั๋ยค่ะ

    • govisa  On March 19, 2012 at 5:02 am

      น้อง Phanna คะ ดีแล้วค่ะทีน้องมีเอกสารเพิ่มเติมที่จะนำไปแสดงให้ท่านกงสุลพิจารณา รวมทั้งเอกสารของคุณพ่อด้วยค่ะ แต่พี่ขออนุญาตแนะนำน้อง Phanna อย่างหนึ่งว่า ควรตอบคำถามท่านกงสุลด้วยความสุภาพและชัดเจน จดหมายของท่าน Senator เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ขอให้น้องระมัดระวังในการใช้คำพูดในการตอบคำถามนะคะ อย่าให้ดูเสมือนว่าใช้อำนาจบางอย่างมากดดันการทำงานในเรื่องของการตัดสินใจการพิจารณาของท่านกงสุล เพราะกงสุลท่านก็ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลประเทศสหรัฐฯมาทำหน้าที่พิจารณาตัดสินการอนุมัติวีซ่าให้กับผู้ที่ต้องการเข้าประเทศสหรัฐว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ที่จะได้รับการอนุญาตค่ะ พี่เอาใจช่วยให้น้องผ่านวีซ่าค่ะ

  • kikky  On March 19, 2012 at 1:58 am

    พี่ค้ะแล้วถ้ากิ๊กต้องไปชำระเงินสี่พันบาทกิ๊กต้องใช้บาร์โค้ดds160 ไหมค่ะ แล้วถ้าใช้ต้องใช้ds160 อันใหม่รึเก่าค่ะ แล้วกิ๊กอยากทราบอีกเรื่องค่ะคือว่าถ้าไปสัมภาษณ์ตัวกิ๊กเองจำเป็นไหมต้องมีเงินในบัญชีเกี่ยวกับค่าเดินทางทั้งหมดหรือแค่คนที่เป็นสปอนเซอร์เท่านั้นค่ะที่จะมีเงินในบัญชี ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 19, 2012 at 4:47 am

      เวลาไปจ่ายเงินที่ไปรษณ๊ย์ไม่ต้องแสดงหมายเลข DS-160 ค่ะน้องกิ๊ก ถ้าน้องกิ๊กทำงานแล้วและมีเงินเก็บบ้าง ให้นำสมุดบัญชีเงินฝากติดตัวไปด้วยนอกเหนือจากบัญชีเงินฝากของ sponsor ค่ะ เคยมีผู้ไปสัมภาษณ์ถูกถามว่า ทำงานแล้วมีเงินฝากกับธนาคารไหมนะคะ แต่ถ้าเป็นวีซ่านักเรียนไม่ต้องแสดงบัญชีเงินฝากของตนเองก็ได้ค่ะ

  • kikky  On March 19, 2012 at 12:56 pm

    ขอบคุณมากค่ะ^^

  • phanna  On March 19, 2012 at 6:27 pm

    ตอนตอบคำถามคิดว่าคงจะไม่อ้างอิงจดหมายของ Senator หรอกค่ะเพราะมันไม่เกี่ยวกับเหตูผลของการถูกปฏิเสธวีซ่าในครั้งแรก คิดว่าจะตอบเฉพาะข้อมูลที่แสดงว่าเรามีความผูกพันกับครอบครัว สังคมและมีกิจการที่มันคงของครอบครัวซึ่งไม่จำเป็นต้องไปหางานที่อื่นทำแต่ที่ต้องแนบจดหมายเพิ่มเติมไปเพราะเพื่อนต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเรามีแผนแค่ไปเที่ยวพักผ่อนตามคำเชิญของเค้าเพราะครอบครัวและตัวดิฉันก็ให้การต้อนรับและดูแลเค้าเป็นอย่างดีตอนที่เพื่อนมาเมืองไทยนะค่ะ ดิฉันเข้าใจว่ากงสุลมีอำนาจในการพิจารณาตามเอกสารและคำถามที่เราตอบซึ่งดิฉันก็เคารพในการตัดสินใจของท่านในครั้งแรก และครั้งนี้เพราะเป็นการแสดงว่าดิฉันมีวัตถุประสงค์ในการไปเที่ยวจริง ๆ จึงจำเป็นต้องมีจดหมายดังกล่าวมาประกอบเพราะทางรัฐสามารถที่จะตรวจสอบประวัติของเพื่อนดิฉันได้ในฐานะที่เค้าเชิญดิฉันไปเที่ยวและรับรองว่าดิฉันจะกลับตามกำหนดเวลาที่ขอไว้ค่ะ

    • govisa  On March 19, 2012 at 9:01 pm

      เป็นความคิดที่ดีค่ะที่น้อง Phanna จะเตรียมเอกสารแสดงความเป็นมาของเพื่อนที่เชิญน้องไปเที่ยวค่ะ ซึ่งการยื่นขอวีซ่าในครั้งแรกอาจจะไม่ทันระวังจุดอ่อนตรงนี้ค่ะ และอย่าลืมตรียมเรื่องเกี่ยวข้องกับการเงินของตัวน้องและเสริมจากท่าน sponsor (ถ้ามี)ไม่ว่าจะเป็นจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารและบัญชีตัวจริง นอกจากนี้ เตรียมแผนการเดินทางไปเที่ยวคร่าวๆว่าจะมีที่ใดบ้างค่ะ ขอให้โชคดี่ค่ะ เขียนมาส่งข่าวกันอีกนะคะ

  • ook  On March 20, 2012 at 12:39 am

    สวัสดีค่ะ คุณ GoVisa

    ook กำลังจะไปสัมภาษณ์ visa สัปดาห์หน้าแล้วค่ะ ขอ visa นักเรียนนะคะจะไปเรียนภาษาประมาณ 6 เดือนค่ะ เนื่องจากตอนนี้ทำงานอยู่ค่ะ แต่ที่ทำงานอนุญาตให้ไปได้ โดยมีหนังสืออนุมัติออกมาว่าให้ไปตั้งแต่วันที่ เท่าไหร่ ถึงเท่าไหร่ ค่ะ

    แต่ตอนนี้ที่กังวลคือที่ทำงานออกหนังสือรับรองเงินเดือนกับรับรองว่ามีตำแหน่งอะไร ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ก็เลยเกรงว่าคนที่สัมภาษณ์จะสงสัยไหมคะ ? ว่าทำไมขอหนังสือรับรองไว้นานจัง ที่จริงตอนทำเรื่องขออ่ะค่ะ ไม่ทราบว่า 3 วันก็จะได้รับหนังสือแล้ว นึกว่าเป็นเดือน ก็เลยขอล่วงหน้าไว้ก่อนค่ะ

    ตรงส่วนนี้จะเป็นปัญหาไหมคะ ? เพราะหนังสือยืนยันว่าเราเข้าทำงานตั้งแต่วันที่นี้ จนถึงปัจจุบัน (คือวันที่ขอหนังสือ) ค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    ปล. ในใจลึก ๆ คิดว่าไม่เป็นไรหรอกถึงอย่างไรก็มีหนังสืออนุมัติบอกแล้วว่าให้ลาไปวันที่เท่าไหร่ และต้องกลับมาปฏิบัติงานวันที่เท่าไหร่ค่ะ แต่เป็นฉบับสำเนาค่ะ

    • govisa  On March 20, 2012 at 5:32 am

      น้อง Ook คะ เรื่องจดหมายรับรองการทำงานที่ออกมา 1 กุมภาพันธ์ 2555 แสดงให้เห็นว่าน้องมีการเตรียมความพร้อมแต่เนิ่นๆ เตรียมเอกสารต่างๆมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่เพิ่งได้คิววันนัดสัมภาษณ์อาทิตย์หน้าค่ะ จดหมายฉบับสำเนามีลายเซ็นต์สดไม่ใช่ copy ใช่ไหมคะ ลองถาม HR หรือหัวหน้างานในกรณีที่ลายเซ็นต์ไม่ใช่ลายเซ็นต์สดว่า จะขอเป็นฉบับจริงไปได้ไหมคะ ถ้าไม่ได้ก็คงตองแจ้งท่านกงสุลไปว่าที่ทำงานของน้องมีนโยบายในการออกหนังสือรับรองการทำงานเป็นฉบับสำเนาและเก็บต้นขั้วหรือตัวจริงไว้ที่ที่ทำงานค่ะ น้องจะได้สบายใจด้วยว่า น้องเตรียมคำตอบไว้พร้อมที่จะตอบคำถามกงสุลแล้วค่ะ ช่วยเขียนมาบอกด้วยนะคะว่าผลของการสัมภาษณ์เป็นอย่างไร ขอให้น้องโชคดีค่ะ

      • ook  On March 20, 2012 at 4:32 pm

        ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ คุณ Govisa ทำให้สบายใจไปได้มากเลยค่ะ คือว่าจดหมายรับรองทาง HR ให้เป็นตัวจริงค่ะ แต่หนังสืออนุมัติให้ไปเป็นสำเนาค่ะ

        ถ้าทราบผลแล้ว จะแจ้งให้ทราบนะคะ

        พี่รู้ไหมคะ ? พี่เป็นคนที่มีจิตใจดีงามมากส์เลยค่ะ กับการมาช่วยตอบข้อสงสัยต่าง ๆ สำหรับการทำ visa

        ขอให้พี่มีความสุขตลอดไป และช่วยเหลือเพื่อน ๆ น้อง ๆ แบบนี้ตลอดไปเลยนะคะ ^________________^

      • govisa  On March 20, 2012 at 11:48 pm

        ขอบคุณที่น้อง Ook จะเขียนมาแชร์ประสบการณ์ค่ะ และขอให้น้องสัมภาษณ์วีซ่าผ่านค่ะ มีอะไรสงสัยเขียนมาถามได้อีกค่ะ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจที่ส่งมาให้ค่ะ โชคดีเช่นเดียวกันนะคะ

      • ook  On March 30, 2012 at 3:15 pm

        สวัสดีค่ะคุณ GoVisa

        เพิ่งไปสัมภาษณ์มาเื่มื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมาค่ะ สรุปว่าผ่านค่ะ งงส์มากเค้าถามแค่ 3 คำถามเท่านั้นค่ะ ถามว่าใครเป็น sponsor ? ทำงานอะไรอยู่ ? และจะกลับมาใช่ไหม ? คำถามสุดท้ายเค้าก็ยิ้ม ๆ ค่ะเหมือนแบบว่าพูดเล่นกับเราอ่ะค่ะ ใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 1 นาที ค่ะ เลยงงมากค่ะ เพราะไปถึงตั้งแต่ 7 โมงเช้าแต่ได้สัมภาษณ์ตอนเที่ยงตรงพอดีเลยค่ะ

        ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ รปภ. ที่สถานทูตก็อารมณ์ดีกันทุกคนนะคะ

        ขอขอบคุณคุณ GoVisa มากค่ะ ที่ตอบคำถามเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

        รักษาสุขภาพนะคะ ^______________^

      • govisa  On March 30, 2012 at 4:56 pm

        ดีใจด้วยค่ะน้อง Ook ขอให้น้องเดินทางถึงอเมริกาด้วยความปลอดภัยนะคะ และขอบคุณมากๆที่เขียนมาบอกว่า บรรยากาศในการสัมภาษณ์เป็นอย่างไรค่ะ แม้จะรอนานครึ่งวันแต่น้องคงหายเหนื่อยเลยใช่ไหมเมื่อทราบว่า ได้รับวีซ่าค่ะ พี่ดีใจด้วยอีกครั้งนะคะ

      • ook  On March 30, 2012 at 6:05 pm

        บรรยากาศในการสัมภาษณ์หรือคะ ? ดูสบาย ๆ มาก ๆ ค่ะ แต่ก็มีบางช่องก็ดูเคร่งขรึม ไม่เข้าใจเหมือนกานค่ะ ส่วนช่องไปที่ดูเหมือนทุกคนจะเป็น visa นักเรียน ชิว ๆ เลยหล่ะค่ะ ฝรั่งก็ใจดี คุยเล่นอีกต่างหาก

        แต่ยอมรับค่ะรอนาน 5 ชม. คุ้มค่ามาก ๆ ค่ะ

        แต่เมื่อตะกี้กลับถึงบ้าน passport ส่งถึงบ้านแล้วค่ะ ดูวันหมดอายุพบว่า กว่าจะหมด 5 ปี แต่ขอเรียน 6 เดือนค่ะ

        ก็เลยอยากจะรบกวนถามอีกครั้งค่ะว่า เค้ามีเกณฑ์การพิจารณาอย่างไรหรือคะ ? ว่าจะให้ visa กี่ปีอ่ะค่ะ ?

        ขอบคุณค่ะ

      • govisa  On March 30, 2012 at 9:08 pm

        น้อง Ook คะ วีซ่านักเรียนจะมีอายุนาน 5 ปีเกือบทุกคนค่ะ มีน้อยรายที่จะได้วีซ่าที่มีอายุไม่ถึง 5 ปี พี่สันนิษฐานเหตุผลว่า น่าจะเป็นเพราะกงสุลท่านอาจจะไม่แน่ใจในน้องที่ยื่นเอกสารรายนั้น แต่จะปฏิเสธวีซ่าก็คงเป็นไปไม่ได่ เพราะน้องท่านนั้นอาจจะมีคุณสมบัติครบถ้วนของนักเรียนค่ะ

  • phanna  On March 20, 2012 at 5:03 am

    จริง ๆ แล้วเป็นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ตัวเองค่ะ เพื่อนจะเป็นสปอนเซอร์ในเรื่องที่พักอาศัยและอาหารในระหว่างที่เราไปเที่ยวตามคำเชิญของเค้าเท่านั้นค่ะ เพราะตอนที่เค้ามาเที่ยวเมืองไทยดิฉันและครอบครัวก็ให้การต้อนรับและดูแลเค้าเป็นอย่างดีทำให้เค้าอยากที่จะแสดงน้ำใจเชิญเราไปเที่ยวบ้านเค้าบ้างค่ะ บัญชีเงินฝากของดิฉันก็มีประวัติดีเพราะเปิดมานานแล้วค่ะตอนนี้ก็มียอดเกือบล้าน (มีเงินจากสลากออมสินที่ครบกำหนดเพิ่มมาอีกค่ะ) แล้วก็มีเงินฝากสลากออมสินอีก 5 แสนคิดว่าน่าจะโอเคนะค่ะ เพราะตอนที่ดิฉันไปเที่ยวยุโรป 20 วัน (พักบ้านเพื่อนเหมือนกันค่ะ) ก็ใช้เงินไปแค่แสนต้น ๆ เองค่ะขนาดรวมค่าเครื่องบินด้วย ตอนนี้จองวันสัมภาษณ์ได้แล้วเป็นวันที่ 29 มีค. พอดีพี่สาวกับแม่จะให้ดิฉันพาไปทำธุระในกรุงเทพฯ ด้วยไม่แน่ใจว่าทางสถานทูตอนุญาตให้บุคคลอื่นเข้าไปรอพร้อมกับผู้ขอวีซ่ามั๊ยค่ะ

    • govisa  On March 20, 2012 at 5:39 am

      น้อง Phanna คะ จริงๆแล้ว statement เกือบล้านก็ใช้ได้แล้วนะคะ ถ้าน้องจะให้ข้อมูลดูมีความสัมพันธ์กัน เพราะน้องบอกพี่ว่า คุณพ่อเป็นนายกสมาคม อาจจะขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณพ่อเพื่อแสดงฐานะของคุณพ่อว่า คุณพ่อก็ยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายลูกสาวระหว่างลูกสาวไปเที่ยวก็ดูดีนะคะ เพราะแต่ละข้อมูลที่น้องให้พี่มาจะดูเชื่อมโยงและสนับสนุนกันค่ะ พี่ขออวยพรให้น้องผ่านวีซ่านะคะ

      อนึ่ง บุคคลอื่นที่ไม่ได้ขอวีซ่า จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปนั่งรอที่ในสถานทูต เพราะสถานทูตค่อนข้างมีเนื้อที่น้อยค่ะ พี่แนะนำให้คุณแม่และพี่สาวของน้องนั่งรอที่ร้านกาแฟพร้อมขนมในอาคารสินธรฝั่งตรงข้ามกับสถานทูต มีหลายร้าน เช่น ร้าน S&P หรือจะไปรอที่ร้านกาแฟในอาคาร All Seasons ฝั่งเดียวกับสถานทูตก็ได้ค่ะ

  • ook  On March 20, 2012 at 4:56 pm

    สวัสดีค่ะคุณ Govisa

    ขอถามอีกนิดนึงนะคะ การที่เราจะได้สัมภาษณ์เป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ เราไปเลือกภาษาที่โน่น หรือเราเลือกไปแล้วคะในช่วงที่กรอก DS 160 อ่ะค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On March 20, 2012 at 11:46 pm

      น้อง Ook ได้เลือกตอบไปแล้วว่าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษในตอนกรอกฟอร์มนัดวันสัมภาษณ์ที่ให้น้องตั้งรหัส Username กับ password ก่อนซื้อพินนัดวันสัมภาษณ์ค่ะ

  • phanna  On March 20, 2012 at 6:10 pm

    พอดีคุณพ่อมียอดเงินฝากในบัญชีไม่กี่แสนค่ะเพราะส่วนใหญ่แม่จะเป็นคนบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วก็จะนำไปซื้อสลากออมสินเพราะดอกเบี้ยดีกว่าธนาคารแถมยังตรวจรางวัลได้อีกด้วย ถ้าดิฉันจะยื่นสลากออมสินที่เป็นชื่อของพ่อหรือแม่จะได้มั๋ยค่ะ เพราะจริง ๆ ก็สามารถถอนเป็นเงินได้ทันทีเหมือนกับบัญชีธนาคาร อ้อ! ลืมถามอีกอย่างคือพ่อกับแม่ใช้นามสกุลคนละนามสกุล พ่อจะใช้นามสกุลของตระกูลแต่แม่กับลูก ๆ หลาน ๆ ทุกคนจะใช้นามสกุลใหม่ที่เพิ่มเติมจากสกุลเดิมลักษณะแบบ แซ่ของคนจีนนะคะไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาอะไรมั๋ยค่ะ

    • govisa  On March 20, 2012 at 11:44 pm

      น้อง Phanna สามารถยื่นสลากออมสินของคุณพ่อร่วมกับสมุดบัญชีเงินฝากในธนาคารที่มีอยู่ไม่กี่แสนได้ค่ะ ส่วนหลักฐานที่แสดงว่าเป็นลูก เช่น สูติบัตร, ทะเบียนบ้าน ลองสังเกตดูในทะเบียนบ้าน ในชื่ของน้องจะเขียนชื่อผู้ใหกำเนิด ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ของน้องบางท่านที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน น้องสามารถชี้แจงได้ว่า คุณพ่อคุณแม่แต่งงานโดยไม่ได้จดทะเบียนกัน แต่ถ้ามีคำถามเรื่องเกี่ยวกับผู้ให้กำเนิด น้องสามารถหยิบยกหลักฐานที่เอ่ยมาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างแสดงให้ดูได้ค่ะ

  • ramida  On March 20, 2012 at 6:57 pm

    สวัสดีค่ะ ขอสอบถามข้อมูลค่ะ

    1.เมื่อปีที่ผ่านมาได้ไปวีซ่าได้รับอนุมัติเรียบร้อยค่ะได้เป็นวีซ่าท่องเที่ยว 10 ปีค่ะ
    2.ตอนไปทำได้รับจดหมายเชิญจากคุณอามาคุ่ะ
    3.แต่ปีที่ผ่านมาไม่ได้ไปค่ะเพราะเจอปัญหาน้ำท่วมพอดี และลูกชายคุณอาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดใหญ่เมื่อปลายปี 3 ครั้ง ทำให้เกรงใจคุณอา….จะเปลี่ยนแผนจากไปหาคุณอาแล้วไปหาเพื่อนให้เพื่อนพาเที่ยวซึ่งอยู่คนล่ะรัฐกับที่ระบุไว้ในจดหมายเชิญ จะมีปัญหาในการเข้าด่านตม.หรือปล่าวค่ะ ในครั้งนี้จะเดินทางไป 15 วันค่ะ
    4.กลัวว่าตม.จะไม่ให้ผ่านค่ะเพราะตอนแรกครอบครัวคุณอาจะพาเที่ยวค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ
    รมิดา

    • govisa  On March 20, 2012 at 11:24 pm

      น้องรมิดาคะ โดยทั่วไปผู้ที่มีวีซ่าท่องเที่ยว B-2 จะสังเกตได้ว่า วีซ่าที่ได้รับการประทับตราอยู่ในหนังสือเดินทางมีอายุนาน 10 ปี หมายความว่า เขาผู้นั้นจะสามารถเดินทางเข้าและออกในประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะนักท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าใหม่อยู่เรื่อยๆเป็นเวลานาน 10 ปี ดังนั้น การเข้าและออกแต่ละครั้งเราสามารถมีเหตุผลแตกต่างกันไปได้ เช่น ครั้งนี้อาจจะแวะเที่ยว California ครั้งหน้าอาจจะเปลี่ยนไปเที่ยวทางฝั่งตะวันออกคือ New York บ้างก็ได้ค่ะ ดังนั้น น้องไม่ต้องกังวลว่า น้องจะไม่ได้เข้าไปเยี่ยมคุณอาตามเหตุผลที่ขยื่นขอวีซ่าไปในตอนแรกค่ะ และจะทำให้ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าประเทศสหรัฐฯค่ะ น้องสามารถตอบเจ้าหน้าที่ตม.ได้ว่า น้องเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งนี้กี่วัน โดยวางแผนจะไปเที่ยวรัฐไหนบ้าง ถ้าเจ้าหน้าที่ตม.ถามนะคะ บางทีน้องก็อาจจะถูกถามว่า จะไปพักที่ไหน นำเงินมาเท่าไร เป็นต้นค่ะ

  • ramida  On March 21, 2012 at 6:18 am

    ขอบพระคุณมากค่ะ รอคำตอบแบบใจจดใจจ่อทีเดียวค่ะ ตอนนี้ก็จะเริ่มวางแผนเที่ยวและซื้อตั๋วเครื่องบินค่ะ…..ค่ะก็จะวางแผนท่องเที่ยว เตรียมเงิน และ บัตรเครดิตไป ค่ะ
    อ่านจากกระทู้ข้างบน พี่ไม่สบายดูแลสุขภาพด้วยน่ะค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยจริงๆ
    ขอบคุณมากค่ะ….รมิดา

    • govisa  On March 21, 2012 at 8:45 pm

      ขอบคุณในคำอวยพรของน้องรมิดามากๆค่ะ พี่หายแล้วค่ะ และพี่ก็ขอให้น้องพบกับความสนุกสนานในการไปท่องเที่ยวอเมริกาครั้งนี้ด้วยค่ะ พบเห็นอะไรที่น้องคิดว่า เป็นข้อคิด หรือเป็นความแปลกใหม่ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเราคนไทยด้วยกัน เขียนมาให้อ่านกันบ้างก็ดีนะคะ พี่จะคอยอ่านค่ะ

  • ramida  On March 21, 2012 at 4:36 pm

    สวัสดีคะ่ ขอรบกวนสอบถามอีกข้อน่ะค่ะ ตอนไปสัมภาษณ์วีซ่ามา ท่านกงสุลให้เข้าพร้อมกันเพราะไปเป็นครอบครัว ถ้าพอถึง ตม.จะได้เข้าพร้อมกันหรือไม่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ..รมิดา

    • govisa  On March 21, 2012 at 8:53 pm

      น้องรมิดาคะ ตรงด่านตม.ส่วนใหญ่เท่าที่พี่เคยเห็นคือให้เข้าไปทีละคนเพื่อสัมภาษณ์ถ่ายรูปและประทับตราลายนิ้วมือค่ะ ถ้ายังไม่ถึงคิวให้ยืนรอหลังเส้นที่ขีดอยู่ที่พื้นค่ะ อย่างไรก็ตาม เคยเห็นคนที่เข้าไปก่อนแล้วพูดภาาาอังกฤษไม่ค่อยได้ อาจจะลองแจ้งเจ้าหน้าที่ตม.ว่าคนที่อยู่ต่อจากเราเป็นญาติมาด้วยกัน เขาถึงจะเรียกให้เขาไปยืนด้วยค่ะ เอาเป็นว่า พยายามช่วยตัวเองให้ได้ในระดับหนึ่งก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าญาติน้องฟังไม่ค่อยเข้าใจอาจจะแนะนำให้ญาติแจ้งเจ้าหน้าที่ตม.ว่าเดินทางมากับอีกคนที่ยืนอยู่ถัดไป เขาจะได้เรียกเข้าไปช่องเดียวกันเพื่อช่วยเหลือค่ะ

  • ramida  On March 21, 2012 at 9:11 pm

    ขอบคุณมากค่ะ..เพราะไม่รู้อะไรเลยค่ะ ขออนุญาตคัดลอกคำตอบไปแจ้งข่าวสารแก่ญาติพี่น้อง และ เพื่อนๆน่ะค่ะ…รมิดา

  • eed  On March 21, 2012 at 9:47 pm

    รบกวนถามหน่อยค่ะ พอดีว่า ได้นัดสัมภาษณ์แล้วในวันที่ 10/4/55 นี้ จำนวนรวม 4 คน (พ่อ-แม่และลูก 2 คน) แต่ต้องการเพิ่มลูกคนเล็กอีกคน สามารถกรอก DS-160 ส่งแอฟ แต่ไม่นัดสัมภาษณ์ออนไลน์ จะไปพร้อมกันทีเดียว 5 คนได้ไหม หรือรบกวนแนะนำหน่อยค่ะ
    พอดีลูกคนเล็ก เพิ่งตัดสินใจว่าจะให้น้องร่วมเดินทางไปด้วยกันค่ะ

    • govisa  On March 22, 2012 at 5:16 am

      คุณ Eed คะ ในใบยืนยันวันนัดสัมภาษณ์ที่ print ออกมาจะระบุวันที่สุดท้ายที่ยอมให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงวันนัดสัมภาษณ์ได้คือวันอะไรคะ ปกติขะเป็น 3 วันก่อนวันนัดสัมภาษณ์จะเข้าไปแก้ไขอะไรในวันนัดสัมภาษณ์วัซ่าไม่ได้ ถ้ายังไม่ถึงวันนั้นช่วยกรุณเข้าไป add ชื่อลูกคนเล็กเพิ่มด้วยค่ะ หลังจากที่กรอก DS-160 และทราบหมายเลขยืนยัน DS-160 เรียบร้อยแล้วนะคะ

  • sunan  On March 21, 2012 at 10:08 pm

    ดิฉันจะซื้อ Pin ทาง online มาถึงขั้นตอนรายละเอียดบัตรเครดิต ก็กรอกไปตามช่องจนกระทั่ง submit ปรากฎว่าไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยค่ะ ปกติจะได้รับรหัส pin เลยหรือเปล่าคะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมดิฉันถึงทำไม่ได้คะ
    ขอบคุณค่ะ
    สุนันท์

    • govisa  On March 22, 2012 at 5:27 am

      น้อง Sunan คะ ถ้าน้องตัดเงินจากบัตรเครดิตได้ก็จะพบหน้าเว็บไซต์ถัดไปที่จะบอกรหัสของผู้ซื้อพินออนไลน์เป็น W และตามด้วยตัวอักษรผสมกับตัวเลข และมีตัวอักษรให้เลือกว่า Print หรือ Next ส่วนมากก็จะเป็น print หน้ายืนยันการซื้อพินไว้เป็นหลักฐานด้วยแล้วค่อยกด Next เพื่อทำรายการหน้าถัดไปที่จะถามทำนองว่า น้องจะขอวีซ่าประเภทอะไรค่ะ ถ้าน้องไม่แน่ใจหรือไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงลองเข้าไปที่ http://thailand.us-visaservices.com แล้วลอง log in โดยการใส่รหัส Username และ password ถ้าสามารถเข้าไปได้แปลว่า น้องซื้อพินนัดวันสัมภาษณ์ไปได้เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ถ้าเข้าไปไม่ได้แสดงว่า น้องยังไม่สามารถตัดเงินจากบัตรเครดิตได้ หรืออีกวิธีหนึ่งจะลองโทรศัพท์สอบถามธนาคารที่เป็นเจ้าของบัตรว่า บัตรเครดิตของน้องถูกตัดเงินจำนวน 384 บาทไปหรือยังก็ได้ค่ะ

  • Yavanart  On March 23, 2012 at 2:29 pm

    รบกวนถามค่ะ ได้ซื้อ pin ขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 8/03/12 แต่ยังไม่ได้โทรไปจองวันสัมภาษณ์ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ และขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ (ได้ทราบมาว่าวันสัมภาษณ์จะว่างก็ต้องเลยวันที่ 22 พ.ค.55 ไปแล้วค่ะ

    • govisa  On March 23, 2012 at 8:29 pm

      น้อง Yavanart คะ พี่ได้ตอบคำถามน้องไปแล้วค่ะ พินมีอายุการใช้งานนาน 3 เดือน ถ้าน้องไม่ confirm วันนัดสัมภาษณ์ภายใน 3 เดือน พินจะหมดอายุใช้งานไม่ได้ค่ะ ดังนั้นน้องก็ต้องหมั่นโทรไปถามเจ้าหน้าที่เพื่อหาวันนัดที่ว่าง เพราะวันที่ทราบว่า จะว่างคือ 22 พฤษภาคมใช่ไหมคะ ถ้าน้องไม่ได้จองคนอื่นอาจจองไปก่อนน้องได้ ทำให้ไม่มีวันว่างก็ต้องรอกันต่อไปค่ะ อย่างที่บอกน้องคือ ถ้าเลย 3 เดือนพินก็จะหมดอายุ ต้องซื้อพินใหม่ค่ะ ถ้าน้องจองวันนัดสัมภาษณ์สมมติว่าเป็น 22 พฤษภาคมนี้ และน้องเกิดเปลี่ยนใจ น้องต้องการจะเลื่อนวันนัดสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้นก็ต้องโทรไปเจ้าหน้าที่ขอยกเลิกวันนัดเก่าและจองใหม่ จะทำการยกเลิกวันนัดเก่าและจองวันนัดใหม่ได้ 2 ครั้ง หลังจากนั้นน้องจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการเปลี่ยนแปลงวันนัดได้อีกค่ะ ส่วนขั้นตอนการจองพี่ได้อธิบายไปแล้วว่า ให้โทรสัพท์ไปที่ 001-800-13-202-2457 พูดกับเจ้าหน้าที่ปลายสายที่เป็น Call Center เนื่องจากเป็น Call Center อย่าไปคิดว่า น้องจะสามารถถามอะไรมากมายได้ เพราะเจ้าหน้าที่จะพูดตามบทที่เขาได้รับมอบหมายมา ถามคำถามอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เขาถูกเทรนมาให้พูด เขาจะไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นค่ะ ถ้าไม่คิดว่ามันนานเกินไปที่จะต้องรอ วันนัดที่ว่างอยู่คือ 22 พฤษภาคม ให้น้องรีบจองไปเถอะค่ะ ยิ่งปลายเดือนมิถุนายนต่อต้นเดือนกรกฎาคมแล้ว คิวนัดสัมภาษณ์จะยิ่งมีน้อย เพราะโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในสหรัฐใกล้เปิดเทอมกัน นักเรียนจะขอนัดวีซ่ากันแน่นมากค่ะ

      โปรดใช้โทรศัพท์ที่บ้านโทรออกไปยังเบอร์ข้างต้น ถ้าจะใช้มือถือโทรออก มือถือต้องมี international roaming ค่ะ

  • Mallika  On March 26, 2012 at 10:50 am

    สวัสดีค่ะ ขอสอบถามเรื่องการ ยกเลิกการนัดสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ คือต้องการยกเลิกวันนัดสัมภาษณ์วีซ่าไปเลยอ่ะค่ะ ไม่ได้เลื่อน เนื่องจากว่า ไม่ได้ไปปีนี้แล้วอ่ะค่ะแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพร้อมอีกทีเมื่อไหร่ จึงเกิดข้อสงสัยดังนี้
    1. PIN ที่ซื้อมาใช้ไปหมดแล้ว ต้องซื้อใหม่เพื่อกดยกเลิกมั้ยคะ
    2. หากไม่กดยกเลิก แต่ไม่ได้ไปสัมภาษณ์จะเกิดปัญญหาอะไรมั้ยคะ
    3. ข้อมูล DS-160 ที่เคยกรอกไว้ จะถูกเก็บไว้กี่ปีคะ
    4. หากในปีหน้าอยากจะไปขอใหม่ จะใช้ข้อมูลจาก DS160 อันเก่ามั้ยคะ

    • govisa  On March 26, 2012 at 8:59 pm

      น้อง Mallika คะ
      1. พินที่ซื้อมาใช้หมดแล้วก้ไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องวื้อพินใหม่เพื่อยกเลิกค่ะ
      2. ถ้าไม่ไปสัมภาษณ์ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าน้องไม่สบายใจจะเขียนอีเมล์แจ้งเขาว่าไม่ไปเพราะอะไรก็ได้ค่้ะ
      3. ถ้าน้องอ่านกระทู้ที่หลายท่านเขียนมา จะเห็นได้ว่าบางคนกรอก Ds-160 หลายคนเพราะอาจจะกรอกผิดแก้ไขไม่ได้เลยกรอกใหม่ค่ะ ดังนั้นถ้าครั้งนี้ น้องตัดสินใจไๆม่ไปขอวีซ่า ก้ไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับ DS-160 ค่ะ
      4. ถ้าปีหน้าตะไปใหม่ กรอก DS-160 ใหม่ อย่าไปใช้ใบเก่าเลยค่ะ

  • kikky  On March 27, 2012 at 9:50 am

    คำถามของคุณ Mallika อ่ะค่ะคุณ govisa แล้วเราต้องไปยกเลิกวันสัมภาษณ์ในเวปด้วยใช่ไหมค่ะ แล้วการยกเลิกวีซ่าเนี้ยจะมีผลกระทบอะไรกับเราในอนาคตไหมค่ะ คือแบบว่าถ้่สอบสัมภาษณ์ในครั้งต่อไปจะผ่านไหม

    • govisa  On March 27, 2012 at 9:14 pm

      น้องกิ๊กเข้าไปสัมภาษณ์หรือยังคะ กงสุลถามอะไรน้องบ้างคะ คำถามคล้ายๆกันกับของน้อง Mallika พี่เคยลองโทรศัพท์ถามเจ้าหน้าที่ในสถานกงสุล ท่านอธิบายว่าถ้าไม่ได้มาในวันสัมภาษณ์เพราะติดธุระก็ไม่เป็นไร ถ้าจะมาสัมภาษณ์คราวหน้าให้ทำเรื่องซื้อพินนัดวันสัมภาษณ์ กรอกฟอร์ม และทำนัดวันสัมภาษณ์เข้าไปใหม่ค่ะ ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรต่อการสัมภาษณ์ค่ะ

  • kikky  On March 28, 2012 at 1:58 pm

    อ่อยังค่ะ สัมภาษณ์วันที่สิบสอง เมษาอ่ะค่ะ คือตอนนี้ไม่พร้อมเรื่องการปิดเทอมค่ะ เลยถามไว้ ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้ากิ๊กไม่ได้ไปกิ๊กต้องไปยกเลิมภาษณ์ในอินเทอร์เน็ตก่อนวันสัมภาษณ์สองวันใช่ไหมค่ะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On March 28, 2012 at 11:49 pm

      น้องกิ๊กดูที่ใบนัดวันสัมภาษณ์ที่น้อง Print ออกมาว่า เขากำหนดให้วันสุดท้ายในการแก้ไขวันนัดสัมภาษณ์คือวันอะไรค่ะ ให้แก้ไขก่อนวันนั้นนะคะ โชคดีค่ะ

  • phanna  On March 28, 2012 at 8:37 pm

    ตื่นเต้นมากพรุ่งนี้จะต้องสัมภาษณ์แล้ว เอกสารทุกอย่างคิดว่าน่าจะเพียงพออ้างอิงจากการที่ถูกปฏิเสธในครั้งแรก พอดีคุยกับเพี่อนเค้าแนะนำให้พิมพ์อีเมลล์เก่า ๆ ที่แรกเริ่มรู้จักกับเพื่อน (เจ้าของจดหมายเชิญ) ว่ารู้จักกันมานาน (ตั้งแต่ปี 2008) ซึ่งเราไม่ได้โกหกพราะดิฉันบอกกงศุลไปว่ารู้จักกับเพื่อนทางเน็ตไปแสดงด้วยค่ะ แล้วก็โชคดีที่น้องที่ทำงานเก่าช่วยเดินเรื่องขอจดหมายรับรองจากผู้อำนวยการ (ดิฉันเคยทำงานอยู่องค์กรสาธารณกุศลมาก่อนประมาณเกือบ 10 ปี แล้วค่อยลาออกมาช่วยกิจการที่บ้านเพราะไม่มีคนช่วยพ่อกับแม่ค่ะ) ซึ่งท่านก็ใจดีช่วยออกให้ว่าดิฉันเคยปฏิบัตงานที่มูลนิธิฯ นี้จริง ๆ ค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะพอสนับสนุนเหตุผลที่เรามีความผูกผันกับครอบครัวจึงลาออกมาดูแลพ่อกับแม่ได้รึเปล่า ซึ่งตอนนั้นดิฉันมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการสำนักงานมูลนิธิฯ ที่กรุงเทพฯค่ะ ค่อนข้างกังวลแล้วก็ตื่นเต้น แต่ทุกคนที่รู้ว่าดิฉันจะไปขอวีซ่าอีกครั้งและเตรียมเอกสารอะไรบ้างคิดว่าน่าจะผ่านค่ะตอนนี้ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจนักเพราะไม่รู้ว่ากงศุลจะคิดเหมือนที่เราคิดรึเปล่า ยังไงพรุ่งนี้รู้ผลแล้วจะมาแชร์อีกรอบนะค่ะ เผื่อใครที่ต้องการจะขอวีซ่าครั้งที่สองจะได้มีแนวทางในการเตรียมตัวค่ะ

    • govisa  On March 28, 2012 at 11:57 pm

      พี่จะคอยฟังข่าวจากน้อง Phanna ค่ะ พี่แอบลุ้นน้องอยู่เช่นเดียวกันนะคะ เพราะพี่เห็นใจในความพยายามของน้องมากๆค่ะ เอาใจช่วย ขอให้โชคดีนะคะ

  • phanna  On March 30, 2012 at 9:15 pm

    จริง ๆ อยากจะแชร์ประสบการณ์ในการสัมภาษณ์ืครั้งที่สองมากค่ะแต่พอดีเรื่องมันค่อนข้างยาวมากค่ะยังไงก็จะพยายามสรุปรวบยอดแล้วแชร์อีกครั้งนะค่ะ แต่มีข้อสงสัยอย่างหนึ่่งค่ะว่าถ้าหากเราไม่ได้รับหนังสือเดินทางคืนแสดงว่าได้วีซ่าใช่มั๋ยค่ะ หรือเคยมีกรณีที่ได้รับคืนหนังสือเดินทางทีหลังแต่ไม่ผ่านวีซ่า หรือได้วีซ่าตามจำนวนวันที่ขอค่ะ อยากทราบมากค่ะ

    • govisa  On March 31, 2012 at 5:03 am

      น้อง Phanna คะ ยินดีด้วยนะคะที่น้องได้รับวีซ่าแล้วค่ะ สถานทูตจะส่งหนังสือเดินทางพร้อมประทับตราวีซ่าให้กลับมาที่บ้านน้องด้วยไปรษณีย์ด่วน EMS ค่ะ ถ้าถามว่ามีเปอร์เซ็นต์ของการไม่ผ่านไหม เท่าทีพี่เคยเห็นนะคะ คือถ้ากงสุลไม่ให้วีซ่าจะบอกเลยว่าไม้ให้น้องผ่านวีซ่าค่ะ และคืนหนังสือเดินทางให้น้องในวันนั้นค่่ะ อย่างไรก็ตาม เคยมีกรณีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ค่ะที่กงสุลท่านนำเรื่องไปพิจารณาอีกครั้งและตัดสินใจไม่ให้วีซ่า เพราะเคยมีน้องผู้หญิงท่านหนึ่งมีกรณีนี้เกิดขึ้นแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดนานหลายปีมากแล้วค่ะ สังเกตคำถามและคำตอบของน้องระหว่างสัมภาษณ์ ลองให้คะแนนดูนะคะว่า น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่พึงพอใจอยู่ไหมคะ ถ้าทุกอย่างดูเป็นบวกก็ผ่านแน่นอนค่ะ ขอให้น้องประสบความสำเร็จได้เดินทางไปอเมริกาพร้อมเพื่อนๆค่ะ

  • phanna  On April 4, 2012 at 9:21 pm

    วันนี้ได้รับหนังสือเดินทางคืนพร้อมวีซ่าสิบปีค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำดี ๆ และกำลังใจ อยากจะบอกน้อง ๆ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่ขอวีซ่าแล้วไม่ผ่านก็ไม่ต้องท้อใจนะค่ะ ลองพยายามรวบรวมเอกสารเพื่อแสดงความผูกผันกับครอบครัวและเจตนาของเราอย่างชัดเจนว่าจะกลับเมืองไทยอย่างแน่นอนก็อาจจะมีโอกาสได้รับวีซ่าอย่างดิฉันค่ะ

    • govisa  On April 4, 2012 at 9:40 pm

      ขอบคุณน้อง Phanna ที่กรุณาแจ้งมาให้ทราบว่าในที่สุดน้องก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับวีซ่า หลังจากที่ได้ยื่นคำร้องใหม่เป็นครั้งที่สอง พี่ขอแสดงความยินดีกับน้องด้วยค่ะ และขอให้น้องได้ไปเที่ยวอเมริกากับเพื่อนท่านอื่นที่ได้รับวีซ่าแล้วและรอน้องกันอยู่อย่างมีความสุขนะคะ พี่จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่งถ้าน้องจะช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่ไปขอวีซ่าว่า กงสุลท่านถามอะไรบ้างค่ะ เพื่อให้น้องท่านอื่นที่ประสบความผิดหวังในรอบแรกได้ใช้เป็นกรณีศึกษาค่ะ แต่ถ้าน้อง Phanna ไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไรนะคะ ขอขอบคุณอีกครั้งที่แจ้งมาว่า ได้รับวีซ่าแล้วค่ะ

      • phanna  On April 4, 2012 at 10:40 pm

        สามารถเล่าได้ค่ะไม่มีปัญหาอะไรแต่เรื่องมันค่อนข้างจะยาวสักหน่อยดิฉันจึงขอสรุปคราว ๆ พอให้คนที่อยากจะลองขอวีซ่าอีกครั้งได้เตรียมตัวและเอกสารให้พร้อมเพื่อจะได้มีโอกาสผ่านเหมือนดิฉัน ซึ่งขั้นตอนก็เหมือนกับการเข้าไปขอวีซ่าครั้งแรกค่ะเพียงแต่ว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ด้านหน้า (จุดสแกนนิ้ว) ถามว่าเคยขอวีซ่ามั๊ยเราก็ต้องบอกว่าถูกปฏิเสธวีซ่าเมื่อไหร่เพราะอะไรค่ะ เจ้าหน้าก็จะถามเราเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยซึ่งผู้ขอวีซ่าจะสามารถแสดงเอกสารเพื่อยื่นเสนอก่อนล่วงหน้า ณ จุดนี้ได้ค่ะ โดยในกรณีของดิฉันในครั้งแรกร้านค้ายังไม่ได้จดทะเบียนดิฉันก็ไปดำเนินการขอจดทะเบียนและยื่นเสนอพร้อมรูปถ่ายของร้านแนบไปด้วยค่ะ (โชคดีที่ร้านของดิฉันเปิดมานานและเป็นที่รู้จักของคนในจังหวัดจึงมีน้องบ้างคนเขียนเวปเกี่ยวกับที่ร้านเพื่อเชิญชวนเพื่อน ๆ ของเค้ามาทานค่ะ) เมื่อเจ้าหน้าที่ถามคำถามเรียบร้อยแล้วก็จะให้หลายเลขซึ่งจะต่างจากของคนอื่น ๆ และบอกให้เรารอนานเล็กน้อยเพราะกงสุลจะตรวจดูเอกสารที่เราได้ยื่นเสนอไว้ก่อนเรียกสัมภาษณ์ค่ะ ดิฉันนั่งรอด้านในประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถูกเรียก (ตอนแรกคิดว่าจะต้องรอจนหมดคนสัมภาษณ์ซะอีก) ซึ่งกงศุลก็จะถามคำถามที่ดิฉันเคยถูกถามมาแล้วเมื่อขอวีซ่าในครั้งแรกซึ่งครั้งนี้ดีหน่อยที่ดิฉันมีโอกาสได้แสดงเอกสารต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ให้กับกงสุลได้พิจารณา ซึ่งทุกครั้งเมื่อดิฉันตอบคำถามจะเห็นท่านพิมพ์บันทึกไว้ค่ะ เอกสารจะถูกพิจารณาอย่างละเอียดหากมีจุดไหนที่สงสัยกงศุลก็จะถามเราทันทีซึ่งดิฉันมียอดเงินฝากในเดือนกุมภาพันธ์ประมาณสองแสนห้าซึ่งดิฉันได้อธิบายให้กงศุลฟังว่าเป็นเงินจากสลากออมสินที่ครบกำหนด แล้วจึงแสดงสลากออมสินที่ดิฉันยังมีอยู่ให้กับท่านดูค่ะ จากนั้นกงศุลก็จะถามคำถามทั่วๆ ไปเกี่ยวกับเพื่อนของดิฉันที่ส่งจดหมายเชิญมา และเคยไปเที่ยวที่ไหนบ้างซึ่งดิฉันก็ตอบคำถามอย่างชัดเจนและแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคำถามเพื่อยืนยันคำตอบของดิฉันทุกครั้งค่ะ จากนั้นท่านก็ให้ดิฉันไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ด้านหน้าค่ะ ตอนนั้นดีใจมากเพราะเราเตรียมพร้อมทุกอย่างและเพื่อน ๆ ก็พยายามช่วยเหลือเต็มที่ค่ะ แต่พอจะออกจากสถานทูตเจ้าหน้าที่ด้านหน้าก็บอกให้ดิฉันกับเข้าไปใหม่เพราะด้านในต้องการขอดูเอกสารบ้างอย่างเพิ่มเติม ตอนนั้นตกใจมากค่ะแต่คิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็เดินกลับเข้าไปใหม่ซึ่งดิฉันได้ถูกสัมภาษณ์เพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่คนไทยสองคนค่ะ คำถามก็เหมือนกับของท่านกงศุลค่ะจะมีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ทั้งสองก็ให้ดิฉันรอสักครู่เพื่อขอตรวจดูเอกสารอีกครั้งตอนนี้ใจดิฉันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วค่ะแต่คิดว่าเป็นไงก็เป็นกันเพราะดิฉันเตรียมตัวมาดีและเอกสารก็มีครบถ้วนแล้ว สักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกดิฉันไปหาแล้วคืนเอกสารซึ่งบางส่วนขอเก็บไว้เพื่อพิจารณาอีกทีค่ะ มาถึงตอนนี้ดิฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าจะได้วีซ่าหรือเปล่าเพราะตรวจเอกสารไม่จบสักที แต่ก็ยังใจชื่นที่ทางสถานทูตไม่ได้คืนหนังสือเดินทางดิฉันมา เมื่อกลับมาถึงบ้าน (ขอนแก่น) พ่อดิฉันได้เล่าให้ฟังว่าเจ้าหน้าที่ของสถานทูตได้โทรมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับดิฉันค่ะ ซึ่งดิฉันตกใจเล็กน้อยและเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาเมื่อรู้วว่าพ่อดิฉันบอกกับทางสถานทูตว่าดิฉันเคยไปทำงานที่เวียดนามเมื่อสมัยที่เคยทำงานกับมูลนิธิฯ คนตาบอด ซึ่งจริง ๆ แล้วดิฉันไปเที่ยวค่ะและในหนังสือเดินทางเล่มเก่าของดิฉันก็มีแสดงหลักฐานให้เห็นตามนั้น แต่ด้วยความเข้าใจผิดของพ่อจึงตอบไปแบบนั้นเพราะช่วงจังหวะที่ดิฉันไปเที่ยวพ่อก็ไปประชุมที่เมืองเดียวกันค่ะ และคำถามคือสาเหตุที่ดิฉันออกจากงานซึ่งก่อนหน้าที่ดิฉันจะลาออกสองเดือนลูกน้องของดิฉันถูกกระชากกระเป๋าในซอยของสำนักงานค่ะ และเมื่อไปแจ้งความก็ได้ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ลักษณะคล้าย ๆ กันหลายรายแล้วแต่ตำรวจยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ซึ่งดิฉันได้ไปเล่าให้ทางบ้านฟังทำให้ที่บ้านเป็นห่วงเพราะดิฉันพักอยู่บริเวณสำนักงาน และพ่อดิฉันเข้าใจผิดคิดว่าดิฉันเป็นคนถูกกระชากกระเป๋าแล้วบอกเจ้าหน้าที่ของสถานทูตไปว่าเพราะอันตรายเลยอนุญาตให้ดิฉันออกจากงานกลับบ้านได้ค่ะ ตอนแรกดิฉันก็สงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถามสาเหตุที่ดิฉันออกจากงาน ดิฉันตอบไปว่าออกมาช่วยที่บ้านเพราะพี่สาวแต่งงานเลยไม่มีคนช่วยน้องสาวและพ่อกับแม่ค่ะ ซึ่งนั้นก็เป็นความจริงค่ะและเพราะอันตรายจากบริเวณที่ทำงานก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจกลับบ้านด้วยค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ได้ถามย้ำว่ามีสาเหตุอื่นหรือไม่ดิฉันก็ตอบไปว่าไม่เพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องกระชากกระเป๋าของน้องที่ทำงานค่ะ พอทราบว่าพ่อคุยอะไรไปบ้างก็เริ่มกังวลใจแล้วว่าพ่อตอบคำถามไม่ตรงกับเราก็กลัวว่าทางสถานทูตจะว่าเราโกหกแต่คิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วจนวันนี้ได้รับหนังสือเดินทางคืนพร้อมวีซ่าก็รู้เลยว่าถ้าเรามีความพยายามมากพอและชัดเจนในเจตนาของตนก็จะประสบความสำเร็จได้ค่ะ ต้องขออภัยที่เขียนยาวไปหน่อยนะค่ะ หวังว่าเรื่องของดิฉันจะเป็นส่วนที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับคนที่จะไปขอวีซ่าอีกครั้งนะค่ะ

      • govisa  On April 5, 2012 at 12:15 am

        ขอบคุณน้อง Phanna ที่กรุณาแชร์ข้อมูลๆที่น้องให้มามีประโยชน์มากๆค่ะ พี่มั่นใจว่า ถ้าน้องทุกคนตั้งใจเตรียมเอกสารให้พร้อม ไม่ทำอะไรแบบไม่ตั้งใจหรือไม่เตรียมตัวให้ดี สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้น้องผ่านวีซ่าได้ค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

  • THUNYARAT  On April 6, 2012 at 12:17 am

    สวัสดีคะ ขอสอบถามข้อมูลคะ
    วันนี้ได้ไปซื้อคำขอวีซ่าอเมริกาให้หลาน แล้วชื่อตกพยัญชนะไป 1 ตัว จะมีปัญหาอะไรไหมหรือว่าต้องไปซื้อคำขอวีซ่าใหม่ จะไปสัมภาษณ์วันที่ 11 เม.ษ นี้แล้ว ชื่อ SITTHIKORN แต่ในใบคำขอวีซ่าเป็น SITTIKORN จะเป็นอะไรไหมคะ

    • govisa  On April 6, 2012 at 8:54 am

      น้อง Thunyarat คะ ปกติสถานกงสุลจะเข้มงวดเรื่อง”ชื่อ-นามสกุลและวันเดือนปีเกิด“มากๆว่า จะผิดไม่ได้นะคะ กรณีการจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,480 บาทที่ไปรษณีย์ไปแล้ว พี่ก็เห็นใจว่า ราคาค่าวีซ่าแพงพอสมควรอยู่ ถ้าน้องสะกดผิดเพียงตัวเดียวให้หลานพูดกับเจ้าหน้าที่ที่ไปรษณีย์ดูก่อนควรเป็นเจ่้าหน้าที่หน้าตาเดิม(เหตุผลที่เป็นคนเดิมคือ พี่เกรงว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาจะอ้างโน่นนี่อะไรหรือเปล่าซึ่งพี่ไม่ทราบค่ะ)ที่น้องไปจ่ายเงินมาว่า เกิดการผิดพลาดขึ้นและยอมรับว่าเป็นความผิดของน้องเองนะคะ น้องจะขอทำการเติมตัวอักษร “H” ลงไปอีกหนึ่งตัวต่อหน้าเขาได้ไหม และเมื่อไปที่สถานทูตก็ให้หลานแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ตรวจเอกสารด้วยว่า เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นค่ะ อย่างไรก็ตามให้หลานเตรียมเงินไป 4,480 บาทด้วย เผื่อเจ้าหน้าที่เขาให้หลานเดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งอาคารสินธร จะมีไปรษณีย์ตั้งอยู่ด้านหลังอาคาร หลานจะได้ซื้อค่าธรรมเนียมวีซ่าใหม่แล้วเดินข้ามถนนกลับมาที่สถานทูต แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไรนะคะ เพียงแต่ไปถามที่ไปรษณีย์ก่อนเท่านั้นเอง สำคัญว่าไปรษณีย์จะหยุดทำการช่วงนี้หรือเปล่า ถ้าหยุดทำการ (วันจักรี และวันพระราชทานเพลิง) ให้ลองถามที่ไปรษณีย์กลางที่เป็นสำนักงานใหญ่ของไปรษณีย์ ถ้าไม่ได้ผล อย่าวิตกกังวลเกินไป ให้ทำตามที่พี่บอก คือ ถือใบเสร็จที่สะกดชื่อผิดเข้าไปในสถานทูตและแจ้งเจ้าหน้าที่ พร้อมเตรียมเงินเผื่อไปด้วยค่ะ ถ้าหลานเข้าไปขอวีซ่าเสร็จแล้ว เขียนมาแชร์ประสบการณ์ด้วยนะคะว่า กงสุลท่านถามอะไรบ้างค่ะ หลานไปเที่ยวหรือไปเรียนหนังสือคะ โชคดีนะคะ

  • THUNYARAT  On April 6, 2012 at 11:40 pm

    ขอขอบคุณคะสำหรับคำแนะนำ วันที่ไปยื่นเอกสารที่สถานทูต ได้เรื่องอย่างไรจะมาแชร์ประสบการณ์นะคะ หลานไปท่องเที่ยวคะ

  • Rilakkuma  On April 7, 2012 at 1:26 am

    สวัสดีค่ะ คุณ govisa หนูมีข้อสงสัยมาอีกแล้วค่ะ พอดีใกล้วันสัมภาษณ์แล้วเริ่มระทึก แหะๆ

    1. เรื่องเงินค่ะ อย่างที่เคยบอกว่าคุณแม่เป็นสปอนเซอร์ให้ หนูก็ลิสต์เอกสารให้ท่านเรียบร้อย แต่หนูเพิ่งมารู้เรื่องจำนวนเงินในบัญชีมีแค่ 200K ค่ะ ซื้อมันไม่พอค่าใช้จ่ายสำหรับ 2 คนแน่ๆสำหรับเที่ยว 15 วัน แล้วถ้าจะใส่เงินเข้าไปช่วงนี้ (5วันก่อนสัมภาษณ์) มันจะดูตะหงิดๆไปมั้ยคะ? เพราะปกติที่บ้านไม่ได้เก็บเงินเป็นเงินสดค่ะ แปรเป็นทองคำหมด เพราะฉะนั้น หนูควร
    – ใส่เงินเข้าไปในบัญชี และ/หรือ
    – ถ่ายรูปทองไปให้ดู ว่าเรามีสินทรัพย์อย่างอื่น และ/หรือ
    – เอาสมุดบัญชีของกิจการที่บ้านให้ไปดู (อันนี้มีเงินเข้าออกเยอะค่ะ) และ/หรือ
    – เอาบัญชีคุณพ่อให้ดู (แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสค่ะ คุณพ่อนามสกุลเดียวกับหนู)
    และถ้าเอาบัญชีเล่มอื่นๆไปให้ดู ก็คงขอ statement ไม่ทันค่ะ เพราะติดวันหยุดวันจันทร์ จะเป็นอะไรมั้ยคะ?

    2. หนูยังกังวลเรื่องเอกสารแสดงความผูกพันว่าจะกลับมาประเทศไทยอยู่น่ะค่ะ คือตอนนี้มีจดหมายรับรองว่าจะทำงานกับธุรกิจของครอบครัว, ใบรับรองสถานภาพนิสิต (มหาลัยยังออกใบรับรองจบให้ไม่ได้ค่ะ เพราะกว่าจะอนุมัติจบให้ก็ปลายพ.ค.) นอกจากนั้นแล้วยังมีอะไรที่แสดงอีกได้มั้ยคะ? (เช่น บัญชีฝากประจำที่จะครบกำหนดในสามเดือนข้างหน้า, กำหนดการรับปริญญา, อื่นๆ?)

    3. คุณน้าที่ซื้อพินแยกต่างหาก จะขอสัมภาษณ์พร้อมหนูและแม่ได้มั้ยคะ?

    อาจจะมีคำถามตามมาอีก ต้องขอโทษที่รบกวนและขอบคุณคุณ govisa ล่วงหน้าด้วยค่ะ

    • govisa  On April 7, 2012 at 9:03 am

      น้อง Rilakkuma คะ
      1. ไม่ต้องถ่ายรูปทองคำแท่งไปหรอกค่ะ เพราะกงสุลท่านก็คงไม่แน่ใจว่าใช่ของน้องจริงๆหรือเปล่า หรือตัดมาจากภาพถ่ายในหนังสือพิมพ์เวลาพูดถึงราคาทองคำขึ้นลงค่ะ พี่แนะนำให้น้องนำบัญชีกิจการที่บ้านน้องและบัญชีคุณพ่อไปให้กงสุลดู ถ้ากงสุลท่านจะต้องการขอดู หรือถ้าท่านพูดว่าเงินในบัญชีมีแค่สองแสนบาท ให้น้องหยิบเอกสารการเงินของกิจการที่บ้านและบัญชีคุณพ่อขึ้นมาอธิบายค่ะ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้จดทะเบียนไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกวันนี้มีหลายคู่ที่มีลักษณะนี้ค่ะ น้องอาจจะเตรียมนำทะเบียนบ้านหรือใบเกิด(สูจิบัตร)ไปด้วยก็ได้ เพราะหลักฐานทั้งสองประเภทจะมีการระบุชื่อบิดามารดาของน้อง เท่านี้ก็เป็นการพิสูจน์ได้ว่าบัญชีของผู้ชายที่นำไปแสดงนั้น เป็นบัญชีของคุณพ่อน้องและเป็นสามีของคุณแม่น้องค่ะ
      2. จดหมายรับรองการทำงาน จดหมายรับรองความเป็นนิสิต และถ้าหากเป็นไปได้มี Transcript เผื่อติดมือเข้าไปด้วยก็ดีค่ะ
      3. ถ้าคุณน้าเลือกได้เวลาเดียวกันกับคุณแม่และน้องก็น่าจะลองถามเจ้าหน้าที่คนไทยดูว่า ขอเข้าไปสัมภาษณ์พร้อมกันได้ไหม เพราะจะเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกันค่ะ

      โชคดีค่ะ ถ้าได้วีซ่าแล้วส่งข่าวด้วยนะคะ พี่จะขอบคุณน้องมากถ้าจะกรุณาแชร์ประสบการณ์ด้วยว่า กงสุลท่านถามอะไรบ้างค่ะ เผื่อคนที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้จะได้รับประโยชน์ค่ะ

      • Rilakkuma  On April 11, 2012 at 9:12 am

        สวัสดีค่ะคุณ govisa หนูเพิ่งไปสัมภาษณ์มาเสร็จสดๆร้อนๆเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ไว้ก่อนจะลืมค่ะ แหะๆ

        เรื่องเอกสาร สรุปว่าก็เตรียมไปแบบทั่วไปค่ะ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แล้วท่านกงสุลก็ไม่ได้เรียกดูอะไรเพิ่มด้วยค่ะ 🙂

        สัมภาษณ์ได้เข้าไปพร้อมกันสามคนเลยค่ะ

        แต่ช่วงแรกที่ตรวจเอกสารกับเจ้าหน้าที่คนไทย คุณน้าโดนถามเรื่องพาสปอร์ตเล่มที่เคยได้วีซ่าอเมริกาที่ตอนนี้อยู่ไหนไม่รู้ เค้าก็เลยถามหาใบแจ้งความค่ะ เพราะเอกสารราชการหายต้องแจ้งความ ซึ่งน้าหนูไม่ได้แจ้ง.. แอบหน้าซีดกันเลยตรงนี้ แต่ก็ผ่านไป

        ระหว่างสัมภาษณ์กับกงสุล มีบทสนทนาดังนี้ค่ะ
        กงสุล – ไปทำอะไรครับ
        คุณแม่ – ไปเที่ยวค่ะ และพอดีลูกไป wat อยู่เลยจะได้เที่ยวต่อพร้อมกันหลังจบโครงการ
        กงสุล – ตอนนี้ทำงานอะไรครับ
        คุณแม่ – เป็นร้าน…ค่ะ
        กงสุล – สนุกมั้ยครับ
        คุณแม่ – สนุกมากค่ะ ๕๕

        กงสุล – so you have us visa before. work and travel?
        หนู – one for exchange program & one for work & travel 🙂
        กงสุล – เรียนอยู่ปี 4?
        หนู – ค่ะ
        กงสุล – แล้วทำไมปีนี้ไม่ไปเวิร์คอีก
        หนู – มหาลัยติดน้ำท่วม ปิดเรียนไม่ทันวันเริ่มโครงการค่ะ

        กงสุล – ตอนนี้ทำงานอะไรครับ
        คุณน้า – เป็นผู้ช่วยผู้จัดการค่ะ
        กงสุล – ที่ไหนครับ
        คุณน้า – ร้าน…ค่ะ อยู่ที่…ค่ะ
        กงสุล – ที่ร้านขายอะไรครับ
        คุณน้า – ของฝาก ของชำร่วย ของไทยๆค่ะ (คุณแม่แอบแย่งตอบ)

        แล้วกงสุลก็คืนใบสีฟ้ามาให้ไปซื้อซองไปรษณีย์ค่ะ 😀

        ต้องขอบคุณคุณ govisa มากๆเลยนะคะที่เสีบสละเวลาคอยตอบคำถามหนูจนได้วีซ่ากะเค้า
        หวังว่าประสบกรณ์ของหนูจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นๆที่กำลังจะขอวีซ่าและผ่านมาเห็นข้อความนี้นะคะ ^^

      • govisa  On April 11, 2012 at 9:24 pm

        ดีใจด้วยค่ะน้อง Rilakkuma ขอให้น้องและครอบครัวเดินทางปลอดภัยไปเที่ยวสหรัฐอเมริกานะคะ ^_^ และขอบคุณที่น้องเขียนประสบการณ์มาให้อ่านนะคะ มีประโยชน์มากเลยค่ะ

  • THUNYARAT  On April 11, 2012 at 11:47 pm

    สวัสดีคะ คุณ Govisa เกี่ยวกับคำขอวีซ่าที่ตกตัวอักษรไปนั้นได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่สถานทูตอเมริกาแล้วแจ้งว่าถ้าความหมายตรงกับชื่อก็ไม่มีปัญหา เลยเข้าไปสัมภาษณ์รอบบ่าย หลานบอกว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตใจดีมาก เข้าไปสัมภาษณ์กับท่านกงสุลก็ไม่ได้ถามอะไรมากถามว่าไปกี่วันไปเที่ยวที่ไหนบ้าง 2 คำถามแค่นี้จริงๆ แล้วก็ยื่นใบสีฟ้าให้ไปซื้อซองไปรษณีย์ เอกสารที่เตรียมก็ไม่ขอดูเลย ต้องขอขอบคุณ คุณ govisa มากๆ สำหรับทุกคำแนะนำ

    • govisa  On April 12, 2012 at 5:03 am

      ขอบคุณมากค่ะคุณ Thunyarat ที่เขียนมาบอกเล่าเรื่องตัวอักษรที่ตกไปหนึ่งตัวในใบเสร็จค่่าธรรมเนียมวีซ่าว่าไม่เป็นไรค่ะ ดีใจด้วยที่หลานผ่านวีซ่าแล้วนะคะ หลานโชคดีมากที่ท่านกงสุลไม่ได้ถามอะไรมาก หลานคงเป็นคนที่มีบุคลิกดีด้วยค่ะ ขอให้เดินทางปลอดภัยและเที่ยวให้สนุกนะคะ

  • nuch  On April 25, 2012 at 8:19 pm

    ขอปรึกษาค่ะ พอดีจะพาพ่อกับแม่อายุ 60,70 ปี ที่ไม่ได้ทำงานแล้ว ไปเที่ยว new york ค่ะ 2 อาทิตย์ส่วนตัวมี visa เรียบร้อยแล้ว และจะเป็น sponsor ให้พ่อกับแม่เอง พอดีจะไปเยี่ยมน้องชายที่เรียนภาษาอยู่ที่นั่น ถือ I-20
    1.ไม่ทราบว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรให้ท่านบ้าง ส่วนบัญชีของท่านไม่ได้มียอดเงินมาก ไม่ต้องแสดงได้ไหมคะ กะว่าจะยื่นเอกสารวีซ่าของตัวเอง ใบรับรองการทำงานและรับรองเงินเดือน และ book bank ยอดประมาณ700000 แต่มีบัญชีฝากประจำอีกหลายบัญชีประมาณ 500000 ไม่แน่ใจว่าต้องขอ statement ด้วยไหมคะ
    2. ตอนกรอกข้อมูล เห็นเคยอ่านในบางกระทู้บอกว่่ไม่ควรบอกว่ามีคนรู้จัก จะทำให้ขอได้ยากขึ้น แต่เรามีน้องชายถือ I-20 อยู่ เลยจะกรอกข้อมูลตามนั้น แต่ที่พัก กะว่าจะเป็นที่โรงแรม เพราะน้องพักกับเพื่อน คงไม่สะดวกให้ไปพักเพิ่มอีก 3 คน จะมีปัญหาไหมคะ หรือควรกรอกที่อยู่น้องไปเลยดี
    3. พ่อเคยไปทำงานที่ USA ค่ะ แต่ประมาณ 20 ปีแล้ว เคยได้ green card แต่กลับมานานแล้ว passport เดิมก็หาย จะต้องกรอกข้อมูลส่วนนี้ไหมคะ
    4. เราจะสามารถเข้าไปสัมภาษณ์เป็นเพือ่นท่านได้ไหมคะ กังวลว่าจะตอบไม่ถูก เพราะส่วนใหญ่เราเป็นคนกรอกข้อมูลเอง
    ขอบคุณมากๆค่ะ

    • govisa  On April 25, 2012 at 9:20 pm

      น้อง Nuch คะ ขอตอบคำถามทีละข้อของน้องดังนี้คือ

      1. น้องสามารถเป็น sponsor ให้คุณพ่อคุณแม่ของน้องได้ค่ะ และท่านก็แสดงบัญชีของท่านได้ด้วยค่ะ ถึงจะมีน้อยก้ไม่เป็นไร มีหลักฐานไหมคะว่า มีเงินบำนาญเข้าบัญชีทุกเดือนๆละเท่าไรค่ะ ถ้ามีนำไปด้วยค่ะ สรุปหลักฐานที่ต้องแสดงเกี่ยวกับการเงินคือ จดหมายรับรองฐานะการเงินจากบัญชีของตัวท่านเองและบุ๊คบัญชัเงินฝากตัวจริง หลักฐานเสริมอื่น เช่น ที่มาของรายรับแต่ละเดือน ส่วนของน้องแสดงจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารทั้งยอด 700,000 และยอดประจำประมาณ 500,000 ตามที่เขียนเล่ามานะคะ พร้อมทั้งจดหมายรับรองการทำงานและเงินเดือนของน้องค่ะ

      2. น้องชายของน้องก็คือลูกชายของคุณพ่อคุณแม่ ท่านมีสิทธิ์ไปเยี่ยมลูกชายที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ได้ค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ และสำหรับที่พักแจ้งเป็นที่โรงแรมไปดีแล้ว เพราะจะไปกันตั้ง 3 คนค่ะ ห้องที่ลูกชายเช่าไว้คงไม่พอให้คนอีก 3 คนไปอยู่เพิ่ม และ Landlord ที่เป็นเจ้าของที่พักบางท่านอาจใช้สิทธิตำหนิน้องชายได้ด้วยว่า ทำผิดระเบียบการเข้าพักค่ะ

      3. พ่อเคยมี Greencard จะมี record ขึ้นในคอมพิวเตอร์ค่ะ ดังนั้น กงสุลท่านอาจถามว่า คุณจะ Terminate Greencard หรือไม่ ให้น้องลองเข้าไปอ่านที่เว็บไซต์ http://www.usfamilyvisa.com/uscis-offices/bangkok.html หัวข้อ Form I-407
      Relinquishment of Legal Permanent Resident Status (Giving up your green card) หรือลองไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ U.S. Citizenship and Immigration Services,Sindhorn Building,Tower 2, 15th Floor,130-132 Wireless Road,Bangkok 10330, Thailand ดูนะคะว่า จำเป็นต้องยกเลิก Greencard ก่อนหรือไม่ค่ะ ในฟอร์ม DS-160 มีคำถามเกี่ยวกับ SSN หรือ Social Security Number ก็ต้องแจ้งหมายเลขไป และมีคำถามว่า เคยมี driver license หมายเลขอะไร ถ้าทราบก็ควรแจ้งไปด้วยค่ะ ถือว่า เราให้ข้อมูลที่แท้จริงค่ะ อย่างไรก็ดีสถานทูตเช็คชื่อคุณพ่อได้ค่ะว่า เคยมี Greencard

      4. น้องไม่สามารถเข้าไปเป็นเพื่อนคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ น้องทำได้เพียงแค่ xerox passport ของน้อง และ xerox หน้าที่มีวีซ่าเข้าอเมริกาของน้องให้คุณพ่อคุณแม่ติดมือเข้าไปด้วย โดยให้ท่านแจ้งเจ้าหน้าที่ในสถานทูตว่า ท่านไม่ได้เป็นกรอกฟอร์ม DS-160 ลูกสาวเป็นคนกรอกให้ ท่านต้องตอบคำถามนี้กับเจ้าหน้าที่ในสถานทูตแน่นอนค่ะว่า กรอกฟอร์ม DS-160 เองหรือเปล่านะคะ ท่านแจ้งเพิ่มได้ว่า ลูกสาวมีวีซ่าอยู่แล้ว พร้อมยื่นเอกสารสำเนาของน้องห้เจ้าหน้าที่ดู และลูกสาวจะร่วมเดินทางไปด้วยกันครั้งนี้ เพื่อไปเยี่ยมน้องชายค่ะ

  • Momm  On April 26, 2012 at 11:32 pm

    ขอโทษนะคะ พอดีกรอกเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาผิดอ่ะค่ะ ตรงที่ให้ระบุว่าเรามีการศึกษาระดับใด ต่ำกว่าประถมหรือไม่ ตรงนั้นดิฉันตอน yes ไป ทั้งที่จริงอยู่ระดับปริญญาตรี อันนี้ต้องไปแก้มั้ยค่ะ

    • govisa  On April 26, 2012 at 11:56 pm

      น้อง Momm คะ ถ้าเพิ่งกรอกเสร็จเดี๋ยวนี้ ยังไม่สายเกินไปที่จะกลับไปแก้ก่อน submit นะคะ แต่ถ้า submit ไปแล้วจะกรอกใหม่ก็ดีค่ะ ข้อมูลจะได้ถูกต้องค่ะ

  • Sushi  On May 4, 2012 at 12:39 am

    ตอนทำการนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาออนไลน์ แจ้งหมายเลขยืนยันแบบฟอร์ม ดีเอส-160 ผิดไปหนึ่งตัว เพราะอ่านผิด จากหมายเลข 5 เป็นตัว S เพิ่งมาสังเกตเห็นทีหลัง จะเป็นปัญหาไหมคะ รบกวนด้วยค่ะ

    • govisa  On May 4, 2012 at 5:28 am

      น้อง Sushi คะ ไม่มีปัญหาค่ะ แนะนำให้เขียนไปแจ้งความผิดพลาดตรงนี้ไว้กับ visasbkk@stata.gov น้องอาจจะ print เก็บไว้ตั้งแค่เนื้อความที่น้องเขียนไปรายงานความผิดพลาด เมื่อเขาตอบกลับมาให้ print ออกมาเป็นหลักฐานอีกด้วย เพื่อยื่นให้เจ้าหน้าที่สถานทูตดูในวันไปสัมภาษณ์ว่า เราทราบความผิดพลาดและแจ้งทางสถานทูตแล้วและได้รับคำตอบมาดังนี้ เป็นต้นค่ะ

      • Sushi  On May 4, 2012 at 7:55 am

        ขอบคุณมากค่ะ ได้ความคืบหน้ายังไงจะมาอัพเดทให้ฟังนะคะ

      • govisa  On May 5, 2012 at 10:48 am

        ขอบคุณน้อง Sushi ค่ะ จะคอยฟังข่าวนะคะ

  • kikky  On May 6, 2012 at 12:06 am

    พี่govisa ค่ะกิ๊กกังวลและตื่นเต้นมากค่ะ จะไปสัมภาษณ์วันที่8 พ ค นี้ค่ะ กิ๊กจำเป็นต้องมี stament ของกิ๊กไหมค่ะ ซึ่งกิ๊กเป็นนักศึกษาอยู่อ่ะค่ะ และจำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์ ว่าสุขภาพร่างกายสมบรูณ์ไหมค่ะ

    • govisa  On May 6, 2012 at 1:32 pm

      น้องกิ๊กคะ พี่ดีใจนะคะที่น้องกิีกยังติดต่อกลับมาคุยด้วยอีก ตอนแรกเห็นหายเงียบไปเลย พี่จึงคิดว่า น้องผ่านขั้นตอนการสัมภาษณ์และบินไปแล้วค่ะ จริงๆแล้วผู้ขอวีซ่านักท่องเที่ยว ควรจะเตรียมพร้อมมีบุ๊คบัญชีเงินฝากของตนเองด้วยเผื่อกงสุลถามถึง แต่การที่น้องบอกว่าน้องยังเป็นนักศึกษาอยู่ ให้ใช้บัญชีผู้ปกครองแทนได้ค่ะ ส่วนใบรับรองแพทย์ไม่ได้ใช้ในการขอวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกานะคะ เพียงแต่ case ของน้อง ถ้าจำไม่ผิดจะมีเรื่องยุ่งๆเกี่ยวกับผู้ค้ำประกันและคุณแม่ที่เพิ่งเสียไป อาจทำให้ดูเหมือนไม่ค่อยมีความผูกพันว่า น้องจะกลับเมืองไทยเท่าไรนัก พี่แนะนำให้น้องเตรียมพร้อม present ตัวน้องเองให้ดีๆเรื่องแผนการเดินทางไปเที่ยวว่า จะไปเที่ยวนานกี่สัปดาห์ และไปเที่ยวที่ไหนบ้าง พักอยู่กับคุณอา น้องควรมีข้อมูลหรือพอทราบบ้างว่า คุณอาทำอะไรอยู่ที่ไหนนะคะ มีรายรับเท่าไร หรือมีคนงานกี่คนค่ะ หลังจากเที่ยวจบ น้องจะกลับเมืองไทย เพราะ 1 อาจจะกลับมาเรียนต่อ หรือ 2 กลับมาเพื่อหางานทำในเมืองไทย ถ้ากงสุลถามถึงคุณพ่อก็อาจจะตอบไปเลยวา ท่านมีครอบครัวใหม่แล้ว อาจจะทำให้ความผูกพันระหว่างน้องกับท่านลดลง แต่คุณอาซึ่งเป็นน้องของคุณพ่อก็ยังดูแลน้องดีอยู่ ไม่ทราบว่า พี่คาดเดาเรื่องราวของน้องถูกหรือเปล่านะคะ อีกประการหนึ่ง พี่จำไม่ได้ว่าน้องเรียนอยู่ปีไหน และต้องกลับมาเรียนต่ออีกหรือไม่ค่ะ ถ้ากลับมาเรียนต่อ อย่าลืมขอใบรับรองนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย และ transcript ของที่เรียนที่บางมดไปให้กงสุลดูด้วยค่ะ โชคดีค่ะ

  • kikky  On May 6, 2012 at 6:36 pm

    เอกสารส่วนของหนู
    บัตรรับรอง นักศึกษา
    บัตรนักศึกษา
    บัตรประชาชน
    ใบรับรองความประพฤติ
    ใบเกรด
    ทะเบียนบ้าน (ชื่อหนูอยู่ที่ทะเบียนบ้านแม่ค่ะ)
    กิ๊กควรเอาเอกสารการกู้ยืมเงิน กยศ กู้ยืมเพื่อการศึกษาไปดีไหมค่ะ
    ส่วนของอาหนู
    จดหมาย(เป็นจดหมายเขียนเชิญหนูให้ไปเยี่ยมค่ะ เป็นภาษาท้องถิ่นที่เราใช้คุยกัน)
    passpost
    เอกสารเสียภาษี
    แบบฟอร์ม ที่พี่ให้หนูอ่ะค่ะ
    บัญชีย้อนหลังตั้งแต่เดือน ธ ค – เมษา
    ใบรับรองแพทย์ว่าผ่าตัดขา ขาหัก
    ส่วนของป้าหนูที่พี่บอกหนูว่าคสรหา สปอนร์เซอร์อีกทางหนึ่ง
    บัตรข้าราชการบัตรประชาชน
    บัญชีย้อนหลังหกเดื่อน (บัญชีติดลบเป็นไรไหมค่ะ)
    ทะเบียนบ้าน

    พี่ค่ะกิ๊กว่าจะบอกเจ้าหน้าที่ว่า กิ๊กคิดถึงอา อยากไปเยี่ยมซึ่งตอนนี้ขาหัก มาเมืองไทยไม่ได้ เราไม่ได้เจอกันมานานมากเเล้ว ส่วนเหตึผลที่อาสงเสียต่อจากคุณแม่เพราะ คุณพ่อมีครอบครัวใหม่แถมยัง ติดสุรา ไม่สามารถเลี้ยงดูหนูได้ อาก็เลยอยากส่งเสียหนูต่อจากคุณแม่ ซึ่งอาหนูจให้ป้าค่อยเป็นผู้ปกครองในช่วงที่คุณแม่เพิ่งเสีย จนหนูย้ายเข้ามาเรียนที่ กท พอช่วงปิดเทอม ก็กลับไปเยี่ยมคุณป้าอยู่เป็นประจำ พี่ค่ะกิ๊กควรเขียนจดหมายให้เจ้าหน้าที่สถานทูตไหมค่ะ ถ้าเขียนเป็นภาษาไทยจะเป็นไรไหม ถ้าต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษหนูคงต้องไปให้ร้านแปลให้อ่ะค่ะ การเดินทางครั้งนี้หนูอาจจะได้ไปคนเดียว ถ้าหนูได้ vis aอ่ะค่ะ
    พี่ก็พอรู้ประวัติหนูบ้าง พี่พอมีไอเดีย อะไรช่วยหนูไหมค่ะ หนูกังวล กลัวตอบผิดๆๆถูกๆๆอ่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ่

    • govisa  On May 6, 2012 at 9:20 pm

      น้องกิีกคะ น้องทำจดหมายแนะนำตัวน้องเองว่า น้องกำลังเรียนอยู่ปีอะไร สาขาวิชาอะไร ชื่อมหาวิทยาลัยอะไร มีวัตถุประสงค์จะไปเยี่ยมคุณอาซึ่งป่วย เพราะเกิดอุบัติเหตุอะไรที่ทำให้ขาหักต้องผ่าตัดขา ทำไมต้องไปเยี่ยมคุณอา เพราะคุณอามีพระคุณที่ได้อุปการะน้องมาตลอด เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่น้องหย่ากัน คุณแม่เสียเมื่อปีพ.ศ.อะไร ด้วยโรคอะไร คุณพ่อสมรสใหม่ ถ้าจะบอกว่าคุณพ่อติดสุรา ภาพจะดูเป็นเชิงลบไหมคะ หรือน้องจะบอกว่า คุณพ่อป่วยด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง มีรายจ่ายในครอบครัวใหม่มาก เพราะคุณแม่มีลูกใหม่ด้วยหรือเปล่าคะ ทำให้คุณอาและคุณป้าต้องรับผิดชอบดูแลน้อง คุณอามีครอบครัวไหม ถ้าไม่มีก็เขียนไปในลักษณะที่ว่า ท่านไม่มีลูกคอยดูแลจึงอยากให้หนูไปเยี่ยมและดูแลท่านประมาณ 3 สัปดาห์ ให้พอท่านถอดเฝือกออกได้ หนูก็จะต้องกลับเพื่อมาลงทะเบียนเรียนต่อที่บางมดค่ะ ถ้าในการสัมภาษณ์มีการสอบถามว่า ใครจะไปรับน้องกิีกที่สนามบินก็คงต้องบอกว่าเป็นคุณอาผู้ชายสามีคุณอา ถ้าคุณอาไม่ได้แต่งงานก็บอกว่าคุณอาจะให้เพื่อนคุณอาไปรับที่สนามบิน เป็นต้นค่ะ ส่วนคำถามที่ถามว่า จดหมายเขียนเป็นภาษาไทยได้ไหม คงไม่ได้ค่ะ รบกวนน้องกิ๊กทำเป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ สมัยใหม่นี้ น้องกิีกมีตัวช่วย เช่น Google translate หรือ Google แปลภาษา คงพอช่วยน้องประหยัดค่าแปลได้บ้าง หรือจะลองเขียนส่งมาให้พี่ช่วยดูให้ก็ได้ค่ะ

      หมายเหตุ น้องกิีกไม่ได้ขอจดหมายจากมหาวิทยาลัยบางมดเพื่อรับรองความเป็นนักศึกษาหรือคะ เพราะน้องพูดถึงแต่บัตรรับรองนักศึกษา สิ่งที่ต้องใช้คือ จดหมายรับรองจากมหาวิทยาลัยค่ะว่า น้องเป็นนักศึกษาจริง ถ้าน้องจะต้องไปสัมภาษณ์วันอังคารที่ 8 พฤษภาคมนี้ ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว คงต้องเดินหน้าต่อไปด้วยการนำบัตรรับรองนักศึกษาไปค่ะ ส่วนใบเกรดก็เช่นเดียวกันน้องหมายถึง Transcript ที่ออกมาโดยมหาวิทยาลัยใช่ไหมคะ ถ้าใช่ก็ถูกแล้วค่ะ ถ้าไม่ใช่ก็เช่นเดียวกับจดหมายรับรองความเป็นนักศึกษา คือต้องใช้ไปแบบที่มี เพราะขอใหม่ไม่ทันแล้วค่ะ

  • kikky  On May 6, 2012 at 10:03 pm

    คุณอามีบุตร สามคน แต่ ลูกคุณอาไม่ได้อยู่กับคุณอา ลูกของคุณอาอยู่กับพ่อเค้า ส่วนเรื่องบัตรนักศึกษา กิ๊กขอใบ transcrip ค่ะ ตอนนี้ที่กิ๊กห่วงก็มีแต่เรื่องความสัมพันธ์อ่ะค่ะ

    • govisa  On May 6, 2012 at 10:57 pm

      น้องกิีกคะ ที่พี่ถามว่าคุณอามีบุตรไหม เพราะกงสุลอาจจะอยากถามน้องเพื่อประเมินว่า คุณอาไม่มีคนดูแลที่อเมริกาหรือ จึงต้องให้น้องไปทำหน้าที่นั้นค่ะ เพราะฉะนั้นน้องควรเตรียมตรงจุดนี้ไว้ด้วยว่า ถ้ามีคำถามมา ควรตอบอย่างไรค่ะ เช่น ท่านมีลูกสามคนแต่ลูกๆของคุณอาอยู่กับคุณพ่อ เพราะคุณแม่ของเด็กๆสามคนก็คือคุณอาอยู่ในสถานะหย่าร้างเป็นต้นค่ะ ท่านจึงไม่มีคนคอยดูแลค่ะ

  • kikky  On May 6, 2012 at 11:05 pm

    พี่ค่ะกิ๊กอยากคุยกับพี่่ กิ๊กขออีเมล์ได้ไหมค่ะ ถ้าพี่ไม่สะดวกที่จะให้ก็ไม่เป็นไรค่ะ กิ๊กเข้าใจ-__-

    • govisa  On May 7, 2012 at 11:59 am

      ถ้าน้องกิ๊กไม่เข้าใจอะไรเขียนมาถามได้อีกนะคะ

  • kikky  On May 7, 2012 at 2:26 am

    To American embassy Bangkok Thailand.

    I’m MISS SIRININ WACHUM 21 year old ,I’m student at King Mongkut’s University of Technology Thonburi Bangkok in Thailand,and now a third year student faculty of industrial education and technology in electrical engineering. Academically the program of study in this field of specialization five year.
    I’m have my aunt she name is BLUESKY NA MAEKONG when citizen in Thailand name NAPASI WACHUM now she had been an American citizen. She divorce and she have offspring three name is NINNAPA SLEZAK, ALEXANDER G SLEZAK,ROBERT J SLEZAK.She have open massage theraphy in Malibu,Californai.
    I’m want go to visit my aunt because she got a splint on ankle, she can’t walk always. I’m would go to take care her. Because my mother parents separated when I’m have 3 year old my mother supported, But my father he have new family my father is not supported. So when my mother pass away in 2006 my aunt called to sister Ms.Kantima Portaree 59 year old(government office) accept with me in Sakhonnakhon which is not for from my mother home I’had study in Sakhonnakhon.But my aunt she support financial and other .She have obligation for me I’m want go to U.S.A and take care befor next term academic I’m must to work as in-turn teacher in school.
    แม่กิ๊กเสียชีวิตเพราะโรคปอดเสื่อม กิีกไม่รู้จะเขียนยังไงอ่ะค่ะ แล้วอากิ๊กเค้ามีบัตรที่จอดรถคนพิการอ่ะค่ะ ซึ่งกิ๊กแนบไว้ในเอกสารอ่ะคะ อากิ๊กสามารถมารับกิ๊กได้แต่การเดินทางไม่ค่อยสะดวกเท่าไรอ่ะค่ะ แล้วก็อากิ๊กเค้ามีลูกสามคนส่วนมากอากิ๊กจะไปหาลูกเค้ามากกว่า ลูกเค้าไม่ค่อยมาดูแลอ่ะค่ะ
    พี่ค่ะพอใช้ได้ไหมค่ะ มีอะไรขาดตกตรงไหนยังไง ช่วยกิ๊กแก้ไขหน่อยนะค่ะ ขอบคุณมาค่ะ

    • govisa  On May 7, 2012 at 11:57 am

      ลองดูที่แก้ไขให้คร่าวๆนะคะ น้องกิีก

      20…Prachautid 30, BangMod Road
      Thung Karu,Khet Thung Karu,
      Bangkok 10140

      May 7, 2012.

      The Consular Officer,
      The Embassy of the United States of America
      95 Wireless Road,
      Bangkok 10330

      Dear Sir,

      I the undersigned, MISS SIRININ WACHUM am now studying the third year of Electrical Engineering at the Faculty of Industrial Education and Technology at King Mongkut’s University of Technolgoy, Thonburi Campus (KMUTT). I would like to take this opportunity to explain my family background and my intention to visit my aunt in California for your kind consideration in granting my appropriate visa.

      I have been brought up by only my mother after her divorce in 1994. At that time, I was 3 years old. The reason I knew from my mother was my father would like to remarry with his new woman. I have studied primary and secondary school in ชื่อจังหวัด. My mother died of Byssinosis (ถ้าแม่น้องทำงานในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการทอผ้าจะทำให้ปอดมีปัญหา บางเว็บแปลภาษาอังกฤษตัวนี้ว่า ปอดเสื่อม ลองนึกถึงสภาพแม่ที่ป่วยในตอนนั้นดุนะคะว่า อาการใกล้เคียงหรือไม่ ที่จริงน่าจะถามชื่อโรคจากคุณหมอค่ะ ลองอ่าน http://www.wept.org/website/uploads/ca1cb4ca-1915-dee6.pdf ) in 2006. Then my aunt in California, called Bluesky Na Maekong, assigned my aunt in Sakonnakorn, named Ms.Kantima Portaree to take care of my well-being. Ms.Kantima worked as government official at ชื่อหน่วยงาน in จังหวัด. She has regularly transferred money to Ms. Kantima Portaree’s account to go on raising me until I can complete my bachelor degree in 2014. At that time, I was at senior high school in ชื่อจังหวัด.

      Let me kindly introduce my aunt Bluesky Na Maekong, who is my father’s sister. When she stayed in Thailand, her name was NAPASI WACHUM. She was married with American man who worked as อาชีพ. After having settled down in California, she has given birth to three children, NINNAPA SLEZAK, ALEXANDER G SLEZAK and ROBERT J SLEZAK. However, she got divorce in ปีค.ศ and has run her own business, concerning Thai Massage in Malibu. Her massage business is known as ชื่อร้าน, located at ชื่อที่อยู่ของร้านคุณอา. She has recently fallen from upstairs and her ankle was broken. She could not walk at this time because of the splint on her ankle. Her three children are now staying with their father and have rarely visited their mother. I have only my aunt Ms. Bluesky Na Maekong who always sends money to support my education since my mother died. I can lead my life smoothly and have a good education because of her dedication to me. That is why I would like to do something for the grace of her mercy to my well-being. I will spend three weeks in USA to look after my aunt until she gets better. I have to return to Thailand to register the fourth year at King Mongkut’s University of Technology, Thonburi Campus (KMUTT) in June 2012. The University will open on June 6, 2012 (เดาเอานะคะ). In addition, I cannot travel to visit my aunt after completing the fourth year at KMUTT. I have to prepare a teaching training for high school students during my fifth year. It is a compulsory course before I graduate from KMUTT.

      Your kind consideration for granting me a visa is highly appreciated. I will do a fulfillment of my gratitude to my beloved aunt’s mercy.

      Yours faithfully,

      MISS SIRININ WACHUM

  • kikky  On May 7, 2012 at 9:30 am

    แต่อาหนูไม่ได้พิการนะค่ะ ส่วนเรื่องการเรียนของกิ๊ก กิ๊กเรียนอยู่ปี3 คณะกิ๊กเรียน5 ปี ปีที่ห้าต้องออกไปฝึกสอนอ่ะค่ะ

    • govisa  On May 7, 2012 at 11:57 am

      ขอให้น้องโชคดีพรุ่งนั้นะคะ เขียนมาส่งข่าวด้วยค่ะ

  • chatchanant  On May 7, 2012 at 4:53 pm

    สวัสดีค่ะ สงสัยในส่วนของการขอวีซ่าเก่า อเมริกา ได้มา10ปี ของเราจะหมด 24/11/2555 นี้ค่า
    1. อยากทราบว่าเราสามารถต่อวีซ่าภายในวันเวลาที่เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม หรือต้องรอให้หมดไปก่อนคะ
    2. เราก็ได้ซื้อพินวันนี้เพื่อนัดจองวันสัมภาษณ์ แต่ยังไม่ได้ทำนัดนะคะ เพราะบางคนบอกเราว่า ก่อน 6 เดือน สามารถทำการต่อล่วงหน้าได้ โดยกรอก DS160
    3.หลานสาวเรากำลังไปขอเพื่อศึกษาปริญญาโทต่อ นามสกุลเดียวกันกับเรา แต่สำเนาทะเบียนบ้านคนละที่ จึงได้ซื้อพินแยกกัน แต่ของเราเพื่อท่องเที่ยว เรานัดไปสัมภาษณ์วันเดียวกันได้มะคะ
    4.เราสามารถแจ้งบอกเค้าได้ใช่ไหมว่าจะไปเยี่ยมหาหลานที่จะศึกษา หากหลานเราสามารถนัดสัมภาษณ์ได้แล้วในวันที่ 21-5-2555 อ่ะค่ะ เราไปวันเดียวกันกับเค้าได้หรือไม่ โดยโทรนัดทางโทรศัพท์
    5. เอกสารเรื่องตั๋วเครื่องบิน จำเป็นต้องแนบไปมั้ยคะ ในเมื่อเรายังไม่กำหนดวันเดินทางแน่นอน
    6. หากที่พักของเราต้องเขียนเป็นที่พักโรงแรมหรอคะ ในเมื่อเรายังไม่ได้กำหนดวันเดินทาง หรือถ้าไป เราไปนอนพักบ้านเพื่อน จำเป็นต้องใช้จดหมายรับรองจากเพื่อนหรือไม่ หรือไม่จำเป็นคะ

    ถามเยอะเนื่องจากจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนเราเคยแนบไปหรือไม่ เพราะเมื่อก่อนยื่นพร้อมญาติๆ เลยไม่แน่ใจ รบกวนด้วยนะคะ ขอบพระคุณคร่า

    ชัช

    • govisa  On May 7, 2012 at 9:35 pm

      น้อง Chatchanant คะ

      1. น้องจะขอตอนนี้เลย หรือ จะรอหมดก่อนแล้วค่อยขอก็ได้ค่ะ
      2. ถ้าซื้อพินนัดวันสัมภาษณ์มาแล้ว พินมีอายุนาน 3 เดือน หรือ 90 วัน เพราะฉะนั้นควรจองวันนัดสัมภาษณ์ให้ได้ภายใน 3 เดือนนี้นะคะ
      3 และ 4. ไปสัมภาษณ์วันเดียวกับหลานได้ค่ะ ถ้าคิววันนัดที่ 21 พฤษภาคม 2555 ยังว่างอยู่สำหรับผู้ยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว และน้อง Chatchanant สามารถจองได้ทันเวลาค่ะ แต่ถ้าคิวนัดวันดังกล่าวไม่ว่างสำหรับผู้ยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว น้อง Chatchanant ไม่สามารถสอบสัมภาษณ์วันเดียวกับหลานสาวได้ค่ะ เพราะถึงแม้หลานจะนามสกุลเดียวกับกับน้อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างน้อง Chatchanant กับหลานสาวไม่เข้ากฎเกณฑ์ที่ทางสถานทูตกำหนดไว้ค่ะ กล่าวคือ ผู้สามารถขอนัดวันและเวลาสอบสัมภาษณ์เดียวกันได้ต้องอยู่ในสถานะพ่อ-แม่-ลูก: สามี-ภรรยา: พี่ชาย-พี่สาว-น้องชาย-น้องสาวเท่านั้นค่ะ
      5. ไม่จำเป็นต้องแนบตั๋วเครื่องบินค่ะ
      6. ถ้าน้องจะไปนอนพักบ้านเพื่อน ให้กรอกตรงที่ถามว่า น้อง Chatchanant จะไปพักที่ไหนว่า น้องพักอยู่ที่บ้านเพื่อนได้ค่ะ คำถามที่ถามว่า เพื่อนต้องทำจดหมายมาไหม ขึ้นอยู่กับ Statement ในบัญชีของน้องที่จะนำไปแสดงให้ท่านกงสุลพิจารณา ถ้าน้อง Chatchanant มีเงินในบัญชีธนาคารของตนเองมากพอ ก็ไม่จำเป็นต้องให้เพื่อนเขียนจดหมายเชิญเลยค่ะ ส่วนถ้าน้อง Chatchanant จะใส่ชื่อโรงแรมนั้นย่อมทำได้เช่นเดียวกัน เพราะน้องไม่จำเป็นต้องนำ voucher ว่า จ่ายค่าที่พักให้โรงแนมนั้นแล้วไปแสดงเวลาสอบสัมภาษณ์ค่ะ น้องเพียงแสดงให้ท่านกงสุลเห็นว่า น้องวางแผนจะไปอยู่ที่ไหนเท่านั้นเองค่ะ

      หมายเหตุ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ส่งคำถามเข้ามามากค่ะ พี่ยินดีช่วยให้คำอธิบายค่ะ

      • chatchanant  On June 21, 2012 at 12:37 am

        จะทำอย่างไรดีคะ พอดีกรอกในd160 เสร็จแล้ว เข้าใจว่า หากเราปริ๊นท์เพื่อตรวจทานแล้วหากเจอข้อผิดจะได้เห็นชัดเจน แต่การปริ๊นท์ออกมานี่เค้าถือว่าเราลงนาม เสร็จแล้ว แก้ไขไม่ได้หรอคะ คราวนี้บังเอิญมาเจอ วันเดือนปีเกิดของพ่อแม่ผิดไป ทำยังไงดีคะ หรือจำเป็นต้องซื้อพินใหม่ กรอกใหม่ หรือว่าควรทำยังไง ปล่อยไป แล้วเค้าจะเช็คหรือป่าวคะ ว่าถูกต้องหรือไม่ พอดี สับสนคศ กับ พศ เลยลงเลยผิดไป ควรแก้ไขยังไงดี รบกวนแนะนำด้วยอ่ะค่ะ เอ๋อมาก คิดว่าตรวจแล้ว แต่ดันมาพลาดตรงนี้ ตรงอื่นถุกต้องสมบูรณ์แล้วคร่า ปวดใจเลย

      • govisa  On June 21, 2012 at 5:22 am

        น้อง Chatchanant คะ มี 2 ทางเลือกคือ
        1. ปล่อยไปแล้วเข้าไปบอกเจ้าหน้าที่ในสถานทูตเพื่อขอลบแก้ไข เพราะเป็นความผิดที่ไม่ใช่ส่วนสำคัญของน้องซึ่งเป็นผู้ขอ
        2. กรอก DS-160 ใหม่อีก 1 ครั้งแล้ว print DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่ออกมาพร้อมทั้งนำทั้งสองหมายเลขไปยื่นให้กงสุลดู ไม่มีปัญหาเพราะสามารถชี้แจงได้ว่า มีการกรอกบางส่วนในแบบฟอร์มผิด และได้แก้ไขใหม่ให้ถูกต้องแล้วค่ะ

      • chatchanant  On June 21, 2012 at 11:36 pm

        ขอบคุณมากๆนะคะ ที่ตอบคำถามให้กระจ่างชัดเจนมาก ว่ามีทางเลือก สองทาง คือ พิมพ์ds160ใหม่ กับ ไปอธิบายให้เค้าฟัง เพราะเราพิมพ์วันเดือนปี พ่อกับแม่ผิด เพราะสับสน คศ กับ พศ แต่ยังมีข้อสงสัยอีกสองประการในส่วนคำถามนะคะ
        1. คำว่า ten printed คือการสแกนนิ้วมือ 10นิ้ว ซึ่งคำถามนี้หมายความว่า เราเคยสแกนมั้ย แต่ที่สงสัยคือ สถานที่สแกนตอนที่เคยไปทำวีซ่ารึป่าว เพราะตอนที่เคยขอวีซ่าและได้วีซ่า เป็นปี 2002 และนี่ก้อใกล้จะหมดอายุ 10 ปี แล้ว ก้อเลยงงๆ เพราะตอนแรกสอบถามเพื่อน เพื่อนบอกว่า เค้าน่าจะหมายถึงสแกนเมื่อเราได้เดินทางไปที่อเมริกา หรือประเทศที่มีการให้สแกน 10 นิ้ว เลยสงสัยกับคำถามนี้คร่า ข้องใจอย่างมาก เพราะเข้าไปเสริจหา มีคนเขียนว่า ถ้าคนเคยได้ วีซ่าหลังปี 2007 จะเคย ten printed งี้เท่ากับเรายังไม่เคยใช่มั้ยคะ

        2.คำว่า ถูกปฏิเสธ หมายความว่าเค้าจะรู้ได้จาก การประทับตราด้านหลังเล่มวีซ่าหรอคะ ว่าเราเคยถูกปฏิเสธมา คือ เมื่อปี 1996 ได้เดินทางไปฮ่องกงพักฮ่องกง อาทิตย์นึงได้ และจะเดินทางไปแคนาดาต่อ เพื่อนแม่ที่ฮ่องกงเสนอแนะว่า ในเมื่อจะไปแคนาดาตั้งสองอาทิตย์ น่าจะไปขอวีซ่าอเมริกา เพื่อเดินทางข้ามไปเที่ยวอเมริกานะ เราก้อเลยไปต่อแถวกับคุณแม่ที่สถานทูตอเมริกาที่ฮ่องกงคร่า และเค้าก้อส่งเล่มคืน พร้อมกับประทับตราด้านหลังว่า “US Consulate General Hongkong Application Received on …jun 5, 1996 สงสัยว่า อันนี้นับว่า เรียกว่า เป็นการถูกปฏิเสธหรือไม่ เพราะที่นั่นเค้าบอกว่า เราควรต้องทำวีซ่าที่ประเทศไทยนะ สรุปเลยได้ไปแค่ แคนาดา ทริปปี1996

        งวดนี้ เลยต้องสอบถามว่า เราควรตอบ ใช่ หรือ ไม่ใช่คะ ว่าเราถูกปฏิเสธ งงมากเลยคร่า เพราะงงว่า เค้าจะประทับตราว่ายังไงคะท้ายเล่ม หากเราไม่ผ่านวีซ่า มันคือแบบเดียวกันหรือไม่ รบกวนด้วยคร่า

        ขอบคุณคร่า

  • kikky  On May 8, 2012 at 5:09 pm

    ฮือๆๆสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านค่ะ ตอนที่สัมภาษณ์เค้าถามคำถามกิ๊กต่อไปนี้ค่ะ
    กงสุล คุณไปอเมริกาทำไม
    กิ๊กตอบว่า ไปเยี่ยคุณอา คุณอาขาหัก
    กงสลุ ไปกับใครยื่
    กิ๊กตอบ ไปคนเดียว
    กงสลุล เค้าเป็นน้องพ่อหรอ
    กิ๊กตอบ ใช่ค่ะ เค้าเป็นคนสงเสียค่าใช้จ่ายให้หนู หลังจากที่คุณแม่เสียชีวิต
    กงสลุล โอ้ผมเสียใจด้วยที่คุณแม่คุณเสียชีวต แล้วคุณอาศัยอยู่กับใครที่เมืองไทย
    กิ๊กตอบว่า เมื่อก่อนอยู่จังหวัดสกลนครอาศัยอยู่กับป้า ซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อ แล้วพอสอบติด หนูก็ได้มาเรียนที่กรุงเทพค่ะ

    แล้วเค้าก็ไม่ได้ดีรายละเอียดของอากิ๊กสักเท่าไร ดูแค่พวกพลาสปอด แล้วกิ๊กก็
    ยื่นใบรับร้องแพทย์ให้เค้าดู ท่าทางเค้าเครียดๆนะค่ะ พอเค้าดูใบรองแพทย์เสร็จ เค้าก็ตรวจดูแล้วก็คืนเอกสารกิ๊ก จากนั้นกิ๊กก็ยื่นจดหมายเบื้องหลังครอบครัวให้เค้าดูให้ เค้าอ่านรายละเอียด แล้วก็ดูใบสถานะนักศึกษาอ่ะค่ะ จากนั้นเค้าก็พิม อะไรก็ไม่รู้อ่ะค่ะ

    ผมแสดงความเสียใจด้วยนะคับ คุณขาดคุณสมบัติทางด้าน ครอบครัว เศรษฐกิจ การเมือง ประมาณนี้อ่ะค่ะ แล้วยื่นพลาสปอนท์ให้พร้อมใบเอกสารหนึ่งใบอ่ะค่ะ แล้วเค้าก็ประทับรายนิ้วมือทั้งห้าของกิ๊กอ่ะค่ะ พี่ค่ะกิ๊กก็เข้าใจนะค่ะว่าความสัมพันธ์ทางด้านครอบครัวค่อนข้างสับซ้อน กิ๊กคงขาดเอกสารที่จะแสดงความสัมพันธ์ให้แน่ชัดอ่ะค่ะ กิ๊กว่าจะถามพี่ว่าถ้ากิ๊กยื่นเอกสารอีกรอบ เปอร์เซ็นต์ที่จะได้มันจะมีไหม อีกอย่างกิ๊กคิดว่าเค้าคงไม่เชื่อว่าอากิ๊กเป็นน้องของพ่อจริงๆเพราะกิ๊กไม่มีเอกสารชื่อเดิมของคุณอาอ่ะค่ะ เฺฮ้อออออออออ เซ็งอ่ะค่ะ

    • govisa  On May 8, 2012 at 9:39 pm

      น้องกิีกคะ พี่ไม่กล้าพูดให้น้องกิีกเสียกำลังใจก่อนไปขอวีซ่าว่า กรณีของน้องกิ๊กเป็นกรณีที่น่าเป็นห่วง ในลักษณะที่ว่า ไม่มีความผูกพันที่ชัดเจนทางด้านเศรษฐกิจและครอบครัวที่เมืองไทย เพราะผู้ที่มีความผูกพันมากที่สุดพี่ขอโทษตรงจุดนี้คือคุณแม่ซึ่งท่านก็ไม่ได้อยู่แล้ว คุณป้าก็ได้แต่ดูอยู่ห่างๆ ลักษณะที่น้องคุยมาให้พี่ฟังดูเหมือนไม่ค่อยมีความผูกพันกับคุณป้าและคุณลุงเท่าไรนัก คนที่มีความผูกพันกับน้องมากที่สุดในเวลานี้คือ คุณอาที่อเมริกามากกว่า คุณอาเป็นผู้ส่งเสียให้เรียน และคุณอาเองก็มีธุรกิจที่มั่นคง ถ้าจะอุปการะน้องไปอยู่เสียที่อเมริกาก็น่าจะทำได้ การไม่ได้วีซ่า จึงไม่ได้อยู่ที่ตรงประเด็นที่ว่า กงสุลไม่เชื่อว่าคุณอาเป็นน้องของพ่อจริงๆเพียงอย่างเดียวค่ะ ถ้าน้องจะลองยื่นขอวีซ่าอีกครั้ง และนำหลักฐานใหม่ไปแสดง อาทิ ใบเปลี่ยนชื่อของคุณอา หลักฐานทะเบียนบ้านที่เคยมีชื่อคุณอาอยู่ในบ้านที่เมืองไทย ตรงหลักฐานทะเบียนบ้านจะมีเขียนระบุว่า คุณอามีผู้ให้กำเนิดเป็นคนๆเดียวกับทางคุณพ่อ และพี่มั่นใจว่า น้องจะสามารถหาเอกสารเหล่านั้นได้แม้ต้องใช้เวลาอยู่สักหน่อย แต่สิ่งหนึ่งที่น้องจะต้องทำให้ท่านกงสุลเชื่อคือ จะมีความผูกพันหรือเยื่อใยอะไรที่จะยึดน้องไว้ติดกับเมืองไทยได้บ้าง ในด้านของคุณพ่อๆก็ไม่ได้ช่วยเหลือดูแลน้องเลย คุณป้าและคุณลุงก็ดูห่างๆ ถ้าจะให้พี่แนะนำ คือ ควรชะลอการขอวีซ่าไว้ก่อน รอเรียนจบปริญญาตรีแล้วค่อยขอวีซ่านักเรียนไปเรียนต่อปริญญาโทดีกว่า การเรียนให้จบปริญญาตรี เป็นการพิสูจน์ความตั้งใจของน้องว่า มีความมุมานะจะเรียนให้จบปริญญาตรีที่เมืองไทย ให้น้องทำงาน 1 ปี พยายามเก็บเงินใส่ไว้ในบัญชีน้องบ้าง หลังจากนั้นติดต่อไปเรียนต่อที่อเมริกา ถ้าจะให้หลักฐานดูหนักแน่น สมัครเรียนต่อปริญญาโทไปเลยในกรณ๊ของน้อง ซึ่งจะช่วยให้น้องได้วีซ่าไม่ยากเท่ากับสมัครไปเรียนภาษาอย่างเดียวเฉยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คงอยู่ในดุลยพินิจของน้องที่จะเป็นผู้ตัดสินใจเองค่ะว่า จะยื่นขอวีซ่าใหม่อีกครั้ง หรือจะทำตามคำแนะนำที่พี่ให้ไปค่ะ

  • kikky  On May 8, 2012 at 10:23 pm

    โอ้ยยยยยยยยย เครียดดดดดคร้าาาาาาาาาาา กิ๊กสามารถถามเหตุผลของกงสลุลได้ไหมค่ะว่า กิ๊กขาดอะไร พี่ค่ะคือตอนนี้กิ๊กเครียดมากค่ะ อากิ๊กยังไงอก่ก็จะให้ขอวีซ่าใหม่ซึ่งจากตัวกิ๊กแล้ว กิ๊กไปก็ได้ไม่ไปก็ได้อ่ะค่ะ กิ๊กไม่รู้จะพดูกับอายังไง กิ๊กก็บอกอาว่าให้กิ๊กไปเเบบเวอค์แอนด์เทรเวลจะดีกว่าไหมก็ก็บอกว่าแก่พร้อมที่จะอยากให้ไปปีนี้ กิ๊กหล่ะเซ็ง

    • govisa  On May 9, 2012 at 5:40 am

      น้องกิีก พี่ขอตอบความวิตกกังวลของน้องว่า

      1. น้องสามารถเตรียมหาเอกสารเพิ่มเติมที่จะแสดงให้กงสุลเห็นความผูกพันของคุณอาและน้อง และความสัมพันธ์ระหว่างน้องกับคุณอา
      2. น้องคงได้รับประสบการณ์แล้วว่า การถูกสัมภาษณ์ของน้องจะอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่น่าจะถึง 5 นาที ทำอย่างไรจะทำให้คำตอบของน้องที่อยู่ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นเกิดความมั่นใจในท่านกงสุลว่า น้องจะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย หลังจากเที่ยวจบ
      3. น้องมีสิทธิที่จะยื่นขอวีซ่าใหม่อีกครั้ง เพื่อฟังคำตัดสินจากท่านกงสุล อาจจะเป็นคนเดิม หรือถูกเปลี่ยนไปเป็นกงสุลท่านใหม่ขึ้นอยู่กับจังหวะในการยื่นเอกสารรอสัมภาษณ์ค่ะ
      4. ถ้าจะเพิ่มเติมความเป็นมาของคุณพ่อคุณแม่ ให้ดูจังหวะและความเหมาะสมว่า ควรจะนำเสนออย่างไรจึงจะดี เพราะน้องได้แสดงให้ท่านกงสุลเห็นว่า คุณพ่อท่านมีครอบครัวใหม่และไม่ได้ดูแลน้อง

      พี่ขอให้น้องสมมติว่า ถ้าน้องเป็นคุณครูเมื่อต้องฝึกสอนในปีที่ 5 น้องจะสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในห้องที่น้องไปฝึกสอนและช่วยปรับอุปนิสัยในการเรียนรู้ของเขาให้เหมาะสมและเข้าที่เข้าทางอย่างไรค่ะ ขอให้น้องโชคดีค่ะ

  • kikky  On May 8, 2012 at 10:31 pm

    แล้วถ้ากิ๊กขอวีซ่าใหม่คือกิ๊กต้อง ขุดจากต้นต่อเลยรึเปล่าค่ะ ว่าพ่อแม่เป็นใครมาจากไหน อะไรยังไงบ้าง

  • pinky  On May 10, 2012 at 3:47 pm

    รบกวนหน่อยนะค่ะ ^^
    พอดีเราจะไปเรียนภาษาที่อเมริกาประมาณ 6เดือนค่ะ ได้I-20 มาแล้ว ตอนนี้เหลือที่จะไปยื่นทำวีซ่าค่ะ(ที่ขอเป็น F-1)
    คือเราจะไปอาศัยกับญาติที่อเมริกาค่ะ(ต้องบอกก่อนค่ะ ว่าคนละนามสกุล) ญาติเปิดร้านอาหารอยู่ ตอนแรกว่าจะให้เขาเป็นสปอตเซอร์ให้ แต่เราศึกษาเหมือนต้องกรอกเอกสารเยอะ (ตอนนี้เราได้ statement ,สำเนาใบขับขี่ และหนังสือรับรองว่าจะเป็นสปอตเซอร์ให้เรา) เราเลยจะเปลี่ยนให้พี่สาว (ซึ่งนามสกุลเดียวกันเป็นสปอตเซอร์แทน) เลยมีคำุถามดังนี้ค่ะ
    1. ถ้าให้พี่สาวมาเป็นสปอตเซอร์แทนจะง่ายกว่าใช่ไหมค่ะ
    2. พี่สาวต้องมีเงินในบัญชีเท่าไรค่ะ ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ที่ใช้supportเราค่ะ (เงินที่แสดงในI-20 $3,375ค่ะ)
    3. ในการยื่นเอกสารขอวีซ่า เรา้ต้องแสดงหรือบอกอะไรไหมค่ะ ว่าเราไปอยู่กับญาติที่นั้น(ญาติเราได้เป็นพลเมืองของอเมริกาแล้วนะค่ะ)
    4. เอกสารที่จะทำให้สถานฑูต เชื่อว่าเราจะกลับมาเมืองไทย นี้คือเราใช่ ใบสอบ Cu-tep ได้ไหมค่ะ เพราะว่าเราจะไปเรียนภาษาแล้วกลับมาเรี่ยนโทที่เมืองไทยหน่ะค่ะ
    5. หนังสือรับรองจากบริษัทที่เราทำงาน คือ ระบุว่าเราเิริ่มงานเมื่อไร เงินเดือนเท่าไร แค่นี้ใช่ไหมค่ะ
    6. เราต้องทำหนังสือ คือ เหมือนเขียนว่าเราเ็ป็นใคร ทำงานอะไร พ่อแม่ทำไร พี่น้องกี่คน อะไรประมานนี้ไหมค่ะ หรือ ตอนสัมพาท สถาฑูตจะเป็นคนถามเอง
    7. ตอนที่เราเดินทางไปเนี่ย เราไปกะแฟนค่ะ แต่แฟนคงขอเป็นวีซ่า ท่องเที่ยวยังนี้เราจะได้สัมพาทพร้อมแฟนไหมค่ะ หรือแยกสัมพาท (คือแฟนไปเที่ยวและไปทำธุระหน่ะค่ะ) คือถ้าบอกว่าไปพร้อมกัน จะมีปัญหา อะไรไหมค่ะ
    8. เราต้องขอstatement และรายการเคลื่อนไหวบัญชี ของเราเองไปไหมค่ะ (เงินในบัญชีใช่หมดทุกเดือนค่ะ แหะๆๆๆ)
    9. อยากให้แน่ะนำด้วยค่ะ ว่าต้องเตรียมเอกสารยังไง เพื่อให้ได้วีซ่า มีอะไรแนะนำเลยนะค่ะ
    (เราจะไปประมาณเดือน8ล่ะ ^^)

    ขอบคุณมากๆๆนะค่ะ ><

    • govisa  On May 10, 2012 at 11:00 pm

      น้อง Pinky คะ ขอตอบคำถามดังนี้ค่ะ

      1. เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วที่น้องจะใช้พี่สาวที่เมืองไทยเป็นผู้ค้ำประกันในการขอวีซ่าไปเรียนต่อค่ะ
      2. ตัวเงินที่อยู่ในหน้าแรกของ I-20 บอกระยะเวลานานเท่าไร เช่น 2 เดือน 3 เดือนหรือ 4 เดือนคะ และน้องมีแผนการไปเรียนภาษาที่อเมริกานานกี่เดือน พี่สาวควรมีบัญชีครอบคลุมค่าใช้จ่ายจำนวนเท่านั้นเดือน เช่นจะกลับมาเรียนปริญญาโทเดือนมิถุนายน 2556 ที่ประเทศไทยก็เท่ากับว่า น้องไปเรียนภาษาที่อเมริกานานเกือบ 1 ปี เพราะน้องสมัครไปเรียนภาษาเทอม Fall 2012 ซึ่งเริ่มเรียนเดือนสิงหาคม ดังนั้นเงินในบัญชีพี่สาวควรมีสักประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไปค่ะ
      3. การที่น้องจะบอกว่าไปอยู่กับญาติ ก็คงต้องตอบคำถามแล้วแต่กงสุลจะถามเกี่ยวกับญาติ เช่น เขาทำงานเกี่ยวกับอะไร มีรายรับปีละเท่าไร ฯลฯ ถ้าญาติไม่ได้นามสกุลเดียวกันกับน้อง อาจจะบอกว่าเป็นคนรู้จักของผู้ปกครองน้องๆให้น้องไปอาศัยอยู่กับคนนี้ในช่วงเดือนแรก เพื่อการปรับตัว หลังจากนั้นผู้ปกครองจะให้น้องหาที่พักใหม่เอง เพื่อจะได้มีโอกาสฝึกฝนภาษาได้เต็มที่ เป็นต้นค่ะ
      4. ถ้าน้องจะใช้ CU-TEP ฝรั่งอาจจะไม่รู้จักเพราะไม่ worldwide เท่ากับ TOEFL หรือ TOEIC ค่ะ อาจจะลองสอบ TOEFL/ITP( http://www.iiethai.org/web/testing.php?subsection=3) ส่วนหลักฐานที่จะแสดงว่า น้องจะกลับมาสมัครเรียนต่อโทที่เมืองไทย โดยที่น้องยังไม่ได้สมัครเข้าเรียนโท คงต้องอาศัยการตอบคำถามอย่างมีหลักการ และพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กงสุลเห็นว่า น้องจะต้องกลับมาสอบเข้าเรียนต่อปริญญาโทหลักสูตรอะไรที่สถาบันชื่ออะไรในประเทศไทยค่ะ
      5. หนังสือรับรองการทำงานใช้ด้วยค่ะ ถ้าเคยทำงานมาก่อนหน้านี้
      6. การที่นักเรียนจะต้องเขียนจดหมายถึงกงสุล มักจะเป็น case ที่มีแนวโน้มว่า อาจจะถูกปฏิเสธการยื่นขอวีซ่าค่ะ หรือมีความสลับซับซ้อนในเรื่องผู้ค้ำประกันค่ะ ยากต่อการอธิบายในช่วงระยะเวลาสั้นๆประกอบกับการตกประหม่าที่จะอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ จึงใช้วิธีเขียนจดหมายเพื่ออธิบายความเป็นไปต่างๆค่ะ
      7. ถ้ายังไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ถือว่าอยู่ในข่ายของกฏเกณฑ์ที่ทางการขอวีซ่าเข้าประเทศสหัฐฯแจ้งไว้ว่า จะสามารถยื่นขอวีซ่าพร้อมกันโดยใช้พินนัดวันสัมภาษณ์เดียวกันได้ค่ะ ส่วนถ้าจะกะให้การนัดวันสัมภาษณ์ได้คิวนัดวันเดียวกัน แนะนำกรอกฟอร์ม DS-160 ให้เสร็จทั้งสองคนก่อน ซึ่งงจะทำให้น้อง Pinky ได้รับหมายเลข DS-160 Confirmation Number ของทั้งสองคน หลังจากนั้นไปที่หน้าเว็บไซต์นัดวันสัมภาษณ์ พยายามเลือกวันและเวลา เดียวกัน ไม่ควรบอกว่าไปด้วยกัน ต่างคนต่างขอวีซ่าจะดีกว่าค่ะ
      8. วีซ่านักเรียนไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานทางธนาคารของเราเอง ยกเว้นเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้วหลายปี ควรจะนำกลักฐานทางการเงินของตนเองเข้าไปด้วย เผื่อท่านกงสุลขอดูเอกสารชิ้นนี้ค่ะ
      9. เอกสารในส่วนของนักเรียนคือ I-20, Transcript ปริญญาตรี, DS-160 Confirmation Number,ใบนัดวันสัมภาษณ์ที่ Print ออกมา, จดหมายผ่านงานถ้าเคยทำงาน, จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของผู้ปกครองพร้อมบัญชีตัวจริง, คะแนนสอบภาษาอังกฤษถ้ามี, ใบเสร็จจ่ายค่า Sevis จำนวน 200 เหรียญ, รูปถ่ายขนาด 2 นิ้วคูณ 2 นิ้วจำนวน 1 ใบ กรณี scan รูปถ่ายแล้ว upload ใส่ฟอร์ม DS-160 แต่ไม่ชัดค่ะ, ใบเสร็จจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ไปรษณีย์จำนวน 5,120 บาท ส่วนของพี่สาวให้เพิ่มจดหมายรับรองการทำงานและเงินเดือนถ้าเป็นพนักงานขององค์กร หากเป็นเจ้าของธุรกิจ นำหลักฐานทะเบียนการค้าไปเพิ่มด้วยค่ะ

  • pinky  On May 11, 2012 at 5:15 pm

    ขอบคุณมากนะค่ะ ที่ตอบมา ^^

    ขอสอบถามเพิ่มเติมค่ะ
    1.ถ้าเราจะใช้สปอต์เชอร์2คนได้ไหม จะให้ทั้งคุณแม่และพี่สาวหน่ะค่ะ
    2.แล้วบัญชีที่จะต้องยื่นต้องเป็นหมุนเวียนหรือเปล่า หรือใช้พวกฝากประจำได้ไหมค่ะ
    3.คุณแม่เปิดร้านขายของค่ะ ไม่มีทะเบียนการค้า นี้ต้องเอาอะไรไปแสดงแทนได้ไหมค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On May 11, 2012 at 9:33 pm

      น้อง Pinky คะ
      1. ใช้ sponsor 2 คนได้ค่ะ
      2. ให้นำทั้งหมุนเวียนและประจำไปทั้งสองประเภทเลยค่ะ เพราะบัญชีหมุนเวียนจะได้เห็นว่ามีสภาพคล่องสูงเบิกถอนได้ทุกวันค่ะ
      3. รูปถ่าย จะถ่ายรูปคุณแม่ยืนหน้าร้านกับลูกค้าที่มาชมร้านก็ได้ค้ะ

  • Gift  On May 15, 2012 at 1:09 pm

    รบกวนด้วยค่. คือว่าอยากทราบว่า ถ้าวีซ่านักเรียนยังไม่หมดอายุ อยากกลับเข้าไปเรียนอีกครั้ง ต้องขอวีซ่าใหม่หรือไม่ค่ะ กลับเมืองไทยมาได้ 2 เดือนแล้วค่ะ

    • govisa  On May 15, 2012 at 7:46 pm

      น้อง Gift ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่านักเรียนใหม่ เพราะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยไม่เกิน 5 เดือน แต่น้อง Gift ต้องแสดงหลักฐาน I-20 ที่มีลายเซ็นต์จากครูที่โรงเรียนเดิมที่หน้า 3 ของ I-20 ว่า โรงเรียนเดิมรับทราบเมื่อวันที่เท่าไรว่า น้องจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน และน้องจะกลับไปเรียนที่เดิมในเทอมถัดไป ถ้าจะเปลี่ยนโรงเรียนต้องติดต่อให้โรงเรียนใหม่ตอบรับ และแจ้งโรงเรียนเก่าด้วยว่า จะย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนใหม่ชื่ออะไร ขณะเดียวเก่าแจ้งโรงเรียนแห่งใหม่ด้วยว่า น้องเคยเรียนที่ไหน อธิบายง่ายๆ คือ น้องต้องกรอก Transfer Form เพื่อโอนย้ายหมายเลข Sevis I-901 ที่อยู่ที่โรงเรียนเดิมไปไว้ที่โรงเรียนใหม่ค่ะ ทั้งหมดต้องทำให้เสร็จก่อนจะครบเวลาที่กลับมาอยู่ที่เมืองไทย 5 เดือน ถ้าเกิน 5 เดือนต้องขอวีซ่านักเรียนใหม่ค่ะ

  • Gift  On May 15, 2012 at 9:04 pm

    ขอบคุณค่. แต่เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนแรกไปเรียนภาษาพอครบคอร์สเลยตัดสินใจกลับบ้านโดยแจ้งโรงเรียนว่าจะกลับบ้าน จึงไม่ได้ขอ i20 ใหม่มา ตอนนี้เปลี่ยนใจอยากกลับไปเรียนใหม่ หนูต้องทำยังไง ขอ i 20 จากโรงเรียนใหม่ได้เลยมั้ยคะ ระยะเวลา 5 เดือนที่พี่บอก นับตั้งแต่วันที่กลับมาอยู่ที่ไทย หรือนับตั้งแต่วันสุดท้ายที่ของวันที่ไปเรียน รบกวนด้วยค่. ขอบคุณมากค่

    • govisa  On May 15, 2012 at 9:52 pm

      น้อง Gift คะ ต้องขอ I-20 มาจากโรงเรียนเดิมและแจ้งเหตุผลการเปลี่ยนใจ รวมทั้งขอให้โรงเรียนเดิมรีบส่งเอกสารด่วนกลับมาด้วย เผื่อจะได้เตรียมเดินทางกลับไปสหรัฐ โดยไม่ให้ระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทยอยู่นานเกิน 5 เดือน เวลาที่เขานับเริ่มตั้งแต่วันที่น้องมาถึงประเทศไทยค่ะ แต่คำถามน้องชักทำให้พี่สงสัยว่า หลังจากจบคอร์สภาษาไป 1 เทอม น้องใช้เวลาอยู่ในสหรัฐนานกี่มากน้อยจึงเดินทางกลับไทยค่ะ แลัวเวลาที่ใช้ให้หมดไปก่อนกลับไปทำงานอะไรหรือเปล่าคะ

      • Gift  On May 15, 2012 at 10:15 pm

        หนูอยู่ต่อหลังจากจบคอร์ส ประมานห้าสิบกว่าวัน แต่ไม่เกิน 60 วัน หนูอยู่เที่ยวต่อในเมกา แต่พี่ค่ะหนูไม่สามารถเรียนต่อที่โรงเรียนเดิมได้เพราะหนูเรียนครบคอร์สของเค้าแล้ว ที่จริงหนูต้องทรานส์เฟอไป รร ใหม่แต่หนูไม่ได้ทำเพราะตอนแรกคิดว่าจะไม่กลับไปใหม่แล้ว แต่ตอนนี้หนูติดต่อไปทาง รร ใหม่เพื่อขอ i 20 ทำอย่างนั้นได้มั้ยค่

      • govisa  On May 16, 2012 at 5:42 am

        น้อง Gift คะ น้องบอกพี่ว่า น้องไปเรียนภาษา ถ้าน้องจบคอร์สของโรงเรียนภาษาแล้วแปลว่า ความสามารถทางภาษาของน้องควรจะถึงระดับที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการแล้ว เช่น ถ้าน้องไปสอบ TOEFL น้องน่าจะทำได้ถึง 80 คะแนน หรือเทียบเท่า TOEFL 550 เพื่อสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยค่ะ ดังนั้น ถ้าจะติดต่อขอ I-20 ที่เรียนใหม่ควรจะเป็นคอร์สเข้าเรียนต่อปริญญาตรี (กรณีน้องจบมัธยมปลาย) หรือเป็น I-20 เรียนต่อปริญญาโท (กรณีน้องจบปริญญาตรีไปจากไทย) น้องไม่ได้ให้รายละเอียดพีมา พี่แจ้งน้องดังนี้ เพราะถ้าทำการติดต่อโรงเรียนแห่งใหม่พลาด ทำให้ระยะเวลาที่น้องอยู่ที่เมืองไทยนานเกินกว่า 5 เดือน น้องต้องขอวีซ่านักเรียนใหม่ จะเกิดความไม่ไว้วางใจจากกงสุลได้ว่า ทำไมยังต้องสมัครไปเรียนภาษาอีก เพราะที่เรียนภาษาแต่ละโรงเรียนจะมี level ต่างๆหลาย level ให้นักเรียนได้เรียนตามความสามารถของตนเองค่ะ ยกเว้นความสามารถของเด็กสูงทดสอบภาษาใกล้ระดับ level สูงสุดของเขาจึงอาจจะเหลือแค่ level เดียวที่เหลือให้เรียนค่ะ ดังนั้น case น้องถ้าจะต้องการกลับเข้าไปอีกโดยไม่ต้องขอวีซ่านักเรียนอีกครั้งนะคะ รีบๆติดต่อโรงเรียนใหม่ให้เขาส่ง I-20 มา อย่างไรก็ตาม น้องต้องแจ้งโรงเรียนเก่าด้วยว่าน้องขอทำเรื่อง Transfer Sevis I-901 ไปยังโรงเรียนใหม่ด้วยค่ะ

      • Gift  On May 16, 2012 at 9:54 am

        ขอบคุณค่ะ. ข้อมูลที่ได้มีประโยชน์มากๆเลยค่

      • govisa  On May 18, 2012 at 5:22 am

        รีบๆจัดการขอ I-20 ชุดใหม่มานะคะ น้อง Gift

  • NuAoh  On June 1, 2012 at 4:30 pm

    สวัสดีค่ะ พี่ govisa นู๋รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ กรอก DS160 เรียบร้อยแล้วจองวันนัดสัมภาษณ์ได้แล้วด้วยค่ะ มันมีปัญหาตรงรูปถ่ายที่อัพโหลดไปเป็นพื้นหลังสีฟ้า แต่ระบบให้ผ่านก็เลยรรีบ submit เลยค่ะ แต่มาอ่านเรื่องรูปถ่ายเขาให้ใช้พื้นหลังสีขาวอ่ะค่ะ ก็เลยนั่งกรอก DS160 ชุดใหม่พร้อมอัพโหลดรูปถ่ายใหม่เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ปัญหาคือ ในวันจองที่คอนเฟิร์มเป็น DS160 เลขเก่าอ่ะค่ะ อย่างนี้ต้องทำอย่างไรคะ… รบกวนด้วยค่ะ

    • govisa  On June 1, 2012 at 9:28 pm

      น้อง NuAoh คะ Print DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่ไปยื่นตอนวันสัมภาษณ์ พร้อมกับนำหมายเลขยืนยัน DS-160 เก่าไปยื่นด้วยในวันสัมภาษณ์ ถ้าเจ้าหน้าที่ถาม ให้ตอบตามความเป็นจริงว่า น้อง Upload รูปถ่ายไม่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ ครั้งแรกที่ Upload ด้านหลังฉากเป็นสีฟ้า จึงได้แก้ไขใหม่ให้ถูกต้องใหม่ค่ะ เวลาสอบสัมภาษณ์กงสุลท่านถามน้องว่าอะไร กรุณาเขียนมาแชร์ประสบการณ์ให้อ่านกันบ้างนะคะ ขอให้น้องสัมภาษณ์วีซ่าผ่านค่ะ

  • Bow  On June 2, 2012 at 12:50 pm

    สวัสดีค่ะ
    อยากสอบถามเรื่อง Sevis No. เพราะตอนนี้สัมภาษณ์วีซ่า F1 ผ่านแล้วค่ะ
    แต่ติดปัญหาที่ Sevis no. ทีี่โชว์ในระับบ และ Sevis No. ใน I-20 ไม่ตรงกัน
    เพราะมีการย้ายโรงเรียนหลังจากที่ได้ทำการกรอก DS160 ในครั้งแรกค่ะ
    ทางเอเจนซี่แจ้งว่าได้ทำการจ่ายค่า Sevis ให้ใหม่แล้ว แต่เมื่อเช็คเลข Sevis ที่โชว์ใน I-20 ของโรงเรียนก็ไม่เจอข้อมูล
    หากเลขSevis ไม่ตรงกันนี้จะเป็นปัญหามั้ยคะ แล้วต้องแก้ไขอย่างไรได้บ้าง

    รบกวนด้วยค่ะ

    ถ้าสะดวกขอเป็นอีเมล์ติดต่อ ได้ไหมคะ หรือแมสเสจบล็อกได้จากทางไหนบ้าง พอดีมีเรื่องจะสอบถามเพิ่มเติมค่ะ

    ขอบคุณมากนะคะ

    • govisa  On June 2, 2012 at 9:49 pm

      น้อง Bow คะ ถ้าน้องจ่ายค่า Sevis I-901 ในตอนที่กรอก DS-160 ไปเมื่อตอนแรกแล้ว มีการย้ายโรงเรียนใหม่ และถ้าน้องยังไม่ได้เดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่า Sevis ใหม่ เพราะเวลาเข้าไปที่หน้า เว็บไซต์จ่ายค่า Sevis (www.fmjfee.com) ระบบจะแจ้งว่า Sevis น้องยัง valid อยู่นะคะ หากเลข Sevis ใหม่กับเก่าไม่ตรงกัน แนะนำให้น้องเขียนอีเมล์แจ้งสถานศึกษาใหม่ว่า ก่อนหน้าน้องกรอก DS-160 น้องได้ I-20 จากสถานศึกษาชื่ออะไร หลังจากนั้นไม่นานได้ที่สถานที่ที่ตัดสินใจว่าจะไปเรียนแน่นอน แต่เข้าไปแก้ไขหมายเลข Sevis ไม่ได้ค่ะ อย่างน้อยอีเมล์ที่น้องเขียนถึงโรงเรียนจะเป็นหลักฐานที่น้อง Print ออกมาเพือ่ให้เจ้าหน้าที่ตม.ดูได้ถ้ามีการสอบถามถึงหมายเลขที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจะมีปัญหาในการเข้าประเทศ เพราะน้องยังไม่ได้เดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ หากน้องเข้าไปอยู่ในสหรัฐฯแล้ว และจะย้ายที่เรียน น้องต้องแจ้งให้ที่เรียนทั้งใหม่และเก่าทราบ และน้องต้องกรอกฟอร์ม Transfer form ด้วยในตอนนั้นค่ะ
      อนึ่ง ถ้าน้องต้องการจะส่งคำถามที่มีรายละเอียดมากกว่านี้ น้องสามารถส่งเข้าทางอีเมล์ที่ให้ไว้ได้ค่ะ เวลาตอบพี่จะเลือกตอบโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับน้องค่ะ หากน้องต้องการปรึกษาแบบตัวต่อตัว พี่แนะนำให้น้องติดต่อผ่านหน่วยงาน EducationUSA ซึ่งน้องอาจจะได้รับประโยชน์ตรงตามที่น้องต้องการได้ค่ะ ลองค้นหาชื่อหน่วยงานที่อยู่ใกล้บ้านน้องได้จาก http://www.educationusa.state.gov คลิกเลือก finding advising center แล้วเลือกภาพแผนที่ประเทศไทย จะปรากฏรายชื่อหน่วยงานต่างๆที่อยู่ในประเทศไทยค่ะ

      • Bow  On June 5, 2012 at 2:04 pm

        ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ 🙂

        มีข้อสงสัยอีกเล็กน้อย ส่งคำถามเพิ่มเติมไปทางอีเมล์แล้ว ขอรบกวนด้วยนะคะ

      • govisa  On June 6, 2012 at 9:16 pm

        น้อง Bow คะ อยากให้น้องเข้าไปอ่านเงื่อนไขเรื่องการจ่ายค่า Sevis I-901 จากที่สถานศึกษาแห่งหนึ่งแต่เวลาเรียนจริงต้องการไปอีกสถานศึกษาหนึ่งได้จากเว็บไซต์ของ Homeland Security Department หรือรู้จักกันในนาม DHS( http://www.ice.gov/sevis/i901/faq7.htm#_Toc81222150 ) ถ้าแปลจากเนื้อหาก็บอกได้ว่า ไม่ต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมให้สถานศึกษาแห่งใหม่แต่อย่างใดค่ะ “An additional SEVIS I-901 fee is not required (For more information, see the section, Do I pay the fee?)”

        หรือถ้าน้องจะอ่านจากข้อ 7B ” 7.B. What do I do if I paid on one SEVIS ID number and now want to go to a different school or participate in a different exchange visitor program?
        If you have not received a visa or if you are visa exempt and have not applied for nonimmigrant status at the POE, you can apply the SEVIS I-901 fee that you already paid to another Form I-20 or DS-2019 if you meet the basic rules for reapplying fees.”

        ดังนั้น พี่ขอแนะนำให้น้องเขียนอีเมล์ไปแจ้งกับทั้งโรงเรียนใหม่และเก่าให้เขารับทราบไว้ และเมื่อเขามีการโต้ตอบกับน้องมาว่า รับทราบจากอีเมล์ของน้องเรื่อง Sevis I-901 แล้ว ให้น้อง print อีเมล์นั้นเป็นพยานหลักฐานเวลาจะเข้าเมืองสหรัฐฯ เวลาตรวจคนเข้าเมือง ถ้าน้องถูกถามถึงปัญหานี้ขึ้นมา น้องจะมีอีเมล์ที่โรงเรียนโต้ตอบกับน้องว่า รับทราบแล้วเป็นหลักฐานพยานการยืนยันว่า ทางโรงเรียนรับทราบแล้วค่ะ อย่ากังวลเรื่องหมายเลข Sevis จะไม่ตรงกัน หากมีการแจ้งให้โรงเรียนทั้งสองแห่งรับทราบก่อนเดินทางค่ะ

  • ส้ม  On June 3, 2012 at 9:55 pm

    สวัสดีค่ะ บกวนสอบถามเรื่องวีซ่าท่องเที่ยว DS-160 จะไปเดือนตุลานี้อะค่ะ เริ่มกรอก DS-160 แฟนเราตอนนี้เรียนที่อเมริกา ทางบ้านแฟนจึงจะไปหาและเที่ยวตอนตุลาแล้วพาเราไปด้วย ในใบกรอกว่าไปพักที่บ้านแฟน เพราะยังหาโรงแรมไม่ได้จึงกรอกไปก่อน แต่ยังกังวลอยู่ตามนี้อะค่ะ
    1 ตอนกรอกDS-160ให้แม่แฟน เราและน้องแฟนไม่มีให้กรอกว่าได้ไปเที่ยวไหนมาบ้างภายในห้าปี แต่ตอนกรอกให้พ่อแฟนมีให้กรอกว่าไปไหนมาบ้าง เช็คข้อมมูลก็ตรงกันทุกอย่าง จะเ็ป็นอะไรไม๊ค่ะ หากไม่มีให้ใส่ แล้วถ้าเรากรอกDS-160ไว้หลายใบเพื่อว่าระบบจะรันให้กรอกว่าไปไหนมาบ้างจะเป็นไรไม๊ค่ะ ทั้งนี้ยังไม่ได้คอนเฟิม ยังไม่ได้ใส่รูปเลย
    2 เรื่อง pin อะค่ะ พ่อแ่ม่หย่ากันแล้วคนละชื่อ คนละทะเบียนบ้าน น้องแฟนนามสกุลเดียวกันกับพ่อและทะเบียนบ้านเดียวกัน แล้วเราก็อีกทะเบียนบ้าน ต้องซื้อกี่พินอะค่ะ
    3 เรื่องคนออกค่าใช้จ่าย ถ้าเราเขียนว่าคนออกค่าใช้จ่ายให้เป็นแม่แฟนจะเป็นไรไม๊ค่ะ เพราะแม่เราไม่ได้มีรายได้เยอะและไม่ีีีมีสเตจเม้น หรือเราควรใช้บัญชีเราดีแต่ว่าเงินเราีไม่เยอะ เราไปพัก 1 เดือน กลัวเค้ามองว่าเงินน้อยไปแล้วจะไมผ่านอะค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ

    • govisa  On June 4, 2012 at 10:38 pm

      น้องส้มคะ
      1 ถ้าหาคำถามว่า ไปเที่ยวที่ไหนไม่พบก็ไม่ต้องกรอกค่ะ ถ้าต้องการแสดงข้อมูลตรงนี้เพิ่มให้พิมพ์ในกระดาษ A4 อธิบายว่าไเที่ยวที่ไหนมาบ้างในปีค.ศ.อะไรค่ะ การกรอก DS-160 ไว้หลายครั้งเมื่อน้องตัดสินใจconfirm และ submit ข้อมูลแล้ว สถานทูตจะใช้ DS-160 Confirmtion หมายเลขนั้นค่ะ ส่วนอันอื่นๆถือว่าไม่ใช้ไปค่ะ
      2. 3พินค่ะ พ่อกับแม่หย่ากันก็ถือว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าขอคนดียวก็ซื้อพินเดียว หากขอทั้ง 2 คนซื้อสองพินค่ะ จำไว้ว่า คนละทะเบียนบ้านถือว่า คนละพินกันค่ะ ถ้าไม่ใช่พ่อ-แม่-ลูก หรือพี่กับน้อง หรือความสัมพันธ์ในคู่สามี-ภรรยา ก็ถือว่าไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ที่สถานทูตกำหนดไว้ ก็ต้องซื้อพินแยกกันค่ะ
      3. การใช้คำว่าแฟน แปลว่าแต่งงานแล้วหรือยังไม่ได้แต่งคะ ถ้ายังไม่ได้แต่งใช้แม่ตัวเองดีกว่าไหมคะ แม่แฟนก็ยังเป็นเหมือนคนอื่นอยู่ดีค่ะ

      • ส้ม  On June 5, 2012 at 12:21 am

        ขอบคุณค่า govisa เรายังไ่ม่ได้แต่งงานค่า แต่บัญชีเรามีอยู่สองเล่ม เล่มแรเป็นเล่มที่เงินหมุนเข้าออกตลอดเวลาและเงินเดือนจะเข้าที่เล่มนี้อะคะ(หลักหมื่น) เล่มที่สองเป็นเล่มที่แม่ของแฟนเอาเงินหมุนเข้าออกให้ตลอดเวลาเพื่อที่จะให้ดูว่าเรามีเงินพอไปอเมริกาได้ เริ่มทำมาหกเดือนแล้วค่ะ(หลักแสน) เราเลยกะว่าช่องที่กรอกค่าใช้จ่ายใน DS-160 จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง แล้วยิ่นสมุดบัญชีไปสองเล่มเลย ถ้าเข้าถามว่าทำไมเล่มที่สองงถึงมีเงินเยอะ เราจะตอบว่าเป็นเงินที่ได้จากการทำงานฟรีแลนซ์รับงานนอกมาทำ (พอดีเราเรียนถ่ายภาพ หนัง กราฟฟิคมาอะค่ะ น่าจะพอเป็นข้อมูลว่ารับงานแบบนี้มาทำนอกเวลางานได้) ส่วนเล่มแรกเป็นเล่มที่ทำงานประจำต้องโอนเงินมาเข้าที่เล่มนี้เงินจึงน้อยกว่า อย่างนี้โอเคไม๊ค่ะ ขอบคุณมากค่า

      • govisa  On June 5, 2012 at 7:20 am

        น้องส้มคะ
        1. น้องส้มขอจดหมายรับรองการทำงานจากหน่วยงานที่น้องส้มทำงานประจำ ระบุตำแหน่งงาน เงินเดือน และวันแรกที่น้องได้รับการบรรจุเข้าทำงาน ส่วนงาน Freelance ถ้าหากคนจ้างรู้จักสนิทสนมกันให้เขาช่วยรับรองให้ว่า น้องทำงาน Freelance กับเขา แต่ถ้าเขาไม่เขียนให้ ลองหาดูว่า มีใบเสร็จหรืออะไรไหมที่จะแสดงได้ว่า น้องได้รับเงินจากการทำ Freelance วิธีคิดของฝรั่งอาจแตกต่างจากคนไทย ฝรั่งชอบมีอะไรที่จะแสดงเป็นหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้ด้วยค่ะ
        2. เรื่องเกี่ยวกับการเป็น Sponsor เนื่องจากน้องมีงานทำมีเงินเดือนแล้ว น้องต้องรับผิดชอบตนเองด้วยการแสดงฐานะทางการเงินของตนเองค่ะ ทีนี้บัญชีเงินเดือนเป็นเลขหลักหมื่น ซึ่งแน่นอนค่ะน้อยเกินไปที่จะเป็น Sponsor ตนเองในการขอวีซ่านักท่องเที่ยวไปสหรัฐฯ อีกบัญชีเป็นบัญชีแม่แฟนเป็นเลขหลักแสน ปัญหาคือจะโยงความสัมพันธ์ระหว่างแม่แฟนและน้องอย่างไร พูดง่ายๆคือ น้องจะแสดงตนว่าเกี่ยวข้องกับแม่แฟนในฐานะอะไรคะ ถ้าบอกเป็นแม่แฟน(ตามความคิดแบบไทยๆ)ก็ดูไม่ค่อยมีน้ำหนัก เพราะเป็นแค่แฟนอาจเปลี่ยนใจได้ ถ้าจะบอกว่า แต่งงานกันแล้วแต่ไม่จดทะเบียนสมรส น้องอาจถูกถามจากท่านกงสุลถามได้ว่า ทำไมไม่ให้แฟนทำเรื่องขอวีซ่าผู้ติดตาม F-2 ไปล่ะ ซึ่งน้องก็ต้องมีเหตุผลที่จะชี้แจง เป็นต้นว่า งานหายาก ถ้าลาออกจากงานนี้ เวลากลับมาเมืองไทยพร้อมแฟนหลังจากแฟนเรียนจบ อาจจะไม่ได้งานที่นี้อีกถ้าจะกลับเข้ามาสมัครใหม่ เพราะที่ทำงานคงรับคนอื่นไปทำงานแทนแล้วเป็นต้น ถ้าจะบอกแม่แฟนเป็นป้าของน้อง พี่ก็ไม่แน่ใจว่าเงินที่ว่าเป็นเลขหลักแสนนั้นมีจำนวนมาก-น้อยเท่าไรค่ะ เพราะบุ๊คแม่แฟนก็ต้องใช้ค้ำประกันตัวแม่แฟนด้วย การไปเที่ยวและอยู่ในสหรัฐฯนานเป็นเดือน ค่าใช้จ่ายจะเป็นเลขหลักแสนต่อคน ดังนั้น อาจต้องรบกวนถามแม่แฟนว่า ท่านมีบุ๊คบัญชีเล่มอื่นที่จะนำมาใช้ประกอบเพื่อรับรองสองคนไหมนะคะ พี่คิดว่า ถ้าใช้บุ๊ครับรองคนสองคน เจ้าของบัญชีควรมีเงินฝากประมาณหนึ่งล้านบาท น่าจะดูหนักแน่นกว่าค่ะ

        อนึ่ง หากความหมายที่น้องเขียนมาถามว่า แม่แฟนเอาเงินเข้าบัญชีให้น้องมานานหกเดือนเป็นเลขหลักแสนแล้ว และเป็นบุ๊คชื่อน้อง ปัญหาความกังวลที่เขียนมาข้างต้นก็จะคลายลง เพราะเท่ากับน้องมีบุ๊คบัญชีสองเล่ม คือ บัญชีเงินเดือนกับบัญชีที่แม่แฟนเอาเงินเข้าให้ค่ะ และน้องจะใช้ชื่อน้องเองเป็นผู้ค้ำประกันค่ะ

        ส่วนเรื่องที่อยู่ใช้ที่อยู่แฟนที่อเมริกา ถ้ากงสุลถามน้องว่า คนนั้นเป็นใคร ก็มีสองทางเลือกที่จะบอกคือ เป็นแฟน หรือ จะบอกว่าเป็นเพื่อน ในกรณีของน้อง พี่แนะนำให้แฟนทำจดหมายเชิญให้น้องไปเที่ยว โดยเขาจะให้น้องพักที่บ้านเขา และให้น้องเดินทางมาร่วมกับคนในครอบครัวเขา ที่สำคัญตกลงกันให้แน่นอนว่า จะให้ใช้ความสัมพันธ์แบบใด แฟน หรือ เพื่อน จะได้ตอบตรงกันเวลาสัมภาษณ์ค่ะ ส่วนแฟนต้องทำจดหมายเชิญแม่กับน้องสาวไหม คำตอบคือไม่ต้องก็ได้ค่ะ เพราะแม่แฟนและน้องสาวแฟนสามารถตอบคำถามท่านกงสุลได้ว่า ไปเยี่ยมลูกชาย หรือไปเยี่ยมพี่ชายค่ะ

  • Ann  On June 8, 2012 at 7:28 am

    สวัสดีค่ะคุณgovisa. ขอถามเรื่องวีซ่าหน่อยค่ะคือแฟนเป็นคนกรอกเอกสารds-160ให้ ใส่เบอร์โทรผิดไปทางสถานฑูตจะโทรเช็คหรือเปล่าค่ะขอบคุณ

    • govisa  On June 9, 2012 at 9:27 pm

      น้อง Ann คะ น้องสามารถไปบอกกับเจ้าหน้าที่ที่ตรวจเอกสารในวันสัมภาษณ์ และลบแก้ไขต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในกระดาษที่ print ออกมาได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม มีบ้างบางกรณีที่ทางสถานทูตอาจติดต่อมาแจ้งเรื่องการขอย้ายวันสัมภาษณ์ ด้วยเหตุผลบางประการ แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยค่ะ ถ้าน้องอยากทำให้ถูกต้องก็คงต้องกรอก DS-160 ใหม่และพิมพ์ใบยืนยันหมายเลข DS-160 ใบใหม่ไปยื่นพร้อมกับหมายเลขเก่าที่ใช้นัดวันสัมภาษณ์ค่ะ

  • ส้ม  On June 10, 2012 at 10:40 pm

    ขอบคุณค่า คุณgovisa เราหายไปนานเลยเพราะทำงานกลับดึก ได้าอ่านคำแนะนำจาก govisa แล้วก็สบายใจขึ้นค่ะ เพราะสมุดบัญชีที่แม่แฟนทำไว้ให้เค้าทำเป็นชื่อเราอะค่ะ ส่วนเงินในบัญชีนี้เรากะบอกว่าเรามีชื่ออยู่ในหุ้นของบ.แม่แฟนเงินที่อยู่บัญชีหลักแสนนั้นได้มาจากเงินปันส่วนจากหุ้นและเป็นเงินเก็บที่เก็ยมานานรวมไว้ด้วย อย่างนี้น่าจะโอเคไม๊อะค่ะ
    ยังมีคำถามเพิ่มเติมด้วยอะค่ะ
    1 ในส่วนที่เค้าให้กรอกว่ามีใครอยู่ที่อมริกาไม๊ เราเลือกที่จะไม่บอกได้ไม๊คะว่า ไม่มี เค้าจะเช็คได้ไม๊ค่ะว่าแม่แฟนที่เดินทางไปด้วยนั้นส่งลูกไปเรียนอเมริกาเช่นดูจากนามสกุลอะคะ เพราะถ้าบอกไปว่ามีคนอยู่ที่นั่นเค้าอาจจะให้ผ่านยาก
    2 ส่วนที่เค้าห้กรอกว่าใครเดินทางไปด้วย ถ้าเค้าอย่ากันแล้ว เดินทางไปด้วยกัน Relationship with Person ต้องเลือกอะไรอะค่ะ Parent//Child //Business Associate
    //Other //Other Relative //Spouse
    3 มีโอกาสไ๊ค่ะที่เดินทางไปด้วยกันแเล้ว จะได้สัมภาษณ์พร้อมกัน
    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On June 11, 2012 at 5:43 am

      น้องส้มคะ ถ้าจะบอกว่ามีหุ้นอยุ่ในบริษัทแม่ก็ควรจะมีจริงๆนะคะ เพราะกงสุลอาจขอดูหลักฐานใบจดทะเบียนของบริษัทได้ค่ะ ส่วนคำถามที่ถามมานะคะ

      1.กงสุลทราบว่าเรามีคนรู้จักที่อเมริกาจากนามสกุล และอื่นๆค่ะ กรณีลูกที่เคยขอวีซ่าไปก่อนหน้าแล้ว เขาก็ต้องกรอกชื่อ-นามสกุลพ่อแม่เขว่าเผ็นผู้ให้กำเนิดอยู่แล้ว กงสุลเก็บบันทึกไว้นานหลายปีทีเดียวค่ะ
      2.ถึงแม้จะหย่ากันแล้ว แต่ก็ยังเป็น Parent ของลูกอยู่ค่ะ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ จะใส่ว่า หย่ากัน หรือถ้าจะง่ายหน่อนไม่ต้องพูดอธิบายเป็นภาษาอังกฤษยาวๆมากๆ กรณีพูดไม่เก่ง จะบอกว่า อยู่ด้วยกันโดยไม่จดทะเบียนก้ได้ค่ะ เพราะมีหลายคู่ที่เป็นเช่นนั้นค่ะ เพียงแต่ท่านทั้งสองทราบดีว่า ท่านหย่ากันแล้วค่ะ
      3.ถ้าพ่อกับแม่แจ้งว่าอยู่ด้วยกันโดยไม่จดทะเบียน สามารถใช้พินเดียวกันได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน หาก อยู่คนละทะเบียนบ้าน เพราะบางคนมีฐานะดีมีบ้านหลายหลังก็ต้อซื้อพินแยกค่ะ ฏ้คงจะเหมือนกับแจ้งว่า หย่ากันแล้ว คือ ต่างคนต่างซื้อพินนัดค่ะ และก็ต้องพยายามจองให้ได้วันนัดเดียวกัน คือ ต้องเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์นัดวันสัมภาษณ์บ่อยๆเพื่อจองให้ได้วันและเวลาเดียวกันค่ะ

  • tai  On June 12, 2012 at 2:26 pm

    รบกวนสอบถามค่ะ แบบว่า ซื้อพินที่ไปรษณีย์ แล้วใส่หมายเลขพิมสลับกันกับชื่อค่ะ เอาพินที่มีชื่อพ่อมาใส่ชื่อแม่ เอาของแม่มาใส่จองในชื่อพ่อ เปงไรไหมค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ

    • govisa  On June 12, 2012 at 7:37 pm

      สลับพินนัดวันสัมภาษณ์ไม่มีปัญหาค่ะ น้อง Tai แต่อย่าสลับชื่อตอนไปจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าจำนวน 5,120 บาทที่ไปรษณีย์เป็นอันขาดนะคะ

  • Mic  On June 16, 2012 at 7:19 pm

    ดีค่ะเรื่องเร่งด่วนไฟแร๊ป…….คือลืมปริ้นแบบฟอร์มDS-160 ออกมาค่ะแต่คอนเฟริมทุกอย่างแล้ว จะไปสัมภาษวันที่18จันนี้ ที่สถานทูตเมกา ณ ลอนดอนค่ะ ทุกอย่างปริ้นหมดแล้ว เช่นใบคอนเฟิมอินฟอเมชั่น

    • govisa  On June 16, 2012 at 8:30 pm

      น้อง Mic คะ พิมพ์เฉพาะ DS-160 Confirmation Number ไม่ต้องพิมพ์ DS-160 Application ค่ะ อย่างหลังไว้ใช้เป็นข้อมูลของน้องเองสำหรับทบทวนว่าเราได้กรอกอะไรไปบ้าง ถ้ากงสุลถามจะได้ตอบตรงกันค่ะ ส่วนใหญ่แล้วถ้าเรากรอกด้วยตนเอง เราจะจำได้ค่ะว่า เรากรอกอะไรไปบ้างนะคะ เขียนมาแชร์ประสบการณ์กันบ้างนะคะว่า บรรยากาศการขอสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตอเมริกาในลอนดอนเป็นอย่างไรบ้างค่ะ โชคดีนะคะ

  • Mic  On June 16, 2012 at 11:05 pm

    ขอคุณมากเลยนะค่ะ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังแบบระเอียดเลยล่ะค่ะ

    • govisa  On June 17, 2012 at 10:15 am

      ขอบคุณมากค่ะน้อง Mic โชคดีนะคะ พี่จะคอยอ่านที่น้อง Mic จะเขียนมาเล่าค่ะ

  • topping  On June 17, 2012 at 6:29 pm

    ในขั้นตอนการจ่าย servis fee จะมีขั้นตอนให้เลือก ระหว่าง
    Standard Delivery $0.00 US
    Expedited Delivery $35.00 US
    ควรจะเลือกอันไหนคะ ถ้าเลือกจัดส่งแบบธรรมดาจะมีปัญหาอะไรหรือไม่คะ

    • govisa  On June 17, 2012 at 8:40 pm

      น้อง Topping คะ ถ้าเลือกส่งแบบ Standard Delivery จะใช้เวลาสามสัปดาห์ขึ้นไปที่น้องจะได้รับ Sevis I-901 fee receipt ส่งกลับมาให้น้องทางไปรษณีย์ ในวันสอบสัมภาษณ์ ถ้าน้องยังไม่ได้รับใบเสร็จตัวจริง น้องสามารถใช้ใบเสร็จที่ Print ออกมาหลังจากจ่ายเงินไปในวันสอบสัมภาษณ์ได้ค่ะ ส่วนใบเสร็จตัวจริงเมื่อได้รับแล้วน้องควรนำติดตัวไปด้วยในวันเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา หากเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองขอดู น้องก็จะมีหลักฐานที่เตรียมพร้อมให้เจ้าหน้าที่ดู(บางคนก็ไม่ต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองดูนะคะ) แต่เท่าที่ทราบ เคยมีน้องบางคนไม่ได้นำใบเสร็จ Sevis I-901 ตัวจริงไป มีแต่ ใบเสร็จที่ print ออกมาและเคยใช้ในวันสอบสัมภาษณ์ติดตัวไป ทางเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองก็อนุโลมให้ค่ะ ดังนั้น การจะเลือกให้ส่งทางไปรษณีย์แบบธรรมดาหรือแบบด่วน ควรจะดูที่วันที่น้องจะเดินทางด้วยค่ะ ถ้าบางคนเดินทางเร็วก่อนหน้าสามอาทิตย์ที่น้องจะได้รับใบเสร็จตัวจริงจากไปรษณ๊ย์ น้องสามารถเลือกแบบส่งด่วนจ่าย 35 US$ได้ ซึ่งน้องจะได้รับใบเสร็จตัวจริงภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์โดยบริษัท Fedex ค่ะ

      • Mic  On June 19, 2012 at 4:48 am

        สวัสดีค่ะ วันนี้ไปขอวีซ่ามาแล้วนะค่ะ สรุปว่าได้วีซ่าค่ะ เอกสารที่เอาไปเค้าไม่ขอดูเลยแม้กระทั้งแบงค์สเตทเม้น คือเค้าดูแค่
        1.ใบคอมฟอร์มแบบฟอร์ม DS-160
        2.ใบคอมเฟอร์มอินเทอร์วิว
        3.พาสปอร์ตตัวจริง
        4.รีซิฟหลักฐานในกรณีที่เราจ่ายเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า 160 usdดอลล่า

        ขอบอกว่าขั้นตอนแรก เราเข้าแถวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ด่านแรกเช็คเอกสาร และพวกโทรศัพท์กุญแจต่างๆห้ามนำเข้า
        หลังจากนั้น ผ่านต่อไปอีกด่านเช็คพาสปอร์ต
        ด่านต่อไปเข้าทีละ4คนค่ะ เช็คสแกนกระเป๋า และร่างกาย
        เดินต่อไปตามทางที่เค้าบอก
        พอเริ่มเข้าไปในตัวตึก เค้ามีโต๊ะ รีเซฟชั่น ให้เราไปยื่นเอกสารตรงนั้นเพื่อรับหมายเลขเพื่อเข้าคิวสแกนลายนิ้วเมือค่ะ และเค้าจะเอาพาสปอร์ตเราไปค่ะ
        หลังจากนั้นนั่งรอเค้าเรียกหมายเลขของเรา พอเลขของเรา ก้อยื่นเอกสาร และสแกนลายนิวมือ4นิ้ว ซ้ายและขวา และ2นิ้วโป่งมือ
        หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้หมายเลขเรามาอีกที แล้วมานั่งรอเพื่อรอสัมภาษอันนี้รอนานมาก นานโครต4ชั่วโมงกว่า
        ถึงหมายเลขของเรา และเค้าจะบอกช่องให้เราไปช่องไหน เช่น หมายเลข335 ไปที่ช่อง 6 ประมาณนี้ค่ะ หลังจากนั้นก้อไปตามช่องที่เค้าบอกแล้วก้อยื่นเอกสารใบสีฟ้าค่ะ แล้วถามคำถามเราไม่กี่ข้อ คือตามที่เรากรอกข้อมูลไปค่ะ ไม่เช็คเอกสารไรเลย แล้วก้อบอกเราเลยว่าคุณได้วีซ่า ในกรณีที่ไม่ผ่านเค้าจะให้กระดาษใบนึงมา กับคำอธืบายว่าไมไม่ได้ หลังจากนั้นพอเราได้วีซ่าแต่เค้ายังไม่คืนพาสปอร์ตให้เรานะค่ะ เค้าจะส่งไปให้เราทีหลัง3-5 วันทำการค่ะ หลังจากนั้นก้อไปจ่ายตังค่าส่งพาสปอร์ตกลับบ้านเราค่ะ จ่ายไป26ปอนด์ค่ะ

        ป.ล. กรณีเราขอวีซ่าที่ลอนดอนนะค่ะ อาจจะของ่ายกว่าที่ไทยค่ะ

        ลองดูนะค่ะ ว่าทำแบบไหนบ้าง

      • govisa  On June 19, 2012 at 5:38 am

        ขอบคุณมากนะคะน้อง Mic จากคำอธิบายของน้อง ทำให้เห็นว่า ขั้นตอนในการเข้าไปยื่นเอกสารวีซ่ากับเจ้าหน้าที่ที่ลอนดอนกับที่กรุงเทพไม่แตกต่างกันเลยค่ะ ส่วนที่ต้องรอนาน พี่คิดว่าเป็นเพราะช่วงนี้เป็นหน้าร้อนของอเมริกาก็คงเหมือนกับหน้าร้อนของลอนดอน คือ พ่อแม่พาลูก หรือกลุ่มเพื่อนๆวัยรุ่นกันเอง หรือกลุ่ม Work and travel ต่างขอวีซ่าไปหาประสบการณืในต่างประเทศช่วงที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยมีวันหยุดยาวค่ะ ที่เมืองไทยบางคนและบางวันก็นั่งรอสัมภาษณ์ไม่ถึงชั่วโมง บางคนและบางวันก็รอไม่ต่างจากน้อง Mic เลยค่ะ เพราะมีคนนัดเข้ามาขอวีซ่ากันมากค่ะ พี่สันนิษฐานว่าน้อง Mic เรียนอยู่แถวลอนดอนและต้องการขอวีซ่าไปเที่ยวอเมริกาช่วงวันหยุดยาวค่ะ ทางกงสุลคงเห็นแล้วว่า น้องต้องกลับมาเรียนต่อที่อังกฤษ การขอวีซ่าคงไม่ยากนักค่ะ
        อย่างไรก็ตาม พี่ขอบคุณน้อง Mic มากๆนะคะที่เขียนมาแชร์ประสบการณ์ในวันไปสัมภาษณ์ค่ะ และขอบคุณวีดิโอที่มีประโยชน์และให้กำลังใจกับเพื่อนที่กำลังจะไปขอวีซ่าไปอเมริกาค่ะ เพราะไม่ว่าจะขอวีซ่าที่ประเทศไหน วิธีการและขั้นตอนก็ไม่แตกต่างกันค่ะ

  • chatchanant  On June 22, 2012 at 10:14 am

    ขอบคุณมากๆนะคะ ที่ตอบคำถามให้กระจ่างชัดเจนมาก ว่ามีทางเลือก สองทาง คือ พิมพ์ds160ใหม่ กับ ไปอธิบายให้เค้าฟัง เพราะเราพิมพ์วันเดือนปี พ่อกับแม่ผิด เพราะสับสน คศ กับ พศ แต่ยังมีข้อสงสัยอีกสองประการในส่วนคำถามนะคะ
    1. คำว่า ten printed คือการสแกนนิ้วมือ 10นิ้ว ซึ่งคำถามนี้หมายความว่า เราเคยสแกนมั้ย แต่ที่สงสัยคือ สถานที่สแกนตอนที่เคยไปทำวีซ่ารึป่าว เพราะตอนที่เคยขอวีซ่าและได้วีซ่า เป็นปี 2002 และนี่ก้อใกล้จะหมดอายุ 10 ปี แล้ว ก้อเลยงงๆ เพราะตอนแรกสอบถามเพื่อน เพื่อนบอกว่า เค้าน่าจะหมายถึงสแกนเมื่อเราได้เดินทางไปที่อเมริกา หรือประเทศที่มีการให้สแกน 10 นิ้ว เลยสงสัยกับคำถามนี้คร่า ข้องใจอย่างมาก เพราะเข้าไปเสริจหา มีคนเขียนว่า ถ้าคนเคยได้ วีซ่าหลังปี 2007 จะเคย ten printed งี้เท่ากับเรายังไม่เคยใช่มั้ยคะ

    2.คำว่า ถูกปฏิเสธ หมายความว่าเค้าจะรู้ได้จาก การประทับตราด้านหลังเล่มวีซ่าหรอคะ ว่าเราเคยถูกปฏิเสธมา คือ เมื่อปี 1996 ได้เดินทางไปฮ่องกงพักฮ่องกง อาทิตย์นึงได้ และจะเดินทางไปแคนาดาต่อ เพื่อนแม่ที่ฮ่องกงเสนอแนะว่า ในเมื่อจะไปแคนาดาตั้งสองอาทิตย์ น่าจะไปขอวีซ่าอเมริกา เพื่อเดินทางข้ามไปเที่ยวอเมริกานะ เราก้อเลยไปต่อแถวกับคุณแม่ที่สถานทูตอเมริกาที่ฮ่องกงคร่า และเค้าก้อส่งเล่มคืน พร้อมกับประทับตราด้านหลังว่า “US Consulate General Hongkong Application Received on …jun 5, 1996 สงสัยว่า อันนี้นับว่า เรียกว่า เป็นการถูกปฏิเสธหรือไม่ เพราะที่นั่นเค้าบอกว่า เราควรต้องทำวีซ่าที่ประเทศไทยนะ สรุปเลยได้ไปแค่ แคนาดา ทริปปี1996

    งวดนี้ เลยต้องสอบถามว่า เราควรตอบ ใช่ หรือ ไม่ใช่คะ ว่าเราถูกปฏิเสธ งงมากเลยคร่า เพราะงงว่า เค้าจะประทับตราว่ายังไงคะท้ายเล่ม หากเราไม่ผ่านวีซ่า มันคือแบบเดียวกันหรือไม่ รบกวนด้วยคร่า

    ขอบคุณคร่า

    สับสนมาก ว่าตราประทับด้านหลังพาสปอรต์ที่เราขอผิดประเทศ เป็นการเรียกว่าถูกปฏิเสธรึป่าว รบกวนคุณ โกวีซ่าด้วยนะคะ และวีซ่า10 ก้อดันอยู่ในเล่มเดียวกันกับ ตราประทับด้านหลังพาสปอรต์เล่มเดียวกันด้วย เครียดถึงเครียดมาก แค่ต้องมาใช้การกรอกใหม่ในใบใหม่ ก้อต้องโดนซักถามอยู่แล้ว แล้วยังจะมางงงวยอันนี้อีกอ่ะค่า จะผ่านมะคะเนี่ย

    • govisa  On June 22, 2012 at 8:18 pm

      น้อง Chatchanant คะ
      1. การสแกนนิ้วมือทั้ง 10 นิ้วหมายถึงทำที่สถานทูตอเมริกาประจำกรุงเทพค่ะ
      2. เวลาถูกปฏิเสธที่กรุงเทพ ด้านหลังหนังสือเดินทางจะมีประทับตราลงวันที่ที่เข้าไปยื่นแล้วถูกปฏิเสธ บางคนคิดว่า การเปลี่ยนหนังสือเดินทางเล่มใหม่แล้ว สถานทูตอื่นจะไม่เห็นหรือแม้แต่สถานทูตอเมริกาเองก็จะมองไม่เห็น สถานทูตอื่นๆอาจไม่เห็นได้ค่ะ แต่สถานทูตอเมริกาเก็บหลักฐานเป็นสิบปีค่ะ กรณีของน้องจะเรียกว่าถุกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงก็ไม่ใช่นะคะ เพราะน้องจะต้องขอวีซ่าในประเทศที่น้องพำนักอยู่อย่างน้อยก็หนึ่งปี ซึ่งฮ่องกงน้องไปเที่ยวแค่ไม่กี่วัน น้องไม่สามารถขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯจากประเทศฮ่องกงได้ค่ะ ในแบบฟอร์มวีซ่า จะแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการกรอกใน DS-160 ว่า เคยถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งก็ได้ค่ะ พี่คิดว่า กงสุลท่านมีหลักการพิจารณาตามเหตุผล ถ้าน้องชี้แจงให้ท่านเข้าใจว่า ในตอนนั้นน้องไม่เคยทราบมาก่อนว่า ต้องขอวีซ่าในประเทศไทย พี่คิดว่า กงสุลท่านฟังนะคะ อย่ากังวลมากไปเลยค่ะ เวลาก็ผ่านมาเกิน 10 ปีแล้ว เตรียมเอกสารครั้งนี้ให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ มีคำตอบที่ชัดเจนว่า จะไปไหน ไปทำอะไรบ้าง ที่สำคัญไปเสร็จตามหมายกำหนดการ แสดงให้เขาเห็นด้วยคำพูดและภาษาท่าทางเลยว่า กลับแน่นอน หรือถ้ามีงานทำแลอยู่แล้วที่เมืองไทยก็พุดไปเลยว่า ต้องกลับมาทำงานต่อค่ะ น้องยังไม่ได้ลาออกค่ะ

  • Yim  On June 25, 2012 at 3:58 pm

    สวัสดีคะพี่ Govisa
    มีคำถามอยากจะปรึกษาคะ คือตอนนี้เรียนปริญญาโทอยู่ที่อเมริกาคะ ตามกำหนดจบจริงและที่ I-20มีถึงคือเดือนธันวาคม2012 แล้ววีซ่าจะหมดกุมภาพันธ์2013 ตอนนี้กำลังตัดสินใจระหว่างจะกลับไปขอต่ออายุวีซ่านักเรียนก่อนวีซ่าหมดอายุ 6 เดือนดีหรือไม่คะ
    1.กลัวว่าถ้าไปขอต่อแล้วไม่ผ่านทางสถานฑูตจะตัดวีซ่าเดิมที่เหลืออยู่ตอนกุมภาพันธ์เป็นเหลือแค่ธันวาคมมั้ยคะ
    2.พี่คิดว่ามีความน่าจะเป็นไปได้หรือไม่คะที่จะขอต่ออายุเพิ่ม ถ้าจะลงเรียนต่อปริญญาเอกอ่ะคะ แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนจริงแต่จะดำเนินการหลังจากเรียนจบสิ้นปี
    3.ถ้าขอต่อวีซ่าผ่านจะได้ประมาณกี่ปีคะ
    ขอบคุณมากๆคะ 🙂

    • govisa  On June 25, 2012 at 7:27 pm

      น้อง Yim คะ วีซ่า F-1 ที่น้องได้รับมีอายุวีซ่านานกี่ปีคะ เพราะเท่าที่พี่เห็นส่วนใหญ่ F-1 ที่ได้กันมีระยะเวลานานประมาณ 5 ปี เสียดายวีซ่าของน้องไม่น่าจะหมดอายุเร็วเลยค่ะ การกลับมาขอต่ออายุวีซ่ากงสุลไม่ตัดเวลาออกไปตามที่น้องเข้าใจค่ะ กงสุลท่านจะขอดู transcript ที่น้องเรียนมาและคงจะขอดูว่า หลักสูตรน้องเหลือจำนวนหน่วยกิตและระยะเวลาที่ต้องเรียนอีกนานแค่ไหน ระยะเวลาที่ได้รับวีซ่าครั้งที่ 2 นี้ไม่น่าจะถึง 5 ปีค่ะ พี่เคยพบคนรู้จักทำในลักษณะที่น้องเขียนมาถาม เขาได้วีซ่านาน 1 ปีในครั้งที่สองค่ะ หากน้องได้รับการตอบรับเข้าเรียนต่อระดับปริญญาเอกเป็นทางการ ซึ่งยังไม่น่าเป็นไปได้ในขณะนี้ เพราะน้องยังเรียนไม่จบปริญญาโทค่ะ ถ้าอยากได้วีซ่าที่มีอายุนานๆ ดำเนินการเรียนต่อปริญญาเอกตอนสิ้นปีตามที่น้องเขียนแจ้งมาให้เรียบร้อยนะคะ แล้วนำ I-20 ที่ตอบรับเข้าเรียนต่อปริญญาเอกมาทำเรื่องการขอวีซ่านักเรียนใหม่ น้องจะได้รับวีซ่านักเรียนที่มีอายุนาน 5 ปีค่ะ ถ้าวีซ่าเดิมหมดกำลังจะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ แต่น้องยังมีหลักสูตรอื่นที่อยากลงทะเบียนเรียนอยู่ เป็นต้นว่า หลักสูตรสั้นๆ น้องจะยังคงอยู่ในประเทศสหรัฐฯได้ แต่ไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวนอกประเทศสหรัฐฯ เช่น แคนาดา หรือเม็กซิโก เพราะวีซ่าน้องหมดอายุ เมื่อออกนอกประเทศสหรัฐฯแล้วจะกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งไม่ได้ ต้องกลับมาขอวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯที่กรุงเทพก่อนค่ะ

  • Yim  On June 26, 2012 at 12:42 am

    ขอบคุณคะพี่ื Govisa
    วีซ่าที่ได้มาตอนแรกได้มา 5 ปีแบบที่พี่เข้าใจคะ แต่กำลังจะหมดต้นปีหน้าคะ I-20 ที่ได้มาจะหมดสิ้นปีเพราะเป็นกำหนดจบปริญญาโทคะ
    แต่สมมติว่าเกิดเรียนไม่จบต้องเรียนต่ออีก 1 semester แต่วีซ่าหมดอายุแล้ว แต่ต่อ I-20ไปได้อีก จะมีปัญญาอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าจะกลับมาขอต่อวีซ่าอีกครั้งด้วยปริญญาเอก
    แล้วถ้าหลังจากเรียนจบ วีซ่าก็หมดอายุแล้ว แต่ยังไม่ได้กลับมาขอต่ออายุในทันทีแต่เลือกทำ OPT ต่ออีก 1 ปีก่อนถึงจะกลับมาต่อวีซ่าด้วยปริญญาเอก ทางกงสุลจะเห็นว่ามีความผิดที่ปล่อยให้วีซ่าหมดอายุนานแล้วมาต่ออายุช้าหรือไม่คะ อาจส่งผลให้ไม่ต่อวีซ่าปริญญาเอกให้อ่ะคะ
    ขอบคุณคะ..

    • govisa  On June 26, 2012 at 5:37 am

      น้อง Yim คะ น้องสามารถกลับมาขอวีซ่านักเรียนใหม่ที่เมืองไทยตามที่ได้อธิบายไปแล้ว แต่ระยะเวลาที่น้องจะได้รับวีว่าว่ามีอายุนานเท่าไรขึ้นอยู่กับท่านกงสุลเป็นกรณีๆไปค่ะ พี่ได้ยกตัวอย่างนักศึกษาท่านหนึ่งไปว่า เขาได้ระยะเวลาวีซ่าใหม่แค่ปีเดียว แต่ก็ไม่ควรจะเป็นแบบนั้นกันทุกคน พี่คิดว่า ถ้าน้องได้รับ I-20 ตอบรับเข้าเรียนต่อปริญญาเอก น้องก็มีเหตุผลที่ควรจะได้วีซ่า 5 ปีค่ะ ส่วนกรณีที่น้องจะใช้สิทธิขอ OPT หลังจากเรียนจบปริญญาโท น้องสามารถทำได้ หากว่า น้องไม่สามารถหางานที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่เรียนจบได้ภายใน 3 เดือนน้องก็จะถูก terminate วีซ่าโดยอัตโนมัติต้องกลับประเทศของตนเองค่ะ ลองขอคำแนะนำที่สองจาก International Student Officer ที่มหาวิทยาลัยของน้อง เรื่องการไม่สามารถหางานทำได้ภายในเวลาที่กำหนด น้องจะยังเรียนต่อปริญญาเอกได้หรือไม่อีกทีนะคะ

  • นัท  On June 27, 2012 at 2:55 am

    สวัสดีคะพี่ govisa หนูมีเรื่องปรึกษาเรื่องการชอวีซ่าท่องเที่ยวคะ หนูจะไปเยี่ยมแฟนที่เรียนอยู่ที่อเมริกาพร้อมกับครอบครัวของแฟน หนูทำงานแล้วและออกค่าใช้จ่ายเองในการไปเที่ยว มีคำถามคือ
    1 ควรสัมภาษณ์เป็นกรุ๊ปพร้อมกับครอบครัวแฟนเลยดีไม๊ค่ะ หากเค้าถามก็บอกว่าเป็นญาติห่างๆ แล้วอยากไปเที่ยวอเมริกา หรือ ไมได้เป็นอะไรกัน บอกไปว่าเรารู้จักครอบครัวนี้มานานเพราะเป็นเพื่อนแม่แล้วขอตามไปเที่ยวด้วย หรือว่า เราแยกไปสัมภาษณ์เดี่ยวเลยโดยที่ข้อมูลที่เรากรอกไปว่าไปกับใครนั้นก็ไม่ต้องกรอกและไม่รู้จักใคร
    2 พ่อแ่ม่ของแฟนอย่ากันแล้วแม่ใช้นามสกุลเดิมของตัวเองชืออยู่ทะเบียนบ้านหนึ่ง น้องใช้นามสกุลพ่อ พ่อกับน้องทะเบียนบ้านเดียวกัน แล้วก็หนูอีกทะเบียนบ้าน ซื้อพินมาสามอัน ถ้าได้วันสัมภาษณ์วันเดียวกัน เป็นไปได้ไม๊ค่ะที่จะสัมภาษณ์เป็นกรุ๊ปพร้อมกันเลยทีเดียวสามคน
    3 ในใบรับรองการทำงานของหนูเขียนว่าทำงานมาหกเดือน เค้าจะถามไม๊ค่ะว่าทำไมทำงานแค่หกเืดือนแล้วลางานได้ตั้ง 15 วันไม่น่ามีทางเป็นไปได้ แล้วจะไม่ให้ผ่าน
    รบกวนพี่govisaด้วยนะคะ ขอบคุณค่า

    • govisa  On June 27, 2012 at 5:50 pm

      น้องนัทคะ กรณีของน้องจะเรียกได้ว่าคล้ายกับกรณีของน้องส้มที่เคยเขียนมาถามค่อนข้างมาก น้องสามารถเข้าไปลองอ่านกระทู้ของน้องส้มเพิ่มเติมได้นะคะ พี่ขอตอบคำถามน้องดังนี้คือ
      1. น้องอาจจะบอกว่าไปเที่ยวกับครอบครัวเพื่อนคุณแม่ที่รู้จักน้องมาตั้งแต่เด็กอย่างที่น้องถามมา หรือน้องจะไปขอวีซ่าแยกเดี่ยวเลยก็ได้ค่ะ หากน้องมีเงินในบัญชีธนาคารมากพอสมควรแก่การไปเที่ยวใช้บัญชีเงินฝากของน้องคนเดียวเป็นผู้ค้ำประกันได้ค่ะ แต่ถ้าคิดว่ามีเงินในบัญชีจำนวนน้อย น้องสามารถใช้บัญชีผู้ปกครองสนับสนุนร่วมด้วยได้ค่ะ
      2. ถ้าน้องยื่นเอกสารใกล้กันกับกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ของแฟน ให้น้องลองแจ้งหน้าที่ตรวจเอกสารว่า จะไปเที่ยวพร้อมกัน ขออนุยาตสัมภาษณ์พร้อมกันได้ไหมนะคะ อาจจะได้เข้าไปด้วยกันก็ได้ค่ะ
      3. ถ้าทำงานมานานหกเดือนแล้ว ถามว่าจะไปเที่ยวประมาณ 15วัน ได้ไหม ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ให้น้องลองถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของที่ทำงานน้องดูว่า น้องมีสิทธิ์ลาพักผ่อน 15 วันได้หรือไม่ ถ้าเขาตอบว่าได้ ก็น่าจะลองดูว่ามีกฎระเบียบบริษัทที่น้องจะสามารถถ่ายเอกสารไปเป็นหลักฐานหรือไปประกอบคำอธิบาย ถ้ามีการซักถามหรือไม่มั่นใจแล้วมีการถามขึ้นมาว่า บริษัทอนุญาตให้น้องลางานนาน 15 วันได้หรือ น้องจะได้มีเหตุผลให้ท่านกงสุลดูว่า น้องได้ใช้สิทธิของพนักงานบริษัทอย่างถูกต้องค่ะ

  • ตาล  On June 27, 2012 at 4:09 am

    รบกวนขอถามหน่อยค่ะ พอดีว่ากรอกข้อมูลจดหมดเรียบร้อยแล้วจนถึงหน้า confirmation ที่มีบาร์โค้ด แต่ไม่ได้ปรินท์ออกมาอ่ะค่ะ คอมพิวเตอร์ดับไปซะก่อน ทำัยังไงดีคะ? สามารถทำ esign ใหม่ได้ไหมคะ รบกวนด้วยค่ะ

    • govisa  On June 27, 2012 at 5:32 am

      น้องตาลคะ เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ https://ceac.state.gov/genniv/General/complete/complete_gettingstarted.aspx?node=GetStarted คลิก Retrieve Application แล้วใส่หมายเลข DS-160 Confirmation Number พร้อมรหัสทีเขาจะให้ใส่ คือ 5 ตัวอักษรแรกของนามสกุล ปีค.ศ.ที่เกิด และคำถาม-คำตอบที่น้องเลือกใช้เป็นรหัสตั้งแต่ต้น น้องจะสามารถเข้าไป print confirmation number ได้ใหม่ค่ะ ปัญหาอยู่ที่ว่า ได้ print หมายเลข Application Id.ออกมาหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ print ใช้วิธีจดไว้ก็ได้ หมายเลขของ Application Id. กับหมายเลข DS-160 Confirmation Number คือหมายเลขเดียวกัน ถ้าน้องไม่มีหมายเลขนี้ก็จะเข้าไป retrieve application ไม่ได้ค่ะ คงต้องกรอก DS-160 ใหม่นะคะ

  • Yim  On July 5, 2012 at 4:52 pm

    สวัสดีคะ
    ตอนนี้กำลังทำเรื่องขอต่ออายุวีซ่านักเรียนใหม่คะ กำลังกรอกข้อมูล DS-160 อยู่คะ แต่ตอนท้ายต้องใส่รหัส SEVIS แล้วไม่รู้ว่าจะต้องใส่รหัสอันไหน อันเก่าที่อยู่ใน I-20 ที่ถือมาด้วยใช่หรือไม่คะ เพราะขึ้นตอนบอกว่าต้องกรอก I-901 ด้วย แล้วในฟอร์มก็บอกว่าให้ใส่รหัส SEVIS ด้วยอ่ะคะ เพราะเท่าที่เข้าใจคือต้องกรอกและชำระ I-901 ก่อนถึงจะได้รหัส SEVIS ไม่ใช่หรอคะ คือตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะกรอก DS-160 เสร็จ นัดสัมภาษณ์ก็ยังไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถกรอก I-901 เสร็จอ่ะคะ แล้วจะชำระ I-901 ยังไงหรอคะ งงไปหมดแล้วอ่ะคะ รบกวนพี่ GOVISA ตอบหน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆคะ

    • govisa  On July 5, 2012 at 5:45 pm

      น้อง Yim คะ Sevis I-901 กับ N Number ที่อยู่เหนือบาร์โค้ดในหน้าแรกของ I-20 คือหมายเลขเดียวกันค่ะ ในแบบฟอร์ม DS-160 ออนไลน์เมื่อถึงตอนที่ให้กรอกหมายเลข Sevis ให้นำหมายเลขของ N000…. มาใส่ได้เลยค่ะ เมื่อกรอกฟอร์ม DS-160 เสร็จได้หมายเลขยืนยัน DS-160 ที่จะขึ้นต้นด้วย AA002ตามด้วยตัวอักษรผสมตัวเลข หากสังเกตให้ดีจะพบว่า หมายเลข DS-160 Confirmation Number กับหมายเลข Application ID คือหมายเลขเดียวกัน น้องจะเข้าไปนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าก่อนก็ได้ หลังจากกรอกฟอร์ม DS-160 เสร็จเรียบร้อบแล้วค่ะ พี่ทราบมาว่า คิวนัดวันสัมภาษณ์ยาวไปจนถึงเดือนสิงหาคมแล้วค่ะ ถ้าไ้ด้วันนัดสัมภาษณ์วีซ่าหลังวันที่ที่กำหนดให้เข้าประเทศสหรัฐฯ ให้น้อง Yim scan หน้าแรก I-20 พร้อมเขียนนอีเมล์เพื่อขอเร่งรัดวันสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้นไปที่ visasbkk@state.gov ค่ะ มีข้อแม้ในการทำเลื่อนวันนัดสัมภาษณ์ให้เร็วขึ้นนั้น น้องต้องมึเหตุผลไปเข้าประเทศสหรัฐฯไม่ทันวันเปิดเรียนจริงๆค่ะ ถ้าไม่มีเหตุผลมักจะไม่ได้รับการอนุญาตให้เลื่อนวันนัดสัมภาษณ์ค่ะ

      ส่วนการจ่ายค่า Sevis I-901จะจ่ายต่อเมื่อน้องกลับมาอยู่ประเทศไทยเกิน 5 เดือนค่ะ ถ้าเป็นนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนต่อเนื่องตลอด ไม่ต้องจ่ายค่า Sevis ใหม่ค่ะ แต่ถ้ามีการย้ายสถานที่เรียน ให้ติดต่อที่สถานที่เรียนเก่าให้ช่วยโอนย้ายหมายเลข Sevis ไปยังสถานศึกษาใหม่ด้วยค่ะ น้องสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานภาพของหมายเลข Sevis ของน้องว่ายังมีอายุอยู่หรือไม่ได้ที่ http://www.fmjfee.com คลิกเลือกที่ไอคอน check status ใส่หมายเลขตรง N Number ชื่อ นามสกุลของน้อง พร้อมวันเดือนปีเกิดก็จะตรวจสอบสถานะของน้องได้แล้วค่ะ

  • Yim  On July 5, 2012 at 6:37 pm

    ขอบคุณมากๆคะพี่ GOVISA
    ตอนนี้กรอกมาได้ถึงวันที่นัดสัมภาษณ์แล้วคะ แต่ว่ามีกำหนดกลับวันที่ 4 สิงหาคม แต่วันที่ว่างคือ วันที่ 2 สิงหาคม อย่างนี้ถ้าเลือกนัดวันนี้ก่อนแล้วค่อยสแกนหน้า I-20 ไปขอเร่งใช่มั้ยคะ แต่อีกอย่างคือ มหาลัยจะเปิดวันที่ 20 สิงหาคมอ่ะคะ ไม่รู้ว่าจะยังสามารถเอาเรื่องกำหนดเดินทางกลับมาใช้เป็นเหตุผลแทนได้มั้ยอ่ะคะ แต่กรอกมาถึงขึ้นตอนนี้ยังไงก็ต้องเลือกใช่มั้ยคะ หรือว่าค่อยรอดูไปเรื่อยๆว่าจะมีวันว่างก่อนหน้านั้นหรือไม่อ่ะคะ แล้วถ้าอีเมล์ไปทางที่พี่บอก พิมพ์เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษอ่ะคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

    • govisa  On July 5, 2012 at 7:35 pm

      น้อง Yim คะ น้องคงต้องเลื่อนตั๋วเครื่องบินค่ะ ถ้าน้อง scan I-20 ไปให้สถานกงสุลดู ถ้า scan หน้าแรก I-20 ไป จะเห็นชัดเจนว่าวันที่ที่ปรากฏอยู่บน I-20 กับวันนัดสัมภาษณ์วีซ่าที่ได้ ยังทำให้น้องเดินทางเข้าไปในสหรัฐฯได้ทันอยู่ค่ะ ถ้าน้องได้วันนัดสัมภาษณ์วันที่ 2 พอสัมภาษณ์เสร็จ ไปรับหนังสือเดินทางคืนเองที่ไปรษณีย์รองเมืองในวันที่ 3 สิงหาคม น้องยังสามารถเดินทางวันที่ 4 หรือวันที่ 5 สิงหาคม น้องยังมีเวลาเหลืออีกมากก่อนที่จะถึงวันที่ 20 สิงหาคมค่ะ พี่ขอแนะนำให้ตัดสินใจเลือกวันนัดสัมภาษณ์ที่พอหาได้ไปก่อนเถอะค่ะ เพราะเดี๋ยวจะไม่มีโอกาสได้เลือกค่ะ คนอื่นจะแย่งไปก่อนนะคะ และรีบเลื่อนตั๋วเครื่องบินออกไปเสีย เดี๋ยวที่นั่งจะเต็มอีกค่ะ

      การทำจดหมายขอ expedite เขียนเเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ถ้าน้องเคยได้วีซ่าแล้วและเข้าไปอยู่ที่สหรัฐฯมาก่อนแล้ว กงสุลยิ่งต้องมองภาพน้องว่าไม่ควรจะมีปัญหาภาษาอังกฤษค่ะ ลองอ่านเรื่องเกี่ยวกับการขอทำ expedite ได้ที่ http://bangkok.usembassy.gov/non-immigrant_visas/expedited-appointments.htm

  • Yim  On July 5, 2012 at 7:14 pm

    รบกวนอีกทีคะพี่ หรือว่ายังไม่ต้องนัดแต่ว่าอีเมล์ไปที่สถานกงสุลเลยคะ แล้วเป็นภาษาอะไรด้วยอ่ะคะ ขอบคุณคะ

    • govisa  On July 5, 2012 at 7:24 pm

      น้อง Yim ลองเข้าhttp://bangkok.usembassy.gov/non-immigrant_visas.html ดูวีดิโอการนัดวันสัมภาษณ์และการกรอกฟอร์มDS-160 ให้เข้าใจก่อนนะคะ น้องจะต้องทำรายการต่างๆให้เสร็จก่อนเมื่อทำแล้วได้วันนัดสัมภาษณ์ไม่เหมาะสม จึงจะขอเลื่อนวันให้เร็วขึ้นได้ค่ะ แต่ถ้าน้องอยากจะลองทำตามที่น้องเขียนมาถามพี่ก็ลองดูได้นะคะ ถ้าคำตอบคือให้กลับไปทำตามขัันตอนต่่างๆให้เสร็จก่อน ก็คงต้องปฏิบัติตามนั้นค่ะ

  • Koy  On August 16, 2012 at 7:21 am

    พี่คะ

    พอดีหนูได้วีซ่าท่องเที่ยวมา 10 ปี และต้องการเปลี่ยนเปนวีซ่านักเรียนที่อเมกา

    ถ้าหนูใช้วิธีต่อ I-20. แบบไม่ให้ขาดเลย
    และเวลาคิดถึงบ้านเมืองไทย หนูยังคงกลับมาเที่ยวเมืองไทยซัก 2 อาทิตและกลับมาอเมกาใหม่อีกได้ไหมคะ ???

    หนูเปนกังวลเรื่องไป – กลับเมืองไทยมากๆ เพราะกลัวไปเยี่ยมบ้านเมืองไทยแล้วกลับเข้าอเมกาใหม่ไม่ได้. เพราะต้องยื่นเรื่องขอวีซ่านักเรียนใหม่ที่เมืองไทยกลัวไม่ผ่านค่ะ. เพราะว่าเรามาเปลี่ยนสถานะวีซ่าที่อเมกาไปแล้ว

    ขอสอบถามตามนี้ขอบคุนค่ะ

    • govisa  On August 16, 2012 at 10:08 pm

      น้อง Koy คะ คำถามที่น้องถามมา พี่เข้าใจว่า น้องเดินทางเข้าไปในอเมริกาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และคงไปติดต่อที่เรียนที่ในอเมริกาได้ จึงทำการเปลี่ยนสถานภาพจากเป็นวีซ่านักเรียนด้วยการกรอก I-539 ใช่ไหมคะ ( http://www.uscis.gov/files/form/i-539.pdf) หรือจะอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ของ US Citizenship and Immigration Serviceห ก็ได้ค่ะ http://www.uscis.gov/portal/site/uscis/menuitem.5af9bb95919f35e66f614176543f6d1a/?vgnextoid=94d12c1a6855d010VgnVCM10000048f3d6a1RCRD&vgnextchannel=db029c7755cb9010VgnVCM10000045f3d6a1RCRD จะมีหัวข้ออฺบายการเปลี่ยน change status ของวีซ่า ซึ่งหลังจากกรอกฟอร์ม I-539 พร้อมเช็คจำนวน 290 US$ และเอกสารอื่นๆอาทิ สำเนาเอกสารการตอบรับจากสถานศึกษา ให้ส่งเอกสารทั้งหมดไปที่ When completing your Form I-539, please list your CNMI Post Office Box when asked for a street or physical address. Send all filings for employment or services in the CNMI, regardless of classification, to:

      California Service Center
      P.O. Box 10698
      Laguna Niguel, CA 92607-1098

      Send all courier/express deliveries to:

      California Service Center
      24000 Avila Road
      2nd Floor, Room 2312
      Laguna Niguel, CA 92677

      เท่าที่ทราบคือ ใช้เวลารอเรื่องอนุมัติ I-539 2 เดือนขึ้นไป เมื่อต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านที่ประเทศไทยให้ติดต่อ International Student Office ของสถานศึกษาที่น้อง Koy กำลังเรียนอยู่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของสถานศึกษาเซ็นต์ชื่อกำกับใน I-20 ด้วย เพื่อเวลากลับเข้าไปในสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ที่เป็น Immigration จะได้ทราบว่า การกลับมาเยี่ยมบ้านของน้องได้ดำเนินการถูกต้อง คือ มีเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนเซ็นต์รับทราบแล้ว และถ้าหากทำได้ อย่ากลัวเกินกว่าเหตุ ให้เข้าไปขอวีซ่านักเรียนที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาที่กรุงเทพให้เป็นเรื่องเป็นราวคือให้มี stamp วีซ่า F-1 ประทับอยู่ในหนังสือเดินทาง จะได้ไม่ต้องกังวลว่า เราอยู่ถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯไหม ส่วนการรักษาสถานภาพความเป็นนักศึกษาไว้ หมายความว่า ถึงแม้เราจะมีวีซ่านักเรียนที่มีอายุ 5 ปีแล้วก็ตาม เราก็ต้องลงทะเบียนเรียนต่อเนื่องอย่างน้อย 9 เดือน ถึงจะมีสิทธิ์ drop ไม่เรียนได้อย่างน้อย 1 เทอมค่ะ

  • Koy  On August 17, 2012 at 5:22 pm

    ขอบคุนมากเลยคะ่พี่สำหรับข้อมูล

    1: เท่ากับว่าหนูเปลี่ยนวีซ่าท่องเที่ยวที่อเมกาเปนวีซ่านักเรียน และมีการต่อ i20 อย่างต่อเนื่อง ก้อสามารถไปเมืองไทย (กรนีมีธุระจำเปน). และยังคงกลับไปอเมกาเพื่อเรียนต่อได้ตามปกติ ตามที่หนูเข้าใจใช่มั๊ยคะ;)??

    โดยที่หนูยังไม่ขอวีซ่านักเรียนใม่ที่เมืองไทย (กัวไม่ผ่าน) และยังคงใช้วีซ่านักเรียนเดิมที่ได้เปลี่ยนมาจากอเมกา ควบคู่กับi20.ที่สถาบันศึกษาเซนกำกับ. สำหรับ กลับเข้าไปอเมกาใหม่เพื่อเรียนต่อเหมือนเดิม

    2: ขออีกคำถามนะคะ
    จะยื่นทำวีซ่าท่องเที่ยวให้พ่ออายุ 63ปี ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างคะ กรนีผู้สูงอายุต้องใช้ใบรับรองประกันสุขภาพหรือไม่. ??

    และเอกสารแสดงสถานะทางการเงินต้องมีเท่าไหร่สามารถใช้บันชีของแม่(คู่สมรส)ได้หรือไม่??

    ช่วยแนะนำหน่อยค่ะจะให้พ่อทำไว้เพื่อไปเที่ยวเยี่ยมหนูที่นั่นบ้าง พอดีเรามีญาตเปนซิติเซ่นยู่ที่นั่นด้วยค่ะ

    • govisa  On August 17, 2012 at 7:13 pm

      น้อง Koy คะ
      1. น้อง Koy ต้องลงทะเบียนเรียนทุกเทอมและเป็นนักเรียนเต็มเวลา จึงจะเป็นการรักษาสถานภาพนักเรียนไว้ได้ค่ะ เมื่อกลับจากอเมริกามาเยี่ยมบ้าน น้องต้องไปขอวีซ่านักเรียนที่สถานทูตอเมริกาที่กรุงเทพให้ถูกต้องก่อนกลับเข้าไปในสหรัฐฯอีกครั้งค่ะ ทำไมถึงจะต้องกลัวว่าจะขอวีซ่านักเรียนไม่ผ่านล่ะค่ะ ถ้าน้องนำผลการเรียนหรือ Transcript กลับมาด้วยพร้อมทั้งแสดงฐานะทางการเงินของคุรพ่อคุณแมที่เป็น sponsor วีซ่าก็น่าจะผ่านนะคะ
      2. พ่อจะขอวีซ่านักท่องเที่ยวใช้เอกสารทางการเงิน เช่น จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของพ่อเองพร้อมบุ๊คบัญชีเงินฝากตัวจริง หากพ่อเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้บริษัทที่พ่อทำงานด้วยออกจดหมายรับรองการทำงานและเงินเดือนของพ่อไปด้วยค่ะ แต่ถ้าพ่อเกษียณแล้วก็ต้องแสดงฐานะทางการเงินที่มากพอสมควร เช่น มีเงินในบัญชีธนาคารประมาณ 5 แสนบาทขึ้นไป พ่อสามารถใช้บัญชีของแม่ช่วยเป็น sponsor เพิ่มได้ค่ะ ใบประกันสุขภาพไม่ได้ใช้นะคะ ญาติอาจส่งจดหมายเชิญมาให้ไปพัก และไปเที่ยวด้วยกันก็ได้ค่ะ หากพ่อและแม่มีเงินในบัญชีธนาคารมาก ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้จดหมายเชิญจากญาติค่ะ

  • Koy  On August 18, 2012 at 9:50 am

    คือหนูต้องการเรียนภาษาสัก 1-2 ปีก่อนอ่ะค่ะ ญาตที่เปนซิติเซ่นยู่ที่นั่นก้อเลยแนะนำให้เปลี่ยนเปนวีซ่านักเรียนที่อเมกา เค้าบอกไม่ต้องทำวีซ่านักเรียนใม่ที่เมืองไทย เพราะเสียค่าใช้จ่ายเยอะกว่า (ทำผ่านเอเจนซี่). ให้เปลี่ยนมี่อเมกาแล้วเรียนไปเลย

    ความหมายของหนูคือ อยากรู้ว่าถ้าระหว่างที่เรียนภาษายู่ที่นั่น กรณีเปลี่ยนเปนวีซ่านักเรียนที่อเมกาแร้ว หนูจะไปและกลับเมืองไทยได้ตามปกติหรือไม่ (กรนีมีธุระจำเปนต้องกลับมาเมืองไทย) ทั้งที่เรามี f1+i20 ควบคู่กันไป. แสดงให้อิมมิเกชั่นดู….??

    • govisa  On August 18, 2012 at 12:58 pm

      น้อง koy การขอวีซ่านักเรียนที่เมืองไทยเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า 5,120 บาทค่ะ ส่วนค่า Sevis I-901 สำหรับนักศึกษาต้องเสียทุกคนจำนวน 200 US$ แม้ว่าน้องจะทำการเปลี่ยนสถานภาพที่สหรัฐอเมริกาก็ต้องจ่ายค่า Sevis I-901 จำนวน 200 US$ ค่ะ

      ถ้าจะพูดว่าการทำวีซ่านักเรียนที่เมืองไทยเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าที่อเมริกาเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องค่ะ เพราะการที่น้องต้องจ่ายค่าเปลี่ยนสถานภาพน้องต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนจำนวน 290 US$ มากกว่าค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียนที่เมืองไทย (http://bangkok.usembassy.gov/niv_howtoapply.html#step 6) เมืองไทยจ่ายค่าวีซ่า 160 US$ หรือ 5,120 บาทค่ะ ถ้าน้องไม่ต้องการทำผ่านเอเจนซี่ที่เมืองไทยซึ่งคิดเงินค่าบริการถูฏแพงแล้วแต่เอเจนซี่ พี่แนะนำให้น้องไปติดต่อศูนย์ EducationUSA ที่ประเทศไทย ซึ่งเขามีบริการฟรีในการติดต่อ http://www.educationusa.info/Thailand#.UC8szd3N968 ดูชื่อศูนย์แล้วโทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่เขาเพื่อขอความช่วยเหลือนะคะ ศูนย์ EducationUSA อยู่ภายใต้การกำกับและดูแลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐซึ่งให้บริการที่ถูกต้องและมีความน่าเชื่อถือได้ค่ะ มิเช่นนั้นรัฐบาลสหรัฐฯเขาจะเสียชื่อเสียงได้นะคะ

      ส่วนที่บอกว่า เมื่อเปลี่ยนสถานภาพวีซ่าที่อเมริกาแล้วเวลากลับมาเยี่ยมบ้าน ไม่ต้องกลับเข้าไปขอวีซ่านักเรียนที่สถานทูตสหรัฐฯอย่างเป็นทางการนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ เพื่อให้การเดินทางกลับเข้าไปในสหรัฐอเมริกาของน้องต้องถูกอิมมิเกรชั่นในสหรัฐฯซักถามมากมาย น้องควรอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการขอวีซ่านักเรียนให้เรียบร้อยก่อนเดินทางกลับเข้าไปในประเทศศหรัฐฯอีกครั้งค่ะ ขอให้มีประทับตราในหนังสือเดินทางว่า น้องได้รับวีซ่านักเรียนถูกต้องเรียบร้อยค่ะ

      หากมีความสงสัยว่าข้อมูลที่พี่ให้จะไม่ถูกต้อง รบกวนน้องอีเมล์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯที่ visasbkk@state.gov ค่ะ

  • Koy  On August 20, 2012 at 8:35 pm

    เท่ากับว่าถึงเราจะมีวีซ่านักเรียน F1 ที่เปลี่ยนสถานะมาจากอเมริกา (ได้อายุวีซ่า5ปียังไม่หมดอายุ)
    และ i20 ที่ต่ออายุครอสเรียนแล้ว เมื่อบินกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย 2 อาทิตย์
    และบินกลับอเมริกาไปเรียนต่อเหมือนเดิมทั้งที่ i20 ไม่ขาด

    เราก้อต้องขอวีซ่านักเรียนที่เมืองไทยไปอเมริกาใม่อีกครั้งใช่ไหมคะ???
    ทั้งที่วีซ่านักเรียนยังไม่หมดอายุ

    • govisa  On August 20, 2012 at 10:29 pm

      ที่น้อง koy บอกว่า ถึงเราจะมีวีซ่านักเรียน F-1 แปลว่า ตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานภาพจากวีซ่านักท่องเที่ยวเป็นนักเรียบนได้เรียบร้อยแล้วหรือยังคะ ถ้าทำได้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว พี่ก็อยากจะแนะนำให้ลองสอบถามเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของสถานะวีซ่าน้องในเวลาปัจจุบันกับเจ้าหน้าที่ 2 หน่วยงานคือ

      1. เจ้าหน้าที่ในแผนก International Student Office ของมหาวิทยาลัยน้องดูอีกครั้งว่า น้องควรจะต้องกลับมาทำวีซ่านักเรียนจากประเทศไทยอีกหรือไม่นะคะ
      2. ควรสอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพด้วยอีกคนเป็นความคิดเห็นที่ 2 เพื่อจะได้ทำให้ถูกกฎหมาย ถ้าเป็นกังวล ลองโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หน่วยงาน EdducationUSA ประจำสถานทูตสหัฐฯที่กรุงเทพตามเว็บไซต์นี้นะคะ http://www.educationusa.info/centers.php?id=1158

      น้อง Koy จะได้สบายใจว่า เราไม่ได้ทำผิดอะไรค่ะ ที่พี่ให้คำตอบเช่นนี้ เพราะถ้าน้องอ่านจากเว็บไซต์ของ U.S. Citizenship and Immigration Services: http://www.uscis.gov/portal/site/uscis/menuitem.5af9bb95919f35e66f614176543f6d1a/?vgnextoid=f0df81a19d68a210VgnVCM100000082ca60aRCRD&vgnextchannel=e34c83453d4a3210VgnVCM100000b92ca60aRCRD

      จะมีคำอธิบายว่า หากน้องเคยลงทะเบียนเรียนระหว่างที่ถือ B2 visa น้องจะไม่สามารถเปลี่ยนสถานะวีซ่าเป็นวีซ่านักเรียนที่สหรัฐฯได้ค่ะ ลองคิดกันเล่นๆดูนะคะ หากการขอเปลี่ยนสถานภาพวีซ่าจากนักท่องเที่ยวเป็นวีซ่านักเรียนทำกันได้ไม่ยากในประเทศสหรัฐฯ คงมีคนใช้วิธีการนี้กันมากมายค่ะ และฝากเว็บไซต์นี้ไว้ให้อ่านด้วยว่า เว็บไซต์ U.S.Citizenship and Immigration Services ก้แนะนำให้นักศึกษาที่มีปัญหาติดต่อสอบถามหน่วยงาน EducationUSA ในประเทศของตนค่ะ http://www.ice.gov/sevis/becoming_nonimmigrant_student_52007.htm#_Toc129683768

      ” 3.6. Is there an organization outside the United States that can assist nonimmigrants that want to study in the United States?
      Yes. In many countries, there are free Education USA centers (associated with the U.S. DoS) that advise prospective international students and other audiences on higher education and study opportunities in the United States.
      In addition, the DoS has a website at http://www.educationusa.state.gov that provides information on attending United States colleges and universities. This website provides detailed information on searching for U.S. schools, costs, and application processes.
      Also, private businesses in many countries offer assistance to prospective international students. The U.S. government does not sanction these services. Prospective nonimmigrant students must use them at their own discretion.”

      ขอให้น้อง Koy ได้รับคำตอบที่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯตามเว็บไซต์ที่พี่ให้ไว้นะคะ

  • memaemay  On August 22, 2012 at 3:56 pm

    สอบถามค่ะ ถ้าเกิดเรามีคอนโดให้เค้าเช่า เราสามารถเอาทะเบียนบ้านซึ่งเราเป็นเจ้าบ้านไปเป็นหลักฐานที่ช่วยสนับสนุนการให้วีซ่าเราได้ไหมคะ (วีซ่าท่องเที่ยว) แต่ว่าชื่อในทะเบียนบ้านกับชื่อปัจจุบันคนละชื่อจะมีปัญหารึเปล่าคะ เพราะเปลี่ยนชื่อมา รบกวนตอบหน่อยคะ ขอบคุณค่ะ

    • govisa  On August 22, 2012 at 7:28 pm

      น้อง Memaemay คะ น้องสามารถนำหลักฐานทะเบียนบ้านและหลักฐานการซื้อและเป็นเจ้าของคอนโดไปให้กงสุลดูได้ค่ะ ถ้าชื่อไม่ตรงกันเพราะมีการเปลี่ยนชื่อ น้องควรนำใบเปลี่ยนชื่อพร้อมใบแปลเปลี่ยนชื่อที่รับรองสำเนาถูกต้องจากกรมกงสุลติดตัวไปด้วยนะคะ

      อนึ่ง แม้น้องจะนำหลักฐานการเป็นเจ้าของคอนโดไปแสดงประกอบ แต่หลักฐานหลักๆที่กงสุลให้ความสำคัญคือเงินในบัญชีธนาคารค่ะ ควรจะมีเงินในบัญชีที่เพียงพอจะไปเที่ยวได้นะคะ

  • Ohhhhhh  On August 29, 2012 at 3:21 pm

    รบกวนถามค่ะ เรื่อง Pin ที่ว่าใช้ได้ 5 คนต่อ Pin ค่ะ (เป็นพี่น้อง นามสกุลเดียวกันค่ะ)
    1.ไม่ทราบคนละวีซ่าได้ป่าวคะ คือจะนัดเวลาทั้งวีซ่านักเรียน และท่องเที่ยวอ่ะค่ะ
    2.ถ้าได้ คือตอนนี้นัดเวลาของวีซ่าท่องเที่ยวไปแล้วค่ะ ก็สามารถเข้าไปทำต่อของวีซ่า นร.ได้เลยใช่มะคะ และจะขอวันที่เดียวกันเลยได้รึเปล่าคะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On August 29, 2012 at 8:30 pm

      น้อง Ohhhhh คะ

      1. พี่น้องเกิดจากพ่อแม่เดียวกันนามสกุลเดียวกันอยู่ทะเบียนบ้านเดียวกันสามารถใช้พินเดียวกันและขอวีซ่าคนละประเภทได้ค่ะ

      2. กรณีที่ถามมาใช้วันนัดเดียวกันกับท่องเที่ยวค่ะ ตอนที่นัดวัสัมภาษณ์จะมีรายการหนึ่งให้เลือกระหว่าง Add family member กับ Skip family member ให้น้องเลือก Add family member และใส่ชื่อคนที่จะขอวีซ่าร่วมด้วยในวันนั้นค่ะ ลอง log in เข้าไปและลองเข้าไปแก้ไข File ของน้องว่า จะย้อนกลับเข้าไปใส่ชื่อ family member ได้ไหมนะคะ ถ้ามีปัญหาก็คงต้อง delete วันนัดสัมภาษณ์ทิ้งไปก่อนและ reschedule วันนัดสัมภาษณ์ใหม่ ตอนก่อนจะถึงหน้าปฏิทินนัด จะมีรายละเอียดให้เรากรอกชื่อนามสกุล ประเภทวีซ่า หมายเลขโทรศัพท์และอีเมล์ในการติดต่อ หลังจากนั้นจะมีข้อความ 2 ข้อความให้เลือกคือ Add family member กับ Skip family member ที่จริงน่าจะใช้ประโยชน์จากคิวนัดวันสัมภาษณ์วีซ่านักเรียน เพราะถ้าเราจองในคิววันนัดสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนจะเห็นว่า คิวนัดวันสัมภาษณ์ของนักเรียนมีมากกว่า โดยเรากรอกข้อมูลของคนเป็นนักเรียนก่อนและกรอกข้อมูลของคนอื่นตามหลัง พอคลิกไปถึงหน้าคิวนัดของนักเรียน จะเห็นวันที่สีเขียวมีให้เลือกมากกว่าวันของวีซ่านักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจะต้องไปจองในช่วงที่คิวจองวันนัดสัมภาษณ์หนาแน่นมากๆค่ะ

  • Ohhhhhh  On August 30, 2012 at 5:36 pm

    ขอบคุณคร่า ลองทำแล้วค่ะ ย้อนไป edit ได้ แต่เขาให้เลือกวันใหม่หมดเลยค่ะ ..ของเก่าพี่สาวที่ทำไว้ก็เลยไม่เพิ่มเติมดีกว่า ก็เลยจะซื้อ พินใหม่ สำหรับ วีซ่านักเรียน และท่องเที่ยว ของพ่อแม่ แต่มีคำถามอีกค่ะ ไม่ทราบว่า DS160 ต้องกรอกทุกคนเลยมั๊ยคะ (นักเรียน1ท่องเที่ยว2 สำหรับพ่อแม่)

    • govisa  On August 30, 2012 at 9:43 pm

      น้อง Ohhhhh ทุกคนที่จะขอวีซ่าต้องกรอกฟอร์ม DS-160 ค่ะ พอกรอกของทุกคนเสร็จ ให้ทำคิวนัดวันสัมภาษณ์ โดยกรอกของน้องที่จะเป็นวีซ่านักเรียนเป็นคนทำคิวนัดคนแรก และพอถึงคำถามที่จะให้ Add family name ค่อยใส่เรียงทีละคนจะเป็นชื่อคุณพ่อก่อนหรือคุณแม่ก่อนก็ได้ค่ะ ที่จริงเสียดายเงินค่าพินอันเก่ายังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงวันนัดได้อีกสองครั้งนะคะ ถ้าจำเป้นต้องเลือกวันใหม่ก็ลองคลิกดูว่า จะมีวันที่ถูกใจไหมนะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและความสบายใจของน้อง Ohhhhh นะคะ

  • Ohhhhhh  On September 3, 2012 at 12:38 pm

    ขอบคุณคร่า ทำตามนี้และเกิดข้อข้องใจต่ออีกค่ะ ตอนนี้กำลังจะซื้อ พินใหม่เพือ่ทำตามที่พี่แนะนำเลยค่ะ ให้เลือกวันของนักเรียนก่อน แต่หนูลืมบอกไปว่า พ่อกับแม่ จะทำเผื่อไว้ก่อนอ่ะค่ะ(จะสัมภาษณ์วันเดียวกันใช้พินเดียวกัน) แต่ไม่ได้เดินทางวันเดียวกัน คือจะไปเยี่ยมทีหลังอ่ะค่ะ มันเลยเกิดปัญหาตรงที่ว่า DS160ของพ่อกับแม่ต้อง ลงที่อยู่ที่พัก และวันสัมภาษณ์ตอ้งใช้ใบจองจริงเลยหรอคะ เพราะจะยังไม่จองที่พักอ่ะค่ะ พอได้มั๊ยคะ

    • govisa  On September 3, 2012 at 8:10 pm

      น้อง Ohhhhh คะ การกรอกฟอร์ม DS-160 ของพ่อแม่ ใส่ที่อยู่เป็นชื่อโรงแรมได้ค่ะ โดยบอกว่าจะ accompany น้องไปส่งน้องที่มหาวิทยาลัยก็ได้นะคะ พ่อกับแม่และน้องอาจจะไปกับทัวร์เที่ยวแคลิฟอร์เนียด้วยกันก่อนก็ได้แต่ไม่กลับพร้อมทัวร์ โดยพ่อกับแม่อาจจะไปส่งน้องและกลับเองทีหลังก็ได้ค่ะ แล้วแต่น้องและพ่อกับแม่น้องจะเลือกใช้เหตุผลอะไรที่พอจะมีความเป็นไปได้ในกรณีของน้องค่ะ เมื่อได้รับวีซ่าแล้ว พ่อแม่อาจจะเปลี่ยนใจยังไม่เดินทางจะเดินทางไปวันเดียวกับน้อง เพราะติดธุระ อาจจะเดินทางไปทีหลังน้องก็ได้ค่ะ เพราะวีซ่าท่องเที่ยวมีอายุ 10 ปีค่ะ ที่พักขอให้ลอง search ดูจากในอินเทอร์เน็ตว่าอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของน้องมากนักก็ได้ค่ะ ในวันสัมภาษณ์ไม่ต้องแสดงหลักฐานการจองโรงแรม แสดงหลักฐานว่า มีเงินมากพอที่จะอุปการะน้องและไปเที่ยวค่ะ

  • nana  On September 21, 2012 at 7:58 am

    สวัสดีค่ะนานาขอรบกวนถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะจากวีซ่าท่องเที่ยวเป็นวีซ่าถาวรคือยื่นเรื่อง20/8/12ขณะที่วีซ่าจะหมดอายุ 30/9/12 โดยยื่นฟอร์ม I130-I485 ไปพร้อมกันน้องสาวเป็นซิติเซ็นยื่นเป็น F4 และตอนนี้ไม่ทราบว่าควรจะกลับเมืองไทยก่อนที่วีซ่าจะหมดอายุหรือเปล่าเพราะไม่อยากอยู่แบบไม่ถูกต้องค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ

    • govisa  On September 21, 2012 at 9:31 pm

      น้องนานาคะ เท่าที่ทราบคือ การขอ F-4 visa ต้องใช้เวลาซึ่งแต่ละ case จะใช้เวลาไม่เท่ากัน ข้อมูลของ F-4 visa ที่พี่หรือน้องที่เป็น US Citizen จะสามารถขอให้พี่หรือน้องที่ยังไม่ได้สมรสได้วีซ่าถาวร บางท่านต้องรอ 10 ปีขึ้นไปก็มีค่ะ http://travel.state.gov/visa/immigrants/types/types_1306.html

      พี่ขออนุญาตคัดลอกข้อความเรื่องระยะเวลาในการรอการได้รับ F-4 visa จากเว็บไซต์ที่ให้ไว้ข้างต้นค่ะ
      How Long Does it Take?
      Family preference immigrant visa cases take additional time because they are in numerically limited visa categories. The length of time varies from case to case and cannot be predicted for individual cases with any accuracy. Some cases are delayed because applicants do not follow instructions carefully. Some visa applications require further administrative processing, which takes additional time after the visa applicant’s interview by a consular officer.

      ดังนั้นถ้าน้องทำผ่านทนายในประเทศสหรัฐอเมริกา ลองปรึกษาทางทนายความในสหรัฐอเมริกาดูอีกครั้งว่า ต้องใช้เวลารอนานประมารเท่าไร สมควรที่น้องจะอยู่รอ หรือกลับมารอที่ประเทศไทยค่ะ ดูจากวันที่วีซ่าของน้องกำลังจะหมดอายุคงไม่ทันกับวันที่วีซ่า F-4 ของน้องจะออกมาแน่นอนค่ะ คำถามที่ว่าจะรออยู่ในสหรัฐฯหรือกลับมารอที่ไทย มีความเสี่ยงเท่ากัน เพราะถ้ารอที่ในสหรัฐฯ แต่ถ้าน้องไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสถานภาพ น้องต้องรีบเดินทางออกมานอกประเทศสหรัฐทันที ถ้าพิจารณาจากวันหมดอายุใน I-94 ก็จะถือว่าน้องอยู่อย่าง overstay ผิดกฎหมาย ดังนั้นถ้าต้องการกลับเข้าไปในสหรัฐฯอีกครั้ง น้องก็ต้องเก็บหลักฐานเกี่ยวกับการยื่นขอเปลี่ยนสถานภาพจากวีซ่านักท่องเที่ยวเป็น F-4 visa พร้อมทั้งเก็บหลักฐานจดหมายที่ทางหน่วยงานในสหรัฐฯไม่อนุญาตให้น้องเปลี่ยน status ไว้ด้วย เพื่อทางเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นที่ Port of Entry จะได้เข้าใจว่า ที่จริง น้องอยู่รอฟังคำตอบการเปลี่ยน status ไม่ได้คิดจะอยู่ overstay ค่ะ เพื่อความปลอดภัย ควรยอมจ่ายเงินปรึกษาทนายความที่น่าเชื่อถือในสหรัฐอเมริกาดีกว่าค่ะ

  • นวรัตน์  On September 25, 2012 at 11:54 am

    กดปุ่มsign and submit ไม่ได้ทำยังไงคะ

    • govisa  On September 25, 2012 at 7:14 pm

      น้องนวรัตน์คะ น้องลอง back กลับไป และกดกลับมาที่หน้าเดิมอีกครั้ง ลองทำซ้ำสักสองสามทีนะคะ พี่เคยเจอปัญหาแบบเดียวกับน้องลองทำแบบที่อธิบายมาแล้วกด sign and submit ได้ค่ะ ถ้าไม่ได้จริงๆลองคลิก save แล้วไปเปิดกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น คลิก Retrieve Application จะได้หน้าที่กรอกค้างไว้แล้วลองคลิก sign and submit ดูอีกครั้งค่ะ ถ้ายังไม่ได้อยู่อีก คงต้องกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ค่ะ

  • ben  On October 21, 2012 at 2:20 pm

    สวัสดี
    ดิฉันตามอ่านคุณ govisa เเต่ต้นจนจบ ได้ความรู้มากมาย (ชื่นชมความมีน้ำใจมาก คะ)
    ดีฉันมีคำถามเล็กน้อยคะ คือดิฉัน จะขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา
    กำลังจะซื้้อ pin นัดสัมพาด

    สิ่งที่ดิฉันกังวลคือ
    ดิฉันจะไปท่องเที่ยวคนเดียว ประมาณสามอาทิตย์
    เเต่ว่าสามีดิฉันเป็นคนอังกฤษ เราเเต่งงานกันสิบเอ็ดปีเเล้วคะ
    ดิฉันอายุ 40 ปี ใช้นามสกุลสามี
    มีใบทดทะเบียนสมรส (ใบจริงหายเเล้วคะ) เเต่มีใบยื่นยัน
    เเล้วสามีไม่ได้ไปด้วย ไม่ได้เป็นสเปอร์เซอร์ให้
    เเบบนี้ท่างกงศุลจะคิดทางไม่ดีไม๊คะว่าทำไมสามีไม่ไปด้วย
    เเล้วทางกงศุลจะถามหา สำเนาพาสปอร์ตของคุณสามีไม๊คะ

    ดิฉันมัหลักฐานคือ
    โฉนดบ้านที่เป้นชือดิฉันก่อนเเต่ง (นามสกุลเดิม)
    พาสปอร์ต์ที่ได้เเก้ไขนามสกุลสามีเเล้ว (เล่่มเก่า) เพิ่งไปทำเล่มใหม่มาเมือเดือนเเล้ว
    ทะเบียนการค้า
    โลโก้การค้า
    บัญชีเงินฝาก
    ใบทะเบียนสมรส

    กังวลคะ กลัวว่าท่านกงศุลจะถ่ามหรือขอหลักฐานของสามี เพราะคุณสามีเค้าหวงของเค้ามาก ๆไม่อยากไปรบกวนเค้าค๊า

    กราบพระคุณสำหรับคำตอบนะคะ

    • govisa  On October 21, 2012 at 9:34 pm

      คุณ Ben คะ ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับการให้กำลังใจมา ณ ที่นี้ค่ะ

      ในการสอบสัมภาษณ์วีซ่านั้น ถ้าเราสามารถแสดงให้ท่านกงสุลเห็นว่า เรามีหลักฐานที่ดีและมั่นคงในบ้านเกิดเมืองนอนของเราเอง เราวางแผนไปเที่ยวแล้วกลับมาประเทศของเรา ไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสหรือหาช่องทางไปอยู่ที่โน่นกับญาติหรือคนรู้จัก ส่วนใหญ่แล้วจะวีซ่าผ่านแน่นอนค่ะ กรณีของคุณ Ben จดทะเบียนสมรสกับชาวอังกฤษและประกอบอาชีพด้วยกันที่ประเทศไทยใช่ไหมคะ ถึงแม้ว่าว่าสามีจะหวงหลักฐาน แนะนำให้คุณ Ben ขออนุญาตถ่ายสำเนาหนังสือเดินทางของสามีติดมือไปด้วยก็คงจะดีไม่น้อยค่ะ พี่เคยมีคนรู้จักเป็นสตรีอายุประมาณ 58-59 ปี ไปขอวีซ่าท่องเที่ยว เขาเล่าให้ฟังว่า กงสุลขอดูบัญชีของสามีว่ามีรายรับเท่าไร แต่เขาไม่ได้นำสำเนาบัญชีเงินฝากของสามีเข้าไป เพราะสามีหวงเอกสารเช่นกันค่ะ และเขาค้ำประกันตัวเองจึงคิดว่า ไม่เป็นไรถ้าจะไม่เอาสำเนาเอกสารทางการเงินของสามีไปค่ะ ปรากฏว่าคุณผู้หญิงคนนั้นไม่ผ่านวีซ่าค่ะ อย่างไรก็ตาม ตอนหลังพี่เพิ่งทราบว่า คุณผู้หญิงท่านนั้นเคยเข้าไปเที่ยวในประเทศสหัฐฯและมีหลักฐานการอยู่เกินเวลาที่กองตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯกำหนดไว้ค่ะ พี่จึงคิดว่า คงจะไม่ใช่หลักฐานทางสามีเพียงอย่างเดียวนะคะ

      นอกจากนี้ให้คุณ Ben เตรียมตอบคำถามที่อาจมีไปเกี่ยวข้องกับสามีอยู่บ้างนะคะ เช่น สามีคุณประกอบอาชีพอะไร มีรายรับประมาณเท่าไรต่อปี มีลูกด้วยกันไหม ถ้ามีลูกด้วยกัน อาจจะได้รับคำถามว่า ลูกอายุเท่าไร ใครจะดูแลระหว่างที่คุณ Ben ไปเที่ยว ตัวอย่างคำถามเหล่านี้อาจจะมีถามหรืออาจจะไม่ถามเลยก็ได้ แต่ให้คุณ Ben เตรียมซ้อมตอบคำถามไว้บ้างก็ดีนะคะ จะได้ไม่ประหม่าเวลาเผชิญกับสถานการณ์จริงค่ะ ส่วนหลักฐานของทางฝั่งสามี พูดถึงกรณีของสามีคนไทยของคนอื่นนะคะ บ้างก็จะถ่ายเอกสารหน้าหนังสือเดินทางของคุณสามีไปด้วย หรือถ้าสามีมีวีซ่าท่องเที่ยว 10 ปีจะถ่ายเอกสารไปด้วย เพราะบางท่านบอกว่าจะไปเที่ยวกับสามีๆมีวีซ่าแล้วแต่ตัวเองยังไม่มี เป็นต้นค่ะ

      หลักฐานที่คุณ Ben เขียนมาให้ดูนั้นถูกต้องใช้ได้แล้วค่ะ ขอเพิ่มสำเนาหนังสือเดินทางสามี และให้คุณ Ben ทำรายการสถานที่ที่วางแผนจะไปเที่ยวในสามอาทิตย์ไว้ด้วยก็ดีค่ะ เผื่อถูกถามจะได้บรรยายได้ว่า จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างค่ะ ถ้าคุณ Ben เคยมีประสบการณ์ไปเที่ยวที่ประเทศอื่นคนเดียวมาก่อนหน้านี้แล้ว กงสุลท่านก็จะเชื่อว่า คุณ Ben จะไปเที่ยวสหรัฐอเมริกาเองคนเดียวก็น่าจะทำได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณ Ben ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีระดับหนึ่งอยู่แล้วเพราะแต่งงานกับชาวต่างชาติ ดังนั้น กงสุลท่านคงจะมั่นใจได้ว่า ถ้าคุณ Ben จะไปเที่ยวคนเดียวคงจะเอาตัวรอดได้ค่ะ

  • ben  On October 21, 2012 at 10:07 pm

    กราบขอบพระคุณมาก ๆคะ สำหรับคำเเนะนำ

    ดิฉันต้องยอมเเพ้เเน่ ๆ คะ ถ้าท่านกงสุนขอสำเนาพาสปอร์ตของคุณสามี เพราะเเกจะไม่ให้เเตะอะไรของเเกเลยคะ

    คุณสามี early retire ตั้งเเต่มาเที่ยวไทยใหม่ๆ (เมื่อ 11-12ปีก่อน เเล้วเจอดิฉันหลังจาก เเบคเเพคมาไทยได้เเค่สองอาทิตย์

    สามีไม่ได้ทำงานคะ ตอนนี้อยู่ไทยด้วยวีซ่าเกษีรณ์คะ (เพิ่งเปลี่ยนจากวีซ่าดูเเลภรรยาไทย)
    ธุรกิจที่ทำเป็นของดิฉันเองคะ ทะเบียนการค้าก็เป็นชือดิฉันคนเดียวคะ (สามีไม่เเตะอะไรเลย เเกกลัวมาก ๆเพราะเค้าไม่มีเวิรค์เพอร์มิทเเต่ไหนเเต่ไรเเล้วคะ เเกอยู่เฉยๆ จริงๆคะ กินเงินเก่า ยังไม่ได้เงินจากรัฐบาลอังกฤษคะ)

    ไม่มีบุตรด้วยกันคะ เเต่เเค่บอกเค้าว่าอยากไปเที่ยว เค้าไม่อยากไป เลยต้องไปคนเดียวอะคะ

    ทั้งหมดนี้ ก็จะลองขอวีซ่าดูคะ ผ่านก็ไป ไม่ผ่านก็อยู่บ้านเรา เที่ยวเเทบเอเชีย อิอิ
    (ตอนนี้ ดิฉันได้ทำการกรอกเเบบฟอร์มใหม่เเล้วคะ ขอไปเเค่สองอาทิตย์)

    ขอบพระคุุณพี่ govisa มาก ๆคะ

    • govisa  On October 22, 2012 at 5:23 am

      ขอเอาใจช่วยค่ะคุณ Ben ถ้าคุณมีโอกาสที่จะได้ไปเที่ยวอเมริกาก็คงจะได้ไปค่ะ อย่าคิดอะไรมาก และก็อย่าเพิ่งท้อแท้ ลองติดรูปที่เคยถ่ายด้วยกันในวันและเวลาที่แตกต่างกันไปติดไปในกระเป๋าถือด้วยเผื่อให้กงสุลเห็นว่า เราอยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้วค่ะ โชคดีนะคะ ได้ผลวีซ่าเป็นอย่างไร ส่งข่าวมาให้ทราบบ้างนะคะ

  • ben  On October 22, 2012 at 9:39 am

    คะ พี่ govisa ขอบพระคุณมาก ๆ คะ
    ยังไงดิฉันจะนัดจองสัมพาดเร็วๆ นี้ (ถ้ามี)
    เเล้วจะมาอัพเดรทนะคะ ผ่านหรือไม่ผ่านวีซ่า จะมาเจ้งให้ทราบคะ
    ขอบพระคุณมาก ๆคะ

    • govisa  On October 23, 2012 at 6:00 am

      หากคุณ Ben มีข้อสงสัย และคิดว่าคำตอบที่พี่ให้พอจะช่วยทำให้คุณ Ben เข้าใจและสบายใจในเรื่องวีซ่าลงได้บ้าง พี่ก็ยินดีช่วยคุณ Ben เสมอค่ะ

      • ben  On October 24, 2012 at 5:36 pm

        คะพี่ ขอบพระคุณมากๆ คะ

        พี่คะ นู๋ไปนัดจองสัมพาดเเล้วคะ เเต่ที่บ้านไม่มีปริ้นเตอร์

        เราสามารถพิมจากอีเมล์ที่ระบบทางเวปนัดจองส่งมาให้ได้ไม๊คะ หัวข้ออีเมล์ทีส่งมาให้ทางเมล์เรา ว่า การยืนยันการนัดหมายจากบริการข้อมูลวีซ่า

        พิมจากทางอีเมล์นี้ได้ไม๊คะ ถ้าไม่ได้จะต้องทำอย่างไรคะ นัดไปเเล้ว เเต่ไม่สามารถพิมพ์เเบบฟอร์มนั้นได้คะ

        ขอบพระคุณมาก ๆคะ

      • govisa  On October 24, 2012 at 8:39 pm

        น้องสามารถ Print จากอีเมล์เรื่องวันนัดสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ

  • ben  On October 24, 2012 at 8:18 pm

    อ้อตอนนี้ ตารางสัมพาดวางมาก ๆคะ ตุลามีปลายสามวัน พฤจิกายนว่างเกือบทุกวันค๊า

    • govisa  On October 24, 2012 at 8:33 pm

      ขอบคุณมากค่ะน้อง Ben ที่เขียนมาบอกตารางวันนัดสัมภาษณ์ที่ว่างให้เพื่อนๆนะคะ ขอให้ความดีที่น้องทำส่งผลให้น้องผ่านวีซ่าค่ะ

  • ben  On October 24, 2012 at 9:40 pm

    พี่่ govisa คะ น้องขอนัดสัมภาษณ์วันที่ 30 พฤจิกายนนู้นเลยคะ
    เพราะน้องลงวันที่อยากไป 20 ธันวาเลย ขอท่องเที่ยว 2อาทิตย์คะ
    เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้น น้องไม่ได้คาดหวังอะไรเยอะคะ ถ้าท่านกงสุนอนุญาต น้องก็ได้ไปเที่่ยวดิสนี่เวิลด์ …. ให้รางวัลกับตัวเองในช่วงเทศกาลปีใหม่

    เเละน้องก็ประทับใจพี่ govisa มาก ๆ คะ
    น้องขอให้สิ่งดี ๆ ที่พี่สะสมมา สื่งนี้ ที่พี่ช่วยคนอื่นๆ สละเวลา ตอบเเละช่วยให้ความกระจ่างกับคนที่ไม่มีประสบการณ์ ขอให้พี่ประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้านที่ปรารถนา เเละสุขภาพเเข็งเเรง ขอให้พี่พบเจอเเต่สิ่งดี ๆ เช่นกันคะ

    (เมื่อน้องผ่านขั้นตอนสัมภาษณ์เเล้ว น้องจะมาเเจ้งนะคะ ว่าน้องได้ไปเที่ยวหรือไม่คะ)

    กราบขอพระคุณพี่อีกครั้งคะ

    • govisa  On October 24, 2012 at 10:09 pm

      ขอบคุณค่ะน้อง Ben สำหรับคำอวยพร เอาใจช่วยให้น้อง Ben ได้วีซ่า จะได้ไปเที่ยว Disney World และ Epcot นะคะ เป็นสถานที่ที่น่าเที่ยวมากค่ะ

      • ben  On November 30, 2012 at 11:37 am

        สวัสดีคะพี่ govisa

        น้องสัมภาษณ์เรียบร้อยเเล้วคะ ทานกงสุนกล่าวลาด้วย have a nice trip
        เเล้วก็ไม่ได้คืนพาสปอร์ตให้น้อง ให้น้องไปจ่าย 75 ที่ปณ.
        ด้วยความดีใจ จนกลับถึงบ้านเเล้ว
        น้องเพิ่งเห็นว่าท่านกงสุนไม่คือใบทะเบียนการค้า เเละใบสิทธิการค้า ใบสมรส (ตัวจริงทั้งหมด) น้องต้องทำอย่างไรคะ

        หรือเค้าจะส่งมาให้พร้อมพาสปอร์ตคะพี่

      • govisa  On November 30, 2012 at 7:41 pm

        น้อง Ben คะ ดีใจด้วยค่ะ แปลว่าน้องได้รับวีซ่าแล้ว และทางสถานทูตจะส่งเอกสารของน้องกลับคืนมาในซองเดียวกันกับหนังสือเดินทางค่ะ น้องพอจะเล่าให้เพื่อนๆที่จะเข้ามาอ่านบล็อกนี้เป็นประสบการณ์ได้ไหมคะว่า ท่านกงสุลถามอะไรน้องบ้าง เพื่อนๆจะได้ไม่เป็นกังวลมากเวลารอวันสัมภาษณ์ของตัวเองมาถึงค่ะ พี่ขอบคุณน้องล่วงหน้านะคะที่น้องจะช่วยแนะนำเพื่อนๆค่ะ

  • ben  On November 30, 2012 at 10:08 pm

    ยินดีคะพี่
    สำหรับน้อง ที่เห็นวันนี้ ความเห็นส่วนตัวคือ ตัวบุคคลที่ไปสัมภาษณ์คะ เป็นปัจจัยสำคัญมากๆ เอกสารควบคู่ด้วยคะ
    ตอบคำถามชัดเจน มั่่นใจ ไม่ลังเล

    ส่วนของน้องง่ายมาก ๆ เหมือนกันคุยกันซะมากกว่าคะ บรรยากาศน่ารักเป็นกันเองมาก ๆคะ
    กุงสุน – ไปไหนคะ (เป็นภาษาไทยคะ)
    นู๋ – ไปเที่ยวคะ ดีสนี่เวิลด์ บลา ๆ ๆ
    กุงสุน – ไปกี่คนคะ
    นู๋ -คนเดียคะ เพราะสามีไม่ไปด้วยเลยต้องไปคนเดียว (ทีนี้ ภาษาอังกิตมาล้วน ๆเลยคะ)
    กุงสุน- อ้อเหรอคะ (หัวเราะ)
    กงสุน-ทำงานอะไรคะ
    นู๋ -ก็ส่งเอกสารต่างๆให้
    กงสุน-ทำไมไม่อยากฉลองคริสมาสกับสามีคะ
    นู๋ – อ้ออยากไปเทียวคนเดียว ฉลองคนเดียวคะ
    กงสุน -หัวเราะ เเล้วก็ถามว่าไม่อยากไปเเฮรี่พอร์ทเตอร์บ้างเหรอคะ
    นู่ – ไม่คะ ดีสนี่เวิลด์คุ้มกว่าคะ มีสิ่งมากมายให้เยี่ยมชมคะ
    กงสุน- (ดูสเตนเม้น) รายได้ดีนะคะ เก่งจัง บลา ๆ ๆ
    นู๋ -ขอบคุณคะ
    กงสุน -จะไปเมือไรคะ
    นู๋ -วันที่ 20 ธันวาคะ
    กงสุน – have a nice trip

    ช่วงเช้าของวันนี้ นู๋มองว่า 90% ได้วีซ่าหมดคะ บางคนถามนานหน่อย อาจจะเพราะคำถามไม่หนักเเน่คะ เเต่ส่วนมากจะได้วีซ่ากันทั้งนั้นคะพี่ govisa

    ขออภัยนะคะ นู๋เขียนพิมไม่เก่ง อ่านเเล้วอาจจะงง
    ขอให้ทุก ๆคนโชคดีคะ

    • govisa  On December 1, 2012 at 9:32 am

      ขอบคุณมากๆค่ะ น้อง Ben น้องเขียนมาในแบบที่พี่ก็พลอยได้บรรยากาศสดใสน่ารักของเช้าวันนั้นด้วยนะคะ ขอให้น้องคนอื่นที่กำลังจะไปขอวีซ่าโชคดีต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงกันทุกคนเลยค่ะ

  • ben  On November 30, 2012 at 10:48 pm

    อ้อ อีกอย่าง พยายามตอบให้เหมือนที่เรากรอกลงในเเบบฟอร์มนะคะ
    คำถามส่วนใหญ่ของท่านกงสุนจะวน ๆ ในนั้นเเหละคะ
    มีถามด้วยว่า รู้จักใครที่อเมริกาไม๊คะ…………. เรากรอกยังไง เราก็ตอบเเบบนั้นคะ
    (( ทุกคำถามนะคะ เน้นเลยว่าจะวน ๆ อยู่ในเเบบฟอร์มที่เรากรอกคะ))

    • govisa  On December 1, 2012 at 9:39 am

      พี่เห็นด้วยกับน้อง Ben ที่คำถามก็วนเวียนอยู่ในสิ่งที่เรากรอกไปค่ะ ถ้าหากน้องคนไหนกลัวลืมว่าตัวเองกรอกอะไรไปบ้าง ก็อย่าลืม Print application ออกมาก่อน ต้องขอเตือนว่า print application ทำได้แค่ครั้งเดียว ถ้าคิดจะ print DS-160 Confirmation ออกมาก่อน แล้วปิดเครื่องไปกะจะมา print application วันหลัง ต้องบอกกันล่วงหน้าเลยนะคะว่า ทำไม่ได้แล้ว ถ้าจะ print application กับ confirmation DS-160 ก็ควรทำพร้อมๆกันทีเดียวครั้งแรกเลยค่ะ แต่ถ้าพลาดไปแล้ว ก็อย่าเป็นกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะคะ เพราะกงสุลไม่ได้ขอดู application เลยจริงๆค่ะ ถ้าเราเป็นคนทำเองกรอกเอง ไม่ได้ไปใช้เอเจนซี่ทำให้ เราจะจำได้อยู่แล้วค่ะว่า เรากรอกอะไรไปบ้างนะคะ

  • Nana  On December 2, 2012 at 6:36 pm

    รบกวนถามคุณgovisaค่ะ

    คือน้องจะขอวีซ่าF1
    ได้I20แล้วค่ะ30เดือน(เรียนภาษาแล้วต่อโทถ้าสอบได้)
    1.น้องมีสปอร์เซอร์2คนคือปู่กับย่าค่ะ(เนื่องจากพ่อแม่หย่ากันปู่ย่าจึงเป็นคนเลี้ยงดูค่ะ) แต่ตอนกรอกDs-160 มีช่องให้ใส่คนเดียวน้องเลยใส่ชื่อปู่ไปค่ะ ไม่ทราบว่าจริงๆแล้วควรทำอย่างไร ปู่กับย่ามีบัญชีแยกกันเปิดมาประมาน10ปีค่ะเป็นแบบฝากประจำรวมกันแล้วมีเงินประมาน5แสนกว่าบาท และมีพันธบัตรรัฐบาลของปู่1ล้่าน4แสนบาท จองย่า1ล้าน5แสนบาท น้องควรเตรียมเอกสารอย่างไรคะ และต้องกรอกDs-160ใหม่รึป่าวเพราะใส่ชื่อปู่ไปคนเดียว
    2.รายได้ของปู่กับย่ามาจากส่วนแบ่งการค้าของพ่อซึ่งเป็นกิจการส่วนตัวมีใบทะเบียนการค้า และค่าเช่าที่ที่ให้เขาเช่าค่ะเอกสารทั้งหมดเป็นภาษาไทยสามารถใช้ได้ไหมคะ
    3.น้องมีเงินฝากแบบประกันที่ปู่ย่าส่งให้ฝากเป็นรายปีตอนนี้ก็ยังคงส่งอยู่ค่ะ สามารถเอาไปยืนยันได้มั้ยคะว่าน้องจะกลับประเทศแน่ๆ
    *น้องไปLAค่ะส่วนที่พักไปขอแชร์ห้องพักกับเพื่อนที่โน่นค่ะเป็นคนไทยได้วีซ่าF1 3ปีค่ะ
    รบกวนด้วยนะคะ กลัวมากเลยค่ะกลัวไม่ผ่าน

    • govisa  On December 2, 2012 at 8:50 pm

      น้อง Nana คะ

      1. ถ้าในฟอร์ม DS-160 ใส่ชื่อคุณปู่ไปคนเดียว เวลาไปยื่นขอวีซ่า น้องสามารถนำหลักฐานของคุณย่าไปเพิ่มได้ หรือถ้าจะให้ดี ให้น้องเขียนจดหมายแทนปู่กับย่า และให้ปู่กับย่าเซ็นต์ชื่อ นำไปเป็นเอกสารประกอบอธิบายเรื่องการเงินของปู่และย่าก็จะดีมากค่ะ เนื้อความจดหมายให้อธิบายรายละเอียดว่า ปู่กับย่าเป็น sponsor มีรายรับมาจากทางไหนและมีเงินในบัญชีธนาคารอยู่กับธนาคารใดบ้าง เป็นบัญชีเงินฝากประเภทอะไร จำนวนเท่าไรค่ะ

      พี่มีข้อที่ควรสังเกตในเรื่องนี้คือ บัญชีที่ปู่กับย่าเป็น sponsor ล้วนแต่เป็นบัญชีประเภทฝากระยะยาวที่มีสภาพคล่องต่ำ คือ ถอนไม่ได้ทุกวันจนกว่าบัญชีจะครบกำหนดตามที่ตกลงไว้กับธนาคาร บัญชีประเภทนี้ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการค้ำประกันการไปศึกษาต่อที่อเมริกาค่ะ นอกจากจะใช้คู่กับบัญชีประเภทออมทรัพย์หรือบัญชีประเภทสะสมทรัพย์(แล้วแต่ธนาคารแห่งใดจะใช้ศัพท์เรียกภาษาไทยค่ะ) ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Savings Account ค่ะ บัญชีประเภท Savings นี้จะมีสภาพคล่องสูง คือ สามารถถอนได้ทุกวัน แต่คนไทยจะไม่ชอบเก็บเงินจำนวนมากไว้ในบัญชีนี้ เพราะดอกเบี้ยไม่สูง แต่สถานทูตชอบค่ะ เพราะสถานทูตจะมั่นใจว่า ถ้านักเรียนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและต้องการใช้เงินเมื่อไหร่ก็ตาม ผู้ปกครองจะสามารถถอนเงินออกมาจากธนาคารวันไหนก็ได้และส่งไปให้นักเรียนใช้ได้ทันตามความต้องการของนักเรียนค่ะ ทางแก้ไขปัญหาของน้อง Nana คือ ให้สอบถามปู่กับย่าว่า มีบัญชีประเภทดังกล่าวนี้ไหม และถ้ามีให้นำไปประกอบกับบัญชีประจำและพันธบัตรรัฐบาลค่ะ

      2. จากคำพูดที่น้องชี้แจงว่า รายได้ของปู่กับย่ามาจากที่พ่อแบ่งให้ ที่จริงแล้วอยากแนะนำว่า น้องน่าจะเขียนในจดหมายอธิบายเรื่อง Sponsor ว่า พ่อก็เป็น Sponsor ด้วยอีกคนมากกว่า เพราะการที่บอกว่า พ่อแม่หย่าร้าง ปู่กับย่าส่งเสีย ฟังดูแล้วความผูกพันที่มีต่อครอบครัวน้อยไปนิด น่าจะให้คุณพ่อเป็นผู้ค้ำประกันร่วมกับปู่มากกว่า เพราะพ่อก็ยังดูแลน้องอยู่ เพียงแต่ไม่มีเวลาเลยปล่อยให้ปู่กับย่าเลี้ยงน้องไปค่ะ

      อนึ่ง ถึงแม้น้องจะไม่ใช้พ่อเป็นผู้ค้ำประกัน น้องก็คงจะถูกซักกถามถึงพ่อแม่อยู่แล้วแน่นอนว่า ท่านทั้งสองทำงานอะไร มีรายรับเท่าไร ท่านรับผิดชอบจ่ายเงินดูแลน้องด้วยหรือเปล่า อะไรทำนองนี้เป็นต้น ดังนั้น เพื่อไม่ให้น้องต้องยุ่งยากใจในสถานะของพ่อแม่ ไหนๆพ่อก็แบ่งรายรับให้ปู่อยู่แล้ว น้องน่าจะขอความกรุณาให้พ่อน้องเป็น sponsor เพิ่มอีกคน และเตรียมเอกสารของท่าน คือ จดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของพ่อ และหากบัญชีของท่านเป็นกระแสรายวันก็ไม่เป้นไร เพราะปู่มีบัญชีประจำ ใช้คู่กับของปู่ไปก็ได้ (อันนีพี่พูดเผื่อไว้ด้วยกรณีน้องไปถามปู่ และปู่บอกว่าไม่มีสะสมทรัพย์ค่ะ ก็ให้ใช้บัญชีคู่กับพ่อไปก็ได้ค่ะ)

      เอกสาใช้ภาษาไทยได้ไม่ต้องแปลค่ะ

      3. เอกสารส่วนของน้องๆสามารถนำไปด้วยได้แต่กงสุลจะดูที่เอกสารหลักของผู้ค้ำประกันมากกว่าคือ เอกสารของปู่ และถ้าหากใช้พ่อด้วยก็เป็นปู่กับพ่อค่ะ

      • Nana  On December 2, 2012 at 10:06 pm

        ขอบพระคุณ คุณgovisaมากนะคะ
        น้องสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ แต่รบกวนถามเพิ่มนะคะ
        คือ 1ถ้าพ่อมีเงินคงเหลือในบัญชีน้อย แต่มีเงินหมุนเวียน สมารถใช้ได้มั้ยคะ
        2แล้วถ้าน้องใช้สปอร์เซอร์3คน คือ ปู่ ย่า พ่อ ได้มั้ยคะ
        3 สรุปDS-160น้องไม่ต้องแก้ไขแล้วแค่เขียนจดหมายอธิบายตามที่พี่แนะนำใช่มั้ยคะ
        4 ถ้าน้องใช้บัญชีอาซึ่งเป็นน้องแท้ๆของพ่อเป็นสปอร์เซอร์ร่วมกับปู่และย่า (อาประกอบธุรกิจส่วนตัวมีเงินหมุนเวียรและคงเหลือในบัญชี5แสนกว่าบาทมีทะเบียนการค้า)จะโอเคกว่ามั้ยคะ เพราะเงินคงเหลือในบัญชีของพ่อน้อยส่วนใหญ่จะหมุนเวียรกลัวมีปัญหางะค่ะ

        รบกวนด้วยนะคะน้องเพิ่งไปต่างประเทศครั้งแรกเลยค่อนข้างจะงงๆค่ะ T^T

      • govisa  On December 3, 2012 at 5:33 am

        น้อง Nana คะ

        1. น้องไม่ได้ให้รายละเอียดมาว่า พ่อมีเงินน้อย คือเงินทั้งหมดที่พ่อมีมีอยู่ในบัญชีหมุนเวียนเท่านั้นใช่ไหมคะ บัญชีหมุนเวียนของน้องคือ บัญชีเป็นชื่อของพ่อหรือบัญชีชื่อบริษัท และเป็นบัญชีประเภทที่มี credit line ใช่ไหมคะ ถ้าเป็นบัญชีบริษัท ต้องนำใบทะเบียนการค้าไปด้วยจะได้ทราบว่า พ่อเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนั้นค่ะ และเวลาเขียนในจดหมายอธิบายรายได้ของพ่อต้องอธิบายไปด้วยว่า พ่อไม่ค่อยเก็บเงินไว้ในบัญชีแต่จะนำเงินส่วนที่เก็บไปให้ปู่เป็นคนเก็บ ปู่จึงนำไปซื้อพันธบัตรบ้าง ไปเก็บไว้ในบัญชีประจำบ้าง เป็นต้นค่ะ
        2. ใช้ ปู่-ย่า-พ่อได้ค่ะ ไม่ควรเกิน 3 คนแล้วนะคะ เพราะถ้าหลายคนเกินไปจะดูเหมือนว่าน้องจะไปเรียนหนังสือต้องตั้งกองผ้าป่าไปเรียนค่ะ อาจทำให้คิดไปต่างๆนานาได้ว่า ฐานะทางบ้านจะมั่นคงพอไหมนะคะ
        3. ค่ะ
        4. พ่อมีความสำคัญกว่าอา เพราะพ่อคือผู้ให้กำเนิดเรา กงสุลจะถามเรื่องของคนใกล้ตัว คือ ผู้ให้กำเนิดเราก่อนคนอื่นๆค่ะ ไม่มีใครสำคัญกับเราเท่าพ่อ-แม่เราค่ะ ยิ่งแยกกันอยู่ก็จะยิ่งดูว่าแล้วเราจะมีความผูกพันกับที่บ้านที่เมืองไทยมากน้อยแค่ไหนที่จะดึงดูดให้เรากลับมาที่เมืองไทยค่ะ ถึงพ่อมีเงินน้อยแต่ความสำคัญของพ่อมีมากกว่าอา เลือกใช้พ่อดีกว่าค่ะ และอย่าลีมถามปู่หรือย่าด้วยว่ามีบัญชีออมทรัพย์ไหมนะคะ

      • Nana  On December 3, 2012 at 6:58 pm

        ถึงพี่govisa
        น้องมาอีกแล้วค่ะ อิอิ
        คือ น้องมาอธิบายเพิ่มเติมนะคะ
        พ่อเป็นบัญชีชื่อพ่อค่ะ มีเงินเข้าออกหมุนเวียนแต่ยอกเงินคงเหลือไม่ถึง1แสนบาทน้องจึงคิดว่าน่าใช้ไม่ได้รึเปล่าคะ ปู่มีบัญชีฝากประจำอีกค่ะแต่เป็นหลายธนาคารคือแต่ละบัญชีมีหลักหมื่นปลายๆค่ะ
        น้องเลยพี่คำถามรบกวนพี่อีกรอบ
        1.ถ้าน้องให้คุณอาเป็นสปอนเซอคนเดียวเลยจะสะดวกกว่ามั้ยคะ
        คุณอามีบัญชีเงินฝากประจำ2ที่ค่ะบัญชีละ500000รวม2ที่เป็น1ล้านบาท คุณอาทำธุรกิจส่วนตัวมีทะเบียนการค้า เงินในบัญชีมีความเคลื่อนไหวเข้าออกตลอดค่ะ
        2.จดหมายรับรองว่าเป็นสปอนเซอในกรณีน้องกะคุณอานามสกุลเดียวกันต้อวใช้มั้ยคะ
        3.ถ้าให้คุณอาเป็นสปอนเซอน้องต้องกลับไปแก้DS-160ช่องสปอร์เซอเพราะใส่ปู่ไปตอนแรก
        อย่างนี้จะเป็นอะไรมั้ยคะเพราะน้องนัดวันสัมภาษณ์ไปแล้ววันที่20นี้ค่ะ
        ขอบคุณพี่govisaมากนะคะที่สละเวลามาตอบคำถามและให้คำแนะนำขอบคุณจริงๆค่ะ

      • govisa  On December 4, 2012 at 1:20 am

        น้อง Nana ใช่คนเดียวกับน้อง Wa ที่ถามหรือเปล่าคะ คำตอบคือถ้าจะแก้ไข sponsor จะไปแก้ไขใน DS-160 อันเก่าไม่ได้แล้ว เพราะน้องได้คลิก confirm และ submit ไปแล้วค่ะ ทางแก้ไขคือกรอก DS-160 ใหม่แล้ว Print DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่นำไปคู่กับ DS-160 Confirmation หมายเลขเก่าที่ทำการจองวันนัดไปแล้วค่ะ น้องอาจจะถูกถามว่าเพราะเหตุใดจึงต้องเปลี่ยน sponsor ถ้ามีเหตุผลทีน่าฟังก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ คำถามของน้องนะคะ

        1.การจะใช้คุณอาคนเดียวไปเลยก็ย่อมได้ค่ะ ให้น้องขอจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคารของคุณอาพร้อมกับขอใบทะเบียนการค้าบริษัทคุณอาไปด้วยค่ะ

        2.ไม่ต้องเขียนจดหมายในนามของคุณอาได้ค่ะ เพราะไม่ได้ใช้ sponsor หลายคน อย่างไรก็ตามในแบบฟอร์ม DS-160 ที่กรอกถามว่าชื่อบิดามารดาน้องคือใคร ดังนั้นกงสุลท่านย่อมทราบว่า คุณอาไม่ใช่คุณพ่อของน้องแน่นอนค่ะ ดังนั้นอาจจะมีคำถามพาดพิงถึงรายได้ของคุณพ่อและถามว่าคุณพ่อมีบัญชีเงินฝากไหมนะคะ คำแนะนำคือให้เตรียม statement ของคุณพ่อกับใบทะเบียนการค้าของคุณพ่อติดกระเป๋าเอกสารไปด้วยในวันสัมภาษณ์ เผื่อถูกซักถามจะได้มีหยิบขึ้นมาให้กงสุลดูค่ะ หรือจะเอาบัญชีปู่ติดกระเป๋าไปด้วยก็ได้นะคะ เพียงแต่ทำคลิปกระดาษแยกเอกสารด้วยว่าอันนี้เอกสารอา เอกสารพ่อ เอกสารปู่เดี๋ยวเวลาสอบสัมภาษณ์ช่วงสั้นมากๆน้องจะตื่นเต้นรีบร้อนหยิบผิดหยิบถูกค่ะ

        3. ตอบไปแล้วต้องกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ค่ะ

        โชคดีนะคะ เขียนมาแชร์ประสบการณ์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

  • Nana  On December 3, 2012 at 7:19 am

    ขอบคุณพี่มากค่ะสำหรับคำแนะนำดีดี
    กระจ่างขึ้นมากเลยคร่า ขอบคุณจริงๆค่ะ
    ^___^

    • govisa  On December 4, 2012 at 12:55 am

      น้อง Nana อย่าลืมเตรียมเอกสารให้ครบก่อนไปขอวีซ่าค่ะ และตั้งใจฟังคำถามให้ดีๆ เวลาตอบคำถามเสียงดังฟังชัด สบตาผู้ถาม และก็ระมัดระวังด้วยว่า คำตอบนั้นต้องมีเหตุผล เพราะเมืองที่น้องเลือกไปคือ Los angeles มีจำนวนคนไทยที่ไปอยู่ถาวรมาก การที่เราจะไปเรียนภาษาเพียงอย่างเดียวก่อนไปสมัครเรียนต่อปริญญาโทก็เป็นเรื่องที่ต้องทำให้กงสุลมั่นใจในตัวเราได้ว่า เราจะตั้งใจเรียนภาษาจริงๆและไปเตรียมสอบ TOEFL และ GRE หรือ GMAT ที่อเมริกาเพื่อสมัครเรียนต่อปริญญาโทค่ะ

      • Nana  On December 4, 2012 at 11:04 am

        ขอบคุณค่ะพี่ น้องจะทำเต็มที่เลยค่ะ

        แล้วจะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะคะ^___^

      • govisa  On December 4, 2012 at 8:33 pm

        ขอบคุณค่ะน้อง Nana โชคดีค่ะ

  • Nook  On December 3, 2012 at 11:59 pm

    สวัสดีค่ะ ขอคำปรึกษาด้วยคนนะค่ะ
    คือหนูซื้อพินเรียบร้อยแล้วแล้วกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้วเมื่อประมาณ3อาทิตย์ที่แล้วแต่ยังไม่ได้เลือกวันสัมภาษณ์

    พอมาวันนี้เลยมาจองวันสัมภาษณ์พอจองวันสัมภาษณ์เสร็จในใบ confirmation ขึ้นชื่อว่า
    ชื่อ NONE นามสกุล เลยสงสัยว่าเราไปกรอกmiddle name ว่าNONEเมื่อไหร่เพราะกรอกไประยะนึงเลยจำไม่ได้แล้ว
    พอจะเข้าไป edit information มันก็ fix ในช่องกรอกชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล ไม่ให้แก้ไข
    ไม่ทราบว่าถ้าเป็นกรณีแบบนี้เป็นอะไรไม๊ค่ะ หรือว่าต้องซื้อพินสมัครใหม่
    ปล.ขอวีซ่าประเภท F-1ค่ะ

    ขอบคุณล่วงหน้ามากค่ะ

    • govisa  On December 4, 2012 at 1:38 am

      น้อง Nook คะ ไม่ต้องทำอะไรใหม่แล้วค่ะ ไปสัมภาษณืเลย เพราะหมายเลข DS-160 Confirmation ที่กรอกใส่ในหน้านัดวันสัมภาษณ์ระบุชื่อนามสกุลน้องอยุ่แล้วค่ะ ถ้าน้องสงสัยว่าไปกรอกคำว่า None ตอนไหน คือ น้องต้องกรอกตอนนัดวันสัมภาษณ์มี ชื่อแรก ชื่อกลาง และนามสกุล ตรงชื่อกลางถ้าไม่กรอก จะผ่านไปเฉยๆ โปรแกรมของเว็บไซต์นัดวันสัมภาษณ์จะไม่ยอมให้น้องผ่านหน้านั้นไปได้ น้องเลยต้องใส่คำว่า None ตรงชื่อกลาง ทีนี้พี่ไม่แน่ใจว่า น้องเผลอไปใส่คำว่า None ในช่องนามสกุลด้วยหรือเปล่าค่ะ ไม่ต้องซื้อพินใหม่แล้วนะคะ

  • taa  On December 4, 2012 at 1:18 am

    สวัสดีค่ะ คือตอนนี้ได้เข้าเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา แต่ต้องไปเรียนภาษาก่อน คือเป็น conditional admission ค่ะ ทางมหาลัยกำลังส่ง I-20 มาแล้วค่ะ แต่ปัญหาคือ เมื่อวันศุกร์ เข้าไปอ่านในเว็บสถานทูต เห็นว่าพาสปอร์ต ต้องมีอายุเหลือ ไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับแต่วันที่จะเดินทางออกจากอเมริกา ขณะที่ทำการสมัคร พาสปอร์ตหมดอายุ ปี เมษา 2014 ค่ะ เลยไม่ทันได้คิดถึง I-20 ที่ออกมาแล้ว กลับไปขอทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ ซึ่งทำให้เลขพาสปอร์ต ในI-20 กับพาสปอร์ตเล่มใหม่ ไม่ตรงกัน คือ จะต้องไปเรียนวันที่ 16 มกรา 2013 ถ้าขอ reissue เกรงว่ามาไม่ทันจองนัดสัมภาษณ์แน่ๆๆ เพราะตอนนี้ก้อยังไม่รู้ว่าจะจองทันรึเปล่าเลยค่ะ พอมีวิธีแก้ทางไหนได้บ้างคะ

    • govisa  On December 4, 2012 at 5:30 am

      น้อง taa คะ
      1. น้องต้องชี้แจงให้มหาวิทยาลัยทราบอยู่ดีจะเป็นทางอีเมล์หรือโทรศัพท์ค่ะ ให้รีบดำเนินการค่ะ และให้มหาวิทยาลัยส่ง I-20 ใหม่มาให้ทางไปรษณีย์ด่วนค่ะ บอกมหาวิทยาลัยไปว่า น้องยินดีออกเงินค่าไปรษณีย์ด่วนที่ทางมหาวิทยาลัยจะส่งเอกสารกลับมาค่ะ
      2. น้องต้องกรอก DS-160 ใหม่และนำหมายเลข DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่ไปกับหมายเลขเก่าด้วยในวันสอบสัมภาษณ์ค่ะ
      3. เวลาที่น้องจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ณ เมืองแรกที่เดินทางถึงอเมริกา เช่น Los Angeles หรือ San Francisco น้องจะถูกเจ้าหน้าที่ที่ด่านตม.สัมภาษณ์อีกครั้ง เอกสารก็ต้องตรงกันกับความเป็นจริงค่ะ ถ้าไม่เหมือนก้คงจะถูกสัมภาษณ์นานค่ะ เพราะฉะนั้นรีบจัดการแจ้งมหาวิทยาลัยไปก่อนที่มหาวิทยาลัยจะปิดเทอมช่วงคริสมาตและปีใหม่นี้ ซึ่งจะทำให้การดำเนินการส่งเอกสารให้น้องล่าช้าออกไปอีกค่ะ

      • taa  On December 4, 2012 at 1:06 pm

        ปกติการขอวีซ่า พาสปอร์ต ต้องเหลือ อย่างน้อย 6 เดือนนับแต่วันเดินทางออกใช่มั๊ยคะ พอดีโทรไปถามทางกงสุล เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้ายังไม่ไปรับเล่มใหม่ หากเล่มเก่าเหลืออายุมากกว่า 6 เดือน เล่มเก่าก้อยังไม่ถูกยกเลิกค่ะ เพราะเล่มเก่าจะถูกยกเลิกวันรับเล่มใหม่ เค้าเลยแนะนำว่าหนู อาจจะใช้เล่มเก่า ขอรับวีซ่า แล้วค่อยไปเอาเล่มใหม่โดยทำการ endorse วีซ่าเข้าเล่มใหม่ ค่ะ

        ส่วนทางสถานทูต หนูอีเมลล์ไปถาม เค้เพิ่งตอบมาเมื่อกี๊ ว่า You may have to have your school send a new I-20 form to you that has the correct passport number. For the visa interview appointment, you can schedule an interview appointment using the passport number and the I-20 information that you currently have. It is ok if it changes later. Please bring the current passport and correct I-20 form with you on your interview day.

        พี่ว่าหนูควรใช้วิธีไหนที่จะทำให้ไม่เสียเวลาและ ปลอดภัยสุดคะ

      • govisa  On December 4, 2012 at 8:33 pm

        น้อง taa คะ ไหนๆก็อุตส่าห์ไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่มาแล้ว ให้ทางสถานทูตสหรัฐฯ stamp วีซ่าในหนังสือเดินทางเล่มใหม่เลยแล้วกันค่ะ จะได้ไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง 2 เล่มค่ะ ความหมายที่พี่เข้าใจว่าน้องโทรศัพท์ไปสอบถามทางกงสุล น้องหมายถึงกรมกงสุลที่ทำหนังสือเดินทางไทยใช่ไหมคะที่แนะนำ ให้น้องไปทำ endorse หนังสือเดินทางเล่มใหม่ อย่างไรก็ตาม เท่าที่พี่เคยเห็นคนที่ไป endorse เพราะเขาเหล่านั้นยังมีวีซ่าของอเมริกา หรือวีซ่าของประเทศอื่นที่ยังมีอายุอยู่เหลือค้างในหนังสือเดินทางเล่มเก่า และเขาเสียดายไม่อยากไปขอวีซ่าใหม่ก็จะไปให้กรมกงสุล endorse หนังสือเดินทางเล่มเก่าและเล่มใหม่ แต่เวลาเดินทางต้องถือหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่มค่ะ ถ้าน้องจะทำเช่นนั้น น้องก็ต้องถือหนังสือเดินทาง 2 เล่มเวลาอยู่ในสหรัฐฯ เพราะตัววีซ่าจะประทับตราอยู่ในหนังสือเดินทางเล่มเก่าค่ะ

        ถ้าน้อง taa ไม่ชอบความยุ่งยากถือหนังสือเดินทาง 2 เล่ม พี่แนะนำให้ทำตามที่สถานทูตสหรัฐฯแจ้งน้องมาทางอีเมล์ค่ะ คือ ขอ I-20 ใหม่จากทางโรงเรียน เพราะโรงเรียนเองก็ต้องแจ้งไปที่เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นในสหรัฐฯก่อนหน้าน้องเดินทางเข้าประเทศ และแจ้งไปที่ Homeland Security Department ด้วยเช่นกันว่า นักศึกษาท่านนี้ถือหนังสือเดินทางหมายเลขอะไร นั่นคือความหมายที่พี่ได้ตอบน้องไปตั้งแต่แรกแล้วค่ะ อยากให้น้องจัดการทำเอกสารให้ถูกต้องตั้งแต่บัดนี้ค่ะ และเพื่อกันเหนียวในเรื่องการเตรียมเอกสารที่จะไปยื่นในวันนัดสัมภาษณ์ พี่แนะนำให้น้องกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่ แล้วถือ DS-160 Confirmation Number ที่ print ใหม่กับของเก่าไปด้วยในวันสัมภาษณ์ เวลาได้รับวีซ่า กงสุลสหรัฐฯจะ stamp วีซ่าในหนังสือเดินทางเล่มใหม่ไปเลยค่ะ เวลาน้องจะเดินทางไปไหนมาไหน เช่น ไปเที่ยวประเทศแคนาดา ก็จะถือหนังสือเดินทางเล่มเดียวค่ะ

        หมายเหตุ อย่าลืมเอาหนังสือเดินทางไปในวันสัมภาษณ์ทั้งเล่มเก่าและเล่มใหม่ตามที่สถานทูตแจ้งมานะคะ

  • taa  On December 4, 2012 at 2:17 am

    สวัสดีค่ะ คือตอนนี้ได้เข้าเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา แต่ต้องไปเรียนภาษาก่อน คือเป็น conditional admission ค่ะ ทางมหาลัยกำลังส่ง I-20 มาแล้วค่ะ แต่ปัญหาคือ เมื่อวันศุกร์ เข้าไปอ่านในเว็บสถานทูต เห็นว่าพาสปอร์ต ต้องมีอายุเหลือ ไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับแต่วันที่จะเดินทางออกจากอเมริกา ขณะที่ทำการสมัคร พาสปอร์ตหมดอายุ ปี เมษา 2014 ค่ะ เลยไม่ทันได้คิดถึง I-20 ที่ออกมาแล้ว กลับไปขอทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ ซึ่งทำให้เลขพาสปอร์ต ในI-20 กับพาสปอร์ตเล่มใหม่ ไม่ตรงกัน คือ จะต้องไปเรียนวันที่ 16 มกรา 2013 ถ้าขอ reissue เกรงว่ามาไม่ทันจองนัดสัมภาษณ์แน่ๆๆ เพราะตอนนี้ก้อยังไม่รู้ว่าจะจองทันรึเปล่าเลยค่ะ พอมีวิธีแก้ทางไหนได้บ้างคะ

    • govisa  On December 4, 2012 at 5:31 am

      พี่ตอบให้น้อง taa แล้วนะคะว่า ต้องรีบแจ้งมหาวิทยาลัยส่ง I-20 ใบใหม่มาด้วยค่ะ

      • cwittayakul@hotmail.com  On December 4, 2012 at 9:50 am

        P’ ka ปกติ ขอวีซ่า พาสปอร์ตต้องเหลืออย่างน้อย6 เดือน นับแต่อะไรคะ
        อย่างนี้ พาสปอร์ตเล่มใหม่ที่หนูยังไม่ไปเอา ก้อยังไม่มีผลเปนการยกเลิก เล่มเก่า ถ้าหนูไม่ไปเอาเลย จะดีกว่าให้ มหาลัย reissueมั๊ยคะ จะได้ไม่เสียเวลา
        Sent via BlackBerry® from AIS

      • govisa  On December 4, 2012 at 8:54 pm

        ถ้าพี่เป็นน้อง taa พี่คงจัดการทำให้เสร็จในหนังสือเดินทางเล่มใหม่ไปเลยค่ะ ไหนๆก็ทำเล่มใหม่แล้ว เพราะเวลาที่หนังสือเดินทางหมดอายุในสหรัฐฯ น้องก็ต้องไปเข้าคิวทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่อยู่ดี ระยะเวลารอรับเล่มหนังสือเดินทางจะนานกว่าทำหนังสือเดินทางในเมืองไทย เพราะทางกงสุลไทยในสหรัฐฯหรือสถานทูตไทยที่ดีซีต้องส่งเรื่องของน้องกลับมาที่กรมกงสุลที่ประเทศไทยค่ะ ตอนนี้อย่างที่พี่ตอบน้องไปแล้วคือเร่งให้ทางโรงเรียนส่ง I-20 มาใหม่จะดีที่สุด จะได้ทันนำไปให้สถานทูตในดุในวันสอบสัมภาษณ์ค่ะ

        หมายเหตุ พี่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่อยากบอกน้องว่า หนังสือเดินทางเหลืออีกตั้ง 1 ปีกับ 4 เดือน ไม่มีความจำเป็นต้องไปทำใหม่เลยค่ะ เพราะน้องบอกว่าหนังสือเดินทางน้องจะหมดอายุ April 2014 แต่เมื่อน้องไปทำมาแล้ว ก็ถือว่าเป็นการดีแล้วกันนะคะ คิดในแง่บวกคือไม่ต้องเสียเวลาขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ตอนน้องเข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา และเมื่อได้หนังสือเดินทางเล่มใหม่ตอนน้องอยู่ในอเมริกา น้องก็ต้องถือหนังสือเดินทาง 2 เล่มอยู่ดีค่ะ เพราะวีซ่าอยู่คนละเล่มกับหนังสือเดินทางเล่มใหม่ค่ะ เมื่อน้องตัดสินใจไปทำเล่มใหม่แล้ว พี่เลยคิดว่า ก็ดีเหมือนกัน ทำให้ทุกอย่างอยู่ในเล่มใหม่ เสียเวลาตอนนี้ครั้งเดียว คือ ทำเรื่องแจ้งโรงเรียนขอ I-20 ใหม่ค่ะ

      • ben  On December 4, 2012 at 1:14 pm

        สวัสดีคะพี่ govisa
        น้องได้รับเล่นพาสปอร๋ต พร้อมเอกสารตัวจริงคืนเมือเช้านี้คะ เร็วกว่าที่คิดไว้อีกคะ

        หน้าของวีซ่าอเมริกา สวยงามมากเลยคะ สมกับความเหนื่อยที่เตรียมเอกสาร คุ้มมาก ๆกับวีซ่า 10 ปี

        ใกล้ปีใหม่เเล้ว ขอให้พี่มีความสุข สมหวัง พบเจอสิ่่งดี ๆ เช่นพี่ทำตลอดไปนะคะ ขอให้พี่ร่ำรวยเจ็บทอง สุขภาพ ความรักคะ (ทุก ๆ ปี ทุก ๆ วันเลยค๊า)

      • govisa  On December 4, 2012 at 8:16 pm

        น้อง Ben คะ ขอบคุณที่ส่งข่าวมาว่า ได้วีซ่า 10 ปีแล้วนะคะ และขอบคุณมากสำหรับข้อความอวยพรวันปีใหม่ แต่ขอไม่เอาเจ็บได้ไหมคะ น้องเป็นคนแรกที่อวยพรปีใหม่ให้พี่ ขอให้พรดีๆที่น้องให้พี่มาส่งให้น้องได้รับด้วยเช่นเดียวกันค่ะ

  • Nook  On December 4, 2012 at 10:13 am

    ขอบคุณมากๆเลยค่าา โล่งใจขึ้นหน่อย
    หนูใส่ชื่อนามสกุลถูกต้องค่า แต่มี NONE มาเป็นชื่อกลาง
    ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะพี่

    • govisa  On December 4, 2012 at 8:41 pm

      ด้วยความยินดีค่ะน้อง Nook

  • ben  On December 4, 2012 at 8:26 pm

    อิอิ น้องขออภัยคะ (พิมพ์ผิดประจำเลยคะ) ขออนุญาตพิมพ์ใหม่นะคะ

    ใกล้ปีใหม่เเล้ว ขอให้พี่มีความสุข สมหวัง พบเจอสิ่่งดี ๆ เช่นพี่ทำตลอดไปนะคะ ขอให้พี่ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพ (ไม่เจ็บไม่จน) ร่ำรวยความรักคะ (ทุก ๆ ปี ทุก ๆ วันเลยค๊า)

    ชอบพระคุณพี่มาก ๆ คะ น้องจะเเวะมาอ่านเสมอ ๆ ค๊า รัก ๆ จุฟ ๆ (จุงเบยย ภาษาวัยรุ่นเค้าอิอิ)

    • govisa  On December 4, 2012 at 10:20 pm

      ขอบคุณค่ะน้อง Ben ขอให้เดินทางถึงอเมริกาปลอดภัย เที่ยวให้สนุก และมีคนคอยช่วยเหลือเวลามีปัญหาที่อเมริกานะคะ พี่เขียนภาษาวัยรุ่นอย่างน้องไม่เก่ง แต่อ่านที่น้องเขียนมาก็เข้าใจดี ดูกระชุ่มกระชวยดีด้วยค่ะ 🙂

  • ben  On December 4, 2012 at 8:34 pm

    ผิดอีก
    ประโยคสุดท้าย

    ขอบพระคุณพี่โกวีซ่ามาก ๆ คะ

  • ben  On December 4, 2012 at 8:36 pm

    ผิดอีก
    ประโยคสุดท้าย

    ขอบพระคุณพี่มาก ๆ คะ น้องจะเเวะมาอ่านเสมอ ๆ ค๊า รัก ๆ จุฟ ๆ (จุงเบยภาษาวัยรุ่นเค้าอิอิ)

  • Ohh  On December 11, 2012 at 3:47 pm

    พี่โกวีซ่่าคะ
    มีเรื่องiร้อนใจรบกวนค่ะ พอดีมี DS160 2ชุด (ชุดแรกแทบไม่มีข้อมมูลอะไรเลย กรอกไปแค่หน้าเดียว ชุดที่2คือชุดที่จะใช้จริง) และทำการนัดเรียบร้อยหมดแล้ว ดันใส่เลขDS160ชุดที่ไม่มีอะไรเลยอ่ะค่ะเข้าไปในใบนัด ตอนนี้ edit ตรงเลข DS160 ไม่ได้แล้วด้วยอ่ะค่ะ ต้องทำยังไงดีค่ะ .. ช่วยหน่อยคร๊าาา

    รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ T_T

    • govisa  On December 11, 2012 at 5:40 pm

      น้อง Ohh คะ ให้น้องนำ DS-160 Confirmation Number ไปทั้ง 2 ชุดค่ะ ถ้าเจ้าหน้าที่เขาถามก็บอกว่า กรอกหมายเลข DS-160 ในหน้าเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์ผิดเป็นอีกหมายเลขหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ อย่าวิตกไปเลยค่ะ ขอให้โชคดีสิบสัมภาษณ์วีซ่าผ่านค่ะ

  • Ohh  On December 12, 2012 at 10:16 am

    ขอบคุณ พี่โกวีซ่า มากๆๆๆคร่า…… โล่งอก…. ให้อยู่คู่กับน้องๆ ไปเรื่อยๆ นะคร๊าาาาา ^^

  • Ohh  On December 12, 2012 at 3:36 pm

    อ้อ อีกเรื่องนิดนึงค่ะ กำลังเตรียมเอกสาร ไม่ทราบว่าเอกสารที่เป็นภาษาไทย ตอ้งแปลเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยมั๊ยคะ

    • govisa  On December 12, 2012 at 9:16 pm

      เอกสารที่น้อง Ohh น่าจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ เช่น ใบแปลเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล(ถ้ามี) ส่วนใบทะเบียนการค้าผู้ปกครองไม่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษค่ะ สำหรับกรณีสมรสหรือหย่า ไม่ต้องแปลเอกสารกรณีที่จะขอวีซ่าท่องเที่ยวนะคะ ยกเว้นถ้าจะทำเรื่องขอวีซ่าประเภท K หรือจะขอวีซ่าถาวรไปอยู่ที่อเมริกาค่อยเอาไปแปลเป็นภาษาอังกฤษค่ะ

  • Nana  On December 20, 2012 at 10:34 am

    พี่Govisaน้องมารายงานตัวค่ะ สัมภาษวีซ่าผ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ
    ให้ปู่เป็นสปอนเซอร์เจ้าหน้าที่ก็ถามเกี่ยวกับไปเรียนที่ไหนนานแค่ไหนแล้วก็อาชีพสปอนเซอค่ะ น้องก็ตอบไปว่าธุรกิจส่วนตัวแล้วก็ส่งเอกสารพวกการเงินทะเบียนค้าให้ท่านดู(ทะเบียนการค้าชื่ออานะคะแต่บอกท่านว่าหุ้นกัน)ท่านก็ดูแค่นามสกุลตรงกันก็โอเครเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์เป็นผู้หญิงตัวเล็กน่ารักใจดียิ้มให้น้องตลอดเลยค่ะ
    สุดท้ายขอขอบพระคุณพี่มากนะคะที่ให้คำแนะนำมาตลอดดด^___^

    • govisa  On December 20, 2012 at 10:20 pm

      ดีใจด้วยนะคะน้อง Nana ตั้งใจเรียนเต็มที่นะคะ ได้วีซ่านานกี่ปีอย่าลืมส่งข่าวกันบ้างนะคะ ขอให้น้องเดินทางถึงอเมริกาปลอดภัยค่ะ

  • Rabbit  On December 20, 2012 at 8:47 pm

    รบกวนถามเรื่องสปอนเซอร์อ่ะคะ

    ก่อนอื่นขอเล่ารายรายละเอียดก่อนนะคะ ตอนเดือน กุมภา เคยไปขอวีซ่า j1 ไปโครงการ work & travel โดยให้คุณพ่อเปนสปอนเซอร์ให้คะ ก็ได้วีซ่ามา ไม่มีปัญหาคะ
    แล้วตอนเดือน กุมภา ปี 56 จะไปเรียนภาษาที่ซานฟราน( โดยมีโรงเรียนที่คิดว่าจะสมัคร คือ AAE กับ ELI ไม่รู้ว่าจะเลือกไรดีคะ ถ้าพี่ทราบ รบกวนแนะนำด้วยนะคะ) แต่รอบนี้จะให้คุณน้าเป็นสปอนเซอร์ ซึ่งคนละนามสกุลกับหนู แต่นามสกุลเดียวกับคุณแม่ โดยน้ามีอาชีพ ทำกับข้าวส่งเทศบาล ซึ่งไม่มีใบจดทะเบียนอะไรพวกนั่นเลยอ่ะคะ เลยไม่ทราบว่า จะมีหลักฐานอะไรไปยืนยันกับทางสถานทูต นอกจากใบรับรองทางเงิน (เป็นบัญชีฝากประจำ) ยังไงพี่ช่วยแนะนำหนูหน่อยนะคะ ขอบคุณมากคะ

    • govisa  On December 20, 2012 at 11:41 pm

      น้อง Rabbit คะ American Academy of English และ English Language Institute เป็นโรงเรียนสอนภาษาเอกชนที่ได้รับการรับรองเรื่องการสอนภาษาจาก ACCET ด้วยกันทั้งคู่ สถานที่ตั้งในเมือง San Francisco ก็อยู่ไม่ไกลกันนัก สำหรับ ELI จะมีข้อได้เปรียบนิดหนึ่งที่ไปตกลงกับ Lincoln University ว่าถ้านักเรียนผ่าน TOEFL Preparation course ของโรงเรียนจะสามารถเข้า Lincoln University ได้ค่ะ พี่อยากให้น้องเป็นคนตัดสินใจเองมากกว่าค่ะ เพราะทั้งสองโรงเรียนไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างกันมากนักค่ะ

      พี่ขอเสนอแนะข้อคิดเห็น เพื่อประกอบการตัดสินใจนะคะ

      1. น้องมีเป้าหมายจะเรียนต่ออะไรหลังจากเรียนจบภาษา เช่น ต้องการเรียนต่อป.โทบริหารธุรกิจ ให้ย้อนกลับมาดูที่คะแนนเรียนที่น้องเรียนจบป.ตรีมาว่า ได้ GPA เท่าไร มีเป้าหมายจะสมัครมหาวิทยาลัยประเภทใด เช่น มีการแข่งขันน้อย, ปานกลาง หรือสูง ซึ่งหมายความว่า ต้องทำคะแนน TOEFL iBT ให้ได้ 79-80 หรือมากกว่านั้น คะแนน GMAT บางมหาวิทยาลัยแถวละแวก San Francisco ในระดับปานกลางขึ้นไปต้องการ GMAT ประมาณ 500 ขึ้นไปถึง 600 กับ บางมหาวิทยาลัยที่อาจจะไม่ได้ต้องการคะแนน GMAT สูงดังที่กล่าวมา หรืออาจจะไม่ต้องใช้ GMAT ในการสมัครเลยก็มี

      ดังนั้นคำถามคือ น้องจะต้องใช้เวลาในการเรียนภาษานานเท่าไร จึงจะสอบ TOEFL และ GMAT ได้ตรงตามที่มหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัครต้องการ และถ้าไม่สามารถทำคะแนนได้ถึง อาจจะต้องสมัครมหาวิทยาลัยในระดับที่มีการแข่งขันไม่สูงมาก ซึ่งน้องอาจจะลองค้นดูชื่อ U จาก Google ว่ามี U ใดบ้างที่มีหลักสูตร MBA เพราะดูจะเป็นการไม่เหมาะสมที่พี่จะประเมินทั้งคุณสมบัติของน้องและคุณสมบัติของมหาวิทยาลัย โดยที่พี่ยังไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับตัวน้องเลยค่ะ

      2. การรับรองภาษาของสถาบันสอนภาษาในสหรัฐอเมริกามีหลายสมาคมค่ะ ACCET เป็นสมาคมในลำดับต้นๆที่หลายโรงเรียนภาษาสามารถผ่านเข้าไปเป็นสมาชิกได้ ยังมีความแตกต่างของสมาคมทางภาษาอีกหลายระดับ ให้น้องอ่านเองที่ http://www.aaiep.org/file_downloads/0000/0058/AAIEP_PSA_Revised_May_2012.pdf

      3. สมาคม BPPE ที่ AAE พูดถึง เป็นคล้ายๆจะดูแลเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคเฉพาะในรัฐ California โปรดอ่านที่เว็บไซต์นะคะ http://www.bppe.ca.gov/

      4. Homeland Security คือกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิซึ่งทุกโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่สามารถออก I-20 ให้นักเรียนต่างชาติได้จะต้องมีชื่อโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอยู่ใน list ของ DHS อยู่แล้วค่ะ น้องสามารถเข้าไปเช็คได้ที่ http://studyinthestates.dhs.gov/school-search ถ้าโรงเรียนใดไม่มีชื่อจะออก I-20 ให้นักเรียนต่างชาติไม่ได้ค่ะ ที่เอ่ยถึงหน่วยงานในข้อ 3 และข้อ 4 เพื่อประกอบคำอธิบายที่โรงเรียนภาษา AAE พูดถึงการรับรองในหน้าเว็บไซต์ของโรงเรียนค่ะ http://www.aae.edu/about-2/accreditation/

  • rabbit  On December 21, 2012 at 5:34 pm

    ขอบมากคะสำหรับข้อมูลทางโรงเรียน

    1. แต่ที่หนูกังวลใจ ก็คือเรื่องสปอนเซอร์อ่ะคะ
    ที่จะให้น้าเป็นสปอนเซอร์ให้ คนละนามสกุลกับหนู แต่นามสกุลเดียวกับแม่เป็นน้องสาวแม่แท้ๆ บัญชีเป็นเงินฝากประจำ มีเงินประมาณ 6 แสนกว่าๆ มีอาชีพทำกับข้าวส่ง ซึ่งไม่มีการจดทะเบียนการค้า รบกวนช่วยแนะนำหนูหน่อยนะคะ แล้วหนูต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ถามซ้ำอีกรอบ

    2. ตอนนี้ หนูกำลังจะจบ ป.โทคะ ซึ่งเกรดตอนจบ ป.ตรี คือ 3.08 และ ป.โท คือ 3.63 และหลังจากเรียนภาษาแล้ว ก็อยากจะลองสอบเข้ามหาลัยคะด้าน การจัดการ แต่ก็จะลองสอบหลังจากเรียนภาษาได้สักประมาณ 3 เดือนคะ แพลนคร่าวๆก็ประมาณนี้คะ

    • govisa  On December 21, 2012 at 7:55 pm

      น้อง Rabbit คะ
      1. ถ้าน้องได้ลองอ่านคำถามของท่านอื่นๆ จะเห็นได้ว่า พี่พยายามบอกทุกคนให้มีหรือให้แสดงบัญชีสะสมทรัพย์ไปด้วย แต่คนไทยนิยมฝากประจำ ซึ่งการไปเรียนต่อที่อเมริกาหรือไปเที่ยวก็ตาม sponsor ควรมีบัญชีออมทรัพย์ เพราะบัญชีออมทรัพย์หรือสะสมทรัพย์จะมีสภาพคล่องสูง หมายความว่า เบิกถอนได้ทุกวัน ในขณะที่บัญชีประจำต้องรอครบกำหนดก่อนจึงจะเบิกได้ค่ะ ซึ่งวันครบกำหนดกับวันจ่ายเงินค่าลงทะเบียนเรียนอาจจะไม่ตรงกัน กงสุลอาจจะไม่เข้าใจว่า แล้วจะเอาเงินจากที่ไหนมาจ่ายให้สถานศึกษาค่ะ ลองสอบถามน้าหรือแม่ดูนะคะว่า มีบัญชีสะสมทรัพย์ด้วยหรือเปล่า หากมีให้นำไปด้วยค่ะ

      อาชีพทำกับข้าวไม่มีทะเบียนการค้า น้องน่าจะมีใบสั่งซื้อกับข้าวจากลูกค้าของน้า อาจจะเป็น order รายเดือนติดมือไปด้วยก็ดีนะคะ

      ส่วนน้านามสกุลเดียวกับแม่ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างน้ากับแม่ อาจจะนำทะเบียนบ้านของน้าและของแม่ติดมือไปด้วยก็ได้นะคะ เพราะในทะเบียนบ้านตรงชื่อน้าจะมีชื่อผู้ให้กำเนิด ซึ่งตรวจสอบให้ดีจะเห็นว่าเหมือนของแม่น้องค่ะ ส่วนเงินที่มีอยู่ในบัญชีหกแสนค่อนข้างน้อย ถ้าจะบอกว่า เรามีแผนการเรียนต่อปริญญาโทอีกหนึ่งใบ เงินในบัญชีควรมีเกินหนึ่งล้านบาท เพราะค่าครองชีพใน San Francisco แพงค่ะ

      2. พี่ไม่ทราบว่า น้องจบปริญญาโทที่เมืองไทยด้านใดนะคะ แต่ตอนที่สัมภาษณ์ว่า จะไปสอบ TOEFL ที่อเมริกา เพื่อสมัครเข้าเรียนต่อปริญญาโทด้านการจัดการนั้น ชื่อวิชาที่จะเรียนต่อป.โทที่อเมริกาไม่ควรจะซ้ำกับชื่อวิชาที่จบป.โทจากเมืองไทยไปค่ะ

      • Rabbit  On December 21, 2012 at 10:28 pm

        ขอบคุณมากๆเลยคะ สำหรับแนะนำ

      • govisa  On December 22, 2012 at 12:57 pm

        สัมภาษณ์วีซ่าเสร็จแล้วเขียนมาแชร์ประสบการณืกันบ้างนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะน้อง Rabbit

  • Nana  On December 22, 2012 at 4:36 pm

    ขอบคุณนะคะพี่^__^ น้องมารายงานความคืบหน้าน้องได้วีซ่า5ปีค่ะได้รับวันนี้ ดีใจมากค่ะ^____^

    • govisa  On December 22, 2012 at 8:46 pm

      ดีใจด้วยนะคะน้อง Nana ขอให้ตั้งใจเรียนภาษาและสอบ TOEFL ให้ได้ตรงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยต้องการภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปีนะคะ จะได้สมัครเรียนต่อปริญญาโทได้ตามเป้าหมาย และรีบเรียนจบกลับมาให้คุณปู่และคุณย่าชื่นใจเร็วๆค่ะ เห็นใจคนสูงวัยที่คอยดูความสำเร็จของหลานอยู่ที่เมืองไทยนะคะ

  • pranee  On January 9, 2013 at 10:46 am

    ขอรบกวนถามว่าเอกสารต่างๆเช่น ใบทะเบียนสมรส ,ใบขออนุญาตเปิด รร อนุบาล ฯลฯ ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่าคะ

    • govisa  On January 9, 2013 at 7:08 pm

      น้อง Pranee คะ ใบทะเบียนสมรส, ใบขออนุญาตเปิดโรงเรียนอนุบาลไม่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ ในสถานทูตมีเจ้าหน้าที่คนไทยช่วยท่านกงสุลตรวจเอกสารค่ะ ขอให้นำเอกสารที่ถามมาเป็นเอกสารตัวจริงไปแสดงให้ท่านกงสุลดูค่ะ ทะเบียนสมรสที่จะต้องนำไปแปลในกรณีที่น้องจะขอวีซ่าถาวร เช่น วีซ่าคู่สมรส, การดำเนินการขอกรีนการ์ด เป็นต้นค่ะ

  • pranee  On January 9, 2013 at 10:52 am

    ขอถามเพิ่มเติมค่ะ จะไปต้นเดือนเมษา แล้วจะเริ่มดำเนินการขอวีซ่าต้นเดือน กพ จะทันไหมคะ

    • govisa  On January 9, 2013 at 7:21 pm

      น้อง Pranee คะ ถ้าหากเป็นไปได้จะเริ่มกรอกฟอร์มตั้งแต่บัดนี้ แล้วค่อยไปทำการจองคิวนัดวันสัมภาษณ์วีซ่าก็น่าจะดีนะคะ เพราะช่วงต้นปีแบบนี้คิวนัดวีซ่าค่อนข้างแน่น เหมือนที่เคยแจ้งให้หลายๆท่านทราบแล้วว่า ช่วงนี้เป็นช่วงนักศึกษาเขายื่นขอวีซ่า J-1 ไปโครงการ Work and Travel ระหว่างปิดเทอมภาคฤดูร้อนที่เมืองไทยกัน คนกลุ่มนี้ปีหนึ่งๆจะมีประมารเกือยบ 8,000 คน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ขอวีซ่าไปเรียนโครงการภาษาอังกฤษช่วงปิดเทอม บางทีก็จะมีผู้ปกครองขอวีว่าพาลูกไปเที่ยวอเมริกาช่วงปิดเทอม นี่ยังไม่รวมคนที่ขอวีซ่าประเภทอื่นๆอีกนะคะ คนเหล่านี้จะต้องเตรียมขอวีซ่ากันช่วงนี้ พอปิดเทอมปุ๊บก็จะเดินทางกันเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความหงุดหงิดเรื่องหาคิวนัดสัมภาษณ์ไม่ได้ ให้กรอกฟอร์ม DS-160 ให้เสร็จเพื่อจะได้ Ds-160 Confirmation Number สำหรับไปจองคิวนัดวันสัมภาษณ์ และให้น้องหมั่นเข้าไปดูว่า วันนัดช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ต้องการเปิดให้จองหรือยังนะคะ ถ้าเปิดแล้วก็รีบจองเลยค่ะ สัมภาษณ์เสร็จจะทราบผลเดี๋ยวนั้นเลยว่า ได้หรือไม่ได้วีซ่า เพราะกงสุลท่านจะบอกให้ไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ในสถานทูตแปลว่า ได้วีซ่า ถ้าท่านคืนเอกสารให้หมดก็แปลว่า ถูกปฏิเสธวีซ่าค่ะ ระยะเวลาในการส่งเล่มหนังสือเดินทางคืนไม่เกิน 3 วันทำการ เพราะสถานทูตส่งไปรษณีย์ EMS ให้ผู้รับปลายทางค่ะ

  • ning  On April 17, 2013 at 2:25 pm

    สวัสดีค่ะหนิงรบกวนถามดังนี้นะคะ คือว่าเมื่อเมษาปีที่แล้วเดินทางไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อเมริกามาค่ะและอยู่นานมากค่ะก็เกือบหกเดือน ก็พอดีว่าน้องเขายื่นเรื่องขอกรีนการ์ดให้ด้วยค่ะ น้องสาวเป็นพลเมืองแล้วค่ะ ใช้สิทธิแบบfamily base อะไรประมาณนี้ค่ะ ก็เลยต้องรอตามคิว ซึ่งอาจจะต้องรอนานถึงสิบปีหรือมากกว่านั้น คือตอนแรกคิดว่าจะได้เร็วเหมือนพ่อและแม่ค่ะ คือตอนนี้พ่อได้กรีนการ์ดแล้วค่ะ หนิงก็เลยกลับมารอที่เมืองไทยก่อนที่วีซ่าเข้าประเทศจะหมดอายุ อยู่เกือบหกเดือนค่ะ และต้นปีนี้พ่อเขาเดินทางกลับมาเยี่ยมญุาติที่เมืองไทยค่ะ และตอนนี้กำลังจะเดินทางกลับไปแล้วค่ะ หนิงก็เลยอยากเดินทางไปส่งท่านค่ะและจะได้ไปพักผ่อนด้วยดูแลพ่อแม่ด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาหรือเปล่านะคะเพราะครั้งที่แล้วอยู่นาน พี่พอจะทราบไหมค่ะว่าคนที่อยู่ในระหว่างยื่นเรื่องขอกรีนการ์ดสามารถเดินทางเข้าออกอเมริกาได้หรือไม่อย่างไรค่ะ

    • govisa  On April 17, 2013 at 11:50 pm

      น้อง ning คะ หากน้องหนิงอยู่ระหว่างการรอผลอนุมัติว่าจะได้กรีนการ์ดไหม ก่อนเดินทางออกจากประเทศสหรัฐฯกลับไทยครั้งก่อน น้องได้กรอกฟอร์ม I-131 เพื่อขอ Advance Parole หรือเปล่าคะ ทำนองขออนุญาตกลับมาประเทศไทยค่ะ น้อง ning ลองอ่านเว็บไซต์ของ US Citizenship and Immigration Services ดูนะคะ http://www.uscis.gov/portal/site/uscis/menuitem.eb1d4c2a3e5b9ac89243c6a7543f6d1a/?vgnextoid=4c790a5659083210VgnVCM100000082ca60aRCRD&vgnextchannel=4c790a5659083210VgnVCM100000082ca60aRCRD

      พี่แนะนำให้น้องสาวที่เป็น US Citizen ลองปรึกษาทนายความในสหรัฐฯว่า ถ้าน้อง ning ไม่ได้ทำ advance parole กลับมาด้วย น้องสามารถกรอกฟอร์มดังกล่าวส่งกลับไปที่สหรัฐฯได้ไหม เพราะอุปสรรคอาจจะมีเกิดขึ้นได้ เพราะน้อง ning ต้อง scan 10 นิ้วมือของน้องด้วยค่ะ

      เว็บไซต์หลังนี้เป็นของหน่วยงานเอกชนแห่งหนึ่ง http://www.uscitizenship.info/articles/what-are-the-travel-rules-for-green-card-applicants/index.html ส่วนคำถามที่ทางผู้เขียนเป็นล็อกเรื่อง ” What Are the Travel Rules for Green Card Applicants ?”

  • ning  On April 17, 2013 at 2:30 pm

    ขอเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ คือพ่อหนิงอายุแปดสิบค่ะ ท่านแข็งแรงพอสมควรแต่ความจำไม่ค่อยดีค่ะ คือถ้าเป็นไปได้ท่านอยากให้ลูกไปด้วยค่ะ

  • ning  On April 18, 2013 at 9:12 am

    พี่คะหมายความว่าถ้าหนิงกรอกแบบฟอร์ม I-131 และจะต้องพิมพ์นิ้วมือต่อหน้าเจ้าหน้าที่ด้วยใช่ไหมค่ะ

    • govisa  On April 19, 2013 at 12:03 am

      น้อง ning คะ บางคำถามของน้องหลายท่านเป้นคำถามที่ละเอียดอ่อนและมีความสลับซับซ้อนในการที่จะตอบออกไปหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือประเทศนั้นๆ มันอาจจะสร้างความเสียหายให้น้องได้ เช่น ทำให้น้องดำเนินการตัดสินใจผิด ส่งผลให้การดำเนินการขอกรีนการ์ดล่าช้า หรืออื่นๆได้ค่ะ นั่นคือเหตุผลที่พี่เขียนแนะนำให้น้องปรึกษากับน้องสาวที่เป็น Citizen เพื่อให้น้องสาวปรึกษากับผู้รู้ทางกฎหมายในสหรัฐฯอีกทีหนึ่งเพื่อช่วยน้องค่ะ ส่วนข้อมูลเรื่องพิมพ์ลายนิ้วมือ พี่ค้นหาอ่านจากเว็บไซต์ที่ให้ไปแล้วครั้งก่อนค่ะ

      เพิ่มเติมจากที่ตอบไปครั้งก่อน ถ้าดูกันตามความเป็นเหตุเป็นผล หากวีซ่าท่องเที่ยวของน้องยังมีอายุอยู่ก็น่าจะเดินทางเข้าไปได้ เพียงแต่น้องคงต้องตอบคำถามที่ตรงจุดอิมมิเกรชั่นนานหน่อย เพื่อเพิ่มความชัดเจนให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะได้มั่นใจำได้ว่า น้องเข้าไปแล้ว น้องจะกลับเมืองไทยค่ะ เนื่องจากตามประวัติ น้องมีคุณพ่อคุณแม่ที่มีกรีนการ์ด และน้องสาวก็เป็น citizen อยู่ที่อเมริกา ตัวน้องเองก็อยู่ในขั้นตอนการขอกรีนการ์ด ถ้ามองในแง่ลบก็มองได้ว่า ถ้าอนุญาตให้เข้าประเทศไปแล้วจะคิดอยู่เลยไหม เพราะญาติๆก็อยู่ที่อเมริกากันแล้วค่ะ พี่จึงต้องขอโทษที่ไม่สามารถจะช่วยน้องตัดสินใจในกรณีนี้ได้ น้องจำเป็นต้องให้คนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาหาข้อมูลประกอบและใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจครั้งนี้ด้วยค่ะ

  • Plu  On April 18, 2013 at 7:00 pm

    ไปกรอก DS-160 confirmation ในตอนนัดวันสัมภาษณ์ผิด แล้วยืนยันวันสัมภาษณ์ไปแล้ว ต้องแก้ไขไหมครับ ผมเข้าไป edit application info แล้วขึ้นเป็นตัวอักษรสีเทาแก้ไขไม่ได้อ่ะครับ

    • Plu  On April 18, 2013 at 7:12 pm

      DS-160 Confrimation number ที่ถูกจะเป็น AA0031UII1 แต่ไปกรอก AA0031UIT1 อ่ะครับ

      • govisa  On April 18, 2013 at 11:36 pm

        พี่ได้เขียนอธิบายไปแล้วค่ะน้อง Plu

    • govisa  On April 18, 2013 at 11:35 pm

      น้อง Plu คะ แก้ไขเปลี่ยนแปลง DS-160 Confirmation Number ไม่ได้อย่างในอดีตหากน้องได้ยืนยันวันนัดสัมภาษณ์ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ พี่แนะนำให้น้องเขียนอีเมล์ไปสอบถามที่ visasbkk@state.gov อธิบายเป็นลายลักษณ์เข้าไปก่อนล่วงหน้า และในวันสัมภาษณ์ถือ DS-160 Confirmation NUmber AA0031UII1 เข้าไปพร้อมทั้ง print email ที่เขียนไปสอบถาม visasbkk@state.gov ไปด้วยเพื่อเป็นหลักฐานว่า น้องทราบว่า เป็นน้องเองที่กรอกผิดพลาดและพยายามติดต่อขอคำแนะนำเพื่อแก้ไขจากทางสถานทูต (พี่ไม่แน่ใจว่า น้องจะได้รับคำตอบกลับมาทันเวลาที่น้องจะเข้าไปสัมภาษณ์ไหมคะ หากกงสุลท่านมีงานมาก เนื่องจากช่วงนี้ใกล้เวลาทีนักศึกษาเริ่มได้รับการตอบรับไปเรียนเทอม Summer และเทอม Fall กันแล้ว หลายคนเริ่มทยอยขอวีซ่ากันแล้วด้วยค่ะ จึงแนะนำให้พิมพือีเมล์ที่น้องเขียนถึงสถานทูตเข้าไปแทน แต่ถ้าได้รับคำตอบกลับมาทัน เขียนมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะว่า ทางสถานทูตแนะนำน้องอย่างไร เพื่อเป็นประโยชน์กับน้องท่านอื่นที่เกิดทำผิดแบบเดียวกับน้องค่ะ)

      ความผิดพลาดในกรณีของน้องเกิดจากการที่น้องกรอกหมายเลข DS-160 Confirmation Number ผิดในตอนที่จองวันนัดสัมภาษณ์ พี่จึงไม่คิดว่า น้องจะต้องกรอก DS-160 online ใหม่ เพราะน้องไม่ได้ต้องการจะแก้ไขที่กรอกไปแล้วใน DS-160 online ค่ะ

  • blue  On April 20, 2013 at 6:25 pm

    สวัสดีค่ะ ขอรบกวนสอบถามหน่อยค่ะ คือพึ่งเห็นว่าตัวเองกรอกD-160ผิดค่ะ ต้องเลือก B2 แต่ไปเลือก B1/B2 ค่ะ โดยส่วนตัวไปท่องเที่ยว1เดือน มีแม่และเพื่อนๆแม่ไปด้วยค่ะ รวม4คน แต่กรอกของตัวเองกับแม่ผิด ของที่เหลือกรอกถูก สัมภาษณ์วันจันทร์ที่22นี้แล้วด้วยค่ะ จะทำยังงัยดีคะ ขอบคุณมากเลยนะคะ

    • govisa  On April 21, 2013 at 9:43 pm

      น้อง blue คะ กรอกฟอร์มวีซ่า DS-160 ใหม่ print DS-160 Confirmation Number ใหม่ ถ้าน้องไม่คิดมากเรื่องเงินค่าพินเพื่อจองวันนัดสัมภาษณ์ใหม่นะคะ ให้ใช้บัตรเครดิตเข้าไปทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ใหม่กะคุณแม่สองคน ได้วันที่ไม่ใช่พรุ่งนี้คือจันทร์ที่ 22 เมษายนก็ไม่เป็นไร ขอให้เลือกวันที่เร็วที่สุดเท่าที่จะหาได้ค่ะ พรุ่งนี้ไปพร้อมคนอื่นๆอีก 2 คนและแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารในสถานทูต เรื่องกรอกฟอร์ม DS-160 ผิดประเภทของวีซ่าที่จะขอ ต้องการขอ B-2 ไปเที่ยว ไม่ใช่ B-1 ไปประชุม หรือ ดูงานค่ะ และเมื่อกรอก DS-160 ใหม่เสร็จแล้ว จึงทำคิวนัดสัมภาษณ์ใหม่ น้องไม่สามารถหาวันจันทร์ที่ 22 เมษายนได้ แต่เนื่องจากอยากจะใช้วันนัดเดิมเพื่อสัมภาษณ์ร่วมกับเพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 ท่าน เพราะอาจจะใกล้กำหนดวันเดินทางของน้องที่ว่าจะไปกัน 4 คน หรือน้องอาจจะอยากรู้ผลวีซ่า เพื่อจะได้รีบไปจองซื้อตั๋วเครื่องบิน ให้เลือกเหตุผลที่ดูใกล้เคียงกับสถานการณ์ของน้องเพื่อแจ้งกับเจ้าหน้าที่ในสถานทูตตอนตรวจเอกสารวีซ่าค่ะ

      • blue  On April 23, 2013 at 12:15 pm

        ขอบคุณมากค่ะพี่Govisa ปรากฎว่าปริ๊นเตอร์เสียพอดีเลยลองเสี่ยงดูไปทั้งอย่างนั้นเลยค่ะ
        พอไปถึงดูที่ใบนัดของทางสถานทูต ขึ้นเป็นB2ค่ะ เลยคิดว่าตอนกรอกDS160มันคงมีช๊อยส์ไปตัดให้เป็นB2อยู่แล้วมั๊งคะ
        ส่วนตัวคิดว่าทางสถานทูตค่อนข้างอลุ่มอล่วยมากๆค่ะ เพราะตัวเองกรอกจังหวัดเกิดผิดจังหวัดเลย และกรอกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆผิดหลายจุดมากเลยค่ะ เพราะด้วยความรีบแต่เค้าก็ไม่ได้เช็คที่จุดนี้มากเท่าไหร่
        ฝากพี่บอกคนที่สมัครรายใหม่ๆด้วยค่ะ ว่าไม่ต้องเครียดถ้ากรอกผิด สามารถอธิบายเค้าได้ค่ะ มีบางคนลืมเอาใบเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลไปก็ได้สัมภาษณ์ค่ะ เรื่องเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าถ้าจ่ายผิดสามารถไปจ่ายเพิ่มที่นั่นได้
        ส่วนคำถามที่ตัวเองโดนน้อยมากเลยค่ะ แค่ทำงานอะไรไปกี่วัน เที่ยวที่ไหนบ้างเท่านั้นเอง อาจจะเพราะมีใบทะเบียนพาณิชย์ด้วย เลยทำให้เรื่องง่ายขึ้น ระหว่างสัมภาษณ์ก็ยื่นเอกสารต่างๆเลย ไม่รอให้เค้าขอ ส่งอย่างเดียวเลยค่ะ
        ขอบคุณGovisaมากเลยค่ะ

      • govisa  On April 23, 2013 at 8:42 pm

        ขอบคุณน้อง blue มากค่ะที่เขียนมาบอกว่าได้วีซ่าแล้ว พร้อมทั้งให้คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อให้คนที่แวะเข้ามาอ่านจะได้ไม่ต้องวิตกมากเวลาไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ อย่างไรก็ตาม พี่ก็ไม่อยากให้คนที่เข้ามาอ่านประมาทเตรียมเอกสารแบบไม่ค่อยตั้งใจมาก ถ้าโชคไม่ดีอาจพลาดได้เรื่องความไม่พร้อมในการเตรียมตัว ขอให้เตรียมตัวให้ดีที่สุดแล้วกันนะคะ เพราะแต่ละคนอาจจะได้รับประสบการณ์แตกต่างกันไปค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ขอให้น้อง blue เดินทางถึงอเมริกาโดยปลอดภัยและเที่ยวให้สนุกนะคะ

  • meme  On August 1, 2013 at 3:58 am

    สวัสดีค่ะพี่หนูมีเรื่องรบกวนสอบถามค่ะคือหนูเคยไปเรียนที่อเมริกามาปีกว่าแต่ตอนก่อนที่จะกลับรรเค้าตัดชื่อออกแล้วบอกว่าให้อยู่ได้ 14 วัน แต่หนูได้อยู่เกินจากนี้มาอีก 5 วัน หนูอยากสอบถามว่ามันจะมีปัญหาอะไรไหมค่ะถ้าหนูจะกลับไปเที่ยวอีกและขอวีซ่าท่องเที่ยวอ่ะค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ

    • govisa  On August 1, 2013 at 5:33 am

      น้อง meme คะ ปกติหลังจากเรียนจบจากโรงเรียน,วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา นักเรียนมีสิทธิ์อยู่ต่อในประเทสสหรัฐอเมริกาได้อีกไม่เกิน 60 วัน ในเว็บไซต์ของ International Student Office ของแต่ละสถานศึกษาหรือในหน้า 2 ของ I-20 ก็ควรจะมีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ พี่ขอยกตัวอย่างของ University of California/Berkeley มาให้ดูค่ะ
      The 60-day Grace Period: When you complete your study program, you are allowed a 60-day grace period to depart the U.S., request a school transfer, or change your status. Note: Students who are interested in working in the U.S. following their program completion must apply for Optional Practical Training work authorization between 90 days before the program completion date and the expiration of the 60 Day Grace Period.”

      นักเรียนควรปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศสหรัฐฯ เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตาม ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศครั้งต่อๆไปได้อีกไม่ว่าจะด้วยการขอวีซ่าประเภทใดๆก็ตามค่ะ คำอธิบายจะอยู่ในหน้าเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาว่าด้วยเรื่องวีซ่านักเรียนนะคะ
      Failure to depart the United States on time will result in you being out of status, can void your visa, and may make you ineligible for visas you may apply for in the future. Review Visa Denials, Ineligibilities and Waivers: Laws, and section 222(g) of the Immigration and Nationality Act

      อนึ่ง ถ้าวีซ่านักเรียนของนักเรียนท่านใดมีปัญหา โรงเรียนเองก็จะรายงานไปที่ Homeland Security Department ด้วย พี่ไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมโรงเรียนจึงบอกว่า น้องมีสิทธิ์อยู่ได้แค่ 14 วันค่ะ น้องไปทำอะไรผิดกฎโรงเรียนหรือเปล่าคะ ดังนั้นถ้าน้องจะขอวีซ่าท่องเที่ยวกลับเข้าไปใหม่ โปรดให้ความละเอียดถี่ถ้วนในการเตรียมเอกสารเพื่อแสดงให้เห็นว่า น้องมีฐานะทางการเงินที่ดีพอที่จะไม่คิดไปอยู่ในประเทศสหรัฐฯ และน้องก็ยังมีความผูกพันกับครอบครัวที่เมืองไทยทุกคนดีอยบู่ หลังจากเที่ยวเสร็จแล้วน้องจะกลับมาทำงานต่อที่ประเทศไทยค่ะ ขอเอาใจช่วยให้ขอวีซ่าได้ค่ะ

  • phannapa  On August 16, 2013 at 9:38 pm

    สวัสดีอีกครั้งค่ะ ตอนนี้อยู่อเมริกากำลังจะกลับไทยวันที่ 20 สิงหาคม นี้ แต่อยากจะเลื่อนวันกลับเป็น 22 สิงหา ไม่ทราบว่าเราต้องทำยังไงบ้างค่่ะ… ต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ พอดีสั่งออนไลน์ไว้แต่ของยังไม่มาส่งกลัวจะไม่ทันค่ะ รบกวนขอคำแนะนำอีกครั้งนะค่ะ

    • govisa  On August 17, 2013 at 9:26 pm

      น้อง Phannapa ลองโทรไปติดต่อกับแอร์ไลน์ที่น้องใช้บริการ หรือจะเข้าเว็บไซต์ของแอร์ไลน์นั้นเพื่อเลื่อนตั๋วเองก็ได้ค่ะ น้องคงต้องดูด้วยว่า 1. วันที่ที่น้องต้องการจะกลับมีที่นั่งว่างตั้งแต่อเมริกาถึงกรุงเทพไหม บางครั้งผ็ดดยสารอาจจะพบว่า มีที่นั่งว่า เช่นจากโตเกียวถึงกรุงเทพ แต่ไม่ว่างช่วงแอลเอถึงโตเกียวก็มี ฉะนั้นโปรดตวจสอบให้ดี ถ้าไม่ถนัดที่จะเลื่อนวันเดินทางในตั๋วเครื่องบินเอง ให้น้อง Phannapa เดินทางไปยังที่ที่ตั้งของสายการบินนั้นในเมืองที่น้องอยู่ ให้เจ้าหน้าที่ของสายการบินนั้นๆเขาทำการเลื่อนวันเดินทางให้ค่ะ 2. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลื่อนวันเดินทางกลับไหม ส่วนใหญ่เสียประมาณ 4-5000 บาทค่ะ

  • phannapa  On August 23, 2013 at 1:58 am

    เลื่อนตั๋วเดินทางได้แล้วค่ะ…​เลยอยากจะมาแนะนำเพื่อนคนไหนจองตั๋วไว้กับทางเอเจนซี่ให้โทรติดต่อกับแอร์ไลน์โดนตรงเลยนะค่ะ ไม่ต้องผ่านเอเจนซี่เพราะเค้าจะคิดค่าบริการ ของตัวเองบินกับโคเรียนแอร์เลยโทรสอบถามปรากฎว่าเจ้าหน้าจัดการให้หมดทุกอย่าง ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยค่ะ…

    • govisa  On August 23, 2013 at 5:13 am

      ขอบคุณน้อง phannapa มากค่ะที่เข้ามาช่วยอัพเดทเรื่องการเลื่อนตั๋วเครื่องบินในวันกลับ ขอให้เดินทางถึงกรุงเทพโดยปลอดภัยนะคะ

  • aranya  On August 30, 2013 at 1:57 pm

    จะขอprintแบบฟอร์มขอวีซ่า DS-160 ไปอเมริกาได้อย่างไรค๊ะ จะต้องให้คนไปกรอกค่ะ

    • govisa  On August 30, 2013 at 8:43 pm

      เมื่อคนที่นำข้อมูลของน้อง aranya ไปกรอกให้ เขากรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยและคลิก submit แบบฟอร์ม DS-160 online ไปแล้ว ให้น้องขอหมายเลข DS-160 Confirmation Number ที่ขึ้นต้นด้วย AA 003…..พร้อมทั้งขอรหัสที่เขาตั้งไว้ในตอนแรก เช่น อาจจะมีคำถามที่ถามว่าคุณแม่ของคุณแม่ชื่ออะไรคนกรอกแทนน้อง aranya เขาใส่ข้อมูลอะไรให้น้อง หรือคนกรอกข้อมูลอาจจะเปลี่ยนใช้คำถามอื่น ให้น้องถามคนกรอกข้อมูลว่า เขาใช้คำถามที่เป็นรหัสลับว่าอะไรและคำตอบที่เขาใส่คืออะไร

      หลังจากนั้นให้น้องเข้าไปที่เว็บไซต์ https://ceac.state.gov/genniv/ เลือกประเทศไทยหรือ Thailand Bangkok แล้วคลิกคำว่า Retrieve an Application จะได้เว็บไซต์หน้าตาทำนองนี้ https://ceac.state.gov/genniv/Common/Recovery.aspx ให้ใส่หมายเลข AA003……หน้าถัดไปจะให้ใส่อักษร 5 ตัวแรกของนามสกุล ปีค.ศ.ที่เกิด และคำถามที่เป็นรหัสลับเมื่อกรอกครบจะขึ้นหน้า DS-160 Confirmation Number ออกมาให้ print ค่ะ

  • july  On September 3, 2013 at 3:41 am

    สวัสดีค่ะ คือหลานสาวอายุ 28 ปี ทำงานรับจ้างเอกชน เงินเดือน 23000 ได้ขอวีซ่า F-1 เพื่อไปเรียนภาษาที่ Inlingua washington คือนายจ้างซึ่งเปนเอกชนเล็กๆ ได้รับผิดชอบค่าเรียนให้ และตอนนี้ได้รับ I-20 แล้ว และจะยิืนขอ F-2 ให้สามีอายุ 28 และลูกน้อยอายุ 3 ขวบพร้อมกันเพื่อติดตามเป็นเพื่อนด้วย ( สามีเงินเดือน 27000 และมีรายได้พิเศษอื่นๆอีกในบางเดือน) จะมีโอกาสผ่านทั้ง 3 คนไหมคะ ระยะเวลาเรียน 3 เดือน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ ออกเองเราควรจะกรอกที่ช่องผู้สปอนเซอร์ว่าเป็นใครดีคะ หลานสาวและครอบครัวไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ นายจ้างเป็นเพียงกิจการอู่เล็กๆ ในเครือบริษัทประกันค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

    • govisa  On September 3, 2013 at 5:33 am

      น้อง july คะ นอกจากสถานทูตจะดูว่าผู้ยื่นขอวีซ่ามีสถานภาพทางสังคม คือ หน้าที่การงานดีไหม ก็คงจะดูเรื่องรายรับในบัญชีเงินฝากธนาคารด้วยว่ามีเพียงพอที่จะดูแลตนเองในประเทสสหรัฐไหมคะ ถ้าไปลำพังหลานสาวใช้บัญชีเงินฝากของสปอนเซอร์ที่เป็นเจ้าของอู่เล็กๆในเครือบริษัทประกันภัย พี่ก็ไม่แน่ใจว่ากิจการที่เล็กๆนั้นมีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องพัฒนาพนักงานโดยการออกทุนให้ไปเรียนภาษาไกลถึงสหรัฐอเมริกาเลยหรือคะ อาจจะออกเงินให้ไปเรียนภาษาในโรงเรียนภาษาชั้นยอดในกรุงเทพก็พอแล้ว หรือมิเช่นนั้นก็ประเทศใกล้ๆ อีกประการหนึ่งหลานสาวก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นลูกสาวของเจ้าของอู่ค่ะ ในประเด็นนี้พี่จึงไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของอู่กับหลานสาวว่าเป็นญาติกันหรือเปล่า หรือว่าหลานสาวมีเงินในบัญชีธนาคารของตนเองไม่มากพอที่จะสปอนเซอร์ตนเอง จึงขอความอนุเคราะห์จากเจ้าของอู่ที่อาจจะใจดี พูดจาให้ช่วยเหลือรับเป็นสปอนเซอร์ให้ค่ะ

      ประการถัดมาการจะนำลูกอายุ 3 ขวบไปด้วยในเวลา 3 เดือนจริงอยู่ว่ามีสามีไปดูแลลูก 3 เดือน แต่ค่าใช้จ่ายในเรื่องลูกเวลาอยู่ต่างประเทศก็มี หากดูสถานการณ์แล้วเหมือนจะอพยพไปอยู่ที่อเมริกาทั้งครอบครัว สามีจะลางาน 3 เดือนได้อย่างไร หรือว่าสามีลาออกจากที่ทำงาน สามีมีบัญชีเงินฝากที่มากพอจะดูแลตัวลูกและตัวสามีเองในเวลา 3 เดือนได้ไหม และจะมีหลักประกันอะไรที่หลานสาวจะไม่อยู่ลงทะเบียนเรียนต่อหลังจากจบภาษา 3 เดือนแล้ว เหล่านี้คือคำถามที่น้องลองตอบตนเองให้ชัดเจนก่อนและถ้ามีเหตุผลที่ดีเพียงพอ หลานสาวคงจะไปตอบคำถามเพื่อช่วยตนเองกับครอบครัวให้ผ่านวีซ่าได้ในสถานทูตอเมริกาค่ะ

      อนึ่ง หากผู้ปกครองหลานสาวมีเงินฝากในบัญชีส่วนหนึ่งที่จะช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้หลานสาว และผู้ปกครองสามีมีเงินฝากในบัญชีที่พร้อมจะช่วยสนับสนุนสามีของหลานสาวน่าจะเป็นหลักที่ดีได้ว่า คนทั้งคู่มีความผูกพันทางครอบครัวในประเทศไทยค่ะ ดังนั้นหากทำได้ก็น่าจะเป็นชื่อผู้ปกครองของแต่ละคน คือของหลานสาวเป็นชื่อผู้ปกครองหลานสาวเป็นสปอนเซอร์ ส่วนของสามีใช้ชื่อผู้ปกครองของสามีเป็นสปอนเซอร์ ขณะเดียวกันให้นำบุ๊คบัญชีเงินฝากขงทั้งหลานสาวและสามีไปแสดงด้วย พร้อมกับจดหมายรับรองการทำงานของทั้งคู่ค่ะ ส่วนท่านเจ้าของอู่ ให้น้อง July และหลานสาวตัดสินใจเองว่า ควรจะแสดงความสัมพันธ์ว่าเป็นญาติกันดีกว่าไหมค่ะ

  • พรรณภา  On December 17, 2013 at 8:06 pm

    สวัสดีอีกค่ะคุณ Govisa วันนี้มีเรื่องรบกวนสอบถามอีกแล้วค่ะ พอดีวางแผนจะแต่งงานกับแฟนคนอเมริกันที่ไทยปีหน้าแล้วจะบินไปอยู่ที่โน่นเลย… ตัวเองมีวีซ่าท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่หลายคนแนะนำว่าให้ขอวีซ่าใหม่จะได้ไม่ปัญหาเวลาจดทะเบียนสมรสที่อเมริกา… เลยอยากจะขอคำแนะนำว่าควรจะขอวีซ่าประเภทไหนดีค่ะ ระหว่างวีซ่าคู่หมั่น กับ วีซ่าคู่สมรส (จะแต่งงานที่ไทยแต่ไม่จดทะเบียนสมรส) และเราต้องเริ่มดำเนินอย่างไรบ้างค่ะ รบกวนขอคำแนะนำอีกครั้งนะค่ะ

    • govisa  On December 18, 2013 at 4:14 pm

      น้องพรรณภาคะ ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ และสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ

      1. น้องลองเข้าไปศึกษาเรื่องการแต่งงานกับคนอเมริกันในเว็บไซต์สถานทูตอเมริกันประจำกรุงเทพดูก่อนนะคะ http://thai.bangkok.usembassy.gov/service/marriage.html
      2. วีซ่าคู่หมั้นหรือ K-1 ใช้เวลาในการรออนุมัตินานประมาณ 4-6 เดือน อย่างไรก็ตาม วีซ่า K-1 จะได้รับการอนุมัติเร็วกว่าวีซ่าคู่สมรสหรือ K-3 และว๊ซ่าคู่สมรสถาวร หรือ CR-1
      3. ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในตอนยื่นฟอร์ม I-129 เพื่อขอวีซ่า K-1, K-3 และ CR-1 จะสังเกตได้ว่าวีซ่า K-1 มีค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้อง ขณะที่ K-3 และ CR-1 ไม่มีค่าธรรมเนียม http://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/i-129finstr.pdf
      4. กฎเกณฑ์ในการขอวีซ่า K-1 คือ ต้องรู้จักแฟนชาวอเมริกันไม่ต่ำกว่า 2 ปี และจะต้องทำการสมรสและจดทะเบียนภายในเวลา 90 วันเท่าอายุวีซ่า K-1 http://www.uscis.gov/sites/default/files/USCIS/Resources/A2en.pdf เมื่อแต่งงานแล้วต้องยื่นฟอร์ม I-485 เพื่อขอกรีนการ์ดหรือ Permanent resident ในขณะเดียวกันหากคู่สมรสคือน้องพรรณภาต้องการทำงานไปด้วย น้องสามารถยื่นฟอร์ม I-765 เพื่อขอทำงานควบคู่ไปกับ I-485 ที่ยื่ขอกรีนการ์ดได้เลยค่ะ http://www.uscis.gov/family/family-us-citizens/fiancee-visa/fiancee-visas แฟนน้องสามารถทำการยื่นเรื่องราวการขอว๊ซ่า K-1 ให้น้องได้ตามขั้นตอนดังนี้ http://travel.state.gov/visa/immigrants/types/types_2994.html
      5. กรณีทำเรื่องขอวีซ่าคู่สมรสหรือ K-3 ภายหลังจากที่น้องจดทะเบียนที่ไทยและให้สถานทูตอเมริกันรับรองตามข้อ 1 แล้ว น้องจะต้องกรอกฟอร์ม I-130 ขณะที่แฟนกรอก I-129F ส่งมาที่สถานทูตอเมริกันในไทย น้องอ่านแต่ละขั้นตอนในการยื่นขอวีซ่า K-3 ได้ที่เว็บไซต์รัฐบาลอเมริกันค่ะ http://travel.state.gov/visa/immigrants/types/types_2993.html#4 ระยะเวลาในการยื่นขอวีซ่า K-3 อาจจะนานถึงเกือบ 1 ปีค่ะ น้องอ่านเว็บไซตื USCIS เรื่อง bringing spouses to live in the Unites States as Permanent Residents เพิ่มเติมด้วยก็ดีค่ะ http://www.uscis.gov/family/family-us-citizens/spouse/bringing-spouses-live-united-states-permanent-residents ถ้าต้องการทราบว่าวีซ่า K-3 มีข้อดีหรือข้อเสียเปรีบจากวีซ่าอื่นอย่างไร USCIS มีคำอธิบายให้น้องคลิกในหน้าที่พี่บอกว่ามีเรื่องการนำคู่สมรสเข้าไปอยู่ในอเมริกาตรงคำว่า K-3 นะคะ http://www.uscis.gov/family/family-us-citizens/k3-k4-visa/k-3k-4-nonimmigrant-visas ข้อดี เช่น Once admitted to the United States, K-3 nonimmigrants may apply to adjust status to a permanent resident at any time ไม่ต้องมีเงื่อนไขว่าต้องภายใน 90 วันเหมือน K-1 ค่ะ และหลังจากได้รับอนุมัติแล้วสามารถขอทำงานได้ด้วยกรอกฟอร์ม I-765 ค่ะ ส่วนข้อจำกัดหรืออาจจะมองว่าเป็นข้อด้อยข้อเสียเปรียบของ K-3 น่าจะอยู่ที่สถานะของลูกที่จะได้ K-4 ลองเข้าไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเองนะคะ วีซ่า K-3 มีอายุ 2 ปี ระหว่างนี้ให้ยื่นขอเปลี่ยนสถานภาพเป็นกรีนการ์ดหรือ permanent resident หากการขออนุมัติไม่เสร็จภายใน 2 ปีก็ต้องทำเรื่อง extend การขออยู่ต่อในสหรัฐฯค่ะ
      6. ส่วนวีซ่า CR1 กับวีซ่า IR1 มีขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าตามที่ปรากฏอยุ่บนเว็บไซต์ travel.state.gov คือ http://travel.state.gov/visa/immigrants/types/types_2991.html#1
      7. บังเอิญได้อ่านเว็บไวต์สำนักงานทนายความคนไทยคิดว่าน่าสนใจ น้องอ่านจะลองศึกษาประกอบไปกับเว็บไซต์ของ USCIS ค่ะ http://www.siam-legal.com/US_Visa/th/cr1-visa-thailand.php
      8. เว็บไซต์ us4thai.com เป็นอีกเว็บไซต์หนึ่งที่มีผู้ที่เคยมีประสบการณ์การขอวีซ่าคู่หมั้น วีซ่าแต่งงาน โพสต์อยู่เนืองๆลองเข้าไปศึกษาประสบการณืจริงของท่านเหล่านั้นดูค่ะ http://www.us4thai.com/board/viewtopic.php?f=4&t=33937

  • พรรณภา  On December 18, 2013 at 6:16 pm

    ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลที่แนะนำให้ คงจะต้องเริ่มศึกษาทำความเข้าใจจะได้เตรียมเอกสารให้พร้อมค่ะ จะปีใหม่แล้วก็ขอให้ คุณ Govisa มีความสุขประสบความสำเร็จในทุกเรื่องที่่มุ่งหวัง และสุขภาพแข็งแรงนะค่ะ

    • govisa  On December 18, 2013 at 11:30 pm

      ขอบคุณน้องพรรณภาค่ะ อ่านข้อมูลให้ดีๆและค่อยๆตัดสินใจว่า ควรจะเลือกใช้วีซ่าแบบใดที่เหมาะสมกับน้องค่ะ สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ

  • donut  On January 7, 2014 at 6:08 pm

    พี่ครับคือพอดีจะไปแก้ไขใบ ds160 อะครับพอดีจะเข้าไปแก้แล้วตรงคำถามความปลอดภัยไม่ใฃ่คำถามนี้ที่ผมตั้ง ตั้งแต่แรกแล้วผมจำไม่ได้ว่าคำตอบคืออะไร สามารถแก้ไขได้ไหมครับคือคอนเฟิมวันสัมภาษณ์แล้วด้วยทำไงดีครับข้อมูลก็ยังกรอกไม่เสร็จยังไม่ได้คอนเฟิมด้วยครับ

    • govisa  On January 8, 2014 at 5:33 am

      ให้น้อง donut กรอกฟอร์มใหม่และเขียนอีเมล์ไปที่ visasbkk@state.gov ด้วยว่าน้องลืมรหัสตรง security ค่ะ

      • donut  On January 16, 2014 at 5:09 pm

        ชอบคุณมากๆๆครับ กรอกแบบฟอร์มใหม่แล้วตรงคอนเฟิมสัมภาษณ์ละครับจะแก้ตรงไหนอะครับ คือจะแก้ confirm number ได้ตรงไหนครับ

      • govisa  On January 17, 2014 at 5:27 am

        แก้ไขตรงนัดวันสัมภาษณ์ไม่ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นน้องจะต้องนำใบ DS-160 Confirmation Number ทั้งเก่าและใหม่ไปด้วยในวันสัมภาษณ์เท่านั้นเองค่ะ น้อง donut

        ถ้าหากน้อง donut ต้องการแก้ไขวันนัดสัมภาษณฺก็จะต้องซื้อพินใหม่นัดวันใหม่ซึ่งพี่คิดว่าเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะสถานทูตอนุดลมให้ใช้ DS-160 Confirmation Number ทั้งใหม่และเก่าได้ค่ะ

  • kimball  On January 29, 2014 at 1:11 pm

    สวัสดีคะ ถ้าเราจะไปเที่ยวขอวีซ่าท่องเที่ยว และไห้ญาติที่เมการับรองเราต้องมีเอกสารอะไรบ้าง หรือแบบฟอรืมหนังสือรับบรองนะคะ่ มีไหมค่ะ

    • govisa  On January 30, 2014 at 5:34 am

      น้อง kimball คะ “ให้ญาติที่อเมริการับรองเรา” หมายความว่า รับรองทางการเงินใช่ไหมคะ ถ้าญาติที่อเมริการับรองทางการเงิน โอกาสไม่ได้วีซ่ามีค่อนข้างมาก เพราะหมายถึงน้องไม่ได้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงเท่าไรนักในการจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่อเมริกา น้องจะต้องให้ญาติส่งใบรายการเสียภาษีของเขาในรอบปีที่ผ่านมาเพื่อแสดงฐานะและรายได้ ญาติต้องส่ง statement บัญชีเงินฝากที่อเมริกามา และญาติต้องกรอกฟอร์ม I-130 มาด้วยค่ะ http://www.uscis.gov/i-130 และอาจจะต้องกรอก I-134 เพิ่มด้วยเป็น Affidavit form ที่แสดงบานะการเงินของคนที่อเมริกาว่าจะ support เราค่ะ

      แต่ถ้าหมายความว่าญาติจะรับรองเฉพาะเรื่องที่พัก กน้องจะรับรองฐานะทางการเงินบัญชีของน้องเอง แบบนี้ดูจะมีภาษีในการได้รับวีซ่ามากกว่า ญาติเขียนจดหมายรับรองว่าน้องชื่ออะไร จะไปพักกับเค้านานกี่วัน ญาติจะดูแลเรื่องที่พักกับอาหารให้ค่ะ

  • kedsada  On January 31, 2014 at 10:47 am

    SEVIS ID มาจากไหนค่ะ

  • kedsada  On January 31, 2014 at 10:51 am

    sevis ID ได้มาจากไหนค่ะ

    • govisa  On January 31, 2014 at 10:50 pm

      Sevis ID จะมีตัวอักษร N อยู่ข้างหน้าและมีตัวเลขอยู่ข้างหลัง 10 ตัวเลขค่ะ จะวางอยู่เหนือบาร์โค้ด ในหน้าแรกของ I-20 สำหรับนักเรียนทุนส่วนตัวที่ขอวีซ่า F-1 ลองอ่าคำอธิบายที่บางมหาวิทยาลัย เช่น ที่พี่ยกตัวอย่างมาคือ University of Denver เขียนไว้ว่า http://www.du.edu/apply/admission/apply/international/sevis.html ” ……the SEVIS Identification Number on your I-20. This number is in the upper right-hand corner of the I-20 and begins with an N and has 10 digits.”

      และ Sevis ID ของนักเรียนทุนที่จะขอวีซ่า J-1 ก็จะอยู่เหนือบาร์โค้ดของ DS-2019 เหมือนกันค่ะ ลองอ่านรายละเอียดที่อยู่ในหน้า DS-2019 สำหรับผู้ขอวีซ่า J-1 จากเว็บไซต์ http://j1visa.state.gov/participants/how-to-apply/about-ds-2019/detailed-description-of-the-ds-2019/ ค่ะ

  • kedsada  On January 31, 2014 at 10:55 am

    กรอกหน้า sevis ID ไม่ได้ค่ะ เลข sevis ID มาจากไหน

    • govisa  On January 31, 2014 at 10:50 pm

      พี่ตอบแล้วนะจ้ะน้อง kedsada และขอโทษที่ตอบน้องช้าไปค่ะ

  • kedsada  On January 31, 2014 at 10:58 am

    กรอกหน้า sevis ID ไม่ได้ค่ะ เลข sevis ID มาจากไหน อยากได้คำตอบด่วน ตอนนี้อยู้่หน้า กรอกข้อมูล sevis

    • govisa  On January 31, 2014 at 10:30 pm

      ขอโทษน้อง kedsada นะคะ บังเอิญคำถามของน้องไม่ได้อยู่ในกล่องที่พี่ควรจะได้รับเพื่อตอบคำถาม เลยอาจจะทำให้พี่ตอบน้องช้าไปค่ะ Sevis ID คือ N Number ที่อยู่เหนือบาร์โค้ดในหน้าแรกของ I-20 ค่ะ

  • Songpol C.  On February 3, 2014 at 3:31 am

    คือตอนนี้ผมกำลังรอ i-20 จากทางเมกาอยู่ ในขณะที่รอผมสามารถกรอก DS160ไปพลางๆได้ไหมครับ หรือจำเป็นต้องกรอกให้ครบทีเดียว

    อีกคำถามนึงคือ ถ้าผมจะไปจ่ายค่าPINกับค่าขอวีซ่าก่อนที่จะกรอก DS160เสร็จจะได้ไหมครับไม่อยากไปไปรษญีหลายๆรอบเนื่องจากตอนนี้ผมกำลังทำงานด้วย

    ส่วนคำถามสุดท้าย ตอนนี้ผมยังทำงานอยู่และกำลังจะออกปลายเดือนกพ แต่ผมจำเป็นต้องทำวีซ่าให้เสร็จก่อนปลายเดือน และทางที่ทำงานไม่สามารถออกใบผ่านงานให้ได้ก่อนวันสัมภาษเพราะจดหมายผ่านงานจะให้ต่อเมื่อ last dayของการทำงานเท่านั้น ใช้ใบยืนยันสถานะภาพจากที่ทำงานไปยื่นก่อนได้ไหมครับ

    • govisa  On February 3, 2014 at 5:33 am

      น้องSongpol คะ น้องสามารถกรอก DS-160 online ไปพลางๆก่อนได้ แต่ submit ไม่ได้เพราะขาดรายละเอียดของ Sevis ID และชื่อผู้เซ็นต์ออก I-20 ให้น้องค่ะ น้องสามารถทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ได้ และกลับมากรอกฟอร์ม DS-160 online ต่อให้จบหลังจากที่ได้รับ I-20 แต่น้องจะต้องทำการจองวันนัดสัมภาษณ์ให้พอดีกับ I-20 จะมาถึงที่บ้าน เพราะถ้าถึงวันนัดสัมภาษณ์แล้วแต่ยังไม่ได้รับI-20ก็จะไปยื่นขอสัมภาษณ์วีซ่าไม่ได้ค่ะ วันนัดสัมภาษณ์ที่จะจองจะปรากฏให้ผู้จองเห็นประมาณสองอาทิตย์ถึงไม่เกินสี่อาทิตย์เท่านั้นค่ะ ลองเข้าไปจองดูได้ค่ะ
      จดหมายผ่านงานลองถามดูว่าจะออกว่าเราเคยทำงานตั้งแต่วันที่นี้ถึงวันที่นี้ได้ไหมนะคะ

  • pook  On March 18, 2014 at 1:10 am

    สวัสดีค่ะ หนูชื่อ ปุ๊กนะค่ะ คือจะขอทำวีซ่าท่องเที่ยวไปกับคุณแม่อ่ะค่ะเพื่อไปเยี่ยมพี่สาวที่อเมริกา แต่กรอกข้อมูลDS-106ของคุณแม่ผิดอ่ะค่ะ พอกรอกข้อมูลของหนูเสดและคอนเฟิมเรียบร้อยแล้ว เค้าก้จะมีขึ้นให้เหมือนกับว่าต้องการทำของคนอื่นอีกมั้ย หนูเลยกรอกของคุณแม่ไปค่ะ แต่ตรงช่องที่ถามว่า“Yes” หรือ “No” ส าหรับคำถามที่ว่าท่านเคยใช้ชื่ออื่นๆ ในช่วงชีวิตของท่านหรือไม คือคุณแม่หย่ากับคุณพ่อแล้วได้เปลี่ยนนามสกุลอ่ะค่ะ แต่หนูตอบว่า NOไปอ่ะค่ะและก้คอนเฟิมSubmit Applicationไปแล้วด้วยค่ะ จะเปนไรมั้ยค่ะ ต้องทำDS-106 ของคุณแม่ใหม่มั้ยค่ะ แล้วถ้าทำใหม่จะมีผลต่อวันนัดสัมภาษณ์ หรือมีผลต่อบุคคลที่เดินทางไปด้วยรึป่าวค่ะ

    • govisa  On March 18, 2014 at 5:23 am

      น้อง pook คะ ถ้าน้องต้องการแก้ไขข้อมูลของคุณแม่ให้ถูกต้องน้องสามารถกรอก DS-160 ใหม่โดยไม่ต้องกรอกแบบ family ก็ได้ค่ะ และ print confirmation number หมายเลขใหม่ โดยในวันสัมภาษณ์คุณแม่จะยื่น DS-160 Confirmation Number ทั้งใหม่และเก่าให้สถานทูตค่ะ หมายเลขเก่าที่ต้องยื่นเพราะใช้หมายเลขนั้นในการยืนยันวันนัดสัมภาษณ์ ส่วนหมายเลขใหม่ที่ยื่นเพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องค่ะ แต่ถ้าน้องยังไม่ได้ทำการนัดวันสัมภาษณ์ น้องใช้ DS-160 Confirmation Number หมายเลขใหม่หมายเลขเดียวไปเลยได้ค่ะ

  • PT  On April 18, 2014 at 1:59 pm

    สอบถามค่ะ เกี่ยวกับการกรอก DS-160
    ตอนนี้ได้จ่ายค่า Sevis Fee เรียบร้อยแล้ว
    1. สามารถกรอก DS-160 ได้เลยมั้ยคะ
    2.เมื่อก่อนจะต้องซื้อ PIN อยากทราบว่าตอนนี้ DS-160 ต้องจ่ายอย่างไรคะ
    3.ตอนจองวันสัมภาษณ์ต้องจองนานมั้ยคะ คอร์สเริ่มวันที่ 7 July 2014 ค่ะ กลัวไม่ทันมากๆ 4.เอกสารที่เตรียมไปในวันสัมภาษณ์ควรมีอะไรบ้างคะ

    • govisa  On April 18, 2014 at 11:32 pm

      น้อง PT คะ

      หน้าเว็บไซต์ที่ใขช้ในการกรอกฟอร์มวีซ่า DS-160, หน้าเว็บไซต์ชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า และหน้าเว็บไซต์นัดวันสัมภาษณ์จะรวมกันอยู่ในหน้าเว็บไซต์เดียวกันคือ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-paymentinfo.asp

      1. กรอฟอร์มวีซ่า DS-160 online คลิกที่หน้านี้ค่ะ https://ceac.state.gov/genniv/

      2. ค่าธรรมเนียมวีซ่าและค่านัดวันสัมภาษณ์จะรวมเป็นเงินก้อนเดียวกัน ราคา ณ.วันนี้คือ 4,960 บาทค่ะ การชำระเงินทำได้ 2 ทางคือ
      ***** การโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ – Electronic Funds Transfer (EFT) หรือโอนเงินทางอินเทอร์เน็ตจากบัญชีธนาคารที่น้องมี จะเป็นธนาคารคนไทยแบรนด์ไหนก็ได้ที่น้องเป็นสมัครสมาชิกการใช้บริการทางอินเทอร์เน็ต น้องโอนเงินเข้าบัญชีสถานทูตไปที่ธนาคาร Bank of America
      ***** ชำระเงินสดที่ธนาคาร ซึ่งก็คือ ชำระด้วยเงินสดผ่านธนาคารศรีอยุธยาค่ะ

      โปรดศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง ” ผู้สมัครทำนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ทาง ออนไลน์ หรือ เจ้าหน้าที่คอลเซนเตอร์ โดยใช้เลขที่อ้างอิง Virtual Account ID เพื่อทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า , กับ ตารางแสดงระยะเวลาที่ผู้สมัครสามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว……”

      หากมีข้อสงสัยโปรดดทรศัพท์สอบถามสถานทูตตามหมายเลขโทรศัพทืนี้ ในวันและเวลาทำการค่ะ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-main-contactus.asp
      3. จองวันนัดสัมภาษณ์ไม่นานค่ะ คอร์สเริ่มวันที่ 7July ขอสัมภาษณ์ตั้งแต่ตอนนี้ทันอยู่แล้วค่ะ
      เอกสารที่ใช้สัมภาษณ์
      1. จดหมายตอบรับจากสถานศึกษาหรือ I-20
      2. ฟอร์ม DS-160 Confirmation Number
      3. ใบเสร็จจ่ายธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคารศรีอยุธยา
      4. Transcript
      5. หนังสือเดินทาง
      6. จดหมายรับรองฐานการเงินจากธนาคารของ sponsor
      7. จดหมายผ่านงาน ถ้าน้องเคยทำงานมาก่อนค่ะ

  • Yim  On May 20, 2014 at 5:17 pm

    สวัสดีคะ ขอสอบถามเรื่องการต่อวีซ่าคะ
    วีซ่าจะหมดเดือนกุมภาฯปีหน้าคะ แต่อยากจะไปขอต่ออายุวีซ่าด้วย I-20 DBA คะ
    แต่ก็กลัวว่าจะต่อไม่ผ่าน แล้วจะกลับมาอเมริกาไม่ได้อ่ะคะ เพราะได้ยินคนพูดมาว่า
    ถึงแม้มีวีซ่าเหลืออยู่ แต่ไปขอต่อแล้วไม่ได้ วีซ่าที่เหลือก็ถูกยกเลิกไปด้วย ไม่รู้ว่าจะ
    ทำยังไงดีอ่ะคะ ควรจะเรียนไปก่อนแล้วไปขอใกล้ๆ หรือไปขอได้เลยก่อนวีซ่าหมด 6 เดือน
    ใจนึงก็อยากกลับไปเสี่ยงแต่อีกใจก็กลัวจะกลับมาไม่ได้อ่ะคะ ..
    ขอบคุณมากคะ

    • govisa  On May 21, 2014 at 5:28 am

      น้อง Yim คะ การต่อวีซ่าจะได้หรือไม่่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่น้องจะแจ้งให้สถานทูตทราบนะคะ เช่น ถ้าน้องยังเรียนไม่จบ มีหลักฐานการศึกษาที่กำลังเรียนอยู่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ Transcript ของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่แสดงให้กงสุลเห็นว่า น้องลงทะเบียนเรียนเต็มเวลาแบบนักศึกษาต่างชาติที่ถูกต้อง มีผลสอบว่าผ่าน ยังเหลืออยูอีกกี่หน่วยกิตของหลักสูตรนี้ ถ้าคิดว่าพร้อมจะกลับมาขอวีซ่าช่วง Summer ที่ที่เรียนของน้องปิดเทอมก็กลับมาขอได้ค่ะ น้องอย่า่วิตกกังวลเกินไปค่ะ

      การจะไม่ได้วีซ่ามีได้หลายกรณีเท่าที่เคยทราบมา เช่น น้องคนไทยบางคนเรียนภาษาอยู่ตลอดอายุวีซ่านักเรียน 5 ปี แล้วแอบไปทำงานในร้านอาหารไทย ซึ่งเป็นการผิดกฎของวีซ่านักเรียนที่นักศึกษาจะทำงานได้เฉพาะ on campus และไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ น้องท่านนั้นหากกลับมาขอต่อวีซ่าด้วยการใช้ I-20 ของที่เรียนภาษาอยู่อีกก็ไม่ควรจะได้รับวีซ่าแน่นอนค่ะ เพราะวีซ่านักเรียนมีข้อบังคับว่า ต้องไปเรียนค่ะ

  • Yim  On May 21, 2014 at 5:40 am

    ขอบคุณคะพี่ govisa แต่ปัญหาก็คือ เรียนจบโทแล้วคะ ตอนนี้อยู่ในช่วง OPT 1ปี กำลังจะหมดเดือน 7 นี้คะ แล้วก็เลยอยากจะลงเรียนเอกเลยแล้วเอา I20 ของเอกกลับไทยไปขอต่ออ่ะคะ ไม่อยากรอปีหน้า เพราะปีนี้ที่อยู่ในช่วง OPT ไม่ได้กลับไทยเลยอ่ะคะ แต่ก็กลัวจะเกิดปัญหา แค่อยากจะทราบแน่ชัดว่าถ้าขอต่อไม่ได้ ทางกงสุลจะยกเลิกวีซ่าอันเก่ามั้ยอ่ะคะ คิดไว้ว่าถ้าต่อได้ก็ดี ปีหน้าจะได้ไม่ต้องมาขออีก แต่ถ้าไม่ได้ก็กลับไปพร้อมวีซ่าเก่าแล้วปีหน้าค่อยมาใหม่อ่ะคะ
    ขอบคุณคะ

    • govisa  On May 21, 2014 at 11:28 pm

      ถ้าน้อง Yim มี I-20 ของป.เอกแล้ว น้องสามารถขอต่ออายุวีซ่าที่สถานทูตอเมริกาที่เมืองไทยได้ค่ะ

      แต่สิ่งที่พี่ไม่แน่ใจในสถานการณ์ของน้องคือ หลังจากหมด OPT เดือน 7 และน้องไม่ได้วางแผนสมัครเรียนป.เอกเทอม Fall 2014 ไว้ล่วงหน้า พี่เกรงว่าจะเลยเวลาสมัครไปแล้วค่ะ อีกประการหนึ่ง หากน้องทำ OPT จะมีผลกระทบต่อการหมดอายุวีซ่านักเรียนด้วยไหม ลองคุยกับเจ้าหน้าที่ International Student Office ในมหาวิทยาลัยที่น้องเคยเรียนอยู่ดูนะคะ

      ถ้าอ่านตามเว็บไซต์ของ International Student Office มหาวิทยาลัยต่างๆจะมีแจ้งไว้ทำนองว่า หากน้องจะกลับเข้าไปศึกษาต่อภายหลังสิ้นสุดโครงการ OPT น้องมีเวลาเหลือ 60 วันที่จะ transfer SEVIS กลับไปที่มหาวิทยาลัยที่ตอบรับน้องเข้าศึกษาต่อ และถ้าน้อง transfer SEVIS ก่อนหน้าที่ OPT ของน้องจะหมดอายุจะส่งผลกระทบให้ EAD card ของน้องหมดอายุก่อนหน้าวันหมดอายุที่กำหนดไว้บนบัตร EAD ค่ะ

      พี่ไม่ทราบว่า น้องเรียนที่ไหน พี่ได้ยกตัวอย่างเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยชิคาโกมาให้น้องลองอ่านดู ภายใต้หัวข้อ ” While on OPT “และ ” Transferring Out ” https://internationalaffairs.uchicago.edu/page/opt-optional-practical-training#reporting นะคะ น้องรีบขอคำแนะนำเจ้าหน้า International Student Office ของ U ที่น้องเคยเรียนดูนะคะ ได้ผลเป็นอย่างไร ขอความกรุณาแชร์ข้อมูลให้เป็นวิทยาทานน้องๆท่านอื่นที่กำลังทำ OPT ด้วยนะคะ

  • Aey  On July 8, 2014 at 11:54 am

    สวัสดีค่ะ มีเรื่องรบกวนค่ะ คือสมัครวีซ่าอเมริกา ครั้งแรกค่ะ จะไปกับแม่และน้องสาวเป็นวีซ่าท่องเที่ยวไปประมาณ 10 วันค่ะ แม่เป็นข้าราชการเกษียร น้องสาวเป็นพยาบาลทำงานมาประมาณสี่ปีเงินเดือนประมาณ 20,000 กว่าบาทต่อเดือน ส่วนตัวดิฉัน ทำงานโรงแรม มาประมาณ 5 ปี เงินเดือนประมาณสองหมื่นกว่าบาทมีน้าเขยคนอเมริกา เป็นคนทำหนังสือเชิญ รับรองที่พักและอาหารให้ค่ะ
    1. น้าเขยที่อยู่เค้าอยู่ที่ฟิลาเดเฟีย แต่เราจะไปที่ แคริฟอเนียก่อน (ลูกชายเค้าอยู่ที่นั่นจะแวะไปเยี่ยมก่อน) แล้วจึงไปที่ฟิลาเดเฟีย การกรอกที่อยู่ที่อเมริกาจะต้องกรอกที่ไหนดีคะ
    2. เกี่ยวกับพาสปอร์ต City Where Issued/
    State/Province Where Issued คือเมืองที่ออกพาสปอร์ต ของดิฉันคือขอนแก่น ตอบอย่างนี้ได้มั้ยคะ
    3. Are you traveling as part of a group or organization? ดิฉันใส่ yes คือไปแบบครอบครัว แล้วเวลาไปสัมภาษณ์ จะได้สัมภาษณ์เป็นกลุ่มหรือเดี่ยวคะ

    รบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะคะ

    • govisa  On July 8, 2014 at 9:19 pm

      น้อง Aey คะ น้องบอกสถานะของทุกคนมาว่าใครทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไร แล้วเงินเก็บหรือเงินฝากในธนาคารมีคนละเท่าไรคะ ถ้ามีสักคนละห้าแสนก็คงจะอุ่นใจหน่อยว่ามีฐานะการเงินมั่นคงดีค่ะ
      1. น้าเขยเป็นคนที่เค้ามาเกี่ยวโยงกับเราทางกฎหมาย ตามหลักการไม่ได้มีความผูกพันทางสายเลือด ทำให้พี่ต้องย้อนกลับไปถามถึงเงินในบัญชีธนาคารของน้องที่จะนำไปแสดงกับกงสุลว่าน้องมีเงินที่จะ sponsor ตนเองกันคนละเท่าไร ดูมั่นคงหรือไม่ค่ะ และการกรอกที่อยู่น่าจะบอกไปตามความเป็นจริงว่าแวะเยี่ยมลูกชายที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่…และพาคุณแม่ไปเยี่ยมน้องสาวคุณแม่ซึ่งก็คือคุณน้าของน้องที่ Philadelphia ค่ะ ดังนั้นใส่ที่อยู่ในรัฐ California ก่อนก้ได้ค่ะ พี่ไม่ทราบว่าน้องจะไปอยู่ที่ apartment ลูกชายได้ไหม หรือจะไปเช่าโรงแรมอยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัยที่ลูกเรียนค่ะ
      2. ตอบขอนแก่นได้ค่ะ
      3. ถูกต้องแล้วค่ะ

      • Aey  On July 14, 2014 at 5:22 pm

        สวัสดีค่ะ กรอกเอกสารเสร็จแล้วค่ะ ใส่ confirmation number แล้วค่ะตอนนี้รอจองวันสัมภาษณ์แต่ พอกลับมาเช็กตัว confirm ปรากฎว่า ใส่นามสกุลแม่ผิดค่ะ ยกตัวอย่างนะคะ นามสกุล ของดิฉัน wongsrila และน้องสาวเหมือนกันค่ะ แต่ของแม่ดัน มีตัว r ต่อท้ายค่ะ เห็นแล้วก็โกรธตัวเองที่ไม่ละเอียดพอ พี่พอจะมีคำแนะนำ เพื่อแก้ไขบ้างมั้ยคะ
        ขอบคุณค่ะ

      • govisa  On July 14, 2014 at 8:31 pm

        น้อง Aey คะ แก้ไขได้โดยการกรอก DS-160 ของแม่ใหม่และให้แม่ถือ DS-160 Confirmation Number ทั้งหมายเลขเก่าและหมายเลขใหม่เข้าไป ถ้าเค้าถามก็บอกว่า พิมพ์ r เกินไป 1 ตัวอัการตรงนามสกุลแม่ค่ะ

  • Omi  On July 24, 2014 at 8:10 pm

    อยากทราบว่า เคยจ่ายค่า SEVIS ไปแล้ว และยื่นเรื่องขอวีซ่านักเรียนไปแล้ว แต่โดนปฎิเสธวีซ่า แล้วที่นี้จะยื่นเรื่องอีกรอบ จะต้องจ่ายค่า SEVIS ใหม่อีกหรือเปล่าคะ หรือว่า สามารถใช้ตัวเก่าได้ รบกวรด้วยนะคะ

    • govisa  On July 24, 2014 at 8:26 pm

      น้อง Omi คะ อ่านเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐฯหน้านี้นะคะ http://www.ice.gov/sevis/i901/faq3.htm พี่ได้คัดลอกคำถามและคำตอบบางส่วนของข้อ 3. B.1 คำถาม ” In general, who does not pay the fee? คำตอบคือ ” Applicants who paid the SEVIS I-901 fee, were denied a visa and are applying again for the same type of visa within 12 months of the date of the denial (exchange visitors must applying in the same category as the previous application and the SEVIS I-901 fee amount must be the same or less than the fee originally paid)………”

  • Omi  On July 24, 2014 at 8:37 pm

    ขอถามต่อนะคะว่า แล้วต้องทำการกรอก DS160 ใหม่ไหมคะ หรือว่า สามารถใช้อันเก่าได้คะ ขอบคุณมากเลยคะ สำหรับคำตอบก่อนหน้านี้และขอบคุณสำหรับคำถามนี้ด้วยคะ

    • govisa  On July 24, 2014 at 8:40 pm

      ถ้าน้อง Omi จะยื่นขอวีซ่าใหม่ น้องต้องกรอก DS-160 ใหม่และจ่ายเงิน 5,280 บาทอีกครั้งที่ธนาคารกรุงศรีอยธยาค่ะ

  • ดา  On October 7, 2014 at 11:09 am

    สวัสดีค่ะ มีเรื่องขอรบกวนถามค่ะ คุณแม่จะขอวีซ่าไปงานจบปริญญาหลานที่ USA คนอื่นในคณะมีวีซ่าหมดแล้ว ขาดคุณแม่คนเดียว เราจะเข้าไปเป็นเพื่อนคุณแม่เพื่อขอวีซ่าได้ไหมค่ะ

    • govisa  On October 8, 2014 at 5:21 am

      น้องดาคะ ไม่ได้ค่ะ เพราะสถานทูตอนุญาตให้เฉพาะคนที่ยื่นขอวีซ่าเป็นกลุ่มเข้าไปค่ะ อีกทีที่เห็นเจ้าหน้าที่เค้าจะอนุโลมให้เข้าไปได้คือคุณพ่อคุณแม่คนใดคนหนึ่งที่เข้าไปกับลูกอายุยังไม่ถึง 15 ค่ะ น้องอาจจะฝากให้คนในคิวเวลาช่วงเดียวกันดูบุคลิกคนที่จะฝากหน่อยนะคะ เช่น เป็นวีซ่านักเรียนดูท่าทางใจดีหรือใจเย็นหน่อยให้เค้าช่วยดูๆคุณแม่ให้ แต่คุณแม่ต้องสัมภาษณ์เองซึ่งส่วนใหญ่ถ้ากงสุลเห็นเป็นผู้ใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็จะพูดภาษาไทยด้วยค่ะ

Leave a reply to govisa Cancel reply